ศาลอาญารับคำฟ้อง ‘ท็อปนิวส์’ เอาผิดเพจ ‘ตุ๊ดส์ review’ ฐานหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสีย เรียกค่าเสียหาย 20 ลบ.

มีรายงานความคืบหน้ากรณีท็อปนิวส์ฟ้องร้องเอาผิดผู้โพสต์หมิ่นประมาทใส่ร้ายให้ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังและเสื่อมเสียชื่อเสียง ท็อปนิวส์จึงต้องดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายและเรียกร้องค่าเสียหายอย่างถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่า

เมื่อวันที่ 31 ส.ค.66 ศาลอาญา ได้นัดฟังคำสั่งฟ้องคดี บริษัท ท็อปนิวส์ ดิจิทัล มีเดีย ยื่นฟ้อง นายธนบัตร ชายด่าน แอดมินเพจเฟซบุ๊ก ‘ตุ๊ดส์ รีวิว’ ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท จากการที่นายธนบัตรใช้เพจเฟซบุ๊ก ‘ตุ๊ดส์ รีวิว’ โพสต์ข้อความใส่ร้ายท็อปนิวส์ โดยทนายความฝ่ายโจทก์และจำเลยเดินทางมาศาล

ทั้งนี้ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า จำเลยเป็นผู้ใช้งานบัญชีเฟซบุ๊กชื่อว่า ‘ตุ๊ดส์ review’ และเปิดใช้งานแบบสาธารณะให้บุคคลทั่วไปเข้าถึงได้ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 จำเลยเผยแพร่ข้อความผ่านบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวว่า 

“รักชาติต้องเสพสื่อที่พัฒนาชาติก่อนเลยจ้า แกเชื่อเราอย่างแรกที่ทุกครอบครัวต้องทำตอนนี้คือ เลิกดู Top News คุณภาพชีวิต สติปัญญา และแนวทางการดำเนินชีวิตแกจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แกจะเข้าใจโลกใบนี้มากขึ้น แกจะอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง โลกที่รู้เท่าทันคนอื่น โลกที่ก้าวไปข้างหน้า และเข้าใจว่าปัจจุบันประเทศของเรา และสถานการณ์บ้านเมืองที่แท้จริงอยู่จุดใด ขอให้ทุกคนบอกคุณพ่อคุณแม่ญาติพี่น้อง และคนรู้จัก ระมัดระวังในการเสพสื่อที่ปลุกปั่นและสร้างความเข้าใจผิดกับคนในสังคมด้วยครับ รักชาติแต่เสพ Top News เลยพังพินาศ” พร้อมลงภาพเปรียบเทียบข้อความการให้สัมภาษณ์ระหว่าง เปิ้ล จารุณี นักแสดง และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกพรรคก้าวไกล ประกอบข้อความเพิ่มเติมในรูปภาพว่า “คำแนะนำที่ดีที่สุด: ‘เลิกดู TOP NEWS ดึงสติปัญญากลับมา”

โดยศาลเห็นว่า การที่จำเลยใช้ถ้อยคำที่ประชาชนทั่วไปเข้าใจความหมายว่า ปลุกปั่น หมายถึง ยุยงให้แตกแยกกัน และพังพินาศ หมายถึง เสียหายย่อยยับ และระบุชื่อโจทก์ กรณีเป็นการทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าโจทก์เป็นสื่อมวลชนที่ก่อความแตกแยกในสังคม หากผู้ใดรับชมสื่อของโจทก์จะทำให้ชีวิตไม่เจริญ ทำให้โจทก์ที่เป็นสื่อมวลชนซึ่งต้องพึ่งพาความสนใจ และไว้วางใจจากสาธารณชนได้รับความเสียหาย เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์สาธารณะ และตั้งค่าการเข้าถึงข้อความเป็นสาธารณะ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ กรณีจึงเป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง โดยการโฆษณา ในชั้นนี้ข้อเท็จจริงเป็นไปได้ว่า จำเลยหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณา คดีจึงมีมูล

ดังนั้นคดีของโจทก์จึงมีมูลตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาหมายเรียกจำเลยมาสอบคำให้การ ตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบพยานในวันที่ 4 ธันวาคม 2566 เวลา 13.30 น.