Sunday, 15 June 2025
NewsFeed

สำรวจแหล่งแร่ลิเทียมในไทย ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก 'ลบจุดอ่อน-เพิ่มศักยภาพ' ไทย สู่ผู้นำการผลิตรถ EV ในอาเซียนเต็มตัว

นับเป็นข่าวดี สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์อีวี ของไทย ที่นอกจากจะมีจุดแข็งในด้านการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ที่มีคุณภาพสูง ความเชี่ยวชาญในการผลิตรถยนต์ และยังมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่โดดเด่นกว่าประเทศคู่แข่ง ล่าสุดก็ได้มีการค้นพบแหล่งแร่ลิเทียมขนาดใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์อีวี ทำให้เพิ่มศักยภาพดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมอีวี ได้มากขึ้น และจะมีการลงทุนโรงงานแบดเตอรี่อีวีต้นน้ำมากขึ้น ส่งผลให้ไทยเป็นฐานการผลิตที่มีศักยภาพสูงอย่างรอบด้าน

โดยไม่นานมานี้ นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้ให้การสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์อีวีอย่างเต็มที่ โดยสั่งการให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ จัดหาและบริหารจัดการวัตถุดิบ เพื่อรองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมรถยนต์อีวี

โดยที่ผ่านมา ได้ออกใบอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษจำนวน 3 แปลง เพื่อสำรวจแหล่งลิเทียมในพื้นที่อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ซึ่งจากผลการสำรวจพบว่า หินอัคนีเนื้อหยาบมากสีขาวหรือหินเพกมาไทต์ ซึ่งเป็นหินต้นกำเนิดที่นำพาแร่เลพิโดไลต์สีม่วง หรือแร่ที่มีองค์ประกอบของลิเทียมมาเย็นตัวและตกผลึกจนเกิดเป็นแหล่งลิเทียมที่มีศักยภาพ 2 แหล่ง ได้แก่ แหล่งเรืองเกียรติ มีปริมาณสำรองประมาณ 14.8 ล้านตัน เกรดลิเทียมออกไซด์เฉลี่ย 0.45% อยู่ในเกรดระดับกลาง และแหล่งบางอีตุ้มที่อยู่ระหว่างการสำรวจขั้นรายละเอียดเพื่อประเมินปริมาณสำรอง

สำหรับแหล่งลิเทียมเรืองเกียรติแห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นแหล่งที่มีปริมาณแร่ลิเทียมมมากเป็นอันดับ 3 ของโลกในปัจจุบัน เป็นรองเพียงประเทศโบลิเวีย และอาร์เจนตินา ซึ่งหากได้รับประทานบัตรเพื่อทำเหมืองแร่แล้ว คาดว่าจะสามารถนำแร่ลิเทียมมาเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาด 50 kWh ได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคัน คาดว่าจะสามารถออกประทานบัตรผลิตแร่ได้ภายใน 2 ปี จึงเริ่มการทำเหมืองได้

ทั้งนี้ นอกจากทั้ง 2 แหล่งดังกล่าว กพร. ยังได้ออกใบอาชญาบัตรสำรวจแร่ลิเทียมไปแล้ว 6 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ และฝั่งตะวันตกที่ จ.ราชบุรี คาดว่าจะพบแร่ลิเทียมได้อีกหลายแหล่ง แต่ทั้งนี้ ในแหล่งแร่บางแห่งอาจจะไม่สามารถผลิตได้ เพราะอยู่ในพื้นที่ความมั่นคงทางทหาร ซึ่งปัญหานี้อาจจะหาทางออกได้ในอนาคต ทำให้คาดว่าจะสำรวจพบแร่ลิเทียมอีกหลายแห่งในประเทศไทย

ส่วน ข้อกังวลในด้านการทำเหมืองแร่ลิเทียมนั้น เทคโนโลยีการแต่งสินแร่ลิเทียมในปัจจุบันสามารถควบคุม และลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนได้เป็นอย่างดี รวมทั้งในกระบวนการสกัดแร่ลิเทียม ก็ไม่มีสารเคมีอันตรายเข้ามาเกี่ยวข้อง ในส่วนของ กพร. ก็จะเข้าไปกำกับดูแลอย่างเข้มงวดในทุกขั้นตอนการผลิต จึงมั่นใจว่าเหมืองใหม่ที่จะเกิดขึ้นนี้ จะมีความปลอดภัยต่อสุขภาพของประชาชนโดยรอบเหมืองลิเทียมอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ กพร. ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถ Reuse และ Recycle แบตเตอรี่ที่ใช้แล้วและนำกลับมาใช้เป็นแหล่งพลังงานซ้ำ (Second Life EV Batteries) สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก อาคารบ้านเรือน สำนักงาน หรือโรงงานอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร เพื่อรองรับการบริหารจัดการแบตเตอรี่ที่ผ่านการใช้งานแล้วในอนาคตตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนอีกด้วย

ทั้งนี้ นโยบาย EV 3.5 ของรัฐบาลสร้างแรงจูงใจให้บริษัทยานยนต์ไฟฟ้ารายใหม่ ๆ เข้ามาตั้งฐานการผลิตภายในประเทศ ซึ่งหากประเทศไทยมีปริมาณสำรองลิเทียมเป็นจำนวนมาก ย่อมเป็นส่วนสำคัญที่สร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่มูลค่าเป็นสัดส่วนที่สูงมากของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ จะส่งผลดีต่อโครงสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและซัพพลายเชนทั้งระบบ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจทั้งด้านการลงทุนและการจ้างงาน

รวมทั้งยังสร้างความได้เปรียบในการเป็นฐานการผลิตรถยนต์อีวี อันดับ 1 ของอาเซียน ลบจุดอ่อนเดิมที่ไม่มีเหมืองแร่ต้นน้ำแบตเตอรี่ เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งอย่างประเทศอินโดนีเซีย

สำหรับข้อมูล บริษัท สยามโลหะ อุตสาหกรรม จำกัด ได้รับอาชญาบัตรสำรวจแร่ 3 ใบ ได้แก่...

อาชญาบัตรพิเศษที่ 1/2562มีพื้นที่ 7,670 ไร่ (ประมาณ 12.27 ตร.กม.) ครอบคลุมพื้นที่ ต.ถ้ำ และ ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา

อาชญาบัตรพิเศษที่ 2/2562 มีพื้นที่ 7,433 ไร่ (ประมาณ 12.64 ตร.กม.) ครอบคลุมพื้นที่ ต.ถ้ำ ต.กะไหล และ ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา

อาชญาบัตรพิเศษที่ 3/2562 มีพื้นที่ 7,417 ไร่ (ประมาณ 11.87 ตร.กม.) ครอบคลุมพื้นที่ ต.ถ้ำ ต.กะไหล และ อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ปรับตัวทันเทคโนโลยี แต่ต้องรักษาพื้นฐานขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมของไทยให้มากที่สุด เพื่อจะทำให้เด็กก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทั้งที่ยังมีวัฒนธรรมที่เป็นสมบัติของประเทศ

‘ช้างศึก’ ระเบิดฟอร์มชนะนัดแรก ‘เอเชียนคัพ 2023’ หลัง ‘ครูฝึกอิชิอิ’ เลือกใช้นักเตะที่คุ้นเคยกันลงสนาม

(17 ม.ค. 67) ฟุตบอล เอเอฟซี เอเชียนคัพ 2023 กลุ่ม เอฟ ที่ อับดุลลาห์ บิน คาลิฟา สเตเดียม ประเทศกาตาร์ ‘ทีมชาติไทย’ ทีมอันดับ 113 ของโลก ประเดิมสนาม เอาชนะ ‘คีร์กีซสถาน’ อันดับ 98 ของโลก 2-0 โดยเกมนี้ ‘ศุภชัย ใจเด็ด’ สวมบทฮีโร่ ซัดคนเดียว 2 ประตู ให้ทีมชาติไทย เก็บ 3 คะแนนสำคัญ

หลังจบการแข่งขัน ‘มาซาทาดะ อิชิอิ’ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวว่า “เกมแรกเป็นเกมที่ยาก แต่ว่าเราสามารถเก็บ 3 คะแนนได้ ถือว่าน่าพอใจมาก หลังจากเข้ามารับหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอน ก็พยายามเรียกนักเตะเป็นกลุ่มเป็นก้อน เคยเล่นด้วยกันให้มากที่สุด และทำงานร่วมกันมาก่อน ซึ่งมีส่วนสำคัญมากทำให้เราเก็บชัยชนะในเกมนี้”

"ทัวร์นาเมนต์เอเชียน คัพ ครั้งนี้ กว่าเราจะได้ถ่ายทอดสด ค่อนข้างกระชั้นชิดมาก แต่เราได้ดูถ่ายทอดสดถึง 2 ช่อง น่าจะทำให้แฟนบอลดีใจกับทีมชาติไทย ที่สามารถเก็บชัยชนะได้" อิชิอิ กล่าว

อิชิอิ กล่าวต่อว่า “การที่ สุภโชค สารชาติ เล่นร่วมกับเพื่อนคนอื่น ๆ ในทีมได้ดีวันนี้ ถือว่าเขาเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ทำให้เราคว้าชัยในวันนี้ ผมไม่ขอวิจารณ์ทีมคู่แข่ง แต่ผมดีใจมากที่เราชนะในวันนี้”

สำหรับโปรแกรมนัดต่อไป ‘ทีมชาติไทย’ จะทำการแข่งขัน ฟุตบอล เอเชียน คัพ 2023 รอบสุดท้าย กลุ่ม เอฟ นัดที่สอง พบกับ ‘โอมาน’ ที่ อับดุลลาห์ บิน คาลิฟา สเตเดียม ในวันที่ 21 มกราคม 2567 เวลา 21.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง  PPTV HD ช่อง 36 และ T-Sports 7

'ดูไบเวิลด์' บิ๊กโลจิสติกส์-ท่าเรือ UAE เอาจริง!! จ่อลงทุน 'แลนด์บริดจ์' เช็กประวัติ!! เคยให้เปล่า 200 ล้าน วิจัยสร้างท่าเรือกับไทยมาแล้ว

เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.67) ระดับโลก ไม่ใช่จะมาหลอกกันง่ายๆ ล่าสุด Dubai World บริษัทโลจิสติกส์ขนาดยักษ์ จาก UAE สนใจโครงการแลนด์บริดจ์ และมีการประสานข้อมูลกับ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. 

ทั้งนี้ บริษัทดังกล่าวได้หารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระหว่างการเข้าร่วมประชุม World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2567 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 15-19 ม.ค.2567 ภายใต้กำหนดร่วมการประชุม 'Thailand Landbridge: Connecting ASEAN with the World'

สำหรับ Dubai World (ดูไบเวิลด์) เป็นบริษัทชั้นนำของสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ซึ่งเชี่ยวชาญโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้า การดำเนินงานท่าเรือ การขนส่งสินค้าทางทะเลและเขตการค้าเสรี ก่อตั้งปี 2548 ให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ 70 ล้านตู้ โดยมีเรือนำเข้า 70,000 ลำต่อปี คิดเป็น 10% ของปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลก และมีพื้นที่ให้บริการในท่าเรือ 82 แห่งใน 40 ประเทศ

โดยที่ผ่านมา มีความสนใจ ที่จะลงทุนด้านโลจิสติกส์ในไทยมาช้านาน 

เคยร่วมมือและศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ร่วมกับรัฐบาลในช่วงปี 2550 ในการพัฒนาสะพานเศรษฐกิจภาคใต้ โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบเมื่อวันที่ 20 พ.ค.2551

Dubai World สนับสนุนแบบให้เปล่า เพื่อศึกษาความเหมาะสมการพัฒนาท่าเรือระหว่างประเทศ 2 แห่ง บนชายฝั่งทะเลอันดามันและบนชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย วงเงิน 200 ล้านบาท ก่อนที่ประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งกระทบกับแผนการลงทุนของ Dubai World

กระทั่งรัฐบาลปัจจุบัน มีท่าทีสนับสนุนโครงการแลนด์บริดจ์ ทาง Dubai World จึงกลับมาให้ความสนใจในโครงการนี้ 

ด้าน สนข.รายงานด้วยว่า “Dubai World เป็นบริษัทแรกๆ ที่เข้ามาช่วยไทยในการศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งขณะนั้นมีบริษัทจากจีนและอีกหลายแห่งที่มาช่วยศึกษา Dubai World จึงถือเป็นอีกหนึ่งเอกชนที่เข้าใจและรู้เรื่องแลนด์บริดจ์เป็นอย่างดี”

‘แพรรี่’ เบรกหัวทิ่ม ปมสักไฝแบบ ‘ลิซ่า’ แล้วชีวิตจะปัง ลั่น!! ทำทั้งหน้าก็ไม่พอ แนะ!! มันต้องมีความสามารถเสริมด้วย

เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.67) จากกรณี ‘อุ้ม ลักขณา วัธนวงส์ศิริ’ ที่ล่าสุดกับการสักไฝเสริมดวงในตำแหน่งเดียวกับที่ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ และ ‘ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์’ มีอยู่ที่ต้นคอ หรือที่เรียกกันว่า ‘ไฝมหารานี’ รวมถึงในจุดต่างๆ บนใบหน้าอีก 2 จุด โดยอุ้มได้เล่าในรายการ เคาะโต๊ะ EP.22 ทางช่องยูทูบ Archita Station ของบิวตี้บล็อกเกอร์สาวคนสวย ‘อาชิ อาชิตา ศิริภิญญานนท์’ ว่าเพิ่งไปสักมาไม่นาน แต่ผลลัพธ์ปังมาก งานเข้า เงินเข้าไม่หยุด ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด ‘แพรรี่ ไพรวัลย์’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘ไพรวัลย์ วรรณบุตร’ พูดถึงประเด็นดังกล่าวว่า

"โห่ เอาไรมาลิซ่าก่อน ไปทำหน้าค่ะ เอาแค่ไฝไม่อยู่หรอก ต้องดูโครงหน้าเขาด้วย เอาไรมาลิซ่า ลิซ่าเขาสวยทั้งตัวและมีความสามารถ ถึงจะสักไฝเต็มหน้า ก็เป็นลิซ่าไม่ได้หรอก

ใครหลอกมาว่าจะเป็นลิซ่าล่ะ ลิซ่าเขาไม่ได้แค่สวย เขาเก่งมีความสามารถ ทำไมเขาถึงเป็นที่ยอมรับระดับโลก คนตามไอจี 100 ล้านคน เขาไม่ได้ขายแค่ความสวย เขาขายความสามารถด้วย เขาเก่ง มีพรสวรรค์ในตัวเอง เขาไม่หยุดเรียนรู้ พัฒนา

กว่าจะเป็นลิซ่าคิดว่ามันง่ายเหรอ ไปดูบทสัมภาษณ์ที่เขาให้สัมภาษณ์ตามรายการ กว่าจะประสบความสำเร็จต้องต่อสู้ ไปอยู่เกาหลี มีแต่แมวที่เป็นเพื่อนคิดถึงบ้านจะตาย คิดถึงบ้านร้องไห้ ก็ต้องต่อสู้กับอุปสรรค ไม่ใช่ว่ามีไฝแล้วทำให้เขาสำเร็จจะไปสักไฝมันจะประสบความสำเร็จได้ยังไง ดูเบ้าหน้าด้วย ไม่ได้บูลลี่นะ ให้คำนึงถึงข้อเท็จจริง เราจะได้ไม่หลอกตัวเอง อยากประสบความสำเร็จเหมือนเขาก็ต้องพัฒนาความสามารถตัวเองให้มันได้แบบเขาทำได้ป่าวล่ะ ก็ไม่ได้อีก รู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถก็เลยสักไฝแล้วกันง่ายดี"

'มาสเตอร์สนั่น' ฟาดสื่อ!! แยกไม่ออกระหว่าง 'ได้ 0 ติด 0 เกรด 0' เคสน้องลมหนาว แจง!! นักเรียนไม่ได้ส่งงานถึงช่วงสอบกลางภาค = ได้ 0 คะแนน ยังมิใช่ได้เกรด 0

(17 ม.ค.67) จากเฟซบุ๊ก 'Sanan Aonket' ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีความคลาดเคลื่อนในการให้ข้อมูลของสื่อประเด็น น้องลมหนาวได้ 0 วิชาพลศึกษาและวิชาสุขศึกษา หลังลาไปแข่งสนุกเกอร์ ได้เหรียญทอง ว่า...

สวัสดีครับ ผมคือ มาสเตอร์สนั่น อ้นเกตุ ครูผู้สอนวิชาสุขศึกษา ชั้น ม.3 ตามที่เป็นข่าวดราม่า “น้องลมหนาวได้ 0 วิชาพลศึกษาและวิชาสุขศึกษา หลังลาไปแข่งสนุกเกอร์ ได้เหรียญทอง” ในขณะนี้

จริงๆ แล้วผมไม่อยากโพสต์อะไรเพราะกลัวจะกระทบกับเด็ก แต่จากข่าวบางสำนักที่ออกมาในตอนแรกนั้นได้ให้ข้อมูลที่ผิดอย่างมาก จนทำให้ผมถูกด่าถูกตราหน้าจากสังคมซึ่งมาจากการทำข่าวของสำนักข่าวเหล่านี้ และจากการแถลงข่าวจากทางโรงเรียน บอกตามตรงว่าข้อมูลไม่ครบถ้วนครับ

การโพสต์ในครั้งนี้จึงอยากจะออกมาอธิบาย ขอย้ำ! นี่! เป็นการอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ จะได้ไม่เข้าใจอะไรผิดๆ แล้วเอาไปด่ากันมั่วๆ สนุกปากครับ

จากข่าวต้นเรื่องที่ทำให้คนเข้าใจผิดกันมากที่สุดคือ เด็กติด 0 (หมายถึงได้เกรด 0 ที่เมื่อแก้ผ่านแล้วก็จะได้แค่เกรด 1) แต่ความเป็นจริงคือ เด็กได้ 0 คะแนนกลางภาค ซึ่งสามารถตามส่งงานและยังได้เกรด 4 อยู่

และอีกประเด็นคือ บอกว่าครูไม่นัดเด็กสอบทั้งๆ ที่เด็กลาไปแข่งกีฬาเยาวชนแห่งชาติ รอบคัดเลือกตัวแทนภาค 1 นครนายกเกมส์ และได้เหรียญทอง ซึ่งโรงเรียนได้อนุญาตให้ไปแข่งและสามารถเลื่อนสอบได้ 

ชี้แจงตามนี้ครับ… วิชาสุขศึกษาและพละศึกษา และวิชาอื่นๆ (ไม่ขอพูดถึงเพราะไม่ได้เป็นข่าว) เป็นวิชาที่ไม่มีสอบกลางภาค แต่เป็นวิชาที่เก็บคะแนนจากการทำงานส่งหรือเก็บคะแนนปฏิบัติระหว่างเรียนก่อนสอบกลางภาค แล้วนำคะแนนเก็บนี้มาใส่ในช่อง “คะแนนกลางภาค” ให้กับนักเรียน

ซึ่งในกรณีนี้นักเรียนไม่ได้ส่งงานเลยจนถึงช่วงสอบกลางภาค (ช่วงสอบกลางภาคขอเลื่อนสอบไปแข่งขันกีฬา) คะแนนส่งงานของเด็กจึงไม่มี ดังนั้นจึงให้ 0 คะแนน (ไม่ใช่ติด 0 หรือเกรด 0 ตามที่ข่าวลง) และผมก็ให้ 0 คะแนนกลางภาคไป 10 กว่าคนรวมถึงเคสนี้ด้วย

- การได้ 0 คะแนนกลางภาค ไม่ได้หมายความว่าได้เกรด 0 
- การได้ 0 คะแนนกลางภาค ไม่ต้องเสียเงินลงทะเบียนซ่อม
- การได้ 0 คะแนนกลางภาคสามารถตามส่งงานเพื่อให้มีคะแนนได้จนถึง final (หมายถึง วันที่ตัดเกรดก็ยังตามส่งงานให้มีคะแนนกลางภาคได้ ยืดหยุ่นสุดๆ)

การได้ 0 คะแนนกลางภาค เพราะโรงเรียนมีระยะเวลาในการกรอกคะแนนกลางภาคหลังจากสอบกลางภาคเสร็จ เพื่อให้มีใบคะแนนออกมาให้ผู้ปกครองได้ดูคะแนนเบื้องต้น ซึ่งสามารถนำไปวิเคราะห์ถึงพฤติกรรม ความรับผิดชอบ และวางแผนการเรียนให้ได้เกรดดีๆ ให้กับลูกได้ รวมถึงหากสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับครู หรือหากพบว่ามีปัญหาก็สามารถช่วยกันแก้ปัญหาเพื่อเด็กได้

การได้ 0 คะแนนกลางภาค เพราะวิชาสุขศึกษาที่ผมสอนนี้ ไม่มีสอบกลางภาค จึงได้กำหนดระยะเวลาส่งงานก่อนสอบกลางภาค (แต่จริงๆ แล้วผมก็ยืดหยุ่นให้ส่งหลังสอบ และยังมีเด็กมาส่งงานในวันสุดท้ายของการกรอกคะแนน ผมก็ยังรับงานและกรอกคะแนนให้ตามคุณภาพงาน ไม่ได้หักคะแนนส่งล่าช้าแต่อย่างใด และนักเรียนมีระยะเวลาทำงานส่ง 2-3 เดือนก่อนสอบกลางภาค)

จากข่าวดังกล่าวมีหลายข้อกล่าวหาที่อยากอธิบาย ดังนี้…

ครูผู้สอนเป็นโค้ชวอลเลย์บอลที่พานักกีฬาไปแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติเหมือนกัน ทำไมไม่ติด 0 ….

ใช่ครับ! นักกีฬาวอลเลย์บอลไปแข่งขันเหมือนกัน และได้ทำการเลื่อนสอบเหมือนกัน (แข่งขันตรงช่วงสอบพอดี) และมาตามสอบตามที่ฝ่ายวิชาการกำหนดในภายหลังเหมือนกัน ส่วนวิชาที่ไม่มีสอบกลางภาค แต่ต้องมีคะแนนกลางภาค นักกีฬาวอลเลย์บอลไม่มีใครได้ 0 คะแนนกลางภาคแม้แต่คนเดียว เพราะทุกคนรู้ว่าต้องแข่ง จึงรับผิดชอบตามงานให้เรียบร้อยก่อนไปแข่ง จึงทำให้มีคะแนนกลางภาค

ในส่วนนักกีฬาวอลเลย์บอลชั้น ม.3 ที่ไปแข่งในรายการนี้ ซึ่งผมก็เป็นคนสอนวิชาสุขศึกษาเขาด้วย มีอยู่ 1 คน ก็ไม่ได้ 0 คะแนนกลางภาค เพราะเขาก็ส่งงานก่อนไปแข่ง และทำส่งพร้อมเพื่อนๆ ปกติครับ และผมก็ตรวจงานให้คะแนนปกติเหมือนนักเรียนคนอื่นครับ

>> ครูไร้จรรยาบรรณ…
ผมให้ 0 คะแนนกลางภาค (ไม่ใช่เกรด 0) นักกีฬาที่ไปแข่งได้เหรียญทอง ไร้จรรยาบรรณ
กับ…
ผมให้คะแนนเด็ก ผ่านหรือเต็ม ทั้งที่ไม่มีงาน ไม่มีคะแนนเลย อาจจะมากกว่าหรือเท่ากับเด็กนักเรียนคนอื่นที่เข้าเรียนและส่งงานปกติ อันไหนไร้จรรยาบรรณกว่ากันครับ

จรรยาบรรณ… ก็ควรมีกับคนที่ไปเขียนข่าวด้วย เขียนข่าวมั่วข่าวผิด ได้ 0 ติด 0 เกรด 0 หัดหาข้อมูลให้ชัดแล้วค่อยไปเขียน ไม่ใช่ฟังอะไรมาก็ลงไปก่อน เอายอดคนอ่าน แต่เคยคิดถึงคนที่โดนด่าบ้างไหม ตอนทำข่าวใส่กันจัง แชร์กันจัง แล้วพอรู้ว่าให้ข้อมูลกันผิดจะแก้ไขอย่างไง เคยคิดจะขอโทษไหม จรรยาบรรณ?

ตรรกะง่ายๆ เด็กจะติด 0 ใช่เวลานี้ไหม เขาสอบปลายภาคกันช่วงไหน ปิดเทอมช่วงไหน ควรศึกษา… การให้ 0 คะแนนกลางภาคของผมมันโชว์ในใบคะแนน ซึ่งเด็กอาจจะถูกตำหนิ ถูกต่อว่า หรือหาวิธีแก้ไข จากผู้ปกครองไม่กี่คนที่จะรับรู้ถึงเรื่องคะแนนนี้ แต่สิ่งที่คุณทำข่าวผิด ให้ข้อมูลผิด ทำให้ผมถูกตราหน้าจากคนทั้งประเทศ คุณจะรับผิดชอบกันอย่างไร 

>> ขอแก้ข่าวที่ว่าระบบผิดพลาด…ไม่จริง!
ผมใส่คะแนนเอง ไม่มีอะไรผิดพลาด แต่ภายหลังจากนี้จะมีกระบวนการติดตามเด็กทั้งจากครูประจำวิชาและคุณครูประจำชั้น เพื่อแก้คะแนนในรายวิชาต่างๆ ที่ตกกลางภาค (ทุกวิชา)

หากผมผิดเพราะให้ 0 คะแนนกลางภาค (ไม่ใช่เกรด 0 สามารถแก้ไขคะแนน และยังได้เกรด 4) ผมว่ามันไม่ถูกต้อง

แต่ถ้าผมผิดเพราะให้ 0 คะแนนกลางภาค แล้วทำให้ไม่ถูกใจ อันนี้ผมก็ขออภัยและยอมรับผิด

บอกตามตรงผมไม่รู้ว่าที่ให้ 0 คะแนนไปนั้นเป็นลูกใครหรือมีอุปการคุณกับโรงเรียนอย่างไร แต่สำหรับเคสนี้ผมจำได้และจะระวังให้มาก ขออภัยอีกครั้งครับ

และในส่วนของเด็ก ซึ่งเป็นนักกีฬา สร้างชื่อเสียง และได้เหรียญทอง กีฬาเยาวชนแห่งชาติ รอบคัดเลือกภาค 1 นครนายกเกมส์ ผมให้เกรด 4 แน่นอนครับ เพราะโรงเรียนมีเกณฑ์ช่วยเหลือนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนอยู่แล้วครับ

อีกอย่างครับ… วอลเลย์บอลของผมที่พาไปแข่งก็ได้เหรียญทองเหมือนกันครับ

‘ศาลฯ’ สั่งจำคุก ‘อานนท์’ อีก 4 ปี ไม่รอลงอาญา คดีโพสต์เฟซบุ๊กดูหมิ่น-จาบจ้วง-ให้ร้ายสถาบันฯ

(17 ม.ค.67) ที่ห้องพิจารณาคดี 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบันหมายเลขดำ อ 2804 /2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา5 เป็นโจทก์ฟ้องนายอานนท์ นำภาอายุ 40 ปี อาชีพทนายความ เป็นจำเลยในความผิดดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14

อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564 และวันที่ 3 มกราคม 2564 จำเลยได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กของตัวเองชื่อ อานนท์ นำภา รวม 3 ข้อความ มีผู้ติดตาม 227,286 คน มีการแชร์ข้อความนับ 10,000 ครั้ง และกดไลก์ นับ 10,000 ครั้ง โดยมีเนื้อหาดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้าย สถาบันเบื้องสูงอันเป็นความผิดตามกฎหมาย และให้ศาลบวกโทษจำคุกจำเลยคดีความผิดของศาลอาญานี้ และของศาลอื่นด้วย เหตุเกิดที่ อ.ทุ่งเขาหลวง จ.ร้อยเอ็ด และท้องที่อื่นเกี่ยวพันกัน จำเลยให้การปฏิเสธ

วันนี้ศาลเบิกตัวจำเลยจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ โดยมีภรรยา บุตรชาย-หญิง 2 คน และมีผู้ให้กำลังใจจำนวนหนึ่งเดินทางมาศาล

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้วเห็นว่าข้อความทั้ง 3 ข้อความที่จำเลยโพสต์ในเฟซบุ๊กซึ่งเปิดสาธารณะ ทำให้ผู้อ่านเข้าใจคลาดเคลื่อน เป็นการบิดเบือนดูหมิ่น ให้ร้าย จาบจ้วง ล่วงละเมิดสถาบัน ถือเป็นความผิดร้ายแรง 

พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาล้วนมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยที่อ้างว่าต้องการให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น ฟังไม่ขึ้น ไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้

การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อันเป็นบทหนักสุด

พิพากษาจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา และให้บวกโทษกับคดีดำ อ.2495/2564 ของศาลอาญา ส่วนคดีอื่น ๆ ที่ขอให้ศาลบวกโทษกับศาลอื่นนั้น เนื่องจากศาลยังไม่มีคำพิพากษา จึงให้ยกในส่วนนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาจำคุกนายอานนท์ 4 ปี ไม่รอลงอาญา ปรับ 2 หมื่นบาท กรณีนายอานนท์ ซึ่งเป็นแกนนำม็อบราษฎร ปราศรัยดูหมิ่นสถาบัน บริเวณอนุสาวรีย์สมรภูมิ เมื่อปี 2563 ซึ่งเมื่อรวมโทษกับคดีนี้ คงจำคุกนายอานนท์ รวม 8 ปี

‘รมว.ปุ้ย’ เร่ง!! สมอ. ประกาศสินค้าควบคุม 46 รายการ เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน-คุ้มครองความปลอดภัย ปชช.

(17 ม.ค.67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้เร่งรัดให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. กำหนดมาตรฐานเพื่อให้ทันกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า ตลอดจนคุ้มครองประชาชนให้ปลอดภัยจากการใช้สินค้า 

โดยในปีนี้ สมอ. ได้ขออนุมัติบอร์ดกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ไว้ทั้งสิ้นจำนวน 600 เรื่อง แบ่งเป็นมาตรฐานกำหนดใหม่ 443 เรื่อง และมาตรฐานเดิมที่ต้องทบทวนอีกจำนวน 157 เรื่อง ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรม S-curve 105 เรื่อง เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ ฯลฯ กลุ่ม New S-curve 120 เรื่อง เช่น หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม การบินและโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ การแพทย์ครบวงจร ฯลฯ กลุ่มมาตรฐานตามนโยบาย 32 เรื่อง เช่น นวัตกรรม สมุนไพร ฯลฯ กลุ่มส่งเสริมผู้ประกอบการ 163 เรื่อง เช่น หลอดรังสีอัลตราไวโอเลตใช้สำหรับการทำผิวสีแทน สายไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ แผงเซลล์แสงอาทิตย์ ฯลฯ และกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ 23 เรื่อง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ ฯลฯ ซึ่งในจำนวน 600 เรื่องนี้ เตรียมประกาศเป็นสินค้าควบคุมเพื่อความปลอดภัยของประชาชนจำนวน 46 เรื่อง เพิ่มเติมจากที่ สมอ. ประกาศไปแล้ว 144 เรื่อง 

ด้าน นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า สินค้าที่จะประกาศเป็นสินค้าควบคุมภายในปี 2567 นี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 46 เรื่อง แบ่งเป็นมาตรฐานบังคับใหม่ 25 เรื่อง เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า การชนด้านข้างและด้านหน้าของรถยนต์ ตู้กดน้ำดื่ม เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เติมปรอท คาร์ซีทสำหรับเด็ก ดวงโคมไฟฟ้า ชิ้นส่วนท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ รถยนต์ขนาดเล็กที่ติดตั้งระบบก๊าซเพิ่มเติม ลวดชุบแข็งและอบคืนตัวสำหรับคอนกรีต
อัดแรง เหล็กแผ่นเคลือบอะลูซิงค์ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี ท่อยางและท่อพลาสติกสำหรับใช้กับก๊าซหุงต้ม ถังดับเพลิงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กระป๋องสเปรย์ต่าง ๆ ถุงพลาสติกบรรจุอาหาร และกระดาษสัมผัสอาหาร เป็นต้น และมาตรฐานที่บังคับต่อเนื่องอีก 21 เรื่อง เช่น เหล็กแผ่นสำหรับงานโครงสร้าง เข็มพืด เครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับการดูแลผม ขน หรือผิว เครื่องทอดน้ำมันท่วมปริมาณน้ำมันไม่เกิน 5 ลิตร กระทะทอด เตาอบไมโครเวฟ เครื่องปรับอากาศ แบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊ค สวิตช์ไฟฟ้า เครื่องตัดวงจรกระแสเหลือสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัย และเคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคมภายนอกอาคาร เป็นต้น 

โดยในเดือนมิถุนายน 2567 นี้ สมอ. จะประกาศให้เหล็กแผ่นเคลือบอะลูซิงค์ และเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีเป็นสินค้าควบคุมก่อน ตามด้วยสินค้าที่เหลือตามลำดับ จึงขอฝากถึงผู้ประกอบการที่ทำ และนำเข้าสินค้าดังกล่าว เตรียมยื่นขอ มอก. เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เลขาธิการ สมอ. 

'พงศ์พรหม' ชี้!! Digital Nomad โจทย์ใหญ่ที่ไทยควรดันไม่แพ้ 'แลนด์บริดจ์' หลังต่างชาติสายเทคฯ ชอบมา 'กิน-เที่ยว-ทำงาน' แต่กลับไม่เลือกลงทุน

(17 ม.ค. 67) นายพงศ์พรหม ยามะรัต ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Pongprom Yamarat' ฝากถึงภาครัฐ ที่กำลังตื่นเต้นกับ Landbridge จนลืมสิ่งที่กำลังจะสำเร็จ และสร้างรายได้ไม่น้อยกว่า Landbridge รึเปล่า? ความว่า...

10 ปีมานี้เมืองไทยเป็น Digital Nomads hub ที่ใหญ่ติดท็อป 5 โลกมาโดยตลอด

(***Digital Nomads: คนที่ใช้ชีวิตอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ของโลก ส่วนอาชีพก็คือการทำทุกอย่างที่ได้เงินโดยใช้ระบบออนไลน์ เพียงแค่มีแล็ปท็อปกับอินเทอร์เน็ต เพียงเท่านี้ก็สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้แล้ว บางคนอาจจะทำ E-commerce, Freelance, Remote Work ซึ่งไลฟ์สไตล์แบบนี้มันสนุกตรงที่สามารถทำงานด้วยแล้วก็เที่ยวด้วยได้)

ผมเจอข้อมูลนี้ในนิตยสาร Monocle เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน

>> มีข้อดี...
เค้ามากันเยอะ แปลว่าเค้าชอบครับ 
ทำไมเขาไม่ไปฟิลิปปินส์, เวียดนาม, มาเลเซีย
ก็เพราะเราน่าอยู่ เราครบ คนเรานิสัยดี บ้านเราอยู่สบาย

>> มีข้อดี ก็มีข้อเสีย...
ผมอยู่ในวงการ tech มานานพอสมควร
เรามีพาร์ทเนอร์ทั้งอิสราเอล, อเมริกัน, จีน และสิงคโปร์
เค้าชอบมา Nomad ที่เรา แต่หากจะให้เปิดบริษัท...
‘วันนี้’ เค้าเลือก...
สิงคโปร์, จีน, ไต้หวัน และเวียดนามครับ

>> จึงเกิดปัญหาใหญ่
เค้ามาทำงานที่ไทย ไทยได้ค่าอาหาร ค่าที่พัก
แต่...
สิงคโปร์, จีน, ไต้หวัน, เวียดนาม ได้เงินภาษี และการสร้าง eco system ครับ ซึ่งเป็นเงิน และประโยชน์มากกว่าที่ไทยได้เป็นพัน เป็นหมื่นเท่า

>> สิงคโปร์ จีน ไต้หวัน มีอะไร?
1. การเปิดบริษัทที่เกี่ยวกับนวัตกรรม ได้รับการสนับสนุน เป็น fast track ทั้งภาษี จดทะเบียน ที่ตั้ง การช่วยโปรโมต และการคอร์รัปชันต่ำมาก พูดง่ายๆ ไปแล้วโอกาสเจ๊งต่ำ
2. ไปแล้วหาคนง่าย หมายถึง ดึงคนต่างชาติไปทำงานด้วยง่าย เพราะประเทศเหล่านี้คิดต่างจากไทย เค้าคิดถึงการ ‘ดูดมันสมอง’ เข้าประเทศ ส่วนไทยคิดแต่ว่า ‘ต่างชาติจะมาแย่งงานคนไทย’ รวมถึงคนของเขามีความสามารถสูงกว่าไทย จากการศึกษาที่ดีกว่า

>> แล้วเวียดนามหล่ะ?
1. ภาครัฐยังกระด้อกกระแด้กเหมือนไทยนี่แหละ แต่...
2. คนเวียดนามขยัน เรียนรู้เร็วกว่าคนไทย และมีทักษะนวัตกรรม เทคโนโลยีสูงกว่าคนไทย และค่าจ้างต่ำกว่าไทย ใครมองมุมนี้ล้วนๆ ก็ให้มาเวียดนาม จึงจะเห็นว่าการลงทุน บ.เทค ข้ามชาติมาเวียดนามจนแซงไทยแล้ว

>> กลับมาโอกาส
การที่ Nomad มาไทยเยอะ แปลว่าเค้าชอบ
นี่คือต้นทุนที่ใครก็แย่งไม่ได้ครับ 
แต่...
1. เราต้องมี รมว. DE, รมว. อว. และ รมว.ศึกษา ที่เห็นภาพกว่านี้ และรู้ว่านี่คือ priority
สมัยสุดท้ายที่มีการขับเคลื่อนเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรม คือยุค รอง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, ดร.อุตตม, ดร.พิเชษฐ, ดร.สุวิทย์ และ นพ.ธีระเกียรติ นั่นคือยุคทองเลย ... หลังจากนั้นก็ไร้ทิศทางต่อ
2. รมว. DE และ อว. ต้องติดอาวุธ ให้ Depa และ NIA ในการทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ในความเป็นจริงมีอีก 1 องค์การมหาชนที่ควรมาเกี่ยวข้อง แต่ไม่ได้ใช้ศักยภาพเต็มที่ คือ BEDO ที่ผมไม่ได้ยินข่าวคราวมานานมากแล้ว

เอา บ. Tech เข้ามาไทยให้มาก
โลกเค้ารบกัน นี่คือโอกาส
อันใหญ่ๆ อยู่สิงคโปร์ไป
เอาเล็ก-ถึงกลางมาไทย เดี๋ยวเค้าก็ใหญ่เอง
นี่ผมพูดถึง 4-50,000 ล้านบาทอยู่นะครับ

ครับ
โอกาสที่ใหญ่
ใหญ่กว่า Landbridge มาก
ทำตรงนี้ให้สำเร็จ จะรวยกว่าทำ Landbridge อีก

ส่วน Landbridge ผมไม่มีความเห็น เพราะไม่มีข้อมูล
ความเห็นส่วนตัวคือ
น่าสนใจ แต่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมให้มาก

มุกดาหาร -ฉก.ทหารพรานมุกดาหาร รวบ 3 ตัวการค้ายาบ้าข้ามโขงได้พร้อมยาบ้า 300,000 เม็ด

เมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพราน 2105 กรมทหารพรานที่ 21 (ร้อย.ฉก.ทพ.2105 กรม ทพ.21) ต.นาสีนวน อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร พ.อ.สุริวัชร์ อัครพรเดชาพงษ์ ผบ.กรม ทพ.21แถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ขณะลำเลียงยาบ้าข้ามแม่น้ำโขงสามารถตรวจยึดยาบ้าได้จำนวน 300,000 เม็ด พร้อมผู้ต้องหา 3 ราย 

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 มกราคม ร.อ.คำรณ คุ้มเขต ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2105 ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดระหว่างประเทศจะเข้ามารับยาเสพติดบริเวณโรงสูบน้ำไฟฟ้า พื้นที่ บ.นาโพธิ์ ม.6 ต.โพธิ์ไทร อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร จึงได้จัดกำลังเฝ้าตรวจตามเส้นทางที่ได้รับแจ้ง ต่อมาเวลา 23.25 น. ชุดเฝ้าตรวจได้ใช้กล้องตรวจการณ์ วลากลางคืนตรวจพบเรือกีบติดเครื่องยนต์ จำนวน 1 ลำ แล่นมาจากฝั่ง สปป.ลาว เข้ามาจอดที่ท่าน้ำ บ.นาโพธิ์ จากนั้นได้มีการนำกระสอบปุ๋ยบรรจุสิ่งของลงจากลำเรือมาทิ้งไว้ที่บริเวณท่าน้ำและรีบแล่นเรือข้ามแม่น้ำโขงขับกลับไปฝั่ง สปป.ลาว อย่างรวดเร็ว

จากนั้นต่อมาได้มีชายฉกรรจ์ 2 คน เดินลงไปยังบริเวณที่มีการทิ้งกระสอบไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าไปสอบถามทราบว่าชื่อ นายณัฐพลหรือเป้ บุทธิจักร อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 226 หมู่ 6 บ.นาโพธิ์ และนายชัยฤทธิ์หรือเซียง สมสะอาด อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 196 หมู่ 5 บ.นาโพธิ์ โดยขณะสอบถามชายทั้งสอง มีลักษณะท่าทางมีพิรุธและพูดจาวกวน จึงได้ทำการเปิดกระสอบออกดูพบห่อกระดาษไขประทับอักษร Y-1 จำนวน 150 ห่อ เมื่อเปิดภายในพบว่าเป็นยาบ้าจำนวน 300,000 เม็ด และยังพบเงินสดจำนวน 4,000 บาท เมื่อสอบถามชายทั้ง 2 คน ให้การยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างจากนายณรงค์ชัยหรือมิ้ว พรหมเสนา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ 6 บ.นาโพธิ์ ให้มาขนยาบ้าดังกล่าวโดยได้ค่าจ้าง 4,000 บาท  

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการขยายผลโดยประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนตาล เดินทางไปควบคุมตัวนายณรงค์ชัย ได้ที่กระท่อมนา พื้นที่ บ.นาโพธิ์ จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวทั้ง 3 คน พร้อมกับตรวจยึดยาบ้า เงินสด และโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน 3 เครื่อง ไว้เป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ดอนตาล ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซับน้ำตา บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัยบริเวณชุมชนสินทรัพย์เก่า ซอยรามคำแหง 39 แขวงวังทองหลาง กรุงเทพฯ

ตามที่ได้เกิดอัคคีภัยบ้านเรือนประชาชนบริเวณชุมชนสินทรัพย์เก่า ซอยรามคำแหง 39 ถนนรามคำแหง แขวงวังทองหลาง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเพลิงไหม้ในครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก

วานนี้ (วันอังคารที่ 16 มกราคม 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ พร้อมด้วยนายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ  นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย จำนวน 25 ครอบครัว 56 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,000 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภครายครอบครัว15 ชุด รายบุคคล 10 ชุด รวมมูลค่าการช่วยเหลือทั้งสิ้น 220,500 บาท (สองแสนสองหมื่นห้าร้อยบาทถ้วน)

ในการนี้ มูลนิธิไกรสิทธิการกุศล มอบเงินสดคนละ 400 บาท จำนวน 56  คน มูลนิธิส่งเสริมศีลธรรมสงเคราะห์ มอบเงินสดครอบครัวละ 500 บาท จำนวน 25  ครอบครัว และมูลนิธิพุทธสมาคมปทุมรังษี  มอบข้าวสารให้คนละ 10 กิโลกรัม จำนวน 56 คน คิดเป็นมูลค่าการช่วยเหลือทั้งสิ้น 263,800  บาท (สองแสนหกหมื่นสามพันแปดร้อยบาทถ้วน) โดยมีนายสรวุฒิ ลันสุชีพ หัวหน้าฝ่ายเทศกิจ  สำนักงานเขตวังทองหลาง พร้อมด้วย นางนฤมล ขอดอนุ หัวหน้าฝ่ายรายได้  ร่วมในพิธี ณ บริเวณสำนักงานเขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ

ตลอดระยะเวลา 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung  

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418 
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top