Wednesday, 21 May 2025
NewsFeed

‘แอนนา’ ป่วยหนัก พบติดเชื้อในกระแสเลือด ไข้ขึ้นสูงจนเกือบช็อก ล่าสุดถูกหามส่งไอซียู

(23 ส.ค.66) ทำเอาหลายคนเป็นห่วง หลังอินฟลูเอนเซอร์คนดัง ‘แอนนา วรินทร วัตรสังข์’ โพสต์แจ้งข่าวว่าเธอต้องเข้าโรงพยาบาลด่วน อยู่ในห้องไอซียู สาเหตุจากมีไข้สูง หนาวสั่น ความดันต่ำ ตัวร้อนหนาวสั่น หมอกลัวช็อก

ต่อมา ‘แอนนา’ อัปเดตอาการ ว่า "สรุปติดเชื้อในกระแสเลือด นอนไอซียูไปก่อนดีขึ้น หมอถึงจะย้าย กลัวช็อก" และ "ความดันตกอีกแล้ว ตัวเย็นไปหมด" ท่ามกลางกำลังใจจากแฟนๆ ที่เข้ามาคอมเมนต์ขอให้เธอหายป่วยไวๆ

ทอ. ส่งเฮลิคอปเตอร์เคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน มีภาวะสมองขาดเลือด ส่งรักษาตัวที่ รพ.ตรัง

เมื่อวานนี้ (22 ส.ค. 66) ที่กองบิน 7 จังหวัดสุราษฎร์ธานี กองทัพอากาศ โดยกองบิน 7 ได้รับการประสานจากโรงพยาบาลระนอง ขอรับการสนับสนุนการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ จากสนามบินระนองของกองทัพอากาศ ภูเขาหญ้า ตำบลหงาว อำเภอเมือง จังหวัดระนอง

สำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหญิง อายุ 91 ปี มีอาการปากด้านซ้ายเบี้ยว แขนซ้ายไม่มีแรง พูดไม่รู้เรื่อง 
ตามองไปด้านขวา ซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะสมองขาดเลือดไปเลี้ยง เนื่องจากหลอดเลือดตีบหรือหลอดเลือดอุดตัน จึงต้องส่งต่อผู้ป่วยไปรักษายังโรงพยาบาลตรัง

ทางพล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ได้สั่งการให้ศูนย์ยุทธการทางอากาศ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ สนับสนุนเฮลิคอปเตอร์แบบที่ 11 (EC-725) เพื่อปฏิบัติภารกิจดังกล่าว และมอบหมายให้ นาวาอากาศเอก ณัฏฐวุธ ดวงสูงเนิน ผู้บังคับการกองบิน 7 เป็นผู้อำนวยการปฏิบัติ

โดยเฮลิคอปเตอร์แบบที่ 11 (EC-725) สังกัดหน่วยบิน 2037 พร้อมชุดลำเลียงทางอากาศสายแพทย์โรงพยาบาลกองบิน กองบิน 7 ได้ปฏิบัติงานร่วมกับโรงพยาบาลระนอง ในการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ สำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เส้นทางบิน กองบิน 7 - สนามบินระนองของกองทัพอากาศ ภูเขาหญ้า - ท่าอากาศยานตรัง เพื่อส่งตัวเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลตรัง

‘ลุงขับสามล้อไฟฟ้า’ ชน 'เฟอร์รารี่’ ราคา 22.5 ล้านบาท แต่คนขับใจดีให้จ่ายแค่ 950 บาท แม้ค่าซ่อมจะสูงก็ตาม

สปอร์ตและใจดี กลายเป็นเรื่องราวที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หลังเกิดเหตุลุงขับสามล้อไฟฟ้าชนรถยนต์สุดหรูสัญชาติอิตาลีอย่าง ‘เฟอร์รารี่’ (Ferrari) ซึ่งมีมูลค่าราว 4.5 ล้านหยวน (ประมาณ 22.5 ล้านบาท) ทว่าหนุ่มเจ้าของรถกลับยอมให้จ่ายแค่นี้

เมื่อวานนี้ (22 ส.ค.66) เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา บนถนนแห่งหนึ่งในนครเซี่ยงไฮ้ ขณะที่รถเฟอร์รารี่สีเหลืองกำลังจอดรอสัญญาณไฟจราจรอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีรถสามรถล้อไฟฟ้าขับมาขูดที่ด้านข้าง ทำให้บริเวณด้านข้างของรถและกระจกมองข้างเป็นรอยเสียหาย

ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่หนุ่มแซ่กาน เจ้าของรถเฟอร์รารี่กำลังโทรศัพท์แจ้งตำรวจ ลุงขับสามล้อไฟฟ้ากลับอาศัยจังหวะนั้นพยายามที่จะหลบหนี จนหนุ่มคนนี้ต้องตามไปหยุดไว้

เมื่อตำรวจมาถึงก็บอกให้ลุงขับสามล้อไฟฟ้ารับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม หนุ่มเจ้าของเฟอร์รารี่ก็ไม่อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่และไม่ได้อยากใจร้ายกับลุง จึงรับคำขอโทษและขอให้ลุงจ่ายเงินชดเชยเพียง 190 หยวน (ประมาณ 950 บาท) เท่านั้น แม้ค่าซ่อมแซมรอยขีดข่วนจะมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 100,000 หยวน (ประมาณ 5 แสนบาท) ก็ตาม

หลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างชื่นชมหนุ่มเจ้าของรถเฟอร์รารี่คนนี้ พร้อมคอมเมนต์ เช่น “นายกานใจดีมาก”, "ใจกว้างจริงๆ", "เจ้าของรถผู้ร่ำรวยและใจดี ขอให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงนะ", "เขาคงรู้และเข้าใจว่าลุงไม่สามารถจ่ายค่าชดเชยได้มากกว่านี้..."และ"เห็นได้ชัดว่า นายกานไม่ต้องการเรียกร้องค่าชดเชยใดๆ จากคุณลุง เขาแค่หวังว่า คุณลุงจะได้รับบทเรียนจากการกระทำของตนเอง”

ขณะเดียวกัน ชาวเน็ตจำนวนมากต่างวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของลุงขับสามล้อไฟฟ้า เช่น"ลุงขับสามล้อทำไมถูกต้อง", "ลุงทำผิดกฎจราจร"และ"เดี๋ยวนี้ผู้สูงอายุบางคนขับรถไม่สนใจอะไรเลย อย่าว่าแต่สัญญาณไฟจราจร บางทีแม้แต่ถนนก็ยังไม่ยอมมอง"

‘นก สินจัย’ ย่องขึ้นเขียงทำศัลยกรรมดึงหน้าเป๊ะ  ผ่านไปแค่ 2 อาทิตย์ ดูเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด!!

(23 ส.ค. 66) ทำเอาแฟนๆเข้ามาชื่นชมกันยกใหญ่ถึงความเด็กลงอย่างเห็นได้ชัดของนักแสดงมากความสามารถ ‘นก สินจัย’ ที่ตัดสินใจทำศัลยกรรม โดยได้ ‘ปุ้ย พิมลวรรณ หุ่นทองคำ’ เป็นผู้ดูแล

งานนี้ ‘ปุ้ย พิมลวรรณ’ ได้เผยคลิปที่ ‘นก สินจัย’ ไปเช็กแผลหลังผ่าตัด 2 สัปดาห์ โดยครั้งนี้เธอได้ดึงหน้า แก้ไขตาตกเทคนิคซ่อนแผลไว้ใต้คิ้ว และแก้ไขถุงใต้ตา นอกจากนี้ ‘ปุ้ย พิมลวรรณ’ ยังได้เผยภาพก่อนทำและหลังทำที่ ‘นก สินจัย’ ดูเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด

'ทุเรียนไทย' เนื้อหอม!! เฉิดฉายในงานแสดงสินค้าจีน-เอเชียใต้ ครั้งที่ 7 เบิกทางผู้ประกอบการไทย พาสินค้าสยามสู่ชาวจีนตอนใต้มากขึ้น

(22 ส.ค.66) สำนักข่าวซินหัว เผยว่า 'ทุเรียน' ถือเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ได้รับความนิยมชมชอบจากประชาชนในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะกับ 'ทุเรียนไทย' ที่สามารถดึงดูดความสนใจจากชาวจีน และรวมถึงฝูงชนที่เข้าร่วมงานแสดงสินค้าจีน-เอเชียใต้ ครั้งที่ 7 ในนครคุนหมิง มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน

เฉินเจี๋ย ผู้จัดแสดงสินค้าทุเรียนอบแห้งจากไทย กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าสู่จีนในปัจจุบันนั้นปลอดภาษี ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของการทำธุรกิจในตลาดจีนอย่างมาก ขณะกลุ่มประเทศหุ้นส่วนในภูมิภาคอาเซียนยังช่วยมอบโอกาสทางธุรกิจอันดี

ผลิตภัณฑ์ของเฉินสามารถเข้าสู่ตลาดจีนอย่างรวดเร็วผ่านทางรถไฟจีน-ลาว ซึ่งตอนนี้ขยับขยายเส้นทางการเดินรถถึงจังหวัดจันทบุรี ไม่ไกลจากสวนทุเรียนที่เขาร่วมมืออยู่ด้วย ทำให้ขนส่งผลิตภัณฑ์สดใหม่สู่ผู้บริโภคชาวจีนได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ 'ทุเรียน' เปรียบเป็นนามบัตรใบสำคัญของไทย ท่ามกลางการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เฟื่องฟูยิ่งขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มบริษัททุเรียนไทยคาดหวังส่งออกผลิตภัณฑ์สู่จีนเพิ่มขึ้น

งานแสดงสินค้าจีน-เอเชียใต้ ครั้งที่ 7 ในนครคุนหมิง จึงเป็นโอกาสใหม่แก่จีนและกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังเช่น บริษัท จันทบุรี ฟรุ๊ต โปรดักส์ จำกัด ที่ปีนี้ส่งออกผลไม้แปรรูปสู่จีน 12 ตู้คอนเทนเนอร์แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ในแง่ปริมาณ และร้อยละ 30 ในแง่มูลค่า เมื่อเทียบปีต่อปี

"งานแสดงสินค้าฯ ในคุนหมิงถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์แก่ผู้บริโภคชาวจีนตอนใต้" วิชญะ พฤกษากิจ ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทฯ กล่าวทิ้งท้าย

‘ฟลุ๊ค กะล่อน’ อวดลุคล่าสุด ทำแฟนคลับอึ้ง!! เหตุจำไม่ได้ หวานละมุนมาก ไม่เสียเปล่าหลังทุ่ม 37 ล้าน ยกเครื่องใหม่

(23 ส.ค. 66) ทำเอาบรรดาเเฟนคลับถึงขั้นอ่านชื่ออินสตราแกรมซ้ำอีกรอบเพราะล่าสุด ‘ฟลุ๊ค กะล่อน’ ได้ปล่อยภาพล่าสุดของตัวเองออกมาขณะที่นั่งกินข้าวร้านพัดลมธรรมดาๆ แต่ความสวยออร่าพุ่งกระฉูด หลังจากที่เจ้าตัวนั้นบินไปเกาหลียกเครื่องใหม่ทั้งตัว มูลค่ากว่า 37 ล้านบาท

โดยโพสต์นี้ ฟลุ๊ค เขียนเเคปชันระบุว่า “กินเกลี้ยง เลี้ยงง่าย จีบได้ ไม่ดื้อ” หลังจากนั้นเเฟนคลับเข้ามาคอมเมนต์ถล่มทลาย อาทิ ต้องดูชื่อไอจีอีกที who's this 555555, แว๊บแรกคือจำไม่ได้จริง ๆ สวย หวานละมุนนีมากกกกกกกก!!, สวยมากกก, ก็ว่าใคร เป็นต้น

‘พริโกซิน’ ผู้นำวากเนอร์ โพสต์วิดีโอครั้งแรกในรอบ 2 เดือน โว!! กำลังต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธ เพื่อทำให้ ‘แอฟริกา’ มีอิสระขึ้น

นายเยฟเกนี พริโกซิน ผู้นำกลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์ ปรากฏตัวครั้งแรกในวิดีโอที่โพสต์บนเทเลแกรม หลังจากหายไปจากโลกโซเชียล นับตั้งแต่ความพยายามก่อกบฎในรัสเซียเมื่อเดือนมิถุนายนล้มเหลว โดยพริโกซินซึ่งสวมชุดนักรบระบุว่าเขาอยู่ในแอฟริกา และวากเนอร์กำลังทำให้แอฟริกามีอิสระมากขึ้น

พริโกซินกล่าวในวิดีโอว่า วากเนอร์กำลังสำรวจแร่ และต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธอิสลามและกลุ่มอาชญากรอื่นๆ

“เรากำลังทำงานอยู่ท่ามกลางอุณหภูมิมากกว่า 50 องศา วากเนอร์กำลังปฏิบัติการลาดตระเวนและค้นหา ทำให้รัสเซียยิ่งใหญ่ขึ้นในทุกทวีป และทำให้แอฟริกาเป็นอิสระมากขึ้น” พริโกซิน กล่าว

พริโกซินกล่าวด้วยว่า ความยุติธรรมและความสุขสำหรับชาวแอฟริกัน เรากำลังทำให้ชีวิตเป็นฝันร้ายสำหรับกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) อัลเคด้า และกลุ่มโจรผู้ร้ายอื่นๆ

พริโกซินกล่าวว่า วากเนอร์กำลังเปิดรับสมัคร และเราจะดำเนินการตามภารกิจที่กำหนดไว้ต่อไป เราสัญญาว่าเราจะประสบความสำเร็จ

ทั้งนี้ เชื่อว่าวากเนอร์มีนักรบหลายพันคนอยู่ในทวีปแอฟริกา ซึ่งวากเนอร์มีผลประโยชน์ทางธุรกิจมากมายอยู่ในภูมิภาคนี้

โดยมีรายงานว่า ทหารของพริโกซินฝังตัวอยู่ในประเทศต่างๆ ในแอฟริกา รวมถึงมาลีและสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ซึ่งกลุ่มสิทธิมนุษยชนและสหประชาชาติกล่าวหาพวกเขาว่า ก่ออาชญากรรมสงคราม

นักรบวากเนอร์ยังถูกสหรัฐฯ กล่าวหาว่าได้สร้างรายได้ให้กับตัวเองด้วยการทำข้อตกลงเกี่ยวกับการค้าทองคำเถื่อนในแอฟริกาอีกด้วย

‘ลูกทาสยา’ อาละวาดถือมีดหวังฆ่าตัดคอ ‘พ่อ’ ตัวเอง ต้องหนีตายขอความช่วยเหลือ ล่าสุดตร.คุมตัวแล้วเรียบร้อย

เมื่อวานนี้ (22 ส.ค.66) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งจากชาวบ้านบ้านนาหยาด ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี ว่า มีเหตุลูกชายหลอนยาอาละวาดวิ่งถือมีดจะไล่ฆ่าตัดคอพ่อตัวเอง จนพ่อต้องหนีตายมาขอความช่วยเหลือชาวบ้าน ต่อมาตร.สายตรวจรถยนต์พร้อมอุปกรณ์ไม้ง่าม จึงเดินทางไปที่เกิดเหตุที่บ้านหลังหนึ่งในซอยกลางหมู่บ้าน

เมื่อไปถึงพบกับผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือนายนิรันทร์ อินทร์กง หรือ ‘เหน่ง’ อายุ 30 ปี กำลังนอนเล่นกับลูกชายอยู่เปลหน้าบ้าน ตำรวจหวั่นเกรงหนุ่มรายนี้จะหลอนยาฆ่าปาดคอลูกอีก เมื่อเห็นตำรวจนายเหน่งพยายามวิ่งหนี ตำรวจจึงกรูเข้าไปล้อมจับกุมเอาไว้ได้ก่อนจะหลบหนี โดยนายเหน่งมีอาการตกใจ ทำไมมาจับเรื่องอะไร

ขณะที่ตำรวจก็ถามว่า ทำร้ายพ่อไหม นายเหน่งบอกว่าบอกอย่างเสียงดัง ทั้งนั่งยันนอนยัน ไม่ได้ทำร้ายพ่อ ขณะที่ตำรวจถามว่ารอยเลือดที่แผ่นหลังและหยดตามพื้นบ้านคืออะไร แต่นายเหน่งตอบไม่ได้ พูดวกไปวนมาเหมือนคนเมาเหล้าและหลอนยา บอกแค่ว่าพ่อล้มใส่มีดเอง และตำรวจสังเกตว่า ตามลำตัวสักยันต์เต็มแผ่นหลังและหน้าท้องด้วย จึงได้ควบคุมตัวไปยัง สภ.เมืองอุดรธานี

ขณะเดียวกัน นายสมภาร อายุ 56 ปี ผู้เป็นพ่อ มีชาวบ้านได้นำส่งรพ.ศูนย์อุดรธานี เนื่องจากถูกลูกชายใช้ของมีคมฟันเข้าที่ศีรษะด้านซ้ายเป็นแผลฉกรรจ์และเลือดอาบเต็มใบหน้า ผู้เป็นพ่อบอกว่า โดนลูกชายทำร้ายร่างกายใช้มีดไล่ฟัน บอกว่าจะฆ่าตัดคอให้ตาย

ขณะที่ตอนที่นั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน ก่อนที่ลูกชายจะง้างมีดฟันลูกชายที่ไปกินเหล้าในงานศพข้างบ้าน มีอาการเมาหลอนยามา ตนก็ด่าว่าเมาได้ทุกวี่ทุกวัน ลูกชายคงโกรธบอกว่า มาหาว่าลูก จะฆ่าตัดคอให้ตาย ตนก็นึกว่าพูดเล่น แต่เห็นถือมีดปลายแหลมง้างมีดจะตัดคอ ตนหลบทันโดนแค่เฉียดเท่านั้น จากนั้นก็วิ่งหนีตายออกมาขอความช่วยเหลือชาวบ้านรอดตายหวุดหวิด

สำหรับนายเหน่งคนนี้หลอนยาแบบนี้ทำวัน เราเป็นชาวบ้านตาดำๆ กลัวจะถูกลูกหลงไม่รู้จะโดนฆ่าตายวันไหน อยากให้รัฐบาลใหม่เร่งปราบยาเสพติดให้สิ้นซากเสียที

‘ตู่-ป้อม’ ดาวคนละดวง ปชป.แหกโค้ง หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี…

บันทึกเอาไว้ว่า วันที่ 22 ส.ค.2566 เหตุการณ์ใหญ่ทางการเมืองสองเหตุการณ์ผ่านพ้นไปด้วยดี  มีความน่าระทึกใจอยู่บ้าง แต่มันก็ผ่านไปแล้ว… ตถตา… มันเป็นเช่นนั้นเอง…

เรื่องแรก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 ของประเทศไทย หลังบำเพ็ญเพียรเป็นนักโทษหนีคดีอยู่ 15 ปีเศษ ได้เดินทางกลับบ้าน เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เข้าไปอยู่ในเรือนจำรับโทษ 3 คดีที่ถึงที่สุดแล้วจำนวน 8 ปี อนาคตจะได้รับพระราชทานอภัยโทษ หรือลดโทษอย่างไรหรือไม่ ค่อยว่ากันอีกที ส่วนจะอยู่กินอย่างไรในคุกนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง มาวันแรกก็ได้ใช้สิทธิ์กลุ่มเปราะบางวัย 74 ปี นอนเตียงเดี่ยวอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์แล้ว แต่ไม่ทันย่ำรุ่งก็ย้ายไปนอนเกาสะดืออยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ เรียบร้อยโรงเรียนชินวัตรไปแล้ว

กรณีทักษิณกลับบ้าน… ถ้าไม่คิดอะไรให้มากความ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยยุทธการป่วนไทยอยู่ในต่างแดนก็หายไป… ยิ่งวันนี้พรรคเพื่อไทยที่ตัวเองสร้างมากับมือได้หวนคืนมาเป็นรัฐบาล ก็คงไม่กล้าด่าหรือทำมิดีมิร้ายกับประเทศ… ความสงบเรียบร้อยก็เกิดขึ้น และอาจจะตามมาด้วยการปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติครั้งใหญ่ หากรัฐบาลชุดใหม่คิดใหญ่-ทำเป็น… นิรโทษกรรมคดีการเมืองที่ไม่เกี่ยวคดีทุจริตและอาญาฆ่าคนให้เป็นเรื่องเป็นราว

เรื่องที่สอง การโหวตนายกรัฐมนตรีประเภทม้วนเดียวจบ นายเศรษฐา ทวีสิน ได้รับคะแนนสนับสนุนหรือเห็นชอบท่วมท้น 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 งดออกเสียง 81 โดยในส่วนคะแนนที่เห็นชอบนั้น เป็นคะแนนของสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว.ถึง 152 เสียง ไม่เพียงเท่านั้นรัฐบาลที่กำลังรวมตัวกันอยู่มีเสียงสนับสนุน 314 เสียง แต่ปรากฏว่ามีเสียงสนับสนุนจาก สส.สูงถึง 330 เสียง ตรวจสอบพบว่าเป็นเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ 16 เสียง…

กรณีพรรคประชาธิปัตย์นั้นอ่านไม่ยาก… สาระสำคัญก็คือที่ประชุม สส.มีมติให้งดออกเสียง แต่นายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ได้ขออนุญาตที่ประชุมว่าจะลงมติ ‘ไม่เห็นชอบ’ ไว้แล้ว แต่กลุ่ม สส.ภายใต้ร่วมธงของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน และนายเดชอิศม์ ขาวทอง โหวตเห็นชอบแบบเย้ยฟ้าท้าดินนั้น เจตนาก็ชัดเจนเป็นการตีตั๋วเข้าร่วมรัฐบาล ยอมเป็นยางอะไหล่ไปพลางก่อน… ทำให้สถานภาพพรรคประชาธิปัตย์นาทีนี้ดิ่งเหว… หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี… มันจบแล้วครับนาย!!

สำหรับกรณีที่เสียง สว.โหวต ‘เห็นชอบ’ ท่วมท้นนั้น พบว่า สว.สายบิ๊กตู่ ‘พรึ่บ’ หนุนเศรษฐา ทวีสิน ทำให้ สว.บางส่วนที่ทำการบ้านเพื่อคว่ำเศรษฐา รู้สึกว่าตัวเองโดน ‘เท’ เกิดอาการน้อยอกน้อยใจกันพอประมาณ บางกลุ่มก็ตั้งคำถามในเชิงไม่เข้าใจว่า ‘บิ๊กตู่’ เล่นเกมอะไร… โดยเฉพาะกลุ่ม สว.ที่ทำการบ้านรุกฆาตให้พรรคเพื่อไทยรับปากไม่รื้อรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้น ค่อนข้างผิดหวังกับบิ๊ก สว.สายบิ๊กตู่… ดังกรณี สว.สมชาย แสวงการ โพสต์ในเฟซบุ๊กตัวเองตั้งแต่ผลโหวตยังไม่จบว่า…

“#สงสารประเทศไทย” และต่อมาโพสต์อีกว่า “#เสียของ” เป็นต้น…

ทราบว่าขณะนี้กำลังเคลียร์ใจล้างใจกันยังไม่จบ..!!

ส่วน สว.สายบิ๊กป้อม… ซึ่งมีอยู่ประมาณ 40-50 คนนั้น ปรากฏว่าส่วนใหญ่จะงดออกเสียง แม้แต่ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ‘บิ๊กปุ้ม’ น้องชายแท้ๆ บิ๊กป้อมก็ไม่ไปร่วมประชุม… วิเคราะห์กันว่า สว.สายบิ๊กป้อมพยายามลากเกมให้ไหลไปถึงคิว ‘บิ๊กป้อม’ แต่ สว.สายบิ๊กตู่ไม่เล่นด้วย ก็เลยปิดเกมโหวตให้เศรษฐา ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องหมายเหตุเอาไว้ว่า กลุ่มทุนพลังงานและรถไฟฟ้ามีบทบาทไม่น้อย ที่ทำให้พรรคการเมือง 3-4 พรรคประสานผลประโยชน์กันแบบ ‘มองตาก็รู้ใจ’

สวัสดี

‘จุรินทร์’ ลั่น!! ไม่เคยเป็นพรรคอะไหล่ใคร  เผย!! เตรียมให้ 16 สส. แหกมติพรรคชี้แจง 

(23 ส.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มี 16 สส.โหวตสวนมติพรรค ซึ่งนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรักษาการรองหัวหน้าพรรค ระบุอาจถึงขั้นไล่ออกจากพรรค และขณะนี้มีการล่ารายชื่อเตรียมเสนอรักษาการหัวหน้าพรรคแล้ว ว่า ตนได้สั่งให้ชี้แจงในที่ประชุม สส.ในการประชุม สส.ครั้งหน้า และถ้ามีสมาชิกพรรคเข้าชื่อกันร้องให้ตรวจสอบดำเนินการตามข้อบังคับพรรคตนก็จะดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวถาม โทษจะเป็นอย่างไร เพราะนายสาธิตระบุว่าอาจถึงขั้นขับออกจากพรรค นายจุรินทร์ กล่าวว่า เมื่อมีการตั้งคณะกรรมการมาดำเนินการแล้วก็ให้เป็นไปตามข้อบังคับพรรค ถึงแม้การโหวตเลือกนายกฯจะเป็นเอกสิทธิ์ สส. ตามรัฐธรรมนูญ แต่ข้อบังคับพรรคยังมีอยู่ อันนั้นไม่ขอตอบล่วงหน้า แต่ถ้ามีสมาชิกยื่นมาก็จะดำเนินการ ในส่วนกรณีของนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ ที่ลงมติไม่เห็นชอบนั้น ได้ขอความเห็นชอบจากที่ประชุมพรรคว่าขอใช้สิทธิ์ในการลงมติไม่เห็นชอบ ซึ่งที่ประชุมไม่มีใครขัดข้อง แต่ในกรณีของ16 สส.นั้น หลังจากการโหวตไม่ได้มีการแจ้งเหตุผลกับตน จึงไม่ทราบเหตุผล และตนขอเรียนในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคว่าในนามพรรค พรรคยังไม่เคยมอบใครไปเจรจาจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น เป็นสิ่งที่ตนยืนยันมาตลอด

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า 16 สส. มีความจงใจเพื่อให้พรรคขับออก เพื่อย้ายไปอยู่กับพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนตอบแทนไม่ได้ ก็ต้องสอบถามกับเจ้าตัว เมื่อถามว่า แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการพูดคุยกันหรือไม่ว่า การที่ 16 สส. โหวตให้เพราะต้องการไปร่วมรัฐบาล นายจุรินทร์ กล่าวว่า ต้องถามคนที่ไปโหวต แต่ตนได้แจ้งแล้วว่าเขาต้องไปชี้แจงต่อที่ประชุมหรือถ้ามีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน เขาก็ต้องไปชี้แจงกับคณะกรรมการว่าเป็นอย่างไร

“แต่สิ่งหนึ่งที่ผมขอเรียนตรงนี้ ประชาธิปัตย์มีศักดิ์ศรี เราเคยเป็นทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน จะเป็นอะไรก็เป็นไม่มีปัญหา แต่เราไม่เคยไปเป็นพรรคอะไหล่ และผมคิดว่าเราต้องชัดเจนในเรื่องนี้” นายจุรินทร์ กล่าว

เมื่อถามว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้ความขัดแย้งในพรรคมากขึ้นหรือไม่ และจะทำงานร่วมกันได้หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนตอบล่วงหน้าไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งคือ พรรคจำเป็นต้องอยู่ อย่างน้อยตนคิดว่าความเป็นพรรคต้องสูงสุด นอกจากประชาชนที่เราต้องมีหน้าที่ทำสิ่งที่ดีที่สุดให้ประชาชน พรรคยังต้องอยู่ เพราะพรรคเป็นองค์กร

เมื่อถามย้ำว่า ยิ่งทำให้พรรคประชาธิปัตย์ฟื้นฟูยากหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า อันนั้นเป็นเรื่องอนาคต ไม่เป็นไร ในสถานการณ์นี้เราต้องดำเนินการในสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดสำหรับพรรค คิดว่าตนชัดเจนในจุดยืนนี้

เมื่อถามถึงกรณีพรรคก้าวไกลอาจไม่รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน เพราะมีสมาชิกพรรคเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร จะส่งผลให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องเป็นผู้นำฝ่ายค้านเองหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า อันนั้นต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และต้องเป็นไปตามข้อบังคับของสภา ว่าผู้นำฝ่ายค้านจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร และหากตนจำไม่ผิดผู้นำฝ่ายค้านจะต้องเป็น หัวหน้าพรรคที่มีเสียงข้างมากในฝ่ายค้าน ส่วนจะมาถึงพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ตอบล่วงหน้าไม่ได้ แต่ตรงนี้ต้องถือว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากในซีกนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top