Monday, 9 June 2025
NewsFeed

'คนการบินไทย' เผย!! ผู้โดยสารจงมั่นใจทุกการตัดสินใจของกัปตัน ดีใจ!! ผู้กล่าวตำหนิ 'เข้าใจ' และกล้าออกมาแสดงความรับผิดชอบ

(30 ม.ค.67) จากเฟซบุ๊ก 'Sanong Mingcharoen' โดย กัปตันสนอง มิ่งเจริญ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีการตำหนินักบินและสายการบินจากผู้ใช้บริการที่เป็นนักธุรกิจหนุ่มรายหนึ่ง ซึ่งล่าสุดออกมาขอโทษแล้ว ว่า...

เมื่อวาน ได้อ่าน Post ก็รู้สึกไม่สบายใจ ที่ผู้เขียนขาดความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการบินอย่างมาก 

แต่ส่วนตัวมั่นใจว่า กัปตันตัดสินใจได้เป็นอย่างดี และจากข้อมูลใน Post ของพี่ๆ น้องๆ นักบินที่เขียนถึงหลักคิด และวิธีตัดสินใจเมื่อต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่มีทัศนวิสัยต่ำจนลงสนามไม่ได้ น่าจะทำให้ผู้โดยสารและสาธารณชนรับทราบข้อมูลอีกด้านที่ถูกต้อง

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=7050685725014030&id=100002180183571&mibextid=Nif5oz 

ดีใจที่กล้าออกมาแสดงความรับผิดชอบครับ เชื่อว่า จะเป็นบทเรียนสำคัญในการใช้สื่อ Social ของผู้เขียน หวังว่า ทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี มีการเข้าไปขอโทษตามที่แจ้งครับ

‘วราวุธ’ เผย ได้มอบเงินเยียวยาเหตุ รง.พลุระเบิดแล้ว 7 ลบ. พร้อมส่งจิตวิทยาตามประกบครอบครัวเหยื่อตลอด 24 ชั่วโมง

(30 ม.ค. 67) ที่ทําเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีโรงงานพลุระเบิดที่ จ.สุพรรณบุรี ว่า เรื่องนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.การเยียวยาด้านปัจจัย ซึ่งในเรื่องงบประมาณนั้น ทาง พม.ร่วมกับหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน มอบเงินไปทั้งสิ้นเกือบ 7 ล้านบาท ให้กับทุกครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ โดยในส่วนของ พม.นั้นได้มอบเงินเกือบ 6 แสนบาทสำหรับการเยียวยาให้ผู้สูญเสียและซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และในวันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการฌาปนกิจชิ้นส่วนของผู้เสียชีวิต และมอบเงินช่วยเหลืองวดสุดท้าย

2.การเยียวยาด้านจิตใจ ซึ่งทาง พม.ได้ส่งทีมนักสังคมสงเคราะห์และนักจิตวิทยา ไปพูดคุยกับทุกครอบครัวอยู่ตลอด โดยตอนนี้มี 3 ครอบครัวที่ยังน่าเป็นห่วง เช่นครอบครัวของลูกชายเจ้าของโรงงาน ซึ่งประสบเหตุการณ์มาตั้งแต่ครั้งที่แล้ว และมีความคิดต่างๆ โดยเจ้าหน้าที่นักจิตวิทยาต้องประกบตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีขึ้น แต่อีกครอบครัวหนึ่ง ยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสีย นักจิตวิทยาก็ติดตามอย่างใกล้ชิด เชื่อว่าสภาพจิตใจจะดีขึ้นตามลำดับ โดยจะดูแลไปอีกพักใหญ่

‘พีระพันธุ์’ ย้อนอดีต!! ปรับเกณฑ์ ‘กองทุนยุติธรรม’ ปลดทุกข์ 898 ครอบครัว หลังยุคหนึ่งคนทำมาหากินถูกโกงหนัก ต้อง 'ขึ้นศาล-จ้างทนาย' จนหมดตัว

(30 ม.ค.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เล่าเหตุการณ์ในอดีต หลังตนหยิบยก ‘กองทุนยุติธรรม’ ขึ้นมาปรับนโยบายและหลักเกณฑ์ใหม่ เพื่อเดินหน้าช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนจากการฟ้องร้องคดีความ โดยระบุว่า…

มีลูกน้องมารายงานผม เรื่องที่ไปพบชาวบ้าน จ.พิษณุโลกที่วัด แล้วเจอเหตุการณ์ชาวบ้าน 70 กว่าคน ไปขอยืมเงินพระแสนนึงเพื่อไปจ่ายค่าทนาย ซึ่งเขาได้บอกว่าชาวนากลุ่มนี้มีทั้งหมดประมาณ 71 ราย แต่วันนั้นพบ 70 ราย โดยที่หายไปหนึ่งรายเพราะเพิ่งผูกคอตาย ... จากการขายข้าวไปแล้วไม่ได้เงิน เพราะคนซื้อไม่จ่ายเงิน ซึ่งก็ต้องสู้คดีฟ้องกันไป

ฟ้องกันมา ประมาณ 10 ปีแล้ว คำถาม คือ แล้ว 10 ปีที่ผ่านมาชาวบ้านก็ยังต้องทํามาหากิน แต่ทํามาหากินแล้วได้เงินมา ก็ต้องเอาไปจ่ายค่าทนาย จนหมดตัว แต่ก็ต้องหาทางจ่ายอีก เพราะยังสู้คดีไม่หมด ซึ่งทำให้เขาต้องมายืมเงินวัดกัน โดย 71 ราย มียอดเงิน 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งในระบบราชการเงิน 2 ล้านกว่าบาททํางบประมาณแค่ขี้ผง แต่นี่ชีวิตคนตั้ง 70 กว่าคน ต้องอยู่กับเรื่องนี้มา 10 ปี คุณนึกถึงที่ว่าชาวบ้านชาวนาเขาอยู่กันมาได้ยังไง รอดมาได้ก็บุญแล้ว…

ดังนั้น ผมจึงมานั่งคิดว่าจะทํายังไงถึงช่วยเขาได้ จนนึกถึง ‘กองทุนยุติธรรม’ ที่มีอยู่ จึงเอามาปรับหลักเกณฑ์ ซึ่งตอนนั้นมีเงินอยู่ 70 ล้านบาท ไม่ได้ขยับอะไรเลย .... ผมจึงปรับนโยบาย ปรับแนวทางใหม่ และบอกให้เอาเงินก้อนนี้ลงไปช่วยชาวบ้าน ซึ่งก็ได้ใช้หลักเกณฑ์ตามกฎหมายแพ่ง โดยเอาเงินจากกองทุนยุติธรรมนี้ เอาไปให้เขาเลย 2 ล้านกว่าบาท เพื่อช่วยชีวิต 71 ครอบครัว 

แน่นอนว่า ตรงนี้ก็จะถือเป็นภาระกระทรวงของแล้ว เพราะเป็นเงินหลวง เราจึงต้องจัดทนายความไปช่วยไปสู้คดีให้พวกเขา ภายใต้ข้อตกลงเมื่อชนะคดี ก็จะนำเงินมาทยอยคืน 

และเวลานี้ก็มีรายงานว่า ชาวบ้านทยอยคืนเงินจากการชนะคดีมาบ้างแล้ว 70 ครอบครัว เรียกได้ว่าเงินหลวงไม่ได้สูญเปล่า แต่ว่าให้ไปก่อน ชาวบ้านก็ได้เงินโดยไม่คิดดอกเบี้ย ... เพราะเมื่อเราสู้คดี และชนะคดี ศาลก็ต้องสั่งให้คู่กรณีจ่ายดอกเบี้ยให้เราอยู่แล้ว

หลังปรากฏว่าพอข่าวนี้แพร่ออกไป ตอนนั้นจึงมีสถานีรายการอื่นเอาไปโปรโมต พอไปโปรโมตที่นี้มาใหญ่เลย จากเริ่มต้นที่พิษณุโลก กลายเป็นสิงห์บุรี, ชัยนาท, อ่างทอง ก็มากันหมด สรุปแล้วในช่วงที่ผมเป็นรัฐมนตรียุติธรรมอยู่ ผมใช้กองทุนยุติธรรมกับนโยบายโครงการนี้ ไปช่วยเคสในลักษณะเดียวกันได้ 898 ครอบครัว ใช้เงินไปทั้งหมด 38 ล้านเอง แต่สามารถช่วยชีวิตคนได้ 898 ครอบครัว…

สิ่งนี้คือ การใช้อํานาจทางการบริหารเพื่อช่วยประชาชนอย่างแท้จริง ถ้าเราไม่ได้อยู่ตรงนั้น หรือไม่ได้มีอํานาจนี้ เราก็ทําไม่ได้ แต่อีกสิ่งที่สำคัญกว่า คือ เรามีความตั้งใจบริหาร ตั้งใจที่จะช่วยเหลือ และใช้อํานาจนั้นเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองของประชาชนอย่างแท้จริงหรือไม่ ถ้าใช่ มันทําได้ 

‘ทร.’ มอบประกาศยกย่อง ‘พันจ่าเอก จเร - พลทหาร นูรดีน’ ช่วยเหลือคนตกน้ำ ตัวติดซอกตอม่อสะพานพระนั่งเกล้า

เมื่อวานนี้ (29 ม.ค. 67) พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีมอบประกาศยกย่องชมเชยให้แก่กำลังพลของกองทัพเรือ จำนวน 9 นาย ที่ได้ประกอบคุณงามความดีเสียสละช่วยเหลือสังคม หรือเสี่ยงอันตรายเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุต่าง ๆ โดยพิธีจัดขึ้น ณ ห้องสุพรรณหงส์ อาคารส่วนบัญชาการ กองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกน้อยกรุงเทพมหานคร 

ทั้งนี้ 2 กำลังพลที่เข้าพิธีรับมอบประกาศชมเชยจากผู้บัญชาการทหารเรือในครั้งนี้ ได้สร้างคุณงามความดี โดยขณะปฎิบัติหน้าที่ได้เข้าช่วยเหลือคนตกน้ำบริเวณสะพานพระนั่งเกล้าและติดอยู่ใต้ซอกตอม่อสะพาน จึงได้ทำการช่วยเหลือนำตัวขึ้นมาบนเรือได้อย่างปลอดภัย เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 66 ได้แก่

1.พันจ่าเอก จเร สุริยะลังกา พันจ่าเรือ เรือเวรด่วนทางธุรการ หมวดเรือบริการที่ 1 แผนกเรือบริการ กองเรือเล็กกรมการขนส่งทหารเรือ   

2.พลทหาร นูรดีน สาเมาะ พลช่างกล เรือเวรข้ามฟาก หมวดเรือบริการที่ 1 แผนกเรือบริการ กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ 

การยกย่องชมเชยกำพลกองทัพเรือที่ประกอบคุณงามความดี เสียสละ ช่วยเหลือสังคมในครั้งนี้ แสดงถึงความกล้าหาญที่ยอมเสียสละเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ตนเอง ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมและได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของกองทัพเรือให้ปรากฏต่อสาธารณชน นับเป็นบุคคลที่ควรแก่การยกย่องชมเชยเป็นอย่างยิ่ง กองทัพเรือขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กำลังพลกองทัพเรือเป็นผู้ประกอบคุณงามความดีสมควรได้รับการยกย่องชมเชยและยึดถือเป็นแบบอย่างที่ดีต่อไป

'นิวรัลลิงก์' ฝังชิปในสมองของมนุษย์คนแรก ด้าน 'อีลอน' ฟุ้ง!! การทดสอบเป็นที่น่าพอใจ

(30 ม.ค.67) บริษัทนิวรัลลิงก์ (Neuralink) บริษัทด้านการพัฒนาเทคโนโลยีระบบประสาทของสหรัฐ ที่ก่อตั้งโดยอีลอน มัสก์ เปิดเผยว่า นิวรัลลิงก์ ได้ทำการปลูกถ่ายฝังไมโครชิปในสมองคนไข้มนุษย์รายแรกแล้วและคนไข้ฟื้นตัวเป็นอย่างดีเยี่ยม 

อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งบริษัทนิวรัลลิงก์ ได้โพสต์ข้อความลงใน X ส่วนตัว ข้อความว่า การทดสอบในเบื้องต้นพบการทำงานของเซลล์ประสาทในระดับที่น่าพอใจ ผลิตภัณฑ์แรกของพวกเขาชื่อว่า Telepathy จะทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ได้โดยใช้ความคิด โดยเริ่มต้นจะใช้กับผู้ที่ไม่สามารถใช้แขนและขาได้ อีลอน มัสก์ หวังว่ามันจะช่วยให้พวกเขาสื่อสารได้เร็วเท่ากับการพิมพ์จากมืออาชีพ

โดยเมื่อปีที่แล้ว สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ได้อนุมัติ ให้ทางนิวรัลลิงก์ (Neuralink) สามารถดำเนินการการทดลองทางคลินิกในมนุษย์เป็นครั้งแรก ซึ่งแสดงถึงก้าวแรกที่สำคัญ ที่จะทำให้เทคโนโลยีของเราสามารถช่วยเหลือผู้คนจำนวนมากได้ในอนาคต ซึ่งนิวรัลลิงก์ ดำเนินการใช้หุ่นยนต์ฝังชิปเข้าไปที่สมองส่วนที่ใช้ควบคุมการเคลื่อนไหว โดยเป้าหมายในเบื้องต้นคือการทำให้คนสามารถควบคุมเคอร์เซอร์ของคอมพิวเตอร์ หรือแป้นพิมพ์ คีย์บอร์ด ด้วยการใช้ความคิดเพียงอย่างเดียว

ทางเลือกสำหรับการ 'เลิกบุหรี่' หนึ่งในแชมป์ปณิธานปีใหม่ยอดฮิตยาวนานกว่าทศวรรษ โดย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วีระพล จันทร์ดียิ่ง

ในทุกๆต้นปี สิ่งที่เรียกว่า “ปณิธานปีใหม่ (New Year Resolution)” มักจะวนกลับมาเพื่อสะท้อนถึงเป้าหมายการพัฒนาตนเองในสิบสองเดือนข้างหน้า จากการสำรวจโดยนิตยสารสุขภาพระดับโลกอย่าง Forbes Health ชี้ว่า ผู้คนกว่าร้อยละ 12 กล่าวว่าการเลิกบุหรี่เป็นปณิธานปีใหม่ที่ต้องการบรรลุให้ได้ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 7 รองจากเป้าหมายด้านสุขภาพ การเงิน สุขภาพจิต และอาหารการกิน

การเลิกบุหรี่สามารถก่อให้เกิดประโยชน์ด้านสุขภาพได้มากมาย เช่น ระดับคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) ลดลงได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากหยุดบุหรี่ ซึ่งคาร์บอนมอนอกไซด์ทำให้การนำส่งออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะในร่างกายลดลง ทำให้เกิดการปวดหัว มึนงง หัวใจทำงานหนัก การหยุดบุหรี่ช่วยให้ระดับออกซิเจน (Oxygen) ในเลือดสามารถกลับมาอยู่ในระดับปกติได้ อีกทั้งการเลิกบุหรี่ได้ภายใน 2 เดือน ช่วยให้ความดันโลหิตลดลงและการทำงานของปอดดีขึ้นอีกด้วย

ในปัจจุบัน นวัตกรรมได้เข้ามามีบทบาทสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ นอกเหนือไปจากการเลิกบุหรี่แบบหักดิบแล้ว ก็ยังมียาสำหรับช่วยเลิกบุหรี่ รวมถึงนิโคตินทดแทนในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อช่วยให้ผู้สูบบุหรี่บรรลุเป้าหมายได้ดีขึ้น

ในส่วนของการใช้ยาสำหรับช่วยเลิกบุหรี่ ในปัจจุบัน ตัวยาที่มีประสิทธิภาพ และได้การรับรองให้ใช้ได้อย่างปลอดภัยแล้ว ได้แก่ ยา Varenicline Cytisine และ Bupropion

นอกจากนี้ ปัจจุบัน ตัวเลือกสำหรับนิโคตินทดแทนก็มีหลากหลายกว่าสมัยก่อนมาก ไม่เพียงแต่ในรูปแบบของแผ่นแปะ หมากฝรั่ง ลูกอม ยาเม็ด หรือนิโคตินแบบสูดดม แต่ยังมีนิโคตินทดแทนในรูปแบบของบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งล่าสุด ผลการศึกษา Systematic Review โดย Cochrane ชี้ให้เห็นว่า บุหรี่ไฟฟ้า ยา Varenicline และ ยา Cytisine เป็นตัวช่วยเลิกบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์ด้านพฤติกรรมให้แก่ผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ แต่ยังมีข้อถกเถียงเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าว่าผู้ที่เลิกบุหรี่ด้วยบุหรี่ไฟฟ้าจะสามารถเลิกบุหรี่ไฟฟ้าได้ด้วยหรือไม่ และยังไม่มีการศึกษาผลต่อสุขภาพในระยะยาว ดังนั้น ผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ควรศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ หรือปรึกษาแพทย์ เภสัชกรหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม

แม้ทุกคนจะทราบดีว่าการเลิกบุหรี่นั้นก่อให้เกิดประโยชน์ ทว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเลิกบุหรี่ได้ หรือแม้แต่คิดที่จะเลิก ดังนั้น การมอบทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ผู้สูบบุหรี่จึงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยปลดล็อคอัตราการสูบบุหรี่ของไทยให้ลดลงและพิชิตเป้าหมายด้านสาธารณสุขได้สำเร็จ
Source:
• Why should stopping smoking be your New Year’s resolution for 2023? - Roy Castle Lung Cancer Foundation
• Top New Year’s Resolutions For 2024 – Forbes Health
• ไทยทำสำเร็จ! 'องค์การเภสัชกรรม' พัฒนายาเม็ดเลิกบุหรี่ 'ไซทิซิน' เริ่มผลิตปีหน้า (mgronline.com)
https://www.cochranelibrary.com/cdsr/doi/10.1002/14651858.CD015226.pub2/full

'ไอติม' ชี้!! กรณี 'จิรัฏฐ์' ต้องแยกจากพรรค ลั่น!! ยินดีให้ทุกฝ่ายได้ตรวจสอบ

(30 ม.ค. 67) ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่กองทัพบกไม่พบต้นขั้วใบ สด.43 ของนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ว่า เรื่องนี้ต้องแยกส่วนของนายจิรัฏฐ์และของพรรค ซึ่งทราบว่านายจิรัฏฐ์ ยืนยันว่าได้รับใบ สด.43 มาจากเจ้าหน้าที่จริงๆ จึงต้องไปถามนายจิรัฏฐ์ ซึ่งคิดว่าทางนายจิรัฏฐ์ พร้อมจะให้ทุกฝ่ายตรวจสอบว่าเอกสารได้มาเช่นไร หรือมีที่มาที่ไปอย่างไร

นายพริษฐ์​ กล่าวต่อว่า ในส่วนของพรรคก้าวไกล ตนพูดในเชิงหลักการ กรณีที่มีการตรวจสอบสมาชิกของพรรค ก็ยินดีให้ทุกฝ่ายตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นภาคประชาชนหรือใครก็ตามเข้ามาตรวจสอบการทำงานของ สส.พรรคก้าวไกล และถ้ามีกระบวนการอะไรที่ต้องอาศัยความร่วมมือใช้กระบวนการทางกฎหมาย ทางพรรคก็ยินดีให้ความร่วมมือ ซึ่งพรรคในฐานะพรรคการเมืองที่เข้ามาทำงานเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของประเทศ และได้เงินเดือนมาจากภาษีของประชาชน ก็ยินดีให้ตรวจสอบการทำงานอยู่แล้ว รวมถึงมีการดำเนินการฟ้องร้องถึงชั้นศาล และต้องการความร่วมมือผ่านกระบวนการทางกฎหมายเราก็ยินดีอยู่แล้ว

‘ดร. Vivien Thomas’ สุดยอดนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ผิวสี จบเพียงระดับมัธยม ฮึดสู้!! เอาชนะความจน-การเหยียดเชื้อชาติ

ชายอัจฉริยะผู้นี้เกิดและเติบโตในยุคที่สังคมอเมริกันยังคงมีการแบ่งแยกเชื้อชาติระหว่างคนผิวขาวและผิวสีอย่างรุนแรง โดยชีวิตของ ‘Vivien Thomas’ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่เหล่าบรรดานักบุกเบิกชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันในการเอาชนะอุปสรรคที่กำหนดโดยสังคมที่แบ่งแยกอย่างรุนแรงในยุคนั้น โดยที่เขาไม่เคยได้รับการศึกษาหรือการฝึกอบรมทางการแพทย์อย่างเป็นทางการ แต่สามารถพัฒนาเทคนิคและเครื่องมือที่นำมาสู่การผ่าตัดหัวใจสมัยใหม่ในปัจจุบันได้สำเร็จ

‘Vivien Theodore Thomas’ เกิดที่เมือง Lake Providence มลรัฐ Louisiana เมื่อ 29 สิงหาคม 1910 บิดาเป็นช่างไม้ และบรรพบุรุษของเขา (รุ่นปู่-ตา) เคยเป็นทาส ต่อมาครอบครัวนี้ได้ย้ายไปอยู่ที่เมือง Nashville มลรัฐ Tennessee ตอน Thomas อายุเพียง 2 ขวบ ซึ่งเข้าเรียนที่ Pearl High School ในเมือง Nashville ในช่วงทศวรรษปี 1920 และสำเร็จการศึกษาในปี 1929 ซึ่งบิดาของ Thomas ได้ถ่ายทอดความเชี่ยวชาญด้านช่างไม้ของเขาให้กับลูกชายของเขา โดย Thomas ทำงานร่วมกับบิดาและน้องชายทุกวันหลังเลิกเรียนและวันเสาร์ เขาทำงานช่างไม้ด้านต่าง ๆ อาทิ วัด เลื่อย และตอกตะปู ประสบการณ์นี้เป็นประโยชน์ต่อ Thomas มากในเวลาต่อมา หลังจากสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนในระดับมัธยมปลาย Thomas หวังที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นแพทย์ แต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ทำให้แผนการของเขาต้องหยุดลง Thomas ตั้งใจจะทำงานหนัก เพื่อเก็บเงิน และเข้าศึกษาต่อในระดับสูงโดยเร็วที่สุดเท่าที่เขาสามารถจ่ายได้ โดยเขาได้สมัครเป็นนักศึกษาเตรียมแพทย์ที่วิทยาลัยเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมแห่งมลรัฐ Tennessee แต่การล้มละลายของธนาคารที่เขาฝากเงินในปีนั้นทำให้เงินออมของเขาหมดไป จนทำให้เขาต้องออกจากวิทยาลัย

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะขยายขอบเขตทักษะของเขา ในปี 1930 เขาจึงติดต่อกับเพื่อนสมัยเด็ก Charles Manlove ซึ่งในขณะนั้นทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัย Vanderbilt เพื่อถามว่ามีงานว่างหรือไม่ Manlove จึงได้บอกเขาว่า แพทย์คนหนึ่งชื่อ Alfred Blalock (ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งการผ่าตัดหัวใจสมัยใหม่) ต้องการจ้างผู้ช่วยทำงานในห้องปฏิบัติการร่วมกับ แต่ก็เตือนว่า นพ. Blalock ค่อนข้างเอาแต่ใจ ด้วยความต้องการงาน Thomas จึงคว้าโอกาสนี้ และในที่สุดก็ได้รับการว่าจ้างให้เข้าทำงานในมหาวิทยาลัย Vanderbilt ในตำแหน่งผู้ช่วยในห้องปฏิบัติการ และในวันแรกของการทำงานเขาก็ได้ช่วย นพ. Blalock ทดลองผ่าตัดสุนัข ด้วยการเรียนรู้วิชากายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาจาก นพ. Blalock ทำให้ Thomas มีความเชี่ยวชาญเทคนิคการผ่าตัดและวิธีการวิจัยที่ซับซ้อนอย่างรวดเร็ว 

แต่ในยุคที่การเหยียดเชื้อชาติในสถาบันการศึกษาเป็นเรื่องปกติ ตำแหน่งงานของ Thomas จึงถูกจำแนกและจ่ายเงินให้เป็นเพียงแค่ภารโรงเท่านั้น แม้ว่าในช่วงกลางทศวรรษ 1930 งานของเขาอยู่ในระดับนักวิจัยหลังปริญญาเอกในห้องทดลองของนพ. Blalock ก็ตาม เขาและนพ. Blalock ร่วมกันทำการวิจัยที่ก้าวล้ำเกี่ยวกับสาเหตุของอาการเลือดออกและอาการช็อคจากบาดแผลทางจิตใจ ต่อมาผลงานนี้ได้พัฒนาเป็นงานวิจัยเกี่ยวกับกลุ่มอาการครัช และช่วยชีวิตทหารหลายพันคนในสนามรบของสงครามโลกครั้งที่สอง งานที่นพ. Blalock ทำร่วมกับ Thomas ทำให้นพ. Blalock กลายเป็นศัลยแพทย์แถวหน้าของสหรัฐอเมริกา

ต่อมาเมื่อ นพ. Blalock ได้รับการเสนองานให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกศัลยกรรมที่มหาวิทยาลัย Johns Hopkins โรงเรียนเก่าของเขาในปี 1941 เขาได้ขอให้ Thomas ไป Johns Hopkins กับเขาด้วย ในยุคนั้นโรค ‘Blue Baby Syndrome’ เป็นโรคที่คร่าชีวิตเด็กเป็นจำนวนมากเพราะไม่มีวิธีการรักษา ปี 1944 ด้วยความร่วมมือระหว่าง พญ. Helen Taussig แพทย์โรคหัวใจเด็ก นพ. Alfred Blalock ศัลยแพทย์ และ Vivien Thomas เจ้าหน้าที่เทคนิคการผ่าตัด จึงมีการพัฒนาวิธีการผ่าตัดแบบ ‘Blalock-Thomas-Taussig shunt’ ขึ้น จากความพยายามของทั้ง 3 ในการต่อหลอดเลือดแดงใต้กระดูกไหปลาร้าเข้ากับหลอดเลือดแดงปอด เพื่อบรรเทาอาการตัวเขียวในเด็ก ในปี 1944 นพ. Blalock โดยมี Thomas ยืนประกบเพื่อคอยให้คำแนะนำสามารถผ่าตัดรักษา Eileen Saxon ทารกวัย 15 เดือนที่ป่วยด้วยอาการ Blue Baby Syndrome ได้สำเร็จ การผ่าตัดดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ในวารสารสมาคมการแพทย์อเมริกันในปี 1945 และทำให้สามารถรักษาเด็กที่ป่วยด้วยโรค Blue Baby Syndrome ทั่วโลกได้สำเร็จ

**Blue Baby Syndrome หรือที่เรียกว่าเมทฮีโมโกลบินในทารก (infant methemoglobinemia) เป็นกลุ่มอาการซึ่งทำให้ผิวของทารกเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน ทารกบางคนเกิดมาพร้อมกับสภาพที่บางคนมีแนวโน้มที่จะพัฒนา ภาวะนี้ทำให้ผิวหนังมีสีม่วงหรือสีน้ำเงิน (ตัวเขียว) ด้วยเฮโมโกลบินซึ่งเป็นโปรตีนในเลือดมีหน้าที่ในการขนส่งออกซิเจนไปทั่วร่างกาย ในกรณีที่เลือดไม่สามารถนำออกซิเจนไปได้จะทำให้ผิวหนังของทารกขาดออกซิเจนและเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินหรือสีฟ้าจะมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นในส่วนที่มีผิวหนังบาง ๆ เช่นริมฝีปากเล็บและติ่งหู

**วิธีการผ่าตัดแบบ Blalock-Thomas-Taussig shunt เป็นวิธีการผ่าตัดเพื่อต่อเส้นเลือดลัดวงจรเทียมระหว่างหลอดเลือดแดงใหญ่ที่ไปเลี้ยงร่างกายและหลอดเลือดดำที่ไปปอดเพื่อเพิ่มเลือดไปฟอกที่ปอดให้มากขึ้น เป็นการผ่าตัดแบบประคับประคองอาการสำหรับโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดเขียว (การเปลี่ยนสีผิวหนังออกเขียวคล้ำ) ซึ่งมีเลือดวิ่งไปปอดน้อย ทำให้เลือดที่ถูกสูบฉีดไปเลี้ยงร่างกายมีปริมาณออกซิเจนต่ำ จนเป็นผลให้ผิวหนังมีสีเขียวคล้ำ อาการอื่น ๆ ได้แก่ อาการหายใจไม่สะดวกและถี่ น้ำหนักขึ้นน้อย และหงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย เด็กที่ป่วยด้วยอาการ Blue Baby Syndrome ได้รับการผ่าตัดด้วยวิธีนี้ สามารถช่วยให้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

ทั้งนี้ นพ. Blalock และ Thomas ทั้ง 2 ได้ทำงานร่วมกันจนถึงปี 1964 เมื่อนพ. Blalock เกษียณและเสียชีวิตหลังจากนั้นเพียงไม่นาน แม้ว่า Thomas จะมีวุฒิการศึกษาอย่างเป็นทางการเพียงมัธยมปลาย แต่เขาก็ดำรงตำแหน่งหัวหน้าห้องปฏิบัติการศัลยกรรมที่มหาวิทยาลัย Johns Hopkins เป็นเวลา 35 ปี และได้รับการยอมรับให้เป็นสมาชิกของโรงเรียนแพทย์แห่งนี้ตั้งแต่ปี 1976 ถึงปี 1985 ทั้งยังได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ในปี 1976 ปัจจุบันในห้องผ่าตัดทั่วโลกมีศัลยแพทย์หัวใจมากมายที่ทำการผ่าตัดช่วยชีวิตโดยขั้นตอนที่ได้รับการฝึกอบรมตามแนวทางของดร. Vivien Thomas ความสำเร็จของเขาเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังของการวิจัย การค้นพบ และความพากเพียรที่จะปรับปรุงสุขภาพของคนรุ่นต่อ ๆ ไป 

โดยมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ได้ให้เกียรติแก่เขาด้วยการนำชื่อของเขามาตั้งชื่อกองทุนพัฒนาความคิดริเริ่มทางวิชาการ Vivien Thomas Scholars Initiative (VTSI) เพื่อจัดการกับการด้อยโอกาสทางประวัติศาสตร์ของโปรแกรม STEM โครงการนำร่องมูลค่า 150 ล้านดอลลาร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Bloomberg Philanthropies มอบเงินทุนถาวรเพื่อเพิ่มกลุ่มที่ยั่งยืนของช่องทางใหม่ ๆ ประมาณ 100 ช่องที่หลากหลายสำหรับนักศึกษาปริญญาเอกในโปรแกรม STEM มากกว่า 30 หลักสูตรของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ในฐานะนักศึกษาปริญญาเอกที่ได้รับทุน Vivien Thomas จะได้รับการสนับสนุนด้านวิชาการและการเงินที่จำเป็นเพื่อความสำเร็จของพวกเขา รวมถึงการสนับสนุนค่าเล่าเรียนเต็มจำนวนสูงสุด 6 ปี ค่าตอบแทน ประกันสุขภาพ และผลประโยชน์อื่น ๆ พร้อมด้วยการให้คำปรึกษา การวิจัย และวิชาการที่สำคัญ เพื่อส่งเสริมโอกาสในการพัฒนาและการสร้างชุมชนทางวิชาการต่อไป

นอกจากนี้ เรื่องราวของดร. Vivien Thomas ได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์โทรทัศน์ของ PBS เป็นสารคดีเรื่อง ‘Partners of the Heart’ และภาพยนตร์โทรทัศน์ของ HBO เรื่อง ‘Something the Lord Made’ อีกด้วย

เรื่อง : ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล
ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการสมัยใหม่ อาจารย์พิเศษหลักสูตรปริญญาโทและเอก นักเล่าเรื่องมากมายในหลากหลายมิติ เป็นผู้ที่ชื่นชมสนใจในประวัติศาสตร์สงครามสมัยใหม่ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ

‘ผบ.ทร.’ มอบประกาศเชิดชู-ยกย่อง 7 กำลังพลกองทัพเรือ ช่วยคนกระโดดน้ำสะพานข้ามแม่น้ำมูล นำส่ง รพ. ได้สำเร็จ

เมื่อวานนี้ (29 ม.ค. 67) พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีมอบประกาศยกย่องชมเชยให้แก่กำลังพลของกองทัพเรือ จำนวน 9 นาย ที่ได้ประกอบคุณงามความดีเสียสละช่วยเหลือสังคม หรือเสี่ยงอันตรายเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุต่าง ๆ โดยพิธีจัดขึ้น ณ ห้องสุพรรณหงส์ อาคารส่วนบัญชาการ กองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกน้อยกรุงเทพมหานคร 

ทั้งนี้ 2 กำลังพลที่เข้าพิธีรับมอบประกาศชมเชยจากผู้บัญชาการทหารเรือในครั้งนี้ ได้สร้างคุณงามความดี โดยได้เข้าให้การช่วยเหลือและค้นหาผู้ประสบภัยทางน้ำที่กระโดดน้ำบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำมูล อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี และ นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลโขงเจียมได้อย่างปลอดภัย เมื่อ 14 ม.ค. 67 ได้แก่

1.ว่าที่ นาวาโท โอรส พุทธโค รักษาราชการหัวหน้าสถานีเรือโขงเจียม หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำแม่น้ำโขงเขตอุบลราชธานี (นรข. เขตอุบลราชธานี)
2.จ่าเอก สิทธิพร คำแก้ว จ่าช่างกลเรือ สถานีเรือโขงเจียม นรข. เขตอุบลราชธานี  
3.จ่าเอก สุนันท์ ดอน จ่าช่างกลเรือ สถานีเรือโขงเจียม นรข. เขตอุบลราชธานี
4.จ่าเอก สุวัฒน์ สุดสี จ่าช่างกลเรือ สถานีเรือโขงเจียม นรข. เขตอุบลราชธานี 
5.จ่าเอก ธนพงศ์ คำศรีสุข ผู้ควบคุมเรือ เรือจู่โจมลำน้ำ สถานีเรือโขงเจียม นรข. เขตอุบลราชธานี
6.จ่าเอก เมธานนท์ ตรัสมา จ่าช่างกลเรือ สถานีเรือโขงเจียม นรข. เขตอุบลราชธานี
7.จ่าเอก พรคำภีค์ โสภณ ประจำอาวุธ สถานีเรือโขงเจียม นรข. เขตอุบลราชธานี 

การยกย่องชมเชยกำพลกองทัพเรือที่ประกอบคุณงามความดี เสียสละ ช่วยเหลือสังคมในครั้งนี้ แสดงถึงความกล้าหาญที่ยอมเสียสละเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ตนเอง ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมและได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของกองทัพเรือให้ปรากฏต่อสาธารณชน นับเป็นบุคคลที่ควรแก่การยกย่องชมเชยเป็นอย่างยิ่ง กองทัพเรือขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กำลังพลกองทัพเรือเป็นผู้ประกอบคุณงามความดีสมควรได้รับการยกย่องชมเชยและยึดถือเป็นแบบอย่างที่ดีต่อไป

'รมว.ปุ้ย' สวมหมวก 'กรรมการสภานโยบายฯ' ขับเคลื่อนผลึก 'วิจัย-นวัตกรรม' เพื่อชาติ

เมื่อวานนี้ (29 ม.ค.67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วมการประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ครั้งที่ 2/2567 โดยที่ประชุมได้ร่วมหารือแนวทางการขับเคลื่อนการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมตามนโยบายนายกรัฐมนตรี ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล

สำหรับการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณา แนวทางการขับเคลื่อนการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี การแต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเฉพาะเรื่องด้านการส่งเสริมนวัตกรรมการอุดมศึกษา กรณีครบวาระการดำรงตำแหน่ง หลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างเพื่อการวิจัยและพัฒนา และเพื่อการให้บริการทางวิชาการของสถาบันอุดมศึกษา ที่ไม่สามารถดำเนินการตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 

การแต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนหน่วยงาน กรรมการผู้แทนสถาบันอุดมศึกษา และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ (ร่าง) ระเบียบสภานโยบาย ว่าด้วยการประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. ….

"ปัจจุบันหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยตำแหน่งแล้วต้องมีหน้าที่ราชการที่ไม่ใช่เฉพาะการบริหารราชการแผ่นดินในกระทรวงอุตสาหกรรมเพียงเท่านั้น หากแต่ยังมีหน้าที่กรรมการในองค์กรสำคัญของประเทศไทย อีกหลายหน้าที่ด้วยเช่นกัน...

"โดยในส่วนของสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานสภานโยบายแล้วนั้น ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ก็มีหน้าที่เป็นกรรมการ ในกรอบหน้าที่เพื่อมุ่งพัฒนาการอุดมศึกษา ค้นคว้าสร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่ ๆ ด้านการวิจัย และการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับประเทศไทยด้วย...

"ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม จึงมุ่งหวังที่จะช่วยพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ด้านการวิจัย และการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ควบคู่ โดยมิได้ผูกหรือยึดติดอยู่กับวิธีการ กระบวนการ แบบใดแบบหนึ่งอย่างตายตัว เนื่องจากทุกประเทศมีการแข่งขันพัฒนาองค์ความรู้ เร่งสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ว่ากันอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำไปอย่างมากในทุกมิติไม่มีสิ้นสุด ภายใต้ 'ผลึกสำคัญ' ของการวิจัย องค์ความรู้ การสร้างสรรค์นวัตกรรม ที่จะต้องถูกพัฒนาที่นำไปสู่การใช้ได้จริง ไม่ใช่เฉพาะงานวิจัยอยู่ในเอกสาร เพื่อสร้างประโยชน์ในเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศไทย อันจะก่อประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่แก่คนไทยต่อไป" รมว.พิมพ์ภัทรา กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top