Wednesday, 21 May 2025
NewsFeed

‘ติ๊ก เจษฎาภรณ์’ เคลื่อนไหว โพสต์วลีสุดลึกซึ้ง แค่ ‘ไม้ขีด 1 ก้าน’ ทำคนนับล้านเห็นแสงสว่าง

เมื่อวานนี้ (22 ส.ค.66) พระเอกชื่อดัง ‘ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี’ โพสต์ข้อความลึกซึ้งถึงไม้ขีดไฟ 1 ก้านที่จุดติด ผ่านช่องทางทวิตเตอร์ โดยระบุว่า…

"ในความมืดมิด…ไม้ขีดไฟแค่ 1 ก้านที่จุดติด คนนับล้านในรัศมีไกลจะมองเห็นเปลวแสงสว่างจากปลายไม้ขีดนั้น #ยิ่งมืดยิ่งสว่าง" งานนี้ชาวเน็ตแห่รีทวีตโพสต์และแสดงความเห็นจำนวนมาก

‘เสี่ยเฮ้ง’ ยัน!! เคียงข้าง ‘บิ๊กตู่’ อยู่แล้ว ชี้!! ต้องตอบแทนผู้มีพระคุณ-ผู้ให้โอกาส

(23 ส.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้แสดงความยินดีกับว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ด้วยความจริงใจ ส่วนเรื่องโผ ครม.นั้น ตนเองไม่ได้พูดคุยกับนายกฯ และตนจะได้ตำแหน่งอะไรหรือไม่นั้น ยืนยันว่ายังไม่คิดอะไรทั้งสิ้น

เมื่อถามถึงบทบาทของตัวนายสุชาติ ในพรรคจะเป็นอย่างไร นายสุชาติ กล่าวว่า ยังไม่มองถึงขณะนั้น คงต้องดูกันทีละเรื่อง แต่สิ่งที่เห็นเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา พรรค รทสช. โหวตนายกฯ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และภายในพรรคถือว่ามีความเป็นหนึ่งเดียวกัน และยังยืนหยัดที่จะทำพรรคการเมืองให้เป็นที่พึ่งพาของประชาชน

เมื่อถามว่า ณ วันนี้ยังอยู่กับพรรค รทสช.ใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ก็ต้องอยู่ อยู่แล้ว เราทำงานมาด้วยกันและเราสร้างบ้านมาด้วยกัน ส่วนที่เคยบอกว่าใจเป๋นั้น เราก็ต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อสร้างพรรคให้แข็งแรงขึ้น และใหญ่ขึ้น 

เมื่อถามย้ำว่า พร้อมจะร่วมหัวจมท้ายกับพรรค รทสช.ใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า วันนี้มติพรรคเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ก็ไม่มีใครแตกความสามัคคี 

เมื่อถามถึงสัดส่วน 4 เก้าอี้รัฐมนตรีของพรรค รทสช. นายสุชาติ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเลยว่าพรรคได้อะไร ตรงไหน เพียงแต่ต้องการให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้

เมื่อถามอีกว่า หากประกาศรายชื่อบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีในส่วนของพรรคแล้ว ไม่มีชื่อของท่าน จะทำให้ผิดหวังจนต้องออกจากพรรคหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า เราต้องยอมรับและต้องเคารพกติกา เราไม่ได้ยึดติดตรงนี้เราแค่คิดว่าจะทำงานเพื่อให้ประเทศชาติบ้านเมืองเดินไปด้วยกันได้ และมีอุดมการณ์เดียวกัน

เมื่อถามย้ำว่า การพิจารณาเก้าอี้รัฐมนตรีภายในพรรคจะพิจารณาอย่างไร นายสุชาติ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นนี้ ต้องรอดูความชัดเจนว่าเมื่อขั้นตอนการเลือกนายกฯ จบแล้วขั้นตอนต่อไป ในเรื่องต่าง ๆ ก็คงต้องรอให้จบก่อนแล้วค่อยคิดถึงแนวทางของพรรคว่าจะเป็นไปในแนวทางแบบไหนอย่างไร รวมถึงโครงสร้างและมติของพรรคว่าจะเป็นอย่างไร

จากนั้น นายสุชาติ หัวเราะพร้อมระบุว่า “แหม! จะอำลาอะไรกัน ผมก็อยู่กับนายกฯ อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเราจะจบกันตรงนี้ แล้วจะไปไหน ท่านมีบุญคุณกับเรา เราก็ต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณกันอยู่แล้ว เรารู้ว่าใครคือคนที่ให้โอกาสเราในห้วงเวลาที่ผ่านมา” ภายหลังผู้สื่อข่าวสอบถามว่าได้อำลานายกฯ หรือไม่

‘ซิมู หลิว’ แชะภาพเช็กอินเที่ยวเมืองไทย ชมวัดอรุณฯ-ต่อยมวยไทย-ชิมก๋วยเตี๋ยวน้ำตก

ก่อนหน้านี้ ‘ซิมู หลิว’ ฮีโร่มาร์เวล จาก ‘Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings ชาง-ชีกับตำนานลับเท็นริงส์’ ก็เคยได้รีโพสต์ภาพจากแฟนคลับชาวไทย ที่แท็กเขาไปในอินสตาแกรม พร้อมระบุว่า “ในที่สุด ชางชี ก็ได้ฉายที่ไทยแล้ว” จนเป็นที่ฮือฮากันในหมู่แฟนคลับไม่น้อย

ล่าสุด ‘ซิมู หลิว’ ก็ได้เดินทางมาเช็กอินที่ประเทศไทย เที่ยววัดอรุณ สวนลุม เดินจ๊อดแฟร์ที่เจอกับฝนกระหน่ำ แถมยังได้ ต่อยมวยไทย และแวะกินเมนูเด็ดอย่างข้าวขาหมู กับ เส้นเล็กน้ำตก เครื่องแน่น ๆ

ซึ่งเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย ก็มีคนนำป้ายของเขา ที่มาจากภาพยนตร์มารอต้อนรับด้วย

หลังจากได้เดินเที่ยวและทำกิจกรรมในไทย ‘ซิมู หลิว’ ก็ได้โพสต์ภาพอวดในโซเชียล แถมยังอ้อนแฟน ๆ ด้วยการบอกว่า “กรุงเทพฯ ฉันรักคุณ”

และว่า “ปีเตอร์และฉัน คุยกันถึงทริปนี้มากว่า 10 ปี มันจบลงแล้วสำหรับทศวรรษที่เฝ้าคิดถึง ตลาดนัดกลางคืน และ ผัดไทย กะเพรา และ การได้เตะอีกฝ่าย ที่สุดแล้วเราได้ทำมันแล้ว และมันดีกว่าที่เราเคยจินตนาการไว้มาก ไว้จะอัปเดตให้ฟังเร็ว ๆ นี้”

ซึ่งก็มีแฟนคลับชาวไทย เข้าไปคอมเมนต์กันจำนวนไม่น้อย รวมไปถึง รัศมีแข และ ทับทิม มัลลิกา ที่เข้าไปกล่าวว่า “ประเทศไทยยินดีต้อนรับค่ะ” ด้วย

‘คนขับแท็กซี่’ ช็อก!! หลังพบแมวติดอยู่ในตะแกรงรถ เหลือเชื่อที่รอดมาได้ แม้ตนจะขับรถมานานหลายวัน

(23 ส.ค.66) เว็บไซต์ BBC รายงานว่า คนขับรถแท็กซี่ในประเทศเวลส์ต้องตกใจหลังจากที่เขาเจอแมวติดอยู่ในตะแกรงรถยนต์ของเขา และที่เหลือเชื่อกว่าคือแมวตัวดังกล่าวยังมีชีวิตอยู่แม้เขาขับรถมานานหลายวันและเดินทางไกลเป็นระยะไกลถึง 804 เมตร

โดยคู่หมั้นสาวของนาย ทอม ฮัทชิง คนขับรถแท็กซี่ วัย 32 ปี คนดังกล่าวสังเกตถึงความผิดปกติเมื่อว่าที่สามีจอดรถหน้าบ้าน คู่หมั้นสาวบอกว่าเธอเห็นอะไรบางอย่างในตะแกรงแต่ไม่รู้ว่าคืออะไร นายฮัทชิงเลยลงไปดูก่อนจะเห็นแมวตัวดังกล่าว

“ผมไม่คิดเลยว่าผมจะเห็นตาสีเขียวและจมูกสีชมพู โผล่อยู่หน้าผมห่างไม่กี่เซนติเมตร” นายฮัทชิง ให้สัมภาษณ์

โดยเขาได้นำกันชนด้านหน้ารถยนต์ออกและยกมันขึ้นเพื่อให้แมวออกมาได้ ก่อนจะนำแมวตัวดังกล่าวส่งสัตวแพทย์ และตลอดทางที่พาแมวไปหาสัตวแพทย์แมวตัวนี้นอนหลับ อาจจะเพราะความเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียที่ติดอยู่ในตะแกรงรถยนต์นานหลายวัน หลังจากที่หาแพทย์เรียบร้อยแล้ว นายฮัทชิงก็ได้ประกาศหาเจ้าของก่อนจะพบว่าแมวตัวนี้ชื่อกิสโม่และหายไปจากบ้านได้สัปดาห์นึงแล้ว

ซึ่งเจ้าของดีใจมากที่ได้เจอกับแมวของพวกเขาอีก โดยพวกเขาสารภาพว่าไม่คิดว่าจะได้เจอแมวของเขาอีกแล้ว

ด้านนายฮัทชิงให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแมวเข้าไปติดในนี้ได้อย่างไร พร้อมระบุว่าเกือบทุกเรื่องในเหตุการณ์นี้เป็นเหมือนปริศนาสำหรับเขา

เปิดวาร์ป ‘น้อบ ณภัทร’ ลูกชายคนโตของ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ดีกรีไม่ธรรมดา!! ป.ตรี จากออกซฟอร์ด พ่วง ป.โท ฮาร์วาร์ด

(23 ส.ค.66) นายกฯ คนใหม่ถูกใจไหมไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือถูกใจลูกชายนายกฯ มาก ทำเอากรี๊ดกันน่าดู กับความหล่อโดนใจของหนุ่ม ‘น้อบ ณภัทร ทวีสิน’ วัย 32 ปี ลูกชายคนโตของ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จากพรรคเพื่อไทย วันนี้ก็เลยพามาเปิดวาร์ปกันสักหน่อย ซึ่งงานนี้ก็บอกเลยว่า…ไม่ได้มีดีแค่หน้าตาเท่านั้น เพราะหุ่นก็ดี ซิกแพ็กก็แน่น แถมการศึกษายังเริ่ดหรูอลังการ สมเป็นทายาทหมื่นล้านแบบสุดๆ เห็นแล้วก็ได้แต่คิดว่าวาสนาผู้ใด๋น้อ?

โดย ‘น้อบ’ เข้าเรียนอนุบาลที่โรงเรียนจิตรลดา จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และย้ายไปเรียนมัธยมตอนต้น ที่ Vinehall school เมืองซัสเซ็กซ์ ประเทศอังกฤษ ก่อนมัธยมปลายจะย้ายไปเรียนที่ Eton College โรงเรียนมัธยมชายอันทรงเกียรติระดับโลก และคว้าปริญญาตรี ด้านปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ (Philosophy-Politics-Economics หรือ PPE) จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ต่อด้วยปริญญาโทบริหารธุรกิจ (MBA) จาก ฮาร์วาร์ด บิสิเนส สกูล สหรัฐอเมริกา

ด้านน้องชาย ‘แน้บ วรัตม์ ทวีสิน’ ก็ได้เรียนชั้นอนุบาล จนถึงมัธยมปลายที่เดียวกับพี่ชาย ก่อนจะไปคว้าปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ (Economics) และปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ (Public Administration) จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา

ส่วนน้องสาว ‘นุ้บ ชนัญดา ทวีสิน’ ก็ได้เรียนชั้นอนุบาลถึงมัธยมต้น กับพี่ชายทั้งสองคนเช่นกัน ก่อนช่วงมัธยมปลาย จะแยกไปเรียนที่ Downe House School โรงเรียนมัธยมสตรี ที่เดียวกับ ‘เคต มิดเดิลตัน’ ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ และจบปริญญาตรีด้านประสาทวิทยาศาสตร์ (Neuroscience) และปริญญาโทด้านสังคมสงเคราะห์ (Social work) จาก Barnard college, Columbia University นิวยอร์ก

'นักข่าวอาวุโส' ยก 20 เหตุการณ์หลังเลือกตั้ง ประเทศไทย กำลังเดินหน้าแบบ 'Win-Win'

(23 ส.ค.66) นายเถกิง สมทรัพย์ สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ยกเรื่องทักษิณกลับบ้านออกไปก่อน…ย้อนไปดูเหตุการณ์บางเรื่องสักนิด

1. ก้าวไกล ชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่ง

2. เพื่อไทย มาเป็นอันดับสอง

3. พรรค 2 ลุง บวกกับ ภูมิใจไทย รวมกันไม่ถึงครึ่งของก้าวไกลกับเพื่อไทย

4. ประชาชนเกือบ 25 ล้านคนเทคะแนนให้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย

5. คนที่รักพรรค 2 ลุง รวมกันแค่ 6 ล้าน

6. ด้วยคะแนนต่างกันขนาดนี้..ต้องยอมรับว่า ถ้าไม่ใช่เพราะประชามติรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก้าวไกลกับเพื่อไทย เป็นรัฐบาลไปแล้ว

7. และเพื่อไทย คือ ตัวแปรสำคัญที่พลิกเกม โดนด่ามากที่สุด เพื่อผลักก้าวไกลออกไปจากอำนาจรัฐ

8. และเพื่อไทยก็เอา 141 มาเทให้กับฝั่งรัฐบาลเดิม

9. รางวัลย่อมต้องตอบแทนผู้ชนะและผู้ทำงานมาก

10. พิจารณาด้วยความเป็นจริง…การเมืองคือเรื่องของผลประโยชน์ที่คนมีอำนาจมากก็ได้มาก มีอำนาจน้อยก็ได้น้อย

11. ที่สำคัญในการแบ่งสันปันส่วนผลประโยชน์ทางการเมืองคราวนี้ตั้งบนพื้นฐานของ 'Win-Win'

12. ลุงป้อม ลุงตู่ ถอยจากตำแหน่ง คนของ กปปส. ประกาศไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี คุณทักษิณยอมกลับมา 'เข้าคุก' เป็น 'นักโทษชาย'…ก้าวไกล ไปเป็นฝ่ายค้านหมดสิทธิ์กดปุ่ม ยกเลิกมาตรา 112 คนวงในที่ไม่เห็นด้วยก็ถอยห่างและวางมือ ไม่ออกมาขัดขวาง

13. ประชาชนก็ได้และเสียไปคนละส่วน...ไม่มีใครได้ทั้งหมดหรือเสียทั้งหมด

14. จากนี้คือการเปิดโอกาสให้การเมืองทำหน้าที่รับใช้ประเทศชาติและประชาชนให้เจริญรุ่งเรืองให้มากที่สุด

15. ดุลยภาพทางการเมืองเวลานี้ สมดุลมากที่สุดในรอบ 17 ปี...รัฐบาลสมดุล ฝ่ายค้านเข้มแข็ง

16. เราจะเอาอะไรมากไปกว่านี้อีก ???…ผมนึกไม่ออก

17. สงครามโลกฆ่ากันหลายสิบล้านยังยุติได้

18. สงครามล้างเผ่าพันธุ์ก็ยุติได้

19. กีฬาสีย่อมมีวันเลิกรา

20. เปิดโอกาสให้กับการเมืองไทยอีกสักครั้ง

‘บิ๊กตู่’ มอบเงินช่วยเหลือชาวมูโนะ เหตุโกดังพลุระเบิด 107 ล้านบาท เร่งฟื้นฟูทุกมิติ ทั้งทรัพย์สิน-สภาพจิตใจ ยัน!! พร้อมเยียวยาเต็มที่

(23 ส.ค. 66) ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานมอบเงินช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย สำนักนายกรัฐมนตรี กรณีเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บดอกไม้เพลิงระเบิดและเกิดอัคคีภัย ในตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส จำนวน 107,881,995.23 บาท แบ่งแยกออกเป็น 2 รายการ ดังนี้

1.) ซ่อมและสร้างบ้านจำนวน 100,466,995.23 บาท
2.) ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 7,415,000 บาท ให้กับนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้แทนรับมอบเงินดังกล่าว เพื่อนำไปมอบให้ผู้ประสบภัยและครอบครัวผู้ประสบภัยต่อไป

โดยมี พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย สำนักนายกรัฐมนตรี และนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาศ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นสักขีพยาน

ภายหลังการมอบเงิน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯ ทั้งด้านทรัพย์สิน และจิตใจ พร้อมให้กำลังใจผู้ประสบภัยและครอบครัวผู้สูญเสีย รวมถึงขอบคุณเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องทุกคน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่เสียสละ ทุ่มเท ทำงานอย่างเต็มกำลัง เพื่อแก้ไขปัญหา โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาล พร้อมให้ความช่วยอย่างเต็มที่ในทุก ๆ ด้าน อย่างดีที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ประสบภัย ให้มีกำลังใจและกำลังกายที่ดีขึ้น กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว

ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพิจารณาเงินช่วยเหลือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว ส่วนเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล โดยกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมอีกก้อนหนึ่ง สำหรับเงินบริจาคจากประชาชน ขอให้บริหารจัดการใช้เงินให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ประสบภัย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ขอส่งความปรารถนาดี และความห่วงใย ในนามของนายกรัฐมนตรี รัฐบาล และประชาชนคนไทยทุกคนไปยังผู้ประสบภัยและพี่น้องชาวมูโนะ ให้เข้มแข็งก้าวผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน พร้อมกับเน้นย้ำ ให้ทุกภาคส่วนระมัดระวัง ไม่ให้เหตุการณ์สูญเสียแบบนี้เกิดขึ้นอีก

‘Kazakh Thai Alliance’ เชิญร่วมทริปธุรกิจสุด Exclusive ปักหมุด คาซัคสถาน ในงาน ‘Food Business Matching’

‘Kazakh Thai Alliance’ โดยการสนับสนุนของสถานทูตคาซัคสถาน ประจำประเทศไทย เดินหน้าจัดงาน ‘2023 / Food Business Matching Trip & MARKET SURWEY’ โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 - 21 กันยายน 2566 นี้ ที่เมืองอัลมาตี้ ประเทศคาซัคสถาน

โดยในงานทางสถานทูตคาซัคสถาน หอการค้า และสมาคมนักธุรกิจอัลมาตี้ได้เชิญ Importer, Distributor และ Buyer ของ Modern Trade / Local Modern Trade รายใหญ่ ๆ ในคาซัคสถาน มาเพื่อเจรจาธุรกิจกับผู้ผลิตสินค้าและผู้ส่งออกจากประเทศไทย

รวมทั้งจะมีกิจกรรม Business Networking หลังงาน พร้อมด้วยการประชุมร่วมกับ Kazakh Invest รวมถึงการเยี่ยมชม Almaty Industrial Zone ซึ่งเป็นพื้นที่นิคมที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและมีความสะดวกสบายในการดำเนินธุรกิจ และมีต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่ถูกมาก

ในโอกาสนี้ Kazakh Thai Alliance ได้จัดทริปสุดพิเศษให้กับทุกท่านที่สนใจไปสำรวจห้างและซูเปอร์มาร์เก็ต ทุกแบรนด์ชั้นนำ รวมถึงร้านแบบท้องถิ่นของคาซัคสถาน เพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจบริบทของตลาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งในทริปนี้ ผู้ประกอบการทุกท่านสามารถนำสินค้าตัวอย่างไปเจรจาธุรกิจได้เลยทันที 

สำหรับท่านที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับงาน พร้อมทั้งงบประมาณการเดินทางได้ที่ www.thailandfestival.co

อนึ่ง ‘คาซัคสถาน’ นับเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียกลาง และมีศักยภาพด้านการค้ากับไทยมากที่สุด ถือเป็นโอกาสใหม่ของผู้ประกอบการไทย ที่กำลังมองหาตลาดใหม่ ประตูการค้าที่สามารถเชื่อมธุรกิจระหว่างทวีปเอเชียและทวีปยุโรป

โดยในปี 2565 การค้าระหว่างไทย-คาซัคสถาน มีมูลค่า 136 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 98.42% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 61.79 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการนำเข้า 74.21 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยคาซัคสถานเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทยในกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราชที่แยกตัวมาจากอดีตสหภาพโซเวียต และยังเป็นคู่ค้าที่มีศักยภาพมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียกลาง ซึ่งประกอบด้วย คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน และอุซเบกิสถาน

ในขณะที่ภาพรวมการค้าระหว่างไทย-ภูมิภาคเอเชียกลาง มีมูลค่า 207.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 41.67% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 99.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการนำเข้า 107.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

สินค้าส่งออกของไทยที่มีโอกาสและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคท้องถิ่น ผู้นำเข้า และตัวแทนจำหน่ายคาซัคสถาน ได้แก่ อาหาร ทะเลกระป๋องและแปรรูป วัตถุดิบสำหรับปรุงอาหาร และอุปกรณ์เครื่องเขียน เป็นต้น

‘ไบเดน’ ลงพื้นที่ ‘ฮาวาย’ ติดตามความเสียหายจากไฟป่า พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัย หลังถูกวิจารณ์รับมือล่าช้า

เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 66 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดี ‘โจ ไบเดน’ ของสหรัฐฯ เดินทางเยือนฮาวาย เพื่อตรวจตราความเสียหายจากภัยพิบัติไฟป่าเมื่อไม่นานมานี้ ที่เผาวอดเมืองทั้งเมือง และพบปะบรรดาผู้ประสบเหตุที่รอดชีวิต

ไบเดนและภริยา พร้อม ‘จอช กรีน’ ผู้ว่าการรัฐฮาวาย เดินสำรวจความเสียหายของเมือง หลังผ่านไปเกือบสองสัปดาห์ที่ไฟป่าได้เผาทำลายเมืองประวัติศาสตร์ลาไฮนา และคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 114 ราย

เปลวไฟลุกลามอย่างรวดเร็วจนชาวบ้านไม่ทันระวังตัว และต้องกระโดดลงทะเล เพื่อหลบหนีภัยพิบัติไฟป่าที่เลวร้ายที่สุดของสหรัฐอเมริกา ในรอบกว่า 100 ปี

หลังการสำรวจความเสียหายโดยรวม ไบเดนมีกำหนดจะประกาศมอบเงินทุนบรรเทาทุกข์เพิ่มเติม และแต่งตั้งผู้ประสานงานจากรัฐบาลกลางเพื่อประจำการช่วยเหลือในพื้นที่

บรรดานักวิจารณ์ รวมถึงผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติดังกล่าวในฮาวาย และฝั่งตรงข้ามอย่างพรรครีพับลิกัน ต่างระบุว่า ความช่วยเหลือในปัจจุบันยังไม่เพียงพอ และยังไม่มีการกำหนดมาตรการและวิธีการช่วยเหลือฟื้นฟูที่ดีพอ

แม้กระทั่งอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังกล่าวโจมตีว่า เป็นเรื่องน่าอับอายที่ประธานาธิบดีเพิ่งปรากฏตัวในพื้นที่ ทั้งๆ ที่เหตุจบไปแล้วเป็นสัปดาห์ ขณะที่ทำเนียบขาวชี้แจงว่า ไบเดนชะลอการเดินทางของเขา เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่และหน่วยกู้ภัยที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ต้องเสียสมาธิ

การเดินทางไปฮาวายครั้งนี้ ไบเดนกล่าวว่า “ผมรู้ว่าไม่มีอะไรสามารถทดแทนการสูญเสียชีวิตได้ ผมจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อช่วยให้เมาวีฟื้นตัว และถูกสร้างขึ้นใหม่จากโศกนาฏกรรมครั้งนี้” พร้อมหวังว่าการเยือนของเขาจะสร้างความมั่นใจในการฟื้นตัวให้กับฮาวาย

ชาวเมืองเมาวีกล่าวว่า กระบวนการตามหาผู้ที่ยังสูญหาย รวมทั้งการระบุตัวตนผู้เสียชีวิตนั้นดำเนินไปอย่างเชื่องช้า เพราะรัฐบาลตอบสนองช้า

“แม้ว่าการค้นหาผู้สูญหายจะดำเนินการครอบคลุมพื้นที่ไปกว่า 85%แล้ว แต่อีก 15% ที่เหลืออาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ เพราะความร้อนจัดของไฟที่เผาไหม้ อาจทำให้ซากใดๆ สูญสลายไปเกินกว่าจะค้นเจอได้” จอช กรีน ผู้ว่าการรัฐฮาวาย ชี้แจงประเด็นดังกล่าว พร้อมเสริมว่ารัฐบาลกลางได้ส่งผู้เชี่ยวชาญจากเอฟบีไอ, กระทรวงกลาโหม และกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ มาเพื่อช่วยในกระบวนการระบุตัวตนที่ต้องใช้ความละเอียดอดทนสูง

‘บิ๊กตู่’ ยินดี ‘เศรษฐา' ได้ตำแหน่งนายกฯ อวยพรขอให้บริหารราชการราบรื่น-สำเร็จด้วยดี

(23 ส.ค.66) หลังการประชุม ครม. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของไทย, นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินมาพร้อมกัน 

วันนี้นายกรัฐมนตรี มีท่าทียิ้มแย้ม และก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ กลับพบว่า นายกฯ ถอนหายใจ พร้อมมองไปบนฟ้า ก่อนจะพูดว่า "เฮ้อ อากาศมันก็ดีเนาะ ฝนไม่ค่อยตกดีนะ”

ก่อนจะกล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมครม.ปกติ ในฐานะรัฐบาลรักษาการ ช่วงนี้ก็มีหลายเรื่องที่จะต้องพิจารณา ซึ่งไม่ได้มีผลผูกพันอะไร เป็นเพียงการประชุมเวทีต่างประเทศเป็นเรื่องของกำหนดการที่วางไว้ก่อนแล้ว จึงไม่มีผลผูกพันอะไรทั้งสิ้น เป็นแนวทางการปฏิบัติต่าง ๆ ที่เราจะต้องร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งจะต้องมีการสานต่อในรัฐบาลต่อไป 

นายกรัฐมนตรี ได้ถอนหายใจ ก่อนที่จะบอกว่า เรื่องที่สื่อมวลชนต้องการจะถามตนในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการอยู่ในขณะนี้ และ ครม.รักษาการ ก็ขอแสดงความยินดีกับนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ได้ผ่านการพิจารณาในกระบวนการรัฐสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็มีกระบวนการขั้นตอนต่อไป

วันนี้ได้นายกรัฐมนตรี ก็รอโปรดเกล้าฯ ซึ่งเป็นพระราชอำนาจและพระราชวินิจฉัยของพระองค์ท่านอยู่แล้ว ต่อไปก็เป็นการจัด ครม. ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ได้เสนอทูลเกล้าขึ้นไป และเมื่อได้มีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ลงมา ก็จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ส่วนรัฐบาลตนก็จะหมดหน้าที่พร้อมกันตรงนั้น

“และเมื่อมีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนเรียบร้อย ผมก็หมดหน้าที่ ซึ่งต้องมีพิธีถวายสัตย์ฯ มี ครม.ให้เรียบร้อย จากนั้นผมก็หมดหน้าที่ของผมไปแล้ว ก็คงแสดงความยินดีกับคุณเศรษฐา อีกครั้งหนึ่ง ขอให้ประสบความสำเร็จในการบริหารราชการแผ่นดินในโอกาสต่อไป" 

พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีต้องใช้เวลาอีกนิดหน่อยและอีกไม่กี่วัน โดยเฉพาะการตรวจคุณสมบัติของคณะรัฐมนตรี จะต้องครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งถือว่าดำเนินการตามขั้นตอน ดังนั้น ขอให้ใจเย็น ๆ ส่วนตัวไม่มีปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น และอย่านำปัญหาไปใส่ให้กับใคร ซึ่งตนเองยอมรับในกติกาทั้งหมด เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตยทั้งหมด การเมืองก็ว่ากันไป 

ส่วนจะริเริ่มประเพณีเชิญนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มาพูดคุยที่ทำเนียบรัฐบาลก่อนรับหน้าที่หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอดูสถานการณ์ก่อน ขณะที่วันนี้ตนเองได้แสดงความยินดีไปแล้ว ในนามคณะรัฐมนตรี 

ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงขณะนี้ ยืนยันว่าสิ่งไหนที่ทำได้ ก็จะทำไปตามกฎหมาย แต่หลายอย่างจำเป็นจะต้องทำ เพราะมีระยะเวลา สิ่งไหนทำได้ก็ทำ สิ่งไหนที่ทำไม่ได้ก็ให้รัฐบาลใหม่ 

ส่วนการฝากงานรัฐบาลใหม่นั้นวันนี้ไม่ต้องฝาก เพราะทั้งหมดอยู่ที่คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานต่าง ๆ โดยหลายแผนงานที่ทำในปัจจุบัน ทำใหม่ ทำต่อ ก็สุดแล้วแต่รัฐบาลใหม่จะพิจารณา 

ส่วนจะฝากงานนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่จะเข้าร่วมกับรัฐบาลใหม่หรือไม่ พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ขอฝาก และไม่ขอตอบ เพราะตนเองไม่มีอะไรเข้าไปเกี่ยวข้อง 

เมื่อถามว่า เมื่อวานนี้ มีปรากฏการณ์ สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรี โหวตสนับสนุนนายเศรษฐา พลเอกประยุทธ์ ยืนยันว่า ตนเองไม่เกี่ยวข้อง 

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า สว.สายพลเอกประยุทธ์ กับ สว. สายพลเอกประวิตร หักกันใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบทันทีว่า ไม่มี ทุกคนมีวุฒิภาวะอยู่แล้ว ก่อนจะเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top