Saturday, 24 May 2025
NewsFeed

กรมหม่อนไหม จัดงาน “ตรานกยูงพระราชทานฯ ครั้งที่ 18” ดันมาตรฐานไหมไทย สร้างชื่อ สร้างรายได้ให้ประเทศ

วันนี้ (1 กันยายน 2566) ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี นนทบุรี กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดงานตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย ครั้งที่ 18 ประจำปี 2566  ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม - 3 กันยายน 2566 ภายใต้แนวคิด “ไหมไทยล้ำค่า สายใยแห่งภูมิปัญญา พัฒนาสู่สากล” 

นายประกอบ เผ่าพงศ์ อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2566 ที่ทรงสืบสานและทรงให้ความสำคัญกับผ้าไหมไทย พร้อมผลักดันมาตรฐานไหมไทย มุ่งสร้างชื่อเสียง สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ การจัดแสดงเครื่องหมายตรานกยูงพระราชทาน การสร้างมูลค่าเพิ่มผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน ประเภทผ้าแพรวา พร้อมจัดแสดงผ้าไหมประเภทผ้าแพรวาที่ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย (ตรานกยูงพระราชทาน) ชนิดต่างๆ ผลงานการประกวดเส้นไหม ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน และผลิตภัณฑ์หม่อนไหม ประจำปี 2566  รวมทั้ง ยังมีการออกร้านจำหน่ายผ้าไหมและผลิตภัณฑ์ไหมไทย และสินค้าหม่อนไหม มากกว่า 200 ร้านค้า ด้วย  นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากทูตอัตลักษณ์ไหมไทย จาก 19 ประเทศ และนางแบบกิตติมศักดิ์ ร่วมเดินแบบผ้าไทยในงานดังกล่าวด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 3 กันยายน 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 6-7 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

‘ทนายวิญญัติ’ ขอ ปชช. งดวิจารณ์ก้าวล่วงพระราชอำนาจ กรณี ‘ในหลวง’ พระราชทานอภัยโทษ ‘ทักษิณ’

(1 ก.ย.66) นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ราชกิจจานุเบกษาลงประกาศพระบรมราชโองการพระราชทานอภัยโทษนาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุกต่อไป อีก 1 ปี ได้ทราบข่าวจากการประกาศราชกิจจานุเบกษา ในวันนี้ทางทนายความยังไม่ได้เดินทางไปเยี่ยมนายทักษิณ แต่ผลที่ประกาศราชกิจจานุเบกษาดังกล่าวถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยเมตตาให้กับนายทักษิณ เรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนที่กรมราชทัณฑ์จะต้องนำไปดำเนินการต่อไป

หลังจากนี้ต้องขอร้องประชาชนคนไทยที่ไม่สมควรที่จะวิพากษ์วิจารณ์ หรืออาจมาโต้แย้งคัดค้านใด เพราะอาจจะเป็นก้าวล่วงหรือละเมิดพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ 

ในส่วนคดีที่ยังค้างพิจารณาอยู่ไม่ว่าจะเป็นชั้นสอบสวนหรือชั้นศาล ทางทนายความเราก็จะดำเนินการในฐานะของจำเลยหรือผู้ถูกกล่าวหาตามสิทธิ ของกระบวนการยุติธรรมทางอาญา เรื่องใดในชั้นสอบสวน ก็จะร้องขอความเป็นธรรมเเละขอให้สอบสวนต่อพนักงานอัยการ เนื่องจากต้องให้โอกาสผู้ต้องหาต่อสู้คดีอาญา อย่างเต็มที่  ส่วนคดีที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดีในชั้นศาลหากมีคดีที่ สามารถถอนฟ้องหรือยอมความได้ก็ต้องดำเนินการเพื่อหาข้อยุติตามกฎหมายต่อไป ซึ่งตนจะเดินทางไปเยี่ยมนายทักษิณ อีกต้นสัปดาห์หน้า

‘แคทรีโอนา เกรย์’ มิสยูนิเวิร์ส 2018 เที่ยวชมวัดพระแก้ว แฟนๆ นางงามปลื้มใจ!! ชม ออร่า ‘สวยสมมง’ เหมือนเดิม

เป็นมิสยูนิเวิร์สที่คว้าตำแหน่งนางงามจักรวาล บนเวทีรอบไฟนอลในประเทศไทย สำหรับ ‘แคทรีโอนา เกรย์’ สาวงามจากฟิลิปปินส์ มิสยูนิเวิร์ส 2018

ซึ่งปีนั้น ‘แคทรีโอนา’ และผู้เข้าประกวดท่านอื่น ๆ ได้มาเก็บตัวทำกิจกรรมที่ประเทศไทย และได้เยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ อาทิ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม รวมถึงทะเลกระบี่ และแม้ว่าจะผ่านไปหลายปี ก็ยังคงเดินทางมาทำกิจกรรมที่ประเทศไทยหลายต่อหลายครั้ง

ล่าสุด แคทรีโอนา ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าได้เดินทางไปชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้วอีกครั้ง โดยมีข้อความว่า

“ย้อนรำลึกถึงความรู้สึกที่ได้กลับเข้ามาที่พระบรมมหาราชวังอีกครั้ง นี่เป็นครั้งหนึ่งในไม่กี่ทริปที่ได้มาตอนทำกิจกรรมมิสยูนิเวิร์ส ที่พวกเราทั้ง 95 คนอยู่ด้วยกัน ปีนี้ครบรอบ 5 ปีแล้วที่ฉันอยู่ที่นี่ ฉันซาบซึ้งใจมาก การเดินทางครั้งนี้เปลี่ยนแปลงชีวิตฉัน และประเทศไทยจะอยู่ในใจเสมอ”

โดยมีเหล่าแฟนคลับชาวไทย เข้าไปคอมเมนต์แสดงความยินดีจำนวนมาก

‘เงินกีบอ่อนค่า’ ทำคนลาวแห่หันมาใช้ ‘เงินบาท’ ทำชาวบ้านลำบาก เพราะคนค้าขายไม่รับเงินกีบ

เมื่อไม่นานนี้ ผู้ใช้ TikTok บัญชี @dyogr6z2idix ได้โพสต์คลิปวิดีโอเกี่ยวกับ คนลาวเริ่มแห่ทิ้งเงินกีบ เพื่อหันมาใช้เงินบาท ขณะที่ธนาคารชี้ชัดด้วยว่า คนลาวไม่มีเงินฝากแล้ว โดยระบุว่า...

สำหรับสถานการณ์ตอนนี้ของ สปป.ลาว กําลังเข้าสู่ยุคใช้เงินบาทอย่างเต็มตัว ซึ่งดูได้จากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารพงสะหวัน วันที่ 25 ส.ค.66 จะเห็นได้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทไทย จะอยู่ที่ 612.79 กีบ ต่อ 1 บาท นั่นแปลว่า ‘เงินกีบอ่อนค่า’ ให้กับสกุลเงินบาทไปแล้ว 75% เมื่อเทียบกับต้นปีที่ผ่านมา

และการที่เงินกีบไร้เสถียรภาพเช่นนี้ จะส่งผลทำให้เงินกีบอ่อนค่าลงเรื่อย ๆ แน่ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิต และสภาพจิตใจของประชาชนอย่างมาก เพราะแต่ละวันจะเอาเงินจากไหนไปใช้เพื่อดูแลครอบครัว

อีกทั้ง บางครอบครัว ก็อาศัยใช้ที่ดินในการทำมาหากิน ปลูกผัก ปลูกผลไม้ หรือเลี้ยงสัตว์ แต่มาในตอนนี้ พื้นที่เหล่านั้นถูกเปลี่ยนตกไปอยู่ในการคุ้มครองของนายทุนตามนโยบายของรัฐบาลลาว เพื่อการส่งออกจะได้มีมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้น

ดังนั้น สิ่งที่ประชาชนลาวสามารถทำได้ในตอนนี้ คือ ‘พยายามถือครองเงินบาทให้มากที่สุด’ โดยผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็เริ่มมาถือครองเงินบาทมากกว่าช่วงที่ผ่านมาแล้วด้วย ส่วนจะมากแค่ไหน ก็มากถึงขั้นที่ว่าล่าสุดบรรดาพ่อค้าแม่ขายผักในตลาดได้ระบุราคาขายสินค้าเป็นเงินบาทแล้ว แถมยังบอกอีกด้วยว่าจะไม่รับเงินกีบแล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ลาวได้มีการใช้เงินบาทในการชำระสินค้าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เยอะเท่าปัจจุบันนี้ที่ถึงขั้นไม่รับเงินกีบ จนถึงช่วงนี้ที่เหลือเพียงแค่ไม่กี่ที่เท่านั้น ที่ยังรับการชำระเป็นเงินกีบ อย่างเช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น

ทั้งนี้อ้างอิงประเด็นการปฏิเสธเงินกีบได้จากเพจของลาวที่ชื่อว่า ‘จดหมายข่าว’ ที่ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวของสาวลาวที่ได้ไปซื้อผักผลไม้ที่ตลาด แต่แม่ค้าได้ตอบกลับมาว่าไม่รับเงินกีบ ด้วยว่า…

“รู้สึกน่าอายจริง ๆ เลย ที่สาวคนหนึ่งไปซื้อผักที่ตลาดแขวงบ่อแก้ว เพื่อที่จะได้ไปทำอาหารกินกับครอบครัว แต่พอนำเงินกีบมาจ่ายค่าผักผลไม้ให้กับแม่ค้า กลับถูกแม่ค้าปฏิเสธไม่รับเงินกีบ และยังบอกด้วยว่าพืชผักขายเป็นเงินบาทเท่านั้น” ทำให้สาวลาวคนนั้นได้อ้อนวอนกับแม่ค้า เพราะเธอไม่ได้พกเงินบาทมาด้วย จึงทำให้สุดท้ายแม่ค้าจึงยอมรับเงินกีบไว้...

นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งเคส ซึ่งเป็นลูกเพจชาวลาวคนหนึ่งซึ่งไม่ขอเอ่ยนาม ได้ส่งเรื่องเข้ามา โดยเขาได้บอกว่า “ในลาวมีการผ่อนค่างวดรถเป็นเงินบาท” โดยเขาได้โพสต์ที่หน้าเฟซบุ๊กของตนเอง ที่แปลเป็นไทยได้ว่า “ใครที่ผ่อนรถเป็นเงินบาท เงินดอลลาร์ จะเข้าใจว่ามันจุกแค่ไหน” 

ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยว่าเงินกีบลาวมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร…

‘รศ.ดร.เจษฎ์’ เปิดขั้นตอน ‘ทักษิณ’ ขอพระราชทานอภัยโทษ ภายใต้กรอบที่มิควรให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

(1 ก.ย. 66) รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประเด็นที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอยู่ขณะนี้ ผ่านรายการ ‘คุยข่าว ถึงเครื่อง’ ประจำวันที่ 1 ก.ย. 66 เผยแพร่ผ่านช่องทางรับชมในเครือ THE STATES TIMES, คุยถึงแก่น, เปรี้ยง, NAVY AM RADIO/ MAYA Channel ช่อง 44 และ FM101 โดยมี นายปรเมษฐ์ ภู่โต สื่อมวลชนอาวุโส พิธีกร ผู้ประกาศข่าวรายการคุยถึงแก่น เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยสาระสำคัญจาก รศ.ดร.เจษฎ์ ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า…

เกี่ยวกับประเด็นการขอพระราชทานอภัยโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมกำลังวิพากษ์วิจารณ์อยู่ขณะนี้นั้น ก็สืบเนื่องมาจาก ตัวนายทักษิณ หลังเดินทางมาถึงประเทศไทย และได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของกรมราชทัณฑ์แบบยังไม่ทันข้ามคืน ก็ถูกส่งตัวไปรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลตำรวจ และทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า มีสิทธิ์ขอตั้งแต่วันแรกตามกระบวนการกฎหมาย

>> แต่คำถาม คือ แล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ? 
เพราะโดยปกติแล้ว ‘การพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป’ ทางกรมราชทัณฑ์ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะถูกกระจายไปตามส่วนงานต่างๆ ของกรมราชทัณฑ์ โดยรายละเอียดต่างๆ จะมีการพิจารณาภายใต้เกณฑ์ที่กำหนดโดยกรมราชทัณฑ์ ซึ่งจะมีระเบียบว่าด้วยระยะเวลาในการต้องโทษ และระเบียบว่าด้วยระยะเวลาในการชดใช้ หรือชำระตามโทษนั้นแล้ว

สมมตินายทักษิณ ได้รับโทษไปแล้ว 3-4 ปี ตามระเบียบขั้นต่อมา ก็จะไปอยู่ที่ ระเบียบชั้นนักโทษ ซึ่งในแต่ละชั้นจะมีการได้รับการขอพระราชทานอภัยโทษที่แตกต่างกันออกไป โดยมี กรมราชทัณฑ์ เป็นผู้รับผิดชอบในกรอบกว้าง ซึ่งท้ายที่สุด กรมราชทัณฑ์ ก็จะนำส่งเรื่องขึ้นมาให้ทางคณะรัฐมนตรีจะทำการพิจารณาตัดสิน จากนั้นจึงส่งต่อไปตามขั้นตอนกระบวนการ

เพียงแต่… ในกรณีที่ไม่ได้เป็นไปตามระบบ หรือมีกลไกอื่น อาทิ ‘การพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย’ ในส่วนนี้ ผู้รับผิดชอบในการเสนอ จะเป็น ‘ครอบครัว ญาติ หรือ ตัวของผู้ที่ต้องโทษ’ นั่นเอง โดยจะเสนอผ่านกระบวนการของกรมราชทัณฑ์ เช่น หากต้องจำขังอยู่ที่ไหน ก็ต้องจำขังอยู่ที่นั่น หรือหากไม่ได้ต้องจำขังในเรือนจำ แต่หากต้องจำขังในสถานที่อื่น ก็ต้องยื่นเรื่องผ่านไปยังผู้ที่เป็นผู้บังคับบัญชาของเรือนจำที่จะต้องจำขัง

ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีของคุณทักษิณ ที่เดิมทีต้องถูกจำขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แต่ตอนนี้คุณทักษิณอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ดังนั้น จึงต้องส่งเรื่องผ่านไปยังทางผู้บังคับบัญชาของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จากนั้น ผู้บังคับบัญชาจะทำการส่งเรื่องต่อไปตามขั้นตอน จนในที่สุด เรื่องก็จะถูกส่งไปถึงมือรองนายกฯ ที่เป็นผู้ดูแลฝ่ายกฎหมาย และถึงมือของรัฐบาล จนฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งหลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงพิจารณาหรือทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยเป็นประการใด ก็ขึ้นอยู่กับพระองค์ท่าน

เนื่องจากมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษ” โดยการใช้พระราชอำนาจในลักษณะนี้ เป็นการใช้พระราชอำนาจผ่านกลไก อันต้องมีผู้ทูลเกล้าฯ และผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ดังนั้น ผู้ทูลเกล้าฯ จึงเป็นผู้ที่มีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นผู้ต้องโทษนั้นเอง

รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวอีกด้วยว่า กรณี ‘การพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย’ จะมีรายละเอียดไม่มากเท่ากับ ‘การพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป’ ที่ต้องมีระบบและกระบวนตามขั้นตอนแบบแผนของกรมราชทัณฑ์ เพียงแต่ การพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ผู้ที่เป็นผู้นำเรื่องทูลเกล้าฯ ต้องมีความระมัดระวังมากกว่า เนื่องจากไม่มีระบบที่พิจารณารายละเอียดต่างๆ เชิงลึกอย่างชัดเจน

“อันที่จริงแล้วประเทศที่มีองค์อธิปัตย์ เช่น พระมหากษัตริย์, พระราชินี, สมเด็จพระจักรพรรดิ ทรงเป็นประมุข หรือประเทศที่มีประมุขของรัฐในลักษณะอื่น เช่น ประธานาธิบดี ซึ่งไม่ใช่แค่ประเทศไทยนั้น จะยึด ‘รัฐประศาสโนบาย’ นั้น หรือจะไม่อภัยโทษให้แก่นักโทษบางประการ เช่น ค้ายาเสพติด, ค้าอาวุธเถื่อน, ค้ามนุษย์ หรือกระทำการเป็นภัยต่อมนุษยชาติ และการทุจริต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นกรณีการพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย เท่าที่ไปสืบค้นดู ก็ยังไม่เคยมีการพระราชทานให้แก่นักโทษคดีทุจริตมาก่อนแต่อย่างใด 

นั่นหมายความว่า หากกรณีของคุณทักษิณ ซึ่งถือเป็นกรณีแรกในการยื่นขอการพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ภายใต้กลไกที่อาจจะไม่ได้มีความเข้มงวดในพิจารณารายละเอียดมากนัก แล้วได้รับการพระราชทานอภัยโทษ ก็อาจจะต้องมีคนจำนวนหนึ่งออกมาติติงว่ากล่าวอย่างแน่นอน หรือหากไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ก็ต้องมีคนอีกจำนวนหนึ่ง ออกมาติติงว่ากล่าวเช่นกัน

ฉะนั้น เรื่องนี้มีโอกาสระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทสูงมาก จนอาจจะเข้าข่ายเรื่องมิบังควรเลยก็เป็นได้ เพราะเป็นเรื่องที่ควรจะรู้อยู่แล้วว่าอาจก็ให้เกิดปัญหา จนอาจมีกรณี ‘ทะลุฟ้า’ ได้ แต่ยังกระทำ ดังนั้น นี่จึงเป็นเรื่องที่ทางคุณทักษิณ ต้องระมัดระวังให้ดี

อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายของวันที่ 1 ก.ย. 66 ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า มีคำสั่งโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณอภัยโทษลดโทษให้ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ให้เหลือโทษจำคุก 1 ปี ภายใต้เหตุผลเพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชน สืบไป 

ตรงนี้ก็คงต้องตามดูกันต่อไปว่า จะมีแรงกระเพื่อมใดจากสังคมดังที่ รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวไว้หรือไม่? และทักษิณ ชินวัตร จะดำเนินสถานภาพภายใต้กรอบความพึงพอใจของประชาชนที่คลางแคลงได้แค่ไหน คงต้องให้เวลาเป็นตัวตัดสิน...

‘George Stinney Jr.’ เด็กชายผิวสี ผู้ถูกพรากความเป็นธรรม จนกลายเป็นนักโทษประหารที่อายุน้อยที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เมื่อความยุติธรรมในสหรัฐฯ ไม่มีอยู่จริง!! ‘George Stinney Jr.’ วัยเพียง 14 ปี… ถูกตัดสินประหารชีวิตโดยมิชอบ

‘George Stinney Jr.’ เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่น่าสะเทือนใจและเป็นโศกนาฏกรรมที่สุด ที่ออกมาจากประวัติศาสตร์กระบวนการยุติธรรมอเมริกัน เมื่อ ‘George Stinney Jr.’ เด็กชายผิวสี ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 14 ปี ถูกตัดสินโดยมิชอบ ในข้อหาฆาตกรรมเด็กหญิงผิวขาวสองคนในเมือง Alcolu มลรัฐ South Carolina เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 1944 จากการพิจารณาคดีที่ที่ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง นำไปสู่การตัดสินลงโทษที่ไม่มีความยุติธรรม โดยอาศัยคำสารภาพที่ไม่น่าเชื่อถือของเด็กชาย ซึ่งถูกบังคับภายใต้การบังคับขู่เข็ญของตำรวจ

ในปี ค.ศ. 1944 George Stinney Jr. เด็กชายวัย 14 ปี อาศัยอยู่ที่เมือง Alcolu มลรัฐ South Carolina กับ ‘George Stinney Sr.’ ผู้เป็นพ่อ ‘Aimé’ ผู้เป็นแม่ ‘John’ พี่ชาย อายุ 17 ปี ‘Charles’ น้องชาย อายุ 12 ปี น้องสาว ‘Katherine’ วัย 10 ขวบ และ ‘Aime’ วัย 7 ขวบ พ่อของ Stinney ทำงานที่โรงเลื่อยในเมือง และครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในบ้านของบริษัท Alcolu เป็นเมืองอุตสาหกรรมเล็ก ๆ ที่ชนชั้นแรงงานอาศัยอยู่ ซึ่งย่านที่พักอาศัยของคนผิวขาวและผิวสีนั้น ถูกแบ่งแยกออกจากกันด้วยทางรถไฟ ในสมัยนั้นเมืองนี้เป็นเมืองเล็ก ๆ ธรรมดาทั่วไปทางตอนใต้ของสหรัฐฯ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองพวกค่อนข้างจำกัด เมื่อพิจารณาจากโรงเรียนและโบสถ์ที่แยกจากกัน สำหรับคนผิวขาวและคนผิวสี

วันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1944 ศพของเด็กหญิง ‘Betty June Binnicker’ อายุ 11 ปี และ ‘Mary Emma Thames’ อายุ 7 ปี ถูกพบในคูน้ำทางฝั่งของคนผิวสีของเมือง Alcolu หลังจากที่เด็กหญิงทั้งสองไม่กลับบ้านเมื่อคืนก่อน (22 มีนาคม) พ่อของ Stinney ก็เป็นคนหนึ่งที่ออกช่วยในการค้นหา สภาพศพเด็กหญิงทั้งสองถูกทุบตีด้วยอาวุธ ซึ่งรายงานระบุว่า เป็นชิ้นส่วนโลหะจากรางรถไฟ เด็กหญิงทั้งสองต่างได้รับบาดเจ็บจากการใช้อาวุธที่มีลักษณะทื่ออย่างรุนแรง ที่แผลกะโหลกของเด็กหญิงทั้งสองคนถูกเจาะด้วยอาวุธดังกล่าว ตามรายงานของแพทย์นิติเวชระบุว่า บาดแผลเหล่านี้ ‘เกิดจากเครื่องมือทื่อที่มีหัวกลม ขนาดประมาณค้อน’ รายงานนิติเวชยังระบุอีกว่า ไม่มีหลักฐานการล่วงละเมิดทางเพศของ Binnicker เด็กหญิงที่โตกว่า แม้ว่าอวัยวะเพศของ Binnicker จะมีรอยฟกช้ำเล็กน้อยก็ตาม

  

ดอก ‘Maypops’

รายงานการสอบสวนระบุด้วยว่า มีผู้พบเห็นเด็กผู้หญิงครั้งสุดท้ายขี่จักรยานเพื่อมองหาดอกไม้ ขณะที่พวกเขาผ่านบ้านของครอบครัว Stinneys พวกเขาได้ถาม George และ Aime น้องสาวของเขาว่า จะหาดอก ‘Maypops’ ซึ่งเป็นชื่อท้องถิ่นของดอกเสาวรสได้จากที่ไหน ตามคำบอกเล่าของ Aime เธออยู่กับ George ตามเวลาที่ตำรวจระบุในภายหลังว่า “เป็นเวลาที่การฆาตกรรมเกิดขึ้น” ตามบทความในรายงานของ ‘Wire Services’ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 1944 ตำรวจท้องที่ได้ประกาศว่า ได้ทำการจับกุม ‘George Junius’ และระบุว่า เด็กชายได้สารภาพและนำเจ้าหน้าที่ไปที่ ‘วัตถุสังหารที่ถูกซ่อนอยู่’

George และ John พี่ชายของเขาถูกจับในข้อหาฆาตกรรมเด็กหญิง ต่อมาตำรวจได้ปล่อยตัว John แต่ George ถูกควบคุมตัวไว้ เขาไม่ได้รับอนุญาตให้พบพ่อแม่ของเขา จนกระทั่งหลังจากการพิจารณาคดีและถูกพิพากษาลงโทษแล้ว ตามข้อความที่เขียนด้วยลายมือ เจ้าหน้าที่จับกุมของเขาคือ ‘H.S. Newman’ เจ้าหน้าที่ตำรวจของเทศมณฑล Clarendon ซึ่งกล่าวว่า “ผมได้จับกุมเด็กชายคนหนึ่งชื่อ ‘George Stinney Jr.’ จากนั้นเขาก็รับสารภาพและบอกผมว่า จะหาวัตถุสังหารได้ที่ไหน มันยาวประมาณ 15 นิ้ว โดยที่เขาบอกว่า เขาเอามันไปทิ้งในคูน้ำห่างจากจักรยานราว 6 ฟุต”

หลังจากการจับกุม Stinney พ่อของเขาถูกไล่ออกจากงานที่โรงเลื่อยในท้องถิ่นทันที และครอบครัว Stinney ต้องย้ายออกจากที่พักอาศัยของบริษัทด้วย ครอบครัวกังวลเรื่องความปลอดภัยของพวกเขา พ่อแม่ของ Stinney ไม่เจอเขาอีกเลยก่อนการพิจารณาคดี เขาไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ เลยในระหว่างการคุมขัง และระหว่างการพิจารณาคดี 81 วัน เขาถูกควบคุมตัวที่เรือนจำในเมือง Columbia ห่างจากเมือง Alcolu ราว 50 ไมล์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถูกประชาทัณฑ์ Stinney ถูกสอบสวนเพียงลำพัง โดยไม่มีพ่อแม่หรือทนายความ แม้ว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ มาตรา 6 จะรับประกันการได้คำปรึกษาด้านกฎหมายของผู้ต้องหา แต่เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจนกระทั่งคำตัดสินของศาลฎีกาสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1963 ซึ่งระบุว่า “การดำเนินคดีทางอาญาผู้ต้องหาจำเป็นต้องมีทนายความทำหน้าที่เป็นตัวแทน”

 

ลายพิมพ์นิ้วมือของ George Stinney Jr.

การดำเนินคดีทั้งหมดต่อ Stinney รวมถึงการคัดเลือกคณะลูกขุนเกิดขึ้นในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1944 ทนายความที่ได้รับการแต่งตั้งจากศาลของ Stinney คือ ‘Charles Ploughden’ ทนายความคดีภาษี (คนผิวขาว) ซึ่งไม่ได้ทักท้วงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 คน ที่ให้การเป็นพยานว่า Stinney รับสารภาพในข้อหาฆาตกรรม นอกจากนี้ เขายังไม่ได้ทักท้วงการนำเสนอคำสารภาพด้วยวาจาของ Stinney 2 ครั้งที่มีความแตกต่างกันของฝ่ายโจทก์ ในคำสารภาพแรก Stinney ถูกเด็กหญิงทำร้ายหลังจากที่เขาพยายามช่วยเด็กหญิงคนหนึ่งที่ตกลงไปในคูน้ำ และเขาฆ่าพวกเธอเพื่อป้องกันตัว ในอีกคำสารภาพหนึ่งระบุว่า เขาได้ติดตามเด็กหญิง โดยทำร้าย Mary Emma Thames ก่อน จากนั้น จึงทำร้าย Betty June Binnicker ซึ่งไม่มีบันทึกคำสารภาพของ Stinney เป็นลายลักษณ์อักษรเลย นอกเหนือจากคำให้การของเจ้าหน้าที่ Newman

 

นอกเหนือจากคำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นายแล้ว อัยการยังได้เรียกพยานอีก 3 ราย ได้แก่ สาธุคุณ ‘Francis Batson’ ผู้พบศพของเด็กหญิงทั้งสอง และแพทย์ 2 คนที่ทำชันสูตรพลิกศพ ศาลอนุญาตให้มีการพูดคุยถึง ‘ความเป็นไปได้’ ของการข่มขืน เนื่องจากอวัยวะเพศของ Betty June Binnicker มีรอยช้ำ นอกจากนั้น แล้วที่ทนายความของ Stinney ยังไม่ได้เรียกพยานใด ๆ ทั้งยังไม่ได้ซักถามพยานเลย และแทบจะไม่ได้เสนอข้อแก้ต่างเลย โดยการไต่สวนใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น

 

ผู้พิพากษา ‘Philip H. Stoll’

ชาวอเมริกันผิวขาวมากกว่า 1,000 คน มารวมตัวกันในห้องพิจารณาคดี แต่ไม่อนุญาตให้ชาวอเมริกันผิวดำเข้ามาแม้แต่คนเดียว และในเวลานั้น Stinney ถูกพิจารณาคดีต่อหน้าคณะลูกขุนผิวขาวทั้งหมด (ในปี ค.ศ. 1944 ชาวอเมริกันผิวสีส่วนใหญ่ในภาคใต้ถูกเพิกถอนสิทธิ์ ดังนั้น จึงไม่ปรากฏอยู่ในรายชื่อผู้ที่พร้อมจะทำหน้าที่ในคณะลูกขุน) หลังจากพิจารณาในเวลาไม่ถึง 10 นาที คณะลูกขุนตัดสินว่า “Stinney มีความผิดฐานฆาตกรรม” ผู้พิพากษา Philip H. Stoll ตัดสินให้ประหารชีวิต Stinney ด้วยการนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า ไม่มีหลักฐานประกอบการพิจารณาคดีอื่น ๆ อีก และไม่มีการยื่นอุทธรณ์โดยทนายความของ Stinney เลย

  

ครอบครัว โบสถ์ และชุมชนคนผิวสีได้ยื่นอุทธรณ์ต่อ ‘Olin D. Johnston’ ผู้ว่าการมลรัฐ South Carolina เพื่อขอลดโทษ เมื่อพิจารณาจากอายุของเด็กชาย แต่กลุ่มคนผิวขาวก็เรียกร้องให้ผู้ว่าการรัฐปล่อยให้การประหารชีวิตดำเนินต่อไป ซึ่งเขาก็ยอมทำตามนั้น และ 2 วันก่อนการประหารชีวิต ในวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 1944 เขาได้ไปเยี่ยม George Stinney Jr. ในแดนประหาร (Death House) และผู้ว่า Johnston ได้เขียนตอบต่อการอุทธรณ์ขอลดโทษครั้งสุดท้ายโดยระบุว่า “ผมเพิ่งพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่จับกุมในคดีนี้ มันอาจจะน่าสนใจสำหรับคุณที่รู้ว่า Stinney ได้ฆ่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เพื่อข่มขืนเด็กหญิงที่ตัวโตกว่า จากนั้นเขาก็ฆ่าและข่มขืนศพของเธอ 20 นาทีต่อมา เขากลับมาและพยายามข่มขืนเธออีกครั้ง แต่ศพของเธอเย็นจนเกินไป ซึ่งทั้งหมดนี้เขายอมรับสารภาพเอง” ระหว่างช่วงเวลาที่ Stinney ถูกจับกุมและการประหารชีวิต พ่อแม่ของเขาได้รับอนุญาตให้พบเขาอีกครั้งหลังจากการพิจารณาคดี เมื่อเขาถูกควบคุมตัวในเรือนจำ Columbia ภายใต้การข่มขู่ว่าจะมีการประชาทัณฑ์ และพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้พบกับ George อีกเลย

 

George Stinney Jr. ถูกนำตัวไปประหารชีวิต

Stinney ถูกประหารชีวิตเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ค.ศ. 1944 เวลา 07.30 น. เขาเตรียมพร้อมสำหรับการประหารชีวิตด้วยเก้าอี้ไฟฟ้า โดยใช้พระคัมภีร์เสริมรองนั่ง เนื่องจาก Stinney ตัวเล็กเกินไปสำหรับเก้าอี้ตัวนั้น จากนั้น เขาก็ถูกจับผูกแขน ขา และลำตัวไว้กับเก้าอี้ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถาม George ว่าเขามีคำพูดสุดท้ายที่จะพูดก่อนการประหารชีวิตเกิดขึ้นหรือไม่ แต่เขาเพียงแค่ส่ายศีรษะเท่านั้น เพชฌฆาตดึงสายรัดออกจากเก้าอี้แล้วปิดปากของ George  ทำให้เขาน้ำตาไหล จากนั้น เขาก็วางหน้ากากไว้บนใบหน้าของเขา ซึ่งมีขนาดที่ไม่พอดีกับเขาเช่นกัน และในขณะเขาก็ยังคงสะสะอีกสะอื้นต่อไป เมื่อมีการปล่อยกระแสไฟฟ้า หน้ากากที่ปิดอยู่ก็หลุดออก เผยให้เห็นน้ำตาที่ไหลอาบหน้าของ Stinney ศพของเขาถูกฝังในหลุมศพที่ไม่มีป้ายเครื่องหมายในเมือง Crowley มลรัฐ Louisiana ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่อายุน้อยที่สุด ที่มีการบันทึกอายุที่ถูกประหารชีวิตในสหรัฐอเมริกา

จนกระทั่ง 70 ปีต่อมา (ปี ค.ศ. 2014) ในที่สุดคดีของ George Stinney Jr. ก็ได้รับการพิจารณาใหม่ หลังจากมีหลักฐานใหม่ออกมาสนับสนุนความบริสุทธิ์ของเขา ซึ่งพิสูจน์ว่า “ไม่เคยมีหลักฐานสำคัญใดที่เชื่อมโยงเขาหรือใครก็ตามในเรื่องการฆาตกรรมครั้งนั้นเลย” สิ่งนี้ยิ่งเพิ่มความโศกเศร้าและความอยุติธรรมให้กับคดีนี้ และสร้างความเศร้าสะเทือนใจให้กับผู้ที่รับรู้เรื่องราวของ George Stinney Jr. มากยิ่งขึ้น

‘Carmen Mullen’ ผู้พิพากษาผู้กลับคำตัดสินในคดีของ Stinney

Katherine Stinney Robinson

Aime Stinney Ruffner

น้องสาวสองคนของ George Stinney Jr. ให้การเป็นพยานในการพิจารณาคดี เพื่อเปิดการพิจารณาคดีของ George Stinney Jr. พี่ชายของพวกเธอใหม่อีกครั้งในเมือง Sumter มลรัฐ South Carolina และแทนที่จะอนุมัติให้มีการพิจารณาคดีใหม่ วันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2014 Carmen Mullen ผู้พิพากษาได้กลับคำตัดสินในคดีที่ตัดสินแล้วเมื่อ 70 ปีก่อนของ Stinney โดยเธอตัดสินว่า “เขาไม่ได้รับการพิจารณาคดีอย่างยุติธรรม เนื่องจากเขาไม่ได้รับการปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพ และสิทธิ์ในการแก้ต่างตามรัฐธรรมนูญมาตรา 6 ของเขาถูกละเมิด” คำตัดสินดังกล่าวเป็นการใช้วิธีการเยียวยาทางกฎหมายที่ถือว่าเป็นไปได้ยากยิ่ง ผู้พิพากษา Mullen ระบุว่า “คำสารภาพของเขามีแนวโน้มว่าจะ ‘ถูกบังคับ’ และด้วยเหตุนี้ การตัดสินจึงไม่อาจที่จะยอมรับได้” นอกจากนี้ เธอยังระบุว่า “การประหารชีวิตเด็กอายุ 14 ปีถือเป็น ‘การลงโทษที่โหดร้ายและผิดปกติ’ และทนายความของเขาไม่ได้เรียกพยานหรือไม่พยายามที่จะรักษาสิทธิในการอุทธรณ์ของเขาเอาไว้” Mullen จำกัดการตัดสินของเธอไว้ในกระบวนการของการฟ้องร้อง โดยให้ข้อสังเกตว่า Stinney ‘อาจจะเป็นผู้ก่ออาชญากรรมนี้ได้’ โดยอ้างอิงจากกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งผู้พิพากษา Mullen ได้ตัดสินว่า “ไม่มีใครสามารถพิสูจน์เหตุผลให้เด็กอายุเพียง 14 ปี ซึ่งถูกกล่าวหา ถูกพิจารณาคดี ถูกตัดสินลงโทษ และถูกประหารชีวิตจนแล้วเสร็จภายในเวลาเพียง 84 วันได้” แม้จะมีการกลับพิพากษาไม่ว่าจะมีการอ้างเหตุใดก็ตาม ชีวิตของ George Stinney Jr. ก็ไม่มีวันฟื้นคืน เช่นนี้แล้ว สหรัฐอเมริกายังมีความยุติธรรมมีอยู่จริงหรือ?

‘จีน’ เดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดในประเทศ หนุนเพิ่มการผลิต ‘ภาคอุปกรณ์ด้านพลังงาน’ เต็มประสิทธิภาพ

เมื่อไม่นานนี้ สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง รายงานว่า ‘ไชน่า ซีเคียวริตีส์ นิวส์’ (China Securities News) ซึ่งบริหารโดยสำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ภาคอุปกรณ์พลังงานสะอาดของจีนส่งสัญญาณมีอนาคตที่สดใส โดยมีการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ในประเทศอย่างรวดเร็ว

ความต้องการอุปกรณ์พลังงานสะอาดของจีนนั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 ล้านล้านหยวน (ราว 9.74 ล้านล้านบาท) เมื่อนับถึงช่วงสิ้นสุดระยะเวลาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 (2021-2025) โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตติดตั้งพลังงานสะอาด

คาดว่าภายในปี 2025 กำลังการผลิตพลังงานสะอาดที่ติดตั้งใหม่ในจีนนั้นจะทะลุ 700 ล้านกิโลวัตต์ ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมดของประเทศอยู่ที่ 3.02 พันล้านกิโลวัตต์เอกสารว่า ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมอุปกรณ์พลังงานสะอาดระดับโลก ระบุว่าการจัดเก็บพลังงาน การแปลงข้อมูลเป็นดิจิทัลในภาคพลังงาน การพัฒนาพลังงานสะอาดอย่างชาญฉลาด และภาคส่วนพลังงานไฮโดรเจน มีศักยภาพในการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอีก 5 ปีข้างหน้า

‘ซูอิ๋นเปียว’ ประธานคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐานสาขาอิเล็กทรอเทคนิกส์ (IEC) กล่าวว่าเมื่อนับถึงสิ้นปี 2022 กำลังการผลิตติดตั้งพลังงานสะอาดโดยรวมของจีน คิดเป็นร้อยละ 50 ของกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งทั้งหมดซึ่งอยู่ที่ 2.56 พันล้านกิโลวัตต์ ส่วนการลงทุนของจีนในโครงการพลังงานใหม่คิดเป็นร้อยละ 30 ของการลงทุนทั้งหมดทั่วโลก

‘สุวัจน์’ ชี้!! ตำแหน่งผู้นําฝ่ายค้านสำคัญต่อการบริหารบ้านเมือง ย้ำ!! รัฐบาลมีเสถียรภาพ ฝ่ายค้านเข้มแข็ง ประเทศได้ประโยชน์

เมื่อไม่นานนี้ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการเคลียร์ ชัด ชัด ช่องเวิร์คพอยท์ 23 ดำเนินรายการโดย ดร.ภูวนาท คุนผลิน เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2566 โดยมีประเด็นทางการเมืองที่น่าสนใจดังนี้

ปรากฏการณ์ ‘สลายขั้ว’
นายสุวัจน์ มองว่าที่ผ่านมาการแบ่งขั้วทางการเมืองมันแรงมากในประเทศไม่ว่าจะเป็นสี หรือจะเป็นอะไร แต่ละยุคแต่ละสมัย มีการเกิดความรุนแรง มีการสูญเสียเกิดขึ้น และวันนี้เราเห็นสิ่งที่มีอุดมคติว่า ‘จบสลายขั้ว’ สารพัดสีรวมกันได้หมด เพราะการเมืองนําไปสู่การเดดล็อก ทําให้มีการจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้

ฉะนั้น พรรคการเมืองที่มีหน้าที่รับผิดชอบก็คือ พรรคที่เป็นแกนนําในการจัดตั้งรัฐบาล อันนี้เหมือนเป็นราคาที่ต้องสูญเสียหมายความว่าต้องพยายามคลี่คลายวิกฤติในการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ยกตัวอย่าง หมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พรรคแกนนําท่านเคยบอกไว้ว่าจะไม่จับมือกับคนนั้น ไม่จับมือกับพรรคนี้ แล้ววันนี้ด้วยเหตุจําเป็นทางการเมืองว่าถ้าไม่จับมือกับพรรคนั้นพรรคนี้ พรรคแกนนําไม่สามารถจะรวบรวมเสียงที่นําไปสู่การมีนายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลได้ จําเป็นจะต้องไปจับมือ

เมื่อจัดตั้งรัฐบาลเสร็จ หมอชลน่าน แสดงสปิริตประกาศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว (30 ส.ค. 66) พรรคการเมืองอาจจะถูกวิพากษ์วิจารณ์บ้าง แต่สิ่งที่พี่น้องประชาชนได้รับ คือ การกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจ ประเทศชาติเดินหน้า พี่น้องประชาชนมีความสุข

นายสุวัจน์ กล่าวว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลผสม ที่เรียกว่า ‘สลายขั้ว’ รัฐบาลผสม คือ พรรคแกนนําไม่สามารถที่จะกําหนดอะไรได้จะต้องแบ่งกระทรวงให้พรรคนั้นพรรคนี้ ไม่สามารถที่จะเป็นลีดเดอร์ชิพได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และพอแบ่งกระทรวงไปให้พรรคนั้นพรรคนี้แล้ว ก็เป็นเรื่องภายในของแต่ละพรรคว่าจะไปจัดบุคคลอย่างไร มันเป็นขีดจํากัดของรัฐบาลผสม ซึ่งมันจะไม่เกิดเหตุการณ์นี้เลยถ้าแลนด์สไลด์ ถ้าเกิดมีพรรคหนึ่งพรรคใดได้เกินครึ่งไปเลยไม่ต้องพึ่งพรรคอื่น แต่เมื่อเป็นรัฐบาลผสมสิ่งที่เห็น คือ เสถียรภาพ และเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างพรรคการเมืองนั้น จะลดลง

บทบาทแกนนำฝ่ายค้านสำคัญอย่างไร?
นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้าน เป็นตําแหน่งที่สําคัญที่กําหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ว่าจะต้องมีผู้นําฝ่ายค้าน และเป็นตําแหน่งโปรดเกล้าฯ รัฐธรรมนูญต้องให้ความสําคัญกับตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้าน เพราะในการบริหารประเทศเมื่อเลือกตั้งมาแล้วก็มีรัฐบาลกับมีฝ่ายค้าน ผู้นํารัฐบาล ก็คือนายกรัฐมนตรี ผู้นําฝ่ายค้าน ก็คือ ตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้าน

ฉะนั้น ถ้าพรรคที่ได้อันดับหนึ่งของการเป็นฝ่ายค้านไม่รับตําแหน่ง ก็ต้องไปพรรคอันดับสอง พรรคอันดับสามที่จะไปเลือกกันตามที่กําหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

แต่ศักยภาพของความเป็นผู้นําฝ่ายค้านถ้าเป็นพรรคใหญ่ก็จะมีน้ำหนัก มีศักยภาพ ถ้าพรรคเล็กเป็นผู้นําฝ่ายค้าน ศักยภาพก็น้อย

“ถ้าตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้าน อยู่กับพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายค้านที่มีเสียงเยอะๆ จะทําให้การทํางาน มีพลัง เป็นประโยชน์ต่อประเทศ คือ รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ประเทศได้ประโยชน์” นายสุวัจน์ กล่าว

นโยบายเร่งด่วนที่สุดของรัฐบาล
นายสุวัจน์ กล่าวว่าทําอย่างไรของไม่แพง น้ำมันจะถูกลงได้อย่างไร ไฟฟ้าจะถูกลงได้อย่างไร เพื่อทําให้ต้นเหตุของราคาสินค้าต่างๆ มีราคาลดลง และทําให้ทุกคนมีงานทํา คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ ทําอย่างไรนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทําอย่างไรส่งออกดีขึ้น ทําอย่างไรให้เอสเอ็มอีได้กลับมาทํางานกันอีกครั้ง ฉะนั้น ปัญหาเฉพาะหน้าของรัฐบาล คือ จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เศรษฐกิจกลับมากระเตื้อง

‘สนธิ’ ชื่นชม ‘สำนักข่าวอิศรา’ ยกสื่อดีที่ควรปกป้อง มุ่งเน้นข้อมูลเท็จจริง และไม่เลือกเข้าข้างใคร

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 66 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด ‘SONDHI TALK’ ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ’ ช่องยูทูบ ‘Sondhitalk’ หรือ ‘Sondhitalk’ (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีการกล่าวชื่นชมการทำงานของ ‘สำนักข่าวอิศรา’ และ ‘นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์’ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา ในประเด็นเกี่ยวกับข่าว ‘ปาล์มอินโด EARTH-STAR เปิดโปง ขบวนการ สวาปาม (ภาคต่อ)’ โดยระบุว่า…

“ผมต้องขอชมเชย ‘สำนักข่าวอิศรา’ และผู้บริหารงานของสำนักข่าวอิศรา คุณประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ หรือ ‘คุณเก๊’ พวกเราและทุกๆ คนที่รักในความเป็นธรรม ต้องการความจริงที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น จึงต้องขอขอบคุณสำนักข่าวอิศรา ที่แบ่งปันข้อมูลต่างๆ มาให้แก่ทางผม”

“ผมขอชื่นชมคุณประสงค์ สื่อดีๆ แบบนี้หายาก ยิ่งกว่ายาก ต้องดูแลปกป้องเพื่อให้อยู่รอดตลอดไป เพราะเขาเป็นคนที่ไม่เข้าข้างใครเลย เขายืนอยู่บนความจริงที่มีเพียงหนึ่งเดียว และไม่เกรงกลัวต่ออำนาจมืด หรืออิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น”

‘เก้า สุภัสสรา’ เผยประสบการณ์ทริประทึก วิ่งวุ่นหาเที่ยวบินกลับไทย หลัง ‘จีน’ ประกาศเตือนพายุ 3 ลูกจ่อถล่ม ‘ฮ่องกง’ ล่าสุดปลอดภัยแล้ว

‘เก้า สุภัสสรา’ โพสต์ไอจีเผยความเคลื่อนไหววันนี้ หลังเจอทริปโกลาหลที่ฮ่องกง พายุเข้า 3 ลูก ต้องรีบวิ่งแจ้นมาสนามบินสุดทุลักทุเล ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่แฟนคลับอดเป็นห่วงหนักมากไม่ได้

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 66 ‘เก้า สุภัสสรา ธนบุตร’ ดาราสาววัย 28 ปี ได้ออกมาโพสต์เล่าประสบการณ์ทริปการเดินทางระทึกที่สุดเท่าที่ตัวแสนจะบอบบางของเธอเคยเจอมา

หลังจากสาวเก้าเดินทางไปทริปที่ประเทศฮ่องกง แล้วบังเอิญต้องเจอกับสภาพอากาศแปรปรวนหนัก จากมรสุมพายุเข้าเต็มเปาถึง 3 ลูก จนทำดาราสาวมากความสามารถต้องวิ่งโร่ตีไฟลต์เครื่องบินกลับด่วน แถมต้องออกแรงวิ่งจนแข้งขาอ่อนเพื่อไปสนามบินให้ทันเวลาอีกด้วย

โดยเนื้อหาทั้งหมดที่เก้า สุภัสราเขียนเล่าไว้ในสตอรี่ไอจี ระบุว่า…

“ทริปนี้ โกลาหลมาก ต้องบินกลับพรุ่งนี้แต่พายุเข้า เลยรีบวิ่งมาสนามบินเพื่อหาไฟท์กลับให้ได้ภายในคืนนี้ ทุกไฟท์คือเต็มหมด ทั้งไป ตปท. รอบๆ ไทยก็ด้วย เราเลยตั้งใจรอสแตนด์บายบายทุกสายการบินที่บินไปไทย เพื่อรอที่นั่งหลุด และใช่ค่ะ!! มีคนหลุดพอดีจำนวนคนเราพอดี เราได้กลับไทยก่อนที่ไฟท์พรุ่งนี้จะแคนเซิลทั้งหมด”

“ได้นั่งสายการบิน airasia ecoได้ราคา 13,000 บาทกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ เพราะว่าเรามีงานถ่ายโฆษณาวันที่ 2 กองจะพังเพราะเราไม่ได้ ! ทริป คือ ทุลักทุเลตั้งแต่ขาไปยันกลับ เป้อกับพี่นิวที่จะมาด้วยกันคือวีซ่าแชงเก้นไม่ให้พาสปอร์ตคืน ทำให้สองคนอดบินไปพร้อมกัน แต่สุดท้ายก็ออกเช้าวันที่เราใกล้จะขึ้นเครื่องไปพอดี สองคนก็เลยตามมาช่วงเย็น”

“กลับมาต่อที่ทริปนี้ ตอนจะกลับ รีบกลับ รร. แพ็กของและวิ่งมาสนามบินหน้าตาตื่นมาก รู้สึกที่คิดถูกในการตัดสินใจครั้งนี้ เพราะไม่งั้นน่าจะไม่ได้กลับอีกหลายวันเลย”

“มีพายุทั้งหมด 3 ลูก คนตุนของกันแล้ว บางพื้นที่ราบต่ำอพยพแล้ว เพราะดวงจันทร์เต็มดวงทำให้น้ำขึ้นสูงกว่าปกติ พวกเราโชคดีมากที่เดินทางกลับมาได้และปลอดภัย”

“ขอบันทึกให้เป็นทริปที่สนุกที่สุดเท่าที่เคยไปมา ไม่เคยตื่นเต้น ระทึกอะไรเท่านี้มาก่อน ขอให้เดือนกันยาใจดีกับพวกเราด้วยเถอะ”

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาความตระหนกตกใจของแฟนคลับที่หลาย ๆ คนอาจจะยังรู้สึกคลายความกังวลถึงนักแสดงสาวขวัญใจลงไม่ได้ แม้เจ้าตัวจะยืนยันว่ารอดพ้นวิกฤตที่พาตะลึงมาได้แบบปลอดภัยแล้วก็ตาม

ด้วยเหตุนี้ จึงต้องขออนุญาตนำเซตปลอบประโลมความเป็นห่วงที่ส่งไปถึงได้แค่ในโซเชียล แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่ต้องแสดงออกด้วยเซตภาพถ่ายเซตแฟชั่นเผยความงามเบา ๆ ของเจ้าตัวที่ลงเปิดเผยความดีต่อใจไว้ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา โดยเป็นโพสต์ที่ตัวแม่สายความงามแบบมีรสนิยมนี้ได้ติดแคปชันเบา ๆ ไว้ว่า “สวยแบบเต็ม 10 ไม่หักก 💗”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top