Monday, 9 June 2025
NewsFeed

'เชียงราย' หมายจับชายแดน!! ตม.เชียงรายรับตัวผู้ต้องหากลับไทยสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่2

พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5, พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5,พ.ต.อ.สุรศักดิ์ เทียนทอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย,พ.ต.ท.มนตรี อินเปรี้ยว รอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย, พ.ต.ท.กฤษณ์ สมณาศักดิ์ สว.ตม.จว.เชียงรายสั่งการชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงรายได้รับการประสานจากตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จะมีการส่งตัวผู้ต้องหาซึ่งได้กระทำความผิดกฎหมายโดยถูกดำเนินคดีในประเทศเมียนมา และคดีได้สิ้นสุดแล้วจำนวน19คน ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรสะพานข้ามแม่น้ำสาย แห่งที่ 2 จึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ ตม.จว.เชียงรายเพื่อจะส่งตัวกลับประเทศไทยจากการตรวจสอบในระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ พบข้อมูลระบุผู้มีหมายจับในระบบสาระสนเทศน์ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ชื่อ1.นายเอกศักดิ์  หมายจับศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ข้อหา ความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ ฯ 

2.นายสมโชค หมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก ข้อหา ขัดขืนไม่มาศาลตามหมายเรียกหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ข้อหา ฐาน สมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด

3.นายยุทธการ หมายจับศาลจังหวัดพิจิตร ข้อหา ฐาน ร่วมกันพยายามฆ่าผุ้อื่นโดยเจตนา4.นายธีรพงศ์หรือตูน นาคอินทร์ หมายจับศาลจังหวัดพิจิตรข้อหาฐานร่วมกันพยายามจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท1ฯ5.นายธนาธิปยุคสูงเนินหมายจับศาลอาญาข้อหาฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท1 6.นายจิระวุธ  หมายจับศาลจังหวัดตรัง  ข้อหา ฐานพยายามฆ่า ฯ ผู้ถูกจับทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาประสานนำตัวส่งไปยังหน่วยงานที่ได้ออกหมายจับบุคคลกลุ่มดังกล่าว ต่อไป ในส่วนของผู้ที่ไม่มีหมายจับทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเชียงรายได้ทำการคัดกรองเบื้องต้น ตามกระบวนการส่งต่อระดับชาติ (NRM) ไม่พบว่าเป็น ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์แต่อย่างใด

‘เศรษฐา’ ควง ‘อุ๊งอิ๊ง’ ร่วมเปิดเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ เสริมเสน่ห์เมืองกรุง หนุนซอฟต์พาวเวอร์ ต่อยอดเศรษฐกิจไทย

(27 ม.ค. 67) ที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) อาคารไปรษณีย์กลาง ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2567 (Bangkok Design Week 2024) ภายใต้แนวคิด ‘Livable Scape คนยิ่งทำ เมืองยิ่งดี’ โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมงานด้วย

โดยเมื่อมาถึงนายกฯ เยี่ยมชมนิทรรศการต่างๆ ภายในงาน ช่วงหนึ่งระหว่างชมนิทรรศการ นายเศรษฐา และ น.ส.แพทองธาร ได้ร่วมกิจกรรม ‘Creative Power House’ เป็นแบบในการวาดภาพลายเส้นเฉพาะตัวผ่านกระจกรีไซเคิล พร้อมเซ็นชื่อบนกระจก และได้รับภาพปริ้นเป็นที่ระลึก จากนั้นเยี่ยมชมเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้พูดคุยกับทุกท่านในเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ ปีนี้เป็นปีที่ 2 ที่ตนได้มาที่นี่ ‘คนยิ่งทำ เมืองยิ่งดี’ เป็นแนวคิดที่ทำให้เรามองเห็นว่า ความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบล้วนเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของทุกคน และวิถีชีวิตประจำวันของเรา ซึ่งความคิดสร้างสรรค์โดยเฉพาะการออกแบบจำเป็นอย่างยิ่ง ต่อการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย ความคิดสร้างสรรค์จะยกระดับวัฒนธรรมของไทยให้มีมูลค่ามากยิ่งขึ้น สร้างเสน่ห์ที่ทำให้ต่างชาติหลงใหลและกลับมาชื่นชมประเทศไทยของเรา กรุงเทพฯเป็นพื้นที่ของความหลากหลาย มีหลายเชื้อชาติ หลากวัฒนธรรม ในทุกๆ อย่างมีประวัติศาสตร์ของตัวเองที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสิ่งนี้เป็นเสน่ห์สำคัญของกรุงเทพฯ ในหนึ่งเมืองมีหลายบรรยากาศที่ล้วนสร้างความรู้สึกและประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป ต้นทุนทางวัฒนธรรมที่ดีจะต้องพัฒนาพลังสร้างสรรค์

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอชวนทุกภาคส่วน ทั้งกลุ่มเครือข่ายนักสร้างสรรค์ ภาครัฐ ภาคเอกชน มาช่วยกันพัฒนาให้เป็นผลงานที่จะจัดงานที่มีพื้นที่ และยังมีความร่วมมือกันระหว่างนักสร้างสรรค์และกรุงเทพมหานคร ในการพัฒนาเมืองบนพื้นฐานของความรู้ด้านสถาปัตยกรรมและผังเมืองนั้น เพื่อทำการออกแบบมาใช้งานได้จริง เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ คือ รูปธรรมของการนำความคิดสร้างสรรค์มาทำงานร่วมกับวัฒนธรรมไทย และทำให้เกิดซอฟต์พาวเวอร์ได้เป็นอย่างดี หวังว่าพี่น้องประชาชนที่มาร่วมงานจะได้รับแรงบันดาลใจที่ดี กับเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ เป็นแหล่งรวมแนวคิด เป็นพื้นฐานของความคิดสร้างสรรค์ เป็นพื้นฐานของแรงบันดาลใจใหม่ๆ เป็นวัตถุดิบที่พี่น้องประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชน ได้นำไปส่งเสริมพัฒนาและต่อยอดต่อไป จนออกมาเป็นงานสร้างสรรค์อื่นๆ ได้อีกมากมายมหาศาล

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า งานนี้อาจเป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้นที่จะสร้างแรงบันดาลใจ ที่สุดยอดนักออกแบบไทยหรือศิลปินไทยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เรามาร่วมกันผลักดันให้ความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยไปสู่เวทีโลก สุดท้ายนี้ขอขอบคุณภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน นักสร้างสรรค์ สถาบันการศึกษา องค์กรระหว่างประเทศ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่มาร่วมกันทำ ร่วมกันลงมือ ร่วมกันทุ่มเทจนเกิดเป็นงานดีๆ อย่างนี้ขึ้นมา

ด้าน นายเศรษฐา กล่าวเปิดงานว่า ตนมีความยินดีที่ได้มาเปิดเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2567 ภายใต้แนวคิด ‘คนยิ่งทำ เมืองยิ่งดี’ ในวันนี้ ซึ่งความยินดีของตนมาจากหลายประการ ประการแรก เราได้เห็นพลังสร้างสรรค์ของคนจากหลากหลายอุตสาหกรรมมากกว่า 1,000 คน ที่มาร่วมกันแสดงผลงาน และที่สำคัญมาช่วยกันคิดทดลองทำ หลากหลายกิจกรรมที่มีเป้าหมายพัฒนาสาธารณูปโภค และคุณภาพชีวิตของคนในเมือง รวมแล้วกว่า 500 โปรแกรมในพื้นที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ

นายเศรษฐา กล่าวว่า ประการที่สอง เราได้เห็นกิจกรรมและผลงานสร้างสรรค์ที่กระจายอยู่ในกรุงเทพฯ มากกว่า 15 ย่าน ทำให้คนรู้จัก ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน การสร้างรายได้ การสร้างงานให้ผู้ประกอบการและชุมชน ซึ่งงานออกแบบที่ผ่านมามีผู้เข้าชมกว่า 2 ล้านคน สร้างมูลค่าเศรษฐกิจมากกว่า 2,000 ล้านบาท นับว่าขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมีนัยที่สำคัญ และเราได้เห็นเอกชนและภาครัฐในการขับเคลื่อนมูลค่าสินค้า และการบริการด้วยการประยุกต์ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ที่ช่วยต่อยอดสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมอันจะเกิดขึ้น และอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งเสริมศักยภาพ ด้านการแข่งขันของธุรกิจไทยในระดับสากล

นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ประการสุดท้ายได้เห็นการสร้างสีสันและความเคลื่อนไหวใหม่ๆ ให้กับกรุงเทพฯ ที่นำเสนอความสำคัญของการออกแบบงานสร้างสรรค์ ที่จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ช่วยเชื่อมโยงวัฒนธรรมในแต่ละด้าน และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทยในภาพรวมอีกด้วย ดังนั้น การจัดเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ จึงเป็นหนึ่งในนิทรรศการหลากหลายที่ทำให้เราเห็นภาพ และผลของการใช้เทศกาลเป็นกลไกในการส่งเสริมอุตสาหกรรม และผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ชัดเจน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล มีการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทย ให้เติบโตและขยายไปสู่ต่างประเทศได้ และช่วยสนับสนุนกระบวนการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ ทำให้ผู้บริโภคในตลาดโลกมีความสนใจและต้องการซื้อสินค้า และบริการสร้างสรรค์ของไทยให้มากยิ่งขึ้นด้วย

ขอขอบคุณภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชนในพื้นที่ นักสร้างสรรค์ สถาบันการศึกษา องค์กรระหว่างประเทศ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่มาร่วมกันทำงานของเราให้ดียิ่งขึ้น และหวังว่าความสำเร็จของการจัดงานในครั้งนี้ เป็นพลังให้เกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตให้กับประเทศไทยต่อไป

เช็กความพร้อม ‘เจ้ต้อย’ พร้อมลงนายกฯ อบจ.เมืองคอนอีกสมัย ฟาก ‘แทน’ ยัน สส.ประชาธิปัตย์ทุกคนสนับสนุนแน่นอน

‘เจ้ต้อย’ ลั่น!! ลงรักษาแชมป์นายกฯ อบจ.นครศรีฯ อีกสมัยแน่นอน ‘แทน’ ยัน สส.ประชาธิปัตย์ทุกคนสนับสนุน เตรียมแผนเดินสายพบผู้นำทั้ง 23 อำเภอ

ย่ำค่ำของวันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ ‘ชัยชนะ เดชเดโช’ และ ‘พิทักษ์เดช เดชเดโช’ สส.สองพี่น้อง แห่งพรรคประชาธิปัตย์ ทายาทโดยธรรมของ ‘กนกพร เดชเดโช’ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช และ ‘วิฑูรย์ เดชเดโช’ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช นัดพบปะสังสรรค์ปีใหม่กับผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำท้องที่ในอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช

“แม่ผมจะลงสมัครรักษาแชมป์นายกฯ อบจ.อีก 1 สมัยแน่นอน” ชัยชนะกล่าว ซึ่งจะต้องขอแรงสนับสนุนจากพวกเรา ที่ถือเป็นพรรคพวกเพื่อนฝูงกัน

ชัยชนะกล่าวอีกว่า ที่ แม่ ‘เจ้ต้อย’ จะลงสมัครในนามกลุ่มพลังเมืองนคร และได้รับการสนับสนุนจาก สส.ประชาธิปัตย์ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้ง 6 คน

“เราไม่รู้ว่าคู่แข่งคือใครบ้าง เพราะยังไม่มีใครเปิดตัว แต่วาระของเราจะหมดในเดือนธันวาคมปีนี้ และจะมีการเลือกตั้งใหม่ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2568”

กนกพร กล่าวยืนยันว่า จะลงสมัครอีกสมัย เราในฐานะแชมป์ก็ต้องเตรียมความพร้อมในทุกด้าน และเต็มที่กับทุกงาน

สำหรับการนัดพบปะสังสรรค์ปีใหม่ครั้งนี้ มีผู้นำท้องถิ่น ท้องที่จากทุกตำบลในอำเภอหัวไทร เข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 200 คน และ 100% พร้อมให้การสนับสนุนตระกูล ‘เดชเดโช’ และน่าจะถือได้ว่าเป็นเวทีประเดิม และเจตนาของเจ้ต้อยจะไปพบกับผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ในทุกอำเภอทั้ง 23 อำเภอ

กล่าวสำหรับคู่แข่งของเจ้ต้อยในการชิงเก้าอี้นายกฯ อบจ.นครศรีธรรมราช ยังไม่ปรากฏชัดว่ามีใครบ้าง ยังไม่มีใครเปิดตัวชัดเจน แต่เชื่อว่าสำหรับนครศรีธรรมราชแล้ว จะต้องมีคู่แข่งแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนจากพรรคก้าวไกล หรือคณะก้าวหน้า และตัวแทนจากฝั่งตรงข้ามของเดชเดโช

ที่ต้องจับตา คือ ‘เสนพงศ์’ จะส่งใครลงชิง และอยู่สังกัดไหน แต่การออกตัวแรงของ ‘เทพไท เสนพงศ์’ อดีต สส.หลายสมัยของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เพิ่งออกมาจากห้องคุมประพฤติ กับการเชียร์แนวทางของก้าวไกล และใส่เสื้อสีส้ม ก็น่าจะสะท้อนทิศทางของ ‘เสนพงศ์’ ได้ไม่น้อย เพียงแต่จะคัดสรรใครมาลงชิง และจะมีปัญหากับก้าวไกลเก่าหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นจาก ‘ฝั่งชลจิตร์’ และฝั่ง ‘ไกรสินธุ์’

แต่การขยับตัวครั้งสำคัญตั้งแต่เนิ่นของ ‘เดชเดโช’ ที่มีเวลาอีกตั้ง 11 เดือนกว่า ถือว่า ‘พร้อม’ ซึ่งหมายถึงพร้อมทั้งขุมกำลัง และปัจจัยเกื้อหนุน ที่จะนำไปสู่ชัยชนะ รักษาแชมป์ไว้ได้อีกสมัยเป็นแน่แท้

ต้องบอกก่อนว่า เป็นการเขียนตามที่เห็นด้วยตาตัวเอง และยังไม่เห็นคู่แข่งที่ชัดเจน การเมือง คือ การเมือง ที่มีโอกาสเปลี่ยนได้ทุกเวลา

'อลงกรณ์' ลุยแดนมังกรดึงจีนลงทุน10อุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคตหวังเป็นเครื่องยนต์ (new growth engine) ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศคนที่1และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้รับเชิญให้กล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมBRI(Belt and Road Innitiative)industrial investment International summit forum 2024ที่เซินเจิ้นโดยกล่าวว่า โลกผันผวนและเปลี่ยนแปลงทุกมิติอย่างรวดเร็วมีทั้งโอกาสและภัยคุกคาม เราต้องออกแบบอนาคตและนวัตกรรม(Innovating the Future)

การลงทุนใหม่ๆ ประการสำคัญคือการมีหุ้นส่วน(partnership)ที่ดีเป็นหัวใจสำคัญที่สุด ขอให้เชื่อมั่นว่าโอกาสมีอยู่ทุกหนแห่ง(Possibility is everywhere) นายอลงกรณ์ได้ยกตัวอย่างความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีนทางด้านการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวตลอด49ปีของความสัมพันธ์ทางการฑูตทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจและเศรษฐกิจเปิดกว้างและเติบโตต่อเนื่องแม้จะเผชิญกับปัญหาอุปสรรคต่างๆแต่ก็สามารถฝ่าฟันผ่านพ้นมาได้จนประเทศจีนเป็นประเทศคู่ค้าและผู้ลงทุนอันดับ1ของประเทศไทยรวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวจีนก็มาไทยมากที่สุดโดยเฉพาะ10ปีแห่งความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการ“หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอาเซียน-จีนและความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคRCEPล่าสุดซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความเป็นหุ้นส่วน(partnership)บนผลประโยชน์และความสำเร็จร่วมกัน

“อุตสาหกรรมใหม่คือโอกาสใหม่ๆของทุกประเทศของทุกบริษัทและนักลงทุนทุกคนจึงขอเชิญชวนมาลงทุนทั้งในตลาดทุน(Capital Investment)และตลาดFDI(Foreign Direct Investment)ในประเทศไทยโดยเฉพาะระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก(EEC)และเขตเศรษฐกิจพิเศษในภูมิภาครวมทั้งอุตสาหกรรมใหม่ (first S-Curveและ New S-Curve) 10 สาขาซึ่งมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนเป็นพิเศษของรัฐบาลไทยภายใต้BCGโมเดลและเป้าหมายลดโลกร้อนของการประชุมCOP28ได้แก่

1) อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next – Generation Automotive)เช่นยานยนต์ไฟฟ้า
2) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics)
3) อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Affluent, Medical and Wellness Tourism)  
4) การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ (Agriculture and Biotechnology)  
5) อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (Food for the Future)
และอุตสาหกรรมอนาคตใหม่(New S-curve) อีก5 สาขา
1) อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (Robotics)และAI
2) อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation and Logistics)  
3) อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemicals) 
4) อุตสาหกรรมดิจิตอล (Digital) 
5) อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) 
ซึ่งเป็นรูปแบบการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบสินค้าและเทคโนโลยี โดยจะเป็นหัวใจหลักของกลไกใหม่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ (New Growth Engines)

นายอลงกรณ์ยังได้หารือระหว่างLunch meeting กับผู้บริหารบริษัทลงทุนยักษ์ใหญ่หลายแห่งซึ่งทุกบริษัทตอบรับอย่างกระตือรือร้นที่จะมาลงทุนในประเทศไทยทั้งอุตสาหกรรมใหม่และตลาดทุนของไทยสำหรับการสัมมนาครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 500 คนและมีสมาคมการค้าไทย-จีนและเศรษฐกิจเอเชีย

โดยนางสาวอภิญญา ปราโมช นายกสมาคมฯ นางสาวประจงจิต พลายเวช รองประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมฯและนายเมฆินทร์ เอี่ยมสะอาด จากมูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมด้วยโดยจัดที่โรงแรมเชอราตัน-เซิ่นเจิ้นเมื่อ26 มกราคมที่ผ่านมา

‘คารม’ ย้ำ สถานศึกษาต้องยกเลิกคำสั่งอยู่เวรในโรงเรียน ยัน!! ‘รัฐบาล-ศธ.’ ให้ความสำคัญกับชีวิตครูมากกว่าสิ่งใด

(28 ม.ค. 67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำให้สถานศึกษายกเลิกคำสั่งอยู่เวรรักษาการณ์ที่สั่งไว้เดิมโดยทันที ส่วนมาตรการที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ อยู่ระหว่างดำเนินการของกระทรวงศึกษาธิการ หากดำเนินการแล้วเสร็จจะแจ้งให้ทราบต่อไป

นายคารม กล่าวว่า เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน และเพื่อให้การปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน ทางเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทุกเขต เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจในการดูแลรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการ โดย ให้สถานศึกษาได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2542 (เรื่อง การปรับปรุง แก้ไข หรือยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดเวรรักษาการณ์ประจำสถานที่ราชการ) และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้

การดูแลรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

1.1) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากรุงเทพมหานคร เป็นหน่วยงานหลักในพื้นที่ระดับจังหวัด ประสานศึกษาธิการจังหวัด เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้ได้ซึ่งมาตรการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการ และแผนเผชิญเหตุให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 เรื่อง การดูแลรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการให้แก่สถานศึกษาในจังหวัด ตามบริบทของพื้นที่และความเหมาะสม

1.2) ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอื่น นอกเหนือจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากรุงเทพมหานคร สรุปข้อมูลจำนวนสถานศึกษาในสังกัด เพื่อบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานฝ่ายปกครองและสถานีตำรวจนครบาล เพื่อวางแผนในการดูแลรักษาความปลอดภัยสถานศึกษา ให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่และให้สอดคล้องตามข้อ 1.1 การดูแลรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการในพื้นที่จังหวัดอื่น

2.1) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 1 เป็นหน่วยงานหลักในพื้นที่ระดับจังหวัด ประสานศึกษาธิการจังหวัด เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เพื่อให้ได้ซึ่งมาตรการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการ และแผนเผชิญเหตุให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 เรื่อง การดูแลรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการให้แก่สถานศึกษาในจังหวัด ตามบริบทของพื้นที่และความเหมาะสม

2.2) ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอื่น นอกเหนือจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 1 ดำเนินการบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานฝ่ายปกครองระดับอำเภอ และสถานีตำรวจภูธร เพื่อวางแผนในการดูแลรักษาความปลอดภัยในสถานศึกษาในสังกัด ให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ และให้สอดคล้องกับแผนระดับจังหวัดตามข้อ 2.1

“รัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการ ให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพและความปลอดภัยของครู นักเรียน และสถานศึกษา ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจต่อครู ขอให้ผู้อำนวยการสถานศึกษายกเลิกคำสั่งให้ครูอยู่เวรรักษาการณ์ในโรงเรียน และขอให้ครูมั่นใจว่าการไม่อยู่เวรฯ ไม่มีความผิด” นายคารม กล่าว

10 จังหวัดในไทย 'พี่จอง-คัลแลน' เคยเยือน ทำคนไทยอยากไปท่องเที่ยว 'ตามรอย'

เชื่อว่านาทีนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘พี่จองและคัลแลน’ 🧏🧏‍♂️🇰🇷 2 หนุ่มชาวเกาหลีใต้ที่ถ่ายวิดีโอเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยตลอดทริปจะพูดภาษาไทย กินอาหารไทย และสนุกไปกับสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทย จนมีแฮชแท็ก #พี่จองคัลแลน ติดเทรนด์บน X อยู่บ่อยๆ 

โดยก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่า ทั้ง 2 หนุ่มพร้อมเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้อุทยานแห่งชาติแบบไม่รับค่าตัว เพียงขอแค่ ‘อย่าบังคับ’ และขอทำคลิปอย่างอิสระเหมือนเดิม และนอกจากนี้ เหล่าแฟนๆ ที่ติดตามพี่จองและคัลแลน ยังได้แห่ซื้อพาสปอร์ตอุทยานฯ จนหมดเกลี้ยง เร่งพิมพ์แทบไม่ทันกันเลยทีเดียว!!

วันนี้ THE STATES TIMES ขอพามาดู 10 จังหวัดในไทยที่ ‘พี่จอง-คัลแลน’ เคยไปเช็กอิน มีจังหวัดไหนบ้างมาดูกันเลย ✨🇹🇭

1.บึงกาฬ 
EP.1 https://youtu.be/zwUT0Pmm1EY
EP.2 https://youtu.be/5B_P_HwusP4
EP.3 https://youtu.be/ICAO1OFwE7c
EP.4 https://youtu.be/02exG8eJ4Qs

2.เลย 
EP.1 https://youtu.be/kRmqqUqDYOk
EP.2 https://youtu.be/qrUUWQBctH0
EP.3 https://youtu.be/WZxZMPjAoUo

3.ภูเก็ต
EP.1 https://youtu.be/_gG_JFHU46o
EP.2 https://youtu.be/Z6DDMuBTh8w
EP.3 https://youtu.be/MLu-fnhCet4?

4.สุรินทร์ 
EP.1 https://youtu.be/wn6JA9C6LN8 
EP.2 https://youtu.be/Pfhhimfj-VU  
EP.3 https://www.youtube.com/k1vqAe26vq4 

5.เพชรบุรี
EP.1 https://youtu.be/OmhZqJdjBoY
EP.2 https://youtu.be/bW2raZtuf7s
EP.3 https://youtu.be/WYgPGMGT7rU

6.สุพรรณบุรี
EP.1 https://youtu.be/ng8YM-RFcKY

7.เชียงใหม่ 
EP.1 https://youtu.be/uaUj4CywbgA
EP.2 https://youtu.be/kxOJ6SdS504
EP.3 https://youtu.be/YNr5k-N3T2k

8.จันทบุรี
EP.1 https://youtu.be/Z9bcZA6_fVQ
EP.2 https://youtu.be/l0oiu1BqKKY
EP.3 https://youtu.be/6h0Ns9x8YKY

9.เชียงราย
EP.1 https://youtu.be/kNWcyUKwbUk
EP.2 https://youtu.be/8bybd5QBcA4

10.สตูล
EP.1 https://youtu.be/UBP-Zs0nP5k
EP.2 https://youtu.be/ufGlmS8ZSrI

‘ก.อุตฯ’ ชู!! ‘อีวี-ป้องกันประเทศ-ฮาลาล’ 3 อุตสาหกรรมแชมป์เปี้ยนไทย ใต้การเปลี่ยนผ่าน ‘อุตฯ ดั้งเดิม’ สู่ ‘อุตฯ ใหม่’ ช่วยดึงดูดนักลงทุน

(28 ม.ค. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการยกระดับอุตสาหกรรมของไทย ให้สอดรับกับกติกาโลกและเทรนด์ของผู้บริโภค และยกคุณภาพชีวิตประชาชน ว่า กระทรวงอุตสาหกรรม มุ่งเน้นอุตสาหกรรมเป้าหมายควบคู่การปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมดั้งเดิมไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ เนื่องจากเทรนด์ทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อดึงนักลงทุนต่างประเทศ และมีมาตรการช่วยผู้ประกอบการโดยเฉพาะซัพพลายเชน ที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ให้เดินหน้าต่อไปได้ 

โดยมีวางแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมที่จะเป็นแชมป์เปี้ยน ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี), อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และอุตสาหกรรมฮาลาล และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่จะตามมาเป็นลำดับ และส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการที่เหมือนเสือหลับให้ตื่นขึ้น ด้วยการลงทุน ลดอุปสรรค และอำนวยความสะดวกในการดำเนินการ 

นอกจากนั้นรัฐบาลชูความพร้อมทุกมิติเพื่อเปิดรับนักลงทุนจากทั่วโลก ที่พร้อมดำเนินการ เช่น i.Industry ระบบทะเบียนลูกค้ากระทรวงอุตสาหกรรมแบบวันสต็อปเซอร์วิส (One Stop Service) ลดขั้นตอนความยุ่งยากต่างๆ

นางรัดเกล้า กล่าวว่า ขณะที่ อุตสาหกรรมเดิม เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้มีมาตรการดูแลและจะต้องปรับตัว โดยดึงซอฟต์พาวเวอร์ เข้ามาช่วยเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน ส่วนอุตสาหกรรมเหล็กที่ต้องสู้กับการการแข่งขันจากการนำเข้ามาจากต่างประเทศ จะต้องปรับตัวเช่นกัน

‘นิด้าโพล’ เผย!! คนไทยส่วนใหญ่ไม่โกรธนายกฯ หากต้องยกเลิกนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต

(28 ม.ค. 67) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘วิกฤติเศรษฐกิจ กับการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 22-24 มกราคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับวิกฤติเศรษฐกิจกับการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต

จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 63.51 ระบุว่า เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจในระดับที่ต้องหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน, รองลงมา ร้อยละ 20.15 ระบุว่า เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจในระดับที่ ต้องหาทางแก้ไขแต่ไม่เร่งด่วน, ร้อยละ 10.08 ระบุว่า เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจในระดับที่ไม่น่าวิตกกังวลใดๆ, ร้อยละ 5.65 ระบุว่า ไม่ได้เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ และร้อยละ 0.61 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

สำหรับการเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจของประชาชนในขณะนี้ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 36.72 ระบุว่า เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจในระดับที่ต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเร่งด่วน, รองลงมา ร้อยละ 31.91 ระบุว่า เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจในระดับที่สามารถรับมือได้ด้วยตนเอง, ร้อยละ 20.45 ระบุว่า เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจในระดับที่ต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่ไม่เร่งด่วน และร้อยละ 10.92 ระบุว่า ไม่ได้เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจใดๆ

ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการดำเนินนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า

- ร้อยละ 34.66 ระบุว่า ควรหยุดการดำเนินการในนโยบายนี้ได้แล้ว
- ร้อยละ 18.55 ระบุว่า ดำเนินนโยบายต่อไปในปีนี้ แต่แจกเฉพาะกลุ่มที่เปราะบางทางเศรษฐกิจ
- ร้อยละ 5.88 ระบุว่า เลื่อนการดำเนินนโยบายไปในปี 2568
- ร้อยละ 4.58 ระบุว่า เลื่อนการดำเนินนโยบายไปในปี 2568 แต่แจกเฉพาะกลุ่มที่เปราะบางทางเศรษฐกิจ
- ร้อยละ 2.67 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความรู้สึกของประชาชนหากนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ตัดสินใจยกเลิกนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า

- ร้อยละ 68.85 ระบุว่า ไม่โกรธเลย
- ร้อยละ 12.37 ระบุว่า ค่อนข้างโกรธ
- ร้อยละ 9.39 ระบุว่า โกรธมาก
- ร้อยละ 8.85 ระบุว่า ไม่ค่อยโกรธ
- ร้อยละ 0.54 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

พล.ต.อ.รอยฯ รอง.ผบ.ตร.ชื่นชม มอบรางวัล รอง สวป.หัวหิน อดทนต่อการถูกยั่วยุจากนักรบด่านเถื่อน กร่างใส่ขณะตั้งด่านสกัดจับกุมอาวุธ หัวหินพื้นที่ท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2567 (เวลา 12.00 น.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. (กม.)รับผิดชอบงานกฏหมายและคดี ได้เรียกตัว ร.ต.อ.รุ่งโรจน์  เก้าสด รอง สวป.สภ.หัวหิน ไปพบและมอบเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ พร้อมทั้งชื่นชมในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง สั่งการให้รักษามาตรฐานในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป อีกทั้งอย่าเสียกำลังใจ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พล.ต.อ.รอยฯ กล่าวว่ากรณีดังกล่าว ตนเห็นว่าเจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่ขณะตั้งด่านกำลังสกัดจับอาวุธปืนเถื่อน ซึ่งอาจจะนำไปก่อเหตุได้ แต่กลับถูกบุคคลที่แสดงตนว่าเป็นสมาชิกนักรบด่านเถื่อน ก่อกวน ป่วน ยั่วยุ เจ้าหน้าตำรวจที่กำลังขณะปฎิบัติหน้าที่ โดยการถ่ายคลิปท้าทาย ตำรวจนายดังกล่าว แต่นายตำรวจนายดังกล่าวได้ พูดจาด้วยความอดทนต่อการยั่วยุ ซึ่งบุคคลที่อ้างว่าเป็นสมาชิกนักรบด่านเถื่อนมักจะใช้วิธีแบบนี้ในหลายพื้นที่แล้วนำคลิปมานำเสนอเพื่อดิสเครดิต ตำรวจ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ถูกมองในภาพลบอยู่บ่อยครั้ง

โดยตนก็แค่ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ จับกุมอาวุธปืนได้หลายคดี โดยเฉพาะหัวหินซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว และเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาล  เป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจดีๆ พร้อมได้กำชับ ผู้บังคับบัญชาให้ดูแล ขวัญกำลังใจซึ่งทราบว่า พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7ได้ติดตามและจะดำเนินการทางกฏหมายกรณีดังกล่าวแล้ว รอง ผบ.ตร. กล่าว

‘RAC’ เตือน!! ‘รถอีวี’ อาจเสี่ยงใช้งานไม่ได้ ท่ามกลางอากาศหนาวจัด เหตุสภาวะเย็นยะเยือกกัดกร่อนประสิทธิภาพรถ-ทำสถานีชาร์จไฟขัดข้อง

(28 ม.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รถยนต์ไฟฟ้าเสี่ยงใช้งานไม่ได้ในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากอุณหภูมิที่หนาวเหน็บส่งผลกระทบต่อสถานะของแบตเตอรี อ้างถึงคำเตือนจาก ‘RAC’ บริษัทผู้ให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินด้านยานยนต์แห่งสหราชอาณาจักร

ระยะทางการขับขี่ของรถอีวี ที่อาจลดลงราวๆ 20% ในสภาพอากาศหนาวเย็น กำลังก่อความกังวลใหญ่หลวงแก่เจ้าของรถไฟฟ้า เนื่องจากมันอาจทำให้ผู้ขับขี่ต้องแวะชาร์จไฟบ่อยครั้งขึ้น และก่อความเสี่ยงใช้งานไม่ได้ เนื่องจากไม่มีไฟฟ้าเพียงพอสำหรับการเดินทาง

RAC เปิดเผยว่าพวกเขาจำเป็นต้องปรับตัวเข้ากับปัญหาที่พบเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และเวลานี้ จึงตัดสินใจติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จไฟพิเศษบนรถตู้ของทางบริษัท

จากข้อมูลของ RAC พบว่าในทุกสายเรียกเข้าที่โทรศัพท์แจ้งให้ไปดูรถยนต์ไฟฟ้า มีอยู่ราวๆ 6% เป็นเพราะรถยนต์เหล่านั้นพลังงานหมด

คริส มิลล์วอร์ด ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาเทคนิคของ RAC ถึงขั้นอ้างว่าปัญหาขัดข้องที่เกิดขึ้นกับรถยนต์อีวี ทำให้ช่างของพวกเขาเจองานยากลำบากกว่าเดิม

เขาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไอทีวีนิวส์ว่า “มันมีความต่างกัน เพราะถ้ารถอีวีแบตหมด ทุกๆอย่างจะหยุดทำงานและล้อจะถูกล็อก ดังนั้นมันจึงเป็นงานยากกว่าเดิมที่จะเคลื่อนย้ายออกจากถนน”

เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา สถานีชาร์จไฟสำหรับรถไฟฟ้าทั้งหลายทั่วเมืองชิคาโก ได้รับการเรียกขานจากพวกชาวบ้านว่าเป็น ‘สุสานของเทสลา’ เนื่องจากสภาพอากาศอันหนาวเหน็บกัดกร่อนประสิทธิภาพการทำงานของรถอีวี ขณะที่สถานีชาร์จไฟทั้งหลายเกิดเหตุขัดข้อง ไม่สามารถจ่ายไฟป้อนแก่รถอีวีได้

สภาพอากาศเย็นสามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้า ลดระยะทางการวิ่งได้ลงอย่างมากในหลายรุ่น เช่นเดียวกับปัญหาขัดข้องอื่นๆ ทั้งนี้จากการตรวจสอบรถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยม 18 รุ่น จาก Recurrent บริษัทวิเคราะห์รถยนต์อีวี พบว่าสภาพอากาศหนาวสุดขั้วทำให้ระยะการขับขี่ลดลงโดยเฉลี่ยถึง 70% โดยที่โมเดล S ของเทสลา เป็นหนึ่งในรุ่นที่ทำผลงานได้แย่ที่สุด

เมื่อปีที่แล้ว ทั้งเซ็นตริกา และรอยัลเมล รายงานพบ ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรีของพวกเขา มีระยะการวิ่งลดลง 40% ท่ามกลางอุณหภูมิที่ลดต่ำลง ส่วนผลการศึกษาหนึ่งของทางนิตยสาร WhatCar? พบว่ารถยนต์ที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดคือ นิสสัน อริยะ แต่กระนั้นรถยนต์รุ่นนี้ก็มีศักยภาพลดน้อยกว่าเดิมถึง 16%

รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรุ่นนี้ มีระยะทางการขับเพียงเหลือเพียง 296 ไมล์ (ราว 476 กิโลเมตร) ในสภาพอากาศเย็น จากระดับ 322 ไมล์ (ราว 581 กิโลเมตร) ในสภาพอากาศปกติ ส่วนเทสลา โมเดล วาย ตามมาเป็นอันดับ 2 แต่ศักยภาพในการขับขี่ ลดลง 17.8% จากระดับที่แล่นได้อย่างเป็นทางการ 331 ไมล์ (500 กิโลเมตร)

‘เอ็ดมุนด์ คิง’ ประธานสมาคมยานยนต์แห่งสหราชอาณาจักร ยอมรับระยะการวิ่งของรถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับผลกระทบ และประเด็นความน่าเชื่อถือเกิดขึ้นกับรถเกือบทุกคันในสภาพอากาศหนาวเหน็บ อย่างไรก็ตามเขามองว่าประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในอเมริกานั้น เป็นการพูดเกินจริงเลยเถิดจนเกินไป

“ข้อเท็จจริงคือ รถยนต์ทุกคันเย็นขึ้นและรถไฟฟ้าได้รับผลกระทบจากภาวะที่เย็นขึ้น ในแง่ของระยะการวิ่ง มันเป็นบางอย่างที่เกิดขึ้นตอนสภาพอากาศเย็นจัด คาดหมายว่าระยะการวิ่งจะลดลงราว 10% ถึง 20%” เขากล่าว

“ดังนั้น ในแง่ของความเป็นจริง ถ้าหากรถของคุณมีระยะการวิ่งสูงสุด 200 ไมล์ (ราว 320 กิโลเมตร) มันอาจลดลงเหลือ160 ไมล์ (ราว 257 กิโลเมตร) ทั้งหมดทั้งมวลเกี่ยวกับแบตเตอรีลิเทียมไอออนและปฏิกิริยาทางเคมี ปฏิกิริยาทางเคมีจะช้าลงเมื่ออยู่ในสภาพอากาศหนาวสุดขั้วและร้อนสุดขั้วจริงๆ อย่างไรก็ตามพวกผู้ขับขี่ส่วนใหญ่รู้ดีอยู่แล้วว่าพวกเขาต้องแลกกับอะไรในฤดูหนาวเช่นนี้ ระยะในการเดินทางทำได้ไม่ไกลนัก”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top