Monday, 9 June 2025
NewsFeed

ช่างเชื่อมไทยฮอต!! ตลาดอุตสาหกรรมต่างประเทศ ทุ่มค่าจ้าง มีความต้องการสูง รมว.แรงงาน พิพัฒน์ มอบใบการันตีช่างฝีมือ ป้อนส่งโกอินเตอร์

วันที่ 30 มกราคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานพิธีมอบประกาศนียบัตรให้แก่แรงงานไทยที่ผ่านการฝึกอบรมและทดสอบฝีมือเพื่อคนหางาน พร้อมเยี่ยมชมการฝึกอบรมสาขาช่างเชื่อม ฟลักซ์คอร์ 3 จี ก่อนไปทำงานในอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือ ประเทศเกาหลีใต้ โดยมี นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติในพิธี นายคมสันต์ ญาณวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นางสาวอรัญญา สกุลโกศล ประธานสมาคมนายจ้างส่งเสริมแรงงานไทยนายบรรจง ฉุดพิมาย ที่ปรึกษาสมาคมนายจ้างส่งเสริมแรงงานไทย นายสมชาติ นาคบรรจง ผู้บริหารสถานทดสอบฝีมือแรงงานเคทีซี ลำลูกกาคลอง 4 ผู้ประกอบการภาคเอกชน และหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดปทุมธานี ร่วมให้การต้อนรับ ณ สถานทดสอบฝีมือแรงงาน เคทีซี ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกำ จังหวัดปทุมธานี

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า การเตรียมความพร้อมให้แรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศนั้น ทักษะภาษาอังกฤษนับเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะต้องใช้ในการสื่อสารให้สามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง รวมถึงต้องใช้ติดต่อสื่อสารในการดำรงชีวิตประจำวัน  ดังนั้น ผู้ที่ผ่านการทดสอบทักษะฝีมือเพื่อไปทำงานต่างประเทศต้องได้รับการฝึกทักษะด้านภาษาควบคู่กันไปด้วย  ต้องขอชื่นชมผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม ซึ่งได้ทราบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 120 คน เป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบทักษะฝีมือเพื่อไปทำงานต่างประเทศ ด้านงานเชื่อม รวมถึงผ่านการอบรมในด้านอื่น ๆ เพิ่มเติม อาทิ ผ่านการฝึกอบรมความรู้สัญญาณเครน (Rigger) การฝึกอบรมการขับรถบูมลิฟท์ เอ็กลิฟท์ การติดตั้งนั่งร้านแบบริงล็อค การเคลื่อนย้ายสิ่งของในที่สูง และความปลอดภัยในที่ทำงาน ทำให้เชื่อมั่นว่าผู้ที่ผ่านฝึกอบรมในครั้งนี้มีความรู้ ทักษะ และสามารถไปทำงานในต่างประเทศในฐานะแรงงานฝีมือ มีรายได้เลี้ยงตัวเองและส่งกลับมายังครอบครัว เพื่อนำรายได้เข้าสู่ประเทศต่อไป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวต่อไปว่า สถานทดสอบฝีมือแรงงาน เคทีซี ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกำ จังหวัดปทุมธานี  เป็นสถานทดสอบฝีมือคนหางานเพื่อไปทำงานต่างประเทศ ที่ได้รับอนุญาตให้เป็นสถานทดสอบฝีมือจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยมีหน่วยงานในพื้นที่เป็นผู้อนุญาตคือ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 14 ปทุมธานี ซึ่งสถานทดสอบฝีมือ เคทีซี ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการทดสอบฝีมือคนหางาน ใน 4 สาขา ได้แก่ 1. สาขาช่างเชื่อม มีทั้ง ช่างเชื่อมไฟฟ้า ช่างเชื่อมประกอบโครงสร้าง ช่างประกอบท่อ ช่างเชื่อมเอ็กซเรย์ ช่างเชื่อมก๊าซ ช่างตัดโลหะ ช่างทำท่อส่งลมและโลหะแผ่นบาง และช่างหุ้มฉนวน 2. สาขาช่างไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย ช่างไฟฟ้าอาคาร ช่างไฟฟ้าโรงงานหรือช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรม และช่างทำความเย็นและปรับอากาศ 3. สาขาช่างยนต์ ประกอบด้วย ช่างเครื่องยนต์เบนซิน ช่างสีรถยนต์ พนักงานขับรถยนต์ และพนักงานควบคุมเครื่องจักรกลหนัก 4. สาขาช่างก่อสร้าง ประกอบด้วย ช่างเหล็กเสริมคอนกรีต ช่างไม้แบบ ช่างประปา (สุขภัณฑ์/เดินท่อ/ประกอบท่อ) ช่างปูกระเบื้อง ช่างฉาบปูน ช่างก่ออิฐ ช่างสีอาคาร ช่างประกอบนั่งร้าน และพนักงานให้สัญญาณเครน ซึ่งการทดสอบฝีมือดังกล่าวจะทำตามแบบที่นายจ้างกำหนด     

“ขอขอบคุณสมาคมนายจ้างส่งเสริมแรงงานไทย และคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมด้านศักยภาพของแรงานไทยเพื่อไปทำงานในต่างประเทศและผู้เกี่ยวข้องที่ทำให้แรงงานไทยได้มีโอกาสไปทำงานในต่างประเทศ ช่วยให้มีงานทำ และมีรายได้กลับเข้าประเทศไทยด้วย” รมว.พิพัฒน์ กล่าว
    
ด้าน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานได้ร่วมกับสมาคมนายจ้างส่งเสริมแรงงานไทย จัดตั้งสถานทดสอบฝีมือแรงงาน เคทีซี ซึ่งที่นี้เป็นทั้งศูนย์ฝึกอบรมและศูนย์ทดสอบฝีมือแรงงานอีกด้วย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมการจัดหางาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในการพัฒนาศักยภาพของแรงงานก่อนจัดแรงงานไทยออกไปทำงานในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันสาขาช่างเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานอุตสาหกรรมในต่างประเทศ ซึ่งยังต้องการแรงงานรุ่นใหม่เป็นจำนวนมากกระทรวงแรงงานจึงได้ร่วมมือกับภาคเอกชนในการให้แรงงานเหล่านี้ได้มา Up skill ให้สอดคล้องกับความต้องการของนายจ้าง เพื่อให้ได้รับค่าจ้างที่สูงขึ้น โดยเฉพาะ เกาหลีใต้ และอีกหลายประเทศ ค่าจ้างเริ่มต้น 50,000 บาท ไปจนถึงหลักแสนบาทต่อเดือน

นางสาวอรัญญา สกุลโกศล ประธานสมาคมนายจ้างส่งเสริมแรงงานไทย กล่าวขอขอบคุณนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารที่ได้มาเยี่ยมชมศูนย์ทดสอบอบรมฝีมือ เคทีซี ลำลูกกา ซึ่งจะได้เห็นว่าภาคเอกชนมีการเตรียมความพร้อมแรงงานไทยที่จะไปทำงานต่างประเทศในระดับสูง เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก โดยแรงงานไทยเป็นแรงงานที่มีฝีมือ พร้อมที่จะไปทำงานต่างประเทศ โดยขอให้กระทรวงแรงงาน และทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือสนับสนุนภาคเอกชน ในนามสมาคมยินดีจะทำงานร่วมกับกระทรวงแรงงาน และรัฐบาล เพื่อจะไปเปิดตลาดแรงงานไทยในต่างประเทศทั่วโลก โดยปัจจุบันมีแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศกว่าแสนคน และส่งเงินกลับมาในประเทศไทยกว่า 200,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผู้สนใจเข้าฝึกอบรมหรือทดสอบมาตรฐานฝีมือสามารถติดต่อที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้ ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารการฝึกอบรมหรือทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานได้ที่ www.dsd.go.th เลือก สมัครฝึกอบรม หรือสมัครทดสอบมาตรฐานฝีมือ ทั้งนี้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' วิเคราะห์!! สหรัฐฯ ผงกำลังเข้าตา หลัง 'รัสเซีย-จีน' พร้อมรับรอง 'เท็กซัส' เป็นประเทศ

(31 ม.ค.67) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และอดีตเลขานุการรมว.ต่างประเทศ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เรื่อง ผงเข้าตา มีเนื้อหาดังนี้

สหรัฐเคยแต่สนับสนุนให้แยกประเทศ เวลานี้ ผงกำลังเข้าตาตนเอง รัฐเท็กซัสกำลังเผชิญหน้ารัฐบาลกลาง ไม่รับคำสั่งจากไบเดนให้เปิดพรมแดน อ้าแขนรับผู้อพยพจากเม็กซิโก เท็กซัสอ้างว่าผู้อพยพเข้ามามากไปแล้ว พร้อมเผชิญหน้ากำลังจากรัฐบาลกลาง แถมมีอีกหลายรัฐสนับสนุนเท็กซัส

ซ้ำร้ายทั้งรัสเซียและจีนพร้อมรับรองเท็กซัส ให้เป็นประเทศเกิดใหม่ รัสเซียแซวเมกา ว่า ไบเดนควรให้การยอมรับ การแยกตัวของเท็กซัส เหมือนที่เคยทำกับประเทศอื่น

เรื่องจะจบลงอย่างไรยังไม่ชัดเจน แต่เท็กซัสเคยขู่แยกตัวมาหลายปีแล้ว เท็กซัสมีจีดีพีใหญ่เป็นอันดับสองของเมกา หากเกิดเหตุจริง เมกาถึงทรุด ไบเดนต้องดึงเรื่องให้ผ่านการเลือกตั้ง ไม่เปิดศึกในประเทศขึ้นอีก แค่ศึกยูเครน กาซา และทะเลแดง ชื่อเสียงเงินทองก็หมดไปมากแล้ว หากไบเดนไม่ได้รับเลือกตั้งรอบใหม่ปัญหาจะถาโถมเข้าใส่มากมาย ใครก็ได้ช่วยที

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยผู้ประสบอุทกภัย จัดงบกว่า 6.6 ล้านบาท ลงพื้นที่ฟื้นฟูหลังน้ำลด แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค มอบเงินช่วยเหลือกรณีบ้านพังทั้งหลัง และช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิต 5 จังหวัดภาคใต้

ระหว่างวันที่ 25 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการฯ ห่วงใยผู้ประสบอุทัยภัยภาคใต้ มอบหมายให้ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วยนางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และนายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นำทีมฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ฝ่ายปฏิบัติการ ฝ่ายบัญชีและการเงิน ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย 5 จังหวัดภาคใต้ ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลด ประกอบด้วย จังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี ยะลา และจังหวัดนราธิวาส ประกอบด้วย แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมัน และน้ำปลา รวมจำนวน 9,000 ชุด ๆ ละ 450 บาท มอบเงินสงเคราะห์กรณีบ้านพังเสียหายทั้งหลัง หลังละ 10,000 บาท ประมาณ 217 หลังคาเรือน มอบเงินสงเคราะห์ค่าฌาปนกิจให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต รายละ 20,000 บาท ประมาณ 22 ราย รวมงบประมาณไม่ต่ำว่า 6.6 ล้านบาท โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งมูลนิธิสงเคราะห์ 14 จังหวัดภาคใต้ และ สมาคม/มูลนิธิแต่ละจังหวัด เป็นผู้ประสานงานและร่วมให้ความช่วยเหลือ

โดยวานนี้ (วันอังคารที่ 30 มกราคม 2567) นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วยนางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และนายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือแก่ชาวอำเภอเมือง และอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส มอบเงินค่าฌาปนกิจศพให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย รวมจำนวน 13 ราย มอบเงินช่วยเหลือกรณีบ้านพังเสียหายทั้งหลังจากเหตุอุทกภัย รวมจำนวน 127 ราย และมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย โดยมี นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิสงเคราะห์ผู้ประสบภัย 14 จังหวัดภาคใต้ พร้อมด้วย มูลนิธิเมตตาธรรมนราธิวาส จ.นราธิวาส เป็นผู้ประสานงานและร่วมให้ความช่วยเหลือ 

ตลอดระยะเวลา 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้รวมถึงการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย และพัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

# มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

'คอมมานโดอิสราเอล' ปลอมตัวเป็น 'หมอ' บุกจู่โจม รพ.ปาเลสไตน์ สังหาร 'ฮามาส'

(31 ม.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่ากองทัพอิสราเอลออกแถลงการณ์ ว่าเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ หรือ หน่วยคอมมานโด แต่งกายเป็นบุคลากรการแพทย์บุกโรงพยาบาลอิบนุ ซินา ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองเจนิน ในเขตเวสต์แบงก์เพื่อทลายรังก่อการร้ายของกลุ่มฮามาส

กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ออกแถลงการณ์ว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย ในเหตุการณ์ดังกล่าว และประณามปฏิบัติการของทหารอิสราเอล เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง โดยถือเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

ด้านนพ.นาจิ นาสซาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอิบนุ ซินา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของอิสราเอลมีทั้งชายและหญิง ใช้อาวุธปืนเก็บเสียงสังหารเป้าหมายอย่างเจาะจง ซึ่งเจ้าหน้าที่ของอิสราเอลใช้เวลาอยู่ภายในโรงพยาบาลประมาณ 10 นาทีเท่านั้น

ย้อนฟัง ’สนธิ‘ ชำแหละ!! ‘กระบวนการล้มเจ้า’ 11 ปีก่อน ชี้!! ต้นเหตุเกิดจากคนนอกประเทศ หนุนคนไทยให้ล้มชาติ

ย้อนกลับไปเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ เคยออกมาพูดเกี่ยวกับ ‘กระบวนการล้มเจ้า’ ที่ไม่ได้เกิดจากคนไทยด้วยกันเอง แต่เป็นกระบวนการจากต่างประเทศที่เข้ามาแทรกแซงและหนุนหลังอยู่ โดยระบุว่า…

สถาบันกษัตริย์และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถูกกัดกร่อนไปเรื่อยๆ ด้วยวิธีใต้ดิน บนดิน วิชามาร หรือวิธีที่โสมม ซึ่งตัวตนที่แท้จริงของกระบวนการที่จะล้มพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ที่นําโดยเด็กรุ่นหลังได้ทุนไปเรียนต่างประเทศ พร้อมทั้งคณะครูบาอาจารย์นักเขียนร้อยกว่าคน ซึ่งทําไมมันถึงมีกระบวนการเช่นนี้ แล้วทําไมถึงไม่มีใครทำอะไรกับมัน? โดยทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองไทยด้วยคนไทย แต่ทั้งหมดเกิดขึ้นจากกระบวนการในต่างประเทศเข้ามาสู่คนไทยที่ต้องการจะขายและล้มชาติบ้านเมือง 

ทั้งนี้ การที่อเมริกาประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าจะกลับมาที่เอเชียแปซิฟิก และจะอยู่ที่นี่อย่างถาวร จะอยู่อย่างมั่นคง หรือถ้าแปลอย่างนักเลงก็คือ…จะเข้ามาปล้นความมั่งคั่งพื้นภูมิภาคนี้อย่างแน่นอน 

ซึ่งภาพรวมของทั้งหมด…จีนก็ยังเป็นอะไรบางอย่างที่คอยเป็นหนามยอกอกของอเมริกาอยู่ โดยอเมริกาไม่ต้องการคบจีนอย่างเท่าเทียม ซ้ำยังต้องการมีอํานาจเหนือจีน ในขณะที่จีนก็ไม่ยอม เพราะก็ถือว่านี่คือขอบขัณฑสีมาของตนที่มีอิทธิพลเช่นกัน…

…อเมริกาจับมือกับอินเดียเรียบร้อยแล้ว ขณะที่จีนก็จับมือปากีสถาน ซึ่งอเมริกาก็เริ่มแทรกแซงเข้าไปในปากีสถานเพื่อแย่งออกมาจากจีน เพราะฉะนั้นแล้วถ้าอเมริกาได้อินเดีย ปากีสถาน เวียดนาม เขมร ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย…เท่ากับว่าอเมริกาได้ปิดล้อมจีนไว้หมดเลย

เทียบโฉม 10 ปี ‘อาคารผู้โดยสารสนามบินนานาชาติขอนแก่น’ ปรับปรุงหลังคา-ป้ายสัญลักษณ์ชัดเจน สมเป็นหน้าตาของประเทศ

(31 ม.ค. 67) เพจ โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับอาคารผู้โดยสารนานาชาติขอนแก่น ที่ปรับปรุงแล้วเสร็จและพร้อมให้ใช้บริการ โดยระบุว่า…

“อาคารผู้โดยสารนานาชาติขอนแก่น เปิดให้บริการเต็มที่แล้ว

เปรียบเทียบสภาพหลังผ่านมา 10 ปี เปลี่ยนจนจำไม่ได้!!! เป็นหนึ่งในสนามบินที่ดีที่สุดในไทย (ความเห็นส่วนตัว)

วันนี้ผมมาทำงาน ที่ขอนแก่น เลยขอเอาภาพบรรยากาศอาคารผู้โดยสารของสนามบินขอนแก่น หลังเปิดให้บริการเต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการ 

ผมเลยเอาภาพอาคารผู้โดยสารเดิม ที่ผมเคยถ่ายไว้ 10 ปีที่แล้ว มาเปรียบเทียบ เปลี่ยนไปจนจำไม่ได้เลย 

ซึ่งสนามบินขอนแก่น เป็นสนามบินเดียวของ กรมท่าอากาศยาน : Department of Airports ที่มีการก่อสร้างอาคารส่วนต่อขยาย มารวมกับการปรับปรุงอาคารเดิม ซึ่งใช้โครงสร้างเดิมอาคารเดิม แต่รื้อหลังคาเพื่อให้สร้างมาเชื่อมกับอาคารใหม่ จนเป็นเนื้อเดียวกัน

โดยหลังจากการปรับปรุงมีการยกระดับให้เป็นสนามบินนานาชาติ พร้อมแยกโซนนานาชาติ

สิ่งที่เห็นมาแต่ไกล และเป็น Signature ของสนามบินขอนแก่น คือป้ายภายในสนามบิน ที่ใช้สีเหลือง และสัญลักษณ์ชัดเจนม๊ากกก

เป็นอีกหนึ่งสนามบินที่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศไทยได้เลย!!!

ส่วนตัวผม ยกให้สนามบินขอนแก่นเป็นหนึ่งในสนามบินที่ดีที่สุดในไทย เลย!!!”

‘ถึงแก่น LIVE’ สู่ทีวีดาวเทียม TVD TALK PSI ช่อง 74 ดีเดย์!! 1 กุมภาพันธ์ 67 จันทร์ - ศุกร์ เวลา 7.00 - 9.00 น.

(31 ม.ค.67) นายปรเมษฐ์ ภู่โต (ก๊อง) คนข่าวคุณภาพ อดีตผู้ดำเนินรายการ ‘คุยถึงแก่น’ หลังเดินหน้าลุยสื่อออนไลน์เต็มสูบ ผุดช่องใหม่ ‘ถึงแก่น Live’ ชูคอนเซ็ปต์ ‘สื่อเพื่อประชาชน ทุกคนเป็นเจ้าของ’ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Gong Paramet ‘Bhuto โดยระบุว่า…

ดูรายการ ‘ถึงแก่น LIVE’ ทางทีวีได้แล้วนะครับ จาน PSI ช่อง 74 (TVD TALK) เริ่มวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 67 เป็นต้นไป ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ 07.00 -09.00 น.

ขอบคุณมิตรสหายทุกคน ที่ช่วยกันอย่างเต็มที่หลายคนเพิ่งรู้จักกันไม่นาน แต่ออกแรงช่วย
เหมือนเป็นธุระของตัวเอง

'รมว.ปุ้ย' แจ้งข่าวดี!! 'รัสเซีย' ขยายความร่วมมืออุตสาหกรรมไทย ยกระดับมาตรฐาน 'ส่งออก-นำเข้าสินค้า' ระหว่างไทย–รัสเซีย

(31 ม.ค.67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้พบหารือกับนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ที่ประเทศจีน เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา รัสเซียได้ให้ความสำคัญกับประเทศไทยในฐานะมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์ยาวนาน โดยรัสเซียต้องการขยายความร่วมมือกับประเทศไทยในด้านต่างๆ ทั้งพลังงาน การเงิน เทคโนโลยีดิจิทัล เคมีภัณฑ์ และการเกษตร 

สำหรับความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของรัสเซีย เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมระหว่างกันในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมโดยเฉพาะผู้ประกอบการ Start Up และ SMEs อำนวยความสะดวกและสนับสนุนข้อมูลเพื่อส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ของไทย กับเขตประกอบการ Far East ของรัสเซีย ส่งเสริมให้เกิดการประชุม สัมมนา ระหว่างภาคธุรกิจไทยกับรัสเซีย แลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ และร่วมถ่ายทอดเทคโนโลยีระดับสูงตามความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแต่ละฝ่าย จัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน (Working Group) เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้ MoU ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ล่าสุดคณะผู้แทนการค้าแห่งสหพันธรัฐรัสเซียประจำราชอาณาจักรไทย (The Trade Representation of the Russian Federation in the Kingdom of Thailand) ได้เข้าหารือกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อรับทราบข้อมูล มาตรฐาน และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการนำสินค้าที่ สมอ. ควบคุมเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 144 รายการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชาชน โดยรัสเซียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 37 ของไทย และอันดับที่ 1 ในสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (รัสเซีย, คาซัคสถาน, เบลารุส, อาร์เมเนีย และคีร์กีซสถาน) มีการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ มากเป็นอันดับ 1 มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ร้อยละ 30 - 40 รองลงมาเป็นผลิตภัณฑ์ยาง สินค้าเกษตรและอาหาร แผงสวิตช์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า รวมทั้งสินค้าสุขอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดต่อ เช่น ถุงมือยางและถุงยางอนามัย เป็นต้น 

ทั้งนี้ ในปี 2566 ประเทศไทยกับรัสเซียมีมูลค่าการค้ารวม 53,441.29 ล้านบาท โดยไทยส่งออกสินค้าไปรัสเซียมีมูลค่า 29,227.50 ล้านบาท และนำเข้าสินค้าจากรัสเซียมีมูลค่า 24,213.79 ล้านบาท มีดุลการค้าระหว่างประเทศเกินดุลอยู่ที่ 5,013.72 ล้านบาท

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะผู้แทนการค้าแห่งสหพันธรัฐรัสเซียประจำราชอาณาจักรไทย มีหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกและสนับสนุนข้อมูลทางเศรษฐกิจไทย-รัสเซีย และกิจกรรมความร่วมมือด้านมาตรฐานระหว่างประเทศ รวมถึงสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการของรัสเซีย ส่งออกและนำเข้าสินค้าระหว่างไทย - รัสเซีย ได้เข้าหารือกับ สมอ. เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับมาตรฐาน และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย

โดยเฉพาะสินค้าที่ สมอ. ควบคุม อาทิ สินค้ากลุ่มเหล็ก ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง เครื่องดับเพลิง ของเล่น และหมวกกันน็อก เป็นต้น โดยรัสเซียให้ความสนใจในการนำผลิตภัณฑ์เหล็กเข้ามาจำหน่ายในราชอาณาจักรไทย รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ เป็นต้น 

การประชุมหารือในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง สมอ. กับคณะผู้แทนการค้าแห่งสหพันธรัฐรัสเซียประจำราชอาณาจักรไทย ในการเผยแพร่ข้อมูลมาตรฐานของ สมอ. รวมถึงการส่งเสริมการค้าระหว่างไทยกับรัสเซีย เพื่อขยายความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนภายใต้กรอบความร่วมมือและข้อตกลงการค้าเสรีในระบบพหุภาคีและทวิภาคี โดยเร่งรัดการใช้ประโยชน์จากความตกลงที่มีผลบังคับใช้แล้ว รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมในการพัฒนาสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับกฎระเบียบและมาตรฐานต่างๆ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าการนำเข้าให้แก่ประเทศไทยได้อีกทางหนึ่งด้วย 

‘สาวญี่ปุ่น’ ได้รับจดหมายจากคุณแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว  ส่งมาบอกรัก-ให้กำลังใจในวันเกิดทุกปี ตลอด 15 ปี

(31 ม.ค.67) ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกชื่อ japansansan หรือ ญี่ปุ่นๆสั้นกับพิชา ได้เผยแพร่วิดีโอเกี่ยวกับเรื่องราวของหญิงสาวชาวญี่ปุ่นชื่อ ‘รินะ’ ที่ได้รับจดหมายจากคุณแม่ที่จากไปแล้วทุกๆ ปี จนกระทั่งอายุครบ 20 ปี โดยระบุว่า…

คุณแม่ของรินะ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตอนที่รินะเพิ่งอายุ 5 ขวบ ส่วนคุณพ่อก็ได้หย้าร้างกับคุณแม่ไปแล้ว ทำให้รินะต้องไปอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ในเวลาต่อมารินะได้รับอุปถัมภ์เลี้ยงดูจากครัวครอบหนึ่ง จนกระทั่งเมื่ออายุ 6 ขวบ รินะได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากคุณแม่ที่เสียไปแล้ว จดหมายฉบับนี้ส่งมาสุขสันต์วันเกิด และบอกรักรินะ “แม่รักรินนะตลอดไป และจะเฝ้ามองรินะจากบนฟ้าตลอดไปเลย”

หลังจากนั้นรินะก็ได้รับจดหมายจากคุณแม่มาตลอดทุกปี ราวกับว่าคุณแม่กำลังเฝ้ามองและให้กำลังใจเธออยู่ตลอด 

รินะมารู้ความจริงในภายหลังว่า คุณแม่ของเธอเขียนจดหมายเตรียมไว้ 15 ฉบับ และฝากให้ทนายส่งให้รินะจนอายุครบ 20 ปี โดยในจดหมายแต่ละฉบับจะมีตัวอักษรเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้นของรินะ ซึ่งจะมีตัวอักษรในบางฉบับที่เลือนลาง เลอะเทอะ ก็เพราะเปื้อนน้ำตาของคุณแม่

เมื่อเดือนธันวาคม 2023 ที่ผ่านมา รินะมีอายุครบ 20 ปี เธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย และเตรียมเป็นเจ้าหน้าที่สวัสดิการเด็ก และเธอก็ได้รับจดหมายฉบับสุดท้ายจากคุณแม่ โดยในจดหมายฉบับสุดท้ายนี้ คุณแม่ได้เขียนข้อความถึงเธอว่า “แม่คิดว่ารินะมีจิตใจที่เข็มแข็ง แม่เชื่ออย่างนั้น แม่รักลูกสุดหัวใจ แม่เฝ้าดูลูกจากบนสวรรค์เสมอ”

เรื่องราวของรินะและคุณแม่ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เรียกน้ำตาแห่งความซาบซึ้งจากผู้คนที่ได้รับรู้ และเป็นเครื่องยืนยันอย่างดีว่าความรักของแม่ช่างยิ่งใหญ่ แม้จะลาจากกันแบบไม่มีวันหวนกลับมา แต่ความเป็นแม่ก็ยังอยู่เคียงข้างลูกสาวในทุกช่วงวัย คอยปลอบประโลม ให้กำลังใจ จนกระทั่งลูกเติบโต และพร้อมใช้ชีวิตเองได้บนโลกที่แสนกว้างใหญ่ใบนี้

'Aescode' เปิดตัวซิลิโคนจมูกกึ่งสำเร็จรูปเกรดการแพทย์ เจาะตลาดคลินิกเชนใหญ่ และรพ.ศัลยกรรมชั้นนำ

'Aescode' เปิดตัวซิลิโคนกึ่งสำเร็จรูปชนิดฝังในร่างกาย เดินหน้าบุกตลาดซิลิโคนสำหรับตกแต่งใบหน้าครบวงจร อาทิ จมูก หน้าผาก และคาง เน้นเจาะตลาดคลินิกเชนใหญ่และโรงพยาบาลศัลยกรรมชั้นนำ ประเดิมส่งซิลิโคนทรงยอดนิยม ยกระดับวงการแพทย์ ด้วยการใช้ซิลิโคน Implant Grade ผ่าน อย. และมาตรฐานการผลิตเครื่องมือแพทย์ระดับสากล ISO 13485 ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดในไทย 30% ภายในปี 2568

ดร.พญ.ณัฐฐาภณิตา รพีพงษ์พัฒนา  ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสธิลิส โค้ด จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจออกแบบ นำเข้า และจัดจำหน่ายวัสดุทางการแพทย์สำหรับฝังในร่างกายแบบครบวงจร ผ่านแนวคิด 'The New Revolution of Aesthetic Implant' เปิดเผยว่า บริษัทเปิดตัวซิลิโคนกึ่งสำเร็จรูปชุดแรกเป็นซิลิโคนเสริมจมูก คาง และหน้าผาก ภายใต้เครื่องหมายการค้า 'Aescode' โดยเป็นซิลิโคนผ่านการจดสิทธิบัตรการออกแบบเฉพาะ และรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อยกระดับวงการอุตสาหกรรมการแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพ     

โดยการทำศัลยกรรมตกแต่งชนิดที่มีการผ่าตัดเสริมด้วยวัสดุชนิดซิลิโคน ยังคงเป็นมาตรฐานสากลที่มีในตำราแพทย์มาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความต้องการปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มโครงสร้างรูปหน้า อาทิ เสริมจมูก เสริมหน้าผาก เสริมคาง อีกทั้งภาพรวมตลาดศัลยกรรมในไทยยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ทางบริษัทเล็งเห็นโอกาสและความต้องการของคลินิก โรงพยาบาล และอุตสาหกรรมความงาม บริษัทจึงได้ออกแบบ คิดค้น และร่วมวิจัยพัฒนานวัตกรรมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท สกินมิเร่ ประเทศเกาหลีใต้ โดยใช้วัตถุดิบชนิด Implant Grade ผลิตจากมาตรฐานโรงงานผลิตเครื่องมือแพทย์ระดับสากล ISO 13485 

จากการประเมินตลาดอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ปี 2566-2568 ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ระบุว่า ตลาดเครื่องมือแพทย์ของไทยมีมูลค่าสูงถึง 2.9 หมื่นล้านบาท เติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 5.5-7.0% ต่อปี ส่วนตลาดวัสดุทางการแพทย์ชนิดฝังในร่างกาย (Implant) มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ระดับ 5,000 - 6,000 ล้านบาทต่อปี ด้วยปัจจัยหนุนของการขยายตัวของอุตสาหกรรมความงาม 

อีกทั้งตลาดซิลิโคนเสริมจมูกในเมืองไทยเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และซิลิโคนเป็น Supply Chain หลักของการทำศัลยกรรมทุกชนิด ถือว่ามียอดการใช้เติบโตสูงขึ้น โดยมีการใช้ในคลินิกมากกว่า 3,000 แห่งทั่วประเทศ เฉพาะซิลิโคนจมูกมีการใช้ในประเทศไทยราว 50,000 ชิ้นต่อเดือน ซึ่งบริษัทตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ระดับ 30% จากการใช้ของตลาด 

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปี 2567 บริษัทวางแผนทำการตลาดเชิงรุก โดยตั้งเป้าหมายยอดขายปีแรกอยู่ที่ประมาณ 150 ล้านบาท บริษัทเริ่มทำตลาดแนะนำผลิตภัณฑ์วัสดุทางการแพทย์ประเภทซิลิโคนกึ่งสำเร็จรูปสำหรับฝังในร่างกายแบบครบวงจร 'Aescode' กับกลุ่มแพทย์ในกลุ่มเชนคลินิกใหญ่ และโรงพยาบาลศัลยกรรมชั้นนำ อีกทั้งช่วงไตรมาส 2/2567 บริษัทเตรียมวางแผนเปิดตัวซิลิโคนรุ่น 'Only You' เป็นซิลิโคนเฉพาะบุคคล ผลิตโดยใช้  AI นวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงทางการแพทย์ร่วมกับ 3D Printing และยังคงมีแผนงานเพิ่มผลิตภัณฑ์ สำหรับช่วยยกกระชับใบหน้าในอนาคตอีกด้วย 

นางสาวโกสินทร์ มหาคีตะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท เอสธิลิส โค้ด จำกัด  กล่าวว่า ปี 2567 เป็นปีแรกที่ Aescode เริ่มทำตลาดซิลิโคนบนใบหน้าระดับพรีเมียมอย่างจริงจัง จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจมานานกว่า 15 ปี และถือเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสําเร็จของแพทย์ จากการจัดอบรมเพิ่มทักษะด้านศัลยกรรมความงามสำหรับแพทย์ ซึ่งการเข้ามาทำตลาดซิลิโคนในครั้งนี้เป้าหมายไม่ใช่การแข่งขันเพื่อแย่งชิงยอดขายในตลาดเท่านั้น แต่ต้องการสร้างทางเลือกใหม่ พร้อมยกระดับวงการศัลยกรรม ปกป้องทั้งแพทย์ผู้ใช้งานและผู้รับการบริการ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมการผลิตได้มาตรฐาน และมีประสิทธิภาพใช้งานสูง เหมาะกับคนไทยและคนเอเชีย

ปัจจุบัน บริษัทเน้นเจาะฐานลูกค้ากลุ่มคลินิกเชนใหญ่และโรงพยาบาลศัลยกรรมที่มีจำนวนสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีฐานลูกค้าที่สำคัญและไว้ใจเลือกใช้ซิลิโคนแท้ ผ่าน อย. ของ Aescode  อาทิ Korawin Clinic (กรวิน คลินิก), Ronnapee Clinic (รณภีร์ คลินิก), ALCC Clinic, ECE Clinic และโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช เป็นต้น  

นอกจากนี้ บริษัทมีนโยบายเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย คัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงด้วยเนื้อซิลิโคน ชนิด Implant Grade ที่มีค่าวัดระดับความแข็งอยู่ที่ 50 Duro ซึ่งถือเป็นค่าความแข็งซิลิโคนที่เหมาะสมกับโครงหน้าของคนเอเชียและคนไทยทั้งหมด ประกอบกับมีอายุการใช้งานยาวนาน ไม่มีสารก่อมะเร็ง ไม่มีสารโลหะหนักที่ฝังในร่างกาย ด้วยการผลิตในโรงงานที่ได้รับมาตรฐาน ISO 13485  

สำหรับแนวทางการตลาดในปี 2567 บริษัทเน้นการสื่อสารให้แบรนด์ Aescode เป็นที่เชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภค พร้อมทั้งสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้ซิลิโคนที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพการใช้งานสูงเพื่อการยกระดับวงการแพทย์ในการเลือกใช้ซิลิโคนที่มีมาตรฐานความปลอดภัย ผ่านการรับรองจาก อย. โดยนำร่องส่งผลิตภัณฑ์ซิลิโคนกึ่งสำเร็จรูป บนใบหน้า จมูก คาง หน้าผากออกสู่ตลาด พร้อมผสมผสานความเป็นอาร์ติสต์ของแพทย์ในการออกแบบผ่าน Concept of Silicone Carving คือ คอนเซ็ปต์ของการเหลาซิลิโคน หลังจากการเทรนนิ่งให้เหมาะกับคนไข้แต่ละบุคคล  

พร้อมกันนี้ บริษัทเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Aescode ว่าได้รับของแท้แน่นอน ด้วยบรรจุภัณฑ์ที่ซีลฟิล์มใสทั่วกล่อง และมีสติกเกอร์โฮโลแกรมสำหรับสแกนจากมือถือ เมื่อเปิดใช้ครั้งแรก และแจ้งเตือนหากมีการนำกล่องกลับไปใช้ใหม่ให้กับลูกค้า หมดความกังวลในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยซิลิโคนที่มี อย. ซึ่งบริษัทได้ทำระบบ S-verified สามารถสแกนกล่องระบบโฮโลแกรม และแสดงผลให้กับลูกค้าคลินิกได้ว่า คุณใช้ของแท้ โดยจะมี SMS ตอบกลับไปยังมือถือของลูกค้าเสมอว่าได้เปิดกล่องใช้ซิลิโคนแล้ว ซึ่งระบบโฮโลแกรมดังกล่าวจะไม่สามารถสแกนซ้ำได้อีก เพราะจะมี SMS แจ้งเตือนลูกค้าคนที่มีซิลิโคนอยู่ในตัว จึงมั่นใจได้ว่า Aescode 1 กล่อง มีท่านเป็นเจ้าของคนเดียวตลอดชีวิต  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top