Wednesday, 25 June 2025
NewsFeed

'บอย-อิทธิพัทธ์' คลาย 5 ข้อสงสัย Landbridge 'ระนอง-ชุมพร' ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ที่ 'สิ่งแวดล้อม-วิถีชีวิต' ไม่สะเทือน

(25 พ.ย.66) คุณบอย อิทธิพัทธ์ เศรษฐยุกานนท์ ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีที่มีกลุ่มไอ้โม่งนำชาวบ้านไปคัดค้านการก่อสร้างแลนด์บริดจ์ โดยไขข้อสงสัยสำคัญ 5 ข้อดังนี้ ว่า...

1. ความกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของประชาชนที่จะสูญเสีย รวมถึงผลกระทบจากการเวนคืนที่ดิน 

ตอบ : ทางรัฐบาล ได้ทำการประชาพิจารณ์ทุกหมู่บ้านและผู้เข้าร่วมเห็นด้วยกับโครงการ Landbridge แต่อาจจะมีบางคนที่ไม่ได้เข้าร่วมจึงอาจจะยังไม่เข้าใจจึงมีการตั้งคำถามกันขึ้นมา ส่วนค่าเวนคืนทางกระทรวงคมนาคมเวนคืนตามหลักของกฎหมายการเวนคืนซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้กันทั่วไปในทุกพื้นที่ของประเทศไทยไม่ได้มีการเอารัดเอาเปรียบแต่อย่างใดและสามารถ อุทธรณ์เรื่องค่าเวนคืนหากรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมได้

2. ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม เช่น ผู้ประกอบการรายย่อยจะได้รับผลพลอยได้ด้วยหรือไม่ มีอุตสาหกรรมอะไรใหม่ๆ หรือจะมีกิจกรรมเชิงพาณิชย์อะไรเกิดขึ้นเพิ่มเติมบ้าง

ตอบ : โครงการ Land bridge เป็น Mega Project ทำให้ GDP ของประเทศเพิ่มขึ้น ช่วยให้พัฒนาเศรษฐกิจในหลายๆ ด้าน เม็ดเงิน 1 ล้านล้านบาท จากภาคเอกชนที่ประมูลได้จะมาลงทุนทำท่าเรือน้ำลึกทั้ง 2 จังหวัด สร้างมอเตอร์เวย์ สร้างทางรถไฟ และทำท่อส่งน้ำมันสำเร็จรูปและก๊าซ ซึ่งเมื่อสำเร็จอุตสาหกรรมหลังท่าที่จะเกิดขึ้นนั้นจะเน้นเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้นและจะไม่สร้างโรงกลั่นน้ำมันมาแข่งกับทาง EEC และจะเพิ่มอัตราการจ้างงานมากกว่า 200,000 อัตรา ยกระดับคุณแรงงานและความเป็นอยู่ของคนภาคใต้ และสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน พลิกโฉมภาคใต้และประเทศไทยแน่นอน 

3. มีผลกระทบต่อการขึ้นทะเบียนมรดกโลก จะไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านวิชาการและการเงินจากยูเนสโก อาจกระทบต่อการท่องเที่ยว การกระจายรายได้ถึงชุมชน รวมถึงป่าชายเลนซึ่งเป็นระบบนิเวศที่กักเก็บก๊าซคาร์บอน

ตอบ : รัฐบาลไม่หยุดเตรียมคำขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างแน่นอน และจะใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับการจัดการพื้นที่รอบท่าเรือ ให้เหมือนประเทศญี่ปุ่นหรือเกาหลีที่มีท่าเรือขนาดใหญ่และสามารถอนุรักษ์ที่อยู่อาศัยของสัตว์และพันธุ์พืชหายากได้ ส่วนพื้นที่ที่จะสร้างท่าเรือเป็นพื้นที่ใกล้ป่าชายเลนซึ่งไม่เหมาะกับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวหรือสร้างประโยชน์อะไรได้มากและพื้นที่ตรงนั้นมีความลึกที่เพียงพออาจขุดลงไปอีกไม่มากไม่กระทบต่อแหล่งท่องเที่ยวในปัจจุบัน 

4. การพัฒนาระบบท่อส่งน้ำมัน ทุกวันนี้เรายังเห็นปัญหาน้ำมันรั่วไหลทางทะเลเกิดขึ้นเรื่อย ๆ จึงต้องตั้งคำถามว่า หากเกิดเหตุน้ำมันรั่วไหลขึ้นในโครงการนี้ รัฐบาลได้วางแผนระบบการกำจัดคราบน้ำมันที่มีประสิทธิภาพ มีมาตรการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมแบบมีส่วนร่วม และจะมีกองทุนเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบหรือไม่

ตอบ : Mega Project อย่าง Land bridge จะต้องมีการเตรียมการ มีการศึกษาเชิงลึก และวางปัญหาที่จะเกิดขึ้นเอาไว้ตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้น ผู้ประมูลที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก จะไม่เสี่ยงที่จะทำงานให้ผิดพลาดเพราะในสัญญาการประมูล จะมีเพียงผู้ชนะการประมูลเพียงเจ้าเดียว เพื่อให้เป็น One port two sides ที่มีระบบการจัดการทั้งหมดเป็นAutomation รวมเป็นศูนย์เดียว และเป็นจะต้องถูกออกแบบและทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดหากมีข้อผิดพลาดบริษัทผู้ชนะประมูลต้องรับผิดชอบ

5. การขนส่งทางบกและทางรางซึ่งต้องผ่านพื้นที่ป่า ก็ขอให้รัฐบาลคำนึงถึงสัตว์ป่าด้วยการสร้างทางเดินให้สัตว์ป่าด้วย

ตอบ : แน่นอนว่าการทำถนน เจาะอุโมงค์ ต้องกระทบกับสิ่งแวดล้อมอยู่แล้วไม่มากก็น้อย แต่การพัฒนาโครงการ Land bridge จากการศึกษามีการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วยเพราะฉะนั้นแผนการก่อสร้างต่างๆ จะออกแบบให้เกิดผลกระทบที่น้อยสุด และตรงจุดที่้เลี่ยงไม่ได้ก็จะสร้างพื้นที่ป่าทดแทนให้เท่าเทียมหรือมากกว่าเดิมเพื่อให้เป็นบ้านของสัตว์ป่า 

โจทย์ว้าวุ่น 'เพื่อไทย' วันนี้ 'นายกฯ เศรษฐา' จะหลุดอะไร? ภาวนาลึกๆ ทำงานให้เข้าตา-โดนใจ แปลงแรงต้านให้เป็นแรงเชียร์

'เล็ก เลียบด่วน' สารภาพ...แม้จะเป็นสื่อมวลชน แต่อีกมิติหนึ่งก็เป็นประชาชน มีรักชอบโกรธหลง...แม้จะไม่ได้เป็นปลื้มกับ เศรษฐา ทวีสิน ที่ขึ้นมาเป็นนายกฯ แต่เมื่อมาตามวิถีทาง...วิถี (ประชาธิปไตย) ไทย ก็เอาใจช่วยและภาวนาอยู่ลึกๆ ขอให้ไปได้ด้วยดี...

พรรคเพื่อไทยแม้จะมีภาพลักษณ์ทั้งที่อาจเป็นอยู่จริงหรือถูกใส่ร้ายใส่สีตีไข่...ก็ต้องยอมรับว่าออกอาการเทาๆ เรื่องความโปร่งใส แต่เมื่อเทียบกับความน่ากลัวของ 'วิถีใหม่' ของบางพรรค ที่บอกว่าเป็นวิถีแห่งความหวัง มองยังไงนาทีนี้ก็ยังเป็นวิถีแห่งความน่ากลัว...มากกว่า

เพื่อไทยจึงยังเป็นวิถีที่ต้องเลือกของคนจำนวนไม่น้อย...

และเศรษฐาจะเป็นหุ่นเชิดหรือไม่เชิดอะไรนั้น...ยังไม่สำคัญเท่ากับเมื่อมีโอกาสแล้ว 'เศรษฐา' คงได้โชว์กึ๋นให้เห็นกันได้บ้าง...

แต่ก็นั่นแหละ...ประเมินว่าบรรดาแฟนคลับที่มีสติของ 'นายกนิด' ในนาทีนี้ คงซีเครียดว้าวุ่นอยู่กับการลุ้นระทึกในแต่ละสัปดาห์ว่า...เศรษฐาหลุดอะไร...หัวใจจะวายกับประเด็นที่หลุดมั้ย...

เป็นนายกฯ มาสองเดือนเศรษฐา...ภาพจำของนายกฯ เศรษฐา...เริ่มกลายเป็นว่า...

- นายกสูงยาวถุงเท้าแดง (ดีที่ยังไหว้สวย)
- ปากไวพูดเรื่องถล่มอิสราเอลแบบไม่ทรงภูมิความเป็นนายกฯ
- ออกอาการซีอีโอ โยนปากกา/ชอบปรี๊ดแตกอัดข้าราชการกลางวง (สื่อ)
- ใช้คำว่า 'ขี้ข้า' ขณะแนะนำลูกหลานนักศึกษาที่สหรัฐฯ
- หลุดพูดเรื่อง (ฝาก) ย้ายตำรวจ...ผู้กำกับใหม่กลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
- ฯลฯ-

ส่วนภาพจำในเชิงบวกที่พอจะเห็นๆ ก็คือ...ขยันขันแข็ง ลุยงาน...แต่บางครั้งก็ออกอาการเหมือนนักบริหารที่ลนลาน ประเภท 'คิดไม่จบ' แต่พูดล้ำหน้า...

ครับ...ในฐานะที่หัวใจให้โอกาส ก็ต้องสารภาพรักด้วยวิธีสะท้อนภาพให้รับทราบแบบนี้...ถ้าเห็นด้วยก็นำไปปรับปรุง คนเราพลาดกันได้ เพียงแต่สองเดือนเศษ 'นายกนิด' พลาดมาก...พลาดที่ปากไว...ปากพาจน...

"ผู้กำกับใหม่...คงมีผู้ผิดหวัง มากกว่าผู้สมหวังในห้องนี้ ที่ขอตำแหน่งไปเพราะขอมาเยอะเหลือเกิน..." คำพูดแบบนี้ในห้องประชุมที่มี สส.ของพรรคนั่งกันเต็ม ต้องบอกว่าอันตรายยิ่ง...มีทางเดียวต้องไปคิดแก้ปัญหาให้มันเจ็บน้อยที่สุด

จะฝ่าข้ามมาตรา 185(3) มาตรา 186 ประกอบมาตราอื่นๆ ของรัฐธรรมนูญไปได้อย่างไร และที่สำคัญนักร้องอันดับหนึ่งประเทศ ศรีสุวรรณ จรรยา ไปร้องป.ป.ช.เรื่องผิด-ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม 2561 เอาไว้แล้วด้วย...ถ้าเรื่องเดินทางไปถึงศาลฎีกานักการเมืองวันไหนมีโอกาสพักงานเหมือนกัน...!!

ดังนั้นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดของนายกฯ เศรษฐาตอนนี้ก็คือ ทำงานหนัก สร้างผลงานให้เข้าตากรรมการ (ประชาชน) ให้มากๆ สร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในบ้านในเมือง...แปลงแรงต้านเป็นแรงเชียร์

ภาพรวมผู้คนที่เขามั่นคงในสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่เคยถูกเพื่อไทยมองเป็นพวกจารีต...พวกเขายังให้โอกาส เหตุผลสำคัญเพราะยังไงๆ เพื่อไทยก็ไม่ถึงกับคิดล่มชาติล้มสถาบัน..!!

เฮ่อออ...วันนี้ตอนแรกจะเขียนเรื่อง 'ตั๋วผู้การ'...'ตั๋วอดีตนายกฯ'...โยงกับ 'ตั๋วผู้กำกับ'...แต่ความที่อยากกระตุกนายกฯ นิดเลยร่ายซะยาว...หลังย้ายระดับรองผบก.-ผกก.สิ้นเดือน พ.ย.นี้ค่อยว่ากันเรื่องตั๋วอีกที!!

‘จีน’ เตรียมเปิดนโยบาย ‘ฟรีวีซ่าฝ่ายเดียว’ 6 ชาติ สามารถเข้าประเทศได้ไม่เกิน 15 วัน ดีเดย์ 1 ธ.ค.นี้

เมื่อวานนี้ (24 พ.ย.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานการแถลงการณ์ที่เผยแพร่ในบัญชีโซเชียลมีเดียของกระทรวงการต่างประเทศจีน ซึ่งระบุว่าจีนตัดสินใจทดลองดำเนินนโยบายฟรีวีซ่าฝ่ายเดียว สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาจากฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน และมาเลเซีย

แถลงการณ์ออนไลน์เผยว่า ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาจาก 6 ประเทศข้างต้นสามารถเดินทางเข้าจีนได้โดยไม่ต้องยื่นขอวีซ่า เพื่อทำธุรกิจ ท่องเที่ยว เยี่ยมเยียนญาติและมิตรสหาย และแวะพักเครื่อง เป็นเวลาไม่เกิน 15 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2023 ถึงวันที่ 30 พ.ย. 2024

อย่างไรก็ดี ประชาชนจาก 6 ประเทศเหล่านี้ที่ไม่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดการยกเว้นวีซ่า ยังคงต้องยื่นขอวีซ่าก่อนเข้าประเทศจีน โดยนโยบายนี้จะช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้คน และรองรับการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงและการเปิดกว้างในระดับสูง

นโยบายพัฒนาคุณภาพข้าว หรือแค่แจกเพื่อรักษาฐานเสียง

หลังมีข่าวจากการประชุมของ คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุม ซึ่งในที่ประชุมได้เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 ในโครงการชดเชยดอกเบี้ยผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก ปีการผลิต 2566/67 วงเงิน 780 ล้านบาท เฉพาะผู้ประกอบการโรงสีชดเชยดอกเบี้ย 4% เป้าหมาย 4 ล้านตัน ระยะเวลาการรับซื้อ ตั้งแต่ ครม.อนุมัติ - 30 มีนาคม 2567 ส่วนภาคใต้ วันที่ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2567 กรอบระยะเวลาโครงการ ครม.อนุมัติ ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2568

นอกจากนี้ในที่ประชุมยังได้สอบถามถึงความคืบหน้าในการจ่าย 'เงินช่วยเหลือชาวนา' ตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 เกษตรกรเป้าหมาย 4.68 ล้านครัวเรือน ช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ โดยผู้แทน ธ.ก.ส. แจ้งว่า จะมีการโอนเงินตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. 2566 โดยจะจ่าย 5 วันต่อเนื่องพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันแรกจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกดปุ่มโอนจ่ายเงินคิกออฟที่ทำเนียบรัฐบาล

สำหรับ โครงการ 'เงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท' ใช้วงเงินงบประมาณจ่ายขาดทั้งสิ้น 56,321.07 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณจ่ายขาดให้เกษตรกร โดยใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. วงเงิน 54,336.14 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายดำเนินการ ธ.ก.ส. วงเงิน 1,984.93 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปในช่วง 8 ปีก่อนหน้านี้ (ปี 2557-2565) หรือในช่วงรัฐบาล คสช. และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ รวมถึงปีที่ 1 ของรัฐบาล ‘เศรษฐา ทวีสิน’ พบว่า ครม.อนุมัติมาตรการช่วยเหลือชาวนา โดยมีวิธีการ ‘แจกเงิน' 9 ปีการผลิต รวมงบประมาณที่ใช้มากถึง 485,497 ล้านบาท ได้แก่...

>> รัฐบาล คสช. (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ)

- ปีการผลิต 2557/58 ครม.อนุมัติโครงการช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้ชาวนา 3.63 ล้านครัวเรือน งบจ่ายขาด 39,506 ล้านบาท

- ปีการผลิต 2559/60 ครม.อนุมัติโครงการช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ช่วยเหลือชาวนา 3.7 ล้านราย งบจ่ายขาด 37,860.25 ล้านบาท

- และมาตรการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 ให้แก่ผู้ปลูกข้าวเปลือกหอมมะลิ และผู้ปลูกข้าวเปลือกเจ้าและข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 1 งบจ่ายขาด 32,541.58 ล้านบาท

- ปีการผลิต 2560/61 ครม. อนุมัติโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว งบจ่ายขาด 37,898.11 ล้านบาท

- ปีการผลิต 2561/62 ครม. อนุมัติโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าวนาปี งบจ่ายขาด 62,791.35 ล้านบาท (อนุมัติ กรอบวงเงินงบประมาณ 2 ครั้ง)

>> รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

- ปีการผลิต 2562/63 ครม.อนุมัติโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตฯ ไร่ละ 500 บาท งบจ่ายขาด 28,054.83 ล้านบาท และโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวฯ ไร่ละ 500 บาท งบจ่ายขาด 26,458.89 ล้านบาท หรือใช้งบจ่ายขาดรวม 54,553.72 ล้านบาท มีชาวนาได้ประโยชน์รวม 4.57 ล้านครัวเรือน

- ปีการผลิต 2563/64 ครม.อนุมัติโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว งบจ่ายขาด 56,093.63 ล้านบาท มีชาวนาได้ประโยชน์ 4.56 ล้านครัวเรือน

- ปีการผลิต 2564/65 ครม.อนุมัติโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว งบจ่ายขาด 55,567.36 ล้านบาท มีชาวนาได้ประโยชน์ 4.69 ล้านครัวเรือน

- ปีการผลิต 2565/66 ครม.อนุมัติโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว งบจ่ายขาด 55,364.75 ล้านบาท มีชาวนาได้ประโยชน์ 4.68 ล้านครัวเรือน

>> รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน

- ปีการผลิต 2566/67 ครม.อนุมัติโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว งบจ่ายขาด 56,321.07 ล้านบาท มีชาวนาได้ประโยชน์ 4.68 ล้านครัวเรือน

งบประมาณที่ใช้ไปมากกว่า 485,497 ล้านบาท ในรอบ 9 ปี ไม่ได้ทำให้คุณภาพข้าวของไทย มีคุณภาพมากขึ้น ไม่ได้สร้างให้เกิด Productivity ในการพัฒนาคุณภาพการผลิต จึงเป็นคำถามที่ว่า สิ่งที่ทุกรัฐบาลทำอยู่ เพียงเพื่อเป็นการรักษาฐานเสียง เพราะไม่ได้จูงใจให้เกษตรกรมีการพัฒนาคุณภาพข้าว ตามชื่อของโครงการ 'พัฒนาคุณภาพผลผลิต' ได้อย่างแท้จริง

เมื่อเทียบกับ ประเทศเวียดนาม ที่มีการยกระดับการปลูกข้าวให้มีศักยภาพมากขึ้น ซึ่งในแง่ปริมาณผลผลิตต่อไร่ โดยการจัดสรรงบประมาณภาครัฐลงไปในส่วนการวิจัย การพัฒนาสายพันธุ์ ที่เห็นได้ชัดในปี 2565 การวิจัยพันธุ์ข้าวหอมพื้นนุ่มสายพันธุ์ ST25 ในพื้นที่เพาะปลูกบริเวณดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำโขงของเวียดนาม ซึ่งเป็นข้าวสายพันธุ์ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในจีน และให้ผลผลิตเฉลี่ยสูงถึง 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ (ข้าวเปลือก 1,600 กิโลกรัมต่อไร่) ซึ่งมากกว่าผลผลิตต่อไร่ของข้าวหอมมะลิของไทย 

นอกจากนี้ ยังมีการอนุมัติแผนงาน การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมข้าวของเวียดนาม ระหว่างปี พ.ศ. 2568 - 2573 วางนโยบายที่มุ่งเน้นการส่งออกข้าวที่มีมูลค่าสูงทดแทนการส่งออกที่เน้นปริมาณเป็นหลัก

ถึงเวลาหรือยัง ที่จะต้องกลับมาทบทวนนโยบายการ ‘แจกเงิน’ กับโครงการในลักษณะนี้ ว่าหากจะต้องแจกต่อควรมีเงื่อนไขอย่างไร ในการที่จะควบคุมให้เกิดการพัฒนาคุณภาพข้าว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างแท้จริง

เรื่อง: The PALM

‘MK’ บุกตลาด ‘น้ำจิ้มสุกี้’ ไร้ ‘ผงชูรส’ ปลอด ‘สารกันเสีย’ ชู!! เก็บได้นาน 1 ปี ชาวเน็ตแห่ดีใจ เชียร์ให้ขายน้ำชาด้วย

(25 พ.ย.66) หนุ่มเมืองจันท์ หรือ สรกล อดุลยานนท์ นักเขียนชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งว่าร้านเอ็มเคสุกี้ เปิดขายน้ำจิ้มสุกี้อย่างเป็นทางการวันนี้เป็นวันแรก ระบุว่า เมื่อวาน คุณฤทธิ์ ธีระโกเมน เจ้าของ ‘เอ็มเคสุกี้’ ส่งรูปนี้มาทางไลน์ ‘ขออนุญาตเป็น presenter เองเลย’ คาดว่าคุณฤทธิ์คงจะบุกตลาด ‘น้ำจิ้มสุกี้’ อย่างจริงจัง หลังจากทดลองขายมาได้พักหนึ่ง

แต่ครั้งนี้มีการใช้เทคโนโลยีให้เก็บได้นานถึง 1 ปี จากเดิมเก็บได้นานแค่ 7 วัน โดยที่ ‘ไม่ใส่ผงชูรส’ และ ‘ไม่ใส่สารกันเสีย’ เหมือนเดิม จะเริ่มขายวันนี้ที่ร้าน ‘เอ็มเคสุกี้’ ทุกสาขา ดูเหมือนว่าคุณฤทธิ์จะบุกตลาด ‘น้ำจิ้มสุกี้’ อย่างจริงจัง เพราะการเพิ่มอายุสินค้าได้นานถึง 1 ปี เป็นจุดเปลี่ยนของเกม

อย่าลืมว่าตลาดน้ำจิ้มสุกี้ที่ขายในซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านค้าปลีกต่างๆ มีมูลค่าน่าจะหลายพันล้านบาท นึกเล่นๆ ว่าถ้ามีน้ำจิ้มสุกี้ ตรา ‘เอ็มเคสุกี้’ เข้าไปวางแข่ง ตลาดคงสะเทือน ผมตอบคุณฤทธิ์ไปสั้นๆ ด้วยความเป็นห่วง “ระวังรายได้จะมากกว่าร้านเอ็มเคนะครับ“ เป็นห่วงจริงๆ ครับ

หลังจากข้อความนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่แสดงความยินดี อาทิเช่น “ควรทำนานแล้วคับ รอซื้อเลย”, “ส่งต่างประเทศ​ไหมเนี่ยคืออยู่แคนาดา​แต่อยากกินบ้าง”, “น่าจะทำตั้งนานแล้วนะครับ” เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีหลายคนอยากให้ทำน้ำชาของเอ็มเคขายด้วย

'นักวิเคราะห์' หวั่น!! 'แลนด์บริดจ์' สะเทือนมาเลเซีย เชื่อ!! อาจทำ 'ท่าเรือกลัง' ยอดให้บริการวูบ 20%

(25 พ.ย.66) หลังจากที่ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ได้เดินทางไปนำเสนอโครงการ Land Bridge (แลนด์บริดจ์) ต่อกลุ่มนักลงทุนต่างชาติในการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ที่ซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าวไทย-อันดามัน ที่จะกลายเป็นเส้นทางการค้าทางเลือกผ่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีรูปแบบการขนส่งเชื่อมสองท่าเรือให้โยงถึงกันอย่างไร้รอยต่อ

ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการขนส่งทางน้ำให้มีความทันสมัย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจกับนานาประเทศ 

เนื่องจากโครงการ ‘แลนด์บริดจ์’ นี้จะสร้างข้ามมาจากภาคใต้ของไทย เพื่อเชื่อมระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งจะเป็นการค้าทางเรือที่เลี่ยงผ่านมาเลเซียและสิงคโปร์ไป โดยที่เรือไม่ต้องแล่นลงไปตามปลายสุดของสิงคโปร์ผ่านช่องแคบมะละกา หนึ่งในท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุดในโลก

มุมมองและความคิดเห็นของนักวิเคราะห์และนักวิชาการ Free Malaysia Today หรือ FMT ในมาเลเซียรายงานว่า แลนด์บริดจ์ของไทยอาจทำให้ท่าเรือมาเลเซียพ่ายแพ้ทางการเงินได้ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่า

สายการเดินเรือจะได้รับประโยชน์จากเส้นทางลัดระหว่างมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตามที่นักวิเคราะห์ระบุ ท่าเรือกลังมีแนวโน้มที่จะประสบกับความพ่ายแพ้ทางการเงินที่สำคัญ แต่ท่าเรือปีนังอาจได้รับผลประโยชน์จากสะพานแลนด์บริดจ์ทางภาคใต้ของประเทศไทย 

Karisma Putera Rahman แห่งสถาบันวิจัย Bait Al-Amanah กล่าวว่า อาจเห็นท่าเรือกลังที่ทำหน้าที่เป็น ‘ผู้เฝ้าประตู’ ของช่องแคบมะละกา และเป็นช่องทางเดินเรือที่พลุกพล่านที่สุดในโลก อาจมีการลดบริการจัดการสินค้าลงถึง 20% แต่ในทางกลับกัน นอร์ดิน อับดุลละห์ (Nordin Abdullah) รองประธานหอการค้าออสเตรเลีย-อาเซียน กล่าวว่า ปีนังอาจได้รับประโยชน์จาก ‘ทางลัด’ ระหว่างทะเลอันดามันและอ่าวไทย เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับประเทศไทย 

อีกทั้งจากคำแถลงของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ที่ว่า ประเทศไทยกำลังพิจารณาข้อเสนอใหม่ในการฟื้นฟูโครงการที่มีอายุหลายศตวรรษ พร้อมกล่าวปราศรัยกับนักลงทุนนอกรอบการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ที่ซานฟรานซิสโก ว่า เส้นทางภาคพื้นดินนี้จะสามารถลดเวลาการเดินทางของเรือได้ถึง 4 วัน และลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 15%

>> ย้อนอดีตเชื่อมสองฝั่งทะเล

แนวคิดเรื่องการทำเส้นทางตรงระหว่างผืนน้ำทั้งสองที่ประกบกับคลองกระ ซึ่งเป็นแถบแผ่นดินที่เชื่อมต่อกับคาบสมุทรมลายู เคยถูกเสนอมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อปี พ.ศ. 2220 แต่แทนที่จะทำเพื่อการค้าขาย กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ทางทหาร เพื่อให้สามารถเคลื่อนกำลังทหารได้อย่างรวดเร็ว ในกรณีที่มีการรุกรานโดยอาณาจักรพม่า (เมียนมา) ที่อยู่ใกล้เคียง

ทั้งนี้ ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ชาวฝรั่งเศสและชาวอังกฤษยังพิจารณาแนวคิดนี้ด้วยเหตุผลทางการค้า แต่มุ่งเน้นไปที่การขุดคลองมากกว่าการสร้างเส้นทางบก อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น

Karisma Putera Rahman คาดว่า ช่องแคบมะละกาจะเต็มความจุภายในปี 2573 สะพานแลนด์บริดจ์จะทำหน้าที่เป็นเส้นทางทางเลือกในอุดมคติสำหรับการจราจรทางทะเล อย่างไรก็ตาม มันจะเป็นการเปลี่ยนเส้นทางสินค้าส่วนใหญ่ออกจากท่าเรือกลัง (Klang Port) ซึ่งจะนำไปสู่การสูญเสียสายการเดินเรือในท้องถิ่น และเป็นอันตรายต่อสถานะทางการเงินที่ไม่มั่นคงอยู่แล้วของท่าเรือนี้

ทั้งยังคาดการณ์ว่า 15-20% ของการขนส่งสินค้าจะถูกเปลี่ยนเส้นทางจากมาเลเซียและสิงคโปร์ทันทีที่สะพานแลนด์บริดจ์เปิดใช้งาน พร้อมเสริมว่า “จากปริมาณปี 2565 ของท่าเรือกลัง อยู่ที่ 13.22 ล้านหน่วยเทียบเท่า (TEU) ซึ่งสร้างรายได้ประมาณ 2.4 พันล้านริงกิตนั้น คาดว่ารายรับจะลดลงจาก 360 ล้านริงกิต ถึง 480 ล้านริงกิต” 

>> ข้อได้เปรียบสำหรับปีนัง มาเลเซีย

นอร์ดิน อับดุลละห์ (Nordin Abdullah) รองประธานหอการค้าออสเตรเลีย-อาเซียน กล่าวว่า หากท่าเรือปีนังดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ ก็อาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ขนส่งในการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อขนส่งทางรถไฟมายังประเทศไทย “แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าท่าเรือในประเทศไทยหรือไม่ เป็นเรื่องเกี่ยวกับนวัตกรรม ความสามารถในการแข่งขัน และความสามารถในการเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานระดับโลก” เขากล่าวเสริม 

แม้ว่าผลกระทบของสะพานแลนด์บริดจ์อาจก่อให้เกิดความกังวลในมาเลเซีย แต่ก็มีบางคนที่ไม่กังวลมากนัก

Alvin Chua รองประธานสมาพันธ์ผู้ขนส่งสินค้าแห่งมาเลเซีย กล่าวว่า ต้นทุนเพิ่มเติมในการขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือไทยทั้งสองแห่ง น่าจะช่วยในเรื่องความประหยัดจากระยะเวลาเดินทางที่สั้นลงได้พอๆ กัน พร้อมเสริมว่า “การขนถ่ายสินค้ามีราคาแพง โดยอาจมีราคาอยู่ที่ 125,000 ถึง 150,000 เหรียญสหรัฐต่อลำ ต่อวัน” นอกจากนี้ กระบวนการใหม่นี้จะต้องใช้เรือสองลำแทนที่จะเป็นลำเดียวในการส่งสินค้าไปยังจุดหมายปลายทาง

Karisma Putera Rahman เห็นด้วยว่า กระบวนการเทียบท่า การขนส่งสินค้าทางถนนเป็นระยะทางมากกว่า 100 กม. จากนั้นก็บรรจุลงเรืออีกลำหนึ่งนั้น อาจลดปริมาณการใช้งานสะพานแลนด์บริดจ์ลงได้ “ดังนั้น ผลกระทบที่แท้จริงทางเศรษฐกิจของโครงการดังกล่าวต่อมาเลเซีย จึงยังคงไม่แน่นอน จับต้องไม่ได้” Karisma กล่าวเสริม

>> ผลกระทบต่อภูมิรัฐศาสตร์
โครงการดังกล่าวยังคงทำให้เกิดข้อกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ในวงกว้างมากขึ้น เส้นทางภาคพื้นดินจะช่วยให้เรือของจีนสามารถเลี่ยงท่าเรือของมาเลเซียได้ ซึ่งถือเป็นการประนีประนอมกับชิปต่อรองที่มาเลเซียมีในความสัมพันธ์ทวิภาคีกับจีน 

Karisma Putera Rahman กล่าวอีกว่า “นี่อาจทำให้ความสามารถในการสร้างสมดุลความสัมพันธ์ที่มีระหว่างมหาอำนาจทั้งสองของมาเลเซียเกิดความซับซ้อนมากขึ้น และอาจทำให้ความสามารถในการดำเนินการตามกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง เพื่อผลประโยชน์ของประเทศมีความซับซ้อน เนื่องจากมาเลเซียมีบทบาทในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมสำหรับสหรัฐฯ และจีน”

ด้าน นอร์ดิน อับดุลละห์ (Nordin Abdullah) มองว่านี่เป็น ‘การเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด’ ของไทย ในการรับประกันการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งในและรอบๆ ท่าเรือทั้งสองแห่ง และกล่าวเพิ่มเติมว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ดำเนินการหลายอย่าง เพื่อปรับปรุงภาวะเศรษฐกิจในภาคใต้ แต่ตอนนี้ได้แต่หวังเพียงว่าจะสามารถดำเนินการไปได้อย่างรวดเร็ว” 

หลังจากได้มีการเสนอโครงการนี้ให้กับนักลงทุนจากประเทศจีนและซาอุดิอาระเบีย นายกฯเศรษฐา กล่าวว่า โครงการนี้จะสามารถสร้างงานได้ 280,000 ตำแหน่ง และเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยได้ถึง 5.5%

‘ชนาธิป’ ขอบคุณทุกแรงซัปพอร์ตที่หนุนจนเรียนจบ หลังคว้าปริญญาตรี ม.ธรรมศาสตร์ มาได้สำเร็จ!!

(25 พ.ย.66) ‘เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์’ ดาวเตะทีมชาติไทย โพสต์ภาพใส่ชุดครุยกลายเป็นบัณฑิตอย่างเป็นทางการ หลังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสาขาการบริหารจัดการการกีฬา คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ก่อนหน้านี้ 'เจ ชนาธิป' เข้าศึกษาในคณะรัฐศาสตร์ เมื่อ พ.ศ. 2558 แต่ติดภารกิจการเล่นฟุตบอลที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้เขามองว่าคณะนี้อาจจะยากเกินไป ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจย้ายมาศึกษาในคณะสหเวชศาสตร์ สาขาการบริหารจัดการการกีฬา ในที่สุด

และล่าสุด 'เจ ชนาธิป' ได้โพสต์ภาพที่ตัวเองใส่ชุดครุย พร้อมโปรยแคปชันขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ที่ช่วยให้คนสำเร็จการศึกษาเป็นที่เรียบร้อย

"ขอบคุณที่ให้โอกาสผมเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ครับ, ขอบคุณอาจารย์ทุกท่าน, ขอบคุณน้องๆ ทุกคน, ขอบคุณพี่ดามากๆ ครับ, สุดท้ายนี้ ผมเรียนพร้อมเพื่อนแต่จบพร้อมแพทย์ครับ" ชนาธิป กล่าว

'ชาวนครพนม' ปลื้ม!! แห่ต้อนรับ 'ลุงป้อม' งานบุญวัดโฆสมังคลาราม หลังเป็นประธานกฐินฯ พร้อมร่วมสืบทอดพุทธศาสนาให้ยั่งยืน

(25 พ.ย.66) ณ วัดโฆสมังคลาราม บ้านโคกสว่าง ต.โคกสว่าง อ.ปลาปาก จ.นครพนม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานในพิธีทอดกฐินสามัคคี เพื่อสมทบทุนจัดหาสิ่งของพัฒนาวัด และปรับปรุงพระมหาธาตุเจดีย์โฆสปัญโญศรีพนม โดยมี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง สส.จังหวัดสระแก้ว และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายวิรัช รัตนเศรษฐ, พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา, พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ, นางรัชนี พลซื่อ สส.จังหวัดร้อยเอ็ด, น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.จังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วยคณะพลังศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า ประกอบด้วย ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน และหัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนผู้นำชุมชน ท้องถิ่น ร่วมทำบุญทอดถวายกฐินสามัคคีประจำปี ในโอกาสนี้ มากกว่าปีที่ผ่านมา

ภายหลังเสร็จพิธีทอดกฐิน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เป็นประธานเปิดศาลาอเนกประสงค์บริเวณหน้าพระมหาธาตุเจดีย์โฆสปัญโญศรีพนม พร้อมทั้งถวายผ้าห่มพระประธานและสักการะพระประธานในพระมหาธาตุเจดีย์ฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรฯ ได้ทักทายประชาชน สาธุชน ที่มาร่วมทำบุญในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ ท่ามกลางบรรยากาศให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเองและอบอุ่น ในปีนี้นับเป็นปีที่ 9 ที่ได้ทำบุญทอดถวายกฐินมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2558 ซึ่ง พล.อ.ประวิตรฯ ยังได้มีความศรัทธาต่อองค์หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบสายวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งเคยมาปฏิบัติธรรม ณ วัดแห่งนี้ด้วย ในสมัยที่ พล.อ.ประวิตรฯ เดินทางมาปฏิบัติราชการ เมื่อหลายปีก่อน

‘นิกกี้ พิ้ม’ แฉ!! ร้านปิ้งย่างบุฟเฟ่ต์เจ้าประจำตรงเอกมัย คิดค่าเปิดเตาเพิ่ม-เมนูไม่ตรงปก-แกล้งลืมเสิร์ฟอาหาร

เมื่อวานนี้ (24 พ.ย.66) ‘นิกกี้ พิ้ม’ นักร้อง นายแบบ และนักแสดงหนุ่ม ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘Nicky Pimpz’ เกี่ยวกับพฤติกรรมร้านปิ้งย่างบุฟเฟ่ต์ตรงเอกมัย ว่า…

พฤติกรรมร้านปิ้งย่างบุฟเฟ่ต์ตรงเอกมัยที่มีโลโก้รูปลิง มีเวิ้งที่จอดรถ ข้างบนเป็นร้านชาบูน่าเกลียดมาก เป็นร้านประจำที่ไปกินกับครอบครัว ผมถือว่าผมเป็นลูกค้าประจำ บางครั้งไปกินใช้เงินเป็นหมื่นทุกครั้ง ไปไม่ต่ำกว่า 3-5,000 บาท วันนี้ถูกร้านวางยาหลายจุดเหตุเพราะไปถามว่าทำไมถึงคิดค่าเปิดเตาเพิ่ม ทั้งๆ ที่เราไปกัน 4 คน รวมเด็กด้วย 2 คนเป็น 6 คน ในโต๊ะเดียวกันมีอยู่ 2 เตา แต่มาคิดตังค์เราเพิ่ม ผมก็งงเพราะทุกครั้งไปไม่เคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เลยถามแบบสุภาพว่าทำไมถึงคิดค่าเปิดเตา เขาตอบแบบงูๆ ปลาๆ ว่าถ้านั่งโต๊ะนี้เป็นโต๊ะ 8 คน ถ้า 4 คนต้องคิดค่าเปิดเตา ผมไปไม่เป็นเลยทั้งๆ ที่มีลูกมาอีก 2 เป็น 6 คน

หลังจากนั้นผมก็สั่งอาหารตามปกติ เขาก็เริ่มเอาเนื้อที่ไม่เหมือนในเมนูเป็นคุณภาพชั้นต่ำเอาออกมาให้แล้วถ่วงเวลามาก ส่วนอาหารที่เป็นพวกหอยก็ไม่เอาออกมาให้ทำเป็นแกล้งลืมยื้อเวลาสุดๆ ถ่านก็ใส่มาน้อยเพื่อไม่ให้เผาไหม้ ที่น่าตกใจไปกว่านั้นเนื้อที่เอาออกมาเป็นเนื้อที่เปรี้ยวเหมือนเสียแล้ว Cutting ก็ไม่ใช่แบบเดิม บอกได้เลยว่าเป็นเนื้อคนละเกรดจากในเมนู ถามว่าทำไมผมรู้เพราะว่าผมเป็นลูกค้าประจำ ผมมากินที่นี่บ่อยมากรู้เลยว่าเนื้อที่เอามาไม่ใช่เนื้อที่กินอยู่ประจำ แถมสภาพเนื้อแตกต่างกันอย่างฟ้าดิน ผมยอมกินไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเริ่มไม่ไหวเพราะไม่มีเจ้าหน้าที่มาบริการดูแล ทั้งๆ ที่ร้านก็ไม่ค่อยมีคน จนสุดท้ายผมเรียกพนักงานมาต่อว่าและพูดความรู้สึกกับเขา เขารีบยกมือขอโทษแล้วเอาเนื้อไปเปลี่ยนเป็นเนื้อที่ปกติ แบบที่กินประจำและเก็บทุกอย่างบนโต๊ะไปหมดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วให้ข้ออ้างว่าอาจจะเป็นที่ห้องครัวข้างบนส่งผิดมาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอเริ่มบ่นและ Complain ก็เริ่มเอาหอยที่สั่งทั้งหมดออกมา แสดงว่าไม่ได้ลืม แค่ไม่อยากบริการแต่แรก บอกได้เลยว่าน่าเกลียดสุดๆ ใครอยู่ตรงนั้นจะเข้าใจความรู้สึก

ผมพาเพื่อนฝรั่งมากินเพราะเขาชอบที่นี่ทุกครั้งที่มาเมืองไทยผมจะพาเข้ามากินที่นี่เพราะเขาเป็นคน Request ขนาดเพื่อนฝรั่งครอบครัวเขายังรู้เลยว่าผิดปกติและถูกวางยาอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลาในการยื้ออาหารหรืออาหารที่คุณภาพต่ำออกมาแบบตั้งใจ ดังนั้นครั้งนี้ผมอยากจะเขียนเพื่อแสดงความรู้สึกในฐานะลูกค้าชั้นดีที่ไม่เคยมีปัญหามาก่อนว่าถ้าทำธุรกิจแบบนี้ อย่าทำเลย เพราะเราเป็นผู้บริโภคเราไม่รู้ว่าอาหารที่คุณเอามาให้เรากินจะกระทบกระเทือนต่อสุขภาพของเราหรือเปล่า

หลังจากที่ร้านรู้ตัวว่าทางลูกค้าไหวตัวทันและไม่พอใจก็เริ่มส่งพนักงานผู้จัดการมาขอโทษขอโพย ทำเป็นตีบทละครน่าเศร้า แต่บอกตรงๆ นะผมไม่กล้ากินหรอกเพราะผมไม่รู้ว่าเขาจะถุยน้ำลายใส่อาหารผมที่ออกมาใหม่หรือเปล่า ด้วยซ้ำไป ผมพาลูกเล็กมากินที่นี่บอกตรงๆ ว่าไม่กล้ากินอีกแล้ว แล้วจะบอกคนในครอบครัวและเพื่อนผมทุกคนว่าให้เลิกอุดหนุนที่นี่เพราะว่าการบริการและการวางยาให้ลูกค้าน่าเกลียดมาก

ถามว่าเจ้าของไม่น่าจะรู้เรื่องก็เป็นไปไม่ได้เพราะเนื้อที่อยู่ในร้านไม่ใช่คุณภาพเดียวกัน ดังนั้นคงมีการเตรียมพนักงานมาเรียบร้อย

บอกตรงๆ นะไม่ใช่ราคาถูกร้านอาหารนี้ ควรจะปรับปรุงและไม่ทำอย่างนี้กับลูกค้าเพราะส่วนใหญ่ลูกค้าที่อยู่แถวเอกมัยเป็นลูกค้าชั้นดีทั้งหมด ฝากไว้ให้คิด

‘นายกฯ’ จี้!! ติดตามทลายขบวนการ ‘หมูเถื่อน’ ยัน!! หากพบนักการเมืองมีเอี่ยว ไม่ปล่อยไว้แน่

(25 พ.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาหมูเถื่อน ที่เวลานี้รัฐบาลยกเป็นวาระแห่งชาติ โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ฯ เข้ามารับผิดชอบดูแลว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้มีการแถลงข่าวไปแล้ว สืบเนื่องจากที่รัฐบาลได้มีการติดตามงานอย่างใกล้ชิดและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากโดย ร.อ.ธรรมนัส และอธิบดีดีเอสไอ ได้ร่วมกันแถลงข่าวไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการแถลงข่าวมีนักการเมืองใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง นายกฯ ยืนยันใช่หรือไม่ว่าจะไม่ปล่อยไว้แน่ นายเศรษฐา กล่าวว่า หากทำผิด ก็ไม่ปล่อยไว้ เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องจัดการตรงนี้ไป เมื่อถามว่า ณ เวลานี้ไม่ได้มีชื่อรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลชุดนี้เข้าไปเกี่ยวข้องใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีครับ ดูแล้วไม่มี 

เมื่อถามว่า นักการเมืองที่เข้าไปเกี่ยวข้อง หากมีการตรวจสอบเสร็จสิ้นกระบวนการจะมีการเปิดเผยชื่อออกมาหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า มันต้องให้ความเป็นธรรมกับเขาด้วยเหมือนกันตรงนี้ก็แล้วแต่กระบวนการยุติธรรมซึ่งต้องว่าไปตามกฎหมาย ถ้าถึงเวลาต้องเปิดเผย ก็เปิดเผย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top