Saturday, 24 May 2025
NewsFeed

เปิดประวัติ-ผลงานเด่น!!

‘กฤษฎา จีนะวิจารณะ’ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ประธานมูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง​ ผู้มากความสามารถและประสบการณ์ที่ครบครัน

และด้วยวันนี้ ก็ได้รับการยอมรับขึ้นแท่น สู่ว่าที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ใน ‘ครม.เศรษฐา ​1’
 

‘บุ๋ม ปนัดดา’ เปิดค่ารักษาที่สิงคโปร์ โดนไปจุกๆ 2 หมื่นบาท หลังเกิดอุบัติเหตุถูกรถชนท้าย เข้าโรงพยาบาลแค่วันเดียว

(3 ก.ย. 66) ถึงคราวฟาดเคราะห์จริงๆ สำหรับ ‘บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี’ ที่ก่อนหน้านี้เธอได้โพสต์ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว @boompanadda ว่าได้ประสบอุบัติเหตุขณะนั่งรถเที่ยวที่ประเทศสิงคโปร์ โดยถูกรถยนต์ชนจากบริเวณด้านหลังรถยนต์ที่เธอนั่งมาเข้าอย่างแรง ซึ่งในเวลาต่อมา ‘บุ๋ม ปนัดดา’ เผยว่าได้เดินทางไปโรงพยาบาลแล้ว โดยระบุแคปชันว่า

“อ่ะ! ไม่รอดค่ะ เพื่อนฝนมึนหัว อาเจียนหลายรอบ ส่วนบุ๋มปวดร้าวหลังล่างและคอ อาเจียนมีเลือดปน 2 รอบ หมอฉีดยาและเอ็กซเรย์เรียบร้อย ผลตรวจคือ Muscle Spasm กล้ามเนื้อตรงคอกับหลังล่างอักเสบเฉียบพลัน มีผลกับเส้นประสาท ก็ค่อยๆ รักษากันไปค่ะ ขอบคุณทุกความห่วงใยนะคะ มาสิงคโปร์เป็น 100 ครั้งไม่เคยเจออุบัติเหตุบนถนน ไม่นึกว่าจะมาเจอกับตัวเอง ต้องขอขอบคุณน้องโบว์ชมพู @bow_bowchompoo ที่มาช่วยดูแลที่ รพ. จนเรียบร้อยทุกอย่าง ขอบคุณมากๆ จริงๆ ค่ะ”

ล่าสุด ‘บุ๋ม ปนัดดา’ ได้โพสต์ลงในอินสตาแกรมอัปเดตอาการอีกครั้งและเผยถึงค่ารักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลในประเทศสิงคโปร์ว่า “หายดีแล้วทุกคน เพราะเจอค่ารักษาหมอไปสองหมื่นกว่า ประสบการณ์เข้าโรงพยาบาลที่สิงคโปร์ เอกซเรย์คอกับหลัง ฉีดยาแก้ปวดหนึ่งเข็ม ยากลับบ้านสี่อย่าง ยาคลายกล้ามเนื้อ แก้อาเจียน บำรุงประสาท และแผ่นแปะแก้ปวด พร้อมกับค่าเจอหมอตอนดึก ค่าเอกสารที่ขอกลับบ้าน 20,000 กว่าบาท หายดีเลยจ้า แม่แข็งแรงแล้ว จริงจิ๊งงง”

‘กรมควบคุมโรค’ ห่วงสถานการณ์ ‘ฝีดาษวานร’ ในประเทศ พร้อมเผย เดือน ส.ค. เยาวชนติดเชื้อไปแล้ว 16 ราย

(3 ก.ย. 66) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยสถานการณ์ล่าสุดของโรคฝีดาษวานร (Monkey pox) หรือ Mpox ในประเทศไทย ว่า ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2566 มีรายงานผู้ป่วยรวม 316 ราย (เสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง) เป็นกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายมากถึง 271 ราย ร้อยละ 85.8 และมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 143 ราย ร้อยละ 45.3 มีสัญชาติไทย 277 ราย ชาวต่างชาติ 36 ราย ไม่ระบุ 3 ราย

“ในจำนวนผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 198 ราย จ.ชลบุรี 22 ราย จ.นนทบุรี 17 ราย และ จ.สมุทรปราการ 12 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่อายุ 30-39 ปี จำนวน 152 ราย รองลงมา อายุ 20-29 ปี จำนวน 85 ราย กลุ่มเยาวชน อายุ 15-24 ปี จำนวน 28 ราย ซึ่งกลุ่มเยาวชนมีความเสี่ยงติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว” นพ.ธเรศ กล่าวและว่า จากการติดตามสถานการณ์ 4 เดือนย้อนหลัง พบการระบาดอย่างต่อเนื่อง ในเดือนพฤษภาคม 2566 ได้รับรายงานผู้ป่วย 22 ราย เดือนมิถุนายน 48 ราย เดือนกรกฎาคม 80 ราย และเดือนสิงหาคมได้รับรายงานเพิ่มอีก 145 ราย เกือบทั้งหมดเป็นคนไทย และรับเชื้อภายในประเทศ ในจำนวนนี้มีรายงานพบผู้ป่วยฝีดาษวานรเสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการรุนแรงและติดเชื้อฉวยโอกาสแทรกซ้อน

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ทั้งนี้ ประเทศไทยได้รับการสนับสนุนยา Tecovirimat (ชื่อการค้า TPOXX) จากองค์การอนามัยโลกให้นำมาใช้ในกรณีฉุกเฉิน เป็นยาที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxvirus เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยยืนยันที่มีอาการมากและแพทย์รับเข้ารักษาในโรงพยาบาลเท่านั้น

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า ระยะแรกของการแพร่เชื้อฝีดาษวานรในประเทศไทยกลุ่มเสี่ยงเป็นชายวัยทำงาน แต่ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เริ่มพบเยาวชนติดเชื้อฝีดาษวานรเพิ่มมากถึง 16 ราย

“โดยมีรายงานจากทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค กองระบาดวิทยา สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 (สคร.) จ.ชลบุรี ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ชลบุรี และหน่วยงานในพื้นที่ สอบสวนผู้ป่วยยืนยันฝีดาษวานรรายหนึ่งเป็นนักเรียนชาย อายุ 16 ปี เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2566 เข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยในเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2566 ด้วยอาการตุ่มน้ำใสขึ้นตามร่างกาย ร่วมกับอวัยวะเพศบวมอักเสบ ตรวจพบเชื้อฝีดาษวานร  ประวัติเสี่ยง ผู้ป่วยมีเพศสัมพันธ์กับหลายคน ดำเนินการติดตามอาการของผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ซึ่งเป็นผู้สัมผัสร่วมบ้านจนครบ 21 วันนับตั้งแต่วันที่นับจากวันสัมผัสผู้ป่วยวันสุดท้าย ยังไม่พบผู้ป่วยในครัวเรือน” นพ.โสภณ กล่าว

รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ดังนั้น ขอย้ำเตือนเยาวชนเเละกลุ่มชายรักชายให้งดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย เช่น ไม่สัมผัสใกล้ชิดเนื้อเเนบเนื้อ หรือกอดจูบกับผู้ที่ไม่รู้จัก

“เวลานี้สถานการณ์ผู้ป่วยในไทยเริ่มแพร่ระบาดจากกลุ่มวัยทำงาน วัยรุ่น ไปสู่กลุ่มที่อายุน้อยลงได้แก่เยาวชนวัยเรียนเเล้ว ขอให้ตระหนักว่า เยาวชนต้องป้องกันตัวอย่างมีความรู้ความเข้าใจ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดโรค โดยสังเกตรอยโรค อาการเเสดง เเละสังเกตดูผิวหนังตามร่างกายของคู่นอน ว่ามีผื่นแบนหรือนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนองเเละตกสะเก็ด มักพบตามอวัยวะเพศรอบทวารหนัก แขน ขา หรือฝ่ามือฝ่าเท้า ลำตัว ศีรษะ ก่อนหน้าจะเกิดอาการมักมีไข้ร่วมกับอาการอื่น เช่น ต่อมน้ำเหลืองบวมโต เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง” นพ.โสภณ กล่าว

หากสงสัยติดเชื้อฝีดาษวานร ให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษา พร้อมกับแยกตัวออกจากสมาชิกในครอบครัว ที่พัก หรือสถานที่ทำงาน ไม่รับประทานดื่มน้ำด้วยภาชนะร่วมกับผู้อื่น สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ช่วงป่วย การรักษาความสะอาดทำความสะอาดเสื้อผ้าเครื่องนอนเครื่องใช้แยก ใช้สุขาแยก หรือ ทำความสะอาดด้วยการเช็ดน้ำยาทำลายเชื้อกลุ่มสารซักฟอก เช่น ไฮโปคลอไรต์ น้ำสบู่ เป็นต้น สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

เริ่มต้นด้วยความอกหักทางการเมือง แต่เดินเรื่องด้วยมุมรักเฉกปุถุชน บทเพลงจาก 'พี่เสก' ที่อาจเสกเพลงนี้ไปได้ไกลกว่า 'พรรคก้าวไกล'

หลังการเผยแพร่เพลง ‘ก้าวให้ไกลกว่าเดิม’ แบบไร้ลิขสิทธิ์ (None Copyright) ของ 'พี่เสก' คุณเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม ‘เสก โลโซ’ นั้น ถือเป็นความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมเพลงไทย ซึ่งกำลังซบเซาอย่างถึงขีดสุด

ทว่า เราอาจจะต้องวางเหตุผลทางการเมืองสำหรับการฟังเพลงนี้ไว้สักหน่อย เพราะต่างก็ทราบกันดีว่าต้นกำเนิดของเพลงนี้กลั่นจากความอกหักส่วนตัวของคุณเสกเอง ต่อความล้มเหลวของพรรคการเมืองไทยที่ชื่อ 'ก้าวไกล'

แนวเพลงนี้ มาในทางจิ๊กโก๋อกหัก ซึ่งแกถนัด เพียงแค่ไม่ใช่ความอกหักแบบหนุ่มสาว แต่เป็นเรื่องรักคุดซึ่งมีที่มาจากความคาดหวังทางการเมือง

วงการศิลปะเรียกว่า 'Impressionism - ศิลป์ดลใจ'

พอเพลงขึ้นไปออนไลน์บน YouTube แล้ว ก็นับเป็นเพลงรักทั่วไป มิได้มีข้อความหรือท่อนเนื้อร้องใดเกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างเปิดเผย (อย่างคาราบาวหรือก๊วนเพื่อชีวิตวงอื่นทำ) ซ่อนพรรณาถึงความเจ็บใจต่อสิ่งที่หวังไว้แล้วไม่เป็นจริง อาจหมายถึงผู้หญิง (เพราะคนร้องเป็นชาย) พูดถึงการทุ่มเทลงกับรัก แต่ไม่ได้แม้อะไรสะท้อนกลับให้เห็น แล้วก็สรุปเองว่าจะเดินจากลาด้วยคำ ‘ก้าวให้ไกลกว่าเดิม’ ซึ่งตรงกับคำ 'Move On' นั่นเอง

งานเพลงเชิงศิลปะแบบนี้ 'บ๊อบ ไดเลน' (Bob Dylan) 'ยูทู' (U2) 'บรู๊ซ สปริงทีน' (Bruce Springteen) 'จิม มอริสัน' (The Doors) หรือแม้แต่เจ้าพ่อแทรชเมทัล 'เมทัลลิกา' (Metallica) ต่างยึดถือเป็นสรณะนมนานตั้งแต่ก่อตั้งวง จนทุกคนที่กล่าวถึงล่วงเลยวัยแซยิดเกินสิบปีเข้าแล้ว ต่างพูดถึง 'รัก' บนภาพรวม รักโลก รักสังคม ก่นด่าความอยุติธรรม โดยในท้ายสุดก็ให้กำลังใจ มิได้เน้นเพียงรักปุบปับอย่างหนุ่มสาว

ไม่แปลกใจที่ 'เสก โลโซ' กำลังก้าวเดินตาม...

...แรงบันดาลใจที่พรรคก้าวไกลก้าวไปไม่ถึงฝั่งฝัน (ของคุณเสก) ส่งผลกระทบขนาดสร้างงานใหม่ขึ้นได้ในรอบหลายปี เรื่องนี้เป็นความอันต้องยินดีด้วยอย่างมาก

แต่ในฐานะนักฟัง ผมแค่อยากตั้งข้อสังเกตว่า ผู้แต่งเพลงหลีกเลี่ยงจะใช้คำว่า 'ก้าวไกล' ตรงๆ โดยเขียนขยายให้เป็นเพียงคำกิริยาว่า ‘ก้าว (ให้) ไกล (กว่าเดิม)’ แล้วใส่อารมณ์ความรักหนุ่มสาวปนลงกับเนื้อเพลงเกือบ 99% เพื่อแหวกทางสู่ผู้ฟังส่วนใหญ่ (Mass Communication) ผู้มิได้สนใจใยดีกับพรรคการเมืองใด

ดังนั้น จึงการันตีได้เลยว่า งานชิ้นที่พี่เสกปั้นออกมานี้ จะคงอยู่ต่อไปเนิ่นนานพอๆ กันกับเพลงระดับขึ้นหิ้งใจที่บอกเล่าเรื่องราวคล้ายๆ กัน อาทิ ซมซาน, ฝนตกที่หน้าต่าง, เคยรักฉันบ้างไหม, รอยยิ้มนักสู้, ผู้ชนะ

หรืออย่างน้อยก็อยู่ได้นานเกินกว่าพรรคการเมืองที่พี่เสกเชียร์อยู่แน่นอน...

‘NSDF’ แจง!! เหตุ 'น้องออก้า' แชมป์เจ็ตสกีโลกวืดเงินอัดฉีด เพราะต้องมีผู้เข้าร่วมแข่ง 6 ประเทศ แต่ในอีเวนต์นี้มีแค่ 2

(3 ก.ย. 66) หลังจากที่ 'น้องออก้า' นครา ศิลาชัย ลูกชายของ 'เปิ้ล' นาคร ศิลาชัย คว้าแชมป์โลกการแข่งขันเจ็ตสกี ที่สหรัฐอเมริกา ในรายการ 'ดับเบิลยูจีพี วัน เจ็ตสกี เวิลด์ ซีรี่ส์ 2022' รุ่นจูเนียร์ สกี้ 10-12 ปี เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา หลังตั้งใจฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อแลกประสบการณ์มากมายเกินเด็กวัย 10 ขวบ และทำให้พ่อแม่รวมถึงทุกคนดีใจนั้น

แต่จากนั้น 'เปิ้ล' นาคร ศิลาชัย ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กสุดเดือดจวกยับหลังถูก 'ยกเลิก' เงินสนับสนุน และเงินอัดฉีด ที่นักเจ็ตสกีไทยไปสร้างชื่อเสียงคว้าแชมป์โลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่ทาง 'ผู้ใหญ่' ตัดสินใจว่า ยกเลิกเงินสนับสนุน และเงินอัดฉีดทั้งหมด รวมถึงปีต่อๆ ไป แซะนักกีฬาทีมชาติตั้งใจแค่ไหน ก็ตัวใครตัวมัน และขอบคุณการจัดงบที่ทำให้การพัฒนากีฬาไทยริบหรี่ลงทุกวัน

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ทำการตรวจสอบระเบียบข้อบังคับของ 'กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ' (NSDF) เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้เงินรางวัลแก่นักกีฬา บุคลากรกีฬาและสมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า 'แห่งประเทศไทย' ซึ่งสาเหตุที่กองทุนฯ ไม่สามารถอนุมัติเงินรางวัลดังกล่าวให้กับ 'น้องออก้า' นครา ศิลาชัย เนื่องจากไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามระเบียบที่กำหนดไว้

โดยตามหลักเกณฑ์ของกองทุนฯ ที่จะสามารถอนุมัติเงินรางวัลได้ในกรณีนั้น จะต้องมีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน 6 ประเทศ แต่ในอีเวนต์ของ 'น้องออก้า' นครา ศิลาชัย ที่คว้าเหรียญทองมีเพียง 2 ประเทศเข้าร่วมคือ ไทย กับทีมสโมสรในประเทศสหรัฐอเมริกา มีจำนวนทั้งหมด 6 ลำเท่านั้น โดยไม่ได้เป็นตัวทีมชาติสหรัฐอเมริกาแต่อย่างใด ทำให้ไม่เข้าหลักเกณฑ์การจ่ายเงินรางวัล

เปิดประวัติ-ผลงานเด่น!!

‘อนุชา นาคาศัย’ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สส.ชัยนาท เขต 1 อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

อีกทั้งยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการนำพาคนไทยรอดพ้นจากวิกฤตโควิด-19 และเป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน จากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล

และด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา ก็ได้รับการยอมรับขึ้นแท่น สู่ว่าที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ใน ‘ครม.เศรษฐา ​1’

เปิดประวัติ-ผลงานเด่น!!

เปิดประวัติ-ผลงานเด่น!!

‘พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล’ สส.นครศรีธรรมราช เขต 10 สส. 4 สมัย ผู้มากประสบการณ์ในงานการเมืองระดับชาติและท้องถิ่น โดดเด่นจนมีโอกาสได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาคลื่นทะเลกัดเซาะชายฝั่งและการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลอย่างเป็นระบบ ในสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 25

อีกทั้งยังเป็นผู้นำแนวคิด ‘วาระเมืองสิชล’ ที่สามารถระดมความคิด ความร่วมมือจากท้องถิ่นรอบด้าน มาแก้ไขปัญหาต่างๆ จนกลายเป็น ‘ขวัญใจคนคอนฯ’ 

และวันนี้ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา ก็ได้รับการยอมรับขึ้นแท่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม คนล่าสุดใน ‘ครม.เศรษฐา 1’

'นพ.กวิน' สำรวจ!! นโยบายสาธารณสุขของพรรคเพื่อไทย เห็นด้วย!! สร้างรพ.รัฐขนาด 120 เตียงขึ้นไปประจำทุกเขตในกทม.

(3 ก.ย. 66) นายแพทย์กวิน ก้านแก้ว แพทย์ผู้อุทิศตนให้กับการรักษาคนไข้โดยไม่เคยย่อท้อ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Kawin Kankeow' ระบุว่า...

หนึ่งในนโยบายด้านสาธารณสุขของพรรคเพื่อไทยที่ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งคือ กทม.ต้องมีโรงพยาบาลรัฐขนาด 120 เตียงขึ้นไปประจำทุกเขต

หลายคนอาจไม่เห็นด้วยกับนโยบายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือ 30 บาทรักษาทุกโรค ยิ่งในช่วงหลังมีการพูดถึงว่าเป็นต้นเหตุทำให้ภาระงานของบุคลากรสาธารณสุขเพิ่มมากขึ้น ผมไม่คิดเช่นนั้นครับ 

ผมคิดว่านโยบายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือ 30 บาทรักษาทุกโรค คือการปฏิวัติระบบบริการสุขภาพที่เป็นประโยชน์อย่างมากกับคนไทยอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้คนยากจนมีโอกาสเข้าถึงการรักษาโรคได้โดยผ่านการสงเคราะห์ และด้วยนโยบายดังกล่าวทำให้คนไทยทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจนมีโอกาสเข้าถึงการรักษาโรคได้อย่างเท่าเทียมกันและเสมอภาคกัน

ฉะนั้น ผมจึงไม่เห็นด้วยเลยกับนโยบายการร่วมจ่ายของประชาชน เพราะเมื่ออยู่ในท้องถิ่นทุรกันดารเงินหลักร้อยบาทขึ้นไปก็ไม่ใช่เงินจำนวนที่ทุกคนมีพร้อมจะจ่าย

ทุกวันนี้ผมคิดว่าทุกจังหวัดของประเทศไทยยกเว้นกรุงเทพมหานคร ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาโรคได้อย่างเหมาะสมแล้วผ่านการให้บริการของโรงพยาบาลรัฐในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข

แต่สำหรับกรุงเทพฯ โรงพยาบาลที่ให้บริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลเอกชน เพราะโรงพยาบาลรัฐในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในกรุงเทพฯ มีน้อยมากๆ

ความแตกต่าง คือ การพิจารณาการใช้ทรัพยากรในการรักษาและการส่งต่อผู้ป่วยสำหรับโรงพยาบาลรัฐย่อมมีข้อจำกัดน้อยกว่าโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งมีปัจจัยเรื่องเงินเป็นตัวตั้ง

จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมพบว่าผู้ป่วยที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เข้าถึงการรักษาในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ด้อยกว่าผู้ป่วยที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัด บางกรณีการลงทุนย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลรัฐในต่างจังหวัดสำหรับคนกรุงเทพฯ อาจจะคุ้มกว่าด้วยซ้ำ

ดังนั้น การที่จะมีนโยบายสร้างโรงพยาบาลรัฐในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น ย่อมทำให้คนกรุงเทพฯ เข้าถึงการรักษาโรคต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น ส่วนตัวผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องสร้างทุกเขต ควรจะสร้างโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่เป็นจุดๆ ดีกว่า เพราะการเดินทางในกรุงเทพฯ สะดวกสบายอยู่แล้ว และการสร้างโรงพยาบาลเล็กๆ หลายๆ แห่งมีความสิ้นเปลืองในแง่ของการกระจายทรัพยากรที่มากกว่า

นอกจากนโยบายการสร้างโรงพยาบาลรัฐในกรุงเทพฯ แล้ว การเปลี่ยนแปลงในระบบสาธารณสุขที่ผมอยากเห็นอีกประการหนึ่งคือ การกำหนดโครงสร้างให้โรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุขของรัฐในแต่ละจังหวัดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อยู่ภายใต้ผู้บริหารที่สามารถกำหนดนโยบายและทิศทางการทำงานได้ทั้งจังหวัด

...และไม่เห็นด้วยเลยกับการนำโรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุขไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การที่โรงพยาบาลแต่ละแห่งในจังหวัดอยู่ภายใต้การกำกับดูแลเป็นเอกเทศไม่ขึ้นแก่กัน ทำให้ทิศทางการพัฒนาเป็นไปอย่างสะเปะสะปะและไม่เกิดการแชร์ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดร่วมกัน

โรงพยาบาลรัฐทุกแห่งไม่จำเป็นต้องพยายามเพิ่มศักยภาพให้เท่าเทียมกันหมด ตัวอย่างเช่น โรงพยาบาลที่อยู่ในอำเภอเล็กๆ ซึ่งอยู่ใกล้โรงพยาบาลจังหวัดมากๆ อาจไม่จำเป็นต้องมีการรักษาที่ซับซ้อน เช่น การผ่าตัดหรือการคลอดบุตร เลย การที่มี CEO ของจังหวัดในการวางแผนการให้บริการสาธารณสุขทั้งจังหวัดจะทำให้การจัดสรรทรัพยากรกระจายได้อย่างเหมาะสมกว่า

นอกจากนี้สิ่งที่ผมอยากเห็นอีกอย่างคือ การควบรวมสิทธิการรักษาหลักทั้งสามคือ หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, ระบบประกันสังคม และระบบสวัสดิการรักษาของข้าราชการ เข้าด้วยกัน

ถ้าเรามั่นใจว่าปัจจุบันระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทำได้ดีแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีระบบอื่นอีก เพราะการดูแลรักษาคนไทยทุกคนควรมีมาตรฐานเดียวที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน และระบบประกันสังคมควรจะดูแลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรค เช่น การออมเงิน การชดเชยรายได้ ในขณะที่ข้าราชการอาจได้สิทธิบางอย่างเพิ่มเติม เช่น ค่าบริการห้องพิเศษ

...เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นแพทย์ ก็หวังว่าจะได้เห็นนโยบายดีๆ เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ครับ

‘เศรษฐา-สุทิน’ ร่วมวงทานข้าวกับ ‘ผบ.เหล่าทัพ’ กระชับความสัมพันธ์ ขอให้ทหารช่วยพัฒนาประเทศ-เป็นแบ็กอัป จับมือทำงานไปด้วยกัน

(3 ก.ย. 66) ที่โรงแรมโรสวูด ย่านเพลินจิต กทม. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้นำนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ร่วมพบปะรับประทานอาหารกลางวัน กับผู้บัญชาการเหล่าทัพชุดใหม่ ได้แก่ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ว่าที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รองผู้บัญชาการทหารบก ว่าที่ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยว ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ว่าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ ส่วน พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ ว่าที่ผู้บัญชาการทหารอากาศ ติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ โดยการพบปะครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ทั้งนี้มีรายงานว่า การพบปะครั้งนี้เพื่อทำความรู้จักกัน โดยนายเศรษฐาได้ขอให้ทหารมาร่วมกันพัฒนาประเทศ และขอให้ทหารช่วยเป็นแบ็กอัป อยากให้จับมือไปด้วยกัน เพราะประเทศเป็นของพวกเราทุกคน ซึ่งการพบปะครั้งนี้ยังไม่มีการพูดคุยลงลึกในรายละเอียดแผนงานของกองทัพ เพราะยังไม่ถึงเวลา พร้อมกันนี้นายเศรษฐาได้ให้นายสุทิน ในฐานะ รมว.กลาโหม ไปทำการบ้านงานในตำแหน่งมา ซึ่งนายสุทิน ก็รับฟังและร่วมแลกเปลี่ยนกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ

'นิพนธ์-ปชป.' ยกทัพหลวง อ้อนชาวระยองกาเบอร์ 2 'หมอบัญญัติ' ย้ำ!! เลือกหนนี้ อย่าเลือกผิด ถ้าเสียหายกว่าจะเปลี่ยนต้องอีก 4 ปี

(3 ก.ย. 66) นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.ปชป. นายนิพนธ์ บุญญามณี รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, สส.ชัยชนะ เดชเดโช สส.ทรงศักดิ์ มุสิกอง, นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง ลงพื้นที่หาเสียงบริเวณหมู่บ้านชาวประมง ท่าเรืออ่าวมะขามป้อม ตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เพื่อขอคะแนนเสียงให้กับนพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ผู้สมัครหมายเลข 2 จากพรรคประชาธิปัตย์ ในการกลับเข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร โดยบรรยากาศการขอคะแนนเสียงเป็นไปอย่างคึกคัก เรียบง่าย 

จากนั้น ได้มีการพบปะแกนนำท้องที่ ท้องถิ่น ผู้นำชุมชน อสม. บริเวณสถานีบริการน้ำมันเชลล์ริมถนนสุขุมวิท ตำบลทางเกวียน อำเภอแกลง พร้อมกับการปราศัยย่อยซึ่งนายนิพนธ์ รองหัวหน้าพรรคฯ ได้กล่าวย้ำถึงผลงานที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำไว้ในช่วงที่เป็นรัฐบาล ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดระยองผ่านการประสานงานจากผู้แทนราษฏรของพรรคประชาธิปัตย์ จึงทำให้ปัญหาต่างๆ ทั้งปัญหาช้างป่าบุกรุก การออกโฉนดที่ดิน การแก้ไขปัญหาที่ทำกิน ฯลฯ ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องตามแนวทางที่ควรจะเป็น ทำให้พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์ และหลังจากนี้ขอให้คำยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าแม้กระทั่งในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เมื่อประชาชนเดือดร้อน ประชาธิปัตย์พร้อมทวงถามติดตามรัฐบาลเพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไขโดยเร็ว

"การเลือกตั้งสส.นั้น พี่น้องประชาชนต้องพิจารณาให้รอบคอบ เลือกคนที่มีความรู้ คนที่มีประสบการณ์ เพราะถ้าหากพี่น้องเลือกผิด กว่าจะแก้ไขเปลี่ยนคนได้ต้องใช้เวลานานถึง 4 ปี เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นความเสียหายจะตามมาอย่างมาก" นายนิพนธ์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top