Sunday, 25 May 2025
NewsFeed

‘เศรษฐา’ น้อมนำพระราชดำรัสในหลวงบริหารแผ่นดิน ขอเป็นรัฐบาลของประชาชน มั่นใจ!! พรรคร่วมมีจุดยืนเดียวกัน

(5 ก.ย. 66) ที่โถงกลางตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวภายหลังเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยมีคณะรัฐมนตรี ยืนร่วมอยู่ด้วย โดยกล่าวว่า จะน้อมนำกระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติราชการต่อไป ขอยืนยันเป็นรัฐบาลของประชาชน มาเพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนทุกคน รัฐบาลนี้มีความตั้งใจ ปัญหามีมากมาย เราจะทำงานอย่างลืมความเหน็ดเหนื่อย ทุกวัน ทุกนาที เราจะเอาความต้องการของพี่น้องประชาชนทุกคนเป็นที่ตั้ง 

นายเศรษฐา กล่าวว่า วันศุกร์นี้จะลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น อุดรธานี หนองคายเพื่อพูดคุยรับทราบปัญหากับพี่น้องประชาชนทุกคนเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป สัปดาห์หน้าวันจันทร์จะมีการแถลงนโยบายของรัฐบาล ต่อรัฐสภา รัฐบาลนี้จะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยการฟื้นฟูความยุติธรรมอันเข้มแข็งยุติธรรมโปร่งใส โดยประชาชนมีส่วนร่วม รัฐบาลจะสร้าง ความปลอดภัยให้กับประชาชนให้ประเทศมีความมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนในอนาคต พรบนัดพิเศษในวันพรุ่งนี้จะพูดคุยเรื่อง แถลงนโยบายในวันจันทร์หน้า

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ ขอพูดคุยภายในพรรคร่วมรัฐบาลก่อน ขอพูดคุยเป็นการภายในก่อนถึงจะแจ้งให้ทราบ ส่วนเรื่องการทำงานก็ยังต้องพูดคุยกันก่อนเพราะบางคนก็เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก ขอย้ำอะไรทำได้ก่อนจะทำทันที และขอโอกาสให้รัฐมนตรีทุกคนทำงานก่อน

นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่เคยพูดว่า 100 วัน จะทำเรื่องเงิน 10,000 บาท ให้เสร็จ ยังไม่เคยบอก แต่คิดว่าไม่เกินไตรมาสแรกปีหน้า และจะเป็นการจ่ายงวดเดียว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการทำงานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลยืนยันว่า ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายแบ่งขั้วแบ่งก๊วน ยึดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง

“มั่นใจว่าทุกวันรัฐมนตรีทุกคนจะทำงานหนักนโยบายที่ประชาชนอยากได้ทำก่อนทำก่อน และยืนยันในวงกินข้าวกับรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ไม่ได้พูดว่าหากทำงานไม่ได้แล้วจะเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น เพียงแต่อะไรที่ทำได้ให้ทำไปก่อนอะไรที่ทำไม่ได้ก็ต้องมาช่วยกันดู แต่ไม่ใช่เหตุผลที่จะไม่ทำอะไรเลย 

ทั้งนี้นายเศรษฐา กล่าวถึงการนอนที่ทำเนียบรัฐบาลว่า “ขอดูก่อนครับ”

“ขอให้เชื่อมั่นในรัฐบาลนี้ว่าเรามีความตั้งใจจริงเราตระหนักดีในปัญหาที่ประชาชนเผชิญอยู่ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจความแตกแยกทางความคิด เป็นพื้นที่รัฐบาลให้ความสำคัญเท่าเทียมกัน แล้วจะจัดการปัญหา และมั่นใจในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน” นานเศรษฐา กล่าว

กองทัพเรือ ตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ (ศอปน.ทร.) จัดกำลังพล - ยุทโธปกรณ์   เร่งขจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหล จากเรือบรรทุกน้ำมันลงสู่ทะเล ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี 

วันที่ 5 กันยายน 2566 พลเรือเอก ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ พร้อมด้วย พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ภาค 1 นายนริศ  นิรามัยวงศ์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี  นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า และนายณัฐพล มีฤทธิ์ ผู้แทนบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกันแถลงข่าว กรณีน้ำมันที่รั่วไหลลงสู่ทะเลในพื้นที่อำเภอศรีราชาจังหวัดชลบุรี จากเหตุน้ำมันดิบจากเรือบรรทุกน้ำมัน รั่วไหลขณะขนถ่ายน้ำมันดิบบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล หมายเลข 2 (SBM-2) ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2566 เวลา 21.00 น.           

โดยภายหลังเกิดเหตุ ทางบริษัทฯ ได้เข้าควบคุมสถานการณ์โดยได้ทำการปิดวาล์วท่อน้ำมันที่เกิดปัญหาและวางทุ่นล้อมคราบน้ำมันเพิ่มเติม เพื่อป้องกันและจำกัดการแพร่กระจายตามขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานสากล ทำให้ขณะนี้ไม่มีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มเติมแล้ว และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว  แต่อย่างไรก็ตามได้มีน้ำมันที่รั่วไหลลงสู่ทะเล จำนวนหนึ่งซึ่งอาจก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน อันส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติใต้ท้องทะเล  

ในการนี้ กรมเจ้าท่า ได้ประสานมายังกองทัพเรือ ดำเนินการจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ " หรือเรียกโดยย่อว่า ศอปน.ทร. โดย พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้ ทัพเรือภาคที่ 1 จัดตั้งศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน ทัพเรือภาคที่ 1 (ศคปน.ทรภ.1) ประกอบด้วย ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาคที่ 1 กรมเจ้าท่า ตำรวจน้ำ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมควบคุมมลพิษกรม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับจังหวัดชลบุรี และ บริษัทไทยออยล์ จำกัด มหาชน จัดกำลังพลพร้อมยุทโธปกรณ์ เร่งขจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลลงสู่ทะเลในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จากเหตุน้ำมันดิบจากเรือบรรทุกน้ำมันรั่วไหลลงสู่ทะเลในพื้นที่อำเภอศรีราชา ขณะขนถ่ายน้ำมันดิบบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเลหมายเลข 2 (SBM-2) ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ ด้วยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2566 เวลา 21.00 น.  โดยภายหลังเกิดเหตุ ทางบริษัทฯ ได้เข้าควบคุมสถานการณ์โดยได้ทำการปิดวาล์วท่อน้ำมันที่เกิดปัญหาและวางทุ่นล้อมคราบน้ำมันเพิ่มเติม เพื่อป้องกันและจำกัดการแพร่กระจายตามขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานสากล ทำให้ขณะนี้ไม่มีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มเติมแล้ว และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว 

ในการนี้ กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 และ ศรชล.ภาค 1 ได้ส่งอากาศยานขึ้นบินสำรวจและถ่ายภาพคราบมันน้ำ เพื่อนำมาวิเคราะห์การเคลื่อนตัวของน้ำมันบางส่วน และคาดการณ์ว่าคราบน้ำมันจะมีการเคลื่อนตัวจากทางทิศใต้ของเกาะท้ายค้างคาว จ.ชลบุรี และมีแนวทางการเคลื่อนตัวขึ้นลงตามกระแสน้ำไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และเริ่มมีคราบน้ำมันเข้าสู่ทางตอนใต้ของเกาะท้ายค้างคาว จังหวัดชลบุรี ในวันที่ 4 กันยายน 2566 เวลา 23.00 น. /ส่วนในค่ำวันนี้ คาดว่าอาจจะมีคราบน้ำมันบางส่วน เคลื่อนที่ผ่านเกาะค้างคาวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และจะมีคราบน้ำมันบางส่วน ถูกพัดเข้าสู่ขายฝั่งของเกาะค้างคาว ซึ่งทัพเรือภาคที่ 1 และ ศรชล.ภาค 1 ได้จัดส่งกำลังพลจาก หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ไปประจำที่เกาะท้ายค้างคาวแล้ว เพื่อเตรียมการจัดเก็บคราบน้ำมันหากมีการขึ้นฝั่ง โดยจะดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการเดียวกับกรณีที่มีน้ำมันรั่วใน จ.ระยอง 

สำหรับการปฏิบัติที่สำคัญ ในห้วงที่ผ่านมา วานนี้ (4 กันยายน 2566)  เวลา 15.00 น. เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ (ฮ.ปด.1) พร้อม Helibucket บรรจุน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน 900 ลิตร ได้ยกตัวในเที่ยวแรก จากฝูงบินทัพเรือภาคที่ 1 อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อนำไปโปรยจุดที่พบคราบน้ำมันรั่วไหลในทะเล จ.ชลบุรี พร้อมกันนี้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฯ ได้มีการยกระดับเหตุที่เกิดขึ้นเป็น Tier 2  แล้ว ซึ่งกองทัพเรือ  โดยทัพเรือภาค ที่ 1 ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว จัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและศูนย์ควบคุมการปฏิบัติ การขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อทำหน้าที่ในการอำนวยการและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขจัดคราบน้ำมัน ควบคู่ในการทำงานร่วมกับเอกชน ซึ่งกองทัพเรือ จะส่งเรือหลวงตาชัย และเรือหลวงแสมสาร ไปช่วยขจัดคราบน้ำมัน นอกจากนั้นจะส่งเรือ ต.235 เพื่อตรวจการณ์ ร่วมกับเรือของกรมเจ้าท่า / กรมประมง / กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง / ตำรวจน้ำ / รวมถึงอากาศยาน ของกองทัพเรือ และกำลังพล จากหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อีกจำนวน 100 นาย เพื่อร่วมกัน ขจัดคราบน้ำมัน 

โดยล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวันนี้ จากการเดินเท้าสำรวจตามแนวชายฝั่ง บริเวณเกาะสีชังและพื้นที่ใกล้เคียง ของกำลังพล สอ.รฝ. ยังไม่พบคราบน้ำมัน โดยจะมีการนำข้อมูลไปประเมินสถานการณ์ในการปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ คาดว่า สถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายในอีก 2-3 วัน 

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0909535645

เปิดบทสนทนา 'โรม' คุยสาวยาคูลท์ รู้รายได้ถึงกับอยากขายบ้าง ด้านสาวยาคูลท์บอก "ไม่ได้จ้า เพราะไม่มีนม" โรมตอบ "ครับ"

(5 ก.ย. 66) เรียกเสียงแซวจากชาวเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) ได้อย่างมากมาย สำหรับทวีตของ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่เผยบทสนทนาระหว่างตนเองกับสาวยาคูลท์ แถมยังกำกับด้วยว่า ‘บทสนทนานี้เกิดขึ้นจริง’

นายรังสิมันต์ระบุว่า ด้วยส่วนตัวผมชอบทานยาคูลท์อยู่แล้ว เมื่อวานไปผมไปลงพื้นที่หาเสียงที่ระยองเลยได้มีโอกาสพูดคุยกับ ‘สาวยาคูลท์’ ท่านนี้จึงรู้ว่าทำงานนี้มา 30 ปีแล้ว

“อะไรที่ทำให้เลือกทำงานนี้มานานขนาดนี้ละครับ” ผมถาม
“อาชีพนี้มันมั่นคง แต่ก่อนทำเป็นงานเสริม แต่ตอนนี้กลายเป็นงานหลักไปแล้วตั้งแต่ผัวทิ้ง” ป้าก็ตอบพร้อมกลั้วหัวเราะ
“ผมถามได้ไหมว่ารายได้ประมาณเท่าไหร่”
“ป้าขายได้วันละประมาณ 700 ขวด เดือนที่แล้วก็ได้มา 35,000 บาท”
“โห อย่างนี้พวกผมขายด้วยได้ไหมเนี้ย!”

บทสนทนาต่อมาก็เป็นไปตามภาพด้านล่างครับ

คุณป้ายังบอกต่ออีกว่าไม่ได้หวงอาชีพ เอาไปบอกต่อได้ และอยากชวนแม่บ้านคนอื่นที่มีเวลาออกมาทำกัน ผมเลยนำมาเล่าสู่กันฟังในที่นี้ครับ

สำหรับข้อความในภาพ นายรังสิมันต์ถามว่า “ผมเป็นผู้ชาย อยากขาย ‘ยาคูลท์’ บ้างได้ไหมครับ” สาวยาคูลท์ระบุ “ไม่ได้จ้า เพราะไม่มีนม” นายรังสิมันต์จึงตอบ “…ครับ”

ร้านกาแฟจีน Luckin จับมือเจ้าพ่อสุรา ‘เหมาไถ’ เสิร์ฟ ‘ลาเต้รสเหล้าขาว’ วันแรกโกย 5.42 ล้านแก้ว

(5 ก.ย.66) ลัคกิน คอฟฟี่ (Luckin Coffee) เครือร้านกาแฟเจ้าดังของจีน ประกาศจับมือบริษัทสุรา กุ้ยโจว เหมาไถ (Kweichow Moutai) ออกเมนู ‘กาแฟนมผสมเหล้าขาว’ หวังจับกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ โดยหลังเปิดตัววันแรกเมื่อวานนี้ (4 ก.ย.) ปรากฏว่าทำยอดขายสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 5.42 ล้านแก้ว

ลัคกิน แถลงว่า กาแฟนมผสมเหล้าขาวเพียงเมนูเดียวสร้างรายได้ให้บริษัทกว่า 100 ล้านหยวนในวันจันทร์ (4 ก.ย.) ทุบสถิติเมนูยอดนิยมอื่น ๆ ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ เช่น cheese latte ซึ่งมียอดจำหน่ายในวันเปิดตัว 1.31 ล้านแก้ว และ coconut cloud latte ซึ่งขายได้ในวันแรก 660,000 แก้ว

กาแฟผสมเหล้าขาวซึ่งทางร้านตั้งชื่อว่า ‘sauce-flavoured latte’ เปิดจำหน่ายวันแรกในราคาเพียง 19 หยวน หรือลดจากปกติ 50% ซึ่งปรากฏว่ามีชาวจีนในปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้แห่ไปต่อคิวรอซื้อจนขายหมดเกลี้ยงในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง

ลัคกิน และกุ้ยโจว เหมาไถ ระบุว่า sauce-flavoured latte มีปริมาณแอลกอฮอล์ผสมไม่เกิน 0.5%
สำหรับสุราเหมาไถนั้นได้รับยกย่องว่าเป็น ‘สุราแห่งชาติจีน’ โดยเป็นเหล้าขาวดีกรีแรงที่นิยมเสิร์ฟกันตามงานเลี้ยงต่างๆ และสำหรับ กุ้ยโจว เหมาไถ นั้นผู้ที่เคยดื่มส่วนใหญ่บอกว่ามีกลิ่นและรสชาติใกล้เคียงกับ ‘ซอสถั่วเหลือง’

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวยืนยัน ป.ป.ง. ยึดทรัพย์บัญชีม้าแน่!!!  

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.  พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมกันแถลงความคืบหนี้คดีฆ่ายกครัว 3 ศพ และร่วมพิธีจับรางวัลผู้โชคดีจากการทำแบบทดสอบวัคซีนไซเบอร์ สำหรับประชาชน จำนวน 40 ข้อ ชิงรางวัล iPhone 14 ประจำเดือน สิงหาคม 2566 จำนวน 20 รางวัล ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า จากคดี  นายสาณิช ดอกไม้ คลุ้มคลั่งใช้อาวุธมีดปาดคอฆ่าภรรยา และบุตร 2 คน อายุ 13 ปี และ 11 ปี รวม 3 ศพ แล้ว นายสาณิชฯ  ปาดคอตัวเองหวังตายตาม เหตุเกิดในเขตพื้นที่ สภ.บางแก้ว จว.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2566 สาเหตุเกิดจากความเครียดในเรื่องหนี้สินค้ำประกันการซื้อรถให้เพื่อนบ้านเป็นเงิน 8 แสนบาท กรมบังคับคดีจะยึดบ้าน และเครียดที่ภรรยากู้เงินผ่านแอปพลิเคชันจนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินไปกว่า 1.7 ล้านบาท  เรื่องนี้เป็นเหตุสลดใจและสะเทือนความรู้สึกของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก คดีนี้ได้ออกหมายจับนายสาณิชฯ ผู้ก่อเหตุคดีฆ่ายกครัวแล้ว และได้สั่งการให้  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล รอง ผบ.ตร.  เร่งคลี่คลายคดี  จนสามารถออกหมายจับไปแล้วทั้งสิ้น 22 หมายจับ และได้มีการจับกุม อายัดตัว และมารายงานตัว จำนวน 10 ราย มีรายละเอียด ดังนี้
1. จับกุมได้แล้วทั้งสิ้น 8 ราย ดังนี้

1.1 น.ส.สุชาดา ชาบุตรศรี ตามหมายจับที่ 620/2566 เมื่อวันที่ 29 ส.ค.66 จับกุมได้ที่ จุดผ่านแดนบ้าน
คลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว
1.2 นายวัชรพงษ์ ครูศรี ตามหมายจับที่ 621/2566 เมื่อวันที่ 30 ส.ค.66 จับกุมได้ที่ หมู่ 3 ต.เมืองไผ่
อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว
1.3 นายชัยยา ก้านศรี ตามหมายจับที่ 622/2566 เมื่อวันที่ 30 ส.ค.66 จับกุมได้ที่ หมู่ 1 ต.ห้วยโจด
อ.วัฒนานคร จว.สระแก้ว
1.4 น.ส.ณัฐณิชา ดีโสภา ตามหมายจับที่ 632/2566 เมื่อวันที่ 30 ส.ค.66 จับกุมได้ที่ จุดผ่านแดนบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว
1.5 นายอนิรุต ปงก๋า ตามหมายจับที่ 634/2566 เมื่อวันที่ 31 ส.ค.66 จับกุมได้ที่ คอนโดคอมพลีท แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา
1.6 นายจำลอง นอใหม่ ตามหมายจับที่ 619/2566 เมื่อวันที่ 2 ก.ย.66 จับกุมได้ที่ บ้านเลขที่ 61 ม.2
ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา
1.7 นายดานิล อัลดูเนนคอฟ หรือ MR.DANIIL ALDUNENKOV ตามหมายจับที่ 647/2566 เมื่อวันที่ 3 ก.ย.66 จับกุมได้ที่ โรงแรมพาโนรามา ม.6 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
1.8 นายโรมัน บริค หรือ MR.ROMAN BRIK ตามหมายจับที่ 644/2566 เมื่อวันที่ 3 ก.ย.66  จับกุมได้ที่ หน้าโรงแรมพรีเมียร์โฮสเทล   ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

2. อายัดตัว มีดังนี้
- LONG SOTHY หรือ ลอง โซธีร์ ตามหมายจับที่ 643/2566 เมื่อวันที่ 30 ส.ค.66 อายัดตัวที่ สภ.คลองลึก

3. มารายงานตัว ดังนี้
- นายพีรดนย์ วิริยาธรณ์ภักดี ตามหมายจับที่ 640/2566 เมื่อวันที่ 1 ก.ย.66 มารายงานตัว ที่ สภ.บางแก้ว เนื่องจากถูกอายัดบัญชี

ขณะนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ  ได้รายงานว่าได้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ และได้เดินทางไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อขอความร่วมมือนายตำรวจระดับสูงและ ผบ.ตร. ของประเทศกัมพูชา ในการปราบปราม “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ชาวจีน ที่ใช้ประเทศกัมพูชา เป็นฐานหลอกลวงคนไทย ความคืบหน้าจะได้เรียนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบต่อไป  จึงขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าคนร้ายที่กระทำผิดคิดหลอกลวงเอาเงินจากพี่น้องประชาชน  จะต้องถูกดำเนินคดีและถูกลงโทษทุกราย  โดยเฉพาะพวกบัญชีม้าที่พนักงานสอบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้ว พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด เช่น ใช้รับโอนเงินจากผู้กระทำผิดหลายราย หรือหลายๆ ครั้ง    ถือว่า สนับสนุนการฉ้อโกงประชาชน  หรือ ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ   อันเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒   เจ้าหน้าที่จะสามารถติดตามยึดทรัพย์สินจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดได้ ทั้งนี้หากพบว่าเจ้าของบัญชีม้าได้ดำเนินการ  โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้นหรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น    หรือกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงของการได้มา   จะถือว่า เป็นผู้กระทำผิดฐานฟอกเงิน ต้องรับโทษทางอาญาเช่นเดียวกับผู้กระทำผิดมูลฐาน   เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการทางแพ่ง โดยการยึด อายัด เงิน หรือ ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายฟอกเงินดังกล่าวข้างต้น

นอกจากการปราบปรามแล้ว  สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนได้ทำแบบทดสอบวัคซีนไซเบอร์สำหรับประชาชน จำนวน 40 ข้อ ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.2566 จนถึง วันที่ 30 กันยายน 2566 หากทำแบบทดสอบครบ 40 ข้อแล้ว  จะได้รับ Whoscall Premium Gift Code ฟรี ซึ่งสามารถใช้บริการ Whoscall Premium Feature ได้ฟรี เป็นระยะเวลา 1 ปี หากทำแบบทดสอบได้คะแนนตั้งแต่ 35 ข้อ  ขึ้นไป จะมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัล iPhone 14 เดือนละ 20 รางวัล เป็นเวลา 3 เดือน รวม 60 รางวัล โดยประชาชนสามารถทำแบบทดสอบได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง  แต่จะได้รับสิทธิ Whoscall Premium และสิทธิลุ้น iPhone 14 เพียง 1 สิทธิ และได้จับรางวัลผู้โชคดีประจำเดือน กรกฎาคม 2566 จำนวน 20 รางวัล ไปแล้วนั้น  

ในห้วงวันที่ 1– 31 ส.ค.2566  มีประชาชนเข้ามาทำแบบทดสอบวัคซีนไซเบอร์ สำหรับประชาชน จำนวน 40 ข้อ  และได้รับสิทธิ Whoscall Premium Gift Code ฟรี ซึ่งสามารถใช้บริการฟีเจอร์เสริมต่างๆ จาก Whoscall Premium ได้ฟรีเป็นระยะเวลา 1 ปี จำนวน 280,406 คน  ในจำนวนนี้มีประชาชน ทำแบบทดสอบได้คะแนนตั้งแต่ 35 ข้อ  ขึ้นไป และได้รับสิทธิ์ลุ้นรับรางวัล iPhone 14 จำนวน 238,974 คน สำหรับวันนี้เป็นการจับรางวัลหาผู้โชคดี ครั้งที่ 2 จำนวน 20 รางวัล ซึ่งจะได้รับรางวัล iPhone 14 จำนวน  20 รางวัลๆ ละ 1 เครื่อง โดยได้รับเกียรติจาก คุณเพ็ชรทาย  วงษ์คำเหลา หรือหม่ำจ๊กมก  ดาราตลกชื่อดังมาร่วมเป็นเกียรติและสักขีพยานในการจับรางวัลครั้งนี้ด้วย  

สำหรับวิธีการจับรางวัลผู้โชคดี จำนวน 20 ท่าน ใช้วิธีกดสุ่มเลือกผู้โชคดีทีละรางวัลจากรายชื่อทั้งหมด โดยข้าราชการตำรวจหรือข้าราชการอื่นที่เข้าไปทำแบบทดสอบ สำหรับประชาชน จำนวน 40 ข้อนี้  ทุกคนมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลทั้งหมดเช่นเดิม  และวันนี้ผู้ที่โชคดีได้รับรางวัล iPhone 14  จำนวน 20 รางวัลๆ ละ 1 เครื่อง ได้แก่
1. P004426 นาย อัศวิน วงศ์พรม จว.แม่ฮ่องสอน
2. P023909 นาง ดาวรรณ์ พวกไธสง จว.สระแก้ว
3. P101234 นาง นุชรา โคตรวิชัย จว.สกลนคร
4. P091626 น.ส. สิริมาสย์ ปั้นริ้ว จว.กรุงเทพมหานคร
5. P095299 น.ส. สุภาภรณ์ คำสวัสดิ์ จว.สกลนคร
6. P066610 น.ส. เพชรัตน์ คำสียา จว.อุดรธานี
7. P027079 น.ส. ปภาณัช ขันอาสา จว.ฉะเชิงเทรา
8. P169706 นาง นัยนา ปาวรีย์ จว.ชัยนาท
9. P048933 นาง พังงา ศรีภา จว.หนองบัวลำภู
10. P070254 ว่าที่ ร.ต.อดิศร เชื้อบุญมี จว.เพชรบูรณ์
11. P021593 นาย วินัย ศรีละคร จว.ฉะเชิงเทรา
12. P111908 นาย ณัฐพล เพชรทองคำ จว.ลพบุรี
13. P132057 ด.ญ.ชลิดา คุณวงศ์ จว.มุกดาหาร
14. P045227 น.ส.วรรณพร ไขประภาย จว.สกลนคร
15. P048499 ด.ต.อำนาจ อุไร จว.เลย
16. P199467 น.ส.ธนรรชน เส็นสด จว.จันทบุรี
17. P229451 นาง สมวลี เขียวมณี จว.สมุทรสาคร
18. P023574 น.ส.ยุภาพร ผ่องใส จว.ปทุมธานี
19. P097995 นาวาโทหญิง ขนิษฐา โมฬี จว.พังงา
20. P062354 น.ส.ทรรศน์วรรณ รุ่งกลิ่น จว.กำแพงเพชร

​วันนี้ได้จับรางวัลหาผู้โชคดีรับ iPhone 14 ครั้งที่ 2 จำนวน 20 ท่าน  ครบถ้วนแล้ว  และสำหรับเดือนสิงหาคม 2566  มีผู้ที่ได้รับรางวัลในการแนะนำให้ประชาชนทำแบบทดสอบมากที่สุด จำนวน 2 รางวัล ได้แก่
1. พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รอง ผบก.อก.ภ.6 แนะนำ จำนวน 3,612 ราย
2. นาย เชาว์ชัยพัฒน์ ฉวีนิรมล แนะนำ จำนวน 599 ราย
สำหรับผู้ที่ทำแบบทดสอบไปแล้ว  แต่ไม่ได้รับรางวัลประจำเดือน สิงหาคม 2566  ยังมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลประจำเดือน กันยายน 2566 ซึ่งเป็นเดือนสุดท้าย โดยไม่ต้องทำแบบทดสอบใหม่ ส่วนผู้แนะนำที่จะได้รับรางวัล ต้องเริ่มนับใหม่ในเดือนถัดไป และต้องไม่ซ้ำคนเดิม ส่วนแบบทดสอบยังใช้แบบทดสอบเดิมบนระบบเดิม จึงขอฝากให้พี่น้องสื่อมวลชนได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้โชคดีได้รับทราบทั่วกัน สำหรับผู้โชคดีสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ช่องทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com  ในการรับรางวัล  จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อไปยังผู้ที่โชคดี  จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับมอบหมายจะนำส่งรางวัลถึงบ้านหรือที่อยู่ของผู้โชคดีกับมือท่านเอง  

การจับรางวัลหาผู้โชคดีได้รับรางวัล iPhone 14 ประจำเดือน กันยายน 2566  ซึ่งเป็นเดือนสุดท้าย จำนวน 20 รางวัล จะมีขึ้นในวันที่เท่าใด  ขอให้ติดตามรายละเอียดได้ในช่องทาง  www.เตือนภัยออนไลน์.com  จึงขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้เข้าทำแบบทดสอบเพื่อจะได้มีภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์และได้ลุ้นรางวัล iPhone 14 ได้ใน 3 ช่องทาง ดังนี้ 1) สแกนคิวอาร์โค้ด 2) เข้าเว็ปไซต์ไซเบอร์วัคซีน และ ๓) ทำแบบทดสอบเมื่อครูไซเบอร์ไปให้ความรู้ในพื้นที่ โดยเป็นการเข้าทำแบบทดสอบผ่าน Google Form สำหรับทำแบบทดสอบ  ( หากไม่ชิงรางวัล สามารถทำแบบทดสอบได้เลย ) และจะสามารถดูเฉลยได้เมื่อทำข้อสอบเสร็จ กด "ดูคะแนน"

กรณีต้องการรับสิทธิเพื่อชิงรางวัลต้องดำเนินการ ดังนี้
1. กดลิงก์ "เข้าเว็บไซต์ไซเบอร์วัคซีน" จาก Google form  หรือ เข้าผ่านเว็บไซต์  www.เตือนภัยออนไลน์.com  
และสมัครใช้งานและเข้าสู่ระบบไซเบอร์วัคซีนผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว (เข้าสู่ระบบผ่านไลน์)
2. ทำการยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน  หรือแอปพลิเคชัน THaID
3. หน้าแรกของระบบไซเบอร์วัคซีน จะมีปุ่ม "ทดสอบ 40 คำถามสำหรับประชาชน"  ให้กดเพื่อทำแบบทดสอบ
4. เลือกยืนยันความสมัครใจรับการทดสอบ และ กรอกอีเมล  กรณีต้องการทราบผลคะแนนทางอีเมล
นายเพ็ชรทายหรือหม่ำ จ๊กมก  กล่าวแสดงความยินดีกับผู้โชคดีได้รับ iPhone 14 และเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ที่ได้รับรางวัลในการแนะนำให้ประชาชนทำแบบทดสอบในครั้งนี้ด้วย   และได้เห็นถึงความตั้งใจของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ผบ.ตร.  ที่ต้องการให้ประชาชนได้รู้เท่าทันภัยออนไลน์  โดยการประชาสัมพันธ์ให้มีการทำแบบทดสอบจำนวน 40 ข้อ  เพื่อจะได้มีภูมิคุ้มกันภัยออนไลน์ รู้สึกดีใจและมีความอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ส่วนตัวได้ทำแบบทดสอบทั้ง 40 ข้อแล้ว ยอมรับว่ามีความรู้เกี่ยวกับภัยออนไลน์เพิ่มมากขึ้น  รับรองไม่มีทางตกเป็นเหยื่อของแก็งคนร้ายอย่างแน่นอน  สำหรับการทำแบบทดสอบครั้งนี้ได้คะแนนมากกว่า 35 ข้อเช่นกัน  และจะรอลุ้นการจับสลากรางวัล iPhone 14  อีก 20 รางวัลในเดือนสุดท้าย  จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้รีบเข้ามาทำแบบทดสอบกัน  จะได้มีความรู้และมีโชครับ iPhone 14  ไปใช้งานฟรีๆ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ผบ.ตร. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันยังมีประชาชนตกเป็นเหยื่อของคนร้ายอยู่  ดังนั้น เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รู้เท่าทันภัยออนไลน์อย่างต่อเนื่อง จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ทำแบบทดสอบ วัคซีนไซเบอร์ จำนวน 40 ข้อ และขอให้แชร์แบบทดสอบไปให้กับญาติหรือผู้เป็นที่รักเพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ทำแบบทดสอบมีความรู้เท่าทันกลโกงของคนร้ายบนโลกออนไลน์   และไม่ตกเป็นเหยื่อ      
ทั้งนี้  สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้ผ่านทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com    Facebook https://www.facebook.com/เตือนภัยออนไลน์  หมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 หรือโทรศัพท์สายด่วน 1441 กรณีถูกคนร้ายหลอกลวงแจ้งความตำรวจผ่านระบบ www.thaipoliceonline.com ( QR CODE ข้อสอบ 40 ข้อ สำหรับประชาชน)

ต้านสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา อ้างลดทอนคุณค่าโบราณสถาน แม้สร้างห่างพื้นที่ร่วม 1.5 กิโลเมตร แต่ก็ไม่วายโดนดรามา

(5 ก.ย.66) เฟซบุ๊ก 'Ringsideการเมือง' ได้โพสต์ข้อความกรณี นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส. อยุธยา เขต 1 พรรคก้าวไกล เตรียมเสนอตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบด้านทรัพย์สินทางวัฒนธรรมต่อแหล่งมรดกโลกเมืองเก่าอโยธยาจากโครงการรถไฟความเร็วสูง สถานีอยุธยา ว่า...

ความพยายามที่เกิดขึ้น มีการมองว่า จะยิ่งทำให้โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเสร็จช้าขึ้นไปอีก

สำหรับโครงการนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา 

ช่วงที่กำลังถกเถียงกันอยู่คือ ช่วงเส้นทาง 13.3 กิโลเมตร จากสถานีบ้านโพมาถึงสถานีพระแก้ว

โดยฝ่ายที่กังวลเรื่องการก่อสร้าง มองว่าที่ตั้งของสถานี อาจไปกระทบกับวิวทิวทัศน์ลดทอนคุณค่าของโบราณสถาน 

เรื่องนี้ มีทั้งคนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ซึ่งฝ่ายหลังมองว่า อยากให้จังหวัดท่องเที่ยวแห่งนี้ มีรถไฟฟ้าความเร็วสูงเพื่อพัฒนาศักยภาพของจังหวัด แต่ฝ่ายแรกมองว่า สถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูง อาจทำลายคุณค่าทางวัฒนธรรม

ข้อเท็จจริงจากฝ่ายการรถไฟแห่งประเทศไทย คือ...

ทางหน่วยงาน ได้ทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งมีการศึกษาในด้านการศึกษาผลกระทบต่อโบราณสถาน พร้อมกำหนดมาตรการลดผลกระทบ ซึ่งได้รับการอนุมัติไปแล้วตั้งแต่ปี 2562 

และปัจจุบันยังได้ทำการศึกษาการประเมินผลกระทบด้านทรัพย์สินทางวัฒนธรรม (HIA) ของแหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ผ่านทางที่ปรึกษาจากทางมหาวิทยาลัยศิลปากร

ซึ่งประเมินผลกระทบที่มีต่อแหล่งมรดกโลก 3 ด้าน ได้แก่ ด้านทัศนียภาพ ด้านกายภาพ และด้านสังคมและเศรษฐกิจ

ที่น่าสนใจคือ...

ในการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา พื้นที่ก่อสร้างสถานีได้ตั้งอยู่ในเขตทางรถไฟเดิม 

ซึ่งมีระยะห่างจากพื้นที่แหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มากถึง 1.5 กิโลเมตร

จุดนี้การรถไฟฯ เชื่อว่า การก่อสร้างจะไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อโบราณสถานหรือทัศนียภาพในพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน

สรุป...

สถานีรถไฟความเร็วสูงที่ดรามา ก็สร้างในเขตรถไฟเดิม ห่างจากแหล่งมรดก 1 กม. ครึ่ง

แล้วมันมีปัญหาตรงไหน ??? นี่คือคำถามคาใจของฝ่ายที่เชียร์ให้เดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง

การรถไฟแห่งประเทศไทย โดย นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ ให้ความเห็นว่า...

"การก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงในพื้นที่เขตทางรถไฟเดิม ถือเป็นข้อดีที่ช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวให้กับพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา และพื้นที่โดยรอบอย่างยั่งยืน สามารถอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยว การกระจายความเจริญ สร้างงานสร้างรายได้แก่คนในชุมชนให้เกิดความเข้มแข็ง ตลอดจนยังช่วยเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 

"ด้วยการลดการเดินทางรถยนต์ และปรับโหมดการเดินทางไปสู่ระบบรางมากขึ้น ซึ่งการพัฒนาและการอนุรักษ์ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยพัฒนาประเทศให้รุ่งเรืองและคงไว้ซึ่งมรดกทางวัฒนธรรมอันดีของไทย 

"ทั้งสองสิ่งสามารถดำเนินการควบคู่กันได้ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของประชาชนชาวไทย และทุกภาคส่วน เพื่อสร้างประเทศไทยให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนต่อไป"

‘พีระพันธุ์’ เผย ‘ในหลวง’ รับสั่ง ครม.ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ นำพาประเทศชาติเดินหน้า ประชาชนมีความสงบสุข-ร่มเย็น

‘พีระพันธุ์’ รับสนองพระบรมราโชวาท ทำให้บ้านเมืองเดินหน้า-ประชาชนมีความสงบร่มเย็น พร้อมย้ำ ‘นายกฯ’ เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือ ปชช.เรื่องพลังงานในการประชุม ครม.นัดแรก ด้าน ‘วราวุธ’ เผย ‘ในหลวง’ ทรงให้ซื่อสัตย์ ทำงานเพื่อประชาชน

(5 ก.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ว่า พวกเราจะต้องรับสนองพระบรมราโชวาทพระองค์ท่าน เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้า พัฒนาต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเน้นย้ำอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า “ให้พวกเราปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มที่ ทำให้บ้านเมืองเดินหน้า พี่น้องประชาชนมีความสงบร่มเย็น”

เมื่อถามว่า ดูเหมือน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุขอให้เชื่อมั่นในรัฐบาลชุดนี้ ในส่วนของกระทรวงพลังงาน เรื่องของพลังงานจะบอกกับประชาชนอย่างไร นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตนคิดว่านโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะนายกฯ ที่ได้บอกไปแล้ว ซึ่งมีนโยบายที่จะปรับลด โดยได้ไปดูเบื้องต้น โครงสร้างของราคาพลังงานทั้งหลาย โดยมี 2 ส่วน บางส่วนอยู่เหนือการควบคุม เช่น ราคาแก๊ส ซึ่งปรับลดในส่วนนั้นไม่ได้ แต่ในโครงสร้างราคาทั้งหมด มีหลายส่วนที่จะไปดู เบื้องต้นสามารถปรับลดได้อย่างแน่นอน

เมื่อถามว่า การประชุม ครม.นัดแรก ในวันที่ 12 ก.ย.จะมีมาตรการบางส่วนก่อนเลยหรือไม่ หรือต้องรอก่อน นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า หลังจากแถลงนโยบายเสร็จ และการประชุม ครม.นัดแรกก็ต้องมีมาตรการออกมา ซึ่งนายกฯ และกระทรวงพลังงานได้เตรียมการเรื่องนี้แล้ว ส่วนเรื่องของรูปแบบในการช่วยเหลือประชาชน อันดับแรก เพื่อให้เกิดความรวดเร็วจะใช้โครงสร้างเดิมก่อน ดูว่าส่วนไหนสามารถปรับลดลงไปได้ เพราะโครงสร้างราคาต่างๆ เหล่านี้ ประกอบไปด้วยหลายส่วน ส่วนไหนที่ปรับลดได้ก็ปรับลด ปรับลดราคาสุดท้ายที่ขาย เพียงแต่รัฐฯ ก็ต้องยอมเสียสละในส่วนที่เคยได้อยู่ ต้องยอมเสียสละออกไป

เมื่อถามว่า งบประมาณที่อยู่ จำเป็นต้องกู้ยืมหรือใช้งบประมาณในส่วนอื่น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตรงนั้นเป็นเรื่องที่กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน ก็ต้องเลือกในสิ่งที่ดีที่สุด และคุ้มค่าที่สุด ที่สำคัญ เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง พยายามหาทางลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน หลักเกณฑ์ต่างๆ ของรัฐบาล คือ การไม่ไปสร้างอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ หรือการดำรงชีวิตของประชาชน ต้องเป็นรัฐบาลที่สร้างการสนับสนุนให้ภาคเอกชนเดินหน้าต่อไปในทุกเรื่อง

ส่วนเรื่องการแถลงนโยบายต่อรัฐสภานั้น ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็เรียบร้อย ไม่มีปัญหา ประเด็นหลักๆ มีหมด เช่น การป้องกันการทุจริต ประพฤติมิชอบ เรื่องของสถาบัน เรื่องของความไม่เป็นธรรม เรื่องของกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปพลังงาน และข้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนเคยพูดเอาไว้ทั้งหมด

เมื่อถามอีกว่า ถือเป็นการต่อยอดนโยบายของพรรค รทสช.ด้วยหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ถ้าต่อยอดได้ด้วยก็ดี

ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราโชวาทว่า ขอให้มีสติปัญญาในการทำงานให้กับพี่น้องประชาชน ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และขอให้มีความขยันทำงานเพื่อประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวถามว่า มองความท้าทายของรัฐบาลชุดนี้อย่างไรบ้าง นายวราวุธ กล่าวว่า ตนว่าความท้าทายคือ มีปัญหาของประเทศชาติอยู่หลายมิติ ที่เป็นความคาดหวังของพี่น้องประชาชน คงจะต้องเร่งทำงานกันในทุกๆ มิติ

‘แพทตี้’ สลัดลุคนางเอกหน้าหวาน อวดความเซ็กซี่เบาๆ สวมชุดว่ายน้ำคลุมด้วยเสื้อครอปตัวจิ๋ว ทำเอาทะเลร้อนฉ่า!!

(5 ก.ย. 66) นับวันยิ่งเผยความเซ็กซี่ออกมาให้เห็นทุกที สำหรับนางเอกสาวหน้าใส ‘แพทตี้ อังศุมาลิน’ นางเอกหน้าแบ๊ว วัย 32 ปี ภรรยาคนสวยของ ‘แดน วรเวช ดานุวงศ์’ โดยล่าสุดทั้งคู่ได้เดินทางไปใช้เวลาพักผ่อนแบบชิลๆ ริมทะเล

โดยงานนี้สาวแพทตี้ ได้โชว์ความเซ็กซี่เบาๆ ด้วยสวมชุดว่ายน้ำสีฟ้าลายตาราง แม้จะคลุมทับด้วยเสื้อครอปตัวจิ๋ว แต่ยังดูฮอตสุดๆ งานนี้บอกเลยว่าแม้นานๆ ทีจะออกมาโชว์ความเซ็กซี่ แต่บอกเลยว่าจัดเต็มสุดๆ

รู้จัก Wegovy ยาลดน้ำหนักที่ ‘อีลอน มัสก์’ ยังลอง มาแรงถึงขั้นสร้างมูลค่าแซงหน้า ‘หลุยส์ วิตตอง’

(5 ก.ย. 66) เรื่องน้ำหนักตัว (อ้วน!!) เป็นปัญหาโลกแตกสำหรับทุกเพศ ทุกวัย ที่นอกจากจะมีผลกระทบกับสุขภาพแล้ว ยังลดทอนความมั่นใจสำหรับบางคนอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าหากมีใครสามารถคิดค้นสิ่งที่จะมาช่วยแก้ปัญหานี้อย่างได้ผล และปลอดภัยจริงๆ คงจะสร้างมูลค่าทางการตลาดได้มหาศาลเลยทีเดียว 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีบริษัทผู้ผลิตสินค้าเพื่อรักษาโรคอ้วนที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมาก นั่นก็คือ บริษัทเวชภัณฑ์ของเดนมาร์กที่ชื่อ ‘Novo Nordisk’ ซึ่งได้พัฒนายา ‘Wegovy’ ซึ่งเป็นยาที่ช่วยในการควบคุมและรักษาโรคอ้วน หรือที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ‘Semaglutide’ โดยเพิ่งวางจำหน่ายยานี้อย่างเป็นทางการในอังกฤษ เมื่อวันจันทร์ (4 ก.ย. 66) ที่ผ่านมา 

เจ้า ‘Wegovy’ นี้ ได้รับการรับรองแล้ว จากสถาบันแห่งชาติเพื่อความเป็นเลิศด้านสุขภาพ และการแพทย์แห่งอังกฤษ ให้สามารถใช้กับผู้ป่วยโรคอ้วน หรือ ‘ผู้ที่มีดัชนีมวลกาย’ (BMI) เกิน 30 ในระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 2 ปี ควบคู่กับการควบคุมอาหาร และ ออกกำลังกายได้

‘Wegovy’ เป็นยาควบคุมน้ำหนักที่ฉีดใต้ผิวหนัง มีคุณสมบัติในการระงับอาการหิว และทำให้ผู้รับยา บริโภคอาหารน้อยลงจากที่เคย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดน้ำหนัก และได้ทดสอบกับกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีอาการโรคอ้วนจำนวน 304 คน คู่กับกลุ่มที่ใช้ยาหลอก ร่วมกับการรับประทานอาหารแคลอรี่ต่ำ และ ออกกำลังกายมากขึ้นในระยะเวลา 104 สัปดาห์ พบว่า กลุ่มทดลองที่ใช้ Wegovy มีน้ำหนักลดลงอย่างชัดเจนกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ใช้ยา 

อีกทั้ง Novo Nordisk ยังอ้างว่าการใช้ Wegovy ช่วยลดความเสี่ยงจาก โรคหัวใจ และหลอดเลือดสมองได้ และมีคนดังจำนวนมาก รวมถึง ‘อีลอน มัสก์’ เปิดเผยว่าใช้ยาตัวนี้ช่วยควบคุมน้ำหนักอยู่เช่นกัน ทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

จนกระทั่งวันนี้ ที่มีการเปิดตัวจำหน่าย Wegovy ในอังกฤษ มูลค่าหุ้นของบริษัท Novo Nordisk ก็พุ่งทะยานถึง 4.28 แสนล้านเหรียญ กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดของยุโรป แซงหน้าหุ้นของ LVMH หรือ ‘หลุยส์ วิตตอง’ แบรนด์หรูของฝรั่งเศส ไปแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น หุ้นของ Novo Nordisk ยังถูกคาดว่าจะพุ่งขึ้นไปได้อีก เพราะความต้องการยาควบคุมน้ำหนัก Wegovy เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เพราะเอาแค่เฉพาะในอังกฤษ ทางกรมดูแลสุขภาพแห่งชาติ ถึงกับเปิดเผยว่า น่าจะมีคนไข้ชาวอังกฤษที่รอรับยา Wegovy หลายหมื่นคน ไม่รวมคลินิกเอกชนอีกต่างหาก ในขณะที่ Wegovy ในคลังยามีอยู่อย่างจำกัด  

ประกอบกับรัฐบาลอังกฤษยังสนับสนุนงบประมาณในการทดสอบยานี้กับผู้ป่วยโรคอ้วน เพื่อดูประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่กินงบประมาณด้านสุขภาพของอังกฤษ มากถึง 6.5 พันล้านปอนด์ต่อปี 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ‘ริชี ซูแน็ก’ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยังเชื่อเลยว่า Wegovy อาจเป็นจุดเปลี่ยนเกมของผู้ป่วยโรคอ้วน ที่ต้องเสี่ยงอันตรายจากภาวะโรคเบาหวาน ให้กลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้นได้

จากปรากฏการณ์นี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมความต้องการยาควบคุมน้ำหนัก Wegovy ถึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทั้งในอังกฤษ, ยุโรป และในสหรัฐอเมริกา จนดันมูลค่าหุ้นของ Novo Nordisk แซงหน้าบริษัทแบรนด์หรูได้ เพราะสุดท้าย สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของคนเราก็คือ ‘สุขภาพ’ ของตัวเอง หาใช่ทรัพย์สินภายนอก

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top