‘พิชิต ไชยมงคล’ วิเคราะห์ ‘ทักษิณ’ ขอพระราชทานอภัยโทษ อาจเกิดคลื่นความขัดแย้งใหม่ในสังคม แต่ไม่ถึงขั้นลงถนน

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 66 นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประเด็นที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอยู่ขณะนี้ ผ่านรายการ ‘คุยข่าว ถึงเครื่อง’ ประจำวันที่ 1 ก.ย. 66 เผยแพร่ผ่านช่องทางรับชมในเครือ THE STATES TIMES, คุยถึงแก่น, เปรี้ยง, NAVY AM RADIO/ MAYA Channel ช่อง 44 และ FM101 โดยมี นายปรเมษฐ์ ภู่โต สื่อมวลชนอาวุโส พิธีกร ผู้ประกาศข่าวรายการคุยถึงแก่น เป็นผู้ดำเนินรายการ

ทั้งนี้ นายพิชิต ได้ให้มุมมองต่อประเด็นการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ ชินวัตร ว่าจะส่งผลกระทบต่อการพยายามสร้างความปรองดองของรัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของคุณเศรษฐา ทวีสิน หรือไม่? อย่างไร? ดังนี้…

“ผมมองว่า ปมนี้ อาจจะเป็นปมที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งระลอกใหม่ในสังคมไทยได้ เนื่องจาก คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่มาจากพรรคเพื่อไทย ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าจะไม่อยู่ใต้ คุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีอิทธิพลต่อพรรคเพื่อไทย ทั้งในทางความคิด และในทางปฏิบัติ

ผมตั้งข้อสังเกตแบบนี้ว่า เมื่อรัฐบาลประกาศเดินหน้าที่จะเป็น ‘รัฐบาลผสม’ ที่จะเดินหน้าสู่ความปรองดอง สลายสีเสื้อ สลายขั้ว...ก็คงต้องถามชัดๆ ว่า ทำแบบนั้นแล้ว ประชาชนได้อะไร? นี่คือการสลายขั้วแค่เพียงในส่วนของนักการเมืองหรือไม่? คำตอบนี้จะถูกตอกย้ำในกรณีของการปฏิบัติต่อนักโทษท่านหนึ่ง”

นายพิชิต กล่าวต่อว่า “สถานะของคุณทักษิณ ชินวัตร ในตอนนี้คือ ‘นักโทษ’ ที่ต้องถูกคุมขังตามคําพิพากษา แม้ว่าอดีตท่านจะเคยเป็นนายกรัฐมนตรี หรือตำแหน่งใดก็ตาม แต่เราต้องคำนึงว่า ปัจจุบัน ซึ่งคุณทักษิณเป็น ‘ผู้ต้องหา’ ด้วย”

“อย่างไรก็ตาม การที่คุณทักษิณได้รับการปฏิบัติเยี่ยงอภิสิทธิ์ชนเช่นนี้ ผมมองว่า คนในสังคม ไม่เพียงแค่กลุ่มที่เคยออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้เท่านั้น แม้แต่กลุ่มคนเสื้อแดงที่เคยออกมาเคลื่อนไหวเพื่อคุณทักษิณ ก็อาจจะตั้งคำถามในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ว่าทำไมกลุ่มแกนนำ หรือแม้แต่กลุ่มคนเสื้อแดงที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อคุณทักษิณ ต้องติดคุก บางคนบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต”

“แต่ในขณะเดียวกัน คุณทักษิณเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย พร้อมรับอภิสิทธิ์ขนาดนี้ ยิ่งมีการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย จนกระทั่งได้รับการพระราชทานอภัยโทษด้วยแล้วอีก เรื่องนี้ผมจึงเชื่อว่าจะทำให้เกิดการตั้งคำถามขึ้นอย่างมากแน่นอน”

ทั้งนี้ นายพิชิต ยังได้ยกข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบฉบับของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในปี 2561 และ 2564 ออกมาอ้างอิงด้วย ว่า...

“ในกรณีที่จะทูลเกล้าฯ ขอถวายฎีกา หน่วยงานราชการ หรือหัวหน้าส่วน หรือกระทรวงต่างๆ จะต้องมีการพิจารณาในเรื่องดังต่อไปนี้...

1.) มีความเหมาะสมหรือไม่
2.) มีเรื่องร้องเรียนต่อกรณีนั้นหรือไม่
3.) จะก่อให้เกิดปัญหาในอนาคตตามมาหรือไม่

อีกทั้ง กรอบระยะเวลาที่รัฐบาลต้องพิจารณา และถวายทูลเกล้าฯ ก็ยังมีความไม่ชัดเจน ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาเท่าไร”

“ผมคิดว่า รัฐมนตรีที่มีความเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ หากมีการพิจารณาภายใต้ระเบียบของสํานักนายกรัฐมนตรีที่ได้มีแนวทางข้อบังคับไว้ ก็คงจะทำให้สังคมได้กลับมาตรึกตรองอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่ใช่ให้คุณทักษิณ ใช้ความไม่สมควร หรือมิบังควร ยื่นเรื่องไป แล้วทางผู้รับก็พร้อมรับและนำไปยื่นทูลเกล้าฯ ได้เลย ถ้าแบบนี้ ผมมองว่าจะยิ่ง ‘ตอกลิ่มความขัดแย้ง’ ในอนาคตได้มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ” นายพิชิต กล่าว

จากกรณีของคุณทักษิณยื่นขออภัยโทษครั้งนี้ นายพิชิต ได้ทิ้งท้ายไว้ถึงเชื้อไฟแห่งความไม่พอใจของผู้คนคงจะกระพือชัดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในกลุ่มของคนเสื้อเหลือง และคนเสื้อแดงเองด้วยเช่นกัน เพียงแต่การแสดงออกนั้น คงยังไม่ถึงจุดที่จะก่อให้เกิดการประท้วง หรือลงถนน

แต่ที่น่าห่วงคือ ท่าทีของรัฐบาลชุดใหม่ ว่าจะดำเนินการต่อไปในรูปแบบใด เช่น จะไหลตามน้ำ หรือจะทำการตรวจสอบพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ตามขั้นตอนของกระบวนการตรวจสอบ เพราะอาจเป็นตัวกำหนดท่าทีและการเคลื่อนไหวของประชาชน ก็เป็นได้…