Saturday, 24 May 2025
NewsFeed

‘แน็ก ชาลี’ จัดเต็ม!! ต้อนรับเปิดตัวซีรีส์โจรสลัด ‘One Piece’ คัฟเวอร์เป็นหนุ่มหมวกฟาง ด้าน ‘เก๋ไก๋’ แซว “นั่นลูฟี่ นี่ลูเยิฟ”

(31 ส.ค. 66) สมกับการรอคอยของเหล่าแฟนคลับการ์ตูนเรื่อง ‘One Piece’ กับการเปิดตัวซีรีส์ One Piece เวอร์ชันคนแสดง ที่จะฉายครั้งแรกผ่านสตรีมมิ่งแพลตฟอร์ม NETFLIX วันที่ 31 ส.ค. 66 ประมาณ 14.00 น. ตามเวลาประเทศไทย 

ทั้งนี้ ‘แน็ก ชาลี’ ก็ได้โพสต์ภาพผ่านอินสตาแกรมคัฟเวอร์เป็น ‘ลูฟี่’ หัวหน้ากลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง พร้อมหลานชาย ‘น้องอาเธอร์’ ที่มาในลุคของ ‘อุซป’ โดยระบุว่า…

“ฉันนี่แหละ ที่จะเป็นราชาโจรสลัดให้ได้เลย!!”

ขณะที่ ‘เก๋ไก๋’ ยูทูบเบอร์สาวหวานใจ ก็ได้เข้ามาคอมเมนต์ใต้รูปดังกล่าวด้วยว่า “นั่นอ่ะ ลูฟี่ ส่วนนี่อะ ลูเยิฟ อรั้ยยย คนอะไร๊ เท่สุดๆ ไปเล้ยยย 555”

ชวนลองชิม อาหารอาข่าสูตรต้นตำรับจาก ‘ร้าน ME THAI’ รสชาติอร่อย ถึงเครื่อง ถึงใจ ตามแบบฉบับชาวอาข่าแท้ๆ

(31 ส.ค. 66) ชวนสัมผัส เมนูเด็ด อาหารอาข่า ‘ร้าน ME THAI’ รสชาติกลมกล่อม อร่อยล้ำ ชูเอกลักษณ์วัตถุดิบ พืชผักสมุนไพร ดีต่อสุขภาพผู้บริโภค

วันนี้ จะพาไปลิ้มรสอาหารกลุ่มชาติพันธุ์อาข่า ‘ร้าน ME THAI’ บริหารรสชาติความนัวโดย ‘คุณกรรณิการ์ วุ้ยยื้อ’ สะใภ้กลุ่มชาติพันธุ์อาข่า ซึ่งมีโอกาสได้สัมผัสคลุกคลีใกล้ชิดครอบครัวชาวอาข่ามากว่า 1 ทศวรรษ ซึ่งได้เล็งเห็นถึงประโยชน์อาหารพื้นถิ่นอาข่า จัดเป็นอาหารที่อร่อย แถมดีต่อสุขภาพ ผู้บริโภค

ก่อนจะปิ๊งไอเดีย เดินหน้าเปิด ร้านอาหารอาข่า ที่กรุงเทพฯ เพื่อให้คนเมืองได้รู้จักสัมผัสอาหารอาข่ากันมากขึ้น รวมถึงควบคู่กับการนำเสนอวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวอาข่า ผ่านอาหารอาข่า ชื่อเมนู ‘ห่อจาจามะ’ ภาษาอาข่าแปลว่า “กินข้าวด้วยกัน”

คุณกรรณิการ์ วุ้ยยื้อ สะใภ้อาข่าที่คลุกคลีกับครอบครัวอาข่ามากว่า 10 ปี เล่าว่า ทุกครั้งที่ได้ไปบ้านสามีที่บ้านดอยช้าง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย จะเจริญอาหารเป็นพิเศษ เพราะอาหารอาข่าเป็นอาหารที่รสจัดจ้านถูกปากและดีต่อสุขภาพ

จึงมีไอเดียมาเปิดร้านอาหารอาข่าในกรุงเทพฯ ที่ร้าน ME THAI สาขาพระราม 9 ซอย 41 เดิมเป็นร้านกาแฟที่เธอและสามีทำร่วมกัน โดยกาแฟที่ใช้ก็เป็นกาแฟปลูกเองและทำเองทุกขั้นตอนจากสวนที่บ้าน

เมื่อตั้งใจจะทำอาหาร จึงได้ไปเรียนรู้วิธีการทำอาหารอาข่า และศึกษาเรื่องราวของอาหารอาข่ามาเป็นอย่างดี การทำอาหารของกรรณิการ์ จะรักษาแก่นหลักของอาหารอาข่าไว้อย่างครบถ้วนนั่นคือการใช้วัตถุดิบพื้นถิ่นและการปรุงแบบเรียบง่าย หลายเมนูสามารถสะท้อนถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนอาข่าได้เป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งที่ให้ความสำคัญที่สุดคือต้องเป็นการทานอาหารร่วมกันหลายๆ คน

‘ห่อจาจามะ’ จะเป็นการรับประทานอาหารอาข่าแบบดั้งเดิม ที่นำวัตถุดิบพื้นถิ่นตามฤดูกาลที่ปลูกไว้ทานในครัวเรือนมาปรุงอาหาร ประกอบด้วย รากหอมชู ผักเริญ ผักแฉกู่ ที่สำคัญยังมี “ถั่วเน่า” ฝีมือคุณแม่ ที่เป็นสูตรเฉพาะของที่บ้านอีกด้วย

สำหรับอาหารอาข่า จะเป็นอาหารที่ผ่านการปรุงแบบง่ายๆ ด้วยการ ต้มหรือผัด รวมถึงอาหารที่ผ่านกรรมวิธีถนอมอาหารแบบดั้งเดิม เช่น ผักดอง ถั่วเน่า และ หมูรมเตาฟืน รวมถึงขั้นตอนการปรุง จะไม่ใช้น้ำปลา มะนาว น้ำตาล แต่จะใช้รสชาติเปรี้ยวหวานจากผักที่นำมาปรุงอาหาร และจะใช้พริกกับเกลือเป็นเครื่องปรุงหลักเท่านั้น

อาหารอาข่า เป็นอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่อง เผ็ดร้อน เพราะเน้นเรื่องสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย โดยรสชาติเผ็ดร้อน จะได้จากพืชผักสมุนไพรต่างๆ เช่น ลาบคั่ว ที่จะมีรสชาติแตกต่างจากลาบเหนือและลาบอีสาน แต่จะมีรสชาติ กลิ่นเฉพาะตัว เป็นเอกลักษณ์จากวัตถุดิบ รากหอมชู พืชผักสมุนไพรต่างๆ

คุณกรรณิการณ์ บอกว่า ส่วนเมนูที่อยากแนะนำอีกหนึ่งจานคือ “น้ำพริกแมคคาเดเมีย” ซึ่งแมคคาเดเมีย คือพืชชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในสวนที่ทุกบ้านปลูก โดยน้ำพริกแมคคาเดเมียมีเอกลักษณ์โดดเด่นตรงความหอมมันของแมคคาเดเมีย

บวกกับความหวานอมเปรี้ยวของมะเขือส้ม หรือมะเขือเทศสีดา ผสานความเผ็ดจาก พริก กระเทียม หอมแดง จึงทำให้ได้น้ำพริกมีรสชาติที่อร่อยลงตัวไม่เลี่ยน เมื่อกินกับผักแนม พร้อมข้าวสวยร้อนๆ รับรอง แซ่บอร่อยสุดๆ

วิธีการทำ ไม่ยาก นำแมคคาเดเมีย พริก กระเทียม และหอมแดง มาคั่วให้หอม จากนั้นนำลงไปตำในครก แล้วนำมะเขือส้มที่ต้มแล้วมาตำรวมกัน ต่อจากนั้นปรุงรสด้วยเกลือเพียงเท่านี้ก็จะได้ “น้ำพริกแมคคาเดเมีย” แสนอร่อย

นอกจากนี้ ยังอยากแนะนำเมนู ลาบคั่ว รับประกันไม่เหมือน ลาบเหนือและลาบอีสาน แต่จะมีรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวเป็นเอกลักษณ์ จากตัวรากหอมชู และพืชผักสมุนไพรต่างๆ เมื่อทานแล้วจะได้รสชาติที่กลมกล่อมเค็มนิดๆ เผ็ดร้อนหน่อยๆ การันตีอร่อยแบบลงตัว

คุณกรรณิการ์ เล่าเพิ่มเติมว่า คนที่ได้มาลองทานอาหารอาข่ามักจะถูกใจแม้รสชาติจะแปลกไปจากอาหารที่เคยทาน แต่ก็เป็นความแปลกที่รู้สึกชอบ โดยเมนูที่ถูกใจหลายคนเป็นพิเศษคือ น้ำพริกแมคคาเดเมีย และลาบคั่วดอย ซึ่งก็ดีใจมากที่มีคนเปิดใจให้กับอาหารอาข่า

หลายคนมาทานซ้ำอยู่หลายครั้ง บางคนพาเพื่อนๆ หรือครอบครัวมาทานด้วย ความตั้งใจในอนาคตก็อยากทำให้คนทั่วไปได้รู้จักคนอาข่า และอาหารอาข่ามากเรื่อยๆ เหมือนกับเธอที่หลงรักในรสชาติอาหารและวิถีชีวิตของชาวอาข่าอย่างน่าอัศจรรย์

ผู้สนใจมาร่วม ‘ห่อจาจามะ’ สามารโทรจองล่วงหน้า 1 วัน ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 082-156-2945 โดยจะรับเป็นโต๊ะกรุ๊ปละ 4 – 10 ท่าน เพื่อให้ทุกท่านได้รับประทานอาหารที่หลากหลายเมนู อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาด้วยกันเหมือนอย่างคำว่า “ห่อจาจามะ” พร้อมฟังเรื่องราวความที่มาของวัตถุดิบ และการแนะนำเมนูอาหารจากเจ้าของร้านที่น่าสนใจ

ร้าน ME THAI อยู่ที่ ถนนพระราม 9 ซอย 41 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร สนใจติดต่อ เบอร์โทรศัพท์ 082-156-2945 หรือติดตาม เพจ FB : ME THAI และ IG : methai_official

‘หนูน้อย ป.1’ รีบหอบหนังสือมาอ่านให้คุณครูฟัง หลังรู้ข่าวว่าครูจะย้ายไปสอนที่อื่น ทำครูสาวน้ำตาซึม

สุดซึ้ง!! หนูน้อย ป.1 รีบหอบหนังสือมาอ่านให้ครูฟัง ก่อนครูจะย้ายไปสอนที่อื่น ทำคุณครูน้ำตาซึม ชาวเน็ตแสดงความคิดเห็น “นี่คือผลลัพธ์ของครูครับ”

เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 66 ไวรัลคนดู 1.9 แสนครั้ง ผู้ใช้ Tiktok ชื่อ @w.landaaaaaaaaaaa ได้โพสต์คลิปเรื่องราวทำเอาคุณครูและชาวเน็ตน้ำตาซึม หลังจากที่หนูน้อยชั้น ป.1 เมื่อรู้ว่าคุณครูจะย้ายไปสอนที่โรงเรียนอื่น ได้รีบหอบหนังสือมาอ่านให้คุณครูฟัง โดยรายละเอียดระบุว่า…

“อยากอ่านหนังสือให้คุณครูฟังก่อนคุณครูจะไปอยู่ที่อื่น #มันคือความรู้สึก #ครูประถมศึกษา #ผมอยากอ่านหนังสือให้คุณครูฟังทุกวัน,คุณครูหญิงจะไปบรรจุโรงเรียนอื่นน้องเด็กป.1 อยากอ่านหนังสือให้คุณครูฟังก่อน”

หลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปมีชาวเน็ตเข้าชมคลิปแล้วกว่า 1.9 แสนครั้ง พร้อมแสดงความคิดเห็นระบุว่า “ตั้งแต่ดูมา คลิปนี้ทัชใจสุด อะไรจะดีไปมากกว่า ทำให้ครูดูว่าที่ผ่านมา ครูทำได้ดีแค่ไหนและนี่คือผลลัพธ์ ของครูครับ,เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมากเลยค่ะ แสดงว่าเด็กๆ รักครูมากเลยค่ะ ขนาดครูจะไป รร. อื่นแล้ว ยังมาอ่านหนังสือให้ฟัง, ครูคือความหวังและเป็นพลังให้เด็กๆหลายต่อหลายคน คุณก็เคยผ่านความรู้สึกนี้มา, แล้ววันหนึ่งมันจะกลายเป็นความทรงจำที่ดีที่สุด”

‘ไก่ทอง ออริจินัล’ ออกแถลงการณ์ คนละร้านกับ ‘ลูกไก่ทอง’ ไม่มีความเกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ-การบริหาร ใดๆ ทั้งสิ้น

(1 ก.ย. 66) จากกรณีดรามา ‘ปังชา’ ของ ‘ร้านลูกไก่ทอง’ ที่นำมาสู่กระแสความสับสนของชาวเน็ตว่า ตกลงแล้ว ‘ร้านลูกไก่ทอง’ กับ ‘ร้านไก่ทอง’ เป็นร้านเดียวกันหรือไม่นั้น

ล่าสุด ‘ร้านไก่ทอง ออริจินัล’ ซึ่งมีชื่อคล้ายกัน ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันผ่านเฟซบุ๊ก ‘ไก่ทอง ออริจินัล - Kaithong Original’ ว่าเป็นคนละร้าน และไม่มีความเกี่ยวข้องกัน โดยเหตุการณ์ดรามา ‘ปังชา’ หนนี้ สร้างผลกระทบต่อร้าน เพราะทำให้หลายท่านเกิดความสับสนและเข้าใจผิดอย่างมาก ว่า…

“เนื่องจากทางร้าน ‘ไก่ทอง ออริจินัล’ ได้รับทราบถึงเหตุการณ์และกระแสข่าวที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจประเภทเดียวกัน เรารู้สึกเห็นใจและเข้าใจผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก 

ร้านของเราก็เป็นหนึ่งในร้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นกัน จากชื่อร้านที่มีความคล้ายคลึงกัน ทำให้หลายท่านเกิดความสับสนและเข้าใจผิด 

จึงขอประกาศชี้แจงให้ทราบว่า ร้าน ‘ไก่ทอง ออริจินัล’ และ ร้าน ‘ลูกไก่ทอง’ ไม่ใช่ร้านเดียวกัน ไม่มีความเกี่ยวข้องในการตัดสินใจ และการดำเนินการใด ๆ ทั้งทางธุรกิจ และการบริหาร ทั้งสิ้น

ทางผู้บริหารและพนักงาน ขอขอบคุณลูกค้า ที่ให้การสนับสนุน ร้านไก่ทอง ออริจินัล ด้วยดีเสมอมา ทางร้านยังมุ่งมั่นรักษามาตรฐานความอร่อย วัตถุดิบที่คงความออริจินัล ด้วยการคัดสรรอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน เพื่อรักษาไว้ซึ่งความอร่อยตามกาลเวลาในแบบฉบับต้นตำรับมายาวนานกว่า 25 ปี”

สำหรับ ‘ร้านไก่ทอง ออริจินัล’ ปัจจุบัน มีทั้งหมด 4 สาขา ได้แก่ สาขาเมืองทองธานี / สาขาเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ / สาขาเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า / สาขาเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ และร้านในเครือ ‘ไก่ทอง ออริจินัล’ ประกอบไปด้วย The Dessert by Kaithong Original เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ และ ARUNN เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน   

มโนทัศน์การเมือง!! เลือก สส.หลากพรรค มาแข่งกันทำงาน แต่สุดท้ายอาจได้ 'สส.งานศพ-งานบวช-งานแต่ง'

พันพรือล่าว…เมื่อมีคนโพสต์ว่า ต่อไปนี้จะไม่มี สส.นครศรีธรรมราช มีแต่ สส.เขต เขตใครเขตมัน 

....งง !!

สส.เขตก็คือ สส.จังหวัดนครศรีธรรมราช เพียงแต่ว่า จะมีกลไกอะไรมาประสานความร่วมมือในการทำงานร่วมกัน 4 พรรค...

- ประชาธิปัตย์
- ภูมิใจไทย
- พลังประชารัฐ
- รวมไทยสร้างชาติ

ผมประเมินว่า สส.ทุกวันนี้ ทุกคนหวงเขตตัวเอง กลัวแพ้เลือกตั้งสมัยหน้า จึงทำงานในเขตตัวเองเป็นหลัก ไม่คำนึงถึงภาพรวมทั้งจังหวัด หรือภาพรวมทั้งประเทศไทย

เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้เราจึงจะได้เห็น สส.งานศพ, สส.งานบวช, สส.งานแต่ง แต่ไม่มี สส.มานั่งคิดโครงการ คิดหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยภาพรวม และก็ไม่รู้จะเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหากับใคร 

...สส.ทุกคนคิดถึงแต่ตัวเองเป็นหลักใหญ่ !!

สส.บางคนที่ยกมือสวนมติพรรค ก็ไม่ค่อยกล้าออกหน้า ออกชุมชน หลบหน้าหลบตา ตอบชาวบ้าน ตอบนักข่าวยาก ชาวบ้านสมัยนี้เขารู้ข้อมูล รู้ข่าวสาร เขากล้าที่จะโต้ตอบ สส.เหล่านี้จึงเลือกใช้ชีวิตอีกวิถีหนึ่ง จนกว่าจะมีทางออกในวิถีใหม่

สถานการณ์สำหรับนครศรีธรรมราชเมื่อ สส.10 คนมาจาก 4 พรรคการเมือง ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ก็จะต่างคนต่างเดิน ต้องสร้างกลไกในการประสานความร่วมมือ 

กลไกตัวนี้ไม่ใช่ทำหน้าที่แค่ยกหูโทรศัพท์เชิญมานั่งประชุม แต่เป็นกลไกที่ผลักดัน ขับเคลื่อน ปฏิบัติภารกิจร่วมกัน คือ ทำหน้าที่ในการระดับสมองจากทุกภาคส่วน และนำข้อสรุปไปผลักดัน ขับเคลื่อนให้เกิดมรรค เกิดผลอย่างจริงจัง 

ซึ่งกลไกตัวนี้จะต้องเป็นในรูปคณะกรรมการร่วมที่มีตัวแทนจากทุกฝ่าย แต่ต้องไม่มากเกินไปจนเทอะทะ ต้อง 'จิ๋วแต่แจ๋ว' มีผู้ที่ทรงพลังเข้ามาเป็นตัวแทนในคณะกรรมการ ส่วนการได้มาของคณะกรรมการร่วม เกิดจากการสรรหาของแต่ละภาคส่วนแล้วเสนอตัวมาแต่งตั้งเป็นกรรมการ

ในระยะเริ่มแรกอาจจะงง ๆ ว่า แล้วเมื่อแต่ละภาคส่วนไปคัดสรรได้ตัวมาแล้วจะเสนอใคร ให้ใครแต่งตั้ง ก็ไม่ยาก ให้แต่ละคนที่ได้รับการคัดสรรมาแล้ว มานั่งคุยกันนอกรอบ แล้วสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นองค์กร จะใช้ชื่ออะไรก็ตกลงกันในที่ประชุม เลือกประธาน เลือกเลขาธิการขึ้นมา แล้วให้ถือว่าทุกคนที่เข้าร่วมประชุมคือคณะกรรมการ กำหนดบทบาท หน้าที่ให้ชัดเจนแล้วเดินหน้าทำงาน

คำว่า 'ตัวแทนจากทุกภาคส่วน' ก็คือตัวแทนจากทุกสาขาอาชีพ เช่น การเมืองระดับชาติ การเมืองท้องถิ่น ท้องที่ ภาคประชาสังคม ทนายความ นักเคลื่อนไหวทางสังคม เกษตรกร เหล่านี้ เป็นต้น

ถ้าเดินไปอย่างปัจจุบันบ้านเมืองไปยาก และประชาชนจะเสียโอกาสเหมือนเดิม เราเคยคิดกันไม่ใช่เหรอว่า ควรเลือกผู้แทนจากหลายพรรค เพื่อให้แย่งกันทำงาน แต่ผลวันนี้เป็นอย่างไร น่าจะพอเป็นบทเรียน บทสรุปได้ระดับหนึ่งนะ

ศาลอาญารับคำฟ้อง ‘ท็อปนิวส์’ เอาผิดเพจ ‘ตุ๊ดส์ review’ ฐานหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสีย เรียกค่าเสียหาย 20 ลบ.

มีรายงานความคืบหน้ากรณีท็อปนิวส์ฟ้องร้องเอาผิดผู้โพสต์หมิ่นประมาทใส่ร้ายให้ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังและเสื่อมเสียชื่อเสียง ท็อปนิวส์จึงต้องดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายและเรียกร้องค่าเสียหายอย่างถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่า

เมื่อวันที่ 31 ส.ค.66 ศาลอาญา ได้นัดฟังคำสั่งฟ้องคดี บริษัท ท็อปนิวส์ ดิจิทัล มีเดีย ยื่นฟ้อง นายธนบัตร ชายด่าน แอดมินเพจเฟซบุ๊ก ‘ตุ๊ดส์ รีวิว’ ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท จากการที่นายธนบัตรใช้เพจเฟซบุ๊ก ‘ตุ๊ดส์ รีวิว’ โพสต์ข้อความใส่ร้ายท็อปนิวส์ โดยทนายความฝ่ายโจทก์และจำเลยเดินทางมาศาล

ทั้งนี้ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า จำเลยเป็นผู้ใช้งานบัญชีเฟซบุ๊กชื่อว่า ‘ตุ๊ดส์ review’ และเปิดใช้งานแบบสาธารณะให้บุคคลทั่วไปเข้าถึงได้ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 จำเลยเผยแพร่ข้อความผ่านบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวว่า 

“รักชาติต้องเสพสื่อที่พัฒนาชาติก่อนเลยจ้า แกเชื่อเราอย่างแรกที่ทุกครอบครัวต้องทำตอนนี้คือ เลิกดู Top News คุณภาพชีวิต สติปัญญา และแนวทางการดำเนินชีวิตแกจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แกจะเข้าใจโลกใบนี้มากขึ้น แกจะอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง โลกที่รู้เท่าทันคนอื่น โลกที่ก้าวไปข้างหน้า และเข้าใจว่าปัจจุบันประเทศของเรา และสถานการณ์บ้านเมืองที่แท้จริงอยู่จุดใด ขอให้ทุกคนบอกคุณพ่อคุณแม่ญาติพี่น้อง และคนรู้จัก ระมัดระวังในการเสพสื่อที่ปลุกปั่นและสร้างความเข้าใจผิดกับคนในสังคมด้วยครับ รักชาติแต่เสพ Top News เลยพังพินาศ” พร้อมลงภาพเปรียบเทียบข้อความการให้สัมภาษณ์ระหว่าง เปิ้ล จารุณี นักแสดง และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกพรรคก้าวไกล ประกอบข้อความเพิ่มเติมในรูปภาพว่า “คำแนะนำที่ดีที่สุด: ‘เลิกดู TOP NEWS ดึงสติปัญญากลับมา”

โดยศาลเห็นว่า การที่จำเลยใช้ถ้อยคำที่ประชาชนทั่วไปเข้าใจความหมายว่า ปลุกปั่น หมายถึง ยุยงให้แตกแยกกัน และพังพินาศ หมายถึง เสียหายย่อยยับ และระบุชื่อโจทก์ กรณีเป็นการทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าโจทก์เป็นสื่อมวลชนที่ก่อความแตกแยกในสังคม หากผู้ใดรับชมสื่อของโจทก์จะทำให้ชีวิตไม่เจริญ ทำให้โจทก์ที่เป็นสื่อมวลชนซึ่งต้องพึ่งพาความสนใจ และไว้วางใจจากสาธารณชนได้รับความเสียหาย เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์สาธารณะ และตั้งค่าการเข้าถึงข้อความเป็นสาธารณะ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ กรณีจึงเป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง โดยการโฆษณา ในชั้นนี้ข้อเท็จจริงเป็นไปได้ว่า จำเลยหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณา คดีจึงมีมูล

ดังนั้นคดีของโจทก์จึงมีมูลตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาหมายเรียกจำเลยมาสอบคำให้การ ตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบพยานในวันที่ 4 ธันวาคม 2566 เวลา 13.30 น.

เปิดปรากฏการณ์ 'สังคมไทย' เริ่มย้อนไปนึกถึงผลงาน 'ลุงตู่' คุณความดี 9 ปีเริ่มทะลัก พอรู้ลุงต้องพัก ใจมันก็หวิวๆ โหวงๆ

(1 ก.ย.66) จากเฟซบุ๊ก 'Trachoo Kanchanasatitya' โดยนายตราชู กาญจนสถิตย์ ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ '10 ข้อคิดของผมกับลุงตู่' ระบุว่า…

1. ผมโล่งอกดีใจที่ลุงจะไม่มีใครด่าลุงแบบไร้หลักการและเหตุผลอีกแล้ว เค้าจะด่าใครต่อไปก็ด่าไป แค่ไม่ด่าลุงแล้วกัน ผมพอใจตรงนี้

2. ใจมันหวิว ๆ โหวง ๆ นิดนึง ที่คนที่เคยรักษาความปลอดภัยให้เราจาก โรค M79 และ เชื้อโควิด จะไม่ดูแลเราแล้ว 

3. ดีใจที่อีกไม่นาน คำว่า เผด็จการ ในสายตาของใครหลาย ๆ คนจะชัดเจนขึ้น เผด็จการไม่ใช่การเป็นทหาร แต่นักการเมืองประชาธิปไตยบางคนอาจเผด็จการมากกว่า

4. ลุงแกล้งโง่เป็น ดีกว่าคนแกล้งฉลาด แต่โง่บรม

5. ลุงทำได้ไง ให้ซาอุดีอาระเบีย มาคืนดีกับไทย ผมทำงานปีแรก คือ ปีที่ซาอุดีอาระเบียตัดความสัมพันธ์กับไทย ไม่มีใครง้อให้คืนดีมาได้ นี่จะเกษียณอยู่แล้ว มีนายกคนนึงทำได้ เราจะต่อยอดไปไกลมาก

6. ลุงทำให้ผมเห็นว่า ลุงไม่โม้ว่าลุงเก่ง ลุงไม่ได้รู้ทุกเรื่อง แต่ลุงพร้อมเรียนรู้และฟังทีมงาน แต่ลุงมีการตัดสินใจที่ไม่เข้านอกออกในใคร อะไรดี อะไรไม่ดี ลุงฉลาดที่จะรู้ และตัดสินใจเลือกทางที่ดีที่สุด

7. ลุงไม่ทำงานเอาหน้า งานของลุงอาจจะสำเร็จหลังจากลุงลงจากตำแหน่งไปนานแล้ว วันนั้นลุงรู้ว่า คนจะลืมไปแล้วว่าลุงคิดและผลักดัน มีคนจะมาเคลมเครดิต แต่ลุงไม่แคร์ ลุงทำเพื่อประเทศชาติจริง ๆ

8. ลุงไม่ได้เป็นหมอ ลุงไม่ได้เรียนเรื่องการผลิตวัคซีน มีคนเคยคิดว่า ไทยคงได้วัคซีนโควิดน้อยกว่าใคร แต่หลังจากนั้นไม่นาน วัคซีนเหลือบาน เพราะคนไทยกลัววัคซีนมากกว่า กลัวโควิด…บ้าป่าววะ

9. คนชอบบอกว่า ลุงโง่ ผมก็งงมากว่า ลุงโง่ตรงไหน เอาอะไรมาวัด คนโง่เค้าจะสอบได้คะแนนแบบลุงเหรอ ไอ้คนที่ว่าลุงโง่ กล้ามาทดสอบไอคิวกะลุงไหม (อาจจะกล้า แต่ลุงคงไม่เสียเวลากะคนพวกนี้ ช่างมัน)

10. ลุงตู่เป็นมนุษย์ที่ลงลึก ลงรายละเอียด ติดตามอะไรหลาย ๆ อย่างในโลกโซเชียล ลุงอ่านเองไหม ผมไม่รู้ แต่เดาได้ว่าลุงสร้างทีมเพื่อทำให้ลุงต้องรู้ ผมว่าลุงรู้ทุกเรื่อง แค่เราไม่รู้ว่าลุงรู้ เท่านั้นแหละ

11. ทองคำเปลวที่ลุงแปะหลังพระ ล้นออกมาแล้วครับ วันนี้ใครหลายคนเห็นทองหลังพระแล้ว ลุงไม่ต้องพูดเองครับ จะมีคนจำนวนมากพูดให้ลุงเอง ลุงอ่านเรื่องดี ๆ ของลุงให้ทันเถอะครับ

12. อ้าว เกินโควตา 10 ข้อแล้วเหรอ กฎนี้ใครคิด กฎผิดฉันไม่ผิด ไปแก้กฎก่อน อยากเขียนอีกสัก 100 ข้อ ยื่นญัตติด่วนเลย

ขออนุญาตใช้คำว่า รักและเคารพ อย่างที่สุดนะครับ

อดีตผู้สมัคร สส.ก้าวไกล โพสต์ทวิตฯ ขอโทษล่วงละเมิดสาว ล่าสุดลบโพสต์ แต่ชาวเน็ตแคปทัน ด้านเหยื่อเล่าเหตุเกิดตอนเมา

กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในโลกออนไลน์ เมื่อนายเกรียงไกร จันกกผึ้ง อดีตผู้สมัคร สส.พรรคก้าวไกล จ.ชัยภูมิ โพสต์ทวิตเตอร์ข้อความขอโทษ ผู้หญิง ที่ตัวเองล่วงละเมิดทางเพศไป โดยระบุว่า ในวันที่ 27 / 06 / 2566 ตนได้ละเลยความรู้สึกของผู้หญิงคนหนึ่ง และได้ละเมิดหลักการเรื่อง consent จนทำลายความเชื่อใจ และหวังดีของเธอ ซึ่งการกระทำนี้ ไม่ควรค่าแก่การให้อภัยเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งเป็นการกระทำร้ายแรงต่อจิตใจของเธอ

ผมขอสัญญาไว้กับเกียรติอันน้อยนิดที่ยังหลงเหลืออยู่ว่า จะไม่มีการละเมิดหลักการอันเป็นที่ยึดมั่นนี้อีก และจะไม่ทำลายความเชื่อมั่นและความหวังดีของใครอีกต่อไป แม้การกระทำครั้งนี้จะไม่มีการให้อภัยใด ๆ แต่ผมจะตอบแทนผู้คนด้วยการรับใช้ซึ่งอุดมการณ์นี้อย่างสุดหัวจิตหัวใจตลอดไป

โดยเพียงหวังว่าจะเธอจะให้อภัยในการกระทำที่ไม่น่าให้อภัยนี้ และเผชิญหน้าอย่างถูกต้องผมได้แต่เฝ้าหวังและรอการให้อภัยจากเธอและเหตุครั้งนี้จะตอกย้ำทุกการกระทำของผมต่อจากนี้อย่างรอบคอบทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้ ได้เกิดขึ้นอีก

และการกระทำแบบนี้ยังทำลายซึ่งหลักการที่เรายึดมั่นเสมอมา ผมผู้ที่ไม่ควรให้อภัยอย่างยิ่งนั้นยังไม่รู้สำนึกถึงโอกาสที่มอบให้ยังทำลายโอกาสนั้นต่อเรื่อยมา จนทำให้เรื่องนี้เดือดร้อนถึงบุคคลอื่นที่หวังดีและเชื่อมั่นในตัวผม ผมได้เดินทางไปขอโทษเธอจากใจจริง

หลังจากเจ้าตัวโพสต์เรื่องราวดังกล่าว เจ้าตัวทำการลบและปิดทวิตเตอร์หนี ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพร้อมใจขอความชัดเจน รวมให้ทางพรรคต้นสังกัดชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวด้วย

ทั้งนี้จากการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าว มีจุดเริ่มต้นมาจาก ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อ “พิมxx” ที่วันนี้ได้แชร์โพสต์ของนายเกรียงไกร ที่ได้โพสต์ขอโทษเหตุการณ์ดังกล่าว โดยพิม ระบุว่า ได้เห็นคำขอโทษที่พิมรอกันบางส่วน และเห็นว่ามีเพื่อน ๆ ที่เคียงข้างพิมอยู่ ทำให้พิมรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณมากค่ะ ถึงแม้ว่าตอนนี้คำขอโทษเหล่านั้นจะเข้าถึงไม่ได้แล้ว อาจเกิดจากเขาต้องการปิดบัญชีไปด้วยเหตุผลใดก็ตาม พิมอยากเก็บถ้อยคำเหล่านี้ไว้เพื่อเป็นประจักษ์ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง

พิม ยังทวิตข้อความอีกว่า มีความคิดเห็นว่า คำขอโทษนี้ไม่ได้ระบุความผิดที่ทำ และอาจยังไม่เข้าใจว่าผิดอะไร พิมเห็นด้วยค่ะ และพิมคงคาดหวังสิ่งนี้กับคนที่พิมรอคำขอโทษถึง 2 เดือนไม่ได้ รวมถึงมีคำถามว่าจะมีการลงขอโทษอีกครั้งไหม พิมยังไม่สามารถให้คำตอบได้เช่นกัน พิมยังอยู่ในความฉงนใจจากการหายไปของสิ่งที่พิมรอ

ขณะเดียวกันหากย้อนไปเมื่อ 2 วันก่อน พิมได้ทวิตข้อความว่า พิมได้รับการขอโทษ โดยมีพยานจากผู้กระทำเบื้องต้นแล้วเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมนะคะ ขอบคุณความห่วงใยจากทุกท่าน เคยได้ยินสำนวนว่า หมอตายเพราะงู ก็ไม่นึกเลยค่ะ ว่าคนทำเหล้าจะโดนล่วงละเมิดตอนเมาเพราะเหล้า

นอกจากนี้ยังพบว่าเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม หลังเกิดเหตุการณ์ถูกล่วงละเมิดทางเพศเกือบ 2 เดือน พิมได้ทวิตข้อความว่า ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้กับพิมในเวลาเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมานะคะ ขออภัยที่ทำหน้าที่บกพร่องในการเป็นโฆษกxxx เนื่องจากมีเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่สามารถสื่อสารเรื่องอื่นได้เต็มที่หากยังไม่ได้รับการจัดการที่เหมาะสม พิมได้ให้เวลาและโอกาสกับคู่กรณี และยังเฝ้ารอความรับผิดชอบอยู่ค่ะ

ย้อน 12 ผลงานเด่น ในยุค ‘รัฐบาล คสช.’

ภายหลังจาก ‘คณะรักษาความสงบแห่งชาติ’ หรือ คสช. อันมี ‘พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ เป็นหัวหน้าคณะ ทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 ในระยะเวลาต่อเนื่องกว่า 5 ปีก่อนจะมีการเลือกตั้งใหญ่ในปี 2562 รัฐบาล คสช. ได้บริหารประเทศภายใต้วิสัยทัศน์ที่มุ่งสร้างความ ‘มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน’ โดยพยายามดำเนินมาตรการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ

เนื่องจากเป็นรัฐบาลที่ไม่มีพรรคฝ่ายค้านในสภา และสามารถออกคำสั่งตามมาตรา 44 ได้ ทำให้รัฐบาลสามารถผลักดันนโยบายต่าง ๆ ออกมาได้มาก 

วันนี้ THE STATES TIMES จะพาย้อนดู 12 ผลงานรัฐบาล คสช. ที่เป็นประโยชน์และเป็นพื้นฐานต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว เช่น

1.จัดการปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และขาดการควบคุม (IUU) 
รัฐบาล คสช. สามารถแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วตามแรงกดดันของสหภาพยุโรป ทำให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าประมงไปสหภาพยุโรปได้ต่อเนื่อง พร้อมทั้งแสดงความมุ่งมั่นในการป้องกันและแก้ปัญหาการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ ปรับปรุงภาพลักษณ์ภาคการประมงของไทยให้ดียิ่งขึ้น

2.ทวงคืนผืนป่าจากนายทุนได้ โดยในปี 2559 สามารถทวงคืนผืนป่าจากนายทุนได้ 1.4 แสนไร่ และถือเป็นพันธกิจที่ต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ยังมีการจัดสรรพื้นที่ทำกินให้แก่ประชาชนด้วย

3.ประกาศแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างครบวงจร ตั้งแต่เจ้าหนี้และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ โดยให้เจ้าหนี้ที่ปล่อยกู้นอกระบบจัดตั้งเป็นธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์)

4.ขจัดปัญหามาเฟีย ปราบปรามผู้มีอิทธิพลใช้อำนาจในทางผิดกฎหมาย กวาดล้างอาวุธสงคราม ปืน ระเบิด รวมถึงจับตาเครือข่ายและผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง

5.ผลักดันระบบ ‘พร้อมเพย์’ เพื่อช่วยลดต้นทุนในการชำระเงินและโอนเงินของประชาชน และเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

6.เดินหน้าจัดระเบียบสังคม จัดการหาบเร่แผงลอยผิดกฎหมาย ร้านค้าริมถนน ขึ้นทะเบียนวินจักรยานยนต์ และจัดระเบียบแรงงานข้ามชาติ

7.แก้ปัญหาข้าวค้างสต็อกจากโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้วิธีประมูลอย่างโปร่งใส ซึ่งช่วยลดภาระการขาดทุน และลดแรงกดดันราคาข้าวไทยให้อยู่ในระดับต่ำ

8.ปลดธงแดง ICAO ได้เป็นผลสำเร็จ ถอดชื่อประเทศไทยออกจากรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยด้านการบินพลเรือน

9.ประกาศปราบปรามการทุจริต-คอร์รัปชันในระบบราชการทุกระดับชั้น รัฐบาล คสช. รับโครงการสร้างมาตรฐานความโปร่งใสในระดับสากลอย่างน้อย 4 โครงการ มาใช้ในประเทศไทย  ซึ่งจะทำให้เกิดการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะและการตรวจสอบโดยประชาชน ได้แก่

- โครงการ ‘ข้อตกลงคุณธรรม’ (Integrity Pact) ซึ่งผลักดันโดยองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) โดยถูกบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างฯ และถูกนำไปใช้กับโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ประมูลและทำสัญญา

-โครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST)

-โครงการรัฐบาลโปร่งใส (Open Government Partnership)

-โครงการความโปร่งใสในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ (EITI)

10.ออกมาตรการแก้ไขปัญหาความยากจน ช่วยเหลือทั้งการให้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การสร้างอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้

11.ลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ ออก พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือมาบตาพุด และท่าเรือแหลมฉบัง ส่งเสริมการพัฒนา และดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve industries)

12.สานสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เดินทางเยือนสหราชอาณาจักร พบ ‘เทเรซา เมย์’ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรในขณะนั้น 

‘หยก’ แจง เหตุตัดสินใจไปค่าย เพราะเห็นว่าโรงเรียนทำไม่ถูกต้อง รับ ตกใจที่ครูให้ นร.มีส่วนร่วม พร้อมเปรียบ เหตุการณ์นี้เหมือน 6 ตุลา 19

(1 ก.ย. 66) จากกรณี ‘หยก น.ส.ธนลภย์’ อายุ 15 ปี เยาวชนและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง สมาชิกกลุ่มทะลุวัง อดีตผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ที่อายุน้อยที่สุด ต้องการไปขึ้นรถบัสไปค่ายเรียนภาษาจีน ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ แต่ทางครูไม่ให้หยกไป เพราะหยกไม่มีสถานภาพนักเรียนและไม่ได้จ่ายค่าเทอม (เพราะคืนค่าเทอมไปแล้ว) จึงพยายามให้หยกลงจากรถ เพื่อนหยกจึงช่วยกันอุ้มลงจากรถ

‘หยก น.ส.ธนลภย์’ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า…

“หนูตัดสินใจไปค่ายเพราะหนูยังคงเห็นว่าโรงเรียนทำไม่ถูกที่คืนเงินมาเงียบๆ แล้วถือว่าหนูไม่ใช่นักเรียนแล้ว หนูยืนยันว่าโรงเรียนไม่เคยมีหนังสือทางการแจ้งหนู ไม่เคยไล่หนูออก มีแต่ไปป่าวประกาศกับสังคม ไม่เคยให้มีส่วนร่วม

ครูไม่ให้หนูไปค่ายและบอกว่าหนูไม่ใช่นักเรียนแล้ว เพราะคืนเงินมาแล้ว ครูให้เพื่อนๆ ช่วยกันอุ้มหนูลงมาจากรถ ครูถามเพื่อนว่ามีใครยังอยากให้หยกเรียนต่อมั้ย เพื่อนๆ ร่วมกันตอบว่า “ไม่” มีคนปรบมือดีใจ ตอนที่เพื่อนอุ้มหนูลงจากรถ

หนูรู้สึกตกใจ หน้าเสียกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่พยายามยิ้ม หนูตกใจที่ครูให้เพื่อนเข้ามามีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ และให้เพื่อนเข้ามาเป็นคนออกหน้า รวมถึงใช้วิธีให้เพื่อนๆ ทำอะไรแบบนี้

วันนี้โรงเรียนเอาตำรวจมากำจัดหนูด้วยเช่นกัน ตำรวจช่วยโรงเรียนกันหนูออกหลังจากครูให้เพื่อนเป็นคนมาอุ้ม กำจัดหนูออกจากรถและเพื่อนหลายๆ คนตบมือ หรือยิ้มดีใจเห็นด้วย

สวัสดีวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ในวันที่ 31 สิงหาคม 2566 ณ โรงเรียนเตรียมพัฒน์

ขอบคุณโรงเรียน พี่ตำรวจและครูมากๆ ค่ะ บทเรียนนี้หนูจะไม่ลืม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top