Sunday, 15 June 2025
NewsFeed

‘วราวุธ’ เดินหน้าช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิต เหตุ ‘โรงงานพลุระเบิด’ ห่วงสุดเด็ก 8 ขวบ สูญเสียทั้งพ่อแม่ กำชับ!! จนท.ประกบ 24 ชม.

เมื่อวานนี้ (18 ม.ค. 67) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ว่า จากรายงานล่าสุดของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยืนยันผู้เสียชีวิต 23 ราย และครอบครัวที่เสียชีวิตทั้งบิดามารดา จำนวน 3 ครอบครัว ซึ่งทางกระทรวง พม. ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนลำดับต้น เด็กเล็กสุดที่เสียทั้งคุณพ่อคุณแม่อายุเพียง 8 ขวบ เรียนป.2 และยังมีเยาวชนอายุ 16 ปี-ม.4 และ อายุ 18 ปี-ม.6 ซึ่งตนได้คุยกับ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานมูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส ศิลปอาชา แล้วว่าทางมูลนิธิ จะดูแลเรื่องการศึกษาของน้อง 3 ครอบครัวที่ที่อยู่ในวัยเรียนให้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องห่วง และที่สำคัญตน ขอขอบพระคุณ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย และ นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ที่ได้ให้เกียรติลงพื้นที่ช่วยเป็นกำลังใจและดูแลพี่น้องประชาชนที่สุพรรณบุรี รวมไปถึงขอขอบคุณทุกหน่วยงานราชการ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย ที่ได้ระดมสรรพช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่

นายวราวุธ กล่าวว่า ยืนยันว่าทางกระทรวง พม. จะมีการทำบุญครบ 7 วันให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ และระดมให้ความช่วยเหลือในส่วนของการซ่อมแซมบ้าน ซึ่งทางกระทรวง พม. กำลังเร่งสำรวจ และเร่งดำเนินการให้ นอกจากนี้ได้จัดให้มีนักสหวิชาชีพ และนักจิตวิทยา ประกบญาติทั้ง 23 ราย ซึ่งตัวเลขคือ 17 ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ โดยให้มีเจ้าหน้าที่ประกบตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง 10 วันแรก และเจ้าหน้าที่พม.ระดม กำลังจากทุกจังหวัด ภายใต้โครงการ พม.หนึ่งเดียว อาทิ กาญจนบุรี นครปฐม ชัยนาท อยุธยา ระดมสรรพกำลังทั้งหมดเข้ามาช่วยดูแลพี่น้องประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง เพราะความสำคัญนอกจากเรื่องเงินชดเชยแล้วคือเรื่องการเยียวยาจิตใจ ฃ

“นักสหวิชาชีพและนักจิตวิทยารายงานเคสที่หนักหน่อยคือกรณีน้องเด็กเล็ก 8 ขวบ ที่ยังสั่นอยู่ ซึ่งขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เห็นใจอย่างยิ่ง เพราะจู่ ๆ ก็ต้องสูญเสียทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ดังนั้นจึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวง พม. ประกบตลอด 24 ชั่วโมง” นายวราวุธ กล่าว

พิษณุโลก เปิดงาน 'MED NU Health Expo 2024' ประชาชนแห่ตรวจรักษาฟรีกับเทคโนโลยีล้ำสมัย

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “MED NU Health Expo 2024” ภายใต้หัวข้อ “สังคมสุขภาพดี Healthy Society” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 - 20 มกราคม 2567 โดยได้รับเกียรติจาก แพทย์หญิงพิริยา นฤขัตรพิชัย คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน ทั้งนี้มีภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนร่วมพิธีเปิดงานกว่า 500 คน โดยงานนี้ได้จัดให้มีการให้บริการวิชาการแก่สังคม สร้างภูมิคุ้มกันในการดูแลสุขภาพและให้บริการทางการแพทย์ที่เหมาะสมกับชุมชนในพื้นที่ให้มีสุขภาพดีถ้วนหน้า ลดการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของมหาวิทยาลัยนเรศวร NU SDGs (Naresuan University Sustainable Development Goals) และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยจากบริษัทชั้นนำ 

เช่น เครื่อง Anatomage Table ศึกษากายวิภาคศาสตร์ของมนุษย์ สามารถแสดงภาพรูปทรง 3 มิติที่ซับซ้อนของร่างกายมนุษย์ได้อย่างชัดเจน ถูกต้อง แม่นยำ ใช้สำหรับการศึกษาทางการแพทย์ สร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียนที่สนใจเรียนด้านการแพทย์ และผู้สนใจที่ต้องการรู้จักกายวิภาคศาสตร์ของมนุษย์ โดยไม่ต้องเรียนกับอาจารย์ใหญ่ การจัดแสดงผลงานนวัตกรรม งานวิจัย ที่หลากหลาย พร้อมต่อยอดเชิงธุรกิจ และการตรวจเช็คสุขภาพฟรีอีกหลายรายการ อาทิ การตรวจสุขภาพเส้นฟอกไตด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์ การตรวจสุขภาพหัวใจ ตรวจวัดคลื่นสมองด้วยเครื่อง Neurofeedback เพื่อคัดกรองอาการหลงลืม อาการสมาธิสั้น การตรวจรักษาเปลือกตาอักเสบ รักษาตาแห้งจากต่อมไขมันอุดตันด้วยหน้ากากลำแสง LED เป็นต้น ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการและการจัดประชุมนานาชาติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (KNECC) มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก  

‘แฟนบอลเวียดนาม’ เผย!! เหตุถือธงชาติไทยเชียร์ทัพช้างศึก เพราะแฟนบอลไทยน่ารัก ร่วมยินดีเวียดนามได้แชมป์ U23

(19 ม.ค. 67) เพจ ‘หลังสนามบอลไทย’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับแฟนบอลชาวเวียดนามที่โบกสะพัดธงชาติไทย เชียร์นักเตะไทยในศึกเอเชียน คัพ 2023 โดยระบุว่า…

“มีไวรัลในโลกโซเชียลอย่างมากถึงกรณีที่แฟนบอลเวียดนามถือธงชาติไทยเชียร์ทัพ ‘ช้างศึก’ ซึ่งทำให้คนสงสัยกันว่าเพราะเหตุใดถึงมาเชียร์ติดขอบสนาม

ล่าสุด ‘Trần Duy Đạt’ แฟนบอลเวียดนามรายดังกล่าวเปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า “ผมสนิทกับกองเชียร์ชาวไทยบางคน ทัวร์นาเมนต์ U23 ชิงแชมป์อาเซียน ที่ประเทศไทย เวียดนามได้แชมป์ กองเชียร์ไทยก็มาช่วยเชียร์เวียดนาม ส่วนตัวผมไปเชียร์ทีมชาติไทยในทัวร์นาเมนต์นั้นด้วย พวกเราคว้าแชมป์ได้ พวกคุณมาดีใจกับเรา นี่คือเหตุผลที่ผมมาเชียร์ทีมชาติไทยในวันนี้””

สำหรับ ‘Trần Duy Đạt’ แฟนบอลชาวเวียดนาม 🇻🇳 ถือธงเชียร์ทีมชาติไทย 🇹🇭 ปรากฏตัวที่สนามอับดุลลาห์ บิน คาลิฟา สเตเดียม⁣ ในเกมเอเชียน คัพ 2023 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม F นัดแรก เกมที่เอาชนะ คีร์กีซสถาน 2-0 เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา

Trần Duy Đạt เป็นแฟนบอลพันธุ์แท้ของทัพดาวทอง เคยเดินทางมาเชียร์ชาติบ้านเกิดในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอล U23 ชิงแชมป์อาเซียน 2023 ที่จังหวัดระยอง เมื่อปีที่แล้ว

นอกเหนือจากความสมหวังที่เวียดนามก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ในทัวร์นาเมนต์นั้นได้สำเร็จแล้ว สิ่งที่ Trần Duy Đạt ได้รับกลับไป คือ #มิตรภาพฟุตบอล จากแฟนบอลช้างศึกนั่นเอง

เพชรบูรณ์ - กองพลทหารม้าที่ 1 กระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องในวันกองทัพไทย ประจำปี 2567

18 มกราคม 2567 เวลา 15.30 น. พลตรี ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 1 ค่ายพ่อขุนผาเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานในพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องในวันกองทัพไทย ประจำปี 2567 ของหน่วยกองพลทหารม้าที่ 1 ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีนายชนก มากพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์  พล.ต.วัชรพงศ์ แก้วแจ้ง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 36 พล.ต.ต.สารนัย คงเมือง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ดร.ประทิน นาคสำราญ นายก อบต.สะเดียง หัวหน้าส่วนราชการ  ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมเป็นเกียรติในพิธี ณ บริเวณหน้าแหล่งสมาคมนายทหารค่ายพ่อขุนผาเมือง กองพลทหารม้าที่ 1 ค่ายพ่อขุนผาเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์

โดยภายในงานมีการจัดพิธีสงฆ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 1 นำกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล และอ่านสาส์นของผู้บัญชาการทหารสูงสุด โดยมีกำลังพลของกองพลทหารม้าที่ 1 ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 8 กองพัน เข้าร่วมพิธีจากนั้นได้จัดขบวนสวนสนามแสดงแสนยานุภาพทางทหาร โดยมีครอบครัวและญาติของทหารเข้าร่วมชมการแสดงและการสวนสนามด้วย

สำหรับความเป็นมาวันกองทัพไทยนั้น ในปีพุทธศักราช 2502 กะทรวงกลาโหม ได้กำหนดวันที่ 8 เมษายนของทุกปี เป็นวันกองทัพไทยต่อมา พ.ศ. 2522 สมัย พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เห็นว่าวันกองทัพไทยควรเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ จึงได้กำหนดวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถี ได้รับชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา เป็นวันกองทัพไทย ซึ่งตรงกับวันที่ 25 มกราคม ของทุกปี ต่อมาได้มีการคำนวนวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีใหม่ให้ตรงกับความเป็นจริง และกระทรวงกลาโหมเห็นสมควรเปลี่ยนแปลง วันกองทัพไทย จาก 25 มกราคม เป็น 18 มกราคม ของทุกปีและอนุมัติให้เป็นวันหยุดราชการของกระทรวงกลาโหม 

'กมธ.อุตฯ' เรียกสอบหน่วยงาน แก้ไขกฎขออนุญาตตั้งโรงงาน หลัง 'โรงงานพลุ-คลังเก็บดอกไม้ไฟ' ระเบิดถี่ขึ้นในช่วงหลัง

เมื่อวานนี้ (18 ม.ค. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิดใน จ.สุพรรณบุรีว่า ขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิดที่ จ.สุพรรณบุรี ประเทศไทยเรามีเหตุการณ์จากโรงงานพลุระเบิดและโรงงานเก็บดอกไม้ไฟระเบิดมาหลายครั้งมากและเกิดถี่ขึ้นในช่วงหลัง ตนเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการปรับปรุงกฎระเบียบการขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตพลุดอกไม้ไฟทั่วประเทศเสียใหม่

ประธานกมธ.อุตสาหกรรม กล่าวว่า เดิมที พ.ร.บ.โรงงานอุตสาหกรรมกำหนดไว้ว่า เครื่องจักรที่น้อยกว่า 50 แรงม้า หรือมีคนงานน้อยกว่า 50 คนไม่ต้องขออนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ดังนั้นโรงงานผลิตพลุและดอกไม้ไฟส่วนใหญ่จะอยู่นอกเหนือการตรวจสอบของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ถึงแม้จะเรียกว่าโรงงาน แต่กรมโรงงานอุตสาหกรรมไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ เนื่องจากอยู่นอกเหนือกฎหมาย แต่หลังจากเกิดเหตุโรงงานพลุดอกไม้ไฟระเบิดอยู่บ่อยครั้งได้สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล จึงเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องสังคายนากฎระเบียบนี้เสียใหม่

นายอัครเดช กล่าวว่า จากนี้ไปจะต้องเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้ที่ออกใบอนุญาตมาประชุมหารือว่าถึงเวลาจะต้องแก้ไขระเบียบใหม่หรือยังเพื่อให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามาเป็นหน่วยงานหลักในการติดตามตรวจสอบโรงงานผลิตพลุและดอกไม้ไฟหรือไม่ อย่างไร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ใช้แรงงานในโรงงานผลิตพลุและดอกไม้ไฟ รวมถึงบ้านเรือนของประชาชนที่อาศัยอยู่รอบบริเวณโรงงานผลิตพลุและดอกไม้ไฟ

ไม่เช่นนั้นจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อยู่เป็นประจำ และสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งกมธ.อุตสาหกรรมจะรับเรื่องนี้มาพิจารณาเพื่อเสนอให้รัฐบาลดำเนินการต่อไป เราจะปล่อยให้เกิดเหตการณ์ระเบิดในลักษณะนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ได้

วิเคราะห์!! ไทยค้นพบแร่ลิเทียม 14.8 ล้านตัน โอกาสทำไทยรวยทางลัดกว่า 14 ล้านล้านบาท

(19 ม.ค.67) เป็นที่ฮือฮาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้เผยข่าวการค้นพบแหล่งแร่ลิเทียมในประเทศไทย 2 แหล่ง ได้แก่ แหล่งเรืองเกียรติ และแหล่งบางอีตุ้ม จ.พังงา มากกว่า 14,800,000 ตัน อีกทั้งยังค้นพบแหล่งแร่โซเดียมในพื้นที่ภาคอีสานปริมาณสำรองอีกจำนวนมาก

โดยปัจจุบัน ประเทศที่มีแร่ลิเทียมมากที่สุด 5 อันแรก ได้แก่...

- โบลิเวีย 21.0 ล้านตัน
- อาร์เจนตินา 19.0 ล้านตัน
- ชิลี 9.8 ล้านตัน
- สหรัฐฯ 9.1 ล้านตัน
- ออสเตรเลีย 7.3 ล้านตัน

นั่นหมายความว่า การค้นพบแร่ลิเทียมในไทยตามปริมาณที่กล่าวมานั้น จะทำให้ไทยกลายเป็นประเทศที่มีแร่ลิเทียมมากเป็นอันดับ 3 ของโลกทันที

ยิ่งไปกว่านั้น หากประมาณการมูลค่าดูแล้ว น่าจะอยู่ที่ 14-15 ล้านล้านบาท หากคิดจากราคาแร่ลิเทียมในปัจจุบันที่ขายกันอยู่เฉลี่ยตันละ 30,000 ดอลลาร์ หรือ 1 ล้านบาท

ถ้าให้เปรียบว่ามากขนาดไหน ก็เทียบกับมูลค่าการแจกเงินผ่าน Digital Wallet ที่ใช้งบประมาณ 5 แสนล้านบาท แล้วการค้นพบของไทยหนนี้ สามารถเอามาแจกเงินดิจิทัลได้เกือบ 30 รอบได้เลยทีเดียว

สำหรับแร่ทั้งสองชนิดนี้ ถือเป็นแร่หลักหรือวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) 100% ซึ่งแน่นอนว่าการค้นพบครั้งนี้จะเสริมศักยภาพความพร้อมของไทยในการเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลาง และฐานการผลิตแบตเตอรี่ EV ในภูมิภาคได้อย่างมาก

ขณะเดียวกัน ก็เชื่อว่าจะช่วยดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติที่มีศักยภาพเข้ามาตั้งโรงงาน ท่ามกลางการแข่งขันของนานาประเทศ เพื่อให้ไทยมุ่งสู่การเป็นฐานผลิตหลักของภูมิภาค ภายใต้การคาดการณ์ว่า ความต้องการลิเทียมทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าภายในปี พ.ศ. 2568 และจะต้องการมากกว่า 2 ล้านตันภายในปี พ.ศ. 2573

ฉะนั้น หากจะพูดว่าประเทศไทยเหมือนตกถังข้าวสารขนาดยักษ์ ก็คงไม่ผิด เพราะปัจจุบันนี้ 70% ของลิเทียมที่ผลิตทั่วโลก ได้ถูกใช้ไปกับแบตเตอรี่ EV หรือรถยนต์ไฟฟ้านั่นแล

เห็นภาพแบบนี้แล้ว เศรษฐกิจไทย คงพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงกันเลยทีเดียว...

‘ฝรั่งเศส’ เตรียมทดลอง ‘แต่งชุด นร.’ หวังลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมเพิ่มวิชาให้ศึกษาความหมายของ ‘เพลงชาติ’ ให้ลึกซึ้ง

เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 67 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง กล่าวถึงเครื่องแบบนักเรียน ว่าสามารถลดความไม่เท่าเทียม หรือความเหลื่อมล้ำระหว่างครอบครัว... 

ในเวลาเดียวกัน เครื่องแบบนักเรียนคือการกำหนดแนวทาง ที่เป็นเงื่อนไขของการเคารพและการให้เกียรติ ด้วยเหตุนี้ นับตั้งแต่ปีการศึกษาปัจจุบันเป็นต้นไป กระทรวงศึกษาธิการฝรั่งเศส มีแผนการให้สถานศึกษาของรัฐ 100 แห่งในประเทศ ร่วมโครงการนำร่องการสวมเครื่องแบบนักเรียน โดยสถานศึกษาสามารถเข้าร่วมได้ตามความสมัครใจ

หากการทดลองดังกล่าวได้ผลดี จะมีการบัญญัติเป็นกฎหมาย และบังคับใช้ในระดับเดียวกัน สำหรับสถานศึกษาของรัฐทั่วประเทศ ในปี 2569 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่มาครงจะดำรงตำแหน่งผู้นำฝรั่งเศส ก่อนการเลือกตั้งครั้งใหม่ ในปี 2570 และจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส ที่นักเรียนในโรงเรียนของรัฐต้องสวมเครื่องแบบ

นอกจากนี้ ผู้นำฝรั่งเศสกล่าวถึงแผนการให้นักเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษา เรียนรู้และมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ต่อความหมายของเพลง ‘ลามาร์แซแยซ’ (La Marseillaise) ซึ่งเป็นเพลงชาติ และการกำหนดให้วรรณกรรม ภาพยนตร์ และการละครเป็นวิชาบังคับ ตั้งแต่เดือน ก.ย. 2568 โดยผู้นำฝรั่งเศสเชื่อว่า เป็นวิชาที่จะสามารถสร้างความมั่นใจ ฝึกฝนการพูดในสถานที่สาธารณะ และการเรียนรู้เนื้อหาที่มีคุณค่า

‘มูลนิธิบรรหาร-แจ่มใสฯ’ เตรียมมอบเงินเยียวยาครอบครัวเหยื่อพลุระเบิด พร้อมเกื้อหนุนค่าเล่าเรียนเด็กที่สูญเสียพ่อแม่ จนจบปริญญาตรี

(19 ม.ค.67) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดขับเคลื่อนนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ในวันที่ 23 ม.ค.67 ซึ่งจะครบ 7 วันของเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิดที่ ต.ศาลาขาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย ทางกระทรวงพม.จึงจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับ รวมทั้งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับครอบครัวของผู้สูญเสีย และพี่น้องประชาชนในบริเวณใกล้เคียง รวมถึงประชาชนทั่วไป เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นโศกนาฏกรรมที่กระทบกระเทือนจิตใจของทุกๆ คนเป็นอย่างมาก และเมื่อเสร็จจากทำบุญแล้วจะเยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตเพื่อให้กำลังใจ โดยเฉพาะ 3 ครอบครัวที่สูญเสียทั้งพ่อและแม่ซึ่งเป็นเสาหลักในการหาเลี้ยงครอบครัว 

น.ส.กัญจนา กล่าวว่า ในนามตัวแทนของมูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส ศิลปอาชา จะได้มอบเงินให้กับ 17 ครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย เพราะบางครัวเรือนมีผู้เสียชีวิตมากกว่าหนึ่งราย โดยจะมอบให้ครัวเรือนละ 20,000 บาท อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบข้อมูลเบื้องต้น มีเด็กเยาวชนที่อยู่ในวัยศึกษาซึ่งสูญเสียทั้งพ่อและแม่อยู่ประมาณ 4 ราย ดังนั้นมูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส ศิลปอาชา จะช่วยสนับสนุนทุนการศึกษาอย่างน้อยถึงระดับปริญญาตรี

กองทัพบกประกอบพิธีทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องในวันกองทัพบก 2567

วันที่ 18 มกราคม 2567 เวลา 15.30 น. ณ ลานอเนกประสงค์ศูนย์การทหารม้าจังหวัดสระบุรี โดยพลเอกเจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบกเป็นประธานในพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องในโอกาสวันกองทัพบกและวันกองทัพไทย มีนายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี อัยการทหาร ตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมพิธี ถือว่าวันนี้เป็นวันรำลึกถึงพระมหากรุณาธิ คุณ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย นับได้ว่าวันนี้เป็นโอกาสสำคัญของราชการทหารที่ได้ทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลซึ่งเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ที่เข้ารับราชการทหารจะต้องกระทำพิธีนี้เพื่อความเป็นสิริมงคลตลอดชีวิตการรับราชการ

สำหรับธงชัยเฉลิมพลนั้นเป็นสัญลักษณ์สำคัญของสถาบันสูงสุดได้แก่ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

ในการนี้ก่อนเข้าสู่พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลได้มีการแสดงศิลปะบังคับม้าจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์โดยกองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์

จากนั้นวงดุริยางค์จากกรมดุริยางค์ทหารบกนำแถวนายทหารที่กระทำสัตย์ปฏิญาณตนเข้าสู่สนามพร้อมเชิญธงชัยเฉลิมพลเพื่อทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์ได้กราบนิมนต์พระสงฆ์จำนวน 10 รูป จากวัดมงคลชัยพัฒนาพระอารามหลวง วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร วัดสมุหประดิษฐาราม วัดแก่งขนุน วัดท่าพง เจริญพระพุทธมนต์

ต่อมาผู้บัญชาการทหารบกได้นำปฏิญาณตนและให้โอวาทอ่านสารของผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในการนี้กองผสมได้สั่งสวนสนามของกำลังพลประกอบไปด้วยกรมสวนสนามจำนวน 4 กรม 16 กองพัน กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ กรมทหารม้าที่ 5 รักษาพระองค์ กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 และกรมปืนใหญ่ที่ 72 โดยมีพลตรีสิทธิพร จุลปานะ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์เป็นผู้บังคับกองผสม โดยผู้บัญชาการทหารบกได้ให้โอวาทแก่เหล่าทหารที่ร่วมพิธี กระทำสัตย์ปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพล โดยให้ทุกท่านยึดมั่นในคำสัตย์ปฎิญานที่ให้ไว้อย่างเคร่งครัดและภูมิใจในเกียรติและศักดิ์ศรี ให้ตั้งมั่นในอุดมการณ์ของการเป็นทหารอาชีพปฏิบัติหน้าที่เต็มกำลังความสามารถและเสียสละเพื่อพิทักษ์ค้ำจุนประเทศชาติราชบัลลังก์ตลอดจนคุ้มครองประชาชนและแผ่นดินไทยและพัฒนาตนเองให้เข้มแข็งอยู่เสมอและสร้างสรรค์คุณประโยชน์ให้แก่สังคมโดยรวมและประเทศชาติสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมั่นคงต่อไป

ทัวร์ลง!! ‘Pigkaploy’ จนต้องลบคลิป ‘ทหารมีไว้ทำไม’ เจ้าตัวยัน!! ไม่ได้รับบรีฟจากกองทัพ หรือเป็นพรรคพวกฝั่งใด

(19 ม.ค. 67) จากกรณีที่ ยูทูบช่อง ‘Pigkaploy’ ของพลอย พลอยไพลิน ปล่อย EP. ล่าสุด ชื่อตอน ‘ทหารมีไว้ทำไม EP.1’ ตอน ‘ลองใช้ชีวิตเป็นทหารชายแดนเหนือ 3 วัน 2 คืน l ไทย-เมียร์มาร์’ เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการติดตามการทำงานของทหารชายแดนเหนือไทย-เมียนมา ที่ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ทั้งการปราบปรามการลักลอบข้ามชายแดนผิดกฎหมายผ่านเส้นทางธรรมชาติ การลักลอบขนยาเสพติด ตัดไม้ทำลายป่า ฯลฯ จนเรียกเสียงวิจารณ์จากโลกโซเชียลไม่น้อย 

และยังมีเพจของทหารที่พร้อมใจกันแชร์คลิปดังกล่าว จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า คลิปดังกล่าวเป็นการทำขึ้นตามที่รับบรีฟจากกองทัพบกหรือไม่ จน ‘พลอย’ ต้องออกมาชี้แจงว่า “โปรเจ็กต์นี้ไม่มีการรับบรีฟจากกองทัพบก มีเพียงได้รับการสนับสนุนในการถ่ายทำ”

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพลอยจะได้เปลี่ยนปกคลิปและชื่อคลิป จาก ‘ทหารมีไว้ทำไม’ เป็น ‘ตามติดชีวิตทหารชายแดน’ เพื่อป้องกันคนเข้าใจผิด แต่ก็ยังมีผู้ที่มองว่า ปัญหาอยู่ที่เนื้อหาในคลิป และได้กลายเป็นพื้นที่ต่อคารมกันระหว่างผู้ที่เห็นต่าง โดยในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบ ต่างพากันชื่นชมคลิปของพลอย และขอบคุณที่ทำคลิปออกมาปกป้องทหาร และบอกว่า พลอยเป็นพรรคพวกเดียวกับพวกเขา ซึ่งในคอมเมนต์ดังกล่าว พลอยถึงกับต้องออกมาตอบว่า “ไม่ใช่นะคะ”

ล่าสุด พบว่าคลิปดังกล่าวได้หายไปจากช่อง Pigkaploy แล้ว แต่ก็ยังมีบางช่องที่โหลดคลิปเก็บไว้เรียบร้อย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top