Thursday, 26 June 2025
NewsFeed

‘พี่คนดี’ ร่ายกลอน!! คุณค่าประเพณีดีงามไทยต้องควรคงไว้ ชี้!! อย่าหลงลมหัวก้าวหน้า ที่ร้องเลิกเพียงเพื่อสร้างประเด็น

(27 พ.ย.66) เพจเฟซบุ๊ก ‘P.khondee (พี่คนดี กวีสมัครเล่น)’ ได้โพสต์ข้อความพร้อมบทกลอนเรื่อง ‘ประเพณีลอยกระทง’ ระบุว่า... 

ถึงวันลอยกระทงทีไร ก็มีคนเอามุมเรื่องขยะ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขึ้นมาชู แล้วรณรงค์ให้ ยกเลิกประเพณี กันทุกที ถ้าเราจะมองแต่มุมเสียก็คงต้องยกเลิกทุกอย่างกระมัง

ปีใหม่จุดพลุ ตรุษจีนจุดธูปเผากระดาษ ก็จะว่า ‘ไม่อนุรักษ์อากาศ’ เล่นสงกรานต์เอาน้ำมาสาดเล่น ก็จะว่า ‘ไม่อนุรักษ์น้ำ’ ว่ากันตามจริงทุกเทศกาลมันก็ก่อให้เกิดขยะกองโตทั้งนั้น ต้องยกเลิกไปให้หมดหรือเปล่า แล้วมุมที่คนออกมาจับจ่ายใช้สอย ชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยว เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่มองกันบ้างเหรอ ไม่พูดเรื่อง Soft Power กันบ้างหรือไร?

ขยะในวันลอยกระทง อีกวันเขาก็มาเก็บไปหมด ไม่ได้ถูกปล่อยไว้ หรือไม่ได้เก็บยากเย็นเหมือนขยะในทะเล มารณรงค์สร้างความตระหนักว่า หลังจากขอขมาพระแม่คงคาแล้ว ก็ไม่ควรทิ้งขยะกันในวันอื่น ๆ กันดีกว่าไหม เพราะวันอื่น ๆ ไม่มีใครมาตามเก็บให้ทันที เหมือนหลังวันลอยกระทง

กระทงใบตองแบบเดิม ๆ เก็บทิ้งได้ไม่ยากหรอก คนโบราณเขาคิดมาไว้ดีแล้ว แต่ พวกกระทงขนมปัง ที่อ้างว่ารักษ์โลก ไม่ควรใช้อย่างยิ่ง เพราะจะมีปัญหามากกว่า เมื่อปลากินไม่หมด และเก็บไม่ทันมันก็ละลายผสมลงในน้ำทำให้ น้ำค่าบีโอดีสูง จุลินทรีย์มากินจนเติบโต แล้วน้ำก็จะเน่า กระทงโฟมก็มีปัญหากำจัดยาก ไม่ควรใช้ เหมือนกับที่ไม่ควรใช้ใส่อาหารกันพร่ำเพรื่อนั่นแหละ

คนส่วนใหญ่ลอยกระทงกันตอนเด็กหรือวัยรุ่น โตขึ้นมาก็ไม่ลอยกันแล้วโดยอัตโนมัติ เหมือนกับเรื่องเล่นสงกรานต์ หลายครั้งเราอาจจะลืมไปแล้วว่าตอนเด็ก ๆ เราก็เคยสนุกกับมัน พอเราโตแล้ว เราเริ่มรู้สึกว่ามันไม่มีสาระสักเท่าไร เลยจะไปยกเลิกมันเหรอ ให้เด็ก ๆ เขาสนุกกันบ้างเถอะ ส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้ก็ลอยในแหล่งน้ำปิด ถึงลอยในแม่น้ำ ก็มีคนมากั้นและ เก็บในไม่ช้า

เรื่อง ซานตาคลอส ที่เด็กฝรั่งตื่นเต้นตั้งตารอ แต่โตมาก็รู้ว่ามันไม่จริง แต่ฝรั่งเขาก็ไม่ได้รณรงค์ให้ยกเลิก นี่นา หรือ งานเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่ ไทม์สแควร์ ก็มีการโปรยเศษกระดาษชิ้นเล็ก ๆ ลงมา พออีกวันมันก็คือขยะที่ต้องลำบากเก็บเหมือนกัน บ้านเขาไม่เห็นมีใครไปรณรงค์ให้ยกเลิก นี่นา เออถ้ามันสร้างความเดือดร้อนจนเห็นชัดอย่าง โคมลอย ที่ไปตกบ้านคนอื่นแล้วไฟไหม้ก็ว่าไปอย่าง

เห็นเพื่อน ๆ หลายคนหงุดหงิดกับขยะวันลอยกระทง ผมก็เคยรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันครับ แต่ก็เห็น ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงร่วมกิจกรรมนี้ด้วยตลอดทุกปี แม้ตอนที่ท่านประทับที่ รพ. ก็เลยมาฉุกคิดในอีกด้าน

ส่วนตัวผมมองว่า ประเพณีนี้ยัง สมควรได้ไปต่อครับ เพื่อนคนใดไม่อยากลอยก็ไม่ต้องลอยเป็นสิทธิ์ของท่านเลย ผมเองก็ไม่ได้ลอยมาหลายปีแล้ว แต่ถ้าใครเขายังอยากลอยก็อย่าไปว่าเค้าเลยนะครับ จะว่าไป มันเช่นเดียวกับหลาย ๆ เรื่อง ที่ถกเถียงกันนั่นแหละ

อย่าไปหลงลมพวกหัวก้าวหน้าบ้าฝรั่ง ที่ประเพณีอะไรของไทยก็อยากจะยกเลิก ทุกวันเทศกาลงานประเพณีแทนที่จะไปรื่นเริง ก็มาสร้างประเด็น แซะพระโค แซะกระทง แซะพานไหว้ครู แซะแปรอักษร เรื่อยไปไม่หยุดหย่อน คนพวกนี้ จะมีความสุขเหมือนคนอื่นเขาบ้างไหม 

สุขสันต์วันเทศกาลนะครับ

434/2023 ประเพณีไทยก็มีมาตั้งนาน

ตรงไหนแย่ เราก็แค่ คิดแก้ไข
ชวน ‘ยกเลิก’ มันถูกไหม ลองไขขาน
ประเพณี ไทยก็มี มาตั้งนาน
ลองมองดู หลายหลายด้าน อย่าต้านเลย

บางอย่างมัน ไม่ได้แย่ จนแน่ชัด
ไม่อยากจัด ไม่อยากแคร์ ก็แค่เฉย
ความตื่นตา น่าภิรมย์ น่าชมเชย
ทุกคนเคย ยอมรับ อินกับมัน

พอโตมา เริ่มมองว่า ไร้สาระ
มีคนเอา เรื่องขยะ มาปลุกปั่น
ให้ยกเลิก เทศกาล ในวานวัน
ทั้งที่ตอน วัยเด็กนั้น ว่าบันเทิง

อ้างว่ามัน ไม่ก้าวหน้า ล้าสมัย
ไม่เอาไหน ใฝ่กระทุ้ง ให้ยุ่งเหยิง
ไยต่อต้าน เทศกาล งานรื่นเริง
ที่ดำเกิง ดำรงมา กว่าร้อยปี

'ดร.หิมาลัย' ร่วม 'พล.ต.ท.ไตรรงค์' ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา นำคณะผู้มีจิตศรัทธา เป็นเจ้าภาพทอดผ้ากฐิน ณ วัดจิกลาด

เมื่อวานนี้ (26 พ.ย. 66) ที่วัดจิกลาด หมู่ 2 ต.หนองตางู อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ) และภริยา ประธานฝ่ายฆราวาส / ประธานเจ้าภาพ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร. และภริยา ประธานอุปถัมภ์ รวมทั้ง คุณหทัยรัตน์ ผิวพรรณ, นายสัญญา นิลสุพรรณ สส.เขต 3 นครสวรรค์ / ประธานคณะ กมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน และภริยา, นายวีรศักดิ์ เชียรวัฒนาสุข, คุณพิมพ์ปวีณ์ นิลสุพรรณ เลขานุการนายกอบจ.นครสวรรค์, นายสมจิตร แว่นแก้ว หรือ ‘จิตร เมืองนนท์’, พ.ต.อ.ทิวา โสภาเจริญ,พ.ต.อ.รัตนสุข คำวงศ์ พร้อมคณะผู้มีจิตศรัทธา ‘มูลนิธิพระราหู’ และพี่น้องกลุ่มหิมาลัยกรุ๊ป เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพพิธีทอดผ้ากฐินสามัคคีประจำปี 2566 มีพระครูนิรภัยสุตสุนทร เจ้าคณะตำบลหนองตางู เจ้าอาวาสวัดจิกลาด เมตตาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์

โดยมี นายพชร ผลชี กำนันตำบลหนองตางู,นายอาวุธ จันแรง ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 บ้านจิกลาด ต.หนองตางู อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์, นายธีนพล เพชรพิพัฒน์ รักษาการ ผอ.โรงเรียนวัดจิกลาดและพุทธศาสนิกชน ประชาชนร่วมให้การต้อนรับและร่วมเป็นเจ้าภาพพิธีทอดผ้ากฐินสามัคคี ดังกล่าว

สำหรับงานบุญประเพณีทอดผ้ากฐินสามัคคี ประจำปี 2566 ของวัดจิกลาด ต.หนองตางู จ.นครสวรรค์ ครั้งนี้ ซึ่งมียอดทอดผ้ากฐิน รวมทั้งสิ้น 1,234,693 บาท ซึ่งรายได้ทั้งหมดทางวัดจะนำไปบูรณะปฎิสังขรณ์ภายในวัดและนำไปจัดสร้างศาลาปฎิบัติธรรมที่กำลังดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ เพื่อเป็นไปตามวัตถุประสงค์

ทั้งนี้ ภายในงานทอดผ้ากฐินได้ออกโรงทานนำอาหารมาแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เข้ามาร่วมงานทอดผ้ากฐินสามัคคีครั้งนี้ สำหรับงานประเพณีทอดผ้ากฐินเป็นการได้สร้างบุญสร้างกุศลแล้ว ยังได้ช่วยรักษาประเพณีทอดผ้ากฐิน และทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา รวมทั้งยังได้ส่งเสริมให้ประชาชนได้หันมาเข้าวัด และยังสร้างความสามัคคีของประชาชนในพื้นที่อีกด้วย

‘สธ.จีน’ เร่งเพิ่มจำนวนคลินิกสำหรับผู้ป่วยที่มีไข้ หวังรับมือโรคทางเดินหายใจ หลังยอดพุ่งอย่างรวดเร็ว

(27 พ.ย.66) กระทรวงสาธารณสุขจีนเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเพิ่มจำนวนคลินิกสำหรับผู้ป่วยที่มีไข้ ในขณะที่จีนกำลังรับมือกับโรคระบบทางเดินหายใจที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาวแรกนับตั้งแต่ผ่อนคลายมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19

จำนวนผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกลายเป็นประเด็นระดับโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมจากจีน โดยระบุถึงรายงานเกี่ยวกับคลัสเตอร์ของโรคปอดอักเสบ (pneumonia) ในเด็กที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยโดยโครงการเฝ้าระวังโรคอุบัติใหม่

ทั้งนี้ จีน และ WHO ต่างต้องเผชิญกับคำถามถึงความโปร่งใสของรายงานเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ในช่วงแรก ๆ ซึ่งโรคดังกล่าวแพร่ระบาดจากเมืองอู่ฮั่นในช่วงปลายปี 2562 และต้นปี 2563 

โดย WHO ระบุเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (24 พ.ย.) ว่า หน่วยงานด้านสาธารณสุขของจีนไม่พบเชื้อโรคที่ผิดปกติหรือเชื้อชนิดใหม่ ๆ แต่อย่างใด

นายมี่ เฟิง โฆษกคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (NHC) ของจีนเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจอย่างเฉียบพลันนั้นมีความเชื่อมโยงกับการแพร่ระบาดของเชื้อโรคหลายชนิดพร้อมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไข้หวัดใหญ่ (influenza)

ทั้งนี้ มีรายงานการพบผู้ป่วยเด็กจำนวนมากในพื้นที่ทางตอนเหนือ เช่น ปักกิ่งและมณฑลเหลียวหนิง ซึ่งโรงพยาบาลได้ออกประกาศเตือนว่าต้องรอการรักษาเป็นเวลานาน

สภาแห่งรัฐ ซึ่งเป็นคณะรัฐมนตรีของจีนกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ยอดผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่จะแตะระดับสูงสุดในฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลินี้ ในขณะที่การติดเชื้อโรคปอดอักเสบจากเชื้อไมโคพลาสมา (mycoplasma pneumoniae) จะยังคงสูงในบางพื้นที่ นอกจากนี้ ยังเตือนถึงความเสี่ยงที่โรคโควิด-19 จะกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง

ส่วนเมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา WHO ระบุว่า ข้อมูลที่ได้รับจากจีนระบุว่า ผู้ป่วยกลุ่มล่าสุดมีความเชื่อมโยงกับการยกเลิกมาตรการคุมเข้มโควิด-19 เมื่อ 11 เดือนที่แล้ว ประกอบกับการแพร่ระบาดของโรคที่รู้จักกันดี เช่น โรคปอดอักเสบจากเชื้อไมโคพลาสมา ซึ่งเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียทั่วไปที่มักเกิดขึ้นกับเด็ก ซึ่งแพร่ระบาดตั้งแต่เดือนพ.ค.

‘เศรษฐา’ ขอบคุณ ‘นายกฯ มาเลฯ’ ช่วยเจรจาปล่อยตัวประกันไทย  เล็ง!! ร่วมมือการค้าชายแดน แก้ปัญหาชายแดนใต้ นำพาสันติสุข

(27 พ.ย.66) ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงพื้นที่ด่านสะเดา จ.สงขลา เพื่อพบกับนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียว่า วันนี้หนึ่งในเรื่องที่จะพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย คือ การขอบคุณที่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือตัวประกันให้ได้รับการปล่อยตัว ซึ่งกำลังจะครบกำหนดเงื่อนไข 24 ชั่วโมงที่ขอให้หยุดยิง จึงจะขอให้นายกรัฐมนตรีของมาเลเซียช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตัวประกันได้รับการปล่อยตัวทั้งหมด

นายกฯ กล่าวว่า จะมีการดูแลตัวประกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งทุกคนปลอดภัยดี โดยภาพรวมถือว่าดี และจะพยายามดำเนินการต่อไป เพื่อนำพาออกมาให้หมด วันนี้เข้าใจว่านายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ จะเดินทางไปรับด้วยตัวเอง ส่วนการปล่อยตัวประกันที่เหลือ เราพยายามทำอยู่ เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน ตนจึงไม่อยากพูดไปก่อน ขอให้รอดูต่อไป และจนถึงวันนี้ก็มีการปล่อยตัวประกันทุกวัน ตั้งแต่ 10 คน และ 3-4 คน ตามมา ก็จะพยายามทำต่อไปอย่างต่อเนื่อง วันนี้ฝ่ายความมั่นคง โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด และกำชับลงรายละเอียดอย่างมาก ฉะนั้น ขอความกรุณาในการเผยแพร่ข้อมูล ตนไม่อยากพูดเท่าไร เพราะเป็นเรื่องความปลอดภัยของตัวประกันสำคัญที่สุด

อย่างไรก็ตาม นายกฯ กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้จะมีการพูดคุยถึงความร่วมมือการค้าชายแดน โดยจะติดตามความคืบหน้าเรื่องที่เคยพูดคุยกันไปแล้วเมื่อครั้งพบประกันเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา รวมทั้งปัญหาชายแดนภาคใต้ ซึ่งทางมาเลเซียเคยมีข้อเสนอมาแล้วครั้งนี้ก็จะพูดคุยในรายละเอียด และการตรวจคนเข้าเมือง ส่วนการเปิดด่านถาวรสะเดาได้เมื่อไหร่นั้นขอพูดคุยในละเอียดในวันนี้ก่อน

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ในส่วนคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ ซึ่งหมดวาระพร้อมกับรัฐบาลชุดที่แล้ว จะมีการแต่งตั้งทหารหรือพลเรือนนั้น จะต้องให้หน่วยงานไปพูดคุยกันก่อน

‘BABYMONSTER’ เดบิวต์แล้ว!! เปิดตัว MV แรก ‘BATTER UP’ กวาดยอดวิวทะลุ 13 ล้าน ‘ภริตา-ชิกิต้า’ 2 สาวไทยสวยโดดเด่นสุดๆ

(27 พ.ย.66) BABYMONSTER เกิร์ลกรุ๊ปใหม่ในรอบ 7 ปีของ YG เดบิวต์อย่างเป็นทางการแล้ว กับเพลง ‘BATTER UP’ ดนตรีแนวป็อปฮิพฮอพ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสไตล์ YG

โดยมีสมาชิกทั้ง 6 คน ยกเว้น Ahyeon (อาฮยอน) ที่ขอพักทำกิจกรรมเพื่อรักษาสุขภาพ อย่าง Ruka (รุกะ), Pharita (ภริตา), Asa (อาสะ), Haram (ฮารัม), Rora (โรล่า) และ Chiquita (ชิกิต้า) ก็ทำออกมาได้ดีสมความเป็น BABYMONSTER

ซึ่งคำว่า BATTER UP เป็นสัญญาณที่ใช้ในการแข่งเบสบอล เพื่อเรียกผู้ตีคนต่อไป และเป็นคำที่ใช้บอกให้ผู้ตีเตรียมตีลูก

หลังจากปล่อยเพลงออกไปแค่คืนเดียวยอดวิวก็ทะลุ 13 ล้านแล้ว ชาวเน็ตไทยก็ไม่พลาดที่จะเข้ามาแสดงความคิดเห็น เพราะในวงมีคนไทยถึง 2 คน คือ ภริตา และ ชิกิต้า

ความคิดเห็นของชาวเน็ตส่วนใหญ่ชื่นชมเสื้อผ้าหน้าผม ความอลังการ ของ MV ส่งเสริมให้เด็ก ๆ ดูสวย มีออร่าศิลปิน โชว์ความเป็น BABY และ MONSTER ได้ดี ไม่หนักแต่ก็ไม่หวานจนเกินไป

แต่บางส่วนก็มองว่าในด้านของตัวเพลง ยังหนีความเป็น YG ไม่พ้น ทั้งสไตล์เพลง โครงสร้างเพลง ไม่มีความแปลกใหม่หรือไม่ได้เห็นเอกลักษณ์ ทั้ง ๆ ที่เด็ก ๆ มีศักยภาพที่จะโชว์มากกว่านี้

ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดของวงการ K-POP วง BABYMONSTER ที่มีต้นทุนเป็นค่ายยักษ์ใหญ่ และมีฐานแฟนของตัวเองตั้งแต่ก่อนเดบิวต์ จึงถูกจับตามองและคาดหวังจากแฟน ๆ ทั่วโลก ไม่แปลกที่จะมีคนทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นแรกเท่านั้น อนาคตของเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่นี้จะเป็นอย่างไร ก็คงต้องรอติดตามกันต่อไป

‘สุริยะ’ เตรียมชง ครม. สร้างมอเตอร์เวย์ 2 สาย วงเงิน 8.7 หมื่นลบ. ช่วงรังสิต-บางปะอิน และบางขุนเทียน-บางบัวทอง คาด!! เปิดใช้ปี 71

(27 พ.ย. 66) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าขณะนี้ได้เสนอโครงการพัฒนามอเตอร์เวย์สายใหม่จำนวน 2 โครงการ ที่มีความพร้อม ไปที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แล้วเพื่อรอบรรจุวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป คือโครงการมอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ (M5)  ระยะทาง 22 กม. และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ด้านตะวันตก) หรือ M9 ตอน ทางยกระดับบางขุนเทียน-บางบัวทองระยะทาง 35.85 กม.

โดยจะมีการสอบถามความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งจะใช้เวลาอีกประมาณ 1-2 เดือน คาดว่าจะนำเสนอ ครม.พิจารณาได้ในเดือนม.ค. 2567 

สำหรับ โครงการมอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ (M5) สายรังสิต-บางปะอิน ระยะทาง 22 กม. วงเงินลงทุน 31,280 ล้านบาท จะดำเนินการในรูปแบบ PPP Gross Cost โดยเอกชนลงทุนในส่วนก่อสร้างงานโยธาและงาน O&M โดยรัฐเป็นผู้ได้รับรายได้ค่าผ่านทาง และจ่ายค่าตอบแทนการให้บริการให้แก่เอกชน และรัฐใช้คืนค่าก่อสร้างภายหลัง ใช้เงินจากกองทุนมอเตอร์เวย์ จะเริ่มจ่ายค่างานโยธาเมื่องานก่อสร้างเสร็จแล้ว การออกแบบรายละเอียด (Detail& Design) เสร็จแล้ว รายงาน EIA ได้รับอนุมัติแล้ว โดยคาดว่าจะดำเนินการคัดเลือกเอกชน ในปี 2567 ก่อสร้างในปี 2568-2570 และเปิดบริการในปี 2571

ปัจจุบันเส้นทาง ‘ดอนเมืองโทลล์เวย์’ ที่เปิดให้บริการจากดินแดง-อนุสรณ์สถาน-รังสิต ระยะทาง 25 กม. ซึ่งถนนพหลโยธินยังมีปัญหารถติด การต่อขยายเส้นทางออกไป เชื่อมไปถึง Junction บางปะอินซึ่งจะเป็นจุดตัดของทางหลวงและมอเตอร์เวย์มอเตอร์เวย์ 3 สาย จะช่วยแก้ปัญหาจราจรบนถนนพหลโยธิน

โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ด้านตะวันตก) หรือ M9 ตอน ทางยกระดับบางขุนเทียน-บางบัวทอง ระยะทาง 35.85 กม. วงเงินลงทุน 56,035 ล้านบาท จะเป็นการก่อสร้างปรับปรุงเพื่อยกระดับการให้บริการวงแหวนรอบนอกด้านตะวันตกเต็มรูปแบบ เป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร บริเวณเกาะกลางของถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันตกปัจจุบัน มีจุดเริ่มต้นที่ กม.0 ที่ต่างระดับบางขุนเทียนและสิ้นสุดที่ กม.36 ต่างระดับบางบัวทอง มีทางขึ้น 8 จุด ทางลง 6 จุดและมีทางแยกต่างระดับ 5 แห่ง (บางขุนเทียน บรมราชชนนี ศรีรัชบางใหญ่ และบางบัวทอง) มีระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) คิดตามระยะทาง ดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนและก่อสร้างปี 2567-2570 แล้วเสร็จเปิดให้บริการปี 2571

'พิมพ์ภัทรา' เผย!! นายกฯ รับ 'นิคมฯ สระแก้ว' เป็นพื้นที่ศักยภาพสูง เหมาะพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เล็งหาแนวทางจูงใจนักลงทุนเพิ่มขึ้น

(27 พ.ย.66) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมาว่า นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าจังหวัดสระแก้วเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในเชิงเศรษฐกิจอย่างมาก และชื่นชมที่ กนอ.จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสระแก้วสำเร็จตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว มีเป้าหมายในการดำเนินงานเพื่อส่งเสริม พัฒนา และสร้างมูลค่าเพิ่มจากการแปรรูปสินค้าเกษตรรวมถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าและกระจายสินค้าที่ครบวงจรสู่อาเซียน 

ทั้งนี้ การดำเนินงานที่ผ่านมายังมีปัญหาอุปสรรคในด้านสิทธิประโยชน์ด้านภาษี อัตราค่าเช่าที่ดินระยะยาวที่สูง และข้อจำกัดด้านอุตสาหกรรมเป้าหมายใน EIA ที่กำหนดไม่ให้มีปล่อง อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีรับทราบถึงปัญหาดังกล่าว และมีนโยบายที่จะช่วยแก้ปัญหาเพื่อให้พื้นที่ที่มีศักยภาพนี้เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมที่ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้มากขึ้นตามนโยบายที่รัฐบาลได้วางไว้

ด้านนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า นิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดดำเนินการในปี 2562 มีพื้นที่ 660 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่สาธารณูปโภค พื้นที่สีเขียว 64 ไร่ มีพื้นที่ขายเช่า 433 ไร่ สามารถขายได้ 26 ไร่ มีผู้ประกอบการเข้ามาลงทุนแล้ว 4 ราย ได้แก่ ผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก เสื้อผ้า 3 ราย อุตสาหกรรมทำเบาะรถ ชิ้นส่วนยานยนต์ 1 ราย และที่ยังไม่แจ้งประกอบกิจการ อีก 2 ราย โดยการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสระแก้วมุ่งเน้นกิจการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว (EIA) จึงไม่อนุญาตให้โรงงานที่มีปล่องมาตั้งในนิคมฯ ได้ ส่งผลให้ประเภทอุตสาหกรรมที่สามารถตั้งได้นั้นมีจำกัด ซึ่ง กนอ. มีแนวคิดที่จะดำเนินการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการนิคมอุตสาหกรรมสระแก้วต่อไป เพื่อแก้ปัญหาข้อจำกัดดังกล่าว 

นอกจากนี้ ยังพบว่าหากสามารถเปิดกว้างสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ทุกประเภทกิจการที่มาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษสระแก้วได้ จะช่วยดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาอุปสรรคที่พบคือ ที่ดินราคาค่าเช่าสูง เพราะเป็นที่ของกรมธนารักษ์ซึ่งเป็นผู้กำหนดค่าเช่า กนอ.จึงขอให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เจรจากับกรมธนารักษ์ ให้ช่วยพิจารณาลดอัตราค่าเช่า เพื่อจูงใจนักลงทุนในพื้นที่ โดยล่าสุดทราบว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีการหารือกับทางกรมธนารักษ์แล้ว คาดว่าจะทราบผลการหารือได้ในเร็วๆ นี้ 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำด้วยว่า นิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว มีความเหมาะสมที่จะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพราะจะช่วยดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังจะส่งผลให้เศรษฐกิจชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชานั้นกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศกลับมาแน่นแฟ้นมากขึ้น ขณะเดียวกันพื้นที่ดังกล่าวยังสามารถเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าและกระจายสินค้าที่ครบวงจรในกลุ่มประเทศอาเซียนในเขตภูมิภาคลุ่มน้ำโขง CLMVT ได้อีกด้วย เนื่องจากอยู่ใกล้กับด่านศุลกากรอรัญประเทศ (ป่าไร่) และด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศกัมพูชาได้

"ผมเชื่อว่า หากนิคมอุตสาหกรรมสระแก้วสามารถแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ได้สำเร็จ จะสามารถดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่เพิ่มมากขึ้นได้อย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่อย่างมาก" ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวปิดท้าย

‘บ้านพักคนชราธรรมปกรณ์ฯ’ จัดงานลอยกระทง ‘สร้างความสุข-คลายความเหงา’ ให้คุณยายสูงวัย

(26 พ.ย. 66) ที่สถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์วัดม่วง และสถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์โพธิ์กลาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา น.ส.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานพิธีเปิดโครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมวันสำคัญและประเพณีจัดงานวันลอยกระทง พร้อมสนับสนุนเทศกาลลอยกระทงผู้สูงอายุ พร้อมด้วยนายกมลศักดิ์ เกษเมธีการุณ และนายวีระชาติ ทุ่งไผ่เเหลม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา นำคณะผู้บริหาร โดยมีนางรังสียา บุทกิจ ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม และน.ส.ณิชาสุธนี นกนอก หัวหน้าฝ่ายสถานสงเคราะห์ฯ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ตลอดจนผู้สูงอายุที่อยู่ในความอุปการะของสถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์วัดม่วงให้การต้อนรับด้วยความอบอุ่น และได้แสดงกิจกรรม ร่วมรำวงย้อนยุค

ทั้งนี้สถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์วัดม่วง กองสวัสดิการสังคม มีหน้าที่ให้การอุปการะผู้สูงอายุหญิงที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน โดยได้จัดบริการด้านปัจจัยสี่ ด้านสุขภาพอนามัย ด้านอาชีวบำบัด ด้านสังคมสงเคราะห์ และนันทนาการเป็นต้น ปัจจุบันมี ผู้สูงอายุ จำนวน 68 ราย ในการนี้สถานสงเคราะห์ฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของประเพณีลอยกระทงนี้ จึงได้จัดงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและประเพณีจัดงานวันลอยกระทงขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมสืบสานประเพณีไทย ทำให้ผู้สูงอายุได้รับความสุขทางใจ มีความภาคภูมิใจ ที่ได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ และสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีลอยกระทงของไทย ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ ได้มีกิจกรรมประกอบด้วย การลอยกระทงร่วมกัน เพื่อขอขมาพระแม่คงคา การประกวดคุณยายนพมาศและการแสดงของผู้สูงอายุและเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งมีการจัดเลี้ยงอาหาร ขนม มอบของขวัญให้กับผู้สูงอายุทุกท่าน ร่วมลอยกระทงอย่างใกล้ชิดเป็นกันเอง 

ขณะที่บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นโดยมีการจัดกิจกรรมสร้างความรัก ความอบอุ่น สร้างความกระชุ่มกระชวยให้กับผู้สูงอายุ มีความรู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้ง มีการประกวดคุณยายพมาศ ได้แก่ หมายเลข 5 คุณยายพัลลภา ทัพวิบูลย์ อายุ 79 ปี ส่วนมิสออร่า หมายเลข 6 คุณยายพรรณี จุฑาเกตุ อายุ 70 ปี เป็นต้น 

นอกจากนี้ยังมีรางวัล คุณยายผิวสวย, ขวัญใจช่างภาพ, นางงามบุคลิกภาพดี, ขวัญใจพี่เลี้ยง, คุณยายเสียงใส และนางงามมิตรภาพ พร้อมกับร่วมกันรำวงในเพลงลอยกระทง และได้ร่วมกันลอยกระทงในสระน้ำภายในสถานสงเคราะห์ โดยคุณยายทุกคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ดีใจ สดชื่น มีความสุข อบอุ่นกันทุกคน

น.ส.ยลดา กล่าวว่า กิจกรรมเทศกาลลอยกระทง ทำให้เห็นบรรยากาศของผู้สูงอายุที่มีสถานสงเคราะห์ 2 แห่ง ทั้งบ้านธรรมปกรณ์วัดม่วง กับบ้านคนชราธรรมปกรณ์โพธิ์กลาง เพื่อให้กำลังใจและเป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีวันลอยกระทง ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เป็นประจำทุก ๆ ปี ซึ่งเราอยากให้เด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่า คุณพ่อ คุณแม่ผสมผสานร่วมด้วยกันในการร่วมกิจกรรมดี ๆ เพราะประเพณีลอยกระทงถือว่าสิ่งที่ดีงามเป็นการขอขมาแม่น้ำคงคา เพราะน้ำเราใช้ดื่ม ใช้กิน ใช้ในการเกษตร อุปโภคบริโภคใช้ในชีวิตประจำวัน กิจกรรมที่เราทำวันนี้ถือว่าคลายความเหงาให้ผู้สูงอายุ ให้กำลังใจ ให้ความอบอุ่น ให้ทุกท่านได้รับรู้ว่าท่านไม่ได้ถูกทอดทอดทิ้ง เป็นกิจกรรมที่ดีงาม และคุณคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านได้มีสุขชภาพจิตที่ดี สุขภาพกายที่ดี ไม่ซึมเศร้า ท่านได้สนุกสนาน และคลายความเหงาให้กับผู้สูงอายุ ให้กับคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน

ด้านคุณยายสุนีย์ ญาสตรี อายุ 76 ปี กล่าวว่า กิจกรรมวันนี้ที่จัดให้ดีมาก ทำให้ยายได้ผ่อนคลาย ไม่เครียด ไม่ซึมเศร้า เพราะเราไม่ได้ออกไปข้างนอก 3-4 ปีแล้ว เพราะสถานการณ์โควิด ยายอยู่ที่นี้มีความสุข เจ้าหน้าที่ดูแลเอาใจใส่ดีมาก พี่เลี้ยงให้ความเป็นกันเองดี รับผิดชอบดีทุกอย่าง โดยเฉพาะทาง อบจ. โดย น.ส.ยลดา ที่ไม่ทอดทิ้งเรา รู้สึกดีใจและภูมิใจมากที่เขายังไม่ทิ้งคนแก่บ้านเมตตา ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่มาทำบ้านที่บ้านคุณยาย ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทุก ๆ ท่านที่ได้กรุณาคุณยายเราทุกคน ขอบคุณผู้ใจบุญทุกคนที่ยังคงนึกถึงพวกตน

‘อนุทิน-พวงเพ็ชร’ เปิดตัวแอปฯ ‘ทางรัฐ’ เล็งลดขั้นตอนติดต่อราชการ พร้อมช่วยให้ ‘ผู้สูงอายุ-คนพิการ’ เช็กเบี้ยได้สะดวกและรวดเร็ว

(27 พ.ย.66) ที่อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เป็นประธานเปิดบริการตรวจสอบเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการบนระบบพอร์ทัลกลางเพื่อประชาชน (Citizen Portal) หรือแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ โดยมีนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายวราวุธ ยันต์เจริญ ผู้ช่วยรมต.ประสำนักนายกฯ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายสุพจน์ เธียรวุฒิ ผอ.สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ ตัวแทนภาคประชาชน และสื่อมวลชน ร่วมในพิธี 

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่น่ายินดีที่จะได้เปิดการให้บริการตรวจสอบเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการบนระบบพอร์ทัลกลางเพื่อประชาชนหรือแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจตามนโยบายรัฐบาลที่จะปรับเปลี่ยนการบริหารประเทศให้เข้าสู่ยุค Digital Government โดยเมื่อข้อมูลทั้งหลายถูกนำเข้าสู่ระบบออนไลน์แล้ว ประเทศก็จะได้ทั้งการบริหารงานที่โปร่งใส และการให้บริการที่สะดวกสบายสำหรับประชาชน ทั้งนี้ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสรรค์บริการ ทั้งการพัฒนาบริการเดิม และเสริมบริการใหม่ จะช่วยลดขั้นตอนการติดต่อราชการที่ซ้ำซ้อนลง สามารถตอบสนองความต้องการของคนยุคนี้ ในการเข้าถึงบริการของรัฐได้ตลอด 24 ชั่วโมง ลดปัญหาดังที่เราทุกคนเคยมีประสบการณ์ของความหงุดหงิด เวลาอยากจะทำอะไรนอกเวลาราชการแล้วทำไม่ได้ ต้องมาเสียเวลาทำการทำงาน เพื่อไปติดต่อราชการตามเวลาราชการ 

“ความรู้สึกแบบนั้นจะหายไป เมื่อเราเข้าสู่ความเป็น Digital Government โดยสมบูรณ์ ซึ่งการรวมศูนย์บริการภาครัฐให้เป็นพอร์ทัลกลาง เป็นปัจจัยที่จะทำให้รัฐบาลดิจิทัลเกิดขึ้นได้จริง การที่ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้นำระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการให้บริการตรวจสอบเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการ รองรับผู้ใช้งานกว่า 14 ล้านคนในครั้งนี้ ถือว่าสอดคล้องกับอัตลักษณ์ในการทำงานของชาวกระทรวงมหาดไทย คือทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที สามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม สนองตอบความต้องการของประชาชน

ด้านนางพวงเพ็ชร กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่วันนี้ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีส่วนร่วมในการสนับสนุนนโยบายของท่านรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ที่มุ่งพัฒนาให้ข้าราชการและหน่วยงานเป็นที่พึ่งพาของประชาชน ทั้งนี้ การที่กระทรวงมหาดไทยได้ให้เกียรตินำบริการตรวจสอบเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการมาไว้ในแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ สะท้อนถึงการก้าวสู่องค์กรดิจิทัลที่มีความสอดคล้อง คล่องตัว เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่จะผลักดันให้แอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ เสมือนซูเปอร์แอพของภาครัฐ ที่ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการภาครัฐได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในแอปฯ เดียว ซึ่ง DGA มุ่งมั่นขับเคลื่อนงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อสร้างประเทศให้ทันสมัย เพื่อชีวิตของคนไทยที่ง่ายขึ้น (Smart Life) ส่งผลให้ประชาชนทุกคน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป

นายขจร กล่าวว่า สืบเนื่องจากปัญหาที่ประชาชนทั่วไปไม่ทราบ หรือไม่สามารถคำนวณหาช่วงเวลาที่ต้องไปยืนยันตัวตน เพื่อรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้อย่างถูกต้อง มีความเสี่ยงในการไปยืนยันตัวตนล่าช้ากว่าที่ระเบียบกำหนด ส่งผลให้ได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุล่าช้า และจำนวนเงินเบี้ยยังชีพที่ได้รับน้อยลงกว่าสิทธิที่ควรจะได้ หรือต้องการทราบข้อมูลการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยความพิการในแต่ละเดือน ก็จำเป็นที่จะต้องเดินทางมาสอบถามข้อมูลจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งต้องใช้เวลาค่อนข้างเยอะ ยิ่งถ้าต้องการข้อมูลจากหลายหน่วยงานก็ต้องเดินทางไปหลายแห่งอีก สร้างภาระค่าใช้จ่ายและความยุ่งยากให้กับประชาชนที่ต้องการความสะดวก

นายขจร กล่าวอีกว่า แอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ ได้รวบรวมบริการที่สำคัญของภาครัฐมาไว้ในแอพเดียว ที่ให้บริการประชาชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ปัจจุบันแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ พร้อมให้บริการประชาชนกว่า 134 บริการ เช่น บริการตรวจสอบสิทธิประกันสังคม สิทธิการรักษาพยาบาล เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด สิทธิหลักประกันสุขภาพ รวมถึงฐานข้อมูลการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการ เป็นการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 รวมถึงแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. 2566-2570 ซึ่งรัฐบาลมีเจตนารมณ์มุ่งผลักดันให้แผนนี้เป็นระบบกลางของประเทศ ที่รวบรวมงานบริการภาครัฐไว้ในแหล่งเดียว เพื่อให้ประชาชนได้รับประสบการณ์ที่ดีในการติดต่อราชการผ่านทางออนไลน์

ลูกสาว ‘ดาบวิชัย’ เผยคำสั่งเสียสุดท้ายของพ่อ “อย่าเซ่า ชีวิตมีอิหยังให้เฮ็ดอีกหลาย”

(27 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ ‘ปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ’ ได้โพสต์ไว้อาลัย ร.ต.ต. วิชัย สุริยุทธ หรือ ‘ดาบวิชัย’ พร้อมระบุข้อความว่า…

“ขอไว้อาลัยแด่ ‘พ่อดาบวิชัย’ ร้อยตำรวจตรี วิชัย สุริยุทธ ‘คนบ้าปลูกต้นไม้’ ที่พวกเรารู้จักกันดี

ตลอดชีวิตของท่าน ได้ปลูกต้นไม้มากกว่าสามล้านต้น และเป็นแรงบันดาลใจให้ ‘คนบ้าปลูกต้นไม้’ รุ่นต่อๆ มา แม้จนวินาทีสุดท้าย…

พ่อให้บอกทุกคนว่า “อย่าเซ่า ชีวิตมีอิหยังให้เฮ็ดอีกหลาย”

คุณกฤษฎาวัลย์ (พี่อ้อ) ลูกสาวของพ่อดาบ กล่าวถึงข้อความที่ พ่อดาบวิชัย บันทึกฝากไว้ในช่วงท้ายของชีวิต ก่อนจากไปอย่างสงบ เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ย. 2566 ในวัย 77 ปี

“หวังว่าท่านจากไปอย่างสงบ และไปสู่สุคติ สวรรค์ชั้นฟ้าที่ท่านสถิตเชื่อว่าจะมีต้นไม้อุดมร่มรื่น” คำไว้อาลัย โดย พระไพศาล วิสาโล ประธานกรรมการมูลนิธิปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ (มตธ.) 26 พ.ย. 66 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top