Saturday, 24 May 2025
NewsFeed

‘นักดนตรีระดับโลก’ บรรเลงเพลง กลาง สน.ทองหล่อ หลังได้รับ ‘ไวโอลิน’ มูลค่า 18 ล้านบาท ที่ลืมไว้บนแท็กซี่คืน

(1 ก.ย. 66) สถานีวิทยุ จส.100 รายงานว่า ได้รับการประสานจาก สน.ทองหล่อ ให้ตามหาแท็กซี่ ที่รับชาวจีน เมื่อคืนวันที่ 29 ส.ค. 66 เวลา 23.10 น.จากร้านอาหารปักกิ่ง ซอยสุขุมวิท 26 ไปลงที่สุขุมวิท 31 เนื่องจาก ‘ชาวจีน’ เป็นนักไวโอลินที่มีชื่อเสียงระดับโลก ลืมกระเป๋ากล่องสีครีม ข้างในมีไวโอลินสีน้ำตาล-เหลือง 1 ตัว

จ.ส.ต.เกรียงไกร กรไธสง ฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ ให้ข้อมูลว่า คนขับรถแท็กซี่ ชื่อ ‘คุณอุเทน เด่นขุนทด’ เนื่องจาก ผู้โดยสารชาวจีนโอนค่าโดยสารไปให้ ตำรวจ ช่วยตรวจสอบกล้องวงจปิดจุดที่ขึ้นลงแล้ว กล้องมองไม่เห็นทะเบียนรถ และไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่ ผู้โดยสารชาวจีน คือ ‘คุณเซว เหว่ย’ (Xuē Wěi) นักไวโอลินชาวจีนที่มีชื่อเสียงระดับโลก

ในที่สุด สถานีวิทยุ จส.100 สามารถติดต่อคนขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวได้ คือ คุณอุเทน ขับรถแท็กซี่ สีชมพู ทห-2874 กทม.และได้ประสานส่งมอบกล่องไวโอลินให้กับคุณซุน ซึ่งเป็นเพื่อนของคุณเซว เหว่ย เรียบร้อยแล้ว เมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.66) ที่สน.ทองหล่อ

ขณะที่ คุณซุน ขอขอบคุณคนไทยมีน้ำใจจริงๆ เนื่องจาก ไวโอลิน มีความพิเศษ เป็นสมบัติที่ล้ำค่า มีคุณค่าทางจิตใจ เหมือนเป็นอาวุธของคุณเซว เหว่ย และอยากได้คืนมาก มีอายุ 200 กว่าปี มูลค่า 18 ล้านบาท เมื่อรู้ว่าลืมไว้บนรถแท็กซี่ คุณเซว เหว่ย มีความกังวลมาก ไม่ได้ทานข้าว และเมื่อรู้ว่า ติดต่อคุณอุเทน คนขับรถได้แล้วและได้รับของคืน รู้สึกดีใจมาก คุณเซว เหว่ย เดินทางไป-กลับ 3 ประเทศเป็นประจำ ไทย-อังกฤษ-จีน ครั้งนี้ก็มาอยู่ไทยนานพอสมควร หลังจากนี้ก็จะเดินทางกลับประเทศจีน

ในส่วนตัวคุณซุน ติดตามฟังสถานีวิทยุ จส.100 มาตลอด เพราะจะได้ทราบข้อมูลข่าวสารการจราจรในช่วงเช้า-เย็น

ขณะที่ คุณอุเทน เล่าว่า เมื่อรู้ว่า ผู้โดยสารลืมของไว้ในรถ ก็ขับรถวนกลับไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ไม่ทราบว่าจะติดต่อใคร จึงนำไวโอลินไว้ที่กระโปรงท้ายก่อน และบอกเจ้าของอู่ให้ทราบไว้ จากนั้นก็พักผ่อน เมื่อตื่นขึ้นมาเห็นสายโทรศัพท์ของสถานีวิทยุ จส.100 จึงได้โทรกลับและประสานงานกัน นำไวโอลินส่งมอบคืนให้คุณเซว เหว่ย และได้รับ Gift voucher เป็นสินน้ำใจด้วย

‘รัชดา’ ชี้แจงชาวเน็ต หลังคอมเมนต์ดูถูก-หยาบคาย

(1 ก.ย.66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงชาวเน็ต ระบุว่า...

ผ่านสังเวียนคอมเมนต์มามากมาย โดยมากก็จะขำ เล่าสู่กันฟัง

โอย อย่าหยาบคายกับพวกเราเลยนะ เรานำเสนอความจริง อยากให้ ปชช.เข้าใจสิ่งที่ถูกต้อง ไม่เชื่อก็ไม่มีใครว่าอะไร และเราไม่เคยใช้คำพูดไม่สุภาพนะ เพราะมันไม่ใช่รสนิยม…ส่วนเรื่องสามีนั้น ไม่ต้องห่วงเลย มันไม่ใช่ Pain Point ของผู้หญิงหรอกนะ หลายคนยังคิดว่าโชคดีที่ไม่มีด้วยซ้ำจ้า ... Traisuree Taisaranakul / อ้น ทิพานัน ศิริชนะ

‘ซีเค เจิง’ เปรียบ ‘เกษตรกรจีน’ เป็นได้แค่พนักงาน ไม่มีวันได้เป็นเจ้าของกิจการ เพราะไม่มีสิทธิ์ถือครองที่ดิน

(1 ก.ย. 66) ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกชื่อ ‘ckfastwork’ ของ ซีเค เจิง นักธุรกิจรุ่นใหม่ เผยแพร่คลิปวิดีโอในหัวข้อ ‘ระเบิดเวลาทางเศรษฐกิจของจีน’ โดยระบุว่า..

“โดยส่วนตัว ผมจะไม่มีวันไปลงทุนกับประเทศจีน ผมไม่คิดว่ามันจะเวิร์ก สิ่งที่รักษาประเทศจีนอยู่ถึงทุกวันนี้เป็นเพราะมีประชากรจีนเยอะมาก แต่จีดีพีต่อหัวยังถือว่าต่ำมาก แต่ประชากรเยอะเลยอยู่ได้ง่าย คุณขายน้ำ ก๋วยเตี๋ยว ไม่ต้องขายบ้านอื่น ขายแค่ในบ้านก็รวยแล้ว คนที่รวยที่สุดในประเทศจีนตอนนี้คือใครครับ? คนที่ขายน้ำเปล่า (Zhong Shanshan) แบรนด์น้ำของเขาไม่จำเป็นต้องขายบ้านอื่นเลย ซึ่งเขาเป็นคนที่รวยที่สุด เพราะว่าขายแค่ในบ้านตัวเอง”

ซีเค เจิง ระบุต่อว่า “การลงทุนของผมไม่ชอบอะไรอย่างนั้น ผมชอบทำธุรกิจที่เปลี่ยนโลก ผมไม่ชอบธุรกิจที่อยู่แค่ในบ้าน จีนทำสิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยหลายอย่าง ซึ่งผมไม่ชอบมาก การไม่ให้คนอื่นลงทุนต่างประเทศ คุณหาเงินที่จีน แต่คุณเอาเงินหยวนออกจากจีนไม่ได้นะ อย่างมาก 1 ปี ได้ 2 ล้านหยวน คือเขาบังคับให้คุณต้องลงทุนกับประเทศจีน แล้วจะซื้อที่ดินจีนก็ซื้อไม่ได้ด้วย อสังหาฯ จีนจะไปซื้อได้ไง ใครจะไปซื้อที่ดินจีน ซื้อไม่ได้ ครบ 70 ปี คุณก็ต้องคืน”

“เกษตรกรบ้านเขาจะเกิดได้ยังไง เป็นเหมือนระเบิดเวลา เดี๋ยวเกษตกรจีนก็ตาย เพราะเกษตรกรจีนเป็นเหมือนพนักงาน ไม่สามารถเป็นผู้ประกอบการ เพราะยังไงที่ดินก็เป็นของประเทศจีน ไม่ได้เป็นของพลเมืองจีน ถ้าพี่เป็นเกษตรกรจีนที่เก่งมาก พี่อยากอยู่ไหม? ไม่อยากอยู่หรอก จะเป็นพนักงานทั้งชีวิตเหรอ? ไม่มีทาง”

“ผมไม่ชอบประเทศจีนนะ ผมรู้นะว่าหลายคนบอกว่าจีนกำลังมาแรง หรือเรย์ ดาลิโอ เขามีหนังสือเขียนว่าเทรนด์จีนกำลังแซงหน้าสหรัฐฯ เข้าไปทุกที ผมไม่เห็นด้วยหรอกนะ คลิปของผมก็อยู่ในโซเชียลหมด ถ้าวันหนึ่งจีนเหนือกว่าอเมริกาจริง ๆ ค่อยมาหัวเราะใส่ผมแล้วกัน ผมจะไม่ลงทุนในประเทศจีน”

“ผมเป็นคนจีนนะครับ ต้องบอกว่าสำหรับผม ผมค่อนข้างที่จะละอายที่ประเทศจีนทำอย่างนี้ และหลายๆ อย่างที่ผมไม่ชอบมาก” ซีเค เจิง ทิ้งท้าย

เจ้าของร้าน ‘ปังชา’ ยกมือไหว้กลางรายการโหนกระแส ขอขมาเจ้าของร้านทั้ง 3 ยืนยันไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร

จากกระแสข่าวจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (Trademark) ของ ร้านลูกไก่ทอง เจ้าของตำรับ ปังชา ไม่เลือนหายไปจากหน้าสื่อง่าย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเกิดกรณีผู้ประกอบการรายย่อยมากกว่า 1 ราย ได้รับโนติสจากทนายความ ขอให้ยุติการกระทำอันเป็นการละเมิดเครื่องหมายการค้า พร้อมเรียกค่าเสียหายหลักแสน รวมถึงหลักร้อยล้านบาท ตลอดจนให้ขอโทษหน้าสื่อด้วยนั้น

(1 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในรายการโหนกระแส ได้สัมภาษณ์ประเด็น 'ปังชา' ที่ชากันทั่วหน้าหลังโดนฟ้องกันระนาว และล่าสุดร้านดังกลับลำให้ใช้ได้ พร้อมเชิญเจ้าของร้านปังเย็น 3 ร้าน ที่ถูกร้านปังเย็นชื่อดังยื่นโนติส โดยมีช่วงหนึ่งที่ คุณแก้ม เจ้าของร้านลูกไก่ทอง เข้ามาในรายการด้วย

โดยคุณแก้ม ได้ยกมือไหว้ขอโทษเจ้าของร้านทั้ง 3 ร้าน ที่ไปยื่นโนติส ว่า "ด้วยบารมีขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย พ่อขุนเม็งราย ด้วยบารมีของหลวงปู่ทวด พี่ขออโหสิกรรม ขอโทษในสิ่งที่พี่ทำ โดยพี่เอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พี่นับถือและไหว้มาตลอด พี่ไม่ได้เฟค”

"พ่อขุนเม็งราย วัดห้วงปลากั้ง พระโพธิสัตว์ พระแม่กวนอิม ถ้าท่านฟังอยู่ ลูกขออภัย ขอขมากับน้อง ๆ ที่นี่ หากความผิดพลาดที่พี่ทำ ด้วยความตั้งใจในการสร้างแบรนด์ เพื่อประเทศไทย ไม่ใช่เพื่อตัวเองคนด้วย แล้วทำให้น้อง ๆ มีความทุกข์ ทำให้พี่มีความทุกข์ พี่ขอรับผิดเพียงคนเดียว”

"สิ่งที่ทำทั้งหมด ไม่ได้ต้องการทำร้ายคนรวย หรือคนจน พี่ทำงานมาด้วยเงิน 8 พัน พี่อยากสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน พี่ให้คุณค่ากับการออกแบบเครื่องหมายการค้า พี่เชื่อมั่นในแบรนด์ที่มาจากภูมิปัญญาที่คนไทยหลาย ๆ คนมองข้าม"

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี จัดงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2566 (แห่งที่ 3) แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ยากไร้ ณ คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว สาขาศรีราชา

วันนี้ (วันศุกร์ที่ 1 กันยายน 2566 เวลา 13.00 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นางชุติมา ตันติศิริวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการ และนายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ จัดพิธีแจกข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค เนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2566 ให้กับประชาชนผู้ยากไร้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงคลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว สาขาศรีราชา จำนวน 2,000 ชุด สิ่งของที่แจกประกอบด้วย  ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป  ปลากระป๋อง  น้ำปลา น้ำมันพืช  และขนม บรรจุถุงผ้ามูลนิธิฯ พร้อมมอบค่าพาหนะ คนละ 100 บาท โดยมี นายนิติ วิวัฒน์วานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายศิลปชัย พันธุ์สุริยานนท์ รองผู้อำนวยการ ด้านพัฒนาองค์กร คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว  คณะพุทธสมาคมเพียวเยี้ยงไท้ ศรีราชา คณะเครือสหพัฒน์  บริษัท แปซิฟิคพาร์ค ศรีราชา จำกัด และโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีราชา ร่วมในพิธี ณ บริเวณคลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว สาขาศรีราชา จังหวัดชลบุรี

นอกจากนี้ ในวันอังคารที่ 12 กันยายน 2566 มูลนิธิฯ กำหนดแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคครั้งยิ่งใหญ่ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ เป็นลำดับต่อไป

ประเพณีทิ้งกระจาด เป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่ปฏิบัติสืบทอดมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยมูลนิธิฯ ได้ปฏิบัติสืบเนื่องมาทุกปีเป็นเวลาช้านานไม่ต่ำกว่า 80 ปี และคาดว่าจะเป็นมูลนิธิแห่งแรก ที่จัดงานทิ้งกระจาดอย่างเป็นทางการและเป็นกิจจะลักษณะ เพราะถือว่าเป็นประเพณีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เพื่อนมนุษย์ที่ล่วงลับไปแล้วทั้งที่เป็นญาติและไม่เป็นญาติพร้อมกับทำทานให้แก่ผู้ยากไร้ ในช่วงประเพณี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้มีผู้มีจิตศรัทธา และผู้ใจบุญจะนำเครื่องเซ่นไหว้ อาทิ ข้าวสารอาหารแห้ง และอื่น ๆ มากราบไหว้หลวงปู่ เพื่อทำบุญสะเดาะเคราะห์ ซึ่งมูลนิธิฯ จะรวบรวมไว้ไปสมทบกับสิ่งของที่จัดซื้อเพิ่มเติม เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ผู้ยากไร้ รวม 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร นครราชสีมา ชลบุรี และ กรุงเทพฯ พร้อมนำมอบองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ได้พัฒนาการแจกจ่ายสิ่งของเครื่องใช้ ให้เข้ากับการใช้งานในแต่ละยุคแต่ละสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัสดุในการบรรจุสิ่งของที่มูลนิธิฯ ได้ปรับเปลี่ยนให้เป็นถุงผ้าเพื่อลดการใช้พลาสติก และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้รับ คิดเป็นมูลค่าการจัดงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2566 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 14,462,250 บาท (สิบสี่ล้านสี่แสนหกหมื่นสองพันสองร้อยห้าสิบบาทถ้วน)

ตลอดระยะเวลากว่า 113 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กร สาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

‘เก๋ไก๋’ เซ็นสัญญาช่อง 3 ขึ้นแท่นนางเอกน้องใหม่ เตรียมประกบคู่ ‘กองทัพ พีค’ ในละคร ‘ก็รักมันปักใจ’

​ปังสุดๆ สำหรับ ยูทูบเบอร์สาวชื่อดัง ‘เก๋ไก๋ สไลเดอร์’ หรือ เก๋ไก๋ ณัฐธิชา นามวงษ์ ที่ก่อนหน้านี้มีผลงานทั้งซีรีส์ และเป็นนางเอกภาพยนตร์มาแล้ว ที่ล่าสุดจับปากกาเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงสังกัดช่อง 3 เป็นที่เรียบร้อย ขึ้นแท่นเป็นนางเอกป้ายแดงของค่าย ชลลัมพีบราเธอร์ ประกบคู่ครั้งแรกกับพระเอกหนุ่ม กองทัพ พีค ในผลงานละครที่มีชื่อว่า ‘ก็รักมันปักใจ’ โดย เก๋ไก๋ ได้เผยถึงความรู้สึกว่า

“รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก ๆ ค่ะ ปกติทุกคนจะเห็นเราในช่องยูทูบ แต่ตอนนี้เราจะมาอยู่บนทีวีแล้ว ทุกคนอาจจะเคยเห็นเก๋ไก๋ผ่านงานภาพยนตร์ ซีรีส์มาบ้าง จริง ๆ เราก็ไม่คิดว่าเราจะเข้ามาอยู่ที่ช่อง 3 ซึ่งเป็นช่องที่เราดูมาตั้งแต่เด็ก ๆ เราตื่นเต้นมากไม่รู้ว่าการเป็นเด็กช่องเขาต้องทำยังไง เขาต้องเล่นละคร เขาต้องทำอะไรยังไงบ้าง ต้องเรียนแอคติ้งเพิ่มอีกไหม ต้องไปฝึกอะไรเพิ่มบ้าง ซึ่งตอนนี้รู้แล้วว่าเราต้องเตรียมตัวเป็นนักแสดงยังไง ก็เริ่มจากเรียนการแสดงเพิ่มเติมอันดับแรกเลยค่ะ”

และเมื่อถามว่ามีบทบาทตัวละครแนวไหนที่อยากเล่น เธอก็รีบตอบทันทีว่า “ได้หมดเลยค่ะ ปกติเราชอบแนวตลกคอมเมดี้ ก็อยากลองเล่นบทบาทที่เป็นตัวเราดูค่ะ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวกับแฟน ๆ ช่อง 3 ด้วยนะคะ และฝากติดตามผลงานของเก๋ไก๋ในบทบาทนักแสดงช่อง 3 ครั้งแรกด้วยค่ะ”

‘อ.พงษ์ภาณุ’ ชี้!! ปรากฏการณ์แปลก โลกเจอทั้งเงิน ‘เฟ้อ-ฝืด’ ตะวันตกเผชิญเงินเฟ้อต่อเนื่อง ส่วนจีนเสี่ยง 'วิกฤตเงินฝืด'

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็นปรากฏการณ์แปลกที่โลกมีภาวะเงินเฟ้อ (Inflation) และภาวะเงินฝืด (Deflation) เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน เมื่อวันที่ 3 ก.ย.66 โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...

ขณะนี้กำลังเกิดปรากฏการณ์แปลกที่โลกมีภาวะเงินเฟ้อ (Inflation) และภาวะเงินฝืด (Deflation) เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน โดย เงินเฟ้อ และ เงินฝืด ต่างก็เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่กลับทิศกัน อย่าง สหรัฐอเมริกา และ ยุโรป ที่เกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรงเมื่อปีที่แล้วและต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ภายหลังจากคลายล็อกดาวน์โควิด-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ และสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้นอย่างรุนแรง 

โดยอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ และยุโรปหลายประเทศพุ่งสูงกว่า 10% ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกต้องใช้นโยบายการเงินเข้มงวดและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรุนแรงและรวดเร็วอย่างไม่มีมาก่อน ลามมาถึงธนาคารแห่งประเทศไทยที่ก็จำต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายขึ้นจาก 0.5 % เป็น 2.25% ในปัจจุบัน และมีแนวโน้มจะปรับเป็น 2.5% อีกครั้งเร็วๆ นี้

ในทางตรงกันข้าม จีน ก็กำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืด (Deflation) ครั้งใหญ่ และอาจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์หลังจีนเปิดประเทศกว่า 40 ปีมาแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วภาวะเงินฝืดมักเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นหลังวิกฤตหนี้และวิกฤตทรัพย์สิน ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ตัวแปรอยู่ที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์จีน หลังเกิดภาวะฟองสบู่มาหลายปี และเอาเข้าจริงฟองสบู่ก็แตกก่อนการระบาดของโควิดเมื่อปี 2020 เสียอีก

นั่นก็เพราะการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เช่น การแทรกแซงธุรกิจ, การวางตัวเป็นศัตรูกับชาติตะวันตก ซ้ำด้วยการล็อกดาวน์ประเทศเป็นระยะเวลาเกือบ 3 ปี เข้าไปอีก เหล่านี้ล้วนซ้ำเติมวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ จนไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตัวได้ในเร็วๆ นี้ และนั่นก็ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อจีนติดลบและอาจจะติดลบต่อเนื่องไปอีกนานด้วยในเวลาเดียวกัน

ทีนี้หันมามองประเทศไทยในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยได้เอนเอียงและเชื่อมโยงกับจีนอย่างมีนัยสำคัญ โดยจีนเป็นทั้งคู่ค้าและนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของไทย ดังนั้นเหตุการณ์ในจีนย่อมก่อแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจแก่ไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รัฐบาลจึงต้องเตรียมสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้ไทยตามรอยจีนเข้าสู่ภาวะเงินฝืดและเศรษฐกิจถดถอย โดยการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (Fiscal Stimulus) ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ควรจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยนโยบายได้แล้ว เพราะขณะนี้อัตราเงินเฟ้อได้ลดลงต่ำกว่า 1% และอาจจะมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ

‘ชัยวุฒิ’ อำลา ก.ดิจิทัลฯ ขอบคุณ ‘ลุงตู่-ลุงป้อม’ ที่ให้โอกาส ลั่น!! ถึงแม้จะเป็นแค่คนธรรมดา ก็ขอทำงานเพื่อบ้านเมืองต่อไป

(1 ก.ย. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า…

สวัสดีครับพี่น้องประชาชนทุกท่าน ก่อนอื่นผมต้องขอกราบขอบคุณพรรคพลังประชารัฐ ท่าน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นอย่างสูง ที่ไว้วางใจให้ผมทำงานเพื่อบ้านเมือง ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา และขอบคุณคณะรัฐมนตรีทุกคนที่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกัน เป็นช่วงเวลา 2 ปีที่ผมถือว่าเป็นประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดในชีวิต 

และในฐานะนักการเมือง ซึ่งผมเริ่มงานการเมืองเป็น สส.สิงห์บุรี มาตั้งเเต่อายุ 29 ปี เเน่นอนครับ ผมจะมาถึงวันนี้ไม่ได้ถ้าไม่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน และชาวสิงห์บุรีบ้านของผม ขอขอบคุณที่รักในความเป็นชัยวุฒิ ทำให้ผมมีวันนี้ วันที่ผมได้เรียนรู้ในบทบาทของผู้บริหารบ้านเมือง สิ่งสำคัญ ไม่ง่าย เพราะเราต้องทำจริง ไม่ใช่เเค่พูด และผมคงไม่สามารถ ทำงานได้หากขาดกลไกของการขับเคลื่อน และความร่วมมือจากทุก ๆ คนที่มาทำงานร่วมกัน

ผมขอขอบคุณ ข้าราชการ พนักงาน ผู้บริหาร ทั้งหน่วยงานองค์กรในสังกัดและนอกสังกัดกระทรวงดีอีเอส อันเป็นที่รัก หลายคนเป็นเหมือน เพื่อน พี่ และผู้ใหญ่ ที่คอยแนะนำช่วยเหลือ ผมดีใจที่ได้ร่วมกันทุ่มเททำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมมีความภาคภูมิใจทุกครั้งที่ภารกิจของพวกเราที่ทำร่วมกันประสบความสำเร็จ และนับเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้ทำงานร่วมกันกับพวกท่าน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เราได้ทำงานร่วมกันมาจะอยู่ในความทรงจำของผมเสมอครับ

ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกท่านอีกครั้ง ที่ให้โอกาสผมทำงานรับใช้ ถือเป็นสิ่งล้ำค่าที่ผมได้รับ และผมจะรักษาไว้ตลอดไป ผมขอฝากรัฐมนตรีดีอีเอสท่านใหม่ เข้ามาเเก้ไขปัญหากลโกงและการหลอกลวงบนโลกออนไลน์ ต้องรู้เท่าทัน ความเสียหายประชาชนเกิดขึ้นทุกวัน เป็นสิ่งที่เราต้องทำให้ได้ สิ่งนี้คือความหวัง เป็นกำลังใจให้ครับ 

สำหรับผม ภายหลังจากนี้ ผมขอยืนยันว่าไม่ว่าจะมีตำแหน่ง หรือ เป็นเพียงประชาชนคนธรรมดา ผมก็จะเดินหน้าทำงานเพื่อบ้านเมืองและพี่น้องประชาชนต่อไป

‘บิ๊กจ๊อด’ ปิดฉากเก้าอี้ ผบ.ทร. ไม่ทิ้งภาระไว้เบื้องหลัง เซ็นอนุมัติเครื่องยนต์จีน เพื่อติดตั้งในเรือดำน้ำแล้ว

(1 ก.ย.66) พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้กล่าวในงานพบปะสานสัมพันธ์สื่อมวลชน ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการในปลายเดือนกันยายนนี้ โดยระบุว่า สื่อเป็นกลางในการนำเสนอเรื่องที่ดี และเรื่องที่เคลือบแคลงโดยไม่ได้บิดเบือนให้ประชาชนได้รับทราบ เราเปิดเผยทุกเรื่อง ไม่ปิดบัง ทร.พยายามเผยแพร่ข้อมูลทางโฆษกกองทัพเรือ ซึ่งตนยืนยันว่าได้ว่าจัดทำข้อมูลในเอกสารข่าวตามความจริงทุกประการ และโฆษกฯ ก็ตอบคำถามได้ทุกประเด็น ช่วงปีที่ผ่านมามีหลายเรื่อง ซึ่งตั้งแต่ตนรับหน้าที่ก็ให้สัมภาษณ์สื่อว่าในรอบปีที่เข้ามารับตำแหน่งจะทำอะไรบ้างเป็นข้อ ๆ ถ้าย้อนกลับไป ณ วันนั้น ตนได้ทำตามที่พูดไว้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรือดำน้ำ เรื่องของการจัดหาเรือฟริเกต การรับมอบ รล.ช้าง ซึ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบก การปรับปรุงการประเมินยุทธศาสตร์กองทัพเรือเพื่อมองไปในอนาคต ถือว่าในรอบปีตนได้ทำตามสัมภาษณ์ตั้งแต่ต้นทุกอย่างแล้ว ไม่มีอะไรที่ติดค้างที่จะต้องฝากให้ ผบ.ทร.และทีมบริหารรุ่นใหม่ดำเนินการต่อไป เพียงแต่สานต่อการดำเนินการ หรือจะคิดใหม่ทำใหม่ก็แล้วแต่ผู้บริหารที่จะเข้ามา 

มีรายงานว่า พล.ร.อ.เชิงชาย ได้ลงนามเห็นชอบเครื่องยนต์ CHD 620 ที่ผลิตจากบริษัทของจีน เพื่อติดตั้งในเรือดำน้ำ S26T เรียบร้อยแล้วหลังจากคณะทำงานในการเจรจาเรื่องดังกล่าวได้พูดคุยกับ บริษัท CSOC หลายรอบ โดย ทร.ส่งทีมคณะทำงานด้านเทคนิคไปร่วมประเมินประสิทธิภาพ ก่อนสรุปให้กับประธานคณะกรรมการโครงการเรือดำน้ำ ที่มี พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ เป็นประธาน และได้รับข้อเสนอในการเพิ่มการรับประกันจาก 10 ปี เป็น 20 ปี การส่งกำลังบำรุง อะไหล่ และระบบอาวุธในเรือเพิ่มเติม โดยไม่รับข้อเสนอในการซื้อเรือดำน้ำมือสองในราคาถูก เพราะต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมในการซ่อมบำรุง และต้องมีภาระในด้านอื่นที่ต้องปรับสภาพพร้อมใช้งานจริง ในระหว่างนี้เครื่องยนต์ดังกล่าวอยู่ระหว่างติดตั้งในเรือดำน้ำของปากีสถานที่ติดตั้งในเรือดำน้ำรุ่นดังกล่าวนำร่องเพื่อเตรียมทดสอบการใช้งานจริงนำร่องไปแล้ว 

สำหรับความคืบหน้าในการกู้เรือหลวงสุโขทัย พล.ร.อ.เชิงชาย ได้อนุมัติให้ พล.ร.อ.อะดุง พันธ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เตรียมทีโออาร์ เชิญชวนบริษัทที่จะเข้าทำการกู้เรือ และคาดว่าจะลงนามได้ภายในสองสัปดาห์นี้ โดยสำนักงบประมาณอนุมัติงบกลางให้ 90 ล้านบาท และกองทัพเรือได้จัดหางบประมาณในส่วนของกองทัพเรือ 110 ล้าน โดยจะใช้ระยะเวลาในการกู้เรือประมาณ 3 เดือน หลังจากที่มีการประเมินความคุ้มค่าจากเครื่องอุปกรณ์ อาวุธต่างๆ และจะเป็นวัตถุพยานประกอบกับคำให้การเหตุอับปางของเรือ ก่อนคณะกรรมการสรุปฯ ผลเพื่อดำเนินการต่อไป 

มีรายงานด้วยว่า หลังจาก พล.ร.อ.อะดุง พันธ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ซึ่งจะมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ทร.คนใหม่เข้ามารับตำแหน่ง ได้เตรียมแนวทางในการทำงานในช่วง 1 ปี เพื่อเรียกความเชื่อถือ ศรัทธา และความไว้วางใจต่อ ทร.ในสายตาประชาชนให้กลับมา หลังจากที่ ทร.ประสบปัญหาหลายเรื่องจนกระทบต่อภาพลักษณ์ของกองทัพ ทั้งที่เคยเป็นที่พึ่งของประชาชนในหลายโอกาส ไล่ตั้งแต่ เรือหลวงสุโขทัย เหตุอาวุธกระสุนหายในคลังแสง กำลังพลนอกแถวที่สร้างความเดือดร้อนให้สังคม โครงการจัดหาอาวุธที่เป็นปัญหาในอดีต

“จะเป็นปีที่ ทร.จะเริ่มดีขึ้นในทุกๆ ด้าน หลังจากที่ปัญหาทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย เมื่อรื้อมาดูเนื้อในแล้วจะเห็นว่าท ทร.มีระเบียบ หลักการปฏิบัติ ที่เป็นลายลักษณ์อักษรกำกับไว้ในเอกสารหมดแล้ว แต่เมื่อนำไปปฏิบัติทุกวันก็ไม่เป็นเหมือนที่กำหนดไว้ เหมือนเครื่องยนต์ที่หลวม ก็ต้องมีการขันน็อตให้เข้าที่เข้าทาง เพื่อให้การทำงานเดินหน้า อย่างเช่นกรณีคลังอาวุธที่กำลังพลนำออกไปขายข้างนอก ทั้งที่มีการวางระบบตรวจสอบไว้แล้ว อีกทั้งต้องหาแนวทางในการสื่อสารให้สังคมเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของทหาร การเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพตามความเหมาะสม ทั้งโครงการเรือดำน้ำ ที่ถูกโจมตีช่วงเวลาที่ผ่านมาว่าปัญหาเกิดจากอะไร และได้แก้ไขอย่างไร เป็นต้น” แหล่งข่าวอ้างคำพูด พล.ร.อ.อะดุง ว่าที่ ผบ.ทร.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top