Saturday, 24 May 2025
NewsFeed

แม่หญิงสมายล์เชิญชวนให้ทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสืบตำนานไหมไทย

✨💖แม่หญิงสมายล์เชิญชวนให้ทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสืบตำนานไหมไทย
🧡งาน “ตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย” ครั้งที่ 18 ภายใต้แนวคิด “ไหมไทยล้ำค่า สายใยแห่งภูมิปัญญา พัฒนาสู่สากล”

🩵ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 3 กันยายน 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 20.00 น. 
📍ณ ฮอลล์ 6-7 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

😍พบกับกิจกรรมมากมายภายในงาน อาทิ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ การจัดแสดงเครื่องหมายตรานกยูงพระราชทาน ผลงานการประกวดเส้นไหม ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน และผลิตภัณฑ์หม่อนไหม ประจำปี 2566 นิทรรศการหม่อนไหมครบวงจรและสินค้าหม่อนไหมมากกว่า 200 ร้านค้า💕
🥰อย่าลืมไปงานกันเยอะๆ น้า🥰

‘ภัทร เหมสุข’ เผย ‘หยก’ สูญเสียอนาคตเพราะเลือกทางผิด ซัด!! ผู้ใหญ่หลอกครอบงำเด็ก ใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 66 จากกรณีที่ ‘หยก ธนลภย์’ เยาวชนอายุ 15 ปี ผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง ได้นอนขวางรถบัสของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ที่กำลังจะพานักเรียนไปเข้าค่ายภาษาจีน หลังทางโรงเรียนปฏิเสธไม่ให้หยกร่วมเดินทางไปค่ายด้วย เนื่องจากหยกไม่มีสถานภาพนักเรียนและไม่ได้จ่ายค่าเทอม (เพราะคืนค่าเทอมไปแล้ว) ทำให้ครูและเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ พยายามให้หยกลงจากรถ แต่หยกไม่ยอม จนเพื่อนนักเรียนต้องช่วยกันอุ้มหยกลงจากรถ ทำให้ นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Pat Hemasuk’ ถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า…

“สิ่งบางอย่างเดินหน้าแล้วถอยหลับกลับไม่ได้ สิ่งนั้นคือ ‘เวลาและโอกาส’ ของชีวิตที่เข้ามา
ผมอ่านข่าวบางข่าวเมื่อวานนี้แล้วสังเวชใจกับเด็กที่โดนการเมืองเข้าครอบงำ ใช้เป็นเครื่องมือจนชีวิตสูญเสียไปแบบไม่มีทางกลับไปดีได้เหมือนเดิม ในต่างประเทศมีกฎหมายคุ้มครองเด็กในเรื่องแบบนี้ คนที่ทำถึงขั้นติดคุกเลยทีเดียวถ้าไปใช้เด็กทำอย่างที่เห็น

ด่านแรกที่สู้จนถอดใจ คือ ครูและพ่อแม่ ที่ต้องตัดหางปล่อยวัด เพราะเด็กทำตัวแรงจนเอาไม่อยู่ ลองคิดดูว่าคนเป็นพ่อแม่ยังไม่เอา เนื่องจากเด็กเชื่อสังคมนอกโรงเรียน ทำผิดซ้ำซากจนเข้าสถานพินิจหรือคุกเด็กนั้น พ่อแม่และครูจะปวดใจแค่ไหน

วันนี้ที่เห็นเด็กต้องรับเรื่องราวอะไรมากมายเกินกว่าเด็ก ม.4 จะต้องพบเจอจากสังคม สายตาและแววตาบางภาพที่ออกสื่อ มันฟ้องว่าในใจของเด็กนั่นโดนอะไรและกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าสิ่งนี้ถือว่าแรงแล้วผมอยากให้รอดูไปอีกสองปี ตอนที่เพื่อนๆ ต่างก็แสดงความยินดีกันว่าพวกเขาคนโน้นคนนี้สามารถเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้บ้าง อนาคตจะเป็น นักศึกษาแพทย์ วิศวะ สถาปนิก นักกฎหมาย นักเศรษฐศาสตร์ ฯลฯ กันห้องละกี่คน แล้วในเวลาเดียวกันวันนั้นเธอจะได้จะมีอนาคตอะไรอยู่ในมือบ้าง

แววตาของเธอจากภาพบนสื่อวันนี้สะท้อนความคิดในใจของเธอ ว่าเธอเองก็เศร้าใจอยู่ลึกๆ ในพฤติกรรมของเธอ ที่ได้รับการตอบสนองจากเพื่อนที่เคยร่วมชั้นเรียนอย่างไรบ้าง แล้วอีกสองปีข้างหน้าผมพยากรณ์อนาคตได้เลยว่า แววตาของเธอจะเศร้ายิ่งกว่าวันนี้เสียอีก…

ผมไม่ได้โทษเธอคนเดียวหรอกนะ แต่ผมโทษผู้ใหญ่ที่หลอกใช้เด็กเป็นเครื่องมือเสียมากกว่า วันนี้เธอไร้ประโยชน์ทางการเมืองแล้วก็โดนเขี่ยทิ้ง ตัดท่อน้ำเลี้ยง เพราะไม่รู้ว่าจะเลี้ยงดูส่งเสียให้สิ้นเปลืองไปทำไม ไม่ต่างกับหลายคนที่โดนเททิ้งมาก่อนหน้านั้น และอีกสองปีกว่าๆ คดีหลายคดีที่เธอเคยสร้างเรื่องเอาไว้ก็คงจะสิ้นสุดลง ตอนนั้นเธอก็คงไม่ได้เข้าสถานพินิจเหมือนเดิมแล้ว แต่เธออายุครบที่จะเข้าทัณฑสถานไปเรียบร้อย เป็นการเริ่มชีวิตวัยรุ่นที่น่าเศร้าใจเมื่อเทียบกับชีวิตในมหาวิทยาลัยของเพื่อนๆ ที่เคยนั่งเรียนห้องเดียวกันมา

เห็นภาพไหมครับ ว่าพวกผู้ใหญ่และนักการเมืองบางกลุ่มที่สร้างเธอขึ้นมานั้น จิตใจโหดร้ายแค่ไหน และมีเหยื่ออย่างเธออีกมากมายหลายคน ผมได้แต่คิดขอให้กรรมนั้นตามสนองคนที่หลอกใช้เด็กเหล่านี้ในเร็ววัน”

‘หมอวรงค์’ ยินดี ‘ทักษิณ’ ยอมรับผิด โชคดีที่เรามีในหลวงเป็นที่พึ่ง

(2 ก.ย.66) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘Warong Dechgitvigrom’ ระบุว่า...

“ทักษิณสำนึกผิด ยอมรับผิดในการกระทำ จึงได้รับพระมหากรุณา โชคดีที่เรามีในหลวงเป็นที่พึ่ง ยินดีด้วยครับ”

วันของ ‘ทักษิณ-เศรษฐา’ ส่วน ‘ไผ่ ลิกค์’ วืด!! ฟาก ‘พท.’ ดึง ‘บิ๊กแป๊ะ’ ช่วย ‘บิ๊กทิน’ งานไหลลื่น

รายชื่อคณะรัฐมนตรี หรือ ‘ครม.เศรษฐา 1’ โปรดเกล้าฯ แล้ว เดี๋ยวมาว่ากัน… แต่ก่อนอื่น ‘เล็ก เลียบด่วน’ ต้องขอแสดงความยินดีกับครอบครัวชินวัตรด้วยคน ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ได้ทรงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษชายเด็ดขาด ‘นายทักษิณ ชินวัตร’ เหลือโทษจำคุก 1 ปี จากทั้งหมด 8 ปี… 

ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ก็ไม่ต้องอธิบายซ้ำตรงนี้… 

แต่จากนี้ไปก็พอจะคาดหมายได้ว่าโทษจำคุก 1 ปีที่เหลือ คุณทักษิณก็คงจะใช้ช่องทางตามกฎกติการาชทัณฑ์พบกับอิสรภาพได้ในไม่นาน เช่น การพักโทษหรือถ้ามีพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษในวันสำคัญก็สามารถพ้นโทษได้เลย เพราะโทษเหลือไม่ถึงปี หรือที่เรียกว่า ‘ต่ำปี’... ก็ว่ากันไป

แต่ที่อยากบอกทักษิณและครอบครัวชินวัตรตรงไปตรงมาด้วยปรารถนาดีตรงนี้ก็คือ หากไม่นอนอยู่ห้องไอซียู รพ.ตำรวจ พรุ่งนี้มะรืนนี้กรุณากลับไปรับโทษนอนรักษาตัวที่แดน 7 รพ.ราชทัณฑ์ได้แล้ว… จะเป็นภาพที่งดงามดูสอดประสานกับพระมหากรุณาธิคุณ… ตระกูลชินวัตรจะได้ไม่เป็นที่ถูกเกลียดชังเพิ่มขึ้นไปกว่าเดิม… 

กลับมาที่ โฉมหน้า ‘ครม.เศรษฐา 1’... เมื่อพิชิต ชื่นบาน ‘ทนายถุงขนม’ ประกาศถอนตัวออกไปเพราะแรงต้านจากสังคม พร้อมกับตัดชื่อ ‘ไผ่ ลิกค์’ หรือ ‘ไผ่ วันพอยท์’ ออกจาก ‘รมช.พาณิชย์’ โดยไม่มีใครรู้ล่วงหน้าแต่สันนิษฐานได้ว่าคงเนื่องจากเหตุปมคดีเก่าๆ ก็ทำให้ ‘ครม.เศรษฐา’ ดูดีขึ้นนิดหน่อย… แม้ว่าจะยังมีเสนาบดีอีก 2-3 คนที่ปูมประวัติไม่ค่อยโสภาสถาพรอยู่บ้าง แต่ก็พอจะหยวนๆ ให้โอกาสได้พิสูจน์คุณธรรมและน้ำยากันอีกสักรอบ… 

สำหรับคนที่จะมาแทนโควตา พิชิต ชื่นบาน จะเป็น ‘ชูศักดิ์ ศิรินิล’ หรือไม่นั้น ก็รอดูกันต่อไป… ขณะที่กรณีไผ่ ลิกค์ เป็นสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งหากสังเกตให้ดีเมื่อ 4-5 วันก่อน มีการปล่อยชื่อของ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หรือ ‘อาจารย์แหม่ม’ ออกมาให้สื่อพูดถึง… อย่างไรก็ตาม ถ้าอาจารย์แหม่มอยากได้เก้าอี้รัฐมนตรี ก็ต้องได้รับความยินยอมจากบ้านใหญ่กำแพงเพชร ภายใต้การนำของ วราเทพ รัตนากร ผอ.พรรค… และ ไผ่ ลิกค์ ก็อยู่ในกลุ่มนี้

งานนี้… คงหนีไม่พ้น ‘ลุงป้อม’ หัวหน้าพรรคที่จะต้องทุบโต๊ะแบบเซ็งๆ อีกครั้ง… 

ในจำนวนรัฐมนตรี 33 คนของ ‘ครม.เศรษฐา 1’ สุทิน คลังแสง นับเป็นบุคคลที่น่าสนใจมากที่สุดคนหนึ่ง เพราะนี่คือพลเรือนที่ไม่ได้เป็นนายกฯ แต่ถูกวางตัวเป็นเสนาบดีกระทรวงกลาโหม… ซึ่งจริงๆ แล้วแรกเริ่มเดิมทีกระทรวงนี้ทาง ‘บิ๊กป้อม’ จองให้พรรคพลังประชารัฐ ตอนแรกนัยว่าถ้าตัวเองได้เป็นนายกฯก็จะควบเอง ต่อมามีข่าวลือว่าจะให้ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา (บิ๊กน้อย) ต่อมามีชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ (บิ๊กป๊อด) อดีตผบ.ตร.น้องชายบิ๊กป้อม… 

ก่อนที่ในช่วงท้ายๆ จะมีชื่อ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ (บิ๊กเล็ก) อดีตเลขาธิการ สมช.สายตรงบิ๊กตู่ แต่ก็มีแรงต้านเล็กๆ จากคนเสื้อแดงเพื่อไทย ประกอบกับพรรคเพื่อไทยไม่อยากสูญเสียโควตาให้บุคคลภายนอก… หวยจึงมาออกที่ สส.นักการศึกษาอย่าง ‘สุทิน คลังแสง’

ผู้สันทัดกรณีบางรายวิเคราะห์ว่า… การวางตัวสุทินคุมกลาโหม… จะใช่หรือไม่ว่า… เป็นการโชว์พาวของคนแดนไกลที่เป็นคนแดนใกล้แล้วในวันนี้… ประมาณว่าเขาจะจัดวางใครไว้ตรงไหนก็ทำได้!?

ก็คงต้องตามไปดูว่า สุทิน คลังแสง ผู้มีวาทศิลป์ มีอีคิวสูงจะไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ แต่ยังไงๆ ก็เชื่อว่าอย่างน้อยคงดีกว่า อดีตนายกฯ หญิงยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ควบกลาโหมช่วงปี 2556-2557 ซึ่งโชคดีที่ช่วงนั้นนายกฯ ปูมี ‘บิ๊กแป๊ะ’ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก เป็นปลัดกลาโหม คอยช่วยดูงานอีกแรงหนึ่ง… 

โดยวันนี้ นอกเหนือจาก พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา จะถูกเทียบเชิญไปเป็นที่ปรึกษาแล้ว แว่วว่าพรรคเพื่อไทยจะส่ง ‘บิ๊กแป๊ะ’ พล.อ.นิพัทธ์ไปเป็นแม่บ้าน นั่งตำแหน่งเลขานุการ รมว.กลาโหม ให้เจ้ากระทรวงทำงานได้อย่างราบรื่น… 

ถ้าจริงก็น่าจะเป็นโชคดีของ… บิ๊กทิน!?

‘ใยไหม ชินารดี’ โอดอยากลบภาพจำดาราเด็ก ลั่น!! “หนูโตแล้วค่ะ” พร้อมบอก อยากลองรับบทฆาตกร-โรคจิต เผื่อคนจะสลัดภาพจำได้บ้าง

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 66 เข้าวงการตั้งแต่ 3 ขวบ ขึ้นแท่นดาราเด็กสุดฮอต และหลายคนจำชื่อและหน้าตากันได้ดี สำหรับ ‘น้องใยไหม ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ’ นักแสดงสาวน้อยมากความสามารถ แถมฉายแววสวยตั้งแต่เด็กๆ จนตอนนี้กลายเป็นสาวเต็มตัว อายุ 18 ปีแล้ว

แม้ว่าเจ้าตัวจะกลายมาเป็นนางเอกเต็มตัวแล้ว แต่หลายคนยังติดภาพจำวัยเด็ก และยังมีคนทักอยู่บ่อยๆ ว่า “น้องใยไหมโตแล้วเหรอเนี่ย”

ล่าสุด ‘ใยไหม’ มาร่วมงาน ‘First Preview ละคร Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน’ ในฐานะนักแสดงของเรื่อง ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเธออยากให้คนจำบทบาทใหม่ๆ ในชีวิตนักแสดงของเธอบ้าง 

“ตอนนี้อายุ 18 ปีแล้วค่ะ (ยิ้ม) ล่าสุดตอนนี้เรียนอยู่ปี 1 ที่ มศว. คณะอุตสาหกรรม เอกการแสดงค่ะ” น้องใยไหม กล่าว

>> ได้เป็นเฟรชชี่แล้ว?
“จริงๆ ค่อนข้างตื่นเต้นค่ะ เพราะได้เจอเพื่อนใหม่ๆ และสังคมใหม่ๆ”

>> ตั้งใจเรียนตรงสายเลยใช่ไหม?
“จริงๆ ถ้าตรงสายของหนูตั้งแต่เด็กก็คงจะเป็นนวัตกรรม ค่ะ แต่หนูเคยเล่นละครเวทีตั้งแต่เด็ก ก็รู้สึกว่าเราชอบแนวนี้ ก็เลยอยากลองศึกษาเพิ่มเติม ก็เลยเลือกเข้าศิลปกรรม เพราะว่าศิลปกรรมกับนวัตฯ จะคนละแบบ”

>> ชีวิตตอนเป็นนักแสดงเด็ก กับชีวิตการเป็นนักแสดงวัยรุ่นแตกต่างกันไหม?
“แตกต่างนะคะ เพราะตอนเด็กๆ การตัดสินใจในหลายๆ เรื่องจะไม่ค่อยซับซ้อนเท่าตอนโตเท่าไหร่ แต่พอโตมาและได้รับบทใหม่ๆ ที่โตขึ้น มันก็มีอะไรหลายๆ อย่างที่ซับซ้อน คดเคี้ยวมากขึ้น”

>> คนก็ทักตลอด?
“ใช่ค่ะ ทุกคนก็จะบอกว่าน้องใยไหมโตแล้วเหรอ (ยิ้ม) จริงๆ มันก็ผ่านมา 15 ปีแล้ว (หัวเราะ)”

>> คนเข้ามาถามเยอะมั้ยกับบทบาทใหม่ๆ ที่เราได้รับ?
“มีค่ะ แต่ส่วนใหญ่เข้ามาคอมเมนต์ในไอจีหรือเฟซบุ๊กเยอะว่าอายุ 18 แล้วเหรอ โตเร็วจัง”

>> ดีใจมั้ยที่หน้าเรายังบล็อกเดิม ไม่เปลี่ยน?
“(หัวเราะ) ดีใจค่ะ เพราะรู้สึกว่าใบหน้าเราก็เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่ทำให้ทุกคนจำได้”

>> พออายุ 18 แล้วอยากทำอะไรที่แตกต่างจากตอนเป็นเด็กไหม?
“ก็ต้องเรียกว่าแสดงได้ทุกบทแหละค่ะ แต่ในอนาคตก็คงจะมีคาแร็กเตอร์บางอย่างที่ชาเลนจ์ตัวเรามากขึ้น”

>> อยากให้คนมองภาพเราเปลี่ยนไปจากตอนเด็กไหม?
“อยากนะคะ เพราะคนส่วนใหญ่จะติดภาพที่ไหมตอน 3 ขวบ แต่อยากจะบอกว่าโตแล้วนะ (หัวเราะ) ก็อยากให้ทุกคนจำเราในบทบาทใหม่ๆ บ้าง”

>> งานที่เข้ามาเป็นยังไงบ้าง โตขึ้นมั้ย หรือยังมีแนวเด็กๆ อยู่?
“เหมือนตอนนี้เรายังเป็นวัยรุ่น บทต่างๆ ที่เข้ามาส่วนใหญ่ก็เป็น 17-20 ก็เลยอาจจะยังไม่ได้ดูโตมากขนาดนั้น แต่จริงๆ หนูอยากลองเล่นบทโรคจิต ฆาตกร อยากเล่นแนวนั้นเลย เพราะน่าจะทำให้ทุกคนพอจะสลับภาพจำไปได้บ้าง (หัวเราะ) เพราะที่ผ่านมาจะมีบทดรามาที่คนจะจำได้เยอะๆ คนจะจำว่าน้องใยไหมเป็นนักแสดงที่ร้องไห้ได้เก่งๆ ก็เลยรู้สึกว่ามีสกิลอื่นๆ ที่เราทำได้ดีเช่นกัน ก็อยากให้ทุกคนได้เห็นค่ะ”

>> แสดงว่าภาพจำก็มีผลกับงาน?
“มีค่ะ เพราะส่วนใหญ่เวลาเล่นละครก็จะได้บทดรามาเยอะมากๆ ก็เลยอยากจะได้ลองเล่นบทอื่นๆ ด้วย”

>> ได้เอาสิ่งที่เรียนมาใช้ไหม?
“จริงๆ ที่เรียนที่มหาวิทยาลัยก็คือเพิ่งเปิดเทอมค่ะ ก็เลยยังไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมาก แต่หวังว่าในอนาคตถ้าได้เรียนในชั้นปีที่มากขึ้นเรื่อยๆ ก็คงได้เอาสกิลอะไรบางอย่างมาใช้จริงบ้าง”

>> กลัวการทำงานจะกระทบกับผลการเรียนไหม?
“จริงๆ ไม่กลัวนะคะ เพราะที่ผ่านมาเราก็สามารถจัดการเวลาระหว่างเรียนกับทำงานได้ และหวังว่าอนาคตก็คงจะไม่มีอะไรที่ทำให้สองอย่างนี้กระทบกันค่ะ แต่สุดท้ายแล้วไหมก็จะเลือกเรื่องเรียนก่อนอันดับแรกค่ะ”

>> ผลงานตอนนี้?
“ที่เพิ่งถ่ายจบไปก็ Across the Sky และอีกเรื่องนึงก็คือ Shadow เงาล่าตาย ก็เลยยังไม่ได้มีผลกระทบอะไรมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอีเวนต์หรือเป็นงานโปรโมตมากกว่าค่ะ”

>> กลัวในอนาคตมั้ยว่าเราเลี่ยงไม่ได้ที่อาจจะต้องจบช้ากว่าเพื่อน?
“จริงๆ ที่บ้านไหมไม่ซีเรียสเรื่องการเรียน คือไม่ได้ซีเรียสว่าถ้าวันนึงเรางานเยอะขึ้นมา จะต้องจบพร้อมเพื่อน เพราะที่บ้านไหมไม่ได้เข้มงวดขนาดนั้น เขาเข้าใจในการทำงานของเรา แต่ความตั้งใจของไหมก็คือให้จบพร้อมเพื่อน และจริงๆ หนูเป็นคนค่อนข้างซีเรียสเรื่องผลการเรียน ถึงแม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น แต่เราก็อยากจะให้มันดีทั้งคู่ ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องการทำงาน”

>> ถ้ารับงานก็จะเลือกไม่ให้กระทบกับเวลาเรียนใช่ไหม?
“ใช่ค่ะ”

เคาะแล้ว!! เปิดโผรายชื่อ ‘คณะรัฐมนตรีเศรษฐา ​1’ อย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 66 เว็บไซต์ราชกิจจา​นุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี​ ลงวันที่​ 2 กันยายน​ 2566​ ความว่า…

“พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง​ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 22 สิงหาคม พุทธศักราช 2566 แล้ว นั้น

บัดนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เลือกสรรผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้”

- นายภูมิธรรม เวชยชัย​ พรรคเพื่อไทย เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

- นายสมศักดิ์ เทพสุทิน​ พรรคเพื่อไทย เป็นรองนายกรัฐมนตรี 

- นายปานปรีย์ พหิทธานุกร​ พรรคเพื่อไทย เป็นรองนายกรัฐมนตรีและ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 

- นายอนุทิน ชาญวีรกูล​ พรรคภูมิใจไทย เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 

- พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ​ พรรคพลังประชารัฐ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 

- นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค​ พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 

- นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ​พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

- นายสุทิน คลังแสง​ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 

- นายเศรษฐา ทวีสิน พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอีกตำแหน่งหนึ่ง 

- นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็น​รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 

- นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 

- นายจักรพงษ์ แสงมณี​ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 

- นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล​ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

- นายวราวุธ​ ศิลปอาชา พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 

- นางสาวศุภมาส อิศรภักดี พรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 

- ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า​ พรรคพลังประชารัฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร​และสหกรณ์

- นายไชยา พรหมา ​พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 

- นายอนุชา นาคาศัย​ พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 

- นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ​ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 

- นางมนพร เจริญศรี​ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม 

- นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ​ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม 

- นายประเสริฐ จันทรรวงทอง​ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

- นายนภินทร ศรีสรรพางค์ พรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  

- นายเกรียง กัลป์ตินันท์ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 

- นายทรงศักดิ์ ทองศรี​ พรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย  

- นายชาดา ไทยเศรษฐ์​ พรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 

- พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง​ พรรคประชาชาติ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม 

- นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ พรรคภูมิใจไทย​ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

- นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช​ พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม 

- พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ​ พรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 

- นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล​ พรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 

- นายชลน่าน ศรีแก้ว ​พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 

- นายสันติ พร้อมพัฒน์​ พรรคพลังประชารัฐ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข 

- นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม 

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 1 กันยายน พุทธศักราช 2566 เป็นปีที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในราชกิจจานุเบกษา​ไม่มีรายชื่อ​ ของนายไผ่​ ลิกค์​ แต่อย่างใด​ แม้ว่าวานนี้ (1 ก.ย.) จะมีการลงพื้นที่ร่วมกับนายเศรษฐา​ ที่จังหวัดสมุทรคราม​ เพื่อรับฟังปัญหาการประมงผิดกฎหมาย​ อีกทั้งไม่มีชื่อนายพิชิต ชื่นบาน หลังจากที่เจ้าตัวประกาศไม่ขอรับตำแหน่งตั้งแต่เมื่อค่ำวันที่ 1 ก.ย. เช่นกัน

แบ่งปันกันยิ่งใหญ่!!

(2 ก.ย.66) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ‘สี จิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน กล่าวว่า จีนจะแบ่งปันความสำเร็จของการขับเคลื่อนการสร้างความทันสมัยของจีน ขณะดำเนินความพยายามร่วมกันกับนานาประเทศทั่วโลก ในการนำพาเศรษฐกิจโลกเข้าสู่เส้นทางการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน

อนึ่ง สี จิ้นผิง กล่าวคำข้างต้นขณะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสุดยอดการค้าภาคบริการโลกของงานมหกรรมการค้า ภาคบริการนานาชาติแห่งประเทศจีน (CIFTIS) ประจำปี 2023 ผ่านทางระบบวิดีโอ

สี จิ้นผิง กล่าวว่า “จีนจะทำงานเพื่อขยายอุปสงค์ภายในประเทศ เร่งการสร้างตลาดภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ดำเนินแผนริเริ่มเพื่อเพิ่มการนำเข้าบริการที่มีคุณภาพสูง และส่งเสริมการส่งออกบริการที่อาศัยองค์ความรู้มากขึ้น”

สี จิ้นผิง ระบุว่า จีนจะอัดฉีดแรงผลักดันใหม่สู่การพัฒนาระดับโลก ด้วยโอกาสที่เกิดจากตลาดอันกว้างใหญ่ของจีน รวมถึงส่งมอบการบริการของจีนที่ดีขึ้นและมากขึ้นแก่โลก ผ่านการพัฒนาคุณภาพสูง เพื่อเพิ่มการรับรู้ถึงผลประโยชน์ของผู้คนทั่วโลก

‘วันชัย’ ทวนคำทำนาย!! ตอกย้ำ ‘เศรษฐา’ มา ‘ราหู’ ไป ความขัดแย้งจะไม่มีอีก ไพร่ฟ้าหน้าใสคนไทยเป็นสุข

(2 ก.ย. 66) นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ทนายวันชัย สอนศิริ” ระบุว่า…

“ผมเคยบอกไว้เมื่อ 27 ส.ค. 66 ว่า เศรษฐามา… ราหูไป ความศิวิไลซ์แห่งประเทศจะบังเกิด ที่ไม่เคยเห็นจะได้เห็น... ที่ไม่เคยเป็นจะได้เป็น... ที่ไม่เคยมีจะได้มี... ความสามัคคีปรองดองจะเกิดขึ้น ความขัดแย้งจะไม่มีอีกต่อไป ไพร่ฟ้าหน้าใสคนไทยเป็นสุข... เป็นความมหัศจรรย์พันลึก บรรจงลงตัวพอดี เห็นมั้ยล่ะ... พระสยามเทวาธิราชมีอยู่จริง มีอิทธิฤทธิ์จริงๆ”

‘พิชิต ไชยมงคล’ วิเคราะห์ ‘ทักษิณ’ ขอพระราชทานอภัยโทษ อาจเกิดคลื่นความขัดแย้งใหม่ในสังคม แต่ไม่ถึงขั้นลงถนน

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 66 นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประเด็นที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอยู่ขณะนี้ ผ่านรายการ ‘คุยข่าว ถึงเครื่อง’ ประจำวันที่ 1 ก.ย. 66 เผยแพร่ผ่านช่องทางรับชมในเครือ THE STATES TIMES, คุยถึงแก่น, เปรี้ยง, NAVY AM RADIO/ MAYA Channel ช่อง 44 และ FM101 โดยมี นายปรเมษฐ์ ภู่โต สื่อมวลชนอาวุโส พิธีกร ผู้ประกาศข่าวรายการคุยถึงแก่น เป็นผู้ดำเนินรายการ

ทั้งนี้ นายพิชิต ได้ให้มุมมองต่อประเด็นการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ ชินวัตร ว่าจะส่งผลกระทบต่อการพยายามสร้างความปรองดองของรัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของคุณเศรษฐา ทวีสิน หรือไม่? อย่างไร? ดังนี้…

“ผมมองว่า ปมนี้ อาจจะเป็นปมที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งระลอกใหม่ในสังคมไทยได้ เนื่องจาก คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่มาจากพรรคเพื่อไทย ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าจะไม่อยู่ใต้ คุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีอิทธิพลต่อพรรคเพื่อไทย ทั้งในทางความคิด และในทางปฏิบัติ

ผมตั้งข้อสังเกตแบบนี้ว่า เมื่อรัฐบาลประกาศเดินหน้าที่จะเป็น ‘รัฐบาลผสม’ ที่จะเดินหน้าสู่ความปรองดอง สลายสีเสื้อ สลายขั้ว...ก็คงต้องถามชัดๆ ว่า ทำแบบนั้นแล้ว ประชาชนได้อะไร? นี่คือการสลายขั้วแค่เพียงในส่วนของนักการเมืองหรือไม่? คำตอบนี้จะถูกตอกย้ำในกรณีของการปฏิบัติต่อนักโทษท่านหนึ่ง”

นายพิชิต กล่าวต่อว่า “สถานะของคุณทักษิณ ชินวัตร ในตอนนี้คือ ‘นักโทษ’ ที่ต้องถูกคุมขังตามคําพิพากษา แม้ว่าอดีตท่านจะเคยเป็นนายกรัฐมนตรี หรือตำแหน่งใดก็ตาม แต่เราต้องคำนึงว่า ปัจจุบัน ซึ่งคุณทักษิณเป็น ‘ผู้ต้องหา’ ด้วย”

“อย่างไรก็ตาม การที่คุณทักษิณได้รับการปฏิบัติเยี่ยงอภิสิทธิ์ชนเช่นนี้ ผมมองว่า คนในสังคม ไม่เพียงแค่กลุ่มที่เคยออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้เท่านั้น แม้แต่กลุ่มคนเสื้อแดงที่เคยออกมาเคลื่อนไหวเพื่อคุณทักษิณ ก็อาจจะตั้งคำถามในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ว่าทำไมกลุ่มแกนนำ หรือแม้แต่กลุ่มคนเสื้อแดงที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อคุณทักษิณ ต้องติดคุก บางคนบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต”

“แต่ในขณะเดียวกัน คุณทักษิณเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย พร้อมรับอภิสิทธิ์ขนาดนี้ ยิ่งมีการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย จนกระทั่งได้รับการพระราชทานอภัยโทษด้วยแล้วอีก เรื่องนี้ผมจึงเชื่อว่าจะทำให้เกิดการตั้งคำถามขึ้นอย่างมากแน่นอน”

ทั้งนี้ นายพิชิต ยังได้ยกข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบฉบับของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในปี 2561 และ 2564 ออกมาอ้างอิงด้วย ว่า...

“ในกรณีที่จะทูลเกล้าฯ ขอถวายฎีกา หน่วยงานราชการ หรือหัวหน้าส่วน หรือกระทรวงต่างๆ จะต้องมีการพิจารณาในเรื่องดังต่อไปนี้...

1.) มีความเหมาะสมหรือไม่
2.) มีเรื่องร้องเรียนต่อกรณีนั้นหรือไม่
3.) จะก่อให้เกิดปัญหาในอนาคตตามมาหรือไม่

อีกทั้ง กรอบระยะเวลาที่รัฐบาลต้องพิจารณา และถวายทูลเกล้าฯ ก็ยังมีความไม่ชัดเจน ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาเท่าไร”

“ผมคิดว่า รัฐมนตรีที่มีความเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ หากมีการพิจารณาภายใต้ระเบียบของสํานักนายกรัฐมนตรีที่ได้มีแนวทางข้อบังคับไว้ ก็คงจะทำให้สังคมได้กลับมาตรึกตรองอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่ใช่ให้คุณทักษิณ ใช้ความไม่สมควร หรือมิบังควร ยื่นเรื่องไป แล้วทางผู้รับก็พร้อมรับและนำไปยื่นทูลเกล้าฯ ได้เลย ถ้าแบบนี้ ผมมองว่าจะยิ่ง ‘ตอกลิ่มความขัดแย้ง’ ในอนาคตได้มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ” นายพิชิต กล่าว

จากกรณีของคุณทักษิณยื่นขออภัยโทษครั้งนี้ นายพิชิต ได้ทิ้งท้ายไว้ถึงเชื้อไฟแห่งความไม่พอใจของผู้คนคงจะกระพือชัดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในกลุ่มของคนเสื้อเหลือง และคนเสื้อแดงเองด้วยเช่นกัน เพียงแต่การแสดงออกนั้น คงยังไม่ถึงจุดที่จะก่อให้เกิดการประท้วง หรือลงถนน

แต่ที่น่าห่วงคือ ท่าทีของรัฐบาลชุดใหม่ ว่าจะดำเนินการต่อไปในรูปแบบใด เช่น จะไหลตามน้ำ หรือจะทำการตรวจสอบพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ตามขั้นตอนของกระบวนการตรวจสอบ เพราะอาจเป็นตัวกำหนดท่าทีและการเคลื่อนไหวของประชาชน ก็เป็นได้…

อื้ออึง!! ‘ไผ่ ลิกค์’ หายวับ!! ครม.เศรษฐา 1 พปชร.ถูกตัดโควตาเหลือแค่ 3 ตำแหน่ง

พลันที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ก็มีคำถามพุ่งมามากมายเกี่ยวกับบุคคลที่หลุดจากตำแหน่งไป จากเดิมที่เคยอยู่ในโผว่าจะได้เป็นรัฐมนตรี ก็ให้เป็นที่สงสัยว่าเกิดจากอะไร พรรคการเมืองบางพรรคก็ถูกปรับลดโควตาลง ทั้งๆ ที่เคยมีโควตาตามสัดส่วน 9 : 1

ตามพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งรัฐมนตรี พบว่ามีการโปรดเกล้าลงมาเพียง 34 คน ทั้งๆ ที่ควรจะเป็น 35+1 คือบวกนายกรัฐมนตรีอีก 1 คน

ตรวจสอบลึกลงไปพบว่า พรรคพลังประชารัฐได้มาเพียง 3 ตำแหน่ง คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยกรธรรมชาติและสิ่งแล้วล้อม...

ชื่อของ ‘ไผ่ ลิกค์’ ที่มีโผว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ แต่หายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ คุณสมบัติไม่ผ่าน หรือถูกตัดโควตาก็ไม่ทราบ แต่ถ้าตัดโควตา ก็ไม่เห็นว่าจะเอาไปเพิ่มให้ใคร ตรงไหน?

เรื่องนี้พลังประชารัฐจะว่าอย่างไร? มี สส.40 คน แต่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเพียง 3 คน ซึ่งข้อเท็จจริงควรจะได้ 4+ ด้วยซ้ำไป

หรือเกิดจากการเอาคืนของเพื่อไทย ที่เสียงของพลังประชารัฐมาไม่เต็ม มาแค่ 39 จาก 40 และคนที่ไม่มาเป็นถึงหัวหน้าพรรค พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และเสียงสมาชิกวุฒิสภาสาย พล.อ.ประวิตร ก็มาแค่หร่อมแหร่ม 4-5 คน จึงถูกตัดโควตารัฐมนตรีลง แต่โดยมารยาทควรจะบอกกล่าวกันก่อนไหม

ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ เสียงเต็มทั้ง 36 เสียง แถมเสียงสมาชิกวุฒิสภา สาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มาเต็มเม็ดเต็มหน่วย เอาว่าเป็นเนื้อเป็นหนัง มี สส.36 คน แต่มีรัฐมนตรีถึง 5 ที่นั่ง ไม่ว่าจะเป็นพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีพลังงาน, นายกฤษณะ จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยคลัง (คนนอก), นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยเกษตร, นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม เป็นต้น 

เอาเป็นว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเนื้อเป็นหนังกว่าเยอะ!!

นอกจากนี้ยังมีชื่อบุคคลที่เคยอยู่ในโผ แต่หลุดมือไปตอนไหนไม่รู้ นอกจาก ‘ไผ่ ลิกค์’ แล้ว ยังมี ‘ชูศักดิ์ ศิรินิล’ ที่ควรได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี ดูแลฝ่ายกฎหมาย และช่วยงานพรรคมาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย มีมือดีเข้ามาล่วงโผ ดัน ‘พิชิต ชื่นบาน’ อดีตทนายถุงขนม เข้ามาเสียบแทน ‘ชูศักดิ์’ โดยไม่ได้ดูคุณสมบัติ ว่าเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนถึง 6 เดือน ซึ่งถือว่าขาดคุณสมบัติ ‘พิชิต’ จึงหลุดไปอีกคน 

สรุปง่ายๆ ว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่มีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย หรือจะให้ ‘พีระพันธุ์’ ดูแลแทน ในฐานะอดีตผู้พิพากษา

ส่วน พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ที่เคยเข้าวินในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม ก็หลุดไปเหมือนกัน โดยมี ‘พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล’ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้ามาสวมแทน… ทราบว่า นายกรัฐมนตรี ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ขอเปลี่ยนตัวเอง ต้องการคนมีประสบการณ์เข้ามาทำงาน จึงโยกพิมพ์ภัทรา จากช่วยมหาดไทย มานั่งว่าการอุตสาหกรรมแทนพิชชารัตน์ ซึ่งชื่อของพิชชารัตน์ก็หายไปจากสารบบ 2-3 วันแล้ว

ด้าน ‘วิทยา แก้วภราดัย’ ที่เคยมีชื่อเข้าชิงในรอบแรก ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข แต่ชื่อหลุดไปเมื่อเข้ารอบสอง ซึ่งเจ้าตัวอาจจะขอถอนเองก็เป็นได้ เพราะเคยนั่งว่าการสาธารณสุขมาแล้ว

ชื่อ ‘อดิศร เพียงเกษ’ หมอแคนจากพรรคเพื่อไทยก็ไปเข้ารอบ ไม่แตกต่างจาก ‘เสี่ยอ๋อย’ จาตุรนต์ ฉายแสง แต่ดูเหมือนว่า จะมีชื่อคนใหม่ๆ แปลกๆ เข้ามาแทนหลายตำแหน่งอยู่เหมือนกัน เช่น จักรพงษ์ แสงมณี มากพรรคไหนไม่ทราบ เข้ามานั่งช่วยต่างประเทศ

การตั้งรัฐบาลคราวนี้ พรรคที่เจ็บกระดองใจมากที่สุดน่าจะเป็นพลังประชารัฐ ที่มี สส.มากกว่ารวมไทยสร้างชาติ แต่ได้รัฐมนตรีน้อยกว่า ถึงเวลาพลังประชารัฐต้องมานั่งขบคิดแล้วละ จะว่าโควตาเต็มก็ไม่ใช่ เพราะตั้งยังขาดอยู่อีก 2 ตำแหน่ง หรือใครบางคนขาดคุณสมบัติ ส่งคนใหม่มาก็ตรวจสอบไม่ทันแล้ว เพราะรายชื่อส่งหมดแล้ว จะรอก็ไม่ได้ เพราะกำหนดการวางไว้หมดแล้ว วันศุกร์นำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้า โปรดเกล้าฯ ลงมา ‘เสาร์’ วันจันทร์เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน วันอังคารก็จะประชุม ครม.นัดแรก วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ‘ลุงตู่’ จึงมีอีเวนต์ อำลาทำเนียบรัฐบาลด้วย ‘รอยยิ้ม-น้ำตา’

แต่เริ่มต้น รัฐบาลเศรษฐา 1 ก็เห็นรอยร้าวแล้ว และน่าจะเป็นบทลงโทษที่สาสมกับเพื่อไทยต่อพลังประชารัฐ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top