Monday, 9 June 2025
NewsFeed

‘หนุ่มตรัง’ แห่สมัครทหารคึกคัก!! หวังคว้าโควตาสอบนายสิบ-นายร้อย บางคนเศร้า ตั้งใจมาสมัครแต่ผิดหวัง เนื่องจากสภาพร่างกายไม่พร้อม

(28 ม.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สโมสรกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง พันเอกพงษ์เทพ แตงพลับ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ได้ตรวจคัดเลือกทหารที่สมัครทหารออนไลน์ประจำปี 2567 คุณสมบัติเป็นทหารกองเกินที่มีอายุ 18 ถึง 20 ปีบริบูรณ์(เกิดปี พ.ศ. 2547 – 2549) หรือทหารกองเกินที่มีอายุ 22 ถึง 29 ปีบริบูรณ์ (เกิดปี พ.ศ. 2538 – 2545) ซึ่งเป็นผู้ที่ผ่านการตรวจเลือกแล้วแต่ไม่ถูกเข้ากองประจำการ และเป็นผู้ที่มีร่างกายสมบูรณ์ดี ไม่พิการทุพพลภาพหรือมีโรคที่ขัดต่อการรับราชการทหารตามที่กำหนดใน พ.ร.บ. รับการทหาร พ.ศ.2497

สำหรับการสมัครทหารกองเกินเข้ารับราชการ เป็นทหารกองประจำการ โดยวิธีการร้องขอ (กรณีพิเศษ) ด้วยระบบออนไลน์ ประจำปี 2567 เพื่อเพิ่มโอกาสในการสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบ นักเรียนนายร้อย และบุคลากรของกองทัพบก การสมัครทหารออนไลน์นั้น เมื่อผ่านการตรวจร่างกายแล้วรับใช้ชาติเป็นทหารกองประจำการ โดยไม่ต้องจับใบดำใบแดง

ทั้งนี้ พันเอก พงษ์เทพ แตงพลับ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ได้บอกกล่าวกับผู้ปกครองที่พาบุตรหลานมาสมัครฯว่าจะได้สิทธิต่างๆตามที่กองทัพกำหนด ผู้ที่สมัครสามารถเลือกได้ว่าจะสังกัด กองทัพบก กองทัพอากาศ กองทัพเรือ ได้รับอัตราเงินเดือนตามที่กำหนด ที่สำคัญคือมีโอกาสในการสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบ นักเรียนนายร้อย การสมัครรับราชการทหาร สามารถลดค่าใช้จ่ายและยังเป็นการช่วยเหลือครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งในวันนี้มีผู้ปกครองมาสมัครจำนวนมาก

เป็นผลมาจากการที่สัสดีจังหวัดตรัง สัสดีอำเภอและหน่วยทหารกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ได้ออกรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน เพื่อนำบุตรหลานมาสมัคร ขณะนี้ที่จังหวัดตรังมีผู้มาสมัครทหารออนไลน์และผ่านการคัดเลือกแล้ว เกือบ 300 คน แต่ก็มีบางรายที่ตั้งใจมาสมัคร แต่ไม่ผ่านการตรวจร่างกายเนื่องจากมีโรคประจำตัว ทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้รักษาร่างกายให้หายดีก่อนแล้วมาสมัครพร้อมกับใบรับรองแพทย์ ในปีถัดไป การสมัครนั้นจะหมดเขตในวันที่ 28 มกราคม 2567 นี้

‘สื่ออุซเบฯ’ เย้ย ‘ทีมชาติไทย’ โชว์เหนือทั้งทักษะ-ประสบการณ์ แฟนบอลเชื่อ!! รอบ 16 ทีมสุดท้าย อุซเบฯ ยิงประตูถล่มไทยยับแน่

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 67 เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘เครื่องจักรนักเขียน’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณี ‘ช้างศึก’ ทีมชาติไทย ที่เตรียมลงสนามพบกับ ‘ทีมชาติอุซเบกิสถาน’ ในศึก ‘เอเชียนคัพ 2023’ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ในวันที่ 30 ม.ค.ที่จะถึงนี้ โดยระบุว่า…

ความเห็นจากแฟนบอลอุซเบกิสถาน ผมไล่อ่านคอมเมนต์มาเป็นร้อย มีน้อยคนมาก ไม่ถึง 5% ที่คิดว่า ‘ไทย’ คือ คู่แข่งที่อันตราย ส่วนใหญ่บอกว่า อุซเบฯ โชคดี ที่ได้มาเจอไทยในรอบน็อกเอาท์ เอเชียนคัพ

ลองไปดูคอมเมนต์แฟนบอลอุซเบฯ ที่มองไทยกันนะครับ
คอมเมนต์ที่ 1 - ไทย คือ คู่แข่งที่เบามือของอุซเบกิสถาน พระเจ้าประทานพร เราจะเอาชนะพวกเขาแบบถล่มทลาย
คอมเมนต์ที่ 2 - ไทยยังไม่เสียประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่อุซเบกิสถานมีประตูจะมอบให้ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
คอมเมนต์ที่ 3 - ไทยเป็นคู่แข่งที่เล่นง่ายกว่าพวกอาหรับเยอะ เกมนี้ไม่ยืดเยื้อแน่นอน
คอมเมนต์ที่ 4 - ผมจะไม่แปลกใจถ้าอุซเบกิสถาน ถล่มไทย 3-0
คอมเมนต์ที่ 5 - ไทยเป็นทีมที่ไม่ชอบยิงประตูในรอบแบ่งกลุ่ม ชัดเจนว่า พวกเขาจะมาจอดรถบัสในการเจอกับอุซเบกิสถาน สิ่งที่เราต้องทำ คือ โจมตีพวกเขา อาจจะใช้การยิงไกล เกมนี้เราควรเลือกใช้ ‘อับดูโคห์ลิคอฟ’ เป็นตัวจริง และเขาจะยิงประตูให้เราได้เหมือนเมสซี่

ไม่ใช่แค่แฟนบอล แต่นักเตะเองก็มั่นใจไม่ต่างกัน ‘ยาลาลุดดิน มาชาริปอฟ’ ผู้เล่นทีมชาติอุซเบฯ ให้สัมภาษณ์ว่า “เราเคารพทุกทีมนะ แต่เป้าหมายของเรา คือ ผ่านเข้าชิงให้ได้ ต่อให้เราต้องเจอซาอุดีอาระเบียในรอบนี้ เราก็ไม่กลัว เพราะนักเตะทุกคนพร้อม จริงอยู่บางคนบาดเจ็บ แต่เรามีตัวเปลี่ยนแทน ไม่มีปัญหา”

อุซเบกิสถาน เป็นทีมที่ดี อันดับโลกเหนือกว่าไทยเยอะ พวกเขามีร่างกายแข็งแรง นักเตะหลายคนมีบอดี้แบบชาวยุโรป นอกจากนั้น ยังเลี้ยงบอลเก่งมากๆ ด้วย นักเตะชื่อ ‘ออสตอน โอรูนอฟ’ (กองหน้าที่เล่นปีกขวาได้ ใส่เบอร์ 11) คือ ผู้เล่นที่เลี้ยงหลบผ่านคู่แข่งมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของเอเชียนคัพครั้งนี้ กระชากผ่านคู่แข่งในจังหวะตัวต่อตัวได้ถึง 8 ครั้ง นี่จะเป็นทีเด็ดที่ไทยต้องระวังมากๆ

ส่วนเกมรุกของอุซเบฯ จะเน้นขึ้นฝั่งซ้ายเป็นหลัก สถิติบอกว่า ใน 3 เกมที่ผ่านมา รอบแบ่งกลุ่ม อุซเบฯ ขึ้นฝั่งซ้ายมากถึง 92 ครั้ง ถ้าเทียบกับฝั่งขวา ที่ขึ้นมาแค่ 59 ครั้งเท่านั้น

ขณะที่จังหวะเคาน์เตอร์แอทแท็ก สถิติบอกว่า ถ้าอุซเบฯ เล่นเกมโต้กลับเร็ว 22 ครั้งจะโจมตีไปทางซ้ายของตัวเอง ส่วนการโจมตีทางขวาเกิดขึ้น 12 ครั้ง น้อยกว่ากันครึ่งหนึ่ง

สื่ออุซเบกิสถาน ไม่ได้โฟกัสที่ไทยนัก เพราะพวกเขามองข้ามช็อตไปแล้ว มองที่เกมเจอเจ้าภาพกาตาร์ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ว่าจะเอาชนะได้ยังไง เกมกับไทยรอบ 16 ทีม เหมือนเป็นโบนัส โชคดีที่ได้เจอกัน และหลีกเลี่ยงบิ๊กทีมได้สำเร็จ

หนึ่งบทความของสื่ออุซเบฯ ที่เขียนถึงทีมชาติไทย พาดหัวว่า “เจริญรัตนาภิรมย์ จ่ายบอลให้กนิตศรีบำเพ็ญ ทำไมคุณควรสงสารใครก็ตาม ที่จะเป็นคนพากย์เกมอุซเบกิสถาน เจอกับทีมชาติไทย” คือ ไปสายฮาเลย ล้อเลียนว่าไทย ชื่อยาว เรียกยาก แต่ไม่ได้มีการโฟกัสเรื่อง จุดแข็ง จุดอ่อนอะไรของไทยเลยสักนิด

แน่นอน พวกเขาอันดับโลกเหนือกว่า แถมไทยไม่เคยชนะมาตั้งแต่ปี 2007 สื่ออุซเบฯ บอกว่า ทีมชาติพวกเขามีเวลาพักตั้ง 7 วัน ไทยพักแค่ 5 วัน อุซเบฯ น่าจะได้เปรียบ คือ บางคนก็วิจารณ์กันไป โดยไม่สนใจว่าไทยเปลี่ยนไลน์อัป 11 คน ในเกมเจอซาอุฯ ด้วยซ้ำ

เอาล่ะ ดูจากเหตุผลต่างๆ พวกเขาจะมั่นใจว่า ชนะไทยแน่ๆ ก็เข้าใจได้ ศักยภาพและประสบการณ์เขาเหนือกว่าเราจริง

อย่างไรก็ตาม… ทีมชาติไทยสามารถฉกฉวยความประมาท ของฝั่งอุซเบฯ เอามาสร้างประโยชน์ให้ตัวเองได้ ยิ่งคิดว่าเราอ่อนเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี เมื่อแข่งขันจริงๆ จะได้ไม่ระวังตัวเท่านั้น ถ้าเราศึกษาข้อมูลมาอย่างถ่องแท้ล่ะก็ ผมว่าเราก็มีโอกาสทะลวงเขาอยู่

เกมฟุตบอล 90 นาที คนเป็นรองตามหน้าเสื่อ ไม่ได้แปลว่าจะแพ้เสมอไป ผมว่าถ้าเรารักษาโมเมนตั้มดีๆ แบบสามเกมแรกได้ นี่จะเป็นเกมที่สนุก และเราจะไม่มีทางโดนเชือดง่ายๆ อย่างที่อุซเบฯ วาดฝันแน่นอนครับ

‘ผู้แทนการค้าไทย’ บุก ‘อินเดีย’ ดึงภาคเอกชน ร่วมลงทุนใน EEC ชูจุดเด่นทักษะแรงงาน-สิทธิพิเศษ พร้อมเร่งผลักดันการค้าทั้ง 2 ฝ่าย

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 67 นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยว่า ตนพร้อม นายดนย์วิศว์ พูลสวัสดิ์ กงสุลใหญ่ ณ เมืองมุมไบ และทีมประเทศไทย ได้หารือกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท TATA ในภาคส่วนของยานยนต์ และเหล็ก โดย TATA เป็นบริษัทชั้นนำในอินเดีย มีมูลค่าตลาด กว่า 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 10.7 ล้านล้านบาท โดยเชิญชวนให้จัดตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ในพื้นที่อีอีซี และใช้ไทยเป็นฐานในการส่งออกไปยังประเทศอื่น ในอาเซียน ชูจุดเด่นด้านทักษะแรงงาน สถานที่ตั้งและสิทธิพิเศษด้านการลงทุน

ในขณะที่การหารือกับผู้บริหารบริษัท Mahindra ที่เป็นบริษัทชั้นนำด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ การให้บริการด้านไอที และเป็นบริษัทที่จัดจำหน่ายรถเทรคเตอร์มากที่สุดในโลก ซึ่งทางบริษัทจะเริ่มนำรถแทรกเตอร์เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยภายในกลางปีนี้ และหากยอดขายเป็นไปตามเป้า ทางบริษัทจะพิจารณาการจัดตั้งโรงงานในไทย เพื่อจัดจำหน่ายในไทย และส่งไปยังประเทศอื่นในภูมิภาค ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มมูลค่าการส่งออกของไทย และเป็นการส่งเสริมการจ้างงานในพื้นที่ โดยตนพร้อมจะสนับสนุนและประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง

นางนลินี กล่าวว่า นอกจากนั้น ได้หารือประธาน IMC Chamber of Commerce and Industry ซึ่งเป็นหอการค้าที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1907 และมีสมาชิกกว่า 5,000 คน โดยได้เสนอให้พัฒนาความร่วมมือระหว่าง IMC Youth และผู้ประกอบการรุ่นใหม่หอการค้า (YEC) เนื่องจากคนรุ่นใหม่ของ 2 ประเทศ จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อน และผลักดันความสัมพันธ์ทางการค้าต่อไป

นอกจากนี้ ตนยังได้เชิญชวนให้ใช้อีอีซี เป็นฐานในการผลิตไฟฟ้าอีวี และยาและเวชภัณฑ์เพื่อขายในภูมิภาค สำหรับการหารือกับ Confederation of Indian Industry (CII) ทั้งนี้ตนได้เน้นย้ำถึงความสำคัญด้านการเชื่อมโยง โดยเฉพาะโครงการถนนสามฝ่ายอินเดีย-เมียนมา-ไทย เมื่อแล้วเสร็จจะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาทางการค้าระหว่างไทยกับอินเดีย โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ ตนยังได้เชิญชวนให้ผู้ประกอบการชาวอินเดียลงทุนในอุตสาหกรรมโรงแรม เพื่อตอบสนองต่อการเติบโตของนักท่องเที่ยวอินเดียในไทย

วิชามาร!! ใช้คดี ‘ศรีสุวรรณ’ ทำลาย ‘พีระพันธุ์’ ขัดขวาง ‘รื้อโครงสร้างพลังงาน-แคนดิเดตนายกฯ’

จากกรณี ตำรวจ บก.ปปป. นำกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. บุกจับกุมนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน นักเคลื่อนไหวชื่อดังที่บ้านในจังหวัดปทุมธานี พร้อมของกลางเงินสด 5 แสนบาท และจับกุมนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ ‘เจ๋ง ดอกจิก’ ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ กับ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อบ่ายวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังทั้งหมดมีพฤติกรรมร่วมกัน ข่มขู่เรียกเงิน นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว 1.5 ล้านบาท แลกกับการยุติเรื่องร้องเรียนโครงการสนับสนุนลดต้นทุนผลิตด้านการปลูกข้าว และปรับปรุงการผลิตสำหรับผู้ปลูกข้าว หลังอ้างว่าพบพิรุธในทางทุจริต ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ล่าสุด วันนี้ (28 ม.ค. 67) ผู้ใช้ติ๊กต็อกช่องหนึ่ง ชื่อ ‘@dr.brahm_isara_inya’ หรือ ‘ดร.พราหมณ์อิศรา อินทร์ยา’ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า…

“ผมไม่เคยนึกชื่นชม ชื่นชอบ คุณศรีสุวรรณ จรรยา เป็นการส่วนตัวเลยนะครับ แอบยิ้ม แอบสะใจด้วยซ้ำ พอแกโดนจับคดีรีดไถเองเสียบ้าง แต่ว่าคดีนี้ มีบางประเด็นที่อยากจะชี้ชวนให้พี่น้องประชาชนมาช่วยกันคิดครับ

เพราะว่าคดีนี้ มีผู้ต้องหาร่วมอีก 2 คนคือ คุณเจ๋ง ดอกจิก กับ อดีตผู้สมัคร สส.หญิงของพรรคร่วมไทยสร้างชาติ ทั้ง 3 คนนี้ จะผิด จะถูกอย่างไร ก็ให้ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรมนะครับ แต่ถ้าพี่น้องทุกท่าน สังเกตดีๆ จะเห็นว่าคดีนี้มีความพยายามที่จะขยายผลความเสียหายให้ลามไปจนถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ และให้ลุกลามไปถึง ท่านรัฐมนตรี พีระพันธุ์ เลยด้วยซ้ำ

ตัวผมนั้นไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ไม่ได้มีส่วนได้ ส่วนเสียอะไรกับพรรคเค้าหรอกนะครับ แต่มองด้วยใจที่เป็นธรรม ผมเห็นว่าท่านรัฐมนตรีพีระพันธุ์ เป็นคนเก่ง เป็นคนดีคนหนึ่งเลย เรื่องคดีโฮปเวลล์ เรื่องเหมืองทองอัครา ท่านก็ช่วยสู้คดีให้พวกเราทุกคนจนชนะนะครับ

ช่วยทำให้ประเทศไทยประหยัดเงิน ไม่ต้องเสียค่าโง่ได้หลายหมื่นล้านบาท คุ้มค่าตัวจริงๆ จ้างเงินเดือน เดือนละแสนกว่าบาท แต่หาเงินให้ประเทศชาติได้แสนล้านบาท

แถมพอมาอยู่กระทรวงพลังงาน หากพี่น้องประชาชนที่ติดตามข่าวก็จะรู้ว่าราคาพลังงานของบ้านเรานั้น ค่าวัตถุดิบ ค่าดําเนินการ ค่าภาษี ค่านั่น ค่านี่บวกเข้ามาไม่รู้กี่สเต็ปครับ สุดท้ายหักภาระให้พวกเราเป็นคนจ่าย ให้ประชาชนเป็นฝ่ายแบกรับอยู่ข้างเดียว แบบนี้มันไม่แฟร์ครับ

แต่พอท่านรัฐมนตรี พีระพันธุ์ เข้ามาบริหาร ท่านก็บอกว่าโครงสร้างแบบนี้มันแก้ไม่ได้แล้ว ต้อง ‘รื้อทําลาย สร้างใหม่’ อย่างเดียว

สิ่งนี้ส่งผลสั่นสะเทือนมหาศาลนะครับ หากท่านรัฐมนตรี พีระพันธุ์ ทําสําเร็จ พวกเราประชาชนได้ประโยชน์แน่นอน เพราะค่าพลังงานจะถูกลง แต่คนที่เขากุมอํานาจในโครงสร้างนี้อยู่ ผู้ที่มีอํานาจเหนือกว่าอํานาจรัฐไทย เขาจะเป็นฝ่ายเสียหาย เขาจะเป็นฝ่ายที่เสียผลประโยชน์

แล้วแบบนี้… จะเป็นไปได้ไหมที่เขาจะเริ่มกระบวนการในการทําลายท่านรัฐมนตรี พีระพันธุ์ก่อน โดยขยายผลจากคดีของคุณศรีสุวรรณนี่แหละ”

ดร.พราหมณ์อิศรา ยังกล่าวต่ออีกว่า อีกประเด็นหนึ่งผู้ที่ติดตามข่าวก็จะรู้ว่านักวิเคราะห์มากมาย ฟันธงเลยว่า ถ้ารัฐบาลคุณเศรษฐาไปไม่รอด ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง มีการพลิกผันท่านรัฐมนตรี พีระพันธุ์นี่แหละ จะเป็นคนหนึ่งที่อาจมีสิทธิ์ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

“นี่ไม่ได้กล่าวหาใคร ไม่ได้ว่าคุณเศรษฐาหรือใครนะ แต่ธรรมชาติของนักการเมือง มันต้องอิจฉาริษยา ชิ่งเด่นกันอยู่แล้ว

มีความเป็นไปได้ไหม ที่จะดิสเครดิตทําลายภาพลักษณ์ของท่านรัฐมนตรี พีระพันธุ์ โดยการใช้คดีของคุณศรีสุวรรณเป็นเครื่องมือ

และก็อย่างที่บอกว่าผมนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรคเขาหรอก แต่มองด้วยใจเป็นธรรมครับ” ดร.พราหมณ์อิศรา กล่าว

นอกจากนี้ ดร.พราหมณ์อิศรา ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “ท่านรัฐมนตรี พีระพันธุ์ กําลังทํางานหนัก ท่านกําลังสู้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้ประเทศชาติบ้านเมืองของเรา และผลงานของท่านก็พิสูจน์ว่า ท่านลุยงานไหน งานนั้นก็สําเร็จ…

เพราะฉะนั้น มีความเป็นไปได้นะครับ ที่คนไม่หวังดีจะชิงลงมือทําลายท่านเสียก่อน ก่อนที่ท่านจะทําอะไรสําเร็จขึ้นมาได้

ผมอยากเรียกร้องแก่พี่น้องประชาชนครับ อย่าเพิ่งไปเชื่อกระแสข่าวลือ อย่าเพิ่งไปเชื่อสิ่งที่เขาปั่น เพื่อทําลายภาพลักษณ์ เพื่อทําลายภาพพจน์ของคนดีๆ เลยครับ เสียดายของครับ คนดีมีฝีมือควรถูกเก็บไว้ใช้งาน เก็บไว้ทําประโยชน์ให้บ้านเมืองดีกว่าครับ”

‘สาวพลัสไซส์’ ซื้อตั๋วเครื่องบิน 2 ที่ เจอแม่ลูกอ่อนขอนั่ง แต่ไม่ยกให้ กลับโดนด่าไม่มีน้ำใจ ด้านชาวเน็ตเสียงแตก ความจริงใครกันแน่ที่ใจร้าย?!

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 67 เรียกว่ากลายเป็นประเด็นที่ชาวเน็ตต่างถกเถียงกัน เมื่อล่าสุดวันที่ 23 มกราคม 2567 เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ ได้เผยเรื่องของ ‘แจลินน์ ชานีย์’ อินฟลูเอนเซอร์วัย 34 ปี จากเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ที่ออกมาแชร์ประสบการณ์การนั่งเครื่องบินเมื่อไม่นานมานี้ โดยเธอได้จองตั๋วเที่ยวบินในประเทศจำนวน 2 ที่นั่ง สำหรับตนเอง เนื่องจากเธอเป็นสาวพลัสไซส์ หากจองที่นั่งเดียวจะลำบากทั้งตัวเธอเองและผู้โดยสารรอบข้าง เธอจึงจัดการปัญหาด้วยการจองที่นั่งเพิ่ม เพื่อให้ทุกคนได้สบายใจมากขึ้น

โดยที่ผ่านมาการเดินทางของชานีย์ก็ราบรื่นไม่เคยมีปัญหา จนกระทั่งครั้งล่าสุดนี้ มีผู้โดยสารหญิงรายหนึ่งซึ่งมาพร้อมลูกชายวัย 1 ขวบครึ่ง มาบอกให้ชานีย์นั่งเพียงเบาะเดียว เพื่อให้ลูกชายของเธอได้นั่งอีกเบาะหนึ่ง ซึ่งชานีย์ได้ย้ำว่า “เธอบอกให้ฉันทำ ไม่ได้ขอร้อง ฉันจึงบอกเธอว่าไม่ เพราะฉันจ่ายค่าที่นั่งนี้เพื่อที่จะได้พื้นที่เพิ่ม”

ซึ่งหลังจากที่คุณแม่รายนี้โดนปฏิเสธ ก็ไม่พอใจโวยวายเป็นเรื่องใหญ่ จนแอร์โฮสเตสคนหนึ่งเข้ามา แต่แอร์โฮสเตสรายนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเข้าข้างผู้โดยสารที่เป็นแม่ ขอให้ชานีย์พยายามนั่งเบียดนิดหน่อย เพื่อที่เด็กจะได้นั่งได้ด้วย แต่ชานีย์ก็ยังยืนยันว่าไม่ เพราะเธอต้องการจะใช้สิทธิ์ในที่นั่งที่เธอจ่ายเงินเอง

อย่างไรก็ตาม ทางแอร์โฮสเตสจึงขอให้ทางผู้โดยสารที่เป็นแม่ อุ้มลูกน้อยนั่งตักของเธอต่อไป ซึ่งผู้เป็นแม่จึงต้องจำใจทำเช่นนั้น แต่ตลอดเที่ยวบิน ชานีย์จะถูกมองค้อนและบ่นว่าด้วยคำพูดไม่ดีสารพัด อีกทั้งเด็กคนดังกล่าวก็ไม่อยู่นิ่งด้วย ทำให้เธอรู้สึกแย่มาก จึงตั้งคำถามทางโซเชียลว่า “ฉันผิดเหรอ? ถ้าคุณอ้วนมากจนต้องทำสิ่งนี้ แสดงว่าคุณเห็นแก่ตัวอย่างนั้นเหรอ?”

หลังจากเรื่องดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ได้มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้าไปแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยส่วนหนึ่งกล่าวตำหนิพฤติกรรมของแม่เด็ก รวมไปถึงพนักงานบนเครื่องบิน อาทิ

- “คุณจ่ายเงินซื้อที่นั่งพิเศษ คุณก็มีสิทธิ์โดยชอบ ส่วนแม่ของเด็กไม่วางแผนล่วงหน้าเอง ซื้อเพียงที่นั่งเดียว แล้วอาศัยผลประโยชน์ของเด็กไปรุกรานสิทธิ์ของคนอื่น เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็ยังไปต่อว่าคนอื่น แบบนี้ใครใจร้ายกว่ากัน ส่วนพนักงานบนเครื่องบินก็ดูเหมือนว่าจะมีปัญหา ทำไมถึงบอกให้ผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วมา 2 ที่ ไปนั่งเบียดตัวเองในที่เดียว”

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจสาวพลัสไซซ์ เข้าไปแสดงความเห็นตำหนิชานีย์ด้วยเช่นกัน เช่น

- “ถ้าคุณอ้วนมากจนต้องนั่งหลายที่นั่งบนเครื่อง ก็เรียกว่าเห็นแก่ตัวเกินไป”
- “เด็กจะใช้พื้นที่สักเท่าไรกัน จริงอยู่ที่แม่ควรซื้อที่นั่งให้ลูก แต่คุณจะไม่จำเป็นต้องใจแคบขนาดนั้น เห็นแก่ตัวมากเกินไปจนทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่สบายใจ”
- “สายการบินขายตั๋วเกินจำนวนที่นั่งบนเครื่องบินอยู่ตลอด คุณเอาอะไรมาตัดสินว่า 2 ที่นั่งนั้นเป็นของคุณคนเดียว” เป็นต้น

เคาะแล้ว!! ฟรีวีซ่า ‘ไทย-จีน’ ดีเดย์ 1 มีนาคม 67 ‘ไทย-จีน’ ไปมาสะดวก อยู่ได้ต่อเที่ยว 30 วัน

(28 ม.ค. 67) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมลงนามความตกลง และเอกสารสำคัญ กับนายหวัง อี้ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านการต่างประเทศพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ

สาระสำคัญของการลงนามในครั้งนี้ คือ ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกัน สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ หรือ ‘วีซ่าฟรี’ ให้กับชาวไทยเดินทางไปยังประเทศจีนได้สะดวกยิ่งขึ้น

โดยมาตรการฟรีวีซ่าจีน ครั้งนี้ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป และมีระยะเวลาพำนักแต่ละครั้งไม่เกิน 30 วัน

สำหรับนโยบายฟรีวีซ่าไทยจีน จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยเฉพาะยอดนักท่องเที่ยวจีนที่จะเพิ่มขึ้นในไทย ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมีการจองเข้ามามากขึ้น แต่ประเด็นที่ให้ความสำคัญมากกว่า คือ จำนวนวันที่อยู่ในไทย กับการใช้จ่ายต่อคน เพราะหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย การเดินทางก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ที่คิดว่าจะเข้ามาเยอะมาก ก็ไม่ได้เข้ามาเยอะขนาดนั้น ดังนั้นนโยบายฟรีวีซ่า ก็จะมีโอกาสช่วยให้เกิดการจับจ่ายที่มากขึ้นจากนักท่องเที่ยวตามจำนวนวันที่อยู่ได้นานมากขึ้นไปด้วย เช่นเดียวกันกับคนไทยที่จะไปเที่ยวจีน รวมถึงการหาโอกาสทางธุรกิจ

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ จวก!! ‘สถานทูตยูเครน’ ทำผิดมารยาททางการทูต ปมอนุญาตจัดชุมนุมต้านรัสเซียในไทย ย้ำ!! ไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใคร

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 67 นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Nantiwat Samart’ เกี่ยวกับกรณีการชุมนุมของชาวยูเครนหน้าสถานทูตรัสเซีย ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่สถานทูตประเทศอื่นมาจัดชุมนุมประท้วงในประเทศไทย โดยระบุว่า…

“ผิดมารยาท?

จะจัดชุมนุมต้องขออนุญาต แกนนำต้องทำหนังสือแจ้งตำรวจ แต่เกิดเหตุผิดปกติ มีการชุมนุมต่อต้านรัสเซีย แต่ขออนุญาตโดยเจ้าหน้าที่ทูตยูเครน

มันทำได้หรือ? นักการทูตที่มาทำงานในไทย จะมาเคลื่อนไหวต่อต้านชาติอื่น? จัดชุมนุมโดยอ้างสิทธิทางการทูต? หากมีเหตุรุนแรง มีการปะทะเกิดขึ้น โดยคนก่อเหตุเป็นยูเครนหรือชาติอื่น ใครต้องรับผิดชอบ?

ไทยต้องไม่ให้ใช้พื้นที่ประเทศไทยต่อต้านใครหรือขัดแย้งกับใคร เพราะไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใคร ล้วนเป็นมิตรประเทศ มีความสัมพันธ์อันดีกับไทย

เหตุเช่นนั้นต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก”

‘นายกฯ’ ชี้!! ‘ฟรีวีซ่า’ ก้าวสำคัญสัมพันธ์ ‘ไทย-จีน’ มั่นใจ!! ช่วยกระตุ้น ‘เศรษฐกิจ-การค้า-การลงทุน’

(28 ม.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า ไทยกับจีน ได้ลงนามในความตกลงฟรีวีซ่าสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา และหนังสือเดินทางกึ่งราชการ เมื่อเช้าวันที่ 28 ม.ค.ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.67 

“ผมมองว่าเป็นก้าวสำคัญในความสัมพันธ์ ไทย - จีน และจะมีผลอย่างมากต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่เพียงในแง่การส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน แต่ยังรวมถึงการค้า การลงทุนด้วย อย่างแน่นอน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 29 ม.ค.นี้ นายหวัง อี้ (H.E.Mr.Wang Yi) สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรมว.ต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มีกำหนดเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล 

‘จีน’ เปิดกำไร ‘ภาคอุตสาหกรรม’ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 สะท้อน!! ภาคการผลิต-เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 67 สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง รายงานข่าว สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน รายงานว่าบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ภายในประเทศ ซึ่งมีรายได้ทางธุรกิจหลักรายปีอย่างน้อย 20 ล้านหยวน (ราว 100 ล้านบาท) ทำกำไรรวมในเดือนธันวาคม 2023 เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5

รายงานระบุว่า กำไรรวมของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ในจีนของทั้งปี 2023 อยู่ที่ 7.69 ล้านล้านหยวน (ราว 39 ล้านล้านบาท) ซึ่งลดลงร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบปีต่อปี และลดลงน้อยลง 2.1 จุดจากช่วง 11 เดือนแรก (มกราคม-พฤศจิกายน) ของปีเดียวกัน

ภาคการผลิตและจ่ายพลังงาน ความร้อน ก๊าซ และน้ำ กลายเป็นกลุ่มผู้ทำกำไรชั้นนำในปีที่ผ่านมา โดยมีกำไรรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 54.7 เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวมีส่วนส่งเสริมการเติบโตโดยรวมของกำไรทางอุตสาหกรรมในประเทศ 3.1 จุด

ขณะกำไรของภาคการผลิตอุปกรณ์ในจีน ช่วงปี 2023 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของปีก่อนหน้า 2.4 จุด ส่วนอุตสาหกรรม 27 ประเภทจากทั้งหมด 41 ประเภท มีกำไรเติบโตในปีที่ผ่านมา

‘พี่จอง-คัลแลน’ ออกอีเวนต์แรก ใจกลางสยามสแควร์ ซึ้งใจ!! แฟนๆ ซัปพอร์ตเพียบ ลั่น!! ไม่หยุดทำยูทูบแน่

(28 ม.ค. 67) ชาวไทยต่างใจฟูกันทั่วเมื่อพูดถึงสองหนุ่มยูทูบเบอร์เกาหลี คัลแลน และ พี่จอง ที่ฮอตจนฉุดไม่อยู่ถูกแบนรด์ดังคว้าตัวมาเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาเรียบร้อย และล่าสุดทั้งคู่ได้ออกงาน La Roche-Posay Effaclar Duo+M ณ ใจกลางสยามสแควร์ โดยมีแฟนคลับมาต้อนรับเป็นจำนวนมากแน่นลานจัดกิจกรรม และทันทีที่ทั้งคู่ปรากฏตัวทักทายแฟนๆ รอบๆ โปรยออร่าความหล่อจนแฟนๆ ส่งเสียงกรี๊ดกันดังสนั่นไม่หยุด

โดยช่วงหนึ่งคัลแลนได้เผยความรู้สึกพูดเป็นภาษาไทยบอกว่า “ชอบคนเยอะแบบนี้ (ยิ้ม) วันนี้ขอบคุณที่มาที่นี่ ขอบคุณมากๆ ครับ” ขณะที่พี่จองบอกพร้อมสีหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “ผมครั้งแรก แล้วตื่นเต้นตลอดครับ แต่จริงๆ ขอบคุณมากครับ ที่มาที่นี่ครับ ขอบคุณที่ซัพพอร์ตพวกเรานะครับ พวกเราจะไม่หยุดทำยูทูบแน่นอนครับ พูดแล้วจะร้องไห้” เรียกว่าทำแฟนๆ ต่างพากันเอ็นดูกับความน่ารักของทั้งคู่กันเพียบ อีกทั้งคัลแลนและพี่จองมีการเข้าไปถ่ายรูปร่วมกับแฟนคลับ และแจกลายเซ็นอีกด้วย งานนี้แฟนๆ ใจฟูสมกับชื่อด้อมกันแน่นอน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top