Monday, 16 June 2025
NewsFeed

‘Microsoft’ ขึ้นแท่นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก แซงหน้า!! ‘Apple’ หลังได้รับแรงหนุนจากเอไอ

(15 ม.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก Business Tomorrow โพสต์ข้อความระบุว่า…

‘Microsoft’ แซงหน้า ‘Apple’ สู่บริษัทที่มีมูลค่าบริษัทมากที่สุดในโลกถือเป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา

ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่ากิจการบริษัทตามราคาหุ้น (Market Cap.) สูงที่สุดในโลก แซงแอปเปิล (Apple) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังปิดการซื้อขายในตลาดหุ้นคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา จากที่แซงได้ชั่วคราวเมื่อวันก่อน

ซึ่งมูลค่ากิจการของไมโครซอฟท์อยู่ที่ 2.89 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่แอปเปิลอยู่ที่ 2.87 ล้านล้านดอลลาร์ ตัวเลขนี้แอปเปิลจึงมีโอกาสกลับมาแซงได้เช่นกัน ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์มีมูลค่ากิจการสูงกว่าแอปเปิลช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทั้งในปี 2018 และปี 2021

โดยปัจจัยบวกที่ทำให้มูลค่ากิจการไมโครซอฟท์เพิ่มสูงขึ้นคือ AI โดยเฉพาะจากการลงทุนใน OpenAI และการประกาศผลักดันฟีเจอร์ด้าน AI ต่าง ๆ ออกมาโดยตลอด ทำให้ไมโครซอฟท์ได้รับความเชื่อมั่นสูงว่าจะได้โอกาสจากการเติบโตของ AI ที่เป็นธีมสำคัญทางเทคโนโลยีในปีนี้ ขณะที่แอปเปิลนั้นมีข่าวที่ส่งผลกระทบหลายอย่าง ตั้งแต่ Apple Watch อาจถูกสั่งห้ามขายในอเมริกา, บทวิเคราะห์ของธนาคาร Barclays ที่ปรับลดมูลค่าของแอปเปิลลง, ข่าวอุปกรณ์ถูกสั่งแบนจากหน่วยงานของรัฐบาลจีน และอื่น ๆ

'พลังงาน' เปิดเกมรุก!! จับมือ 5 หน่วยงาน  ส่งเสริมปั๊มฯ ลุย EV Charging Station 

(15 ม.ค.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยถึงแผนการรองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ว่าในปี 2567 กรมธุรกิจพลังงาน มีแผนจัดทำมาตรฐานติดตั้งทางไฟฟ้าและกำหนดกรอบการให้บริการติดตั้ง EV Charging Station รวมถึงการลงนาม MOU ระหว่าง 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมธุรกิจพลังงาน, สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน, การไฟฟ้านครหลวง, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

ขณะเดียวกัน ยังได้เตรียมแผนลดชนิดหัวจ่ายน้ำมันกลุ่มดีเซล ให้เหลือน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเกรดพื้นฐานชนิดเดียว (บี 7) เนื่องจากเป็นน้ำมันที่สามารถใช้กับรถยนต์มาตรฐานยูโร 5 ได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 (น้ำมันทางเลือก) เริ่ม 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป 

นอกจากนี้ ยังได้มีการพัฒนาระบบ e-Service เพื่อยกระดับการให้บริการประชาชน มีการพัฒนาระบบ Stockpile และ e-Fuelcard และปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ e-Safety e-Trade และ e-License และระบบสำรองข้อมูลเพื่อรองรับการดำเนินงานในรูปแบบ e-Service รวมทั้ง มีแผนส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจใหม่ (New Business) ของผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่มุ่งไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2566 และแผนการดำเนินงานในปี 2567 โดยภาพรวมได้ดำเนินการปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นมาตรฐานยูโร 5 (กำมะถัน ไม่เกิน 10 ppm) เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป พร้อมทั้งมีการส่งเสริมการติดตั้ง EV Charging Station ภายในสถานีบริการน้ำมันอีกด้วย

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวเสริมว่า "สำหรับการส่งเสริมการติดตั้ง EV Charging Station ภายในสถานีบริการน้ำมันนั้น หนึ่งในยุทธศาสตร์ที่เราจะใช้ คือ การทำให้กระบวนการอนุมัติอนุญาต มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น จากการร่วมปรับกระบวนการของแต่ละหน่วยงานให้มีช่วงเวลาที่สอดคล้องกันรวมถึงปรับข้อกำหนดมาตรฐานไฟฟ้าให้สอดคล้องกันทั้ง กรมธุรกิจพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และ ทั้ง 3 หน่วยงานการไฟฟ้าในประเทศไทย ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง และ PEA หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค"

‘อัสสัมชัญ’ แจง ปม นร.ลาไปแข่งสนุกเกอร์ แต่ให้ติด 0 พลศึกษา พบ!! กรอกข้อมูลพลาด ล่าสุดเตรียมนัดหมายแก้ไขคะแนนแล้ว

(15 ม.ค. 67) จากกรณีนายสมฤกษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา หรือ ‘ปูเป้ ฟุตบอล 108’ ผู้สื่อข่าวกีฬารุ่นใหญ่ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ด.ช.ลมหนาว อิศรางกูร ณ อยุธยา ลูกชาย เป็นตัวแทนไปแข่งกีฬาสนุกเกอร์เยาวชนแห่งชาติ รอบคัดเลือก ก่อนคว้ามา 2 เหรียญทอง สร้างชื่อให้กับโรงเรียนอัสสัมชัญ แต่กลับติด 0 ในวิชาพลศึกษาและสุขศึกษาในการสอบกลางภาค

ล่าสุดที่โรงเรียนอัสสัมชัญ นายสมฤกษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา พร้อมภรรยา ผู้ปกครองน้องลมหนาว เข้าพบ ภารดา ดร.อาวุธ ศิลาเกษ ผอ.รร.อัสสัมชัญ เพื่อพูดคุยและทำความเข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนชี้แจง

นายสมฤกษ์ เผยว่า ลูกชายมีวิชาเรียนทั้งหมด 15 วิชา ช่วงสอบกลางภาคได้เข้าสอบไปแล้ว 13 วิชา แต่ยังเหลือวิชาพลศึกษากับสุขศึกษาที่ยังไม่ได้สอบ เพราะลูกต้องไปแข่งกีฬา และทำหนังสือขอตัวไปแข่งขัน ส่งไปขออนุญาตกับโรงเรียนอย่างชัดเจนแล้ว ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้รับผลการสอบและทราบว่าผลการสอบติด 0 น้องลมหนาวกับครอบครัวก็รู้สึกงง วันนี้จึงมาพบกับผู้อำนวยการโรงเรียนและได้รับการชี้แจงที่ชัดเจนแล้ว จึงไม่ติดใจอะไรอีก

มาสเตอร์โสภณ สกุลเรือง หัวหน้างานประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน ชี้แจงว่า โรงเรียนขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงหารือกับผู้ปกครองกระทั่งได้ข้อสรุปว่า คะแนนที่ผู้ปกครองได้รับ เป็นคะแนนสอบกลางภาค ไม่ใช่เกรด และโรงเรียนพบข้อผิดพลาดของระบบการลงคะแนนผ่านคอมพิวเตอร์ว่า แท้จริงแล้วการลงข้อมูลในคอมพิวเตอร์ดังกล่าว ไม่จำเป็นต้องระบุเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น แต่สามารถระบุสาเหตุอื่นได้ เช่น ยังไม่ได้สอบหรือเหตุผลอื่นๆ

ทั้งนี้ การลงคะแนนดังกล่าวมีระยะเวลาที่กำหนดไว้ ทำให้ครูต้องรีบกรอกข้อมูล จึงอาจเกิดข้อบกพร่องขึ้นได้ ก่อนมอบหมายให้ครูประจำชั้น ดูแลนักเรียนเป็นรายบุคคลไม่เพียงแต่ให้ครูประจำวิชาคอยดูแลเท่านั้น แต่ขณะนี้โรงเรียนยังไม่ได้พูดคุยกับครูประจำวิชาดังกล่าว เนื่องจากมีภารกิจส่งนักเรียนไปแข่งขันวอลเลย์บอลที่ต่างจังหวัด และหลังจากนี้จะนัดหมายน้องลมหนาวเข้ามาแก้ไขคะแนนต่อ

มาสเตอร์โสภณ กล่าวอีกว่า โรงเรียนมีแนวทางการส่งเสริมนักเรียนในด้านกีฬา ดนตรีและอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นในระดับใด จะมีคะแนนให้เพิ่มเติมตามเกณฑ์ของโรงเรียนที่สนับสนุนนักเรียนที่สร้างชื่อเสียงในด้านต่างๆ

บิ๊กโจ๊ก ย้ำ 1484 โรงพัก ประกาศนโยบาย”ขึ้นโรงพักไม่ต้องให้ใครมาฝาก” เผยหากไม่มี วัตถุพยานจากสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน โอกาสจับคนร้ายมาลงโทษคงเกิดได้ยาก เตรียมผลักดันเปลี่ยนเครื่องไม้เครื่องมือให้ทันสมัย ปรับจากซื้อ เป็นเช่าซื้อ เพื่อลดค่าใช้จ่าย

15 มกราคม 2566 เวลา 10:30 น. พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญ สถานีตำรวจภูธรโคกขาม จังหวัดสมุดสาคร และพิสูจน์หลักฐาน จังหวัดนครปฐม ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

โดยได้มอบสิ่งของเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งปฎิบัติงานอย่างเข้มแข็ง จนได้รับรางวัล ปฏิบัติงานดีเด่นอันดับ 1 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติสถานีตำรวจรูปแบบที่ 2 โครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบลเพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรมตามนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน.Stronger Together และยังมีผลการตรวจราชการประจำปีงบประมาณ 2566 ของกองตรวจราชการ 7 จเรตำรวจ ได้ลำดับที่ 1 นอกกลุ่มเป้าหมายระดับสถานีตำรวจขนาดใหญ่สังกัดตำรวจภูธรภาค 7 ทั้งยังได้รับรางวัลการปฏิบัติงานดีเด่นอันดับ 2 โครงการ rtp cyber​ village.ของตำรวจภูธรภาค 7

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติบอกว่า ที่ผ่านมาประชาชนจำนวนมาก ที่ได้รับความเดือดร้อนในคดีลัก วิ่ง ชิง ปล้น เดินทางไปแจ้งความที่โรงพัก ซึ่งหลายคดีต้องใช้ระยะเวลาในการสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจมีจำนวนจำกัดทั้งยังมีอีกหลายหน้าที่ แม้ทุกคนจะปฏิบัติงานอย่างแข็งขัน แต่ก็อาจตอบสนองไม่ได้รวดเร็วอย่างที่ ประชาชน ต้องการ และหลายคนเลือกที่จะฝากคดีกับผู้มีอำนาจ เพื่อให้มากดดันการทำงานของตำรวจ 

ดังนั้นจากนี้ไปจึงขอฝากให้หัวหน้าสถานีตำรวจทั้ง 1,484 โรงพัก ปรับแผนการทำงาน โดยประกาศนโยบาย “ ขึ้นโรงพัก ไม่ต้องให้ใครมาฝาก” หากดำเนินการได้เร็วคดีค้างท่อตามโรงพักก็จะลดลง สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชน 

และสิ่งสำคัญเหนืออื่นใดในการทำคดีเพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฏหมาย ก็ต้องอาศัยวัตถุพยาน ที่พิสูจน์หลักฐานเป็นผู้ดำเนินการจัดเก็บและส่งมอบเพื่อนำมาประกอบคดี แต่ที่ผ่านมาอุปกรณ์ส่วนใหญ่ล้าสมัย และมีค่าบำรุงรักษาสูง เนื่องจากระบบการจัดซื้อจัดจ้าง ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นระบบซื้อขาด เมื่อได้มา ก็ต้องมานั่งจ่ายค่าบำรุงรักษา ประกอบกับเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจึงทำให้อุปกรณ์ล้าหลัง

ดังนั้นจะเร่งผลักดันนโยบาย โดยการเปลี่ยนระบบการจัดซื้อจัดจ้าง เครื่องมือให้เป็นระบบ”เช่าซื้อ “ โดยผู้ให้เช่าจะเป็นคนบำรุงรักษาและเปลี่ยนทันทีที่อุปกรณ์ตกรุ่น จะได้ไม่เป็นภาระของหน่วยงาน ในการจัดเก็บเครื่องมือเก่าเก็บ และกลายเป็นงบประมาณสะสม ที่ทำให้หน่วยงานไม่มีงบประมาณมากพอ ที่จะจัดหาเครื่องรุ่นใหม่ๆ มาทำงานให้สอดคล้องกับหน้างานที่เพิ่มขึ้น

‘เจ้าของร้านหมูกระทะ’ ช้ำใจ ถูก ‘คนพิการ’ เอาเปรียบ หลังเปิดให้กินฟรี  ซ้ำ!! ทำภาษามือนินทาพนักงานโง่ ตัดพ้อ!! มีความคิดอยากเลิกทำ

(15 ม.ค.67) ‘บูม หมูกระทะ’ อินฟลูเอนเซอร์ผู้โด่งดังจากการเก็บสุนัขมาเลี้ยง ก่อนจะทำธุรกิจร้านหมูกระทะชื่อ ‘เทยกะทะ’ และเปิดให้คนท้อง คนพิการ เด็ก และคนสูงอายุ กินฟรี

ล่าสุด ‘บูม’ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กขอความเห็นใจว่า "อย่าเอาความใจดีของบูมมาเอาเปรียบบูมเลย ที่บูมให้คนท้อง พิการ เด็ก คนแก่ ทานฟรี เพราะอยากให้กำลังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มาทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยมันทำให้บูมมีความคิดอยากจะเลิกให้ทานฟรี

มีคนพิการ หูหนวก เป็นใบ้ นัดกันมา 10 คน แล้วนั่งกระจายโต๊ะ 10 โต๊ะ ไม่นั่งด้วยกันแล้วบอกว่ามาคนเดียว เผื่อจะได้คนละชุดเป็น 10 ชุด พอพนักงานเสิร์ฟ 10 ชุดแล้ว เขาจึงมานั่งร่วมโต๊ะกันและบอกพนักงานว่า 5 ชุดกินที่ร้าน อีก 5 ชุดจะห่อกลับบ้าน แล้วคุยภาษามือว่า พนักงานร้านบูมโง่พวกเขาฉลาด

อีกเคสพิการหูหนวกเป็นใบ้ พนักงานที่ร้านจะแจ้งทุกครั้งว่า ถ้าจะดื่มแอลกอฮอล์ และกุ้งเผา ส้มตำ ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพราะค่าหมูกระทะน้ำดื่มคือฟรี เขาก็เขียนกระดาษให้พนักงานว่าไปดูถูกเขา ว่าเขาจะไม่มีตังค์จ่ายหรอ แล้วก็สั่งจนเต็มโต๊ะทั้งกุ้งเผาทั้งเบียร์ แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ทำเนียน หนีออกจากโต๊ะทีละคนแล้วก็ไม่จ่ายตังค์เลย

บูมคิดหลายครั้งมากว่าจะไม่ให้ทานฟรีแล้ว แต่ก็เห็นใจคนที่เขาไม่มีโอกาสได้ทานจริง ๆ ถ้าเป็นทุกคนยังอยากให้ทานฟรีอยู่ไหมคะ?"

Oxfam เผย 5 อภิมหาเศรษฐีโลก รวยขึ้น 2 เท่า สวนทางประชากรอีก 5 พันล้านคน กลับจนลง

Oxfam องค์กรการกุศลเพื่อสังคมได้เปิดเผยข้อมูลความเหลื่อมล้ำล่าสุดในที่ประชุม World Economic Forum ประจำปี 2024 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เมื่อวันจันทร์ (15 มกราคม 2024) พบว่า มีอภิมหาเศรษฐีโลกระดับโลก 5 คน ที่มีทรัพย์สินเพิ่มจากเดิมถึง 2 เท่า ในรอบเพียง 4 ปี ขณะที่ชาวโลกจนกระจายนับพันล้านคน

โดยอภิมหาเศรษฐี ที่รวยแล้ว รวยอยู่ และยังคงรวยต่อ ในรายงานของ Oxfam ได้แก่...

- เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ เจ้าของแบรนด์ดัง LVMH หรือ หลุยส์ วิตตอง มีทรัพย์สิน 1.91 แสนล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากปี 2020 111%

- เจฟฟ์ เบโซส์ แห่ง Amazon มีทรัพย์สิน 1.67 แสนล้านเหรียญ รวยขึ้นกว่าเดิม 24% 

- วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนรายใหญ่ มีทรัพน์สิน 1.19 แสนล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 48%

- ลาร์รี เอลลิสัน ผู้ก่อตั้ง Oracle มีทรัพย์สิน 1.45 แสนล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 107%

- อีลอน มัสก์ CEO ของ Tesla มีทรัพย์สิน 2.24 แสนล้านเหรียญ เพิ่มจากที่เขาเคยมีในปี 2020 ถึง 737%

โดยเมื่อเทียบกับปี 2020 อภิมหาเศรษฐีทั้ง 5 คนนี้มีทรัพย์สินงอกเงยขึ้นในช่วงเวลาเพียง 4 ปีรวมกันถึง 8.69 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 30 ล้านล้านบาท) ติดเป็นอัตราความร่ำรวยเพิ่มขึ้น 14 ล้านเหรียญต่อชั่วโมง

แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ กลับมีผู้คนกว่า 5 พันล้านคน หรือคิดเป็น 60% ของประชากรโลก ที่อยู่ในกลุ่มฐานะยากจนอยู่แล้ว กลับยิ่งจนลงไปเรื่อยๆ แสดงให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างคนรวย และคนจนในโลก นับวันจะยิ่งขยายกว้างขึ้น

Oxfam ชี้ว่า หากอัตราความมั่งคั่ง และความยากจนยังคงดำเนินไปในลักษณะนี้ โลกเราจะมีคนที่รวยถึงระดับล้านล้านเหรียญเป็นคนแรกในอีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า แต่ทว่าปัญหาความยากจนจะฝังรากลึก จนอาจต้องใช้เวลานานถึง 229 ปี ถึงสามารถกำจัดความยากจนให้หมดไปได้

อบิตาภ บีฮาร์ ผู้อำนวยการองค์กร Oxfam International กล่าวในแถลงการณ์ที่ดาวอสว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของทศวรรษแห่งความแบ่งแยก ที่ผู้คนนับพันล้านต้องแบกรับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากภัยโรคระบาด อัตราเงินเฟ้อ และสงคราม ในขณะที่ความมั่งคั่งไปตกอยู่กับกลุ่มมหาเศรษฐีเพียงไม่กี่คน และความไม่เท่าเทียมกันนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

โดยกลุ่มชนชั้นนำจะทำทุกทางเพื่อรักษา และครอบครองความมั่งคั่งเหล่านั้นให้เพิ่มพูนมากขึ้น โดยให้ประชาชนรากหญ้าเป็นผู้จ่าย และแบกรับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

รายงานของ Oxfam ยังชี้ว่า ต้นตอของปัญหาเหล่านี้เกิดจากอำนาจผูกขาดขององค์กรยักษ์ใหญ่ที่ก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน อาทิ ปัญหาการกดขี่แรงงาน การหลบเลี่ยงภาษี การแปรรูปรัฐ และทำให้เกิดความเสียหายของสภาพภูมิอากาศ 

องค์กรผูกขาดเหล่านี้เองที่ส่งความมั่งคั่งอันไม่มีที่สิ้นสุดให้กับเจ้าขององค์กรที่ร่ำรวยล้นฟ้า แต่ลดทอนอำนาจของแรงงาน บ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยและสิทธิของประชาชนทั่วไป

Oxfam มีเป้าหมายในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของประชากรโลก และได้นำเสนอข้อมูลรายงานปัญหาช่องว่างทางสังคมให้เห็นเป็นประจักษ์เป็นประจำทุกปี 

ซึ่งประเด็นที่ Oxfam ต้องการผลักดันคือการจำกัดเงินค่าตอบแทนผู้บริหารระดับสูง, การสลายการผูกขาดขององค์กรยักษ์ใหญ่ และเสนอให้เก็บภาษีความมั่งคั่งในกลุ่มมหาเศรษฐี องค์กรใหญ่มากขึ้นเพื่อสร้างรายได้ 1.8 ล้านเหรียญต่อปี

Oxfam เชื่อว่าอำนาจสาธารณะสามารถควบคุมอำนาจขององค์กรยักษ์ใหญ่ได้ แต่ทั้งนี้รัฐบาลจำเป็นต้องเข้าแทรกแซงเพื่อสลายการผูกขาด เพิ่มอำนาจให้กับคนงาน เก็บภาษีจากกำไรมหาศาลขององค์กรเหล่านี้ นำมาสนับสนุนสวัสดิการแรงงาน และบริการสาธารณะยุคใหม่เพื่อความเท่าเทียมทางสังคมมากขึ้น

แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นงานยากสำหรับ Oxfam ในการแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียม ตราบใดที่โลกขับเคลื่อนด้วยระบบทุนนิยม ที่เอื้อประโยชน์ให้นายทุนมีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายของรัฐบาลได้ ช่องว่างทางโอกาสสำหรับชาวรากหญ้าก็ยิ่งห่างไกลมากขึ้นเท่านั้น 

‘รมว.ปุ้ย’ เชิญ ‘สถาบันมาตรฐานซาอุฯ’ เยือนไทย รับรองมาตรฐาน ‘ฮาลาลไทย’ หวังต่อยอดสู่ตลาดโลก

เมื่อวานนี้ (15 ม.ค.67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการเข้าพบคณะผู้บริหารองค์กรมาตรฐาน มาตรวิทยา และคุณภาพ แห่งซาอุดีอาระเบีย (The Saudi Standards Metrology and Quality Organization : SASO) เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2567 ณ กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ด้านการมาตรฐาน ส่งเสริมการค้าการลงทุนและอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างไทยและซาอุดิอาระเบีย พร้อมเชิญผู้บริหาร SASO เยือนไทย เพื่อทำแผนงานความร่วมมือและลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) 

“ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้หารือกับนายซาอูด บิน ราชิด อัล อัสการ์ รองผู้อำนวยการองค์กรมาตรฐาน มาตรวิทยา และคุณภาพแห่งซาอุดิอาระเบีย หรือ SASO ในระหว่างงาน Future Mineral Forum 2024 ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติคิงอับดุลลาซิส กรุงริยาด โดยทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกันที่จะยกระดับความสัมพันธ์ด้านการมาตรฐาน การยอมรับผลการตรวจสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ระหว่างกัน เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียให้เพิ่มขึ้น 

ทั้งนี้ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ภายหลังการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ มูลค่าการค้าของไทยกับซาอุดีอาระเบียได้เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 23 ใกล้แตะมูลค่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้น จึงเสนอให้พัฒนาความร่วมมือในเชิงเทคนิคระหว่างกัน โดยได้เชิญผู้บริหารจาก SASO มาเยือนไทยเพื่อขับเคลื่อนในเชิงรุกกับ สมอ. โดยเริ่มต้นจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อเป็นหมุดหมายแรกแห่งความร่วมมือ 

นอกจากนี้ ยังได้ขอให้ SASO สนับสนุนการให้การรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์อาหารและผลิตภัณฑ์ฮาลาลของไทย โดยสินค้าฮาลาลของไทย แม้ว่าจะเป็นสินค้าที่ดีมีคุณภาพ แต่ปัญหาอุปสรรคหนึ่งในด้านการค้าคือ การยอมรับผลการตรวจสอบรับรองและเครื่องหมายรับรอง โดยมูลค่าการส่งออกอาหารฮาลาลของไทยไปยังซาอุดีอาระเบีย นับว่ายังมีมูลค่าน้อยและมีส่วนแบ่งตลาดเพียงไม่ถึงร้อยละ 1 ของมูลค่าการนำเข้าของซาอุดีอาระเบีย จึงเป็นโอกาสของไทยที่จะขยายตลาดได้อีกมาก หากมีการยกระดับความร่วมมือด้านการมาตรฐานระหว่างกัน ทั้งนี้ การผลักดันอาหารและผลิตภัณฑ์ฮาลาลเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงอุตสาหกรรมและรัฐบาล ซาอุดีอาระเบียนับเป็นตลาดฮาลาลที่ใหญ่ จึงเริ่มต้นก่อน และมีแผนที่จะขยายความร่วมมือไปถึงพหุภูมิภาคอื่นด้วย” รมต.พิมพ์ภัทราฯ กล่าว

ด้าน นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า สมอ.ขานรับนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและรัฐบาล ได้เตรียมความพร้อมด้านการตรวจสอบรับรองมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมฮาลาล ทั้งในด้านกระบวนการตรวจรับรองมาตรฐานฮาลาลของประเทศไทย และกลุ่มประเทศคู่ค้าที่สำคัญ รวมทั้งโอกาสในการเพิ่มการส่งออกอาหารฮาลาลของไทย โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานด้านการมาตรฐาน อาทิ หน่วยตรวจรับรองที่มีความพร้อมในการตรวจรับรองมาตรฐานฮาลาลตามกระบวนการที่ประเทศคู่ค้ากำหนด ผู้ตรวจรับรองมาตรฐานฮาลาลที่เชี่ยวชาญตามกระบวนการตรวจสอบตามระบบ ISO/IEC 17020 และบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมอาหารที่มีทักษะในการพัฒนาสถานประกอบการให้มีมาตรฐานฮาลาลตามข้อกำหนดของประเทศคู่ค้า ตลอดจนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อให้สามารถขยายตลาดส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลไปยังกลุ่มประเทศคู่ค้าใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ความร่วมมือดังกล่าว นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะยกระดับงานด้านการมาตรฐานฮาลาลของทั้ง 2 ประเทศ ให้เกิดการยอมรับผลการตรวจสอบรับรองสินค้าฮาลาล เพื่อผลักดันสินค้าไทยสู่ตลาดมุสลิมโลก เลขาธิการ สมอ. กล่าว

ครอบครัวคนรักษ์ข้อครั้งที่ 14 “Innovation Changes Your life เปลี่ยนข้อเปลี่ยนคุณภาพชีวิต  ”

โรงพยาบาลพญาไท3 จัดกิจกรรมสานสัมพันธ์ผู้ป่วยที่ผ่านการผ่าตัดรักษาเปลี่ยนข้อเข่าเทียมกับศูนย์กล้ามเนื้อกระดูกและข้อโรงพยาบาลพญาไท3 ภายใต้ตีมการจัดงาน  “Innovation Changes Your life เปลี่ยนข้อ เปลี่ยนคุณภาพชีวิต  ”  ในวันที่ 14 มกราคม 2567 ณ.โรงแรมริเวอร์ไซด์กรุงเทพ

โดยในปีนี้ได้นำนวัตกรรมด้านการรักษาและฟื้นฟูผู้ป่วยด้วยกายภาพบำบัดมาจัดแสดงให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสประสบการณ์และเรียนรู้การก้าวไปอีกขั้นของการดูแลผู้ป่วยของโรงพยาบาลพญาไท3 ซึ่งเป็นไปตามที่ท่านนายแพทย์สุรพล โล่ห์สิริวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท3 ได้กล่าวถึงและให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องการนำ นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการรักษาผู้ป่วยของโรงพยาบาลพร้อมทั้งสนับสนุนให้บุคลากรคิดค้นนวัตกรรมการรักษาจนส่งผลงานประกวด  นวัตกรรมรองเท้าสเก็ต  smart knee rehab   จากทีมกายภาพบำบัด  จนสามารถคว้าแชมป์จากงานการประกวดนวัตกรรมจากเครือ BDMS  ถือเป็นความภูมิใจอย่างยิ่งขององค์กร โดยมีทีมแพทย์มากฝีมือจากศูนย์กล้ามเนื้อกระดูกและข้อโรงพยาบาลพญาไท3 นำทีมโดย    ศ.นพ.กีรติ เจริญชลวานิช  ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาศูนย์กล้ามเนื้อกระดูกและข้อโรงพยาบาลพญาไท3  ให้ความสนับสนุนและเป็นที่ปรึกษาในการรักษาที่ดีเสมอมา 

บรรยากาศภายในงานได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมงานอย่างอบอุ่นในการร่วมกิจกรรประจำบูธ        พร้อมรับฟังการสนทนาในช่วง Dr.talks  ในเรื่องของ นวัตกรรมการรักษา พร้อมรับประทานอาหารล่องเรือหรู ชมบรรยากาศแม่น้ำเจ้าพระยาร่วมกันในช่วงค่ำ ถือเป็นอีกกิจกรรมดีๆที่เราจัดกันอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ป่วยได้ร่วมกิจกรรมที่สร้างสัมพันธ์อันดีในทุกๆปี เราจะไม่หยุดพัฒนา นวัตกรรมการรักษา เพื่อพัฒนาคุณชีวิตของผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น

เชียงใหม่-สร้างประสบการณ์"Koala's March Adventure in Chiang Mai Zoo : ชวนผจญภัยครั้งใหม่ไปกับมาร์ชคุงและผองเพื่อน " 

ลอตเต้ โคอะลา มาร์ช ร่วมกับ สวนสัตว์เชียงใหม่ จัดกิจกรรม“Koala’s March Adventure in Chiangmai Zoo: ชวนผจญภัยครั้งใหม่ไปกับมาร์ชคุงและผองเพื่อน กิจกรรมสันทนาการ เพื่อมอบประสบการณ์ดี ๆ ให้กับเด็กเชียงใหม่ พร้อมร่วมสนับสนุนสวนสัตว์เชียงใหม่ ด้วยการนำเงินมอบให้กับทางสวนสัตว์ เพื่อเป็นค่าบำรุง ค่าอาหาร และเลี้ยงดูโคอาลา

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2567  ณ บริเวณจุดแสดงโคอาลา สวนสัตว์เชียงใหม่ นางพิไลลักษณ์ บุญมา กรรมการ บริษัท ไทยลอตเต้ จำกัด หรือลอตเต้ โคอะลา มาร์ช และนายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิด “Koala’s March Adventure in Chiangmai Zoo: ชวนผจญภัยครั้งใหม่ไปกับมาร์ชคุงและผองเพื่อน” เพื่อแสดงถึงความร่วมมือในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ โดยภายในงาน นางสาวพลอย ชิดจันทร์ และครอบครัวได้ให้เกียรติร่วมงาน ในครั้งนี้ด้วย พร้อมทั้งร่วมสนุกตามบูธกิจกรรม ทั้ง 4 กิจกรรม ณ จุดแสดงโคอาลา รวมถึงกิจกรรมในโซนมินิซู

ทั้งนี้ทางลอตเต้ โคอะลามาร์ช ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและต้องการผลักดันภาพลักษณ์ของโคอาล่า ให้เป็นที่น่าจดจำของทุกคนที่เข้ามาในสวนสัตว์ และยังได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในโซนโคอาลา ทั้งโมเดล
โคอะลา มาร์ช และป้ายต่าง ๆ ให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ทางลอตเต้ โคอะลา มาร์ช ยังได้จัดกิจกรรมสันทนาการ เพื่อมอบประสบการณ์ดี ๆ ให้กับเด็ก ๆ ถึง 4 กิจกรรม ได้แก่ โคอะลาอาร์ตติส, ทายศัพท์กับพี่มาร์ชคุง, โคอะลามาร์ช(เตอร์)เชฟ และ โคอะลาจอมพลัง พร้อมของรางวัลอีกมากมาย โดยกิจกรรมทั้งหมด ถูกจัดขึ้น ณ จุดแสดงโคอาล่า ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม - 29 กุมภาพันธ์ 2567 อีกทั้งในพิธีทางลอตเต้ โคอะลา มาร์ช ได้ร่วมสนับสนุน และมอบเงินให้กับทางสวนสัตว์ เพื่อเป็นค่าบำรุงสถานที่ ค่าอาหาร และเลี้ยงดูโคอาลา

"ทางลอตเต้ โคอะลามาร์ช ทำกิจกรรมภายใต้ 3 วัตถุประสงค์หลัก ดังนี้ สร้างประสบการณ์ระหว่างแบรนด์ โคอะลามาร์ช และสวนสัตว์เชียงใหม่ ผ่านการจัดกิจกรรมของ โคอะลามาร์ช เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค และใกล้ชิดมากขึ้นสร้างภาพลักษณ์ของโคอาล่าให้เป็นที่จดจำของทุกคน เมื่อเข้ามาในสวนสัตว์ปรับภาพลักษณ์สถานที่โซนโคอาล่า ทั้งป้ายต่างๆ และปรับปรุงโมเดลโคอะลามาร์ชใหม่ ให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางเรานั้นเริ่มการปรับปรุงตั้งแต่ช่วง กลาง ถึงปลายปีที่ผ่านมาและได้รับความร่วมมือจากส่วนสัตว์เชียงใหม่เป็นอย่างดีกิจกรรมทั้งหมดจัดขึ้นที่โซนโคอาล่าและโซนมินิซู โดยในงานจะมีกิจกรรมต่างๆ รวมถึงทุกคนสามารถลุ้นรับของรางวัลพิเศษจากโคอะลา มาร์ชอีกมากมาย 

นอกจากนี้ ทางบริษัทไทยลอตเต้ ยังสนับสนุนโครงการทัศนศึกษา ให้เด็กๆจากโรงเรียนต่างๆในเชียงใหม่ทั้งหมด 10 โรงเรียน มาทัศนศึกษาและเล่นกิจกรรมโคอะลา มาร์ช ที่สวนสัตว์เชียงใหม่  อีกหนึ่งสิ่งที่ทาง ลอตเต้ โคอะลามาร์ช ตั้งใจมาในวันนี้ ก็คือการร่วมสนับสนุนสวนสัตว์เชียงใหม่ ด้วยการนำเงินมอบให้กับทางสวนสัตว์ เพื่อเป็นค่าบำรุง ค่าอาหาร และเลี้ยงดูโคอาลา"  กรรมการ บริษัท ไทยลอตเต้ จำกัด กล่าว

ด้านผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่  กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ทางบริษัท ไทยลอตเต้ จำกัด ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างประสบการณ์ของเด็ก ๆ ผ่านกิจกรรมสันทนาการมากมาย ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจหลักของทางสวนสัตว์เชียงใหม่ ในด้านการเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเด็ก การอนุรักษ์สัตว์ป่า และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีมาตรฐาน และทันสมัยของภาคเหนือ และระดับประเทศ​ นอกจากนี้ทางสวนสัตว์เชียงใหม่ ยังมีนโยบายด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองยุทธศาสตร์เรื่องการพัฒนาด้านกายภาพและสิ่งแวดล้อมของสวนสัตว์เชียงใหม่ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านสัตว์ป่า และการท่องเที่ยวอย่างมีมาตราฐานเพื่อยกระดับเป็นการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสู่สากลอย่างยั่งยืน

ซึ่งในกิจกรรมที่ทางโคอะลา มาร์ช ได้ตั้งใจสรรสร้างเพื่อเด็ก ๆ ในครั้งนี้ นอกจากกิจกรรมที่จัดขึ้นภายในโซนโคอะลา และโซนมินิซู ทางลอตเต้ยังสนับสนุนโครงการทัศนศึกษาให้เด็ก ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่มาร่วมกิจกรรมร่วมสร้างประสบการณ์ สร้างรอยยิ้ม และศึกษาวงจรชีวิตสัตว์ป่า ปลูกจิตสำนึก รณรงค์การอนุรักษ์สัตว์และสิ่งแวดล้อมเพื่อรักษาไว้ซึ่งความยั่งยืนในอนาคตต่อไป

ขณะที่นางสาวพลอย ชิดจันทร์ ได้กล่าวถึงความรู้สึกในการมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า วันนี้ได้พาลูกๆมาร่วมกิจกรรมซึ่งเด็กๆก็ชอบมากเพราะมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกมากมาย ลูกๆชอบโคอะลา มาร์ช กันหมด ทั้งขนมที่มีหลายรสชาติและโมเดลที่เหมาะกับเด็กๆทุกวัย ก็อยากจะให้ทางบริษัท ไทยลอตเต้ จำกัด หรือลอตเต้ โคอะลา มาร์ช มาจัดงานแบบนี้ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ทุกๆปี

นภาพร/เชียงใหม่

'สส.ก้าวไกล นนทบุรี' แถลงเสียใจเหตุรุมทำร้าย ชี้!! ผู้ก่อเหตุไม่ใช่ผู้ช่วย พร้อมให้สอบความกระจ่างทั้งในระดับพรรคและตามกฎหมายต่อไป

เมื่อวานนี้ (15 ม.ค. 67) นายอนุสรณ์ แก้ววิเชียร หรือทนายเอ๊ะ สส.นนทบุรี เขต 3 พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีคนสนิท ซึ่งเป็นประธานชุมชน พร้อมพวกรุมทำร้าย นายกิตติภัทร หรือ เบน อายุ 44 ปี ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวของ นางปัญญารัตน์ นันทภูษิตานนท์ สส.นนทบุรี เขต 2 พรรคก้าวไกล ได้รับบาดเจ็บสาหัส กะโหลกศีรษะร้าว หน้าตาแตก บวมปูดตามร่างกาย มีรอยฟกช้ำหลายแห่ง เหตุเกิดเวลาประมาณ 23.30 น. วันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา

แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า เรียน พี่น้องประชาชนที่เคารพ ผม อนุสรณ์ แก้ววิเชียร ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากกรณีการทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และขอประณามต่อการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ

ผมขอใช้แถลงการณ์ฉบับนี้ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่ปรากฏต่อสื่อมวลชนต่างๆ ดังนี้

สถานที่เกิดเหตุเป็นงานเลี้ยงภายในชุมชนที่จัดขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมวันเด็กแล้ว ทางชุมชนได้จัดกิจกรรมเลี้ยงวันปีใหม่เป็นรูปแบบโต๊ะจีนหลายสิบโต๊ะ มีประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมงานจำนวนมาก

ช่วงดึกผมได้เดินทักทายพูดคุยกับประชาชนที่มาร่วมงานตามโต๊ะต่างๆ จนถึงโต๊ะของนายกิตติภัทร (เบน) ผู้ได้รับบาดเจ็บ (ขณะนั้นคุณเบนไม่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะ) ผมได้นั่งลงคุยกับประชาชนที่นั่งอยู่ในโต๊ะนั้น ซึ่งนั่งอยู่ทางด้านขวามือของผม

จากนั้นประมาณ 2-3 นาทีถัดมา คุณเบนได้เข้ามานั่งเก้าอี้ด้านซ้ายมือของผม เมื่อผมหันหน้ากลับไปมองเห็นนายปริญญา (ตู่) ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังได้เข้าไปพูดคุยอะไรบางอย่างกับคุณเบนแต่ผมไม่ได้ยินเนื่องจากมีดนตรีเล่นอยู่บนเวที

ต่อมาผมเห็นตู่ตบศีรษะและตบหน้าคุณเบนไป 1 ครั้ง หลังจากนั้นมีคนมาดึงแยกตัวตู่ออกไป ผมจึงได้เดินไปยกมือไหว้ขอโทษคุณเบนกับเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นน้องในทีมงานมาขอให้ผมขึ้นรถและขับรถพาผมกลับบ้าน ซึ่งผมก็คิดว่าเรื่องราวคงจบแค่นั้น

เช้าวันรุ่งขึ้นผมก็ได้เดินทางไปเลือกตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัดนนทบุรี และช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ผมก็ได้เดินทางไปกับคณะกรรมาธิการ เพื่อลงพื้นที่ จ.ตาก จนถึงในขณะนี้ ผมได้ทราบเรื่องจากทีมงานที่โทรมาแจ้ง จึงได้เร่งจัดทำคำแถลงการณ์นี้ขึ้น

ทั้งนี้ ตู่เป็นประธานชุมชนในพื้นที่ ต.บางกรวย เพิ่งเข้ามาร่วมทำงานพื้นที่ กับผู้ช่วย สส.ของผมได้ประมาณ 2-3 เดือน โดยตู่ไม่ได้มีตำแหน่งผู้ช่วย สส.หรือผู้ติดตามแต่อย่างใด

ท้ายนี้ การใช้ความรุนแรงไม่ใช้หนทางที่ถูกต้อง และขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมยินดีเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้ให้กระจ่างทั้งในระดับพรรคและตามกฎหมายต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top