Thursday, 22 May 2025
NewsFeed

‘ชัยวุฒิ’ แจ้ง Google ปิดกั้นแอป Digital Wallet  สกัดมิจฉาชีพ ตุ๋นรับเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท

(24 ส.ค. 66) นายชัยวุฒิ  ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพได้มีการโฆษณาชวนเชื่อและหลอกลวงให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Digital wallet เพื่อรับเงินดิจิทัล จำนวน 10,000 บาท กระทรวงดิจิทัลฯ ได้ทำการตรวจสอบแอปพลิเคชันดังกล่าวแล้ว พบว่า เป็นแอปพลิเคชันปลอมที่มิจฉาชีพหลอกให้ประชาชนเข้าไปโหลดแอปพลิเคชัน จากนั้นจะใช้แอปพลิเคชันที่สามารถเข้าถึงมือถือจากภายนอกเข้ามาขโมยถอนเงินจากบัญชีของท่าน ซึ่งขณะนี้กระทรวงดิจิทัลฯ ได้แจ้ง google ให้ปิดกั้นแอปดังกล่าว โดยจะติดตามตรวจสอบต่อไป

ขอให้ทุกท่านงดเว้น ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Digital wallet ทุกกรณี หากมีข้อมูลที่ต้องการสอบถามหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับพฤติกรรมที่น่าสงสัย หรือได้รับการแจ้งข้อมูลที่ผิดปกติผ่านเอสเอ็มเอส หรือทางโทรศัพท์ สามารถแจ้งได้ที่ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ไลน์ @antifakenewscenter เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com ทวิตเตอร์ https://twitter.com/AFNCThailand และโทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 ตลอด 24 ชั่วโมง

‘เก่ง ธชย’ ทำแฟนคลับเป็นห่วง!! หลังโพสต์ภาพตาแดงก่ำ เหตุเกิดจากเกาตาขณะหลับ ทำให้เส้นเลือดฝอยตาขาวแตก

(24 ส.ค.66) ทำเอาหลายคนออกอาการเป็นห่วงไม่น้อยเมื่อ ‘เก่ง ธชย’ โพสต์ภาพขณะอยู่ที่โรงพยาบาลเนื่องจากตาแดง พร้อมระบุข้อความว่า…

“ไม่เป็นไร ยักษ์โอเค แค่เยื่อบุตาขาวอักเสบ จะเป็นมดเอ็กซ์ไปอีกอาทิตย์สองอาทิตย์นะครับ ก่อนนอนเมื่อคืนไม่เป็นอะไร เพิ่งเป็นตอนตื่น วันนี้ตื่นสาย เลยรีบไปงานอีเวนต์ก่อน พอเสร็จงานเลยได้แวะมาหาคุณหมอ คุณหมอวิเคราะห์แล้ว ไม่ได้เกิดจากอะไรมากมาย เกิดจากความซนล้วน ๆ น่าไปเผลอเกาตอนหลับ เกาแรงและตรงจังหวะไปหน่อย เส้นเลือดฝอยตาขาวแตกเลย แต่สู้ตายครับ รับยาหยอดแล้ว พรุ่งนี้ 10 โมง เจอกัน งาน Otop ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต มาดูมดเอ็กซ์ขับเสภากันครับ หนึ่งเดียวในโลก ฝันดีครับ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับทุกคน”

‘เศรษฐา’ ชื่นชม ‘บิ๊กตู่’ น่ารัก-น่าเคารพ ฝากฝังให้ดูแลบ้านเมือง ‘ต้องอดทน-ใจเย็น’

(24 ส.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพรรค พท. ภายหลังเข้าไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำเนียบรัฐบาล และให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการไปเยี่ยมเยือนและเป็นการเคารพตามมารยาท และ พล.อ.ประยุทธ์ฝากความเป็นห่วงบ้านเมือง ตนในฐานะเป็นผู้น้อย และเพิ่งได้รับการแต่งตั้ง จึงเข้าไปพบเพื่อปรึกษาหารือว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะมีอะไรฝากฝังหรือไม่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ก็น่ารักที่พาชมทำเนียบด้วย

เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ฝากฝังประเด็นอะไรเป็นพิเศษ ในการบริหารบ้านเมือง นายเศรษฐา กล่าวว่า "ท่านบอกว่าผมมาจากภาคเศรษฐกิจ วิธีการบริหารก็อาจจะแตกต่างกับการบริหารบ้านเมือง ก็มีหลายภาคส่วนที่ต้องคำนึงถึง ให้ระวังด้วย ให้มีความใจเย็น ให้มีความอดทน ดูแลเรื่องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และนโยบายอะไรดี ๆ ที่ท่านทำไว้ก็ฝากดูแลต่อด้วย ซึ่งผมก็จะไปพบปะกับคนที่ทำงานให้ท่านมาด้วย โดยจะมีการนัดกันอย่างต่อเนื่อง อะไรที่คิดว่ามีความเหมาะสม เราก็จะทำต่อ"

เมื่อถามว่า ได้ขึ้นไปชมห้องทำงานด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ชมหมด ทั้งห้องทำงาน และห้องที่เปิดให้เด็กเยี่ยมชมในวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์บอกว่าท่านไม่ได้นั่งตรงนั้น แต่นั่งห้องเล็กอีกห้องหนึ่ง ซึ่งท่านก็ได้พาไปดูแต่ตนไม่ได้ลองนั่ง

เมื่อถามว่า มีการปรึกษาหารือกันถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี ก็เป็นการพูดคุยกันธรรมดา เป็นเรื่องที่ทำให้บ้านเมืองเดินต่อไป แล้ววันนี้ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง และมาดูแลบ้านเมืองให้ดี ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้เน้นย้ำถึงเรื่องนี้

เมื่อถามว่า เจอกันครั้งแรกกับพล.อ.ประยุทธ์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า "เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพครับ ไม่มีอะไร ก็คุยกันดีแบบผู้ใหญ่"

เมื่อถามว่า เป็นความตั้งใจนายเศรษฐาหรือไม่ที่ตั้งใจจะเข้าไปพบปะพล.อ.ประยุทธ์อย่างเป็นทางการ หลังรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ นายเศรษฐา กล่าวว่า ใช่ และพล.อ.ประยุทธ์ก็บอกว่าเป็นครั้งแรก เป็นประวัติศาสตร์ที่นายกรัฐมนตรีสองคนมาพูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดียกัน ฝากฝังบ้านเมืองกัน ซึ่งตนถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

เมื่อถามว่า มองว่าภาพที่เกิดขึ้นวันนี้จะสามารถลบภาพความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอดีตได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า คิดว่าคงลำบาก เรื่องความขัดแย้งที่มีอยู่ ซึ่งตนคิดว่าไม่ใช่พบปะกันหนเดียวแล้วจะจบกันไป ต้องให้เวลาและการกระทำเป็นตัวพิสูจน์ แต่อย่างน้อยตนก็ทราบเจตนารมณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ว่าท่านอยากจะก้าวข้ามความขัดแย้ง และมีความเป็นห่วงบ้านเมืองด้วยความจริงใจ เราต้องทำงานร่วมกันต่อไป

เมื่อถามว่า เราเป็นฝ่ายนัดไปหรือเขาเป็นฝ่ายนัดมา นายเศรษฐา กล่าวว่า "เป็นการพูดคุยกันของฝ่ายทำงาน"

‘เพื่อไทย’ ย้ำ!! ยังไม่มีการจัดทำแอปฯ เงินดิจิทัลวอลเล็ต  เตือน ปชช.ระวังมิจฉาชีพอาศัยจังหวะตั้งรัฐบาล หลอกดูดเงิน

(24 ส.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากกรณีที่มีผู้ไม่หวังดีแชร์ภาพและข่าว ว่ามีการยกเลิกการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทกระจายบนโซเชียลมีเดีย รวมทั้งมีการเผยแพร่แอปพลิเคชันปลอม โดยอ้างการลงทะเบียนเพื่อรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลขอแจ้งไปยังพี่น้องประชาชน ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการเริ่มจัดตั้งรัฐบาล ยังระหว่างการพิจารณาจัดตั้งคณะรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดใหม่ที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้เข้าบริหารประเทศตามกฎหมาย ดังนั้น ขณะนี้จึงยังไม่มีการจัดทำแอปพลิเคชันดิจิทัลวอลเล็ต และยังไม่มีการลงทะเบียนใดๆ ทั้งสิ้น

น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า พรรค พท.ในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันว่าจะผลักดันนโยบายดิจิทัลวอเล็ต 10,000 บาท ซึ่งเป็นนโยบายหลักของพรรค พท.โดยเร็วตามที่ได้หาเสียงไว้กับพี่น้องประชาชนทันที เมื่อรัฐบาลชุดใหม่เข้าบริหารประเทศตามกฎหมาย ขณะนี้นโยบายอยู่ในระหว่างที่ผู้เกี่ยวข้องกำลังเตรียมความพร้อม ในการผลักดันนโยบายให้เป็นจริงโดยเร็ว

ดังนั้น การที่ผู้ไม่หวังดีพยายามปล่อยข่าวปลอม ว่าจะมีการยกเลิกนโยบายดิจิทัลวอเล็ต จึงไม่เป็นความจริง เป็นเฟกนิวส์ที่ต้องการทำลายความหวังของพี่น้องประชาชน เช่นเดียวกับที่มีผู้จัดทำแอปพลิเคชันอ้างลงทะเบียนเพื่อรอรับเงินดิจิทัล 10,000 บาทในขณะนี้ จึงเป็นความพยายามที่จะหลอกลวงพี่น้องประชาชนให้หลงเข้าใจผิด

ขอแจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชน อย่าหลงเชื่อการกระทำของมิจฉาชีพที่อาศัยจังหวะการจัดตั้งรัฐบาล มาทำร้ายพี่น้องประชาชน โดยมุ่งที่จะดึงเอาข้อมูลส่วนบุคคลอันเป็นพฤติกรรมของแก๊งคอลเซนเตอร์ที่จ้องจะดูดเงินในบัญชีพี่น้องประชาชน 

น.ส.ตรีชฎา กล่าวอีกว่า รัฐบาลโดยการนำของพรรค พท.มีความหวังดีต่อประชาชนและประเทศชาติ เราจะมีการรายงานความคืบหน้าในการผลักดันนโยบายรัฐบาลให้พี่น้องประชาชนทราบเป็นระยะ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและความโปร่งใส รวมทั้งเป็นการระวังป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ และขอเตือนไปยังแก๊งคอลเซนเตอร์และมิจฉาชีพทั้งหลาย หยุดการกระทำผิดกฎหมาย หยุดพฤติกรรมหากินบนความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เพราะรัฐบาลใหม่ที่มีพรรค พท.เป็นแกนนำ มีแนวทางในการจัดการมิจฉาชีพเด็ดขาด เราจะไม่ปล่อยให้ลอยนวลต่อไปอีก รวมทั้งขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องเพื่อจัดการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

‘ดร.เผ่าภูมิ’ ชี้!! ‘เงินดิจิทัล’ เข้าทันที ไม่ต้องลงทะเบียน  คาดใช้งานได้ช่วงครึ่งแรก 67 คาบเกี่ยวสงกรานต์พอดี

‘เผ่าภูมิ’ ชี้!! โครงการ ‘เงินดิจิตอล’ หรือ เงินดิจิทัล 10,000 บาท ไม่ต้องลงทะเบียน ผ่านแอปฯ ใดๆ เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีอัตโนมัติให้ผู้มีสิทธิ์ทุกคนทันที

โดย ดร.เผ่าภูมิ ได้เผยกับรายการ ‘เรื่องเล่าเช้านี้’ เมื่อวันที่ 24 ส.ค.66 ว่า นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 จะเป็นคนละอันกับแอปฯ เป๋าตัง และคาดว่าจะเริ่มให้ประชาชนใช้งานได้ในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า (ปี พ.ศ. 2567) หรือช่วงเดือนมกราคม - มิถุนายน 2567

ดร.เผ่าภูมิ ระบุเพิ่มเติมว่า ทางเพื่อไทยจะพยายามดำเนินการให้ทันก่อนเดือนเมษายน 2567 ซึ่งจะคาบเกี่ยวกับช่วงเทศกาลสงกรานต์พอดี และประชาชนจะได้เดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อไปจับจ่ายใช้ทันในช่วงนั้น

เมื่อถามถึงเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะมีใครได้บ้าง? ดร.เผ่าภูมิ กล่าวว่า ประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป รวมไปถึงกลุ่มผู้พิการ คนชรา ที่มีสวัสดิการอื่น ๆ ก็จะได้รับเต็มจำนวนโดยไม่หัก ประชาชนที่มีสิทธิ์รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ไม่ต้องดำเนินการใด ๆ ไม่ต้องลงทะเบียนผ่านแอปฯ รอเงินเข้าบัญชีอัตโนมัติอย่างเดียว พร้อมเตือนอย่าหลงกลมิจฉาชีพให้โหลดแอปฯ หรือกดลิงก์ต่าง ๆ

เมื่อถามถึงวิธีใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาท? ดร.เผ่าภูมิ กล่าวว่า เมื่อได้เงินดิจิทัล 10,000 บาท จะมีแอปฯ ที่ผูกกับบัตรประชาชนให้โหลด หรือจะใช้บัตรประชาชนคู่กับ QR Code ส่วนตัวที่จะออกให้โดยหน่วยงานรัฐ ส่วนกรณีผู้ที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือก็สามารถใช้บัตรประชาชนคู่กับ QR Code ส่วนตัวของเรา ซึ่งจะมีผูกในระบบอยู่แล้วโดยประชาชนไม่ต้องดำเนินการใด ๆ ขณะเดียวกันในส่วนกรณีที่มีการส่งข้อความให้กดลิงก์ต่าง ๆ หรือโหลดแอปฯ เกี่ยวกับเงินดิจิทัล 10,000 ในตอนนี้ ขอย้ำว่า เป็นมิจฉาชีพทั้งหมด เพราะตอนนี้ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อเด็ดขาด

เมื่อถามว่า ทำไมต้องเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้คนไทย? ดร.เผ่าภูมิ กล่าวว่า เพื่อสู้กับความยากจนในสภาวะรายได้ไม่พอรายจ่าย เป็นมาตรการเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย

เมื่อถามว่า ทำไมต้องกำหนดรัศมี 4 กม. จากที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน? ดร.เผ่าภูมิ กล่าวว่า เพื่อกระจายการจับจ่ายที่กระจุกตัวในเมืองใหญ่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนและท้องถิ่น ส่วนการใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาท ต้องใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน จะใช้ทีเดียวหรือทยอยใช้ก็ได้ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเร่งด่วน

สำหรับนโยบาย เงินดิจิทัล 10,000 บาท ถือเป็นมาตรการเฉพาะหน้า เป็นรากฐานสำคัญเพื่อต่อยอดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ โดยคาดว่าเศรษฐกิจในการดูแลของรัฐบาลเพื่อไทย จะโตปีละ 5% ส่งผลให้ปี 2570 ค่าแรงขึ้นต่ำขึ้นเป็น 600 บาทต่อวัน, เงินเดือนปริญญาตรีเริ่มที่ 25,000 ต่อเดือน ซึ่งตรงนี้เป็นเป้าหมายต่อไปของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

‘ณวัฒน์’ เดือด!! ขอยุติส่ง ‘เอลซ่า’ ไป Miss Intercontinenta หลังพบมีองค์กรนางงามหนึ่ง พยายามดีลลับกับทางเวทีประกวด

(24 ส.ค. 66) กลายเป็นประเด็นดรามาขึ้นมาในทันที หลังจากที่เมื่อวานนี้ (23 ส.ค.) มิสแกรนด์ไทยแลนด์ ได้ออกประกาศยุติการส่งผู้เข้าประกวดเข้าแข่งขันบนเวที Miss Intercontinental เนื่องจากเกิดเหตุการณ์สุดช็อก ที่มีการเปิดดีลลับกับอีกองค์กรหนึ่งของประเทศไทย โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบ ทำให้ ‘ณวัฒน์ อิสรไกรศีล’ บอสใหญ่แห่งเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ถึงขั้นโพสต์ฟาดกลางอินสตาแกรมส่วนตัว

โดยทาง มิสแกรนด์ไทยแลนด์ ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กทางการว่า Official Announcement องค์กรมิสแกรนด์ไทยแลนด์ขอประกาศยุติการส่งผู้เข้าประกวดไปเวที Miss Intercontinental ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่เวทีมิสแกรด์ไทยแลนด์ถือลิขสิทธิ์ส่งผู้เข้าประกวดไปยังเวทีดังกล่าว โดยมีระเบียบการทำงานที่เข้าใจตรงกัน และมีความสัมพันธ์ที่ดียาวนานเสมอมา โดยในช่วงแรกไม่ได้มีการเสียค่าลิขสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น ภายหลังจากสถานการณ์ COVID-19 เศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่ฟื้นตัว ทางองค์กรฯ จึงเกื้อหนุนราคาค่าลิขสิทธิ์ในราคา 2,000 เหรียญสหรัฐต่อปีตามความเหมาะสมของกิจกรรม

ภายใต้ความสัมพันธ์ที่ยาวนาน และธรรมเนียมปฏิบัติ เมื่อใกล้กำหนดการประกวด จะมีการดำเนินการทางด้านเอกสาร และเงินสนับสนุนตามอัตราที่พอเหมาะเช่นเคย แต่หลังจากที่เราประกาศตัวแทนของปี 2023 คือ ‘เอลซ่า กชกร กอนตระกูล’ เราเพิ่งทราบว่าเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีองค์กรประกวดนางงามในประเทศไทยองค์กรหนึ่ง ใช้ความพยายามพูดคุยกับทางเวทีนี้ โดยยื่นข้อเสนอในปริมาณที่น่าสนใจ จึงมีการตกลงกันและเก็บเป็นความลับโดยไม่แจ้งกล่าวตามมารยาทของการทำธุรกิจที่ควรจะมี

ดังนั้น ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ทางองค์กรมิสแกรนด์ไทยแลนด์จึงยุติการถือลิขสิทธิ์เวทีนี้ตลอดไป จึงแจ้งมาให้ทราบโดยทั่วกัน

ต่อมา ‘ณวัฒน์ อิสรไกรศีล’ ได้ออกมาเคลื่อนไหวหลังเกิดดรามาดังกล่าว โดยเจ้าตัวโพสต์ข้อความในสตอรี่ไอจีว่า “ช้อนได้ ช้อนไป อยากได้อะไรอีกบอกได้นะครับ” พร้อมทั้งแชร์รูปประกาศยุติการส่ง เอลซ่า กชกร กอนตระกูล ไปประกวดบนเวที Miss Intercontinental ส่วนตัวแทนสาวงามของไทยที่จะส่งไปประกวดบนเวทีดังกล่าว จะเป็นใครนั้นคงต้องรอดูกันต่อไป

‘ไบเดน’ โหนกระแส ฟันธง!! ‘ปูติน’ อยู่เบื้องหลัง  ‘เยฟเกนี พริโกซิน’ หัวหน้า Wagner เสียชีวิต

(24 ส.ค. 66) จับกระแสไว ยิ่งกว่าเจ้าของรายการโหนกระแสเสียอีก สำหรับ ‘โจ ไบเดน’ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา หลังจากทราบข่าวเรื่องอุบัติเหตุเครื่องบินของ ‘เยฟเกนี พริโกซิน’ ผู้ก่อตั้งกองกำลัง Wagner ตกในรัสเซีย ที่ทำให้ผู้โดยสาร จำนวน 10 คน รวมทั้งเยฟเกนี พริโกซิน เสียชีวิตยกลำ ก็ได้ออกมาฟันธงทันทีว่า ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ ผู้นำรัสเซีย เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุครั้งนี้อย่างแน่นอน

สื่อรัสเซียรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินเจ็ทเหมาลำโดย ‘เยฟเกนี พริโกซิน’ และผู้บริหารระดับสูงของกองกำลัง Wagner ตกที่ ‘เมืองตเวียร์’ ทางภาคตะวันตกของรัสเซีย เมื่อช่วงเย็นของวันพุธที่ 23 สิงหาคม 2566 และไม่มีผู้ใดรอดชีวิต ตอนนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเคลียร์พื้นแล้ว ล่าสุดพบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ศพ ส่วนทางรัฐบาลมอสโก ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนี้

ถึงแม้ทางเครมลินยังเงียบ แต่ทำเนียบขาวมาแล้ว โดย ‘โจ ไบเดน’ ออกมาแสดงความเห็นอย่างหนักแน่นว่า ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ ผู้นำรัสเซีย เกี่ยวข้องกับการตกของเครื่องบินเหมาลำของหัวหน้าหน่วย Wagner อย่างไม่ต้องสงสัย

ไบเดนกล่าวว่า “ผมยังไม่รู้รายละเอียดแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ผมไม่ประหลาดใจเลย เพราะไม่ค่อยมีอะไรที่เกิดขึ้นในรัสเซีย แล้วจะไม่เกี่ยวข้องกับปูติน”

ไบเดนยังบอกนักข่าว CNN ที่ตามไปสัมภาษณ์เกี่ยวกับข่าวของพริโกซินว่า เขาเคยพูดไว้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมแล้วว่า พริโกซินต้องระวังความปลอดภัยของตัวเองให้มาก หลังเหตุก่อกบฏที่ล้มเหลวเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ซึ่ง โจ ไบเดน เคยพูดเช่นนั้นจริงๆ ตอนที่เขาไปเยือนกรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ในครั้งนั้น ไบเดนพูดติดตลกในห้องประชุมผู้สื่อข่าวว่า “ถ้าผมเป็นพริโกซินตอนนี้ ผมจะระวังอาหารทุกจานที่ผมกิน จับตามองเมนูทุกอย่างที่จะเสิร์ฟให้ผมนับจากนี้”

ไม่ใช่เฉพาะ ‘โจ ไบเดน’ ที่เชื่อว่า ‘เยฟเกนี พริโกซิน’ อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย ‘มิไคโล โปโดลแยค’ ผู้ช่วยประธานาธิบดียูเครน ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นเช่นกันว่า อุบัติเหตุของเครื่องบินโดยสารของเยฟเกนี พริโกซิน เกิดขึ้นตรงวันที่กองกำลัง Wagner ลุกฮือในรัสเซีย ครบรอบ 2 เดือนพอดี (23 มิถุนายน 2566) ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นการส่งสัญญาณของรัฐบาลปูติน ถึงกลุ่มนายทุนชั้นสูงของรัสเซียว่า การไม่จงรักภักดีต่อระบอบปูติน มีราคาที่ต้องจ่าย และยังเป็นการปูทางสู่การเลือกตั้งใหญ่ในรัสเซียในปี 2024 อีกด้วย

ด้าน ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ ที่ถูกพาดพิงจากสื่อทุกสำนักในวันนี้ ก็ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับอุบัติเหตุของเยฟเกนี พริโกซิน นอกจากกำหนดการที่ต้องออกมากล่าวคำปราศรัยในวันฉลองชัย วันครบรอบ 80 ปี ยุทธการที่เมืองคูสค์ ซึ่งกองกำลังโซเวียตมีชัยชนะอย่างเด็ดขาดต่อกองทัพนาซีเยอรมัน ในแนวรบที่เมืองคูสค์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้ถือโอกาสนี้กล่าวปลุกใจ สร้างขวัญทหารรัสเซียที่ไปรบในยูเครนตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

โดยนักวิเคราะห์มองว่า นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงสถานะของปูตินที่ยังแข็งแกร่งเพียงพอ ที่จะรอโอกาสแก้แค้นฝ่ายที่ต่อต้านเขาได้อย่างใจเย็น

สำหรับในวันนี้ ที่หน้าสำนักงานกองกำลัง Wagner ในเมือง เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก จะมีการจุดเทียน และวางดอกไม้ไว้อาลัยให้กับ เยฟเกนี พริโกซิน เนื่องจากพริโกซิน เป็นหนึ่งในนายทุนระดับสูงที่มีฐานความนิยมในรัสเซียอยู่พอสมควร ทว่าการจากไปของพริโกซิน ทำให้ไม่อาจคาดเดาอนาคตของกองกำลัง Wagner ที่ปักหลักในยูเครน และ ทวีปแอฟริกา ว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไปหลังจากนี้…

'ลุงตู่' ฝากฝัง 'เศรษฐา' รักษาสถาบันฯ  วอนคนไทย 'เลิกแบ่งสี-แบ่งฝ่าย' ได้แล้ว 

(24 ส.ค. 66) ที่กระทรวงกลาโหม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมสภากลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ถ่ายรูป และเซลฟี่ กับสื่อมวลชนอย่างชื่นมื่น ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก พร้อมทั้งกล่าวหยอกล้อว่า "ฉันยังไม่ได้ไปไหนหรอกนะ" 

โดยสื่อมวลชนได้ร้องเพลง ‘แม้ไม่ใช่คนโปรด อย่างคนอื่นเขา’ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ มีรอยยิ้มออกมาพร้อมทั้งกล่าวว่า "ร้องเพลงให้นายกฯ คนนี้แล้ว ก็ให้ไปร้องเพลงนี้ให้นายกฯ คนใหม่ด้วย"

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่นายกฯ คนที่ 30 เข้าพบเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ได้ฝากดูแลทุกอย่าง ซึ่งท่านก็รับไป ตนก็ไม่ได้ไปก้าวล่วงอำนาจ ซึ่งตนพร้อมส่งมอบงานและข้อมูลต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติ ในการบริหารราชการต่อไป

เมื่อถามว่า มีงานที่คั่งค้างและฝากนายกฯ คนใหม่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี ท่านก็คงนำไปพิจารณาและทำต่อ อะไรที่ต้องปรับ ก็ปรับ ส่วนเรื่องสถาบันฯ ฝากแล้ว

เมื่อถามว่าได้มีการมองหา รมว.กลาโหมคนใหม่ เพื่อดูแลกองทัพต่อไปหรือไม่? พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ยังไม่ทราบว่าใครเป็น" 

เมื่อถามว่าถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่นายกฯ ทั้งสองคนมาเจอกันเพื่อสลายขั้ว สร้างความสามัคคี หรือไม่? พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "อย่าไปมองว่าสีไหนเป็นสีไหน เลิกแบ่งสีได้แล้ว วันนี้บ้านเมือง เดินไปข้างหน้ามีรัฐบาลใหม่มา"

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่ากรณีที่นายเศรษฐาได้เป็นนายกฯ เพราะได้รับการสนับสนุนจากพล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่? พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็อย่าไปมองอย่างนั้นซิ รัฐบาลมาตามขั้นตอนและกระบวนการ เรื่องต่าง ๆ ในสภาก็เป็นเรื่องของรัฐสภา ตอนนี้อย่าไปสร้างประเด็น หรือคิดเอาเองกัน เขียนออกมาก็ต้องระมัดระวังด้วย วันนี้ขัดแย้งกันไม่ได้แล้ว แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ"

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินเข้าไปนั่งในรถประจำตำแหน่ง พร้อมลดกระจกลง พร้อมโบกมือให้สื่อพร้อมทั้งกล่าวว่า "ยังไม่ได้ไปไหนสักหน่อยนึง วันนี้ข้าราชการอำลาเกษียณฯ 60 ฉันเกษียณ 70" 

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าจะไปทำอะไรดี? พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า "พักผ่อน" ก่อนเดินขึ้นรถไป ก่อนจะเปิดกระจกรถยกมือบ๊ายบายพร้อมกล่าวว่า “ยังไม่ได้ไปไหน”

‘คนเสื้อแดงปทุมฯ’ เข้าให้กำลังใจ ‘เศรษฐา’ ตะโกน “นายกฯ ชื่อเศรษฐา คนไทยจะเป็นเศรษฐี”

(24 ส.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) กลุ่มเสื้อแดงปทุมธานี นำโดย นายยุทธศักดิ์ ชูประเสริฐ หรือ จ่ายุทธ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี เขต 3 พรรคเพื่อไทย มอบดอกไม้ให้กำลังใจ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยจ่ายุทธกล่าวว่า ดีใจที่ท่านได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งสวัสดิการเรื่องปากท้อง ผู้สูงอายุที่พรรคเพื่อไทยมีท่านจะผลักดันไปได้ดี เพราะท่านเป็นนักธุรกิจใหญ่ ทำความสำเร็จมาแล้ว

ก่อนที่กลุ่มคนเสื้อแดงปทุมธานีจะพร้อมใจกันตะโกนว่า “นายกฯ ชื่อเศรษฐา คนไทยจะเป็นเศรษฐี”

ขณะที่นายเศรษฐากล่าวว่า รู้สึกปลาบปลื้มที่วันนี้มากันมากมาย ภูมิใจที่วันนี้มาถึงตรงนี้ได้ แม้จะไม่ได้ สส.ทุกจังหวัด แต่ก็ทราบดีว่ามีการสนับสนุนที่ดีมาโดยตลอด และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลในรอบ 9 ปี และมีนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทยโดยได้รับการสนับสนุนที่ดีจากพี่น้อง เพราะเรามี สส. ที่มีคุณภาพนโยบายดี ๆ ต่าง ๆ เชื่อว่าจะช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทุกคน

จากนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงปทุมธานีตะโกน “เพื่อไทยจงเจริญ” พร้อมตะโกนย้ำอีกครั้งว่า “นายกฯ ชื่อเศรษฐา คนไทยจะเป็นเศรษฐี”

‘ศาลอาญา’ สั่งจำคุก 3 ปี 6 เดือน ‘เก็ท โมกหลวงริมน้ำ’ ฐานปราศรัยดูหมิ่น-แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันฯ

(24 ส.ค. 66) ที่ห้องพิจารณา 707 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.1447/2565 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือเก็ท แกนนำกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ เป็นจำเลยในความผิดฐาน ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ

โดยอัยการโจทก์ฟ้องสรุปความผิดว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565 จำเลยได้ปราศรัยระหว่างทำกิจกรรม ทัวร์มูล่าผัว ดูหมิ่นในหลวงรัชการที่ 10 และพระราชินี โดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการดูหมิ่นสถาบัน แสดงความอาฆาตมาดร้ายให้เกิดความเสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง

เหตุเกิดที่แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้ว เห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา 4,9 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์และพระราชินี จำคุก 3 ปี ฐานใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา

ส่วนคำขอให้นับโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 11 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 1423/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อ 953/2566 ของศาลอาญา นั้น เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลพิพากษารอการลงโทษจึงไม่มีโทษจำคุกให้นับโทษต่อยกคำขอส่วนนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top