Monday, 16 June 2025
NewsFeed

กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนรับมอบนโยบายการขับเคลื่อนทิศทางการบริหาร กระทรวงยุติธรรม ปี พ.ศ.2567

วันที่ 15 ถึงวันทึ่ 16 มกราคม 2567 ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดี-รับสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้เกียรติ "มอบนโยบายการขับเคลื่อนทิศทางการบริหาร กระทรวงยุติธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567" ภายใต้โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ "การมอบนโยบายและแนวทางการ ปฏิบัติราชการ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567" โดยมี พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนพร้อมคณะรองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ผู้เข้าร่วมโครงการนี้ จำนวน 144 คน ให้การต้อนรับพร้อมร่วมรับฟังนโยบายโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบนโยบาย และแนวทางในสังกัดกรมพินิจฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบนโยบาย และแนวทางในการปฏิบัติราชการของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

สามารถนำไปถ่ายทอดให้กับผู้ปฏิบัติงาน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของกรมไปในทิศทางเดียวกัน และมีนางนลินนา ไกรนรา รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ฝ่ายปฏิบัติการและนายโกมล พรมเพ็ง รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ฝ่ายบริหาร ร่วมกล่าวถึงแนวทาง

"การขับเคลื่อนการบริหารราชการกรมพินิจฯ อย่างมีประสิทธิภาพ"ตามลำดับ โดยในช่วงเช้า (เวลา 09.00 - 11.00 น.) ได้รับเกียรติจาก ดร.เอกพล ณ สงขลา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดกลุ่มทรัพยากรบุคคล บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมบรรยายในหัวข้อ "บริหารงานให้ได้ผลบริหารคนให้ได้งาน" 

16 มกราคม 'วันครู' รำลึกบริบทแห่งอาชีพแสนพิเศษ แม้เลิกเป็นนักเรียน ก็ยังขอเคารพและเรียก 'ครู' ตลอดไป

(16 ม.ค.67) วันครู มีขึ้นครั้งแรกในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2500 จากการที่ราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ.2488 ประกาศพระราชบัญญัติครูขึ้น ซึ่งได้ให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการโดยเรียกว่า ‘คุรุสภา’ ซึ่งให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครู ขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นในเรื่องนโยบายการศึกษาและวิชาการศึกษาทั่วไป เพื่อที่ทางกระทรวงศึกษาธิการจะสามารถจัดสวัสดิการให้แก่ครูให้ได้รับความช่วยเหลือตามสมควร พร้อมเป็นหน่วยงานที่ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครูอีกด้วย

มาในปี พ.ศ.2499 ที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมครูในฐานะประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ว่าตนมีความเห็นว่าควรมีสักวันหนึ่งที่ลูกศิษย์จะได้แสดงความเคารพสักการะต่อครูในฐานะผู้มีพระคุณ เป็นที่มาให้เกิดการพิจารณาและมีมติเห็นควร ให้มี ‘วันครู’ ขึ้น นำไปสู่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2499 ให้วันที่ 16 มกราคม ของทุกปีเป็น ‘วันครู’ โดยเลือกวันที่ได้มีประกาศพระราชบัญญัติครู ในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2488 หลังจากนั้นกระทรวงศึกษาธิการก็ได้มีการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าว 

งานวันครูจึงได้ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่กรีฑาสถานแห่งชาติ ในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2500 เป็นวันที่ศิษย์ทั้งหลายได้มาร่วมระลึกนึกถึงคุณครูที่สะสมสั่งสอนตัวเองและเป็นแม่พิมพ์ในการใช้ความรู้ประกอบสัมมาชีพเรื่อยมานั่นเอง

ในปีนี้วันครูเวียนมาครบอีก 1 ครั้ง ก็ต้องขอบคุณครูที่มอบความรู้และประสบการณ์ให้กับเรา ทำให้เราก้าวผ่านความยากลำบากในบางเรื่องมาได้ ขอบคุณครูทุกท่าน เชื่อว่า ครู คืออาชีพพิเศษ เพราะต่อให้ครูไม่ได้เป็นครูแล้วนักเรียนก็ยังเคารพและเรียนครูว่า ‘ครู’ ตลอดไป 

‘สหรัฐฯ’ ยั่วยุ ‘จีน’ ประเด็นไต้หวันล้ำเส้นแดง หวังหยุดการเติบใหญ่ของจีน

(16 ม.ค.67) รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีน จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เผยไทม์ไลน์ท่าทีของสองมหาอำนาจ ‘สหรัฐฯ’ และ ‘จีน’ ภายหลังการเลือกตั้ง ปธน.ไต้หวันเสร็จสิ้น ผ่านเฟซบุ๊ก ‘Aksornsri Phanishsarn’ ระบุเนื้อหา ดังนี้...

การยั่วยุจีน 🇨🇳 ในประเด็น #ไต้หวัน ตั้งใจ #ล้ำเส้นแดง ของจีน จนเกิดสงคราม คือ แผนสหรัฐฯ ที่คิดว่า เป็นหนทางเดียวที่จะใช้หยุดการเติบใหญ่ของจีน #อ่านเกมเมกา 🇺🇸 #ยั่วมังกรให้พ่นไฟ 🇨🇳
(https://www.facebook.com/1037140385/posts/10228816992263094/?)

หลังเลือกตั้งไต้หวันแค่วันเดียว!! สหรัฐฯ ส่งผู้แทนไปไต้หวัน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าจะทำให้จีนไม่พอใจ 🇺🇸 #อ่านเกมเมกา

คณะผู้แทนอย่างไม่เป็นทางการของสหรัฐฯ เดินทางเข้าพบทั้งสองผู้นำของไต้หวันหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งครั้งสำคัญเมื่อ 13 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา ท่ามกลางความไม่พอใจของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่

คณะผู้แทนอย่างไม่เป็นทางการของสหรัฐฯ ได้แก่ สตีเฟน แฮดลีย์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และ เจมส์ สไตน์เบิร์ก อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เดินทางถึงไต้หวันเมื่อวันที่ 14 ม.ค. หลังจากไล่ชิงเต๋อชนะเลือกตั้งแค่ 1 วัน และ เตรียมนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีคนที่ 8 ของไต้หวันนับตั้งแต่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 1947 (https://www.facebook.com/photo.php?fbid=711912137734799&set=a.586524703606877&type=3)

ทางการจีนประณามสหรัฐฯ รวมถึงรัฐบาลนานาชาติที่แสดงความยินดีต่อไล่ชิงเต๋อและพรรค DPP ที่ชนะการเลือกตั้งไต้หวัน และเรียกร้องให้ทุกประเทศสนับสนุนหลักการจีนเดียว และเน้นย้ำว่า “ไม่ว่าผล #การเลือกตั้งท้องถิ่นในไต้หวัน จะเป็นอย่างไร ข้อเท็จจริงที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนจะไม่เปลี่ยนแปลง” (อ้างอิง: https://www.aljazeera.com/news/2024/1/15/taiwans-tsai-and-lai-welcome-us-support-as-beijing-fumes-over-election
https://www.reuters.com/world/asia-pacific/former-us-officials-visit-taiwan-post-election-talks-2024-01-14/
)

‘นายกฯ’ เดินสำรวจ ‘สินค้าไทย’ ในซูเปอร์มาร์เก็ต นครซูริก พบ!! ได้รับความนิยมสูง จ่อเล็งขยายตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น

เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 67 เวลา 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น นครซูริก สมาพันธรัฐสวิส ภายหลังหารือเตรียมการประชุม World Economic Forum ประจําปี 2567 กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายจิตติพัฒน์ ทองประเสริฐ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น เดินตรวจตลาดสินค้าไทยในนครซูริก เช่น ผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรส ข้าว น้ำมะพร้าว ที่จำหน่ายใน Coop City Supermarket นครซูริก สมาพันธรัฐสวิส

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตไทย รู้สึกปลื้มใจที่สินค้าไทยสามารถส่งออกขายได้ทั่วโลก และพบว่าสินค้าไทยเป็นที่ชื่นชอบของคนที่นี่ โดยรัฐบาลจะพยายามขยายตลาดสินค้าไทย โดยจัดหาสินค้าไทยส่งออกมายังสมาพันธรัฐสวิสเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากสินค้าประเภทดังข้างต้น เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ และผู้ประกอบการ SME ของไทย

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวให้กำลังใจทีมปฎิบัติการพิเศษที่กว่า40คนเข้าร่วมแข่งขันในรายการ UAE SWAT Challenge

วันจันทร์ ที่15 มกราคม 2567 เวลา12.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวให้กำลังใจ เหล่าสุดยอดปฎิบัติการพิเศษ ซึ่งนำทีมโดย พ.ต.อ.รังสรรค์ เนตรเกื้อกิจ รอง ผบก.สอ.บช.ตชด., พ.ต.ท.อธิวัฒน์ ลาสุทธิ ผกก.3 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ.บช.ตชด.,พ.ต.อ.อาทิตย์ วงษ์จันนา ผกก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ. พร้อมทีมครูผู้ฝึกสอนและทีมปฎิบัติการพิเศษที่กว่า40คน ที่จะเดินทางเข้าร่วมแข่งขันในรายการ UAE SWAT Challenge ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3-7 กุมภาพันธ์นี้

โดยการแข่งขันในปีนี้ ประเทศไทยเราได้ส่งผู้เข้าร่วมแข่งขันไปเข้าร่วมทั้งประเภทชายและหญิง รวมทั้งสิ้น 3 ทีม โดยเป็นการรวมตัวกันของสุดยอดหัวกะทิ อย่าง คอมมานโด,อรินทร์ทราช 26,นเรศวน 261,หน่วยปฏิบัติพิเศษภาค 1-9 ฯลฯ และถือว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่ได้จัดส่งทีมปฎิบัติการพิเศษหญิงเข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งการเดินทางไปในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อการแข่งขันเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการได้แลกเปลี่ยนความรู้ ทางการใช้อาวุธ และยุทธวิธี โดยทีมต่างๆ จะต้องพบกับความท้าทาย ทั้งบททดสอบความชํานาญในด้านต่างๆ ที่จะต้องใช้ทั้งพลังกาย พลังใจ สมาธิ และการวางแผนที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีความจําเป็นต่อการปฏิบัติงานของ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ

ในปีนี้มีทีมที่เข้าร่วมจากทั่วโลกมากกว่า 70 ทีมจาก 77 ประเทศ โดยในปีที่ผ่านมาไทยเราได้สร้างผลงานจากทีมหน่วยปฏิบัติการพิเศษในรายการนี้ไว้อยู่ที่อันดับ 5 ของโลก

ด้าน ผบ.ตร.ย้ำถึงการเดินทางไปเข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ว่า อยากให้ทุกคนเอาชนะใจตัวเอง และเก็บประสบการณ์ที่เกิดขึ้น กลับมาต่อยอดส่งต่อให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป

มติเอกฉันท์!! 14 ต่อ 1 'ก.ต.' สั่งพักราชการตุลาการ  หลังพัวพันคดีแกนนำ กปปส.ร้องอ้างถูกเรียกเงิน 175 ล.

เมื่อวานนี้ (15 ม.ค. 67) สำนักงานศาลยุติธรรม ได้เผยแพร่ผลการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ครั้งที่ 2/2567 ที่มีมติเห็นชอบพักราชการข้าราชการตุลาการจำนวน 1 ราย

แหล่งข่าวจาก ก.ต. เปิดเผยว่า ที่ประชุม ก.ต. ครั้งนี้ มีมติ 14 ต่อ 1 เสียง ให้พักราชการข้าราชการตุลาการรายนี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการถูกสอบสวนวินัยร้ายแรง จากกรณีแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) รายหนึ่ง ได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมในคดีที่ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ลงโทษจำคุกแกนนำ กปปส.โดยไม่รอลงอาญา 15 ราย โดยเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์

โดยแกนนำ กปปส.รายนี้อ้างว่า มีผู้พิพากษาระดับสูงในศาลอุทธรณ์ 2 รายร่วมมือกันในการเรียกร้องเงินค่าตอบแทนในการช่วยเหลือการพิจารณาคดีในชั้นอุทธรณ์หลายครั้ง ระบุว่า สามารถจ่ายสำนวนให้กับองค์คณะในศาลอุทธรณ์ที่ ‘คุ้นเคยกับท่าน’ เพื่อให้พิจารณายกฟ้องในทุกกรรมเพื่อเรื่องจะได้ไม่ต้องไปถึงศาลฎีกา และยังอ้างว่ามีการพบกับผู้พิพากษาที่เป็น ‘ตัวแทนท่าน’ หลายครั้ง ครั้งแรกเรียกร้องเงินสูงถึง 175 ล้านบาท แต่ได้รับการปฏิเสธ ต่อมาเรียกร้องลดลงเหลือ 49 ล้านบาท และ 35 ล้านบาท

ทั้งนี้ ภายหลังสำนักข่าวอิศรา นำเสนอข่าวเรื่องนี้ นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม ได้ชี้แจงต่อสาธารณะว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ได้มีการยื่นหนังสือลักษณะร้องขอความเป็นธรรมทางคดีต่อประธานศาลอุทธรณ์ เนื่องจากเป็นคดีระหว่างชั้นพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โดยประธานศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ได้รายงานกรณีดังกล่าวให้ประธานศาลฎีกาทราบตามขั้นตอนแล้ว ซึ่งการดำเนินการจะเป็นไปตามกรอบระยะเวลาการสอบสวนข้อเท็จจริงของระเบียบปฏิบัติศาลยุติธรรม โดยเมื่อผลสรุปออกมาแล้วศาลอุทธรณ์จะรายงานประธานศาลฎีกาทราบต่อไป

ปัจจุบันกรณีนี้ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงเป็นทางการไปแล้ว 

สำหรับขั้นตอนต่อไปภายหลังจากที่ คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงสรุปผลการสอบสวนเป็นทางการแล้ว จะมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุม ก.ต.เพื่อพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งผลการพิจารณาข้าราชการตุลาการรายนี้ อาจจะมีความผิดหรือไม่มีความผิดก็ได้ แต่ถ้ามีความผิดบทลงโทษจะมี 2 ส่วน คือ ปลดออก กับไล่ออกราชการ

‘รมว.ปุ้ย’ โชว์ 3 ผลงานเด่น ‘โรงงาน-กระตุ้นศก.ใต้-ขับเคลื่อนอุตฯ อีวี’ ด้าน 'บิ๊กโปรเจกต์' ช่วยชาวไร่อ้อย หนุนอุตฯ น้ำตาลทรายเป็นรูปธรรม

'รมว.พิมพ์ภัทรา' โชว์ผลงาน 90 วัน ผ่านการดำเนินงานขับเคลื่อน 3 แกนหลัก ย้ำการบังคับใช้กฎหมาย กำกับดูแล ตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด พัฒนาระบบการรายงาน ด้านสิ่งแวดล้อมลดการปล่อยมลพิษ แก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจเขตพื้นที่ภาคใต้ (Southern Industrial Fair) ผลักดันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และอุตสาหกรรม แร่โพแทช ดูแลคุ้มครองผู้บริโภค ตรวจสอบยึดอายัดผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างเข้มงวด รวมทั้งช่วยเหลือชาวไร่อ้อย สนับสนุนอุตสาหกรรมน้ำตาลเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

(16 ม.ค.67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภายหลังเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อ 7 กันยายน 2566 ได้กำหนดนโยบายเร่งด่วน 3 เดือนที่สามารถทำได้ทันที เพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมให้มีศักยภาพเป็นฟันเฟืองเศรษฐกิจใหม่สำหรับกระตุ้นรายได้ มวลรวมของประเทศ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงานใน 3 แกนหลัก คือ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม โดยแบ่งการดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เน้นบังคับใช้กฎหมาย กำกับดูแล และตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด รวมถึงพัฒนาระบบการรายงานด้านสิ่งแวดล้อมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อลดการปล่อยมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในระยะยาว

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ) จัดงาน 'อุตสาหกรรมแฟร์เมืองใต้ 2023 นครศรีธรรมราช' เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคใต้ และส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจเขตพื้นที่ภาคใต้ (Southern Industrial Fair) ภายใต้แนวคิด 'ช้อป ชิม เที่ยวเพลิน เดินหลาด'

สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองผู้บริโภค โดยดำเนินการตรวจสอบและยึดอายัดผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานอย่างเข้มงวด รวมทั้งสร้างเครือข่ายร้านจำหน่ายที่มีเครื่องหมายมาตรฐาน มอก. เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้ สมอ. ยังเร่งผลักดันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยกำหนดมาตรฐาน EV แล้วเสร็จ จำนวน 150 มาตรฐาน และอยู่ระหว่างกำหนดมาตรฐานเพิ่มเติมอีก 29 มาตรฐาน รวมทั้งกำหนดมาตรฐานเครื่องยนต์ เพื่อควบคุมการระบายมลพิษเป็น EURO 5 และ EURO 6

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เร่งผลักดันโครงการเหมืองแร่โพแทช 3 โครงการ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยคาดว่าจะสามารถผลิตแร่โพแทชได้ภายใน 3 ปี โครงการเหมืองแร่โพแทชจะช่วยส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมผลิตปุ๋ยโพแทสเซียมในประเทศ ช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลิตผลทางการเกษตร นอกจากนี้ โครงการเหมืองแร่โพแทชยังจะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และกระจายรายได้สู่ชุมชน

สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เร่งขับเคลื่อนการดำเนินงานที่สำคัญในช่วง 3 เดือน ที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นช่วยเหลือชาวไร่อ้อย สนับสนุนอุตสาหกรรมน้ำตาล และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เร่งจ่ายเงินตัดอ้อยสดฤดูการผลิตปีที่ผ่านมา กำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายฤดูการผลิตปี 2565/2566 โดยมีราคาเฉลี่ยทั่วประเทศที่ 1,197.53 บาทต่อตัน กำหนดราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2566/2567 โดยมีราคาที่ 1,420 บาทต่อตัน และแจกพันธุ์อ้อยพันธุ์ดีให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยไปปลูกและขยายพันธุ์ จำนวน 900,000 ต้น

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) มุ่งเน้นดำเนินงาน 3 ด้าน ได้แก่ การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมไปสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจตาม Mega Trend ของโลก การพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา และข้อมูลเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยด้านการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมนั้น สศอ. ได้กำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมาย จำนวน 5 สาขา เพื่อเป็น New Growth Engine ในการต่อยอดอุตสาหกรรมเดิมและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจ นอกจากนี้ สศอ. ยังได้จัดทำข้อเสนอการจัดตั้งศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลและคณะกรรมการอุตสาหกรรมฮาลาลแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลให้เติบโตอย่างยั่งยืน 

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) มุ่งมั่นพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ โดยเน้นพัฒนานิคมอุตสาหกรรม Smart Park เพื่อเป็นนิคมอุตสาหกรรมต้นแบบในการพัฒนาเชิงนิเวศและนวัตกรรม นอกจากนี้ กนอ. ยังได้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมของการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ เพื่อรองรับการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมเป้าหมาย New S-Curve ในอนาคต ปัจจุบัน กนอ. มีนิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรมรวม 68 แห่ง ใน 16 จังหวัด มีพื้นที่รวม 190,150 ไร่ มีโรงงานอุตสาหกรรมรวม 4,862 โรง มูลค่า การลงทุนรวม 10.84 ล้านล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานทั้งสิ้น 984,723 ราย

“ในช่วง 90 วัน ของการทำหน้าที่ ดิฉัน ได้กำกับดูแลให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมเน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในทุกมิติ โดยให้ความสำคัญกับประเด็นสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม มุ่งเน้น การบังคับใช้กฎหมาย กำกับดูแล และตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด เพื่อลดการปล่อยมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในระยะยาว นอกจากนี้ เรายังมุ่งเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจภาคใต้ ส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจเขตพื้นที่ภาคใต้ (Southern Industrial Fair) เร่งผลักดันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และอุตสาหกรรมแร่โพแทช รวมทั้งคุ้มครองผู้บริโภค โดยดำเนินการตรวจสอบและยึดอายัดผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานอย่างเข้มงวด สร้างเครือข่ายร้านจำหน่ายที่มีเครื่องหมายมาตรฐาน มอก. และช่วยเหลือชาวไร่อ้อย สนับสนุนอุตสาหกรรมน้ำตาล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ” รมว.พิมพ์ภัทรา กล่าวปิดท้าย

'ชาวเน็ต' โดดป้อง 'พี่จอง-คัลแลน' หลังโดนเปิดเผยค่าตัว เชื่อ!! ตั้งสูงเพราะไม่อยากรับ แต่ถ้าพอใจอาจทำให้ฟรี

เมื่อวานนี้ (15 ม.ค. 67) ช่องยูทูบ ‘LuckFast’ ได้ออกมาพูดถึงกระแสดรามาเรื่องค่าตัว 2 ยูทูบเบอร์ที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้อย่าง ‘คัลแลน-พี่จอง’ ยูทูบเบอร์ชาวเกาหลีใต้ที่ใช้ชีวิตในประเทศไทย เรียนภาษาไทย กินอาหารไทย แถมยังออกเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทยและทำกิจกรรมสนุก ๆ มากมาย โดยระบุว่า…

“ตอนนี้ยูทูบเบอร์ที่มาแรงที่สุดในประเทศไทยก็คงหนีไม่พ้นคัลแลนกับพี่จอง ซึ่งล่าสุดก็มีประเด็นเกิดขึ้นกับทั้งคู่ เมื่ออยู่ๆ ก็โดนเอาเรทราคารับงานมาเปิดเผยว่าสูงถึง ‘หนึ่งล้านบาท’ สำหรับคัลแลนกับพี่จอง เป็นชาวเกาหลีที่มาทํางานในเมืองไทย โดยคัลแลนเป็นโปรดิวเซอร์เพลง EDM และเปิดช่อง Youtube ของตัวเองชื่อว่า Cullen Hateberry ซึ่งก็เป็นช่องแนวไลฟ์สไตล์ วิถีชีวิตกินเที่ยว

ซึ่งตอนแรกก็จะมีแค่คัลแลนคนเดียว แต่ว่าหลังจากทําไปสักพักนึงเนี่ยก็มีพี่จองมาร่วมด้วย โดยพี่จองเป็นนักธุรกิจ จะมาเป็นบางคลิป แต่ว่าช่วงหลัง ๆ มาบ่อยขึ้น นอกจากนี้ยังมีอีกคนคือน้องแดนที่เป็นนักศึกษา

ซึ่งช่อง Cullen Hateberry โตไวมาก จากเมื่อ 4 เดือนก่อน มียอดซับฯ 100,000 กว่าซับ แต่ว่าวันนี้มียอดซับฯ เกือบ 1,600,000 ซับฯ และยอดวิววิดีโอก็ขึ้นหลักล้านทุกคลิป 

ซึ่งเหตุผลที่หลาย ๆ คนอธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมช่อง Cullen Hateberry ถึงได้รับความนิยม ก็เป็นเสียงเดียวกัน คือ เขาไม่พูดคําหยาบ ทําให้ดูได้ทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กไปจนคนสูงอายุ นอกจากนี้ เป็นเรื่องภาษาที่ใช้ คัลแลน พี่จอง หรือน้องแดนพยายามพูดภาษาไทย ก็เลยทําให้เกิดความเอ็นดู แถมทัศนคติของทั้ง 3 ก็ดีมากด้วย พฤติกรรมอ่อนน้อมถ่อมตน มองโลกในแง่ดี คิดบวก ไม่หงุดหงิด ไม่โวยวาย รักสัตว์ ด้วยเหตุผลพวกนี้จึงทําให้คนดูใจฟูตามไปด้วย

นอกจากนี้ ยังนําเสนอการท่องเที่ยวในไทยได้อย่างน่าสนใจ จะเห็นว่าในบางคลิปก็จะไปแบบเรียล ๆ ไม่ต้องวางแผงเยอะ ค่ำที่ไหนก็นอนที่นั่น ทําให้หลายคนอยากจะไปเที่ยวปล่อยใจแบบพวกเขากันบ้าง และหลาย ๆ ที่ที่พวกเขาไป ก็ต้องบอกว่า แม้แต่คนไทยก็ยังไม่เคยไป แถมคนดูยังจะได้เห็นมุมน่ารัก ๆ ของคนไทย เช่น ความมีน้ำใจคอยช่วยเหลือนักท่องเที่ยวด้วย 

ทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้ส่งผลให้ช่อง Cullen Hateberry เติบโตและโด่งดังมาก โดยเฉพาะคัลแลนกับพี่จอง พอเขาดังก็มีคนอยากจะติดต่อจ้างงาน มีสปอนเซอร์ อยากจะให้ไปออกรายการ”

ช่องยูทูบรายนี้ยังได้ยกกรณีตัวอย่างจากรายการทอล์คกิ้งไทยแลนด์ ช่องวอยซ์ทีวี ที่ได้พูดถึงเรื่อง ‘ค่าตัว’ ของทั้งคู่ โดยเริ่มแรกก็คุยกันเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์ โดยบอกว่าซอฟต์พาวเวอร์ที่น่าจะผลักดันก็คือต้องขอบคุณคัลแลนกับพี่จอง

ด้านอั๋น ภูวนาท พิธีกรรายการ “ระบุว่าไม่เคยดูแต่ว่ามีคนเล่าให้ฟังทุกวัน” จากนั้นก็บอกอีกว่า “ค่าตัวสองคนนี้หนึ่งล้านบาท ไม่ใช่จ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์นะ แค่ค่ามาออกรายการ แปลว่านี่คืออินฟลูเอนเซอร์จริง ๆ ในตอนนี้”

ทางด้านแขก คำผกา ระบุว่า “ได้ดูบางตอน และเข้าใจได้อย่างหนึ่งและเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ก็คือเขาเป็นคนต่างชาติ เป็นคนเกาหลี เข้าใจว่าเขาเรียนภาษาไทยจากผู้หญิง เลยออกมาในลักษณะที่เขาเป็นชายแท้ที่พูดภาษาไทย ด้วยภาษาไทยแบบผู้หญิง ก็เลยน่ารัก”

ทาง อั๋น ภูวนาท เสริมว่า “น้องที่รู้จักกันบอกว่าเป็นภาษากะเทย” 

ฟาก แขก คำผกา กล่าวต่อว่า “เป็นภาษากะเทยบวกภาษาผู้หญิง แต่เขาไม่รู้ ก็เลยน่ารัก ลองนึกภาพว่าเป็นแมน ๆ แล้วพูดพี่อย่างนั้นน้องอย่างนี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วเราจะได้ยินภาษาแบบนี้จากเด็กหรือผู้หญิง ทําให้เกิดความน่ารัก (Cute) ไม่อาจต้านทานได้”

ช่องยูทูบรายนี้ได้กล่าวต่อว่า “หลังจากนั้นก็เล่าข่าวอื่น ๆ เกี่ยวกับคัลแลนและพี่จองกันต่อ เช่น ทําให้คนไทยหันไปแห่ซื้อพาสปอร์ตอุทยานฯ กันจนแบบมันหมดเกลี้ยง”

หลังจากนั้นก็ได้พูดถึงประเด็นดรามาในโลกออนไลน์ ที่มีคนตัดเอาบางส่วนจากรายการทอล์คกิ้งไทยแลนด์ไปลงในโซเชียล จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หลายคนไม่พอใจที่ข่าวรายการนี้นำเรทค่าตัวมาเปิดเผย และก็มองว่าที่เขาตั้งใจตั้งค่าตัวสูง เป็นเพราะว่าเขาไม่ได้อยากจะไปออกรายการ ไม่อยากให้ใครมาจ้าง เป็นการปฏิเสธทางอ้อม และการตั้งค่าตัวสูง ๆ ก็เป็นการคัดกรองสปอนเซอร์ไปในตัวด้วย

และอย่างตอนกรมอุทยานฯ ติดต่อไป ทั้งสองก็ยินดีมาทำให้โดยไม่คิดค่าตัว โดยมีเงื่อนไขแค่ว่า อย่าบังคับให้ทำอะไร ขอแค่ได้ทำแบบธรรมชาติปกติก็พอ บางคนได้บอกด้วยว่า อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ปล่อยให้เขาทำคลิปของเขาไปแบบนี้ดีแล้ว และพวกเขาก็อาจจะอยากอยู่แบบสบาย ๆ 

สำหรับประเด็นที่ว่าทั้งพี่จองและคัลแลนเรียนภาษาไทยจากผู้หญิงและเป็นภาษากะเทย หลายคนไม่พอใจที่พิธีกรพูดแบบนี้ เพราะมองว่าการพูดจาสุภาพ น่ารัก ไม่จำเป็นต้องเป็นภาษาของผู้หญิง พี่จองและคัลแลนสมัครเรียนภาษาไทยอย่างจริงจัง ถ้าไม่รู้ก็อย่างพูดมั่ว อีกอย่างในภาษาเกาหลีเขาก็มีการเรียกพี่เรียกน้องกันอยู่แล้วด้วย จึงไม่แปลกหากมาพูดภาษาไทยแล้วจะเรียกพี่เรียกน้องกัน

นอกจากนี้ยังมีอีกมุมหนึ่งของชาวโซเชียลที่มองว่า ก็ไม่เป็นจะต้องดรามาอะไรเลย รายการข่าวก็เพียงแค่นำเสนอข่าวเท่านั้น ไม่ได้พูดต่อว่าอะไรเลย เมื่อฟังวิดีโอเต็ม ๆ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการต่อว่าอะไร แถมพิธีกรยังพูดชมด้วยซ้ำ 

‘วราวุธ’ ลุยนำร่อง 5 มหาวิทยาลัย หนุนจ้างงาน ‘คนพิการ’ เพิ่ม ชี้!! หากสำเร็จเตรียมเจรจาร่วมกับ อว. แย้ม!! ผู้สูงวัยคือคิวต่อไป

(16 ม.ค.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความร่วมมือกัน ระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กับกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ว่า 5 มหาวิทยาลัยเบื้องต้นที่ได้แจ้งไว้ในพื้นที่ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ซึ่งไม่ได้เป็นการลงนามร่วมกันระหว่างทั้งสองกระทรวง เพราะตนได้ขอให้ปลัดกระทรวง พม. ไปติดต่อ 5 มหาวิทยาลัยเพื่อนำร่อง หากว่าเกิดผลสัมฤทธิ์ ใช้เงินจากกองทุนพัฒนาคนพิการได้แล้ว จากนั้นก็จะไปเจรจากับกระทรวง อว. เพื่อทำงานระดับกระทรวง ถ้าหากสำเร็จ คนพิการนับแสนคนก็จะมีการสร้างงานมากขึ้นในแต่ละปี สร้างศักยภาพให้กับคนพิการ ตลอดจนสร้างรายได้ให้กับคนในประเทศชาติ โดยเบื้องต้นจะเจาะกลุ่มเป้าหมายไปที่กลุ่มคนพิการก่อน เพราะเงินที่ใช้ในการสนับสนุน เป็นเงินจากกองทุนพัฒนาคนพิการ ดังนั้น หากในอนาคต สามารถหาเงินมาสนับสนุนผู้สูงอายุได้ ก็จะขยายเป้าหมายไปยังผู้สูงอายุด้วย เพราะปัจจุบันผู้สูงอายุมีมากกว่าจำนวนวัยทำงาน

นายวราวุธ กล่าวต่อว่า สำหรับการขยายพื้นที่จอดรถให้ผู้พิการ ผู้สูงอายุในพื้นที่ต่างๆ นั้น เมื่อ 2 วันที่แล้ว ได้มีการพูดคุยกับภาคเอกชน ว่าจะนำเทคโนโลยีแอปพลิเคชันมาให้คนพิการใช้ลงทะเบียน เพื่ออำนวยความสะดวกในการจองที่จอดรถในสถานที่ต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้คนปกติไปใช้อภิสิทธิ์ของคนพิการ โดยจะให้กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ไปพูดคุยเพื่อหาพื้นที่ทำนำร่องก่อน เนื่องจากต้องใช้ทั้งพื้นที่ภาครัฐ และภาคเอกชน 

รำลึกพระคุณครู เนื่องในวันครูแห่งชาติ 16 มกราคม

(16 ม.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Apichat Dumdee’ ได้โพสต์กลอนและข้อความเนื่องในวันครูแห่งชาติ 16 ม.ค. 67 ระบุว่า…

#๑๖มกราคมวันครูแห่งชาติ 
#ขอน้อมเศียรศิโรราบก้มกราบครู

น้อมกราบครู
- ครูดวลและครูวรรโณ ดำดี พ่อแม่ผู้เป็นครูคนแรกของชีวิต และเป็นแบบอย่างความเป็นครูให้กับลูก ๆ และลูกศิษย์

- ครูหมาด ดำดี ปู่ผู้เป็นครูหนังตะลุง 
- ครูชั้นเด็กเล็ก รร.อิศรานุสรณ์ จ.กระบี่
- ครูชั้นประถม รร.โภคาพาณิชย์นุกูล มูลนิธิ จ.กระบี่
- ครูชั้นมัธยม รร.สวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร

- ครูปริญญาตรี เศรษฐศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ครูเรือเยาวชน โครงการเรือเยาวชนอาเซียน (The Ship for South-East Asian Youth Program)
- ครูด้านการพูด ศูนย์พัฒนาบุคลิกภาพ อาจารย์ทินวัฒน์ มฤคพิทักษ์ และครูนักพูดนักบรรยายในวงการวิทยากรทุกท่าน ฯลฯ

- ครูปริญญาโท การจัดการภาครัฐและภาคเอกชนมหาบัณฑิต คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)
- ครูประกาศนียบัตรชั้นสูงด้านการเมืองการปกครอง วิทยาลัยการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
- ครูปริญญาเอก การพัฒนาและการปฏิรูปองค์การดุษฎีบัณฑิต (DODT : Doctor of Organization Development and Transformation) มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ซีบู (Cebu Doctors' University) ประเทศฟิลิปปินส์

- ครูปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
- ครูกวี อาทิ ครูเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, ครูภิญโญ ศรีจำลอง, ครูประสิทธิ์ โรหิตเสถียร, ครูประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา (อุชเชนี), ครูประยอม ซองทอง, ครูสถาพร ศรีสัจจัง ฯลฯ

- ครูคีตา อาทิ ครูดนู ฮันตระกูล, ครูบรูซ แกสตัน ฯลฯ
- ครูเพลงพื้นบ้าน อาทิ ครูชินกร ไกรลาศ, ครูหวังเต๊ะ, ครูแม่ประยูร, ครูแม่ศรีนวล, ครูแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์, ครูบรรหาร ศิษย์หอมหวล, ครูทองเจือ โสภิตศิลป์ ฯลฯ
- ครูเพลงลูกทุ่ง อาทิ ครูเจนภพ จบกระบวนวรรณ, ครูประจวบ วงศ์วิชา, ครูมนต์ เมืองเหนือ, ครูลพ บุรีรัตน์, ครูประยงค์ ชื่นเย็น, ครูศักดา ฟ้าประทาน ฯลฯ

- ครูในทางธรรม อันมีพระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นองค์ปฐมบรมครู และพระอริยสงฆ์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทุกรูปทุกนามผู้สืบทอดหลักธรรมคำสอนในบวรพระพุทธศาสนาที่สอนให้เข้าใจในความจริงของชีวิต

- และทุก ๆ ครูบาอาจารย์ ฯลฯ ที่มิอาจเอ่ยนามได้หมดในที่นี้ รวมทั้งสรรพวิทยาที่ได้อ่านได้ฟังได้เรียนรู้จากทุกๆ ท่านในโลกออนไลน์ที่เป็นครูให้ผมโดยท่านอาจไม่รู้ตัว ฯลฯ ตลอดจน ‘ครูพักลักจำ’ และ ‘สรรพตำรา’ ทุก ๆ เล่ม ด้วยความรำลึกและสำนึกอยู่เสมอว่าทุก ๆ ท่านคือครูของผมครับ...
กราบขอบพระคุณครับคุณครู

อภิชาติ ดำดี
๑๖ ม.ค. ๒๕๖๗


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top