Thursday, 26 June 2025
NewsFeed

วัดใจ 'นายกฯ นิด' หากคิดปิดเกม 'หนี้นอกระบบ'

‘หนี้สิน’ ไม่ว่าจะนอกระบบหรือในระบบ ก็เป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานและ ‘ยาก’ ที่จะขจัดให้หมดไป แต่รัฐบาลภายใต้การนำของ ‘นายกฯ เศรษฐา’ มีแผนแก้หนี้ให้คนไทย อย่างยั่งยืนถาวร

แต่ว่า…วิธีการที่จะนำมาใช้แก้ปัญหา จะเป็น ‘ยาแรง’ หรือ ‘ไม้นวม’ ก็ต้องตามดูกันอีกที เพราะแต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน

‘อิตาลี’ ออกกฎห้ามผลิต-จำหน่าย-นำเข้า ‘เนื้อสัตว์สังเคราะห์’ หวังป้องรากวัฒนธรรมอาหาร ขัดขืน!! ปรับสูงสุด 2.32 ลบ.

เมื่อวานนี้ (26 พ.ย.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อิตาลีกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่สั่งห้ามผลิต จัดจำหน่าย และนำเข้าเนื้อสัตว์สังเคราะห์ (cultivated meat) ซึ่งผลิตด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงเซลล์สัตว์แทนการฆ่าสัตว์เพื่อนำมาเป็นอาหาร

นอกจากนี้ คำสั่งดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการห้ามการใช้คำที่กล่าวถึงผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แบบดั้งเดิม เช่น ‘ซาลามิ’ และ ‘สเต็ก’ สำหรับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์ที่ทำจากพืช

รัฐสภาอิตาลีอนุมัติกฎหมายใหม่นี้หลังการอภิปรายที่ยาวนานหลายเดือน ซึ่งการละเมิดกฎดังกล่าวอาจมีโทษปรับสูงสุดถึง 60,000 ยูโร (ราว 2.32 ล้านบาท) โดยคำสั่งห้ามของอิตาลีมีขึ้นขณะที่นานาประเทศ อาทิ เยอรมนีและสเปน กำลังลงทุนมหาศาลในการวิจัยเพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตเนื้อสัตว์สังเคราะห์

ฝ่ายสนับสนุนเนื้อสัตว์สังเคราะห์แย้งว่า การผลิตเนื้อสัตว์ประเภทนี้มีความยั่งยืนมากกว่า เนื่องจากส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าการผลิตเนื้อจากสัตว์โดยตรง อีกทั้งอาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าเนื่องจากเนื้อสังเคราะห์ไม่จำเป็นต้องใช้ฮอร์โมนและยาปฏิชีวนะ และอาจมีราคาถูกกว่าเนื้อสัตว์แบบดั้งเดิมด้วย

นายฟรานเชสโก โลโบบริจิดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของอิตาลี โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียที่ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายปกป้องประเพณีการทำอาหารของอิตาลี และตำแหน่งงานในภาคเกษตรกรรม

นายโลโบบริจิดากล่าวว่า “อิตาลีเป็นประเทศแรกในโลกที่ปลอดภัยจากความเสี่ยงทางสังคมและเศรษฐกิจของอาหารสังเคราะห์”

ช่วงก่อนหน้าในปีนี้ อิตาลีได้ดำเนินการเพื่อเปิดทางให้กับการผลิตและจำหน่ายอาหารที่ทำจากแมลง โดยกำหนดแนวปฏิบัติว่าควรระบุชื่อของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในท้องตลาดอย่างไร ทว่าอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าแหล่งโปรตีนชนิดนี้จะออกจำหน่ายเป็นวงกว้างในอิตาลี

เจ้าของสุนัขใจสลาย โดนเด็กแสบปีนเข้าบ้านตอนไม่อยู่  แอบเปิดรั้ว ปล่อยหลุดถนนใหญ่ ถูกรถชนตาย 2 ตัว

(27 พ.ย.66) กลายเป็นประเด็น ที่ทำเอาเหล่าทาสหมาหลายคนพากันใจสลาย เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เล่าการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ หลังเจอเด็กปีนเข้าบ้านตอนไม่อยู่ สุดท้ายปล่อยหมาสุดที่รัก พันธุ์ไซบีเรียนฮัสกีหลุดจากรั้ว ถูกรถชนตายไป 2 ตัว

พร้อมเผยความรู้สึกว่า “การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ วันนี้ไม่อยู่บ้านเด็กวัย 7 ขวบ กับ 9 ขวบ แอบเข้ามาในบ้านเปิดประตูรั้ว (ภาพจากกล้องวงจรปิด) ปล่อยให้หมาทั้ง 3 ตัวหลุดออกจากบ้านแล้ววิ่งไปถนนใหญ่ จัสมินและอันนาถูกรถชนตาย ส่วนเอลซ่านั่งเฝ้าศพ คนในหมู่บ้านรีบโทรมาบอก

เราก็คิดแค่ว่าหมาคงเจ็บรักษาได้ ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ สูญเสียทั้งหมา ซ่อมรถให้เขาอีก ฝากถึงพ่อแม่ที่มีลูกควรดูแลลูกหลานตัวเองไม่ให้เข้าบ้านคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต สอนมารยาทให้ดี เด็กก็คือเด็ก แต่เด็กก็ไม่ได้น่ารักทุกคน”

งานนี้เมื่อแชร์ออกไป สร้างความโศกเศร้าให้คนรักสัตว์ พร้อมเข้ามาแสดงความเสียใจ และไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก

‘จีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้’ เล็งจัดประชุมสุดยอดไตรภาคี คลายความตึงเครียด 3 ชาติ หลังโควิดทำชะงัก

เมื่อวานนี้ (26 พ.ย. 66) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เห็นชอบที่จะฟื้นฟูความร่วมมือระหว่างกัน และเตรียมจัดการประชุมสุดยอดผู้นำไตรภาคีอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่าง 3 ชาติเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออก

แม้จีน และสหรัฐฯ จะมีความพยายามแก้ไขข้อพิพาทต่าง ๆ และยังผลักดันการประชุมซัมมิตทวิภาคีระหว่างประธานาธิบดี โจ ไบเดน และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จนสำเร็จในเดือนนี้ แต่นั่นไม่ได้ทำให้จีนคลายกังวลในเรื่องที่สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ กำลังกระชับความเป็นหุ้นส่วน 3 ฝ่ายแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

ปักกิ่ง โซล และโตเกียว เคยมีข้อตกลงว่าจะจัดการประชุมสุดยอดผู้นำ 3 ฝ่ายเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในด้านการทูตและเศรษฐกิจ ทว่าปมขัดแย้งระหว่างประเทศ รวมถึงการอุบัติขึ้นของโรคระบาดใหญ่โควิด-19 ทำให้แผนการนี้ต้องหยุดชะงักไป โดยผู้นำสูงสุดของทั้ง 3 ชาติได้จัดประชุมกันครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2019

ล่าสุด รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจากทั้ง 3 ชาติได้มีการพบปะหารือที่เมืองปูซานของเกาหลีใต้เมื่อวานนี้ (26 พ.ย. 66) ซึ่งถือเป็นการพูดคุยครั้งแรกตั้งแต่ปี 2019 และมีขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายได้ตกลงเห็นพ้องกันเมื่อเดือน ก.ย. ที่จะจัดการประชุมซิมมิตไตรภาคีขึ้นอีกครั้ง “โดยเร็วที่สุด ในวันเวลาที่ทุกฝ่ายสะดวก”

อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีทั้งสามยังไม่ได้ให้กรอบเวลาที่ชัดเจนว่าการประชุมซัมมิตนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใด

โช แทยอง ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Yonhap news TV ว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน นายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ แห่งญี่ปุ่น และประธานาธิบดี ยุน ซุกยอล แห่งเกาหลีใต้ น่าจะยังไม่ได้พบกันภายในปีนี้ แต่คาดว่าการประชุมซัมมิตจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า

ด้านกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นแถลงว่า รัฐมนตรีทั้ง 3 ชาติได้มีมติเห็นพ้องในการประชุมซึ่งใช้เวลา 100 นาทีว่าจะส่งเสริมความร่วมมือกันใน 6 ด้าน ซึ่งรวมถึงความมั่นคง เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี และจะสนับสนุนให้มีการหารืออย่างจริงจังเพื่อปูทางสู่การจัดประชุมซัมมิต

พัค จิน รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ซึ่งยังกังวลเรื่องภัยคุกคามเกาหลีเหนือ ได้กล่าวกับรัฐมนตรีของญี่ปุ่นและจีนว่า “การทำให้ความร่วมมือ 3 ฝ่ายถูกยกระดับสู่การเป็นสถาบัน (institutionalize) นั้นมีความสำคัญ เพื่อที่จะพัฒนาไปสู่ระบบที่มีเสถียรภาพและยั่งยืน” ตามถ้อยแถลงจากกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้

ทางด้านของ หวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน เรียกร้องให้ทั้ง 3 ชาติร่วมกัน “ต่อต้านการแบ่งแยกทางค่านิยม (ideological demarcation) และคัดค้านการแบ่งความร่วมมือในภูมิภาคเป็นกลุ่มขั้วต่าง ๆ” ซึ่งดูเหมือนจะมีเจตนาวิจารณ์การจับกลุ่มพันธมิตรระหว่างโซล โตเกียว และวอชิงตัน

กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า หวัง ยังเรียกร้องให้จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เริ่มฟื้นการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

โยโกะ คามิคาวะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ย้ำว่าการเพิ่มความร่วมมือของทั้ง 3 ชาติจะมีส่วนช่วยส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาค ท่ามกลางบริบทความมั่นคงนานาชาติที่ ‘รุนแรงและซับซ้อนยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา’

ระหว่างการหารือ 2 ฝ่าย พัค และ คามิคาวะ ได้ประณามการส่งดาวเทียมสอดแนมของเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และตกลงที่จะร่วมมือกันกำหนดมาตรการตอบโต้ข้อตกลงด้านอาวุธระหว่างเปียงยางกับมอสโก

ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นก็ได้แสดงความ ‘ผิดหวังอย่างยิ่ง’ ที่ศาลอุทธรณ์ของเกาหลีใต้มีคำสั่งให้ญี่ปุ่นต้องจ่ายเงินชดเชยแก่อดีตสตรีเพื่อการผ่อนคลาย และขอให้โซลเร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างเหมาะสม

พัค ยังได้ประชุมร่วมกับ หวัง อี้ และเอ่ยปากเชื้อเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศของจีนให้ไปเยือนกรุงโซล โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงที่จะส่งเสริมการสื่อสารในเชิงยุทธศาสตร์ และ พัค ได้ขอร้องให้จีนแสดงบทบาทสร้างสรรค์ในการโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือหยุดพฤติกรรมยั่วยุและก้าวไปสู่เส้นทางแห่งการปลดอาวุธนิวเคลียร์

หวัง อี้ ได้เอ่ยเตือนรัฐมนตรีเกาหลีใต้ว่าไม่ควรนำเอาประเด็นด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีมาเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศตึงเครียดระหว่างจีนกับเกาหลีใต้ในเรื่องเซมิคอนดักเตอร์ และข้อพิพาทการค้าอื่น ๆ

คามิคาวะ กล่าวขณะประชุมกับ หวัง อี้ เมื่อวันเสาร์ (25 พ.ย.66) ว่า เธอคาดหวังว่าการเจรจาด้านความมั่นคงระหว่างญี่ปุ่นและจีน ‘จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้’ ขณะที่ หวัง ก็เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จีนและญี่ปุ่นจะต้องหาวิธีสร้างความเชื่อมั่นว่าทั้ง 2 ฝ่าย ‘จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อกัน’ และให้เคารพในข้อกังวลอันชอบธรรมของกันและกัน

‘แสตมป์แพงสุดในโลก’ มูลค่าสูงกว่า 300 ล้านบาท ถึงเมืองไทยแล้ว ปชช.ร่วมชมความยิ่งใหญ่ได้ที่อาคารไปรษณีย์กลาง 27 พ.ย.-3 ธ.ค.นี้

(27 พ.ย.66) บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และสมาคมนักสะสมตราไปรษณียากรแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ (ส.ต.ท.) นำแสตมป์สีม่วงแดง 1 เซ็นต์ บริติช กีอานา ปี 1856 (The British Guiana One-Cent Black on Magenta) แสตมป์ที่แพงที่สุดในโลกที่มีมูลค่าสูงกว่า 300 ล้านบาท และแสตมป์มังกร พิมพ์กลับหัว (500 Mon) ปี 1871 ซึ่งมีราคาแพงที่สุดในทวีปเอเชีย มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท โดยแสตมป์ทั้งสองดวงเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว และเตรียมจัดแสดงในงาน POSTiverse ส่งสุขไปทุกเวิร์ส 140 ปี ไปรษณีย์ไทย และงานแสดงตราไปรษณียากรโลก 2566 ณ อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก โดยเป็นครั้งแรกของโลกที่แสตมป์ที่แพงที่สุดของโลกและแพงที่สุดของเอเชียได้ถูกจัดแสดงร่วมกัน

งานแสดงตราไปรษณียากรโลก 2566 ยังมีแสตมป์ไฮไลท์ที่นำมาจัดแสดง ได้แก่ แสตมป์สะสมส่วนพระองค์ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แผงประกวดที่ได้รางวัลจากสมาคมนักสะสมตราไปรษณียากรแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ (สตท.) ผลงานการประกวดตราไปรษณียากรจากนักสะสม กว่า 60 ประเทศทั่วโลก แม่พิมพ์แสตมป์ชุดแรกของไทย ‘ชุดโสฬศ’ อายุ 140 ปีที่หาชมที่ไหนไม่ได้http://www.thailandpost.co.th

ติดตามข่าวสารไปรษณีย์ไทยเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ : www.thailandpost.co.th , เฟซบุ๊ก : บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด , ทวิตเตอร์ : @Thailand_Post , ไลน์ออฟฟิเชียล : @Thailand Post , ติ๊กต็อก : @thailandpostchannel

'ดร.เอ้' เปิดใจ!! ในฐานะนักเรียนทุนรัฐบาลจากภาษีประชาชน ต้องตอบแทน ‘ปชช.-สังคม-แผ่นดินแม่’ อย่างสุดความสามารถ

(27 พ.ย. 66) ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อดีตนายกสภาวิศวกร และอดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

"เรา นักเรียนทุนรัฐบาล จากภาษีประชาชน ต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน"

ผมในฐานะ ‘นายกสมาคมนักเรียนทุนรัฐบาลไทย’ จัดการประชุมประจำปี และมอบรางวัลนักเรียนทุนดีเด่น และนักเรียนทุนดาวรุ่ง ประจำปี 2566 เพื่อเป็นกำลังใจแก่ คนทำความดีเพื่อสังคมไทย

ผมขอแสดงความยินดีกับ ผู้ได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่นี้ และครอบครัว รวมทั้งหน่วยงานของท่านด้วยครับ

ทุกความสำเร็จ ย่อมมี ‘คนปิดทองหลังพระ’ ซึ่งก็คือ พี่น้องคณะกรรมการสมาคมนักเรียนทุนฯ ที่เป็นคนที่เสียสละที่สุด ทำงานเพื่อส่วนรวม มิหวังผลตอบแทน และไม่เคยได้อะไรตอบแทน น่าศรัทธายิ่ง

เรารู้ว่า บุญคุณของสังคมไทย ที่ส่งเราไปเรียนต่างประเทศ นั้นยิ่งใหญ่มากนัก เราจึงมีหน้าที่ต้องตอบแทนประชาชน สังคม และแผ่นดินแม่ อย่างสุดความสามารถ

รู้ครับว่า ไม่ง่าย เพราะคนเก่ง คนดี อาจไปไม่ไกลถึงดวงดาว เพราะสังคมไทยมีปัจจัยแฝงมากมายเหลือเกิน

แต่กำลังใจ ที่มอบให้กัน และการยกย่องคนเก่งคนดี อย่างน้อยจะเป็นพลังซึ่งกันและกัน ผลักดันสังคมไทยให้พัฒนาขึ้นได้แน่นอน

สู้ๆ นะครับ

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์
นายกสมาคมนักเรียนทุนรัฐบาลไทย (2562-2566)
#นักเรียนทุน

‘นายกฯ’ รับเรื่อง ‘รมว.ปุ้ย’ ชงลดค่าเช่าที่ดินจูงใจนักลงทุน ช่วยดัน!! ‘นิคมฯ สระแก้ว’ ผงาด!! สู่เขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่

สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา โดยมีนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นเจ้าบ้านรับการมาเยี่ยมเยือนของ นายกฯ นั้น 

ผู้สื่อข่าวเผยถึงสาระสำคัญที่ ‘นายกฯ นิด’ ได้หารือกับ ‘รมว.ปุ้ย’ ในหลายประเด็น แต่หนึ่งในประเด็นที่ทั้งคู่ต่างมองเห็นเป็นนัยเดียวกัน คือ ทิศทางและศักยภาพของจังหวัดสระแก้ว ที่สามารถพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีอนาคตได้ต่อจากนี้

แน่นอนว่า ในสายตาของนายกฯ ที่ได้ลองสำรวจและศึกษาข้อมูลพื้นที่ ก็ดูจะเข้าใจแบบเชิงลึกได้ทันทีที่ว่า จังหวัดสระแก้วนี้ มีศักยภาพในเชิงเศรษฐกิจที่สูงมากขนาดไหน

“นิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว มีความเหมาะสมที่จะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพราะจะช่วยดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังจะส่งผลให้เศรษฐกิจชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชานั้นกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศกลับมาแน่นแฟ้นมากขึ้น ขณะเดียวกันพื้นที่ดังกล่าวยังสามารถเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าและกระจายสินค้าที่ครบวงจรในกลุ่มประเทศอาเซียนในเขตภูมิภาคลุ่มน้ำโขง CLMVT ได้อีกด้วย เนื่องจากอยู่ใกล้กับด่านศุลกากรอรัญประเทศ (ป่าไร่) และด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศกัมพูชาได้” นายกฯ กล่าว

หลังจากนั้น รมว.ปุ้ย ได้กล่าวเสริมให้ นายกฯ ทราบอีกด้วยว่า นิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว ถือเป็นหนึ่งในโครงการของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (Special Economic Zone: SEZ) ที่มีการวางไว้ 10 จังหวัดชายแดนต้นแบบได้แก่ ตาก, มุกดาหาร, ตราด, สงขลา, หนองคาย, นครพนม, กาญจนบุรี, นราธิวาส, เชียงราย และ สระแก้ว โดยรัฐบาล ได้สนับสนุนกลไกการอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เช่น การนิคมอุตสาหกรรม ด่านศุลกากร ถนนหนทาง ระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ ที่สำคัญคือสิทธิประโยชน์การลงทุน เพื่อเป็นการจูงใจนักพัฒนานักลงทุน โดยมีคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน และมีการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นผู้ดำเนินการพัฒนา

“ที่นี่มีความโดดเด่นในเชิงของทำเลที่สามารถเชื่อมโยงเข้าสู่ภูมิภาคอินโดจีน ซึ่งถือเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญของระเบียงเศรษฐกิจ รวมถึงมีการพัฒนาด้านการค้าขายและด้านการท่องเที่ยว ที่ปีหนึ่งๆ มีมูลค่าสะพัดมากกว่า 1 แสนล้านบาทกันเลยทีเดียว” รมว.พิมพ์ภัทรา กล่าว

แน่นอนว่าจากการสนทนาของ นายกฯ นิด และ รมว.ปุ้ย ในครั้งนี้ ดูจะทำให้นายกฯ เล็งเห็นถึงโอกาสในการส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่แห่งนี้มากขึ้น แต่ก็มิใช่ว่าจะราบรื่นเสียทั้งหมด โดยช่วงหนึ่ง รมว.ปุ้ย ได้เผยให้เห็นถึงอุปสรรคปัญหาที่กำลังเป็นกำแพงขวางโอกาสในด้านการลงทุนอยู่ด้วย ว่า…

“หากพิจารณาถึงศักยภาพของพื้นที่และโอกาสที่จะเอื้อต่อภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว เพื่อยกระดับเศรษฐกิจในสระแก้วนี้ ดูจะมีพร้อมมาก แต่ติดอยู่ที่ สิทธิประโยชน์ด้านภาษี อัตราค่าเช่าที่ดินระยะยาวที่สูง และข้อจำกัดด้านอุตสาหกรรมเป้าหมายใน EIA ที่กำหนดไม่ให้มีปล่อง กำลังเป็นเงื่อนไขที่จะบีบรัดให้การเติบโตของนิคมฯ สระแก้วมีโอกาสไปต่อแบบไม่ราบรื่น”

พูดแบบนี้มา ‘นายกฯ’ ก็สวนกลับอย่างไว โดย ‘เศรษฐา’ ได้บอกกับ รมว.ปุ้ย ไปว่า…“หากสามารถเปิดกว้างสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ทุกประเภทกิจการที่มาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษสระแก้วได้ จะช่วยดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนได้มากขึ้น ขณะเดียวกันในเรื่องของ ‘ที่ดินราคาค่าเช่าสูง’ เพราะเป็นที่ของกรมธนารักษ์นั้น เดี๋ยว นายกฯ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะไปเจรจากับกรมธนารักษ์ ให้ช่วยพิจารณาลดอัตราค่าเช่า เพื่อจูงใจนักลงทุนในพื้นที่ ซึ่งผลลัพธ์คงได้ทราบในเร็ว ๆ นี้ 

ทำงานแบบนี้ ถือเป็นมิติใหม่ คนหนึ่งชงปัญหา อีกคนรับลูกปัญหา แก้ได้แก้ ส่งเสริมได้ส่งเสริม เดี๋ยวผลบวกต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น ก็จะค่อย ๆ ประจักษ์ชัดโดยเร็วเอง...

อย่าตื่นตูม!! ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนหด 'ไม่มีใครผิด-ไม่ใช่แค่ที่ไทย' เหตุภาวะศก.ไม่เป็นใจ แม้แต่คนจีนยังเน้นท่องเที่ยวในประเทศตัวเอง

(27 พ.ย.66) จากเพจ 'World Forum ข่าวสารต่างประเทศ' ได้โพสต์ข้อมูลที่สะท้อนถึงการท่องเที่ยวในต่างแดนของคนจีนที่เริ่มเบาบางลงในช่วงนี้ โดยระบุว่า...

จีน 🇨🇳 : จีนยกเลิกเที่ยวบิน 
เข้าไทย เดือน ธันวาคม - มกราคม ปี 2024 ประมาณ 39% ใน 10 สายการบิน

#สถิติ (ข้อมูลฐานเศรษฐกิจ)
**เดือนธันวาคม 2023
ยื่นขอทำการบิน 10,939 เที่ยวบิน ยืนยันบินจริง 5,858 เที่ยวบิน หายไป 5,081 เที่ยวบิน หรือ 46%

**มกราคม 2567 ขอทำการบิน 10,984 เที่ยวบิน ยืนยันทำการบิน 7,420 เที่ยวบิน หายไป 3,564 เที่ยวบิน หรือ 32%

**รวม 2 เดือนขอทำการบิน 21,923 เที่ยว ยืนยันการบิน 13,279 เที่ยวบิน หายไป 39% หรือกว่า 8,648 เที่ยวบิน 

>> เหตุผลการยกเลิก: เนื่องจากไม่มีดีมานด์จำนวนนักท่องเที่ยวมากพอ

**ในส่วนการบินสัญชาติไทย ยังบินเข้าจีน อาทิ...
- แอร์เอเชีย 74 เที่ยวบิน/สัปดาห์ 
- การบินไทย 56 เที่ยวบิน/สัปดาห์ 

#สถิติการเยือนนักท่องเทียวจีน
ขอเทียบปีสูงสุด เทียบปีปัจจุบัน

2018 หรือ 19 เทียบ 2023
🇯🇵 ญี่ปุ่น 9.5 ล้าน >> 1.2 ล้าน /8 เดือน
🇸🇬 สิงคโปร์ 3.6 ล้าน >> 1.005 ล้าน /9 เดือน
🇹🇭 ไทย 10.06 ล้าน >> 2.7 ล้าน /10 เดือน
 *ณ 22/10/2023

**จะเห็นได้ว่า เมืองสำคัญที่จีนนิยมเดินทางเข้า ญี่ปุ่น, ไทย ตัวเลขลดลงเกินครึ่ง ส่วนสิงคโปร์ เป็นฮับบินภูมิภาค มีเครื่องบินพร้อมตัวเลขก็ตกลงเช่นกัน จากสื่อสิงค์โปร์ แจ้งว่าต้องใช้เวลาพอสมควรในการฟื้นฟูการบินเข้าจีน

✍️ส่วนข่าวในจีนตอนนี้  
*มุมมองจากภายนอกมองว่าจีนมีปัญหาเศรษฐกิจภายในจีน โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ กำลังมีผลกระทบเป็นลูกโซ่ เป็นวงกว้าง เจ้าใหญ่ ๆ ของประเทศ จากข่าวเอเวอร์แกรนด์ มาต่อด้วยคันทรี่การ์เด้น และล่าสุด จงจื่อธนาคารเงาของจีน 

**เอเวอร์แกรนด์
เวอร์แกรนด์มีหนี้สินประมาณ 305,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 10.7 ล้านล้านบาท

**คันทรี่การ์เด้น
มีหนี้สินอยู่ประมาณ 186,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6.74 ล้านล้านบาท) 

**ข่าวใน 2-3 วันนี้ 
รัฐบาลจีนเริ่มสอบสวน จงจื่อ เอนเตอร์ไพรส์ Zhongzhi Enterprise Group ยักษ์ใหญ่ธนาคารเงาอันดับต้นของจีน เสี่ยงล้มละลาย มีหนี้สินประมาณ 5.87 หมื่นล้านดอลลาร์ /2.2 ล้านล้านบาท

#การท่องเที่ยวในจีน 
รัฐบาลจีนได้อนุมัติมาตรการทดลองวีซ่าฟรี เข้าประเทศ 15 วัน ให้กับพลเมือง 6 ประเทศ ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, เนเธอร์แลนด์, สเปน และมาเลเซียเป็นเวลาหนึ่งปี เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศจีน

#ภาพสถานะบิน สนามบินจีน  
ปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้, เซินเจิ้น เวลาประมาณ 10.00 น.  27/11/2023 จะเห็นได้ว่า การบินออกสถานะบินน้อยมาก เมื่อเทียบในภูมิภาค 

จีนเน้นบิน ท่องเที่ยวในประเทศ

เปิดแนวทางแก้หนี้ครัวเรือนไทย ‘ระยะยาว’ ก่อน ‘นายกฯ เศรษฐา’ คิกออฟแผนแก้หนี้ครั้งใหญ่!!

‘หนี้ครัวเรือน’ ปัญหาใหญ่ของสังคมไทย ที่ถูกพยายามแก้มาแล้วหลายครั้งในหลาย ๆ รัฐบาล ปัจจุบันนี้ ถึงคิวของ ‘รัฐบาลเศรษฐา’ ที่จะเข้ามาจัดการปัญหานี้ให้หมดไป แต่ก่อนที่ท่านนายกฯ จะประกาศแผนแก้หนี้ ‘ฉบับเศรษฐา’ ลองมาดูแผนแก้หนี้ที่ทาง THE STATES TIMES สรุปย่อยมาให้ไปพลาง ๆ ก่อน พร้อมแล้ว ไปดูเล้ยย…

เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 'สีม่วง-แดง' 20 บาทตลอดสาย  ดีเดย์ 30 พ.ย.นี้ เบื้องต้นใช้ผ่านระบบบัตร EMV

เมื่อวานนี้ (27 พ.ย.66) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พร้อมร่วมขับเคลื่อนนโยบาย ‘รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย’ อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป ผู้โดยสารที่เดินทางเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) ของ รฟม. และรถไฟฟ้าชานเมือง สายนครวิถี (สายสีแดง) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะได้รับสิทธิชำระค่าโดยสารร่วม 2 สาย สูงสุดไม่เกิน 20 บาทเท่านั้น เมื่อใช้บัตรโดยสาร EMV Contactless ใบเดียวกัน และเปลี่ยนถ่ายระบบ ณ สถานีบางซ่อน ภายในระยะเวลา 30 นาที

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 นี้ จะลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทดลองใช้ระบบ EMV Contactless เดินทางข้ามสาย ระหว่างรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง และรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง พร้อมๆ กับประชาชนผู้ใช้บริการ เพื่อติดตามตรวจสอบความเรียบร้อยในการให้บริการด้านการเดินทางแก่ประชาชน โดยนโยบาย ‘รถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย’ เป็นหนึ่งในนโยบาย Quick Win ของรัฐบาล ในด้าน “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน” ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้เร่งผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของประชาชนในด้านการเดินทาง และการให้บริการระบบคมนาคมขนส่ง

ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมได้กำกับดูแลหน่วยงานในสังกัดที่ดำเนินงานด้านระบบรางอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในส่วนของ รฟม.และ รฟท. ที่เป็น 2 หน่วยงานนำร่องนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท มาใช้ในการให้บริการรถไฟฟ้าของภาครัฐ ตั้งแต่ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 เป็นต้นมา ให้มีการติดตามประเมินความคุ้มค่าด้านจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มมาในระบบเปรียบเทียบกับรายได้ เพื่อรายงานให้กระทรวงคมนาคมทราบเป็นระยะ พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมการขนส่งทางราง (ขร.) เป็นเจ้าภาพร่วมกับหน่วยงานผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ในการศึกษาแนวทางและจัดทำข้อเสนอแนะในเชิงนโยบายที่เหมาะสมสำหรับการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าในระยะต่อๆ ไป ที่สามารถสานต่อนโยบายดังกล่าวได้ และต้องอยู่บนพื้นฐานที่ไม่เป็นภาระทางการเงินของหน่วยงานภาครัฐในอนาคตด้วย ควบคู่ไปกับการจัดทำแผนเพิ่มประสิทธิภาพในการหารายได้เพิ่มเติมของหน่วยงานภาครัฐ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจะต้องเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนผู้ใช้บริการ

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. เปิดเผยว่า ในระยะ 1 เดือนกว่าๆ ที่รถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ได้เริ่มให้บริการด้วยอัตราค่าโดยสาร สูงสุดไม่เกิน 20 บาท ทำให้มีจำนวนผู้โดยสารในวันทำงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4,274 คน-เที่ยวต่อวัน คิดเป็น 6.07% และในวันหยุดเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4,789 คน-เที่ยวต่อวัน คิดเป็น 13.33% และ รฟม.คาดการณ์ว่าจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง จะเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนไปใช้อัตราค่าโดยสารร่วมระหว่างรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง และรถไฟชานเมือง สายสีแดง สูงสุดไม่เกิน 20 บาท ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป รวมถึงการที่รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู (MRT สายสีชมพู) จะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ และผู้โดยสารสามารถเปลี่ยนถ่ายระบบได้โดยสะดวกที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ในอนาคตอันใกล้นี้

ทั้งนี้ รฟม.พร้อมสนับสนุนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสายอย่างเต็มที่ เนื่องจากเป็นนโยบายที่จะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล และเปลี่ยนมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดทดแทน ในระยะยาวย่อมจะช่วยลดมลพิษทางอากาศและบรรเทาปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลลงได้ โดย รฟม.มีความพร้อมที่จะดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว โดยไม่จำกัดการดำเนินงานเฉพาะในรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงเท่านั้น แต่จะศึกษาแนวทางที่เหมาะสมร่วมกับ ขร.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถต่อยอดนโยบายนี้ไปใช้กับการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ในความรับผิดชอบของ รฟม.ได้อีกด้วย

ประกอบกับ รฟม.ได้พัฒนาระบบรับการชำระค่าโดยสารด้วยบัตร EMV Contactless ไว้รองรับการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้า MRT ทุกสาย กับระบบขนส่งอื่นๆ อย่างครบครันแล้ว จึงมีความมั่นใจว่า หากมีแนวทางการกำหนดอัตราค่าโดยสารแบบใหม่ในอนาคต รฟม.จะสามารถให้บริการและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top