Wednesday, 25 June 2025
NewsFeed

‘นายกฯ’ แจ้งข่าวดี!! ‘ฮามาส’ ปล่อยตัวประกันกลุ่มที่ 2 แล้ว เผย มีคนไทย 4 ราย เบื้องต้นทุกคนปลอดภัย-สุขภาพดี

(26 พ.ย. 66) ความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ตัวประกันของกลุ่มฮามาส ล่าสุด กลุ่มฮามาสยอมปล่อยตัวประกันกลุ่มที่ 2 ออกจากกาซาแล้วในช่วงกลางดึกวานนี้ (25 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความแจ้งข่าวดีผ่านแอปพลิเคชัน X (ทวิตเตอร์) Srettha Thavisin (@Thavisin) โดยระบุว่า…

“ดีใจด้วยครับ เมื่อ วันที่ 25 พ.ย. เวลา 23:50 (เวลาท้องถิ่น) ตัวประกันไทยได้รับการปล่อยตัว มีรายชื่อดังนี้

1.) อนุชา อ่างแก้ว
2.) นัฐพร อ่อนแก้ว
3. คมกฤษ ชมบัว
4.) มณี จิระชาติ

จากการตรวจร่างกายในเบื้องต้น
- ทุกคนสุขภาพดี ไม่มีใครต้องการการรักษาพยาบาลเร่งด่วน
- ทุกคนพูดคุยและเดินได้ปกติ
- ทุกคนดีใจที่ได้รับการปล่อยตัว โดยรวมสุขภาพจิตยังดีอยู่ พูดคุยได้ปกติ ต้องการอาบน้ำ และติดต่อกลับหาญาติ

ขณะนี้อยู่ระหว่างเดินทางไปที่ รพ. Shamir Medical Center (Assaf Harofe) 
ขอขอบคุณ กระทรวงต่างประเทศและฝ่ายความมั่นคงครับ”

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ รายงานว่า ได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่ามีคนไทยชุดที่สองได้รับการปล่อยตัวอีก 4 ราย ขณะนี้ อยู่ระหว่างการนำตัวไปที่โรงพยาบาล ที่ฝ่ายอิสราเอลจัดไว้เพื่อตรวจสุขภาพตามขั้นตอน โดยเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ไปช่วยเหลืออำนวยความสะดวก และประสานการติดต่อกับครอบครัวที่โรงพยาบาลแล้ว

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งกับครอบครัวของพี่น้องคนไทยทั้ง 4 ราย ที่ได้รับการปล่อยตัวในวันนี้ รวมถึงขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ได้มีบทบาทสำคัญในการเจรจาให้มีการปล่อยตัวประกันในชุดที่ 2 นี้

อนึ่ง สถานเอกอัครราชทูตฯ แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า ทางการอิสราเอลได้ยืนยันจำนวนคนไทยที่ถูกควบคุมตัว เพิ่มขึ้นอีก 2 ราย ทำให้ภายหลังการปล่อยตัวคนไทยชุดที่ 2 แล้ว คาดว่ายังมีคนไทยที่ถูกควบคุมตัวอีกจำนวน 18 ราย ซึ่งรัฐบาลไทยจะพยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือพี่น้องคนไทยที่เหลือ ให้ได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ โดยที่มีตัวประกันเริ่มทยอยได้รับการปล่อยตัว และมีโอกาสได้พูดคุยกับญาติพี่น้องในประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศ ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่อาจ สัมภาษณ์ญาติของตัวประกัน มิให้ซักถามหรือเผยแพร่ ข้อมูลระหว่างการถูกควบคุมตัว ซึ่งอาจมีความอ่อนไหว และส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพของตัวประกันที่ยังอยู่ในความควบคุมได้

ขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างการประสานกับ ฝ่ายอิสราเอลเกี่ยวกับกระบวนการที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำพี่น้องคนไทยทั้ง 14 รายที่ได้รับการปล่อยตัวและผ่านกระบวนการเยียวยาเบื้องต้นในอิสราเอลแล้ว กลับสู่ประเทศไทยและครอบครัวโดยเร็วต่อไป

‘พัชรวาท’ สั่ง!! เร่งระดมสมองแก้ฝุ่นพิษ หลังค่า ‘PM2.5’ พุ่ง  ชงใช้นวัตกรรมแก้ปัญหาเร่งด่วน เปิดกว้างเอกชนเสนอเทคโนโลยี

(26 พ.ย. 66) ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้รับรายงานสถานการณ์ค่าฝุ่น PM 2.5 ในเขต กทม.และปริมณฑล ซึ่งพบว่าในช่วงที่ผ่านมามีค่าเกินมาตรฐาน จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.อภิรัต นิยมการ รองเลขาธิการ นรม. เรียกประชุมด่วนเพื่อติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ใน กทม.และปริมณฑลอย่างใกล้ชิด และแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง

ร.อ.รชฏกล่าวถึงการประชุมวันนี้ว่า พล.ต.ท.อภิรัต เป็นประธานการประชุม โดยมีนายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ, นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย ได้หารือถึงสภาพปัญหาโดยเฉพาะพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ประชุมได้สะท้อนปัญหาว่าช่วงนี้เป็นช่วงอากาศปิด ทำให้ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน ประกอบกับสภาพการจรจรที่มีปริมาณการใช้รถใช้ถนนจำนวนมาก สำหรับปัญหาควันจากการเผา จะขอความร่วมมือในพื้นที่ปริมณฑลไม่ให้มีการเผาในพื้นที่โล่ง และขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันบูรณาการแก้ไขปัญหา

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เสนอให้มีการใช้นวัตกรรมร่วมแก้ไขปัญหาฝุ่น เช่น การติดตั้งพัดลมยักษ์ตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ของกลุ่มเปราะบาง และตามสถานศึกษา เพื่อให้เป็นเซฟโซน ทำให้เกิดอากาศหมุนเวียน พร้อมกันนี้ยังได้เปิดรับฟังข้อเสนอของภาคเอกชน เชิญชวนให้มาร่วมนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถบรรเทา และแก้ปัญหาได้ และยังเป็นการระดมสมอง เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาระดับชาติต่อไป และได้นำเรียนผลการประชุมรายงาน พล.ต.อ.พัชรวาทแล้ว

“ท่านรองนายกฯ และ รมว.ทส.ห่วงใยสุขภาพของประชาชนอย่างมาก ได้เร่งรัดให้ทุกฝ่ายแก้ไขปัญหาให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนเกิดความสบายใจ ไม่ให้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เร็วๆ นี้ ผมจะลงพื้นที่ติดตามจุดที่พบว่าเป็นต้นกำเนิดฝุ่น ตามที่ พล.ต.อ.พัชรวาทสั่งการ เพื่อหามาตรการแก้ไขเพิ่มเติมทั้งในระยะเร่งด่วน และระยะยาวต่อไป” ร.อ.รชฏ กล่าว

‘วิว เยาวภา’ นำทีมนักกีฬาเด็ก ร่วมแข่งขัน ‘ยูยิตสูนานาชาติ’ มุ่งส่งเสริมทักษะกีฬา-ปั้นเยาวชนไทยคว้าเหรียญบราซิเลียน 

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 66 ที่ศูนย์การค้า Bravo Bkk กรุงเทพมหานคร ‘วิว–เยาวภา บุรพลชัย’ ฮีโร่เทควันโดโอลิมปิก ปี 2004 ซึ่งหันมาสนใจกีฬาต่อสู้ประเภทจับ ล็อก ปล้ำ (Grappling) หรือที่ปัจจุบันเรียกกันว่า ‘ยูยิตสู’ (Jujitsu) ได้พานักกีฬารุ่นจิ๋ว จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าร่วมแข่งขัน Brazillian Jujitsu รายการ Siam Cup 2023

โดยผลการแข่งขัน มีนักกีฬาจากสโมสร The Legend Arena เข้าร่วมแข่งขัน 6 คน มีผลงานดังนี้

- วาริ เพิ่มทวี รุ่นอายุไม่เกิน 6 ปี เข้าร่วมการแข่งขัน แพ้ฟาวน์รอบแรก
- พงษ์ทิศา เขมานันทโกศล รุ่นอายุไม่เกิน 10 ปี เหรียญทองแดง
- วาตะ เพิ่มทวี รุ่นอายุไม่เกิน 11 ปี เหรียญทอง
- ปิยภัทร เกิดทอง รุ่นอายุไม่เกิน 8 ปี เหรียญทองแดง
- อังศุมาลิน เจริญยิ่ง รุ่นอายุไม่เกิน11 ปี เหรียญทองแดง
- ไรวินทร์ เบอร์นิส รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี เหรียญเงิน

หลังการแข่งขันของ ‘ครูวิว เยาวภา’ และทีมผู้ฝึกสอน ได้ให้กำลังใจและแสดงความยินดีกับนักเรียนทุกคนว่า “ไม่ว่าแพ้หรือชนะ เราได้ทำเต็มที่แล้ว ผู้แพ้อย่านึกเสียใจ แต่ให้มุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเอง แพ้ครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะแพ้ตลอดไป ส่วนผู้ชนะให้เรียนรู้การมีน้ำใจนักกีฬา การให้เกียรติผู้อื่น พร้อมฝึกฝนต่อไปด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น และไม่ประมาทคู่ต่อสู้ในทุกๆ วินาที แพ้ชนะเป็นเรื่องของเกมกีฬา สำคัญที่สุดคือ การฝึกฝนตนเองให้อดทน และมีวินัย พัฒนาตัวเองในทุกๆ วัน ซึ่งเป็นประโยชน์สูงสุดของการเล่นกีฬา ซึ่งเด็กไทยทุกคนควรได้รับการส่งเสริมเรื่องกีฬา เพราะจะทำให้สุขภาพแข็งแรง และไม่หมกมุ่นต่ออบายมุข และห่างจากหน้าจอด้วย เสียเหงื่อให้กีฬา ดีกว่าเสียน้ำตาให้ยาเสพติด” วิว เยาวภา กล่าวทิ้งท้าย

ซึ่งปัจจุบัน ‘วิว เยาวภา บุรพลชัย’ เป็นผู้บริหาร ศูนย์กีฬา The Legend Arena ตั้งอยู่ใน ชั้น 3 ศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน โดย The Legend Arena ร่วมมือกับศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน สร้างกิจกรรมศิลปะ ดนตรี กีฬา ให้กับเด็กเยาวชน และบุคคลทั่วไป โดยมีจุดมุ่งหมายสร้าง สังคมกิจกรรมกีฬาและกิจกรรมสร้างสรรค์ (Sport and Creative Community) ให้กับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนักท่องเที่ยวที่สนใจ

‘ชาวเน็ต’ ฉะ!! ‘ติ่งส้ม’ หลังแซะคลิป ‘รมว.วราวุธ’ ฝึกภาษามือ ชี้!! เรื่องดีที่ควรสนับสนุน วอนแยกแยะ หยุดเหยียด-บูลลี่ผู้พิการ 

(26 พ.ย. 66 ) บนโลกโซเชียลได้มีการวิจารณ์ผู้ที่ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลและนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีผู้ติดตามกว่า 12,600 ราย โพสต์วิดีโอคลิปจากติ๊กต็อกของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กำลังทำภาษามือเพื่อสื่อสารถึงผู้พิการ โดยระบุข้อความว่า “มึงรัฐมนตรีประเทศกูแต่ละคนสิ อี…”

ปรากฎว่าชาวเน็ตที่พบเห็นต่างแสดงความไม่พอใจ วิจารณ์ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลจำนวนมาก อาทิ

- อันนี้ไม่ควรแซะครับ เขาฝึกใช้ภาษามือครับ ภายใต้กระทรวงที่เขาดูแล ก่อนวิจารณ์หรือแซะอะไร ใช้สติปัญญา ไตร่ตรองเยอะๆ หน่อยครับ สมองอะ คิด วิคราะห์ แยกแยะ มือไม่พาย อย่าเอาเท้าราน้ำ

- อันไหนดีก็ควรชื่นชมนะ อย่ามาแซะอะไรแบบนี้เลย และที่เขาทำมันก็เหมาะสมแล้วเพราะกระทรวงที่เค้าดูแลมันก็คือเรื่องผู้พิการโดยตรง

- เราว่าอันนี้เขาทำดีนะคะ คือ การพยายามที่จะสื่อสารกับคนที่ไม่ได้สื่อสารภาษาเดียวกัน คือเป็นเรื่องที่ดีค่ะ

- เขาเห็นถึงความสำคัญของผู้พิการทางการได้ยิน มันไม่ดีตรงไหนเหรอคะ?

- ผมก็เป็นส้มนะ แต่อย่าไปอคติให้มันมากครับ ฝั่งเราร้องเพลงยังเห็นชมกันเลย

- แซะการใช้ภาษามือ มึงนี่เหยียดคนพิการมากๆ เลยนะ ด้อมส้มมันสันดานแบบนี้ของแท้

- จะให้เอาคลิปคนในสังกัดก้าวไกลเต้นเย้วๆ เต็มติ๊กต็อกมาลงแหกไหมครับ

- ใช้อคติ บังตา จนไม่เห็นว่าเขาทำอะไร

- เขาฝึกภาษามือเผื่อประโยชน์ในการทำงาน สื่อสารกับคนหูหนวก ที่อยู่ภายใต้กระทรวงที่เขาดูแลไหม เสียหายตรงไหน?

- แล้วการใช้ภาษามือผิดอะไรถึงเอามาแซะ?

- ลองเป็นคนหูหนวกดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่ามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน ในสิ่งที่ รมว.ทำ คนเท่าเทียมกันไม่ใช่หรือ หรือเค้าแค่พิการสิทธิ์ใด ๆ ของเค้าจึงหายไปด้วย อย่าใจร้ายกันนักเลย

- มึงไม่ชอบคงไม่แปลกหรอกฮะ ปกติของด้อมส้ม ปากว่าเท่าเทียม คนเท่ากัน ไม่คุกคามทางเพศ บลาๆ ... จากที่เห็นก็แค่ใช้ในทางโฆษณาก็เท่านั้น สุดท้ายแ...งเข้าตัวทุกดอก น่าเวทนาฉิบ

- มึงดูคนมาวิจารณ์รัฐมนตรีประเทศกูสิ มันความคิดตื้นเขิน เหยียดคนพิการ แต่ปากเรียกร้องความเท่าเทียม มันกำลังเรียกร้องสิ่งที่มันไม่รู้จัก

- เมื่อไหร่จะเห็นด้อมส้มคิดวิเคราะห์ แยกแยะได้เป็นเสียทีนะ อ.ปิยบุตรก็เตือนแล้ว แถมออกตัวว่าไม่ใช่นางแบก แต่เขาเตือนด้วยความเป็นจริง คุณท็อปร้องเพลงภาษามือผิดตรงไหน อย่าลืมสิ ว่าคนเล่นออนไลน์มีทั้งคนหูหนวกด้วย เขาเคยแนะวิธีทำมือขอความช่วยเหลือเมื่อถูกคนลักพาตัวหรือบังคับขู่เข็ญนะ

- สงสัยมึงชอบคลิปแนวเต้นแหก...ของ สส.ก้าวไกลนะคะ

- ส่วนตัวมองว่า ทำดีนะ เพราะเขาอยู่กระทรวงที่ต้องดูแลคนพิการ ที่ 1 ในนั้น มีคนหูหนวก เขาใช้ภาษามือได้ ก็เป็นสัญญานการเปิดประตูสู่มิตรภาพที่ดีระหว่างกัน ดีออก

- เขาอยากให้คนใบ้ได้รู้เรื่อง ไหนพวกมึงบอกคนเท่ากัน เขาศึกษาการใช้ภาษามือ แล้วมึงด่า มึงแขวนเขาทำไม คนเท่ากันไม่จริงนี่หว่า

- ปัญญาอ่อน ... มึงนะอ่อน เข้าฝึกใช้ภาษามือ เพื่อสื่อสารกับคนหูหนวก แ...งมีประโยชน์กว่าบักเหบือก (คาดว่าสื่อถึงนายวิโรจน์ ลักษณาอดิศร) ไปเต้นลงติ๊กต็อกอีก

- ฝึกภาษามือผิดตรงไหน เรื่องอื่นๆ ท่านก็ทำ อย่างสัปดาห์ที่แล้ว ท่านก็เป็น 1 ใน panelists ของ The Seventh Asian and Pacific Population Conference ที่จัดโดย UN ESCAP ลองไปหาฟังนะ (ถ้าฟังภาษาอังกฤษออก)

- อีเ...ย อันนี้คือมึงใช่มั้ย...? เป็นอะไรมากป่าวสมองอคติของมึงอ่ะ ถึงเขาจะมีตำแหน่งอะไร เขาร้องเพลงด้วยภาษามือ แล้วมันหนักหัวมึงตรงไหน เอาเขามาแขวนด่าทำไม..? ยิ่งนับวันด้อมมึงยิ่งต่ำตมกู่ไม่กลับนะ

- เขาใช้ภาษามือ เพื่อกลุ่มคนที่มีปัญหาทางร่างกาย ให้เข้าถึงกลุ่มนี้ แต่ติ่งส้มก็เหยียดเค้า คราวที่แล้วก็เหยียดเรื่องภาษาอังกฤษ ว่าภาษาอังกฤษกะเหรี่ยง คนในพรรคมีทั้งกลุ่มคนชาติพันธุ์และคนพิการ แต่ดูติ่งส้มทำ กนห. (ก้าวหน้าห...) สุดๆ

‘ภูมิธรรม’ หารือ ‘ผู้ว่าฯ เกียวโต’ ร่วมมือพัฒนาผู้ประกอบการ-ศก. ยกระดับการเกษตร-สินค้า-ท่องเที่ยว ดัน Soft Power ระหว่างประเทศ

(26 พ.ย. 66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการหารือกับ ‘นายนิชิวากิ ทากาโตชิ’ (NISHIWAKI Takatoshi) ผู้ว่าราชการจังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ที่ห้องรับรองชั้น 11 กระทรวงพาณิชย์ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ได้มีการหารือถึงแนวทางการผลักดันและส่งเสริมความร่วมมือกับญี่ปุ่นในระดับท้องถิ่น แนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคคันไซ และแลกเปลี่ยนมุมมองสินค้าและบริการที่มีศักยภาพเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างกัน และได้รับทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดงาน ‘Expo 2025 Osaka Kansai’ เนื่องในโอกาสที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพการจัดงาน

โดยในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ได้หารือกันถึงการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้กับหน่วยงานที่ส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อปรับใช้กับการส่งเสริมผู้ประกอบการไทย และสตาร์ตอัปของไทย ด้านการเกษตร ได้มีการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้เกี่ยวกับการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาผลผลิตทางการเกษตรของไทย และอาจมีการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญมาพัฒนาสินค้า อาทิ งานหัตถกรรมพื้นบ้าน เพื่อพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในตลาด และด้านอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ได้หารือเรื่องความเป็นไปได้ที่จะให้ผู้ประกอบการไทย และผู้ประกอบการจังหวัดเกียวโต มีโอกาสเชื่อมโยงและพัฒนาสินค้า ดีไซน์ร่วมกันให้สอดรับกับความต้องการของตลาดญี่ปุ่น

ส่วนในด้านการท่องเที่ยว เห็นพ้องกันว่าความสัมพันธ์ระดับท้องถิ่น มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย ญี่ปุ่นในภาพรวม และยินดีที่มีการฟื้นฟูการเดินทางระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเกียวโต เป็นจังหวัดที่คนไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และเห็นตรงกันว่า ไทยและเกียวโตมีโอกาสเพิ่มความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวสองทาง และส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม Soft Power ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ

ทางด้านญี่ปุ่น ได้แจ้งความคืบหน้าการจัดงาน World Expo ที่เป็นงานแสดงนิทรรศการระดับโลกที่จัดขึ้นทุก 5 ปี ภายใต้การกำกับดูแลขององค์การนิทรรศการนานาชาติ (The Bureau International des Exposition : BIE) โดยไทยในฐานะประเทศสมาชิกได้เข้าร่วมงานดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งต่อไปกำหนดจัด ‘Expo 2025 Osaka Kansai’ ระหว่างวันที่ 13 เมษายน-13 ตุลาคม 2568 รวมระยะเวลา 184 วัน ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น มีหัวข้อหลักในการจัดงาน คือ ‘Designing Future Society for Our Lives’ ภายใต้แนวคิดการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพและการแพทย์ ซึ่งในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ จะร่วมแสดงนิทรรศการและนำผู้ประกอบการสินค้าและบริการในสาขา HEALTH & WELNESS เข้าร่วม

‘แอนโทเนีย’ รองอันดับ 1 MU 2023 กลับถึงไทยแล้ว ท่ามกลางประชาชนนับพันแห่ต้อนรับอย่างสมเกียรติ

เมื่อวานนี้ (26 พ.ย.66) ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ ผู้สร้างประวัติศาสตร์ คว้ารองอันดับ 1 Miss Universe 2023 ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดในรอบ 35 ปี ได้เดินทางกลับถึงไทย พร้อมกับการต้อนรับอย่างสมเกียรติ ประชาชนต่างแห่กันมาต้อนรับแอนโทเนียตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิ และไปรอชมความงามของแอนที่จะขึ้นรถแห่ที่ใจกลางเมือง

โดยมีการขึ้นรถแห่โรลส์-รอยซ์ จากท้องฟ้าจำลองไปยังอุทยานเบญจสิริ ท่ามกลางแฟนนางงามมารอรับหลายพันคน โดยในงานมีการฉายภาพแอนโทเนียวินาทีประกวดมิสยูนิเวิร์สผ่านม่านน้ำพุ สวยอลังการเป็นการฉลองที่ยิ่งใหญ่สมตำแหน่งรองอันดับ 1 Miss Universe 2023

ต้องบอกว่าแอนโทเนียได้สร้างความสุขให้กับคนไทยทั้งประเทศจริงๆ ตั้งแต่วันที่เข้าประกวดที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศสมัครสมานสามัคคีพร้อมใจกันเชียร์แอนโทเนีย และในวันนี้ที่กลับมา ประชาชนก็แห่กันไปต้อนรับ ตะโกนชื่อ แอนโทเนียๆ และ ไทยแลนด์ๆ ตั้งแต่ที่สนามบิน และเมื่อแอนโทเนียขึ้นรถแห่โรลส์-รอยซ์ที่กลางเมือง เสียงตะโกนนี้ก็ดึงกึกก้องไปทั้งถนน ในขณะที่แอนก็ถือธงชาติไทยโบกสะบัดตลอดเวลา เห็นภาพนี้แล้วต้องบอกว่าขนลุก แอนปลุกให้คนไทยเป็นหนึ่งเดียวสามัคคีกัน การครองตำแหน่งรองอันดับ 1 Miss Universe 2023 เป็นวาระแห่งชาติไปแล้ว

และในวันที่ 27 พ.ย.66 เวลา 19.30 น. ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ รองชนะเลิศอันดับที่ 1 Miss Universe 2023 และคณะนางงาม จะร่วมสืบสานประเพณีไทย ในกิจกรรมลอยกระทง ณ อุทยานเบญจสิริ โดย ‘แอนโทเนีย’ จะแต่งกายเป็นนางนพมาศ เพื่อมาร่วมลอยกระทงกับทุกคนด้วย

'พิธีกรดัง' ชี้!! อย่าด้อยค่าประเทศด้วยคะแนนวัดผลจากภาษาอังกฤษ จนดิสเครดิต 'ไทย' ทั้งที่ต่างชาติต่างยกให้เป็นที่สุดในหลายเรื่อง

(27 พ.ย.66) จากเฟซบุ๊ก 'KUL' โดย กุลวิชญ์ สำแดงเดช ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดรามาทักษะด้านภาษาอังกฤษของคนไทยอยู่ในกลุ่มรั้งท้าย ไว้ว่า...

ไทยด้อยพัฒนาหรือแค่ถูกวาทกรรมด้อยค่า

ด้อยพัฒนา เป็นสถานะของประเทศไทย ที่คนบางกลุ่มในประเทศมอบให้ เรามักจะได้ยินคำนี้ เมื่อมีข่าวที่ไม่ดีนักเกิดขึ้นกับประเทศไทย 

อาทิ ล่าสุด ทันทีที่มีรายงานจาก Seasia Stats อ้างอิงข้อมูลจาก EF English Proficiency Index เผยว่า ทักษะด้านภาษาอังกฤษไทยอยู่ในกลุ่มรั้งท้าย 

ไทย ก็ถูกนิยามว่าด้อยพัฒนาทันที 

ทั้งที่ไม่มองกันเลยว่า ความสามารถด้านภาษาอังกฤษนั้น ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความพัฒนาของชาติ แต่อย่างใด 

ส่วนสำคัญที่ทำให้ไทย มีคะแนนแย่ เรื่องภาษาอังกฤษ เนื่องจากไทย ไม่ต้องพึ่งพาภาษาอังกฤษ มาแต่ไหน แต่ไร กล่าวคือ คนไทย สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยใช้ภาษาไทย เป็นหลัก 

และเป็นการดำรงอยู่อย่างมีความสุข ตามดัชนี UN ที่จัดให้ไทย เป็นประเทศกลุ่มบน ที่มีความสุขที่สุดในโลก (60/127 ประเทศ) 

ที่สำคัญ ถ้ามองในเรื่องของเศรษฐกิจ ซึ่งใช้นิยามคำว่าการพัฒนา ได้จริง ๆ ปรากฏว่า ไทยอยู่ในอันดับที่ดีพอสมควร

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญที่สุดของโลก เมื่อเดือนตุลาคม 2564 พบว่า ประเทศไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 27 ของโลก มูลค่า 534.758 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 2 ในอาเซียน เป็นรองแค่อินโดนีเซีย

ส่วนความใหญ่โตของ GDP ไทย อยู่ในอันดับที่ 27-28 ของโลก ใบนี้ ที่มีประเทศมากมายกว่า 200 ประเทศ 

มากันที่เรื่องขีดความสามารถด้านการแข่งขันของไทย ยังอยู่ในกลุ่มบนของตาราง (30/64 เขตเศรษฐกิจ) ตามการจัดอันดับของ IMD World Competitiveness Center

เรื่องทุนสำรองระหว่างประเทศ (ไม่รวมทองคำ) มากที่สุด 20 อันดับของโลก โดยใช้ข้อมูลอ้างอิง ณ ตุลาคม 2565 จาก IMF พบว่า ประเทศไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศ (ไม่รวมทองคำ) อยู่ที่อันดับ 16 ของโลก

World Gold Council จัดอันดับ อันดับประเทศ/สถาบันที่มีทองคำสำรองมากที่สุด โดยใช้ข้อมูลอ้างอิง ณ เดือน กุมภาพันธ์ 2565 พบว่า ประเทศไทยมีทองคำอยู่ที่อันดับ 21 ของโลก มากสุดในอาเซียน

John hopkin จัดอันดับให้การสาธารณสุขไทย เข้มแข็งที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก

ตัวเลขเหล่านี้บอกอะไรเราได้บ้าง 

คำตอบคือ เราคือประเทศที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เป็นประเทศที่น่าลงทุน เป็นประเทศ ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย 

และไม่ใช่ประเทศที่ด้อยพัฒนา ขนาดที่หลายคนตีตรา 

ถ้าลองมองดี ๆ ประเทศไทย มีคนมากมาย ที่มีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี เราเห็นคนไทยนับหนึ่งสร้างเนื้อสร้างตัวจนชีวิตสุขสบาย เห็นคนหนีร้อนจากประเทศเพื่อนบ้าน มาพึ่งเย็นนับหมื่นนับแสนชีวิต จนเปิดร้าน สร้างตัวได้

ที่สุดแล้ว ต้องตั้งคำถามว่า ประเทศไทยเราด้อยพัฒนา หรือความเป็นจริงแล้ว บางคนต่างหาก ที่พยายามใช้วาทกรรมด้อยค่าประเทศไทย #KUL

‘นายกฯ เศรษฐา’ ดีใจ ‘3 แรงงานไทย’ ได้รับการปล่อยตัว คาด!! เหลืออีก 15 คน รัฐบาลเร่งดำเนินการช่วยเหลือ

(27 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ทวีตข้อความ แสดงความดีใจที่ตัวประกันชาวไทยได้รับการปล่อยตัวเพิ่มอีกสามรายว่า ดีใจด้วยครับ พร้อมระบุข้อความว่า

ตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งข่าวเกี่ยวกับการปล่อยตัวประกันคนไทย 2 ชุดจำนวนรวม 14 ราย นั้น

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 66 (ตามเวลาอิสราเอล) กระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่ามีคนไทยชุดที่ 3 ได้รับการปล่อยตัวอีก 3 ราย ได้แก่

1.นายวิเชียร เต็มทอง
2.นายสุรินทร์ เกสูงเนิน
3.นายพรสวรรค์ ปินะกาโล

ขณะนี้ ทั้ง 3 รายอยู่ที่โรงพยาบาลที่ฝ่ายอิสราเอลจัดไว้เพื่อตรวจสุขภาพ โดยเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ไปช่วยเหลืออำนวยความสะดวก และประสานการติดต่อกับครอบครัวที่ รพ. แล้ว

กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งกับครอบครัวของพี่น้องคนไทยทั้ง 3 รายที่ได้รับการปล่อยตัวในวันนี้ และขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนผลักดันการเจรจา

ทั้งนี้ คาดว่ายังมีคนไทยที่ถูกควบคุมตัวอีกจำนวน 15 ราย ซึ่งรัฐบาลไทยจะพยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือพี่น้องคนไทยที่เหลือให้ได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด และจะนำพี่น้องคนไทยทั้ง 17 รายที่ได้รับการปล่อยตัวและผ่านกระบวนการเยียวยาเบื้องต้นในอิสราเอลแล้ว กลับสู่ประเทศไทยโดยเร็วต่อไป

‘บิ๊กตู่’ ส่งความปรารถนาดี ความห่วงใยใน ’วันลอยกระทง‘ อวยพรคนไทยให้สุขสมหวัง - ร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดีต่อนทท.

(27 พ.ย.66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความผ่าน Facebook เนื่องในเทศกาลวันลอยกระทงวันนี้ว่า ”เนื่องในโอกาสเทศกาลลอยกระทงของไทย เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของครอบครัว และชาวไทยจะได้ร่วมกันสืบสานประเพณีสำคัญของประเทศ ที่ชาวต่างชาติให้ความนิยมอยากมีส่วนร่วมในเทศกาลนี้

ผมขอฝากความปรารถนาดีและความห่วงใย ขอให้พี่น้องประชาชนถือปฏิบัติตามข้อแนะนำของทางราชการ ทั้งมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม และด้านความปลอดภัยต่างๆ เช่น เรื่องท่าน้ำ ดอกไม้ไฟ โคมลอย การสัญจร ฯลฯ 

ท้ายนี้ ขอให้ทุกคนมีความสุขสมหวังดังคำอธิษฐาน และร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี มีน้ำใจต่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเหมือนคนในครอบครัวด้วยครับ“

‘ภูมิธรรม’ หนุน ‘คนรุ่นใหม่’ สานต่อการเกษตรกรในอนาคต เชื่อ!! พลังของคนตัวเล็กเกิดได้ แค่มีใจรัก-กล้าคิด-กล้าฝัน

(27 พ.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โพสต์ข้อความและภาพผ่านเพจ ‘Phumtham Wechayachai’ ระบุว่า

“ศักยภาพของเกษตรกรรุ่นใหม่

ผมเพิ่งกลับมาจากการตรวจราชการที่ อ.พาน จ.เชียงราย

มีเรื่องของเกษตรกรรุ่นใหม่ 2 ท่าน ที่ได้พูดคุย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพลังของคนตัวเล็กเกิดขึ้นและเป็นจริงได้หากมีใจรัก กล้าคิด กล้าฝัน พร้อมองค์ความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ และการเรียนรู้จากผู้อื่นทั้งเครือข่ายภายใน และภายนอกชุมชนของตน สุดท้ายคือความเชื่อมั่นและการกล้าที่จะทำในสิ่งใหม่ๆ

ท่านแรก คือ คุณอานู มัสจิต เจ้าของร้านดงดิบคาเฟ่ ซึ่งเคยเป็นพนักงานออฟฟิศในกรุงเทพฯ กลับมาทำเกษตรอินทรีย์ บุกเบิกที่ดินของตัวเองเป็นนาข้าว พืชผักอินทรีย์ และคาเฟ่ ตั้งใจทำให้เป็นร้านกาแฟและร้านอาหารสายสุขภาพ โดยมีลูกชายที่เรียนจบเชฟจากเลอกอร์ดองเบลอช่วยเป็นที่ปรึกษา และที่นี่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้การทำปุ๋ย การทำน้ำหมัก คุณอานูบอกว่าอยากทำร้านนี้เป็นธุรกิจแบบ Social Enterprise

อีกท่าน คือ คุณนพดล ธัญวรรธนา ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงแพะแกะส่งออก ซึ่งเคยเป็นอดีตนายกองค์การศึกษา มช. และเคยเข้าร่วมกิจกรรม Young Leader พรรคไทยรักไทย วันนี้ได้นำความรู้และประสบการณ์จากการทำงานในบริษัทเอกชน กลับมาพัฒนางานเกษตรด้านปศุสัตว์ที่บ้านเกิด โดยวางแผนการทำโรงเชือดแพะแกะที่ได้มาตรฐานการส่งออก

ซึ่งทั้งสองท่านได้แสดงให้เห็นถึงการทำงานที่มีองค์ประกอบของ 3C ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีเคยพูดถึง นั่นคือ C-Common หมายถึงประชาชน กลุ่มเป้าหมาย ทั้งสองท่านเริ่มต้นทำงานด้วยการทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย รู้จักตลาด C-Connection การทำงานร่วมกับเครือข่าย ไม่ทำตัวคนเดียว เพราะเครือข่ายจะสร้างพลังในการขับเคลื่อนงานได้ในทุกมิติ และ C-Can Do ความเชื่อมั่นว่าทำได้ มีใจรักในงานที่ทำ รวมถึงการทำงานด้วยพื้นฐานของความรู้ทั้งที่มาจากประสบการณ์ จากผู้รู้ หรือจากข้อมูลตามหลักวิชาการ

ผมคิดว่าวันนี้ในสังคมต่างจังหวัด มีเกษตรกรรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่นำความรู้และประสบการณ์ที่เคยได้รับจากการทำงานในเมืองใหญ่ กลับไปพัฒนาต่อยอดงานด้านการเกษตรของรุ่นพ่อรุ่นแม่ ตามแนวทาง ‘ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้’

เกษตรกรรุ่นใหม่เหล่านี้จะเป็นพลังขับเคลื่อน เพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยในอนาคต

“พลังของคนตัวเล็ก

ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์เสมอ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top