Monday, 9 June 2025
NewsFeed

‘ตร.’ เผยปมนักเรียน ม.2 แทงเพื่อนดับ เพราะถูกไถเงิน - ทำร้ายหลายครั้ง

(29 ม.ค. 67) ที่ สน.คลองตัน พ.ต.อ. วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน เปิดเผยภายหลังสอบปากคำเยาวชนชายอายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนย่านพัฒนาการ ก่อเหตุใช้มีดแทงเพื่อนร่วมชั้นเสียชีวิต ว่า วันนี้ได้สอบปากคำเด็กและพยานทั้งคุณครูที่เห็นเหตุการณ์ และแม่ผู้เสียชีวิต สำหรับสาเหตุการก่อเหตุ เกิดจากความคับแค้นใจที่ถูกผู้ตาย มักจะมาบังคับขอเงินผู้ก่อเหตุในช่วงเที่ยง ครั้งละ 20 บาท โดยมักจะก่อเหตุบนอาคารเรียน อ้างว่าจะนำไปซื้อบุหรี่ และมีการชกที่ศีรษะและใบหน้า ซึ่งโดนแบบนี้ประมาณ 3-4 ครั้งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยความคับแค้นใจจึงไปซื้อมีดพกติดตัวมาโรงเรียนในเช้าวันนี้ หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปสอบปากคำพยานในโรงเรียนว่าพบเห็นพฤติกรรมแบบนี้จริงหรือไม่

ทั้งนี้ยืนยันว่า จากการสอบปากคำพบว่าพฤติกรรมของเยาวชน 14 ปี มีสติสัมปชัญญะเต็ม 100% สามารถตอบคำถามได้ชัดเจน นักจิตวิทยาและบุคคลที่ร่วมสอบปากคำลงความเห็นว่าเด็กมีสภาพจิตที่ปกติ แต่ในทางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งผู้ก่อเหตุไปตรวจสุขภาพจิตอีกครั้ง

ทั้งนี้ จากการตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติดในร่างกาย แต่เจ้าตัวยอมรับว่า เคยดูดกัญชา 1 ครั้งเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้มีประวัติเข้าออกสถานีตำรวจเป็นประจำตามที่เป็นกระแสข่าวแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ภายหลังสอบปากคำ ทางตำรวจควบคุมตัวเยาวชนผู้ก่อเหตุ พร้อมกับแม่ออกจาก สน.คลองตัน โดยไม่ได้ระบุว่าจะคุมตัวไปที่ไหน ขณะที่แม่ของผู้ก่อเหตุยกมือไหว้ ก่อนจะพูดสั้นๆ ว่า “ขอโทษ“ ก่อนถูกพานั่งรถออกไป

‘นรด.’ แจง!! สด.43 ลายเซ็นต้องครบ-รับจากประธานในวันตรวจเลือก ชี้!! หากทำตามเกณฑ์ มีชื่อในระบบ สามารถตรวจสอบต้นขั้วย้อนหลังได้

(29 ม.ค. 67) ที่หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) แถลงข่าวหลักเกณฑ์การได้มาของใบ สด.43 ว่า ตนต้องการชี้แจงลำดับขั้นตอนการได้มาซึ่งใบ สด.43 ที่ถูกต้อง ซึ่งมี 2 รูปแบบ คือผู้ที่ผ่านกระบวนการตรวจเลือกมาจับใบดำใบแดง จะต้องมีประธานและคณะกรรมการลงลายเซ็นทั้งหมด และจะได้รับเอกสารจากวันตรวจเลือก จากมือประธาน 

ส่วนอีกกรณีคือ ผู้ที่ผ่อนผัน ก็จะได้ สด.43 กลับไปเช่นเดียวกัน แต่จะมีช่องเขียนว่าผ่อนผัน ซึ่งเงื่อนไขสำคัญคือจะต้องได้รับจากมือประธาน ในวันตรวจเลือกเท่านั้น ถ้าไปได้วันอื่น จะมาบอกว่าวันนั้นไม่มา แล้วมาวันหลังมาจับใบดำใบแดง แล้วได้สด. 43 กลับไป อันนี้ไม่มีโดยกระบวนการ ยืนยันว่า วิธีการเป็นแบบนี้ และจะได้รับเพียง 2 รูปแบบเท่านั้น พร้อมนำใบสด.43 ที่ถูกต้องมาแสดง ให้สื่อมวลชนเห็นรายละเอียด

สำหรับขั้นตอนการผ่อนผันนั้นเริ่มเกณฑ์ตั้งแต่ อายุ 21 ถึง อายุ 26 ปี หากอยู่ระหว่างศึกษา สามารถผ่อนผันได้ แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไข หากพ้นเงื่อนไข กรณีถ้าต้องเป็นคดีความ หากศาลตัดสินแล้ว ก็ต้องมาเป็นทหารเลย เงื่อนไขมีเท่านี้ วิธีการอื่นไม่ใช่ขั้นตอนที่ทางราชการออก

“ยืนยันว่าได้จัดเก็บหลักฐานการตรวจเลือกทหารไว้ทั้งหมด แยกไปหลายส่วน เพื่อป้องกันการทุจริต อย่างน้อยสามารถตรวจสอบได้หลายทาง” ผบ.นรด. กล่าว 

พล.ท.ทวีพูล กล่าวอีกว่า สด.43 หัวใจหลักมีอยู่ 2 อย่าง คนต้องเซ็นครบ คือกรรมการ 5 ท่าน ครบทุกช่อง และต้องรับจากมือประธานกรรมการตรวจเลือกในวันนั้นเท่านั้น และวันเดียวด้วย ไปรับวันอื่นก็ไม่ใช่ ส่วนคนที่เข้ากระบวนการไม่ว่าจะจับสลากใบดำหรือใบแดง จะต้องมีการพิมพ์ลายนิ้วมือด้วย นี่คือหัวใจสำคัญ ถ้าเป็นเอกสารที่ทางราชการออกให้ จะต้องผ่านกระบวนการนี้เท่านั้น ถ้าหากว่าไม่ใช่ ไม่เป็นไปตามที่บอก ก็จะไม่ใช่เอกสารที่ทางราชการออกให้

ด้านพ.อ.พงศฤทธิ์ ภวังคะนันท์ ผู้อำนวยการกองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ชี้แจงว่า น้อง ๆ ที่ได้รับหมายเรียก จะต้องเข้ารับการตรวจเลือก ซึ่งจะกำหนดไว้ว่าสถานที่ใด วันใด แบบตายตัวไม่สามารถเป็นวันอื่นได้ และเมื่อมาเข้ารับการตรวจเลือกแล้ว หากอยู่ในรายชื่อผู้ผ่อนผัน มารายงานตัวเสร็จก็จะถูกแยกไปเลย แต่ไม่ว่ากรณีใด จะต้องได้รับใบรับรองการตรวจเลือกหรือสด.43 จากประธานเท่านั้น ซึ่งปีต่อไปก็จะต้องเข้ามารับการตรวจเลือก มาแสดงตนตามวันเวลาที่กำหนด เป็นลักษณะปีต่อปี กรณีอื่นไม่มี

สำหรับการลงในสด.43 มีอยู่ด้วยกัน 3 ท่อน ท่อนแรกจะเก็บไว้ที่สำนักงานสัสดีจังหวัด ท่อนที่ 2 เก็บไว้ที่กองทัพภาคภูมิลำเนาทหาร แล้วท่อนที่ 3 อยู่กับเจ้าตัว หากผ่อนผันแต่ละท่อนก็จะถูกเก็บแยก ต่างกันเพื่อตรวจสอบ หากไม่มาเข้ารับการตรวจเลือกในปีนั้น สด.43 ทั้ง 3 ท่อนนั้น ก็จะไม่ได้รับการแจกจ่ายไปที่ใด จะเก็บอยู่ในต้นขั้วทั้งหมด และเมื่อสิ้นสุดการตรวจเลือก จะตอกทำลาย เพื่อเป็นหลักฐานไว้ว่า น้องไม่ได้มาเข้ารับการตรวจเลือกหรือขาดรับการตรวจเลือก ก็จะใช้เป็นหลักฐานราชการอีกอย่างหนึ่ง สำหรับผู้ที่มารับการตรวจเลือกไม่ว่าจะได้ใบดำหรือใบแดง ในใบสด.43 ก็จะระบุไว้ ว่าจับได้แบบใด

เมื่อถามว่าจากการตรวจสอบต้นขั้ว ของนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส. ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกลหรือไม่ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน กล่าวว่าใครที่อยู่ในระบบ ต้นขั้วเจอหมด เพราะฉะนั้นชายไทยทุกคน ที่เข้าสู่กระบวนการจะต้องมีต้นขั้ว ส่วนต้นขั้วของนายจิรัฐ ระบุไว้อย่างไร ขออธิบายว่า ตนอธิบายไปแล้วว่าขั้นตอน ของสด.43 มีอะไร ที่ถูกต้อง ลายเซ็นต้องครบลายนิ้วมือต้องพิมพ์ ต้องไปดูว่าสิ่งที่มีผู้แสดงออกมา ว่าสด.43 ใบนั้น เป็นสิ่งที่ราชการออกให้หรือไม่เพราะถ้าไม่ครบ ก็จะไม่ใช่เอกสารที่ทางราชการออกให้

เมื่อถามว่า ถือว่าเป็นการปลอมแปลงเอกสารหรือไม่นั้น ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน กล่าวว่า เป็นไปตามที่ตนชี้แจงไป ถ้าฟังแต่ต้นจะทราบว่าของจริงต้องรับจากมือประธาน ถ้าองค์ประกอบพวกนี้ไม่ครบก็จะไม่ใช่ของจริง

เมื่อถามว่า ถ้าเป็นการปลอมแปลงเอกสาร ในฐานะหน่วยรับผิดชอบตรง จะดำเนินการอย่างไร พล.ท.ทวีพูล กล่าวว่า ขณะนี้ กองทัพบก อยู่ในขั้นตอนรวบรวมหลักฐาน และแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ อยู่ในขั้นตอน เข้าใจว่า ใช้เวลาไม่นาน วันถึงสองวันนี้ ดำเนินการ 

เมื่อถามว่า การปลอมแปลงเอกสารมีความผิดอย่างไร ผบ.นรด. กล่าวว่าความผิดอยู่ที่ศาลจะตัดสิน และการต่อสู้ในชั้นศาล ยืนยันว่าโทษขนาดไหนอยู่ที่การพิจารณาของศาล

พล.ท.ทวีพูล กล่าวในช่วงท้ายว่า ประเด็น สด.43 เป็นเรื่องที่สังคมสนใจและอยากทราบ จึงออกมาที่แจ้งรายละเอียด ยืนยันกองทัพบกไม่ได้นิ่งนอนใจในกรณีนี้ เพียงแต่อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อไป

ทั้งนี้มีรายงานว่า ต้นขั้วสด.43 สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้นับ 10 ปี และกรณีของนายจิรัฏฐ์ ไม่ได้ มาเข้ารับการตรวจเลือกจับใบดำใบแดง

(สุรินทร์) โรงพยาบาลสุรินทร์ จัดประชุมเครือข่ายสื่อสารมวลชนและเครือข่ายประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ 

วันที่ 29 มกราคม 2567 เวลา10.00 น. ณ ห้องประชุมกุญชรศุภศรี อาคาร 100 ปี สธ. โรงพยาบาลสุรินทร์  นายแพทย์ ชวมัย  สืบนุการณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์ จัดประชุมเครือข่ายสื่อสารมวลชนและเครือข่ายประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ เพื่อชี้แจงความก้าวหน้า ผลการดำเนินงาน และนโยบายของโรงพยาบาลสุรินทร์ พร้อมร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งมีตัวแทนเครือข่ายสื่อมวลชนและเครือข่ายประชาสัมพันธ์ จังหวัดสุรินทร์ เข้าร่วมประชุม จำนวน 40 คน  

นายชวมัย สืบนุการณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์ กล่าวว่า เนื่องจากตนเป็นชาวสุรินทร์โดยกำเนิด คลุกคลีกับโรงพยาบาลสุรินทร์มาตั้งแต่เด็ก มีความผูกพันมาก เมื่อมีโอกาสเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้บริหารโรงพยาบาล ซึ่งมีบุคลากรกว่า 3,000 คน เตียง 914 เตียง ที่ยังไม่เพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วยจำนวนมาก จึงตั้งใจที่จะพัฒนาให้โรงพยาบาลสุรินทร์มีศักยภาพในการรักษาชีวิตผู้ป่วยในทุกด้าน ทั้งด้านศูนย์มะเร็ง ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ ศูนย์ผ่าตัดเปลี่ยนไต ศูนย์สุขภาพ ศูนย์ชีวาภิบาล ศูนย์ผู้สูงอายุ ฯลฯ จำเป็นต้องอาศัยสื่อมวลชนในการช่วยประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี ส่งผลสู่การพัฒนาที่เป็นรูปธรรมต่อไป
ปุรุศักดิ์  แสนกล้า  ข่าว/ภาพ

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 1/2567

พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 29 ม.ค.67
เวลา 15.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ครั้งที่ 1/2567 ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.), ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรรมการ ก.ตร.วินัย,กรรมการ ก.ตร.ร้องทุกข์ และกรรมการ ก.ตร.บริหารทรัพยากรบุคคล เข้าร่วมประชุม ซึ่งมีวาระการประชุมฯที่น่าสนใจ คือการรายงานการดำเนินการของอนุฯ ก.ตร. คณะต่างๆ ,การจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการของข้าราชการตำรวจ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ,ร่างหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพึงพอใจที่ประชาชนหรือผู้รับบริการได้รับจากการให้บริการของข้าราชการตำรวจ พ.ศ.... ,ร่างข้อกำหนด ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.... ,และ ร่างกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.....

ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการประชุมฯ  ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงกรณีการประชุม ก.ตร. ครั้งนี้  ซึ่งมีการดำเนินการตามระเบียบวาระที่กำหนด

Texas เหลืออด!! 'ไบเดน' ปล่อยชายแดนทางใต้เป็นจุดเสี่ยงผู้อพยพเถื่อน ชนวนขัดแย้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนอาจถึงขั้นแยกตัวจากสหรัฐฯ


ความขัดแย้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนระหว่างมลรัฐ Texas และรัฐบาลกลางบริเวณชายแดนทางใต้ของมลรัฐ Texas ยังคงดำเนินต่อไป


CBS News Texas ได้พูดคุยกับ Haim Vasquez ทนายความด้านการย้ายถิ่นฐานของ North Texas เพื่อแจกแจงเรื่องราวทั้งหมดและสิ่งที่อาจเกิดขึ้นต่อไป “เราไม่เคยเห็นจุดที่เรามีในตอนนี้” Haim Vasquez ทนายความด้านคนเข้าเมืองกล่าว “อย่าไปถึงจุดนั้นที่เรามีกองกำลังพิทักษ์ชาติของมลรัฐ Texas เจ้าหน้าที่จากสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะของมลรัฐ Texas (The Texas Department of Public Safety : DPS) โดยพื้นฐานแล้วปิดกั้นทางเข้าและรับอำนาจหรือควบคุมชายแดน”


เมื่อวันจันทร์ (22 ม.ค.) ศาลฎีกาสหรัฐฯ กล่าวว่า รัฐบาลกลางมีอำนาจในการถอดลวดหนามที่มลรัฐ Texas ติดตั้งไว้ที่ชายแดนทางใต้ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กล่าวว่า มลรัฐ Texas มีเวลาจนถึงวันศุกร์ในการให้หน่วยงานรัฐบาลกลางเข้าถึง Eagle Pass แต่ผู้ว่าการ Abbott กำลังเพิ่มความมั่นใจเป็นสองเท่าโดยกล่าวว่าเขาจะเพิ่มการลาดตระเวนตามชายแดน เพิ่มเครื่องกีดขวางและลวดหนามให้มากขึ้น “เราอยู่ในประเด็นที่วิกฤตมากในขณะนี้ เพราะเรากำลังทดสอบแก่นแท้ของความเป็นสาธารณรัฐของสหรัฐอเมริกา และศาลฎีกามีอำนาจหรือไม่ ไม่ว่ามลรัฐต่าง ๆ จะต้องปฏิบัติตามหรือหาทางตีความหรือไม่ก็ตาม ในแบบที่พวกเขาต้องการ” Vasquez กล่าว

แนวกีดขวางป้องกันผู้อพยพผิดกฎหมายในแม่น้ำของมลรัฐ Texas

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Ken Paxton อัยการสูงสุดของมลรัฐ Texas ปฏิเสธคำขอของรัฐบาลกลางในการเข้าถึงชายแดน และเรียกร้องหลักฐานที่ระบุว่ารัฐบาลกลางมีอำนาจเปลี่ยนสวนสาธารณะของมลรัฐ Texas ให้เป็นช่องทางเข้าได้ Vasquez บอกว่าจะต้องรอดูว่าใครจะเริ่มลงมือเพื่อดำเนินการต่อไป “หากรัฐบาลกลางถอยห่างจากเรื่องนี้ พวกเขาจะสูญเสียอำนาจที่พวกเขามีตามคำสั่งของศาลฎีกาแห่งสหรัฐฯอย่างสิ้นเชิง” Vasquez กล่าว

ผู้ว่าการมลรัฐต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิกพรรค Republican 25 คนสนับสนุนจุดยืนของผู้ว่าการ Abbott พวกเขากล่าวว่า มลรัฐ Texas มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการป้องกันตัวเอง ผู้ว่าการ Abbott กล่าวว่าเขาเชื่อว่ามลรัฐเหล่านั้นยินดีส่งทหารของกองกำลังพิทักษ์ชาติไปยังชายแดนหากจำเป็น “ผมคิดว่าตอนนี้เราได้ก้าวข้ามเส้นในความพยายามในการแก้ไขปัญหาแล้ว และตอนนี้พวกเขากำลังทำให้มันกลายเป็นประเด็นทางการเมือง” Vasquez กล่าว

แถลงการณ์ของ Gregg Abbott ผู้ว่าการมลรัฐ Texas เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2024

รัฐบาลกลางได้ทำลายข้อตกลงระหว่างสหรัฐอเมริกาและมลรัฐต่าง ๆ ฝ่ายบริหารของสหรัฐอเมริกามีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางที่คุ้มครองรัฐต่าง ๆ รวมถึงกฎหมายคนเข้าเมืองที่มีอยู่ในหนังสือในขณะนี้ ประธานาธิบดี Biden ได้ปฏิเสธที่จะบังคับใช้กฎหมายเหล่านั้นและยังฝ่าฝืนกฎหมายเหล่านั้นอีกด้วย ผลก็คือเขาได้ทำลายข้อตกลงการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย

แม้ว่าจะมีการแจ้งเป็นชุดจดหมาย - ฉบับหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าได้ส่งไปถึงมือเขาเอง - แต่ประธานาธิบดี Biden กลับเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของมลรัฐ Texas ที่ให้เขาปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ 

- ประธานาธิบดี Biden ละเมิดคำสาบานของเขาที่จะปฏิบัติตามกฎหมายคนเข้าเมืองที่สภาคองเกรสตราขึ้นอย่างซื่อตรง แทนที่จะดำเนินคดีกับผู้อพยพฐานก่ออาชญากรรมต่อรัฐบาลกลางในการเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย ประธานาธิบดี Biden ได้ส่งทนายความของเขาไปที่ศาลรัฐบาลกลางเพื่อฟ้องร้องมลรัฐ Texas ในการดำเนินการเพื่อรักษาความมั่นคงบริเวณชายแดน 
- ประธานาธิบดี Biden ออกคำสั่งให้หน่วยงานของเขาเพิกเฉยต่อกฎเกณฑ์ของรัฐบาลกลางที่บังคับใช้ในการควบคุมตัวผู้อพยพผิดกฎหมาย ผลที่ตามมาคือการอนุญาตให้มีทัณฑ์บนจำนวนมากในสหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฎหมาย 
- ประธานาธิบดี Biden ต้องใช้เงินภาษีเพื่อเปิดโครงสร้างพื้นฐานด้านความมั่นคงชายแดนของมลรัฐ Texas เพื่อล่อลวงผู้อพยพผิดกฎหมายออกจากจุดเข้าเมืองตามกฎหมาย 28 จุดตามแนวชายแดนทางใต้ของรัฐนี้ ซึ่งเป็นสะพานที่ยังไม่มีใครเคยจมน้ำ และต้องเสี่ยงลงไปในแม่น้ำริโอแกรนด์ที่อันตราย 

ภายใต้นโยบายชายแดนที่ผิดกฎหมายของประธานาธิบดี Biden ผู้อพยพผิดกฎหมายมากกว่า 6 ล้านคนได้ข้ามชายแดนทางใต้ของเราในเวลาเพียง 3 ปี ซึ่งมากกว่าจำนวนประชากรของมลรัฐต่าง ๆ 33 รัฐในประเทศนี้ การปฏิเสธในการปกป้องประเทศอย่างผิดกฎหมายได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนต่อผู้คนทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา 

James Madison, Alexander Hamilton และบรรดาคนอื่น ๆ ผู้ที่เขียนรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ เล็งเห็นล่วงหน้าว่ามลรัฐต่าง ๆ ไม่ควรตกอยู่ภายใต้อำนาจของประธานาธิบดีที่ไม่เคารพกฎหมาย ซึ่งไม่ได้ทำอะไรเพื่อหยุดยั้งภัยคุกคามจากภายนอก เช่น แก๊งค้ายาที่ลักลอบขนผู้อพยพผิดกฎหมายหลายล้านคนข้ามพรมแดน นั่นคือเหตุผลที่ผู้วางกรอบรวมทั้งมาตรา IV § 4 ซึ่งสัญญาว่ารัฐบาลกลาง “จะปกป้อง (มลรัฐ) แต่ละแห่งจากการรุกราน” และมาตรา I § 10 ข้อ 3 ซึ่งยอมรับ “ผลประโยชน์อธิปไตยของรัฐในการปกป้อง พรมแดนของพวกเขา” Arizona กับสหรัฐอเมริกา 567 U.S. 387, 419 (2012) ((Scalia, J., ผู้คัดค้าน) 

ความล้มเหลวของฝ่ายบริหารของ Biden ในการปฏิบัติหน้าที่ที่กำหนดโดยมาตรา IV § 4 ได้ก่อให้เกิดมาตรา I § 10 ข้อ 3 ซึ่งขอสงวนสิทธิ์ในการป้องกันตัวเองสำหรับรัฐนี้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ข้าพเจ้าจึงได้ออกประกาศภายใต้มาตรา 1 § 10 ข้อ 3 เพื่อเรียกร้องอำนาจตามรัฐธรรมนูญของมลรัฐ Texas ในการปกป้องและคุ้มครองตัวเอง อำนาจนั้นเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศและแทนที่กฎเกณฑ์ของรัฐบาลกลางใด ๆ ที่ตรงกันข้าม กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติของมลรัฐ Texas สำนักงานความปลอดภัยสาธารณะของมลรัฐ Texas และเจ้าหน้าที่ของมลรัฐ Texas อื่น ๆ กำลังดำเนินการตามอำนาจดังกล่าว เช่นเดียวกับกฎหมายของรัฐ เพื่อรักษาความปลอดภัยบริเวณชายแดนของมลรัฐ Texas

Gregg Abbott ผู้ว่าการมลรัฐ Texas

‘BYD’ เฮ!! กำไรสุทธิปี 2023 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังเพิ่งแซง ‘เทสลา’ ครองยอดขายอีวีเบอร์ 1 ของโลก

(30 ม.ค.67) BYD ยักษ์ใหญ่รถไฟฟ้าสัญชาติจีน ผู้นำโลกในภาคอุตสาหกรรมนี้ เปิดเผยว่าทางบริษัทมีกำไรสุทธิพุ่งขึ้นในปี 2023 และคาดหมายว่าตัวเลขในขั้นท้ายที่สุดจะสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ จากรายงานผลประกอบการเบื้องต้นที่เผยแพร่ออกมาในวันจันทร์ (29 ม.ค.)

โดยบริษัท BYD คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิสำหรับปีที่แล้ว จนถึงฤดูใบไม้ร่วง อยู่ระหว่าง 29,000 ล้านหยวนถึง 31,000 ล้านหยวน (4,100 ล้านถึง 4,4000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นราวๆ 74.5% ถึง 86.5% เมื่อเทียบกับหนึ่งปีก่อนหน้านั้น

คาดหมายว่า BYD จะเผยแพร่ตัวเลขขั้นท้ายสุดในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเซินเจิ้น เพิ่งแซงหน้า เทสลา ของอีลอน มัสก์ ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2023 ผงาดขึ้นมาเป็นบริษัทที่มียอดขายรถไฟฟ้าสูงสุดในโลก

อย่างไรก็ตาม แม้สูญเสียบัลลังก์ยอดขายสูงสุดรายไตรมาส แต่ เทสลา ยังคงครองอันดับ 1 ในแง่ของรายปี โดยได้ส่งมอบรถอีวีแก่ลูกค้ามากกว่า 1.8 ล้านคัน ตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 38%

กระนั้นแม้ตัวเลขดังกล่าวจะอยู่เหนือกว่ายอดขายระดับไม่ถึง 1.6 ล้านคันของ BYD แต่สำหรับ BYD นั้น พบว่ามียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 73% เมื่อเทียบเป็นรายปี

BYD วางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าของพวกเขาในเกือบ 60 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป เมื่อปีที่แล้ว พวกเขากลายเป็นบริษัทแรกที่ก้าวผ่านหลักหมายเชิงสัญลักษณ์ในการผลิตรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าล้วนทะลุ 5 ล้านคัน

นอกจากนี้แล้ว BYD ยังเป็นผู้จัดหาแบตเตอรีป้อนแก่บรรดาผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก ในนั้นรวมถึงเทสลา, บีเอ็มดับเบิลยู, เมอร์เซเดสและออดี

'สว.วีระศักดิ์' กล่าวเปิดเทศกาลภาพยนตร์ Moscow Film Days  ความร่วมมือครั้งใหญ่ระหว่างอุตสาหกรรมภาพยนตร์ 'ไทย-รัสเซีย'

เมื่อวานนี้ (29 ม.ค.67) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อดีตเลขาธิการสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติของไทย ขึ้นกล่าวแสดงความยินดีกับ รัฐมนตรี ด้านวัฒนธรรมของนครมอสโก และคณะ ในความร่วมมือระหว่างสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) และวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทย จับมือร่วมกับวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของรัสเซีย หนึ่งในประเทศที่มีวงการภาพยนตร์ที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่อีกแห่งของโลก ที่จัดให้มีงานเทศกาลภาพยนตร์ Moscow Film Days เป็นครั้งแรกในไทย ที่โรงภาพยนตร์ SF World Cinema ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์

โดยมีเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทยและคณะทูตจากต่างประเทศพร้อมคู่สมรส ผู้แทนการค้าไทย รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้แทนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้บริหารสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และคณะผู้บริหารสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติของไทยที่มาร่วมแสดงความยินดี

ในพิธีเดินพรมแดง มีการจัดถ่ายทอด live สด การสนทนาสัมภาษณ์กับนักบินอวกาศที่ร่วมแสดงในฉากจริงของภาพยนตร์ ‘The Challenge’ จากนั้นเป็นกิจกรรมขึ้นกล่าวก่อนเปิดฉายภาพยนตร์ ‘The Challenge’ ที่เป็นภาพยนตร์กวาดรายได้สูงสุด 1 ใน 5 เรื่องที่ฝ่ายรัสเซียนำมาทยอยเข้าฉายในไทยนับจากนี้ไปถึงเดือนเมษายน 

‘The Challenge เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของโลกที่ถ่ายทำในสถานที่จริงในอวกาศ ที่สถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station หรือ ISS) โดยเป็นเรื่องราวของ ศัลยแพทย์ (นำแสดงโดย ยูเลีย พีริซีลด์ ดารานักแสดงสาวของรัสเซีย) ถูกส่งขึ้นโดยการตัดใจของหน่วยกำกับกิจการอวกาศแห่งชาติของรัสเซีย มุ่งสู่สถานีอวกาศนานาชาติที่โคจรเหนือพื้นโลกที่อยู่เหนือขึ้นไปกว่า 400 กิโลเมตรเป็นการเร่งด่วน เพื่อไปผ่าตัดช่องอกให้นักบินอวกาศที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุในอวกาศ เพื่อหวังให้สามารถกลับลงสู่พื้นโลกได้ปลอดภัย

การถ่ายทำจริงใช้เวลา 12 วันบนอวกาศ ผ่านการเตรียมงานและฝึกฝนนักแสดงและผู้กำกับให้ขึ้นไปทำภารกิจในสภาพไร้น้ำหนักและปราศจากแรงโน้มถ่วงของโลกอยู่นับเดือน นับเป็นมิติใหม่ที่ผู้ชมจะได้ชมภาพยนตร์สนุกจากบรรยากาศในยานอวกาศจริง

ในการนี้ นายเยฟกินี โธมีคิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทยขึ้นกล่าวว่าภาพยนตร์เป็นเครื่องมือสื่อสารที่สามารถสะท้อนแนวคิดวิถีชีวิต ของคนในแต่ละสังคม เพื่อให้ผู้ชมจากอีกสังคมสามารถสัมผัสและเข้าถึงได้ง่าย

นายอเล็กเซย์ ฟูซินด์ รัฐมนตรีด้านวัฒนธรรมของมอสโก ขึ้นกล่าวว่าเป็นความภาคภูมิใจของรัสเซียที่ชาวไทยให้ความสนใจมาร่วมกิจกรรมในเทศกาลที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกระหว่างไทยกับรัสเซียอย่างอบอุ่นคับคั่ง รวมทั้งภาคธุรกิจภาพยนตร์และคอนเทนต์ของไทยก็เข้าชื่อมาร่วมพบเจรจา Business Matching กับคณะเดินทางภาคเอกชนด้าน ภาพยนตร์และคอนเทนต์ของรัสเซียกันอย่างหนาแน่นด้วย นับเป็นการเปิดมิติความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และหวังจะได้เห็นการร่วมมือผลิตภาพยนตร์แบบ Co-Production ระหว่างรัสเซียและไทยในอนาคตอันใกล้

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ขึ้นกล่าวว่า ในรัสเซียมีการใช้วัฒนธรรมภาพยนตร์ในการขับเคลื่อนสังคมมายาวนาน มีภาพยนตร์สำหรับเข้าโรงฉายในรัสเซียถึงปีละ เฉลี่ย 2 พันเรื่อง และมีกิจการโรงภาพยนตร์ที่กระจายตัวอยู่มากถึง 2 หมื่นแห่งทั่วรัสเซีย ดังนั้นการร่วมมือระหว่างวงการอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยกับรัสเซียจึงนับเป็นมิติที่ดีในการเสริมพลังทั้งทางเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ภาคประชาชนของทั้งสองประเทศที่มีความสัมพันธ์กันมายาวนาน

รัสเซียและไทยเริ่มมีความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางระหว่างกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 และต่อมาขยายเพิ่มเติมใน พ.ศ. 2548

ปัจจุบัน รัสเซียสร้างเมืองภาพยนตร์ (Movie Town) และสวนภาพยนตร์ (Film Park) ขึ้นในกรุงมอสโก จากหมู่โรงงานและนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เลิกใช้งานแล้ว เพื่อช่วยให้กองถ่ายรัสเซียและนานาชาติ สามารถเช่าถ่ายทำฉากต่าง ๆ ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ สามารถจำลองเป็นเมืองใด ๆ ในโลกก็ได้ สามารถมีฉากแปลกตาท้าทาย ทั้งบนบก ฉากใต้น้ำจากการใช้ทะเลสาบขุดขนาดใหญ่ในพื้นที่พร้อมทีมนักดำน้ำสนับสนุน เพื่อให้ผู้กำกับภาพยนตร์สร้างงานตามจินตนาการได้อย่างสะดวก เพราะอยู่ในเขตใกล้เมืองที่มีระบบบริการและสาธารณูปโภคที่เข้าถึงง่ายจากนครหลวงมอสโกเพียง 25 นาทีทางรถยนต์

ทั้งนี้เทศกาลภาพยนตร์ Moscow Film Days มีกำหนดจะเปิดฉายภาพยนตร์เรื่อง ‘The Challenge’ รอบปกติ ในเครือโรงภาพยนตร์ SF Cinema ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป และจะทยอยนำภาพยนตร์ที่คัดเลือกไว้เข้าฉายต่อเนื่องไปให้คนไทยได้ชมไปเรื่อย ๆ จนครบทั้ง 5 เรื่องในกลางเดือนเมษายน

‘ติ๊กต็อกดัง’ มั่นใจ!! ‘พีระพันธุ์’ แม่นกฎหมาย-ข้อมูลเป๊ะ เชื่อ!! ไม่เข้าข้าง-ช่วยเหลือ ‘เจ๋ง ดอกจิก’ ให้พ้นผิด

เมื่อวานนี้ (29 ม.ค. 67) ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อก ‘sparkupdate’ ได้โพสต์คลิปเกี่ยวกับกรณีตำรวจควบคุมตัวนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ภายในทำเนียบรัฐบาล หลังมีการกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการข่มขู่เรียกเงินอธิบดีกรมการข้าว จำนวน 3 ล้านบาท ว่า…

“มีประเด็นใหม่ที่น่าสนใจ โดยที่ปรึกษากฎหมายของทางอธิบดีกรมการข้าว ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า…พรรครวมไทยสร้างชาติ ‘อาจจะ’ ช่วยเหลือเจ๋ง ดอกจิก เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ (ข่มขู่ รีดเงิน) หากยังมีตำแหน่งทางราชการ หรือมีการแต่งตั้งทางราชการ ก็จะต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งถือเป็นโทษที่หนักมาก แต่หากได้มีการปลดหรือลงจากตำแหน่งมาก่อนแล้ว กลายเป็นบุคคลธรรมดา จะต้องโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี”

ผู้ใช้ติ๊กต็อกรายนี้ ยังระบุต่อว่า “มีหลายคนตั้งคำถาม ตั้งข้อสงสัยว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะเข้ามาช่วยเหลือกันเองหรือเปล่า ซึ่งทางเรามั่นใจนะว่า ‘ไม่’ เพราะคนที่ออกมาให้ข่าวว่าตำแหน่งของ เจ๋ง ดอกจิก หลุดไปตั้งแต่เดือนธันวาคมแล้วคือนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ซึ่งเรามั่นใจมากว่าทางคุณพีระพันธุ์แม่นยำเรื่องกฎหมาย เรื่องเอกสาร เรื่องความชัดเจน เราเชื่อว่าจะไม่มีการปกป้องคนผิด เพราะก็เคยเป็นผู้พิพากษามาก่อนด้วย”

“ส่วนอีกประเด็นก็คือคุณขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ได้ออกมาเปิดโอกาสให้ร้องเรียนได้ หากใครโดนคนของพรรคแอบอ้างหรือทุจริต ก็สามารถส่งข้อความร้องทุกข์ได้ เป็นการถือโอกาสนี้เพื่อสะสาง กวาดล้างให้สะอาด ส่วนใครที่แต่งตั้งตำแหน่งอะไรไว้ ก็จะให้ทำรายงานและส่งกลับมาให้พรรคดูอีกทีหนึ่ง ซึ่งนี่ก็เป็นท่าทีของพรรครวมไทยสร้างชาติหลังเกิดกรณีของเจ๋งดอกจิก”

'นักธุรกิจหนุ่ม' ด่าการบินไทย โพสต์ขอโทษ รับ!! ทราบข้อเท็จจริง รู้สึกผิดที่ตำหนิโดยไม่รู้

(30 ม.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Ekapak Nirapathpongporn' นักธุรกิจหนุ่มผู้โพสต์ด่าการบินไทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความกล่าวขอโทษ ระบุว่า...

สืบเนื่องจากการ Post ข้อความของผมที่มีการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ ตำหนิการปฏิบัติงานของกัปตันในเที่ยวบินของบริษัท การบินไทย นั้น 

เมื่อผมได้รับทราบข้อเท็จจริงจากผู้มีความรู้ด้านการบินเกี่ยวกับขั้นตอนในการปฏิบัติงานของกัปตัน และทราบว่าสภาพอากาศในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นข้อจำกัดที่ทำให้กัปตันต้องตัดสินใจบินไปสนามบินสำรองเพื่อความปลอดภัยสูงสุด 

ผมมีความรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด ที่ได้เขียนข้อความซึ่งไม่ได้ผ่านการกลั่นกรอง จึงได้ประสานกับนายกสมาคมนักบินไทย ขอโอกาสในการเข้าพบกัปตัน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในเที่ยวบินดังกล่าว เพื่อกล่าวคำขอโทษ รวมถึงจะประสานเข้าพบฝ่ายบริหารของบริษัท การบินไทย เพื่อขออภัยในสิ่งที่เขียนซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อมาตรฐานของทางสายการบินต่อไป ในช่วงสัปดาห์หน้าหลังจากที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยในทันที

สุดท้าย ผมต้องขออภัยต่อทุกท่านที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำอันเกิดจากเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผมมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

ผบ.ตร. ชื่นชม ส.ต.ท.ปฏิภาณ มีไหวพริบจิตวิญญานเลือดตำรวจเต็มเปี่ยม เข้าช่วยระงับเหตุซึ่งหน้าขณะแวะปั้ม ช่วยหญิงสาว ถูกคนร้ายบุกใช้ปืนขู่หวังก่อเหตุ เร่งเข้าชาร์ตรวบตัวส่ง สภ.ตาก

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2567 เวลา 00.31 น. ขณะที่ ส.ต.ท.ปฏิภาณ กะจิวผา ผบ.หมู่ กก.1 บก.ปพ เดินทางกลับภูมิลำเนา จว.ตาก ได้แวะปั๊มน้ำมัน และพบชายท่าทางมีพิรุธน่าสงสัยเดินวนเวียนบริเวณหน้าห้องน้ำหญิงหลายรอบ ต่อมาชายดังกล่าวได้บุกเข้าไปในห้องน้ำหญิงแล้วไปกระชากแขนของ ผู้หญิงออกมา ฝ่ายหญิงได้ตะโกนขอความช่วยเหลือเเละบอกว่าชายคนดังกล่าวมีอาวุธปืนข่มขู่เพื่อจะทำร้ายร่างกาย เห็นเหตุการณ์ไม่สู้ดีจึงเข้าไปเเสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับแสดงบัตรข้าราชการตำรวจให้ชายดังกล่าวดู และทำการตรวจค้นตัว พบอาวุธปืนลูกซองสั้น(ไทยประดิษฐ์) พร้อมเครื่องกระสุนจำนวน 4 นัด จึงได้ควบคุมตัวชายคนดังกล่าวพร้อมรีบประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตาก ให้มารับตัวเพื่อไปดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ด้าน พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เปิดเผยว่า หลังจากได้รับทราบรายงานเหตุการณ์ ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจนายดังกล่าว ที่ปฎิบัติหน้าที่ด้วยจิตวิญญาน ความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างเต็มเปี่ยม สามารแก้ใขเหตุการณ์เฉพาะหน้าเพื่อการป้องกันเหตุร้ายได้อย่างทันท่วงที ตนในฐานะผูับังคับบัญชา อยากให้ข้าราชการตำรวจทุกนายดูใว้เป็นแบบอย่าง การเป็นข้าราชการตำรวจที่ดีเพื่อเป็นที่พึ่งของประชนในยามมีภัยในทุกๆ สถาการณ์แบบนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top