Sunday, 25 May 2025
NewsFeed

‘เศรษฐา’ ย้ำ!! ครม. ทำงานเพื่อประชาชน ในฐานะรัฐบาลของทุกคน เน้นโปร่งใส!! ภารกิจใดทำได้โดยไม่ติดข้อกฎหมายให้เร่งทำทันที

(6 ก.ย. 66) ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) โดยช่วงหนึ่งระหว่างการประชุม นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงแนวทางในการทำงานให้กับรัฐมนตรี ว่า ในฐานะรัฐบาลของประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งได้พูดไปแล้วในหลายเวที ว่าจะเป็นรัฐบาลของประชาชน จะทำงานเพื่อประชาชน ที่ปฏิบัติตัวเคร่งครัดตามรัฐธรรม และตามกฎหมาย มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ และปัญหาสังคม รวมถึงปัญหาความแตกแยกทางด้านความคิดทั้งหลาย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามทำงานแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อะไรที่ทำได้ก่อนโดยไม่ติดข้อกฎหมาย ขอให้ทุกท่านรีบทำ รีบสร้างผลงานออกมา เพราะว่าพี่น้องประชาชนทุกคนกำลังเดือดร้อน กำลังรอคอยการทำงานของรัฐบาล เมื่อทุกท่านเข้ากระทรวงแล้วขอเก็บรวบรวมข้อมูลมาประกอบการทำงาน พร้อมกับเน้นย้ำเรื่องการโปร่งใสในการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องการโยกย้ายข้าราชการซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ ขอให้เข้าใจเห็นใจข้าราชการที่ตั้งใจทำงานมาตลอดทั้งชีวิต ต้องการความก้าวหน้าทางด้านการงาน เรื่องซื้อขายตำแหน่งไม่ต้องการให้เอาเปรียบข้าราชการ ขอให้ทุกท่านให้เกียรติข้าราชการ ส่วนการจัดเตรียมงบประมาณประจำปี ขอให้คณะรัฐมนตรีช่วยไปดูกระทรวงในกำกับว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้างให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะมีการแถลงนโยบายฯ

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ขอให้คณะรัฐมนตรีตระหนักว่าเป็นรัฐบาลเพื่อประชาชน ขอให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าให้มีการแบ่งแยกพรรคพวก เป็นรัฐบาลที่ทำงานเพื่อประชาชนจริง ๆ 

“ทุกคน ในฐานะที่เป็นรัฐบาลของประชาชนคนไทยทุกคน ก็ขอให้ทำงานเพื่อประชาชน โดยยึดหลักของกฎหมายและรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด เพื่อมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ความเดือดร้อน สังคม และความแตกแยกทางความคิด ยืนยันว่ารัฐบาลจะพยายามแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ สิ่งใดที่สามารถทำได้ก่อนโดยไม่ติดข้อกฎหมาย ก็จะเร่งดำเนินการ ขณะเดียวกันขอเน้นย้ำในเรื่องของความโปร่งใสในการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องการโยกย้ายข้าราชการ เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ” นายเศรษฐา กล่าว

‘พีมูฟ’ จี้!! ‘เศรษฐา’ บรรจุข้อเสนอเรื่องที่ดินไว้ในนโยบายรัฐบาล พร้อมดันยกร่าง รธน.ทั้งฉบับ ตั้ง ‘สสร.’ ให้ประชาชนมีส่วนร่วม

(6 ก.ย. 66) ที่ด้านหน้าสนง.กพ.เดิม ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ ‘P-Move’ นำโดย นายจำนงค์ หนูพันธ์ และ น.ส.ศิรวีย์ ทิพย์วงศ์ รวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรื่อง ข้อเสนอของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เพื่อให้บรรจุไว้เป็นนโยบายของรัฐบาล

โดยระบุว่า เนื่องจาก ช่วงรณรงค์การเลือกตั้งที่ผ่านมาภาคประชาชนได้จัด ‘เวทีภาคประชาชนเสนอนโยบายต่อพรรคการเมือง’ โดย ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) ร่วมกับคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2566 ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อเสนอนโยบายด้านการแก้ไขปัญหาที่ดินและการจัดการทรัพยากรอย่างเป็นธรรม และปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ต่อพรรคการเมืองและสื่อสารสาธารณะต่อประชาชนชาวไทย ถึงแนวคิดในการบริหารทรัพยากรโดยยึดหลักสิทธิชุมชน

โดยเชิญหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยพลังประชารัฐได้ตอบรับการเข้าร่วมเวที และได้ส่งนายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะทำงานธุรการเพื่อการเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ มานำเสนอนโยบายของพรรค

ดังนั้น เพื่อให้พรรคพลังประชารัฐดำเนินการตามนโยบายที่ได้ให้คำมั่นกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมและประชาชน สามารถบรรลุตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ตอนรณรงค์การเลือกตั้งกับ ประชาชนในนามของพีมูฟ จึงขอให้นายกรัฐมนตรี ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะรัฐมนตรี เพื่อให้บรรจุนโยบายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาป่าไม้-ที่ดิน รัฐสวัสดิการและประชาธิปไตย ไว้ในนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา ดังต่อไปนี้

1.) ให้ยกระดับโฉนดชุมชนให้เป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดที่ดิน ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ภายใต้มาตรา 10 (4) แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562

2.) ผลักดันให้มีการทบทวนปรับปรุงการดำเนินงาน ของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (มหาชน) ให้สอดคล้องกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการกระจาย การถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน สู่เกษตรกรรายย่อยและผู้ยากจน รวมทั้งผลักดันให้มีการจัดตั้ง ‘ธนาคารที่ดิน’ ให้เป็นองค์กรที่มั่นคง และจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานอย่างพอเพียง

3). แก้ไขกฎหมายคืนความเป็นธรรมในเรื่องที่ดินและทรัพยากรป่าไม้ ให้แก่ประชาชนอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม สังคายนากฎหมาย ที่ดิน-ป่าไม้ทั้งระบบ ทบทวนและยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาของประชาชน ได้แก่ มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 30 มิ.ย.2541, มติคณะมนตรีวันที่ 26 พ.ย.2561 และมติคณะรัฐมนตรีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

4.) เร่งออกกฎหมายว่าด้วยการนิรทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบ จากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ พ.ศ.....โดยระหว่างการออกกฎหมายดังกล่าว ขอให้ชะลอการดำเนินคดีและการบังคับคดีทางปกครอง ก่อนการพิสูจน์สิทธิ์เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายเกี่ยวกับคดีที่ดินป่าไม้ ตามที่อ้างถึง

5.) ผลักดันให้มีการจัดระบบสวัสดิการถ้วนหน้าแก่ประชาชนอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม

6.) ผลักดันให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ โดยให้การจัดตั้งและสรรหาสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่สามารถกำหนดแนวทางได้ในทุกขั้นตอนโดยเร็ว

ทั้งนี้ เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐมีนโยบายในการเปลี่ยน สปก. 4-01 ให้เป็นโฉนด ซึ่ง ขปส.ได้ประกาศจุดยืนไว้แล้วว่าไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าวมาโดยตลอด ดังนั้นจึงขอสงวนสิทธิ์ในการไม่ให้การสนับสนุนนโยบาย ‘การแปลงสปก.-401 เป็นโฉนด’ อย่างถึงที่สุด และขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินนโยบายดังกล่าว ด้วยความรอบรอบคอบรัดกุม ไม่เอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มนายทุน และทำให้เกิดวิกฤติความเหลื่อมล้ำและการกระจุกตัวของที่ดินมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ มีนายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกมนตรี (สปน.) รับหนังสือดังกล่าวไว้เพื่อนำเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดทราบและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปซึ่งกลุ่ม ผู้ชุมนุมพอใจ และใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัย ก่อนที่จะเดินทางกลับ

พิธีกรดังสวนเดือดเซเลปตระกูลดัง ปั่นกระแสงานระดับโลก  'ในหลวง-พระราชินี' เสด็จฯ ช้า งานเลิกต้องรอขบวนเสด็จฯ

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 66 ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ‘Jo Montanee’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

#สงสารในหลวง

มีคนไทยบางประเภทสร้างดรามาใส่พระองค์ท่านอีกแล้วในงานยิ่งใหญ่ระดับ Maestro อย่างท่านสุบิน เมห์ธา มาแสดง

ดรามาในโซเชียลว่าคนดูต้องรอเพราะในหลวงพระราชินีเสด็จช้า พองานเลิกคนก็ต้องรอในฮอลล์ ออกไม่ได้จนกว่าขบวนเสด็จจะพ้นไป 5 กิโล บลาบลาบลา

โชคดีเหลือเกินที่เจ้าของดรามานั้นส่งแมสเสจมาฟ้องคุณวารินทร์ สัจจเดว Nomad Media Thailand ซึ่งคุณวารินทร์ดันอยู่ในงานนั้นจริงๆ!!! (โป๊ะแตก!!)

คุณวีจึงสามารถแก้ข่าวนินทาว่าร้ายทุกเรื่องว่าไม่จริง!
คุณวียังถามเจ้าของแมสเสจ (ซึ่งเป็นตระกูลดัง) เลยว่า “คุณไปงานนั้นด้วยตัวเองหรือ”
เขาบอกว่า “เปล่า ที่บ้านไป”

คุณวี-วารินทร์ทำสีหน้าตอนอ่านแมสเสจออกอากาศได้น่ารักแต่สะใจมากค่ะ!! 😂

ขอขอบพระคุณคุณวารินทร์ และแขกรับเชิญคุณ แพท แสงธรรม มากเหลือเกินที่ปกป้องพระเกียรติในหลวงราชินีของเรานะคะ 🙏🙏 

ขอบคุณขอบคุณขอบคุณ 💙💛🇹🇭

https://youtu.be/f3s0-0HqMvo?si=dtoyOc0YzXDrDzqq 

ทุกท่านไปดูคลิปรายการตอนนี้ได้เลย เริ่มตั้งแต่ต้นคลิป คุณวีเล่าถึงเบื้องหลังงานแสดง เล่าเรื่องท่านสุบินยกมือไหว้ในหลวงของเรา และแหกแมสเสจไฮโซจอมเสี้ยม ต่อเนื่องกันเลยค่ะ

ทั้งนี้คุณวารินทร์ สัจจเดว ได้อธิบายอีกมุมหนึ่งของดรามาไว้ในรายการ Thailand Morning Call เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 66 โดยมีอาจารย์แพท แสงธรรม เป็นแขกร่วมรายการ โดยคุณวารินทร์ระบุว่า…

“เซเลปตระกูลดังได้ส่งข้อความมาเป็นภาษาไทยว่า หลังการแสดงทุกคนถูกกักบริเวณในหอประชุมเกือบครึ่งชั่วโมง จนขบวนเสด็จพ้นไปประมาณ 5 กิโลเมตร ผมอ่านเพียงแค่นี้ก็ส่งอิโมจิหัวเราะกลับไปเลย และถามว่า หากคุณถูกกักบริเวณในหอประชุมจริง ๆ จะรู้ได้อย่างไรว่าขบวนเสด็จผ่านพ้นไปแล้ว 5 กิโลเมตร อันนี้คือข้อที่ 1 ส่วนข้อที่ 2 คือผมอยู่ในงานวันนั้นด้วย ต้องบอกว่า ทั้งตอบเสด็จมาหรือเสด็จกลับ ผมไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไรเลย และไม่ได้รู้สึกว่ารอนานอะไร ผมกับเพื่อนที่ไปด้วยกันยังรู้สึกเลยว่า ทุกอย่างรวดเร็วมาก ๆ

หลังจากนั้นผมก็ตอบกลับไปว่า ไม่ถึงนะครับ ผมอยู่ในงาน ขั้นตอนเสด็จมาและกลับ เรียบร้อยและรวดเร็วมาก ๆ ครับ เป็นผม ถ้ารับไม่ได้ ก็จะเลี่ยงไม่ไปดูรอบที่มีเสด็จ ซึ่งผมเคยทำแล้ว ผมทราบตารางงานล่วงหน้า หากมีงานต่อ ผมรู้ ผมก็ไม่ไป รอดูทางอื่นเอา จากนั้นผมก็ถามกลับไปว่า คุณเป็นคนที่อยู่ในงานไหม ทางนั้นตอบว่ามา ไม่ได้อยู่ในงาน แต่ครอบครัวอยู่”

เอกสารแถลงนโยบาย ครม. หลุด!! แบ่งกรอบทำงานระยะสั้น-กลาง-ยาว ครบ!!

(6 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า ระหว่างที่รัฐบาลกำลังเตรียมการแถลงนโยบายคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อรัฐสภา มีเอกสารคำแถลงของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ออกมาเผยแพร่เป็นวงกว้าง โดยมีสาระสำคัญที่น่าสนใจ คือ กรอบการทำงานของรัฐบาลที่แบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว

ระยะสั้นจะออกนโยบายการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิตอลวอลเล็ท จะทำหน้าที่เป็นตัวจุดชนวนที่จะกระตุกเศรษฐกิจประเทศให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จะใส่เงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและกระจายไปยังทุกพื้นที่ให้หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจให้ถึงฐานราก รัฐบาลเองก็จะได้รับผลตอบแทนคืนมาในรูปแบบของภาษี และที่สำคัญ การดำเนินนโยบายนี้จะเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศ เป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศให้เข้าสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความโปร่งใสให้กับกลไกการชำระเงินของระบบเศรษฐกิจและรัฐบาล

นอกจากนี้จะแก้ปัญหาหนี้สินทั้งในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน รวมถึงมาตรการช่วยประคองภาระหนี้สินและต้นทุนทางการเงินสำหรับภาคประชาชนที่ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการวิสาหกิจขนากลางและขนาดย่อม

ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน รัฐบาลจะสนับสนุนให้เกิดการบริหารจัดการราคาพลังงานทั้งค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในทันที นอกจากนี้รัฐบาลจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างการใช้พลังงาน สนับสนุนการจัดหาแหล่งพลังงาน ส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน เร่งเจรจาการใช้พลังงานในพื้นที่อ้างสิทธิกับประเทศข้างเคียง และสำรวจแหล่งพลังเพิ่มเติม

ตั้งเป้าจะเปิดประตูรับนักท่องเที่ยว ด้วยการอำนวยความสะดวกปรับปรุงขั้นตอนการขอวีซ่า และการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเป้าหมาย การจัดทำฟาสแทร็ควีซ่าสำหรับผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ (MICE)

นโยบายเร่งด่วนสุดท้าย คือ การแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ โดยรัฐบาลจะหารือแนวทางในการทำประชามติที่ให้ความสำคัญกับการทำให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมออกแบบกฎ กติกาที่เป็นประชาธิปไตยทันสมัยและเป็นที่ยอมรับร่วมกัน รวมถึงการหารือแนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญในรัฐสภา เพื่อให้ประเทศสามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

สำหรับนโยบายระยะกลางและระยะยาว รัฐบาลมีแนวทางที่จะสร้างรายได้ โดยการใช้การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก เพื่อเปิดประตูการค้าสู่ตลาดใหม่ ๆ ให้สินค้าและบริการของประเทศ อาทิ กลุ่มสหภาพยุโรป กลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง อินเดีย แอฟริกา อเมริกาใต้ รวมถึงการให้ความสำคัญกับตลาดเดินที่รวมถึงประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง เร่งการเจรจากรอบความร่วมทางการค้าระหว่างประเทศ (FTA) ปรับปรุงกระบวนการพิจารณาอนุมัติโครงการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

ในเอกสารแถลงนโยบาย ระบุด้วยว่า รัฐบาลจะดำเนินนโยบายเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นำความปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรี และนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชน รัฐบาลจะสนับสนุนให้มีการปรับโครงสร้างของหน่วยงานความมั่นคงให้มีความทันสมัยและสามารถตอบสนองต่อการคุกคามและภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่ในศตวรรษที่ 21 รวมถึงรัฐบาลจะร่วมกันพัฒนากองทัพให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของประเทศพร้อมกับประชาชน โดยจะเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ ปรับปรุงการฝึกนักศึกษาวิชาทหารหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนให้เป็นแบบสร้างสรรค์ ลดกำลังพลนายทหารชั้นสัญญาบัตรระดับสูง และกำหนดอัตรากำลังในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้สอดคล้องกับบทบาทและภารกิจปัจจุบัน และอนาคตของประเทศ

ปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหม ให้มีความทันสมัย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และสอดคล้องกับรูปแบบและความเสี่ยงของภัยคุกคาม ทั้งในปัจจุบันและอนาคต และนำพื้นที่ของหน่วยทหารที่เกินความจำเป็นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะการใช้เพื่อการเกษตร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค การเพิ่มพูนความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ และการใช้เป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อสนับสนุนการสร้างรายได้ การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการสร้างเข้มแข็งด้านสังคมของประเทศ

รวมถึงยกระดับ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค สานต่อนโยบาย Carbon Neutrality เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ

‘ก้าวไกล’ เสนอ ‘บิ๊กทิน-รบ.ใหม่’ เขย่ากองทัพ หากการันตี ‘ยกเลิกเกณฑ์ทหาร’ พร้อมร่วมมือ

(6 ก.ย. 66) ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงนโยบายของกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลชุดใหม่ เกี่ยวกับการยกเลิกการเกณฑ์ทหารว่า ขณะนี้สังคมกำลังจับตามอง ทางพรรคก้าวไกลจะมีการชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว ซึ่งตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 ได้ให้อำนาจกองทัพสามารถบังคับคนที่ไม่อยากเป็นทหารเข้าเป็นทหารแม้ในยามที่ไม่มีสงคราม ทำให้มีช่องว่าง เพราะตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ยอดผู้สมัครเข้ารับการเกณฑ์ทหารเฉลี่ย 30,000 คนต่อปี น้อยกว่ายอดกำลังพลที่กองทัพต้องการคือ 90,000 คนต่อปี ทำให้วันนี้ทุกฝ่ายคงเห็นตรงกันถึงราคาที่สังคมต้องจ่าย เมื่อมีการบังคับคนเข้าไปเกณฑ์ทหาร กระทบต่อเสรีภาพในการประกอบอาชีพ หรือการทำตามความฝัน การใช้เวลากับครอบครัว ไปจนถึงการดึงทรัพยากรมนุษย์ออกจากตลาดแรงงานในระดับสังคม

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น ถ้าเราอยากจะยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารให้สำเร็จ โดยไม่ให้กระทบภารกิจการรักษาความมั่นคง คือต้องลดยอดกำลังพลที่กองทัพต้องการ หรือลดยอดผี คือ ชื่ออยู่ในทะเบียนแต่ตัวไม่อยู่ในค่ายทหาร ลดทหารรับใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคง ทบทวนงานบางอย่างตามบริบทภัยความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไปขณะเดียวกันต้องเพิ่มยอดสมัครใจในการเกณฑ์ทหาร ด้วยการยกระดับคุณภาพชีวิตพลทหาร ทั้งค่าตอบแทน ความปลอดภัย โอกาสในความก้าวหน้าของอาชีพ

“การยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร มี 2 แบบคือ 1.) ลุ้นยกเลิกแบบปีต่อปี ค่อยๆ ลดช่องว่างกำลังพล ตามแผนของกระทรวงกลาโหมปี 2566-70 ที่กำลังดำเนินการอยู่ และ 2.) ที่พรรคก้าวไกลเสนอ คือ เลิกแบบการันตีไม่มีเกณฑ์ทหาร คือการแก้ไข พ.ร.บ.รับราชการทหาร ปี 2497 ทำให้กองทัพไม่มีอำนาจ ในการบังคับคนเป็นทหาร ในช่วงไม่มีสงคราม เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าเราจะยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารสำเร็จในกรอบระยะเวลาเท่าไหร่ เพราะสามารถกำหนดได้ในกฎหมาย ทำให้ผู้ที่เกณฑ์ทหารไม่ต้องมาลุ้นปีต่อปีเหมือนการยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารแบบแรก ขณะเดียวกันจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้กองทัพปฏิรูปตัวเอง และให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตพลทหาร ก็คงต้องจับตาดูการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ว่าแนวทางการยกเลิกฯ จะเป็นอย่างไร” นายพริษฐ์ กล่าว 

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่าการชี้แจงของนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เกี่ยวกับกับเรื่องนี้ ดูจะเป็นแนวทางการยกเลิกฯ แบบที่ 1 ถ้าในที่สุดออกมาเป็นแบบที่ 1 ก็เพียงแต่หวังว่ารัฐบาลจะมีความชัดเจนเรื่องกรอบเวลาว่าจะลดกำลังในแต่ละปีอย่างไรจนเป็นศูนย์ แต่ถ้าเป็นแบบที่ 2 พรรคก้าวไกลยินดีร่วมมือกับรัฐบาล เพราะเราได้ยื่นร่างแก้ไขกฎหมายรับราชการทหารเข้าสู่สภาฯ แล้ว อยู่ในขั้นตอนการรอนายกรัฐมนตรีคนใหม่เซ็นรับรองให้สามารถถูกบรรจุในสภาฯ แล้วมีการถกเถียงกัน

เมื่อถามว่านายสุทิน ออกมาระบุยืนยันในเดือน เม.ย.ปีหน้า จะไม่มีการเกณฑ์ทหารแล้ว นายพริษฐ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นแบบที่ 1 มันจะอยู่ในสภาวะที่ต้องลุ้นปีต่อปี ตัวเลขแรกในยอดกำลังพลที่จะลดในแต่ละปี ก็ยังไม่ได้มีการสื่อสารออกมา ถึงแม้ปีหน้าจะสามารถลดให้เหลือศูนย์ได้จริง แต่คงต้องมาลุ้นในปีต่อไปอีกว่า ยอดกองทัพจะมีจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งอาจไม่ได้เป็นการรับประกันให้เยาวชนที่ต้องวางแผนชีวิตว่าจะมีความเสี่ยงในการรับการเกณฑ์ทหารหรือไม่

“การปฏิรูปกองทัพต้องมีไอเดียมาจากรัฐบาลพลเรือนที่เป็นกรอบการดำเนินการด้วย ไม่ใช่แค่ปล่อยให้องค์กรนั้นๆทำแผนที่ตัวเองคิดมาเพียงอย่างเดียว อย่างที่ผ่านมาอาจมีกฎหมายบางส่วนที่ทำให้กองทัพมีอำนาจเหนือพลเรือนเช่น พ.ร.บ.ระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่ระบุว่า การตัดสินใจหลายๆ อย่างเกี่ยวกับงบประมาณ ไม่ได้อยู่ในอำนาจของรมว.กลาโหม ที่เป็นตัวแทนของพลเรือน แต่กลับไปอยู่ในอำนาจของสภากลาโหมที่ประกอบไปด้วยข้าราชการทหารเป็นหลัก ทำให้ขัดหลักที่ว่ารัฐบาลพลเรือนควรอยู่เหนือกองทัพ” นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามถึงการหารือกับพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะฝ่ายค้านร่วมกัน นายพริษฐ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุย ที่ผ่านมามีแต่การพูดคุยในพรรคก้าวไกลเป็นหลัก 

ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุชพัทยาพร้อมเปิดงาน MIRA และ SUBCON EEC 2023 พบผู้ซื้อรายใหญ่ เสริมแกร่งผู้ประกอบการในพื้นที่ EEC สร้างมูลค่าการเชื่อมโยงธุรกิจกว่า 2,000 ล้านบาท

ที่ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุชพัทยา นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน  สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พร้อมด้วย ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) สํานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพย.) นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายมนู เลียวไพโรจน์, ประธาน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย และนายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา, ผู้อำนวยการ สํานักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ร่วมเปิดงานจัดงาน MIRA และ SUBCON EEC 2023 โดยมีผู้ประกอบการ แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน

การจัดงานที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุชพัทยาในครั้งนี้ มีความพร้อมในเรื่องสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดงาน โดยงานเริ่มตั้งแต่วันที่6-8 กันยายน 2566 จะเป็นงานเชื่อมโยงอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคแล้ว ยังมีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้สามารถสร้างตลาดและเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานระดับโลก (Global Supply Chain) เพราะเราตระหนักดีว่า  ในการสร้างฐานอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์อิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบอัตโนมัติ EV หัวใจสำคัญคือ การมี Supply Chain ที่ครบวงจรและเข้มแข็ง 

สำหรับการจัดงานในปีนี้ ได้รวบรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยในภาคอุตสาหกรรมมาจัดแสดงกว่า 150 ราย พร้อมกันนี้ยังได้รวบรวมการประชุมและสัมมนาในหัวข้อสำคัญๆ อาทิ การเสวนาหัวข้อ "จากกระบวนการผลิต สู่การเลือกใช้ระบบอัตโนมัติที่เหมาะสม และ "A Case Study of Prompt Engineering for Industrial Cybersecurty using ChatGPT และที่พลาดไม่ได้คือ โซนเทคโนโลยีพิเศษ MIRA x FIBO ที่ผู้จัดงานได้ร่วมมือกับ สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี นำ 3 เทคโนโลยีพิเศษมาจัดแสดง ได้แก่ 1.มดบริรักษ์ หุ่นยนต์ผู้ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ช่วงโควิดที่สามารถนำแนวคิดไปต่อยอดในการจัดการ 2.CHESS ROBOT กิจกรรมการเล่นหมากรุกระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์เล่นหมากรุกสากล และ 3.InteractiveVitual Aquarium ที่สามารถสร้างสรรค์ปลาที่มี character เฉพาะตัวของผู้ชมงานแต่ละคนปล่อยลงสู่ Virtual Aquarium ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 5,000 คน ทุกภาคส่วนมองตรงกันว่าเวที่นี้จะเป็นหมุดหมายที่สำคัญในการร่วมสร้างหมุดหมายใหม่ในการลงทุนให้กับภาคเศรษฐกิจไทย"

ส่อง 4 มรดกโลก ใกล้รถไฟความเร็วสูงยิ่งกว่า 'อยุธยา' แต่!! ไม่เดือดร้อน ไม่ถูกถอดถอนจากลิสต์!!

ประเด็นความกังวลเรื่องการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เริ่มมีมากขึ้น หลังจากมีกลุ่มคนออกมาคัดค้านพร้อมแจงเหตุผลว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงนี้อยู่ใกล้กับอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้รับประกาศเป็นมรดกโลก เกรงว่าหากมีการก่อสร้างจะสั่นคลอนถึงตำแหน่งมรดกโลก แม้ตัวโครงการรถไฟความเร็วสูงและอุทยานฯ จะอยู่ห่างกันประมาณ 2 กิโลเมตรก็ตาม…

วันนี้ THE STATES TIMES ได้รวบรวม 4 สถานที่ในโลกที่ได้ขึ้นชื่อเป็น ‘มรดกโลก’ แต่ก็ยังมี ‘สถานีรถไฟ’ อยู่ใกล้ ๆ แถมยังไม่ถูกปลดออกจากตำแหน่งด้วย จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกัน…

ทัวร์ลง ‘กระติ๊บ ชวัลกร’ หลังคอมเมนต์ ‘แน็ก ชาลี-เก๋ไก๋’ ประโยคเดียวสะเทือนทั้งโซเชียล จนชาวเน็ตขอเลิกติดตาม

(6 ก.ย. 66) เรียกได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก สำหรับ ‘แน็ก ชาลี’ หรือที่รู้จักในชื่อ ‘ชาลี ไตรรัตน์’ เป็นนักแสดงและนักร้องลูกครึ่งไทย-ฮอลแลนด์ เข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่ยังเด็ก มีผลงานสร้างชื่อในภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน ที่ทำรายได้สูงสุด 140 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2546 และภาพยนตร์เรื่อง เด็กหอ สำหรับการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ในปี พ.ศ. 2549

เเละหลายคนคงทราบกันดีว่า ‘แน็ก ชาลี’ นั้นเพิ่งประกาศเปิดใจคบหาสานความสัมพันธ์ กับยูทูบเบอร์สาวคนดัง ‘เก๋ไก๋’ ได้เพียงไม่นาน เละล่าสุด งานนี้เจ้าตัวนั้นก็ได้โพสต์คลิปวิดีโอเล่นเปียโนอวยพรวันเกิดแฟนสาว พร้อมระบุแคปชันว่า “ขอให้เก๋มีความสุขมากๆ ครับ ขอให้ทุกๆ วันมีแต่สิ่งดีๆ เจอแต่สิ่งดีๆ ขอให้มีแต่คนรักเยอะๆ แบบนี้ตลอดไป”

เเต่งานนี้ก็ทำเอาดรามาจนได้เมื่อ ทัวร์ลง ‘กระติ๊บ ชวัลกร’ นักแสดงดัง หลังโผล่คอมเมนต์ ‘แน็ก ชาลี-เก๋ไก๋’ แค่ประโยคเดียวสั้นๆ แต่กลับงานเข้าเต็มๆ โดยสาเหตุมาจากสาวกระติ๊บ ชวัลกร ได้เข้ามาคอมเมนต์โพสต์ดังกล่าว พร้อมระบุข้อความว่า “ดูดีกว่าอีกคู่เยอะ hbd ka” ทำคนแห่กดไลก์ไปเกือบหมื่นคน

หลังจากนั้น เหล่าบรรดาชาวเน็ตต่างก็เข้ามาคอมเมนต์เดือดทัวร์ลงกระติ๊บอย่างหนักกหน่วง อาทิ

“ชมคู่นี้แต่แขว๊ะอีกคู่มันดีหรอคะ โตแล้วควรมีวุฒิภาวะให้มาก คอมเมนต์แขวะให้คนอื่นตาม ไม่น่ารัก”
“การที่จะชมคนอื่นไม่เห็นต้องแซะคนอื่นเลย ดูไม่มีวุฒิภาวะเลยค่ะ”
“มารยาทขั้นพื้นฐานบ้งมากเลยนะคะ คุณกระติ๊บ”
“นี่ใครง่ะ ไปแชะคู่เขา หิวแสงหรือคะ รู้จักเขาหรอไปว่าเขา เราติดตามผลงานคุณ แต่ตอนนี้คงเลิกติดตามแล้วเเหละ รู้เลยนิสัยแบบนี้ เขาไม่รู้จักคุณด้วยช้ำจะโยนประเด็นเพื่อ?”
“ผมแฟนคลับชาลีนะ แต่เมนต์แบบนี้มันไม่ได้ดูดีเลยครับ แฟนคลับชาลีจริงๆ ก็คงไม่ได้ชอบใจอะไร ถ้าไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กัน ต่างคนต่างอยู่ ดีกว่าไปเหน็บเขาแบบนี้ ในขณะที่บางคนก็เข้ามาชมว่าคอมเมนต์แบบนี้ จริงค่ะ”
“ชัดเจนมาก”
“ถูกใจมากแม่!”!

ตำรวจไซเบอร์ ตามรวบเอเย่นต์รับซื้อบัญชีม้า ตุ๋นเหยื่อสูญเงินกว่า 2.5 ล้าน

กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 จับกุมเอเย่นต์รับซื้อบัญชีม้า ในขบวนการแอบอ้างเป็นหญิงสาวหน้าตาดี เข้ามาตีสนิทผ่านโลกออนไลน์ ลวงเหยื่อลงทุนเทรดเงินดิจิทัล ผลตอบแทนสูงร้อยละ 50 สูญเงินรวมกว่า 2.5 ล้านบาท

สืบเนื่องจากเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา มีประชาชนซึ่งตกเป็นผู้เสียหาย จากการถูกกลุ่มขบวนการ Hybrid Scam หลอกให้รักแล้วลงทุน ใช้โปรไฟล์หญิงสาวหน้าตาดี เข้ามาทักทายตีสนิทผ่านทางเฟสบุ๊ค จากนั้นได้มีการพูดคุยติดต่อกันทางแอปพลิเคชั่น ไลน์ และได้เริ่มชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนเทรด ซื้อขายเงินสกุลดิจิทัล USDT ซึ่งมีผลตอบแทนสูงถึงร้อยละ 50 ของเงินลงทุน เมื่อผู้เสียหายสนใจ คนร้ายได้ส่งแพลตฟอร์ม Bidget-coins เพื่อให้ผู้เสียหายสมัครสมาชิกเข้าไปลงทุน ซึ่งในช่วงแรกสามารถทำกำไรและเบิกถอนเงินได้ตามปกติ จนกระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีคนร้าย จำนวน 7 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 2,588,000 บาท ต่อมาไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ โดยคนร้ายใช้ข้ออ้างต่างๆ เช่น ต้องชำระค่าภาษีหรือค่าธรรมเนียม หรือ ต้องเพิ่มการลงทุนให้มากขึ้น จึงจะถอนเงินได้ เมื่อผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงได้มาร้องทุกข์กับ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 จึงได้สั่งการให้ทำการสืบสวนสอบสวนและติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว จนกระทั่งต่อมาชุดสืบสวน กก.4 บก.สอท.1  สามารถจับกุมขบวนการนี้ไว้ได้ ซึ่งได้ให้การรับสารภาพและซัดทอดว่า นายธานุศักดิ์ฯ หรือเกมส์ (ขอสงวนนามสกุล) เป็นผู้ว่าจ้างให้เปิดบัญชี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหานี้ไว้

ต่อมาวันที่ 5 กันยายน 2566 พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.ทำนุรัฐ คงมั่น รอง ผบก.สอท.1 พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวน กก.4 บก.สอท.1 นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายธานุศักดิ์ หรือ เกมส์ (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ผู้ต้องหา ซึ่งทำหน้าที่ชักชวนและว่าจ้างให้เปิดบัญชี เพื่อรวบรวมบัญชีม้าไปส่งให้นายทุนใหญ่อีกทอดหนึ่ง ได้ที่ บริเวณบ้านเอื้ออาทร ซอยรังสิตนครนายก 24 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติยังพบว่า ผู้ต้องหามีประวัติพัวพันกับยาเสพติดก่อนหน้านี้เคยถูกจับกุมตัวมาแล้วหลายครั้ง

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ฯ กล่าวว่า “จากการจับกุมบัญชีม้าก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน และขยายผลจนทราบว่า นายธานุศักดิ์ ทำหน้าที่ชักชวนคอยหาบัญชีม้าให้กับกลุ่มมิจฉาชีพโดยว่าจ้างให้เปิดบัญชีธนาคาร และลงทะเบียนซิมการ์ดโทรศัพท์ (บัญชีม้า ซิมม้า) โดยให้ค่าตอบแทนบัญชีละ 700 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ขยายผลไปยังนายทุนผู้อยู่เบื้องหลังต่อไป”

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ฯ ผบก.สอท.1 ได้ฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนว่าอย่าได้หลงเชื่อหรือตกเป็นเหยื่อ โดยไม่ควรรับแอดเพื่อนในสื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่รู้จัก หากจะรับขอให้ตรวจสอบข้อมูลในบัญชีให้ดี และหากมีการชักชวนลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพ และควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของการลงทุนอีกด้วย หากมีข้อสงสัยสามารถปรึกษาสอบถาม สายด่วน ตำรวจไซเบอร์ 1441 ได้ทันที

‘กองทุนดีอี’ ติดตามโครงการโดรนสำรวจความสมบูรณ์ของป่าไม้ ชี้ ผลสำเร็จตามเป้า หลังเก็บข้อมูล 11 อุทยาน กว่า 10 ล้านไร่

กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามผลสำเร็จในการดำเนินงาน โครงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีประกาศ พ.ศ. 2564 ตามมาตรา 26(1) ภายใต้กรอบนโยบาย Digital Government and Infrastructure

วันที่ 4 กันยายน 2566 กองบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำโดยคณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผลโครงการ ผู้แทนจากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณาโครงการ ผู้อำนวยการกองทุนฯ และเจ้าหน้าที่กลุ่มติดตามและประเมินผล ได้ลงพื้นที่ติดตามประเมินผลความสำเร็จในการดำเนินงาน “โครงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” ของ กองการบิน สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

กองการบินฯ ได้ขอทุนสนับสนุนในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่มีภารกิจในการดูแลทรัพยากรป่าไม้ของประเทศและการดูแลประชาชน ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศ การบินลาดตระเวนทางอากาศด้วยอากาศยานไร้คนขับ ในการสนับสนุนภารกิจด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาจัดทำฐานข้อมูลแผนที่ป่าอุทยาน และพัฒนาระบบจัดเก็บ แลกเปลี่ยน และแสดงผลข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศความละเอียดสูงสำหรับสนับสนุนการจัดการพื้นที่ทำกิน ให้บริการแก่ประชาชนและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงระบบแสดงผลข้อมูลสถานการณ์ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสถานการณ์ด้านไฟป่าและน้ำป่าไหลหลากในรูปแบบ real time บน web map service และ mobile application เพื่อแจ้งเตือนประชาชน

โดยกองการบินฯ ได้รายงานผลการดำเนินงานของโครงการที่มีผลสัมฤทธิ์ในโครงการตามวัตถุประสงค์ ดังนี้ สามารถพัฒนาระบบอากาศยานไร้คนขับแบบขึ้นลงแนวดิ่ง จำนวน 14 ระบบ แบ่งเป็น อากาศยานขนาดใหญ่ใช้ในการลาดตระเวนทางอากาศ จำนวน 4 ระบบ อากาศยานขนาดกลางและขนาดเล็ก จำนวน 10 ระบบที่ใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศและภาพถ่ายทางอากาศแบบหลายช่วงคลื่น แล้วนำไปเก็บข้อมูลทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศที่ครอบคลุมพื้นที่ป่าจำนวน 11 อุทยาน บนพื้นที่กว่า 10 ล้านไร่ และพัฒนาระบบบริหารจัดการในการใช้งาน ข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้ในโครงการ เป็นฐานข้อมูลในการปฏิบัติงานและบูรณาการการใช้งานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการลดการบุกรุกพื้นที่ป่า การบริหารจัดการพื้นที่ทำกิน รวมถึงการแจ้งเตือนสถานการณ์ไฟป่า น้ำป่าไหลหลากให้ประชาชนได้ทราบอย่างทันท่วงที โดยกองการบินได้สาธิตการทำงานของอากาศยานไร้คนขับในแต่ละระบบ โดยจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานของหน่วยงาน ณ สนามบินเล็กพัทยา จ.ชลบุรี มีผลความสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์เป็นอย่างดี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top