Saturday, 24 May 2025
NewsFeed

‘เจ้าของร้านปังชา’ ยอมรับ สื่อสารผิดพลาด ไม่มีเจตนาเรียกเก็บเงิน ยัน!! ‘ปังชา’ ใคร ๆ ก็ใช้ได้

จากกรณี ‘ร้านอาหารชื่อดัง’ ของไทยแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเมนูขึ้นชื่อคือ ‘ปังชาเย็น’ เปิดเผยข่าวสำคัญว่าแบรนด์ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (Trademark) ชื่อเมนูดังกล่าวทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเรียบร้อยแล้ว พร้อมอ้างอิงพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534

นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำว่า ร้านสงวนสิทธิห้ามลอกเลียนแบบ ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข รวมทั้งห้ามนำชื่อแบรนด์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษไปใช้เป็นชื่อร้าน หรือใช้เป็นชื่อสินค้าเพื่อจำหน่าย พร้อมกันนี้ยังแนบรายละเอียดกฎหมายโดยอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรม ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณแก้ม เจ้าของร้านลูกไก่ทอง เจ้าของตำรับปังชา ได้เปิดใจผ่านรายการ ‘เที่ยงวันทันเหตุการณ์’ ของ หนุ่ม กรรชัย ถึงประเด็นดังกล่าว ว่า ตนขออนุญาต กราบขอโทษ ตอนนี้เศร้ามาก ที่ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในการสื่อสารของทางร้าน ทั้งหมดเป็นความคลาดเคลื่อนที่ทำให้เกิดกระแสสังคม

คุณแก้ม กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ขอโทษร้านที่เชียงราย และร้านที่หาดใหญ่มาก ๆ หากมีโอกาส จะไปขอโทษด้วยตนเอง วันนี้ขอโทษประชาชนทั้งหมด ที่เกิดจากความคลาดเคลื่อนในการสื่อสารของทางเรา จนนำไปสู่เหตุการณ์ทุกวันนี้

เรื่องราวเกิดจากที่เพจร้านโพสต์เรื่องลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร แต่เราใส่ข้อความ แต่ไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจน และการใส่ข้อความเป็นการสื่อสารที่ผิด ไม่อธิบาย และให้ความรู้อย่างครบถ้วน เมื่อถูกแชร์ออกไปจึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด

หนุ่ม กรรชัย ถามว่า ใจดำไปหรือไม่ กับสิ่งที่คุณไปฟ้องชาวบ้านชาวช่อง 102 ล้าน หรือ 7 แสน ทำให้เขาลำบาก คุณแก้ม กล่าวว่า ทั้งหมดที่ออกโนติสไป ไม่มีเจตนาที่จะฟ้องไป และไม่สามารถที่จะฟ้องร้องเขาได้ ทั้งหมดที่เขียนไปในโนติสที่ถูกเขียนไป 102 ล้าน เรื่องเครื่องหมายการค้า เพราะเราดูแบบมาจากต่างประเทศ ที่ให้ความสำคัญกับเครื่องหมายการค้า ซึ่งเครื่องหมายแต่ละอันมันวัดค่าไม่ได้ และที่ผ่านมาจะเห็นเคส แบรนด์ไทยถูกต่างชาติเอาไปใช้ได้ จึงกลัวต่างชาติเอาไปใช้ได้

หนุ่ม กรรชัย ถามต่อว่า ที่กลัวต่างชาติเอาไปใช้ เข้าใจได้ แต่สิ่งที่คุณทำคือไปยื่นโนติสฟ้องคนไทย มันจำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ คุณแก้ม กล่วาว่า เป็นความผิดพลาดของทางเราโดยตรง ซึ่งได้มีการคุยกับฝ่ายกฎหมายแล้ว โดยการรับการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน และเข้าใจผิดทั้ง 2 ฝ่าย แต่ยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่ฟ้องร้อง

หนุ่ม กรรชัยถามว่า ตกลงว่าปังชา ใช้ได้หรือไม่ คุณแก้ม กล่าวว่า ปังชา ใช้ได้ ทุกคนใช้ได้ ไม่ได้จองเป็นของคนเดียว ปังชา ปังเย็น น้ำแข็งไส ใช้ได้เลย และจะไม่มีการไปยื่นโนติสแล้ว

จากความผิดพลาดตรงนี้เราได้คุยกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา และได้รับข้อมูลที่ชัดเจนร่วมกัน ส่วนภาชนะถ้ามีคนใช้แล้วมันคล้ายกัน จะวัดกันตรงไหนนั้น ขึ้นอยู่ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาพิจารณา ตนไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้

ทั้งนี้ หนุ่ม กรรชัย สรุปเรื่องที่เกิดขึ้นไว้ว่า คำว่าปังชา คนไทยทุกคนสามารถใช้ได้ การที่ไปจดนั้น เป็นโลโก้ เครื่องหมายการค้า ปังชา เป็นตัวเขียน เป็นตัวหนังสือใช่หรือไม่ คุณแก้ม กล่าวว่า เครื่องหมายการค้าของคนคือ ภาพผู้หญิงไทยและมีตัวถ้วย อีกอันหนึ่งคือ PANG CHA ซึ่งอ่านว่าปังชา

หนุ่ม กรรชัย ถามว่า เมื่อปังชา ภาษาไทยใช้ได้ แล้วชื่อ PANG CHA ภาษาอังกฤษได้หรือไม่ คุณแก้ม กล่าวว่า ใช้ได้ ถ้าไม่ก่อให้เกิดความสับสน ซึ่งอันนี้ต้องให้กรมทรัพย์สินทางปัญญามาอธิบายให้ชัดเจน

หนุ่ม กรรชัย ได้พูดเรื่องเครื่องหมายการค้า ตอนหนึ่งว่า ในส่วนของผม เคยเจอกรณีนี้ คือ เคยโดนคำว่า MONSTER ซึ่งเขาไม่ได้จดคำว่า MONSTER ซึ่งเป็นคำธรรมดาสามัญ แต่เค้าจดว่ารูปตัวอักษรนี้ คือ เครื่องหมายการค้า คือ โลโก้ของเขา แล้วเค้าเอามาฟ้องผม ซึ่งในวันนั้น ผมได้ซื้อมาเก็บไว้ คนอื่นมาใช้ผมก็ไม่ได้ไปฟ้องเขานะ

ท้ายสุด คุณแก้ม ได้เปิดใจอีกครั้งว่า “ขอโทษมาก ๆ ตอนนี้แก้มแย่มาก ๆ ขอโทษที่สุด ขอโทษทุกคน เราไม่เคยจับจองอะไรเป็นของเรา ขอให้ทุกคนให้โอกาส และให้อภัยในทุก ๆ สิ่งของทางแบรนด์ด้วย หากมีสิ่งใดทำให้ทุกคนเสียใจ ผิดหวัง วันนี้น้อมรับ กราบขอโทษ และขอโอกาส”

‘แต้ว ณฐพร’ เปิดใจ!! กำลังฝึกใช้ชีวิตแบบ ‘คนชิล’ เผย!! ที่ผ่านมาจริงจังกับทุกเรื่องจนกดดันตัวเอง

นางเอกสาว แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ เปิดใจในรายการ WOODY FM อัปเดตชีวิตการเป็นนางเอกที่ต้องเป็นเพอร์เฟ็กชันนิสต์ จนกลายเป็นคนที่จริงจังกับทุกเรื่อง และเรื่องความรัก 3 ปี มีแพลนแต่งงานหรือไม่? พร้อมเผยคิดอยากมีทายาทเป็นลูกชาย

>> พี่เห็นคุณในหลากหลายเวอร์ชันมาก รู้สึกว่าแต้วชอบหาอะไรก็ตามที่จะได้พัฒนาตัวเอง ถ้าตัดเรื่องการแสดงออกไปตอนนี้จริงจังเรื่องอะไร?

แต้ว : อินมาก ๆ ก็เรื่องออกกำลังกายค่ะ เมื่อก่อนก็ออกเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้ก็จะเซ็ตเป้าหมายไว้นิดหนึ่งว่าเราอยากปั้นก้น (หัวเราะ) แล้วก็กำลังจริงจังกับการที่จะไม่เป็นคนจริงจัง รู้สึกว่าทุกอย่างมันไม่ต้องจริงจังไปซะทุกเรื่องก็ได้ แบบใช้ชีวิตมาตลอดเป็นคนชิลล์ไม่เป็นเท่าไหร่ ก็เลยอยากจะสัมผัสตัวเองในเวอร์ชันนั้นบ้าง

>>เวลาเรามองแต้วด้วยบทบาทของการเป็นนางเอก แล้วบางทีคนก็ยังตีกรอบ รู้สึกยังไงกับเรื่องนี้บ้าง ?

แต้ว : เอาจริง ๆ ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกอะไรอย่างงั้นเลย แต่เพราะว่าความคิดที่ทำให้แต้วรู้สึกว่ามันยังเป็นอุปสรรค คือมันเป็นชุดความคิดที่รู้สึกว่าเราต้องดีในทุก ๆ อย่าง แล้วมันเหมือนมีความแอบกดดันตัวเองอยู่ ก็เลยน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกอยากเป็นเพอร์เฟ็กชันนิสต์ด้วยเหมือนกันประมาณหนึ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นทางออกแต้วก็คือเวลาที่เป็นไลฟ์สไตล์ของแต้วเองก็เลยทำให้รู้สึกว่าอยากตามใจตัวเอง อยากแต่งตัวแบบนี้ อยากทำอะไร เป็นทางออกที่อยากจะโชว์ว่านางเอกก็ทำได้นะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นปัญหากับเรามาก ก็แค่เรียนรู้ไปตามแต่ละช่วงเวลา

>> รู้จักกับ ประณัย มากี่ปีแล้ว?

แต้ว : 3 ปีค่ะ

>> 3 ปีที่ผ่านมาได้เรียนรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับความสัมพันธ์?

แต้ว : คิดว่าพอเข้าปีที่ 3 จะมีช่วงที่เหมือนเรากันเรียนรู้กันอยู่ ตั้งความหวังว่าเราอยากทำความเข้าใจเขา เพราะว่าเราไม่ได้เหมือนกันทุกอย่าง พยายามวิเคราะห์หรือว่าต้องอย่างงั้นอย่างงี้ แล้วบางทีเราก็เป็นทุกข์เอง ซึ่งแต้วก็เลยคิดว่าบางอย่างอาจจะเป็นสเตจที่ปล่อยให้เราได้เรียนรู้ธรรมชาติของกันและกัน โดยที่บางทีไม่ต้องไปพยายามทำความเข้าใจวิเคราะห์อะไรมากมาย ให้เขาเป็นธรรมชาติของเขาและให้เขาเห็นธรรมชาติของเรา ในช่วงแรก ๆ มันอาจจะมีแต่ด้านดี ๆ เห็นแต่ด้านดี ๆ กันหมด พอระยะเวลาผ่านไปก็เป็นปกติที่มันจะเห็นในหลาย ๆ ด้าน

>> เรื่องของการแต่งงานคุยกันบ้างหรือยัง?

แต้ว : ยังไม่ได้คุยกันจริงจังค่ะ

>> คุณพร้อมไหม ?

แต้ว : ก็น่าจะดีนะ หมายถึงว่าถ้าเราแบบ..

>> ถ้าเขาขอคุณวันนี้ คุณจะตอบตกลงไหม ?

แต้ว : อุ๊ย! ไม่ดีมั้งเดี๋ยวแม่ตี (หัวเราะ)

>> แต้วอยากมีลูกไหม ?

แต้ว : อยากค่ะ รู้สึกว่าเรา Respect กับคนเป็นแม่มาก รู้สึกว่ามันเป็นความเสียสละที่เราคิดว่าอยากจะสัมผัสตรงนั้น นั่นคือจุดที่รู้สึกว่าอยากเห็นตัวเองเป็นแบบนั้น กรูมมิ่งคนหนึ่งให้เขาเข้าใจโลกได้ดีกว่าที่เราเจอมา

>> อยากได้ลูกสาวหรือลูกชาย ?
แต้ว : ถ้าอยากได้ก็คงลูกชายมั้ง เพราะรู้สึกว่าห่วงผู้หญิง แต่ก็ไม่มายด์ ยังไงก็ได้ค่ะ

‘แอร์ ภัณฑิลา’ รีวิวชีวิตคุณแม่มือใหม่ หลังคลอดลูก 7 วัน เผย สุดเหนื่อย!! พาลูกเข้าเต้าผิดๆ ถูกๆ แถมน้ำหนักลดฮวบ

(31 ส.ค. 66) รู้ซึ้งความเหนื่อยของแม่มือใหม่ ‘แอร์ ภัณฑิลา’ คลอดลูก 7 วัน เลี้ยงเอง 4 วัน เข้าเต้าผิดๆถูกๆงับจนเป็นแผลไปหมด บอกเลยน้ำตาไหล น้ำหนักลดฮวบ เหลือ 39

คุณแม่ป้ายแดง ‘แอร์ ภัณฑิลา’ หลังคลอด ‘น้องฑิลาร์’ ลูกสาวคนแรก ล่าสุด สาวแอร์โพสต์รีวิวการเลี้ยงลูกสาวเอง ถึงกับน้ำตาไหล ทำเอาน้ำหนักลดฮวบ ว่า…

“รีวิวครบรอบ 7 วันในการเป็นคุณแม่มือใหม่ ที่เลี้ยงระบบเอาลูกเข้าเต้าและปั๊มนมต่อทุกมื้อ… คือเข้าเต้าผิดๆ ถูกๆ งับจนเป็นแผลไปหมด ส่วนคุณพ่อก็มีหน้าที่อาบน้ำ ฟีดนมลูกต่อ… เลี้ยงลูกเองมา 4 วันหลังออกจากโรงพยาบาล บอกเลยน้ำตาไหลค่ะ!! 5555 ผลลัพธ์ที่ได้คือ น้ำหนักลดฮวบเหลือ 39 ค่ะ ก่อนท้องคือ 42 ก่อนคลอดคือ 53 ตอนนี้รู้ซึ้งความเหนื่อยของแม่มือใหม่เลยค่ะ #เลยอยากส่งกำลังใจให้คุณแม่มือใหม่ทุกคนเลยนะคะ #อ่อแอร์เอง #bunnyaire #บันทึกคุณแม่ #babytila #bunnytila”

โดยแม่ๆ ในวงการต่างเข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจและบอกว่าคืนร่างไวมาก อาทิ
- แม่บอกแล้วว่าเดี่ยวให้นมลงฮวบแน่ๆ สู้ๆนะแม่แอร์ @bunnyaire
- สู้ๆน้าาาาแอร์ทำได้
- OMG คืนร่างไวมากแม่
- คืนร่างไวมาก สู้ๆนะคะ เป็นต้น

‘อลงกรณ์’ ลุยตรวจตลาดจีน เร่งแก้ปัญหาหนอนเจาะทุเรียน ปลื้ม!! ยอดส่งออกผลไม้ไทยพุ่ง สะท้อนความเชื่อมั่นในคุณภาพ

(31 ส.ค. 66) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้แห่งชาติ (ฟรุ้ทบอร์ด) พร้อมด้วย นายเมฆินทร์ เอี่ยมสะอาด และนายณฐกร สุวรรณธาดา คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ รวมทั้งนายปรัตถกร แท่นมณี กงสุล (ฝ่ายเกษตร) ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว ลงพื้นที่ตรวจทุเรียนที่ตลาดเชียงหนานในเมืองกว่างโจว

กรณีเกิดปัญหาหนอนเจาะทุเรียน กระทบการส่งออกทุเรียนไทย จากนั้นได้ร่วมประชุมหารือกับผู้ประกอบการค้าของจีนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ เปิดเผยภายหลังการตรวจตลาดเชียงหนานและพบหารือประเมินสถานการณ์ การแก้ไขปัญหาหนอนเจาะทุเรียนกับผู้ประกอบการจีนว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน) ในฐานะประธานฟรุ้ทบอร์ด ได้สั่งการเร่งแก้ไขปัญหาทันทีที่เริ่มมีรายงานการตรวจพบหนอนเจาะทุเรียน ที่ด่านตรวจโรงพืชเช่นด่านโหยวอี้กวนที่พรมแดนเวียดนาม-จีน และด่านโมฮ่านที่พรมแดนลาว-จีน เป็นต้น รวมทั้งมีผู้ประกอบการค้าทุเรียนของจีน ได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมุ่งการจัดการปัญหาที่สวน และผู้ประกอบการค้าส่งออก โดยเน้นนโยบายคุณภาพและมาตรฐาน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ในระดับพื้นที่ เช่น ทุเรียนในจังหวัดยะลา

ทั้งนี้ มีกลไกระดับจังหวัดคือคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหา อันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) เป็นแกนหลักบริหารจัดการมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน โดยการสนับสนุนของกรมวิชาการและกรมส่งเสริมการเกษตร ในฐานะฝ่ายเลขานุการของฟรุ้ทบอร์ด ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

นอกจากนี้ ยังมอบหมายกงสุล (ฝ่ายเกษตร) ประจําสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจวสื่อสารสร้างความเข้าใจ และสร้างความมั่นใจกับผู้ประกอบการและผู้บริโภคชาวจีน ถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาหนอนเจาะทุเรียน เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของทุเรียนไทยที่ครองใจ ครองตลาดจีนอันดับ 1 มาอย่างยาวนาน โดยผู้ประกอบการจีนที่ตลาดเชียงหนาน ซึ่งเป็นตลาดผลไม้ใหญ่ที่สุดในมณฑลกว่างตุ้งและภาคตะวันออกของจีน แสดงความชื่นชมต่อการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วของทางการไทย

นายอลงกรณ์ยังแสดงความพอใจ ต่อรายงานการส่งออกผลไม้และทุเรียนผลสด ที่ยังครองแชมป์ในตลาดจีน โดยกล่าวว่า ภาพรวมการส่งออกผลไม้สดจากไทยไปจีนครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น คิดเป็นปริมาณรวมกว่า 1.1 ล้านตัน มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท

สำหรับการส่งออกทุเรียนไปจีนครึ่งปีแรก มีปริมาณกว่า 6 แสนตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 8 หมื่นล้านบาท

‘ไผ่ทองไอสครีม’ เผยภาพเมนูเด็ด ‘หนมปังชาไผ่ทอง’ ชี้!! ขายขนมปังคู่ไอศกรีมเจ้าแรก แต่ไม่สงวนสิทธิ์ความอร่อย

(31 ส.ค. 66) เพจ ‘ไผ่ทองไอสครีม’ โพสต์ข้อความระบุว่า “ไผ่ทองไอสครีมต้นตำรับ เป็นเจ้าแรกที่นำขนมปังมาทานคู่กับ ไอศกรีมจนเป็นซิกเนเจอร์ของไอศกรีมสตรีทฟู้ด

ผ่านมาหลายสิบปี มีร้านไอติมร้านคาเฟ่มากมายที่พัฒนาดัดแปลงขนมปังแพ มาเป็นขนมปังแถว ขนมปังปอนด์ ขนมปังโทสต์ ต่อยอดความอร่อยกันมาเรื่อย ๆ

ไผ่ทองไอสครีม เราภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างวัฒนธรรมอาหารสตรีทฟู้ดของไทย และไม่สงวนสิทธิความอร่อยนี้ไว้ เพราะเราอยากให้คนไทยได้ทานของอร่อย ๆ ในราคาที่เอื้อมถึงได้”

และว่า “ในส่วนที่เราสงวนสิทธิคือ #โลโก้ไผ่ทองไอสครีมต้นตำรับ อันนี้ห้ามนำไปใช้โดยการทำซ้ำ ดัดแปลง หรือนำไปใช้โดยที่ไม่ได้ขออนุญาตจากทางแบรนด์นะคะ”

ทั้งยังระบุด้วยว่า “เราเป็นไอติมนะ อย่าฟ้องเรานะ” “บอกเลย แบรนด์ไผ่ทองไอสครีม เจอเรื่องโดนลอกเลียนแบบเยอะมากกก… แต่ไม่ค่อยได้ไปฟ้อง เหนื่อยค่ะ แบ่ง ๆ กันรวยดีกว่า”

ภายหลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้มีผู้เข้าไปชื่นชมและแสดงความเห็นจำนวนมาก เช่น

- เยี่ยมมากครับแบบนี้น่าอุดหนุนมาก ๆ ครับ
- ไผ่ทองน่ารัก อร่อยมาก เจอที่ไหน ถึงกับต้องจอดรถ เพื่อกิน ไผ่ทองเท่านั้น!!!
- นาน ๆ จะเห็นผ่านหน้าบ้านที อร่อยชอบมากค่ะ
- อันนี้เมนูไอติม หรือเมนูปั่นครับ
- ขนมปัง+ชาไทย แต่อยากเรียกสั้น ๆ
- แอดมาเหนือตลอด ชอบ ๆ ครับ
- ชอบมากกกกกกก
- ไอติมในดวงใจ

DSI และผู้บริหารบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมมือกันแจ้งเตือนภัย หลังพบ 73 เพจปลอมหลอกให้ลงทุน

เมื่อวันที่ 30  สิงหาคม 2566 พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้ พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ พร้อมคณะ เข้าพบคณะผู้บริหารบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบด้วย นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการ/ประธานคณะกรรมการบริหารและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายจักก์ชัย พานิชพัฒน์ รองประธานกรรมการ/กรรมการบริหาร/ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดี นายวิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคนิควิศวกรรม นายมานะชัย ขาวประพันธ์ ผู้จัดการอาวุโสสายงานเลขานุการบริษัทและกฎหมาย และนายเขมพัฒน์ เจริญพานิช ผู้จัดการฝ่ายกฎหมาย ที่อาคารกรมดิษฐ์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เพื่อหารือแนวทาง
ในการแก้ไขปัญหา กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีการปลอม Facebook ด้วยการใช้ชื่อบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวนกว่า 73 เพจ เพื่อหลอกลวงให้ประชาชนทั่วไปร่วมลงทุนกับบริษัทผ่านกองทุนต่าง ๆ ในการขยายกิจการและดำเนินธุรกิจของบริษัทโดยเสนอให้ผลตอบแทนสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดเป็นเหตุให้ประชาชนหลงเชื่อและร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก

ในการหารือ คณะผู้บริหารบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องและแนวทางประชาสัมพันธ์ที่ดำเนินการอยู่ ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบแนวทางในการประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อแจ้งเตือนประชาชนร่วมกัน นอกจากนั้นคณะผู้บริหารบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยังมีความสนใจแนวทางการทำงานเชิงรุกเพื่อป้องกันอาชญากรรมที่เกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ของกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ โดยการพัฒนาระบบเตือนภัยที่มีลักษณะเป็นปัญญาประดิษฐ์ เพื่อสืบค้นข้อมูลในระบบอินเตอร์เน็ตมาวิเคราะห์และจัดทำฐานข้อมูลเพื่อเตือนภัยประชาชน อันเป็นมาตรการป้องกันการกระทำผิดที่มีประสิทธิภาพดีกว่าการปราบปรามที่กระทำเมื่อความเสียหาย
เกิดกับประชาชนแล้ว และทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษมีฐานข้อมูลของผู้กระทำความผิดที่จะสามารถใช้ร่วมกันระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย โดยบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมถึงกาขยายความร่วมมือด้านการต่างประเทศที่บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีศักยภาพสนับสนุนการปฏิบัติ ทั้งนี้ ได้มีการตั้งคณะทำงานร่วมกัน (Working Group) เพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง และมีตั้งกลุ่มไลน์สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานเพื่อใช้ในการประสานและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารรวมทั้งความร่วมมือในการพัฒนาระบบฐานข้อมูลต่อไป

เพลาท้าทาย ‘ปุ้ย-พิมพ์ภัทรา’ ว่าที่เจ้ากระทรวงอุตสาหกรรม แม้ส้มหล่นใส่จนตีนบวม ก็ต้องสวมหัวใจแกร่งคนคอนสะท้อนกึ๋น

ด้วยความเป็นห่วงยิ่ง ‘ปุ้ย พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล’ สส. 4 สมัย พรรครวมไทยสร้างชาติ มีอาการป่วยหลังติดโผเป็นรัฐมนตรี ‘เศรษฐา’ ด้วยคนหนึ่ง

ช่วงแรกโผออกมาว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ตอนหลังพลิกมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพราะภูมิใจไทยต้องการคุมมหาดไทยแบบเบ็ดเสร็จ (เว้นนายเกรียง กัลป์นันท์ จากพรรคเพื่อไทย จังหวัดอุบลราชธานี) โดยมหาดไทยจะมีรัฐมนตรีช่วยถึง 3 คน จึงต้องส่งปุ้ยไปกระทรวงอื่น โควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติจึงมีกระทรวงอุตสาหกรรม

แต่จริงๆ กระทรวงอุตสาหกรรม พรรครวมไทยสร้างชาติได้วางตัว 1 ‘พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ’ ทายาทของ ‘ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ’ ไว้แล้ว แต่เศรษฐาเป็นคนตัดสินใจเลือกปุ้ย เพราะต้องการคนที่มีประสบการณ์เข้ามาร่วมทำงาน ในขณะที่พิชชารัตน์ยังมีประสบการณ์น้อย

ที่บอกว่า ‘ปุ้ย พิมพ์ภัทรา’ ป่วย เนื่องจากว่า เจอ ‘ส้มหล่น’ ใส่จนเท้าบวม ร้องไห้ขยี้ตา จนตาบวม เพราะได้ตำแหน่งมาอย่างไม่คาดคิด หรือใฝ่ฝันมาก่อนเลย แค่ได้รับเลือกเป็น สส.ก็พอแล้ว

“ถ้าเจอปุ้ย บอกด้วยว่า พี่จะซื้อรองเท้าให้ใหม่” นักการเมืองอาวุโสท่านหนึ่งกล่าวเชิงเย้าหยอก ฝากไปถึงปุ้ย เพราะเท้าบวม ใส่รองเท้าคู่เก่าไม่ได้แล้ว และถ้าเจอกันจะหายาหยอดตาไปฝาก… 5555

กล่าวสำหรับ ‘ปุ้ย พิมพ์ภัทรา’ กับผม โดยส่วนตัวไม่รู้จักกัน เคยคุยกันบ้างสั้นๆ แค่สวัสดีกัน ปุ้ยเป็นคนง่ายๆ เจอใครก็ยกมือไหว้ อ่อนน้อมถ่อมตน

ปุ้ย พิมพ์ภัทรา เป็นทายาททางการเมืองของ ‘มาโนชญ์ วิชัยกุล’ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์หลายสมัย (ผู้จากไป) ปุ้ยเข้ามารับบทบาททางการเมืองแทนต่อ

ตอนเด็กๆ ปุ้ยเข้ารับการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช และโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเคมีอุตสาหกรรม จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดย น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สมรสกับนายนิติรักษ์ ดาวลอย มีบุตร 2 คน

สมัยที่แล้ว ปุ้ย พิมพ์ภัทรา นั่งเป็นประธานกรรมาธิการศึกษา ปัญหาน้ำกัดเซาะชายฝั่ง ที่ถือว่าเป็นปัญหาที่รุนแรงสำหรับพื้นที่ชายฝั่งทะเล และในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ปุ้ย ตัดสินใจทางการเมือง ย้ายออกจากพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ในสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ด้วยความรัก ความเมตตาของคนขนอม-สิชล ปุ้ยก้าวเข้ามาเป็นผู้แทนอีกสมัย และได้รับเลือกให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมด้วย

ปุ้ย พิมพ์ภัทรา เข้าสู่เส้นทางทางการเมือง โดยการลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.นครศรีธรรมราช ในนามพรรคประชาธิปัตย์ แทน นายมาโนชญ์ วิชัยกุล ซึ่งวางมือทางการเมือง ในการเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไปปี 2550 และได้รับเลือกตั้งเป็น สส.สมัยแรก ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์

ต่อมาในการเลือกตั้งปี 2554 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งและได้รับเลือกเป็น สส.อีกสมัย กระทั่งในปี 2562 ยังคงลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกเป็น สส.สมัยที่ 3

หลังจากนั้นในช่วงต้นปี 2566 ปุ้ย พิมพ์ภัทรา ได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ต่อมาได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ในสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ และได้รับการเลือกตั้ง เป็น สส.นครศรีธรรมราช พรรครวมไทยสร้างชาติ

ถือว่ากระทรวงอุตสาหกรรม เป็นอีกภารกิจในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ในวงการอุตสาหกรรมถือเป็นเครื่องยนต์อีกตัวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

หวังว่า ‘ปุ้ย พิมพ์ภัทรา’ จะไม่สร้างความผิดหวังให้คนไทย คนนครศรีธรรมราช ต้องแต่งตั้งที่ปรึกษาดีๆ สร้างทีมประชาสัมพันธ์ที่เข้มแข็ง เดินหน้าฝ่าทุกปัญหาไปให้ได้ โอกาสมีแล้วต้องทำให้เต็มที่

‘เท้าบวม-ตาบวม’ แป๊บเดียวก็หาย อย่าได้วิตกกังวลไปเลย ชาวบ้านทุกข์ยาก เดือดร้อนมากกว่าเยอะ

เรื่อง : นายหัวไทร

กระบี่ผู้ครองรัฐ : ตำนานคนดีที่ไม่มีวันตาย

ผู้นำ...ใช้ "บัณฑิตห้าวหาญ" ทำปลายกระบี่
ผู้นำ...ใช้ "บัณฑิตซื่อตรง" ทำคมกระบี่
ผู้นำ...ใช้ "บัณฑิตเที่ยงธรรม" ทำสันกระบี่
ผู้นำ...ใช้ "บัณฑิตภักดี" ทำโกร่งกระบี่
ผู้นำ...ใช้ "บัณฑิตปราดเปรื่อง" ทำด้ามกระบี่

กระบี่วิเศษเล่มนี้ 
พุ่งแทงไร้สิ่งบดบัง
เงื้อชูไร้สิ่งกีดขวาง
ชี้ต่ำล้วนม้วยมลาย
ตวัดไร้ที่ต้านทาน
แทงบนกรีดแหวกหมู่เมฆ
แทงต่ำกรีดแยกแผ่นดิน

เบื้องบนเอาอย่างผืนฟ้า 
ทำตามวิถีสวรรค์
เบื้องล่างเอาอย่างผืนดิน 
ทำตามลำดับฤดูกาล

ใจเมตตาประชาราษฏร์ 
สงบร่มเย็นทั้งสี่ทิศ

เมื่อใช้กระบี่นี้ เฉกเช่นอสนีบาตผ่าฟาดทั่วทุกสารทิศ

ไม่มีผู้ใดไม่เคารพเชื่อฟังบัญชาผู้นำ

"กระบี่ผู้ครองรัฐ" 
สมควรเป็นเช่นนี้

ร้อยหมื่นคนในกองประชา
เคลื่อนไหวดุจคนๆเดียว

น่าเสียดาย บัดนี้
"กระบี่ผู้ครองรัฐ" เล่มนี้
ได้วางลงแล้ว

เหลือไว้แต่ตำนานเล่าขานสืบไป

โดย สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ผบ.ตร.บินด่วนลงใต้ เยี่ยมให้กำลังใจลูกน้อง พร้อมเยียวยาครอบครัว ตำรวจกล้ายะรัง สั่งดูแลสิทธิประโยชน์เต็มที่ หลังถูกคนร้ายยิงถล่ม เร่งรับตัวตำรวจบาดเจ็บเข้ารักษาที่ รพ.ตร. พร้อมติดตามคนร้ายเร่งด่วน กำชับ SOP ยุทธวิธีในการทำงาน พร้อมดูแลขวัญกำลังใจตำรวจชายแ

วันที่ (31 สิงหาคม 2566) เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9  , พล.ต.ต.ปราบพาล มีมงคล รอง ผบช.ภ.9 , พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รอง ผบช.ภ.9 ,พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี  เดินทางลงพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เพื่อให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิต และเยี่ยมผู้บาดเจ็บ จากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 28 ส.ค.66 เวลา 22.50 น. ในขณะที่ตำรวจสภ.ยะรัง พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง (อส.) ออกลาดตระเวนพื้นที่รับผิดชอบ  มาถึงบริเวณหน้า สำนักงานเทศบาลตำบลยะรัง ม.3 ต.ยะรัง อ.ยะรัง จว.ปัตตานี ได้ถูกคนร้ายใช้ปืนยิงถล่มใส่เจ้าหน้าที่ เป็นเหตุให้ตำรวจเสียชีวิตจำนวน 2 ราย  คือ ด.ต.ตุแวเลาะ ลอมะ และ ส.ต.ท.บุญกีนี ดือเร๊ะ ผบ.หมู่ (ป) สภ.ยะรัง อาสาสมัคร 2 ราย และมีตำรวจบาดเจ็บ 5 ราย  คือ ส.ต.ต.ธนทัต โชคมาก ส.ต.ต.อิสมาเอ็น จิตหลัง  ส.ต.ท.ศราวุฒิ สูสัน ส.ต.ท.ธวัช เส็นฤทธิ์ ผบ.หมู่ (ป) สภ.ยะลัง  และพ.ต.ท.ณรงค์ แสนเกื้อ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ยะรัง 

ภายหลัง ผบ.ตร.และคณะได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ พร้อมมอบเงินส่วนตัวช่วยเหลือให้แก่ครอบครัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ อส. ที่เสียชีวิต ผู้รับบาดเจ็บ รวมถึงเยี่ยมเด็กที่โดนสะเก็ดระเบิด ณ โรงพยาบาลปัตตานี พร้อมกล่าวกับญาติยืนยันตำรวจรับปากจะดูแลสิทธิประโยชน์ทุกอย่างเต็มที่ รวมทั้งการบรรจุทายาทเข้ารับราชการตำรวจ 

ผบ.ตร.ได้มอบเงินส่วนตัวช่วยเหลือตำรวจที่เสียชีวิตรายละ 50,000 บาท บาดเจ็บสาหัสรายละ 20,000 บาท บาดเจ็บรายละ 10,000 บาท ส่วนอาสาที่เสียชีวิตรายละ 20,000 บาท และมอบให้ ภ.จว.ปัตตานี เพื่อใช้ดำเนินการดูแลตำรวจรวมยอดประมาณ 300,000 บาท 

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ ยังได้มอบเงินส่วนตัวช่วยเหลืออีกส่วนหนึ่งด้วย 

สำหรับ ส.ต.ท.ธวัช เส็นฤทธิ์ ที่บาดเจ็บสาหัส สะเก็ดระเบิดเข้าตา ผบ.ตร. ได้นำตัวขึ้นเครื่องมารักษาตัวที่ รพ.ตำรวจด้วย

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยังได้สั่งดูแลสิทธิประโยชน์เต็มที่ กรณีตำรวจเสียชีวิต สั่งการให้เสนอปูนบำเหน็จความดีความชอบตอบแทนเป็นกรณีพิเศษให้ ด.ต.ตุแวเลาะฯ และ ส.ต.ท.บุญกีนีฯ โดยขอเลื่อนเงินเดือนให้ 8 ขั้น การช่วยเหลือบรรจุทายาท รวมทั้งให้เงินช่วยเหลือดูแลในส่วนของสิทธิประโยชน์อื่นๆ ทั้งของผู้เสียชีวิตและครอบครัว ด.ต.ตุแวเลาะฯ จำนวน  3,426,820 บาท และ ส.ต.ท.บุญกีนีฯ 2,431,990 บาท ส่วนตำรวจบาดเจ็บที่ได้รับบาดเจ็บได้รับการช่วยเหลือตามสิทธิประโยชน์ 40,000- 281,000 บาท ตามอาการ 
     
ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ , พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ เดินทางไปประชุมติดตามความคืบหน้าและเร่งรัดคดี โดย มี พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9   ตร. ,พล.ต.ต.ปราบพาล มีมงคล รอง ผบช.ภ.9 , พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รอง ผบช.ภ.9 ,พล.ต.ต.กฤษดา แก้วจันดี รอง ผบช.ภ.9 ,พล.ต.ต.สมกูล กาญจนอุดมการณ์ ผบก.ตชด.ภ.4 ,พล.ต.ต.วิสูตร นาคจู ผบก.ศพฐ.10  ,พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.สงขลา ,พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.สส.จชต., พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎิ์ ผบก.ภ.จว.ยะลา ,พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ,พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดี เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าร่วม ณ ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี อ.เมืองปัตตานี จว.ปัตตานี
     
ผบ.ตร.กล่าวว่า “ขอแสดงความอาลัย และแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ ด.ต.ตุแวเลาะ ลอมะ ผบ.หมู่ (ป) สภ.ยะรัง จว.ปัตตานี และ ส.ต.ท.บุญกีนี ดือเร๊ะ ผบ.หมู่ (ป ) สภ.ยะรัง จว.ปัตตานี ที่สละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ ขอสดุดีตำรวจกล้าทุกนาย ที่มุ่งมั่น ทุ่มเท ปฏิบัติหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อรักษาสันติสุขในพื้นที่ภาคใต้  ขณะที่ข้าราชการตำรวจอีก 5 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บ และได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการปฏิบัติหน้าที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เข้าไปดูแลเรื่องการรักษาพยาบาล และมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ตั้งแต่ 40,000 – 281,000 บาท ตามอาการของแต่ละราย 

ส่วนทางคดี เบื้องต้น มีความคืบหน้าไปมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบกลุ่มผู้กระทำในเบื้องต้นแล้ว เป็นกลุ่มก่อความไม่สงบ ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามตัว ทั้งนี้ ได้กำชับเร่งรัดติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด สืบสวนขยายผลดำเนินการทุกมิติ รวมทั้งหาวิธีการในการปฏิบัติที่จะป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ให้มีความพร้อมในทุกๆเรื่อง วางแนวทางการปฏิบัติ กำหนด SOP ยุทธวิธีในการทำงาน ให้เกิดความปลอดภัย ผู้บังคับบัญชาต้องนำไปลงรายละเอียด คิดแทนลูกน้องว่าจะดำเนินการอย่างไร รวมทั้งการถอดบทเรียนที่เกิดขึ้น มาแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น นำมาวิเคราะห์ ปรับแผนทางยุทธวิธี รวมทั้งสอบถามวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือที่จำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ ให้จัดลำดับความสำคัญเตรียมทำแผนในการของบประมาณ เช่น ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะ อุปกรณ์ป้องกันตัว โดยคำนึงถึงชีวิตข้าราชการตำรวจเป็นอันดับแรก รวมทั้งคิดระบบเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และเน้นย้ำกำลังพลปฏิบัติตามหลักยุทธวิธี ให้เกิดความปลอดภัยในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ตร.พร้อมสนับสนุนช่วยเหลือ ดูแลสิทธิประโยชน์ และขอส่งกำลังใจให้ตำรวจผู้ปฏิบัติชายแดนใต้ทุกราย”

‘เอ็มวีทีวี’ จับมือ ‘วอร์เนอร์ฯ’ ทุ่ม 200 ล้าน ซื้อช่อง ‘บูมเมอแรง’ ลั่น!! ขอยกให้เป็นของขวัญแก่เด็กไทย ได้ดูการ์ตูนในดวงใจฟรี!!

(31 ส.ค. 66) ‘บริษัท เอ็มวีทีวี ไทยแลนด์’ และ ‘วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ดิสคัฟเวอรี’ ได้ประกาศความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อเปิดช่องบูมเมอแรงต่อ โดยการทุ่มงบก้อนใหญ่ซื้อลิขสิทธิ์ช่องบูมเมอแรง เป็นของขวัญให้เด็กไทย และยังคงดำเนินกิจการดูแลคอนเทนต์และแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของช่อง ให้แฟน ๆ ได้ชมกันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2566 เป็นต้นไป

ซึ่งจะมีการนำการ์ตูนเรื่องใหม่ ๆ ที่ได้รับลิขสิทธิ์มาจาก ‘การ์ตูนเน็ตเวิร์ค’ และ ‘วอร์เนอร์ บราเธอร์ส’ เข้ามาให้ได้ชมกัน เช่น แบทวีล, บักส์บันนี่ บิวเดอร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย ส่วนการ์ตูนที่เป็นหลักของช่อง เช่น พาวเวอร์พัฟเกิร์ล, จัสติส ลีก แอ็คชั่น, สกูบี้ดู, ทีน ไททัน โก, เบนเทน, ทอมแอนด์เจอร์รี่ ในนิวยอร์ก, และ วีแบร์แบร์ สามหมีจอมป่วน จะยังคงมีฉายเหมือนเดิมที่ช่องบูมเมอแรง หมายเลข 89

คุณวรวุฒิ ทวีปวรเดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มวีทีวี ไทยแลนด์ จำกัด ได้กล่าวว่า “ภารกิจของเราที่เข้ามาดูแลช่องนี้ก็เพื่อจะมอบเป็นของขวัญให้กับเด็กไทย เพราะกว่า 10 ปี ที่ผ่านมา มีเด็กหลายรุ่นมากที่โตขึ้นมาพร้อม ๆ กับการดูช่องบูมเมอแรง และบูมเมอแรงก็ยังเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำต่าง ๆ ของคนทุกวัย ด้วยตัวคอนเทนต์ของช่องก็ได้สร้างความสุขให้กับคนในครอบครัว พวกเราจึงเล็งเห็นว่าควรที่จะทำช่องนี้และให้ออกอากาศต่อไป พร้อมทั้งจะมีกิจกรรม อีเวนต์ต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนและสร้างโอกาสสำหรับผู้ชมและลูกค้าโฆษณาแบรนด์ต่าง ๆ อีกด้วยเช่นกัน”

‘ช่องบูมเมอแรง’ เป็นช่องอันดับ 1 ในกลุ่มเด็กและครอบครัวของช่องทีวีทั้งหมด และยังเป็น อันดับ 1 (4+) ของกลุ่มช่องเคเบิ้ลดาวเทียม มีผู้ชมเข้าถึงมากกว่า 13 ล้านคนดูในทุก ๆ เดือน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top