Monday, 19 May 2025
NewsFeed

'รองปธ.สภาฯ' ครวญ!! เสียดายผลการศึกษากลายเป็นเศษกระดาษในถังขยะ  แนะ!! 'เร่งเดินหน้า-ล่ารายชื่อ' เสนอ พ.ร.บ.บริหารคลองไทย

เมื่อวานนี้ (15 ส.ค. 66) ตัวแทนจากสมาคมคลองไทยภาคประชาชน นำโดย น.ส.เสาวณี ทองทรัพย์ นายกสมาคมคลองไทยภาคประชาชน, พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร ที่ปรึกษาสมาคม, ดร.สุเมต สุวรรณพรหม อุปนายกสมาคมฯ, ดร.สถาพร เขียววิมล ที่ปรึกษาสมาคม, นายเฉลียว คงตุก ที่ปรึกษา และตัวแทนจากจังหวัดต่าง ๆ ในภาคกลาง, ภาคตะวันออก เดินทางเข้าพบ เพื่อแสดงความยินดีกับ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ได้รับเลือกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฏร

ในโอกาสนี้ น.ส.เสาวณี ในฐานะนายกคลองไทยภาคประชาชน ได้กล่าวรายงานถึงการริเริ่มก่อตั้งสมาคมคลองไทยภาคประชาชน พร้อมแจ้งถึงวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสมาคมฯ ความว่า สมาคมคลองไทยภาคประชาชนก่อตั้งขึ้นมามีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนให้ศึกษาคลองไทยในเชิงลึกและในการขุดคลองไทย เพื่อร่วมในการบริหารจัดการร่วมกับภาครัฐ โดยการออกพระราชบัญญัติคลองไทย เพื่อการศึกษาและวิจัยร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อดำเนินการหรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลและองค์กรสาธารณประโยชน์ในการทำกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ เป็นศูนย์กลางการสื่อสารและประชาสัมพันธ์คลองไทย และสมาคมจะไม่ดำเนินการเกี่ยวกับการเมืองแต่ประการใด

ดร.สุเมต กล่าวเสริมว่า วุฒิสภาชุดก่อนโน้นเคยตั้งกรรมมาธิการขึ้นมาศึกษาเรื่องการขุดคอคอดกระ ซึ่งสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ และมูลนิธิร่วมพัฒนาภาคใต้ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย โดยมีท่าน พล.อ.ดรุณ โสถิพันธ์ เป็นทั้งนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ และประธานมูลนิธิร่วมพัฒนาภาคใต้ เห็นว่า ดร.สุเมตเรียนจบวิศกรรมศาสตร์ และทำงานเป็นวิศวกร ได้มอบหมายให้ ดร.สุเมต ดูแลและติดตามเรื่องคอคอดกระอย่างใกล้ชิด และปัจจุบันมูลนิธิร่วมพัฒนาภาคใต้ได้เปลี่ยนมือมาเป็นท่านประพันธ์ บุณยเกียรติ์ ก็ยังให้ความสำคัญกับการขุดคลองไทย สมาคมชาวปักษ์ฯ ก็เคยจัดเสวนาเรื่องคลองไทยมาแล้ว 2 ครั้ง เคยเห็นท่านพิเชษฐ์แอบไปนั่งฟังอยู่ด้วย ท่าน พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ ก็มอบหมายให้ ดร.สุเมตติดตามเรื่องคลองไทยอย่างใกล้ชิดเช่นกัน

"ในฐานะคนทำสื่อ จัดรายการวิทยุอยู่คลื่น 90.5 เมื่อมีโอกาสก็จะนำเสนอให้ข้อมูลคลองไทยกับผู้ฟังมาโดยตลอด"

ดร.สุเมต กล่าวอีกว่า "เมื่อท่านพิเชษฐ์มาทำเรื่องระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ทำและพูดเรื่องคลองไทย มีคนกล่าวขานถึงท่านพิเชษฐ์กันมาก พูดกันถึงขนาดว่า เมื่อไหร่พรรคเพื่อไทยจะส่งผู้สมัครตัวจริงมาลงสมัครรับเลือกตั้งภาคใต้เสียที ภาคใต้ไม่ใช่เฉพาะประชาธิปัตย์ ประชาชนพร้อมที่จะเลือกคนที่มีความรู้ความสามารถ การเลือกตั้งสองครั้งที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้ว"

ด้านนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ในฐานะอดีตประธานกรรมาธิการวิสามัญศึกษาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ที่มีรายงานผลการศึกษาแต่ถูกสภาตีตกไปนั้น ได้กล่าวว่า "พวกเรามีหน้าที่ในการทำต่อไป มาเริ่มต้นแค่นี้ก็ยังดี มาเริ่มต้นกันใหม่ (พูดต่อไม่ออก หยุดไปพักหนึ่ง) 100 ครั้ง 1,000 ครั้ง เมื่อมีโอกาสเราก็จะทำ ด้านนิติบัญญัติ การเสนอญัตติ หรือกระทู้ เป็นเรื่องเล็กไป เราทำได้มากกว่านั่น เมื่อมีโอกาสก็จะทำ"

นายพิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า "การศึกษาแต่ละครั้งมีการแทรกแซง มีผลประโยชน์ มีแรงกดดันจากมหาอำนาจเยอะมาก คนธรรมดายังรู้ว่าจะทำได้ไม่ได้ แต่เมื่อผลการศึกษาเสร็จแล้ว ผมยังอุ่นใจ และหวังว่าผลการศึกษาเราจะได้ชื่นใจ และชื่นชม แต่ต้องเอาไปทิ้งถังขยะ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ผมไม่อยากแตะรายงานผลการศึกษานั้นอีกเลย"

นายพิเชษฐ์ เสริมอีกว่า "เรื่องกฎหมายก็ต้องหา สส.ใต้ที่เข้มแข็งรวมชื่อกันให้ได้ 20 คนเสนอกฎหมายต่อสภา ภาคประชาชนก็ไปล่ารายชื่อให้ได้ 10,000 รายชื่อ เสนอกฎหมายมาประกบกับของ สส. จะออกมารูปแบบไหนก็ต้องผ่านสภา นี้คือแนวทางที่จะเกิดขึ้นได้ ไม่มีประเทศใด ชาติไหนมาห้ามเราได้

"สส.เก่าที่เคยศึกษาเรื่องคลองไทย ก็ต้องชวนมาร่วมกัน แต่น่าเสียดายสอบตกไปเยอะ เขามีองค์ความรู้อยู่แล้ว เวลานี้รัฐบาลก็เปราะบาง ก็ให้เขาทำงานไป ภารกิจของเราในสภาก็ทำงานกันไป ขอให้กำลังใจทุกท่าน ให้รีบทำ เวลาเรารอไม่ได้ มีกฎหมายรอจ่อคิวอยู่เยอะมาก เวลานี้เข้ามารอคิวแล้วถึง 60 ฉบับ

"ชื่อของพิเชษฐ์ เขาไม่อยากให้เข้ามาในสภานะ โดนสะกัดสุด ๆ กว่าจะเข้ามาได้ก็สุด ๆ แต่เมื่อได้เข้ามาแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป" นายพิเชษฐ์ กล่าว

DSI จับมือกรมส่งเสริมสหกรณ์เร่งดำเนินคดีทุจริตชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ และเอาผิดผู้บุกรุกครอบครองที่ดินสหกรณ์นิคมคลองท่อมและนิคมอ่าวลึกโดยมิชอบ

วานนี้ (วันอังคารที่ 15 สิงหาคม 2566) ร้อยตำรวจเอก ปิยะ  รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับ นายประวัติ  แดงบรรจง รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินการคดีพิเศษที่ 56/2566 กรณี ทุจริตชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ขณะที่ร้อยตำรวจเอก ชาญณรงค์  ทับสาร รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและคณะ กำลังสอบสวนบันทึกปากคำพยานปากสำคัญ ณ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 426 อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่  

อีกทั้งยังได้เดินทางไปรับทราบข้อมูล ประชุมหารือแนวทางในการดำเนินคดีร่วมกัน ซึ่งขณะนี้มีจำนวน 3 คดีด้วยกัน ได้แก่

1. คดีทุจริตชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้ามากแล้ว  
2. คดีทุจริตที่ดินในนิคมคลองท่อม ขณะนี้ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับการรับรองเอกสารมิชอบเพื่อออกโฉนดที่ดินในนิคมคลองท่อม จำนวน 313 แปลง
3. คดีบุกรุกครอบครองพื้นที่นิคมสหกรณ์อ่าวลึก 796 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานการอนุญาตให้ใช้ที่ดินที่ได้สิ้นสุดแล้วแต่ผู้รับอนุญาตเดิมยังคงครอบครองทำประโยชน์ และมีผู้เข้าครอบครองใหม่ 35 ราย เข้าทำการแย่งสิทธิต่อกัน โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะสืบสวนสอบสวนเอาผิดกับผู้กระทำความผิดทุกรายอย่างเป็นธรรม หลังจากที่ดำเนินคดีแล้วจะส่งคืนพื้นที่ให้กับกรมส่งเสริมสหกรณ์นำไปบริหารจัดการตามหน้าที่และอำนาจของกรมส่งเสริมสหกรณ์ต่อไป

ตั้งรัฐบาล วางตัวรัฐมนตรี สีสันพูดคุยในวงกาแฟตอนเช้า คาด!! หน้าตาคล้ายเดิม เติม 'เพื่อไทย-นายกฯ คนใหม่'

สมมติว่า ตัวเลขพรรคร่วมรัฐบาลสรุปอยู่ที่ 315 เสียง รวมสองพรรคลุง พลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติเข้าไปด้วย สูตรคำนวณโควตารัฐมนตรีก็จะเป็น 9:1 หมายถึง สส.9 คน จะได้รัฐมนตรี 1 คน ส่วนรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบันจะได้นั่งกระทรวงเก่าหรือไม่อยู่ที่การเจรจาไม่กำหนดเงื่อนไข บางคนอาจจะได้นั่งกระทรวงเดิม บางคนอาจจะต้องสลับกระทรวง ตามความเหมาะสม และผลการเจรจา

แต่ต้องทำใจอย่างหนึ่งว่า หน้าตารัฐมนตรีอาจจะคล้าย ๆ รัฐบาลปัจจุบัน เปลี่ยนในส่วนของเพื่อไทยเข้ามาใหม่ และหัว…ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

หากลองสรุปกันเล่น ๆ เพื่อขบคิด-ถกเถียงกันในวงกาแฟตอนเช้าเพื่อจะได้มีสีสันไว้คุยกันก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าภายในสองวันนี้เพื่อไทยจะนัดภูมิใจไทยเพื่อคุยแบ่งกระทรวง โดยสัดส่วนโควตา 9:1 เพื่อไทยจะได้ 15-16 เก้าอี้ ส่วนภูมิใจไทย จะได้ 8 เก้าอี้ พลังประชารัฐ จะได้ 4-5, รวมไทยสร้างชาติได้ 4, ประชาชาติได้ 1 เก้าอี้

- เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
- อนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีสาธารณสุข
- พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา
- ภูมิธรรม เวชชยชัย รัฐมนตรีมหาดไทย
- ทวี สอดส่อง รัฐมนตรียุติธรรม
- อาทิตย์ นันทวิทยา รัฐมนตรีคลัง (คนนอก)
- ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีคมนาคม
- ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีศึกษา
- สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์
- จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีพลังงาน
- ปานปรีย์ มหิทธานุกร รัฐมนตรีต่างประเทศ
- วราวุธ ศิลปะอาชา รัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติ
- ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีดีอีเอส
- ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่ว่าการพัฒนาสังคม ก็ว่าการแรงงาน
- พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ส่วนกลาโหม, วัฒนธรรม, อุดมศึกษา, อุตสาหกรรม พาณิชย์ น่าจะเป็นโควตาของเพื่อไทย ขณะที่ แรงงาน น่าจะเป็นโควตาของรวมไทยสร้างชาติ

จับตาในวงเจรจา เพราะยังมีตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย และยังมีคนว่างไม่ได้ลงตำแหน่ง เช่น สันติ พร้อมพัฒน์, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, สุชาติ ชมกลิ่น, ศักดิ์สยาม ชิดชอบ, สุทิน คลังแสง เป็นต้น และภายในพรรคเดียวกัน เมื่อได้โควตากระทรวงแล้ว อาจจะสลับคนเข้ามานั่งก็เป็นเรื่องภายในของพรรค ในวงเจรจาคงไม่ลงรายละเอียดตัวบุคคล

'หนุ่ม กรรชัย' เจอชาวเน็ตแนะให้ ‘เปลี่ยนพิธีกร’ โหนกระแสบ้าง เจ้าตัวหยอกกลับทันที!! “นี่รายการผมครับ จะให้มาเปลี่ยนอะไร”

(16 ส.ค. 66) ขึ้นแท่นเป็นพิธีกรที่ได้รับความนิยมอย่างมาก สำหรับ ‘หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย’ ที่ตั้งแต่ผันตัวมาเป็นพิธีกรแบบเต็มตัวก็ดูจะรุ่งแบบสุด ๆ จนโดนแซวว่าไม่มีใครจะกล้ามารายการที่เจ้าตัวจัดแล้ว คิวงานแน่นแทบทุกวัน และอีกหนึ่งรายการที่แฟน ๆ เฝ้ารอหน้าจอทุกวันก็คงจะหนีไม่พ้นรายการ โหนกระแส ที่มักจะนำประเด็นต่าง ๆ ที่ได้รับความสนใจจากประชาชน นำเคสต่าง ๆ มานั่งพูคคุยกันในรายการ ซึ่งแต่ละเทปนั้นก็มียอดผู้ชมแบบถล่มทลายมาเสมอ

ล่าสุด (14 ส.ค.) ระหว่างที่กำลังจัดรายการ โหนกระแส ทาง ‘กรรชัย’ ได้มีการอ่านคอมเมนต์จากแฟน ๆ ทางบ้านที่ส่งเข้ามาทางโซเชียล ที่งานนี้เจ้าตัวถึงกับตอบทันทีในรายการ

“มีคนหนึ่งส่งเข้ามาตอนนี้นะครับ คุณอ่า…ชื่ออะไรอ่านยากเหลือเกิน ชื่อแปลก ๆ นะ อยากให้เปลี่ยนพิธีกรบ้าง อยากให้คนอื่นได้ลองทำบ้าง...รายการผมครับ จะมาเปลี่ยนอะไรครับ อยู่ที่การตัดสินใจของผมนี่ครับ ตลกนะเราอะ หยอก ๆ ไม่ต้องเปลี่ยนครับ รายการผม (หัวเราะ) หยอก ๆ"

'มูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน' ผนึกกำลัง 'ภาครัฐ-เอกชน' จัดแข่งขันพัฒนาแอปฯ มุ่งชดเชยคาร์บอนในหน่วยธุรกิจ SMEs

เมื่อวันที่ 10-11 ส.ค. 66 มูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน ผนึกกำลังร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนดำเนินโครงการแข่งขันการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อการชดเชยคาร์บอนในหน่วยธุรกิจขนาดเล็ก ครั้งที่ 1/2566 โดยมี ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้เกียรติเข้าร่วมกล่าวเปิดโครงการฯ ซึ่งโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชนในการพัฒนาระบบการชดเชยคาร์บอนสำหรับหน่วยธุรกิจขนาดเล็กในธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจขนส่งสาธารณะ และสถานประกอบการขนาดเล็ก ซึ่งจะเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับ SMEs ในการปรับตัวเข้าสู่ตลาดคาร์บอนเครดิต เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเป้าหมายประเทศไทยในการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065

ดร.สุวิทย์ ธรณินทร์พานิช ประธานกรรมการมูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน กล่าวว่า มูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชนมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนเป้าหมาย Net Zero โดยเฉพาะการนำระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการการซื้อขายคาร์บอนที่กำลังเป็นกระแสของโลก ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งโครงการนี้ จะเปิดโอกาสให้น้อง ๆ นักศึกษาได้ใช้ความรู้ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีมาพัฒนาและประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนากลไกเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ซึ่งต้องขอขอบคุณหน่วยภาครัฐและเอกชนทั้ง 8 หน่วยงาน ที่ให้การสนับสนุนโครงการครั้งนี้ อาทิ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก สถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท เอสโคโพลิส จำกัด

คุณพรอรัญ สุวรรณพลาย กรรมการมูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน กล่าวว่า โครงการแข่งขันการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อการชดเชยคาร์บอนในหน่วยธุรกิจขนาดเล็ก ครั้งที่ 1/2566 มีเยาวชน นิสิตนักศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไป สมัครเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 13 ทีม และมีผู้ได้รับรางวัล ดังนี้

-รางวัลชนะเลิศ ทุนการศึกษา 200,000 บาท ได้แก่ ทีม Greenie จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี สาขาการเงิน 

-รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ทุนการศึกษา 100,000 บาท ได้แก่ ทีม Carbonzero จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ 

-รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ทุนการศึกษา 50,000 บาท ได้แก่ ทีม Chestnut จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ 

-รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 ทุนการศึกษา 20,000 บาท ได้แก่ ทีม CC Da Rock!!! จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาสิ่งแวดล้อม

-รางวัลชมเชย มูลค่ารางวัลละ 10,000 บาท 3 รางวัล ได้แก่ 1.ทีม Deviate จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง สาขาคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ 2.ทีม Viridis จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดิจิทัล 

นอกจากนี้ภายในงานนี้ มูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชนจัดให้มีพิธีลงนามความร่วมมือกับ หน่วยงานเอกชน ในการส่งเสริมให้ธุรกิจขนาดเล็กได้มีส่วนร่วมในการตระหนักถึงความเป็นสังคมคาร์บอนต่ำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero ร่วมกับ 3 หน่วยงาน ดังนี้

บริษัท เอสโคโพลิส จำกัด, บริษัท เคเชอร์ เพย์เมนท์ จำกัด และบริษัท เอสโคโพลิส จำกัด ในการขยายช่องทางการซื้อคาร์บอนเครดิตรองรับการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ เพื่อสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ ได้มีโอกาสส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ หรือ Green Tourism ผ่านการซื้อคาร์บอนเครดิตพร้อมกับการชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการ เพื่อชดเชยจำนวนคาร์บอนเครดิตจากกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเข้าพักในโรงแรม ร้านอาหาร เป็นต้น ซึ่งบจก.เอสโคโพลิส เป็นโบรกเกอร์ซื้อ-ขาย คาร์บอนเครดิต ในแพลตฟอร์ม FTIX โดยมีพันธกิจมุ่งเน้นให้เกิดความโปร่งใสในการซื้อ-ขาย คาร์บอนเครดิต เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถนำไปชดเชยได้ตามวัตถุประสงค์ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่ Net Zero

คดีพลิก!! สาวจีนเจ้าของ ‘โรลส์-รอยซ์’ เตรียมส่งทนายพบ ตร. ยัน!! ไม่ได้ใจดี แต่พูดไทยไม่ได้ จ่อเรียกค่าเสียหายกระบะซิ่ง

(16 ส.ค. 66) จากกรณี รถกระบะแต่งซิ่ง ชนท้าย รถโรลส์-รอยซ์ มูลค่า 32 ล้านบาท ต่อมาทราบว่าคนขับโรลส์-รอยซ์นั้น เป็นหญิงสาวชาวจีน โดยหลังจากเกิดเหตุได้มีการลงมาพูดคุยกับคนขับกระบะ และเจ้าของโรลส์-รอยซ์ ยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิด เพราะเบรกกะทันหัน และยืนยันไม่เอาเรื่องกระบะ จากนั้นก็ได้ขับรถออกไปเลยโดยไม่รอเจอตำรวจหรือประกัน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 16 ส.ค. 66 รายงานข่าวแจ้งว่า ทางฝั่งของหญิงสาวชาวจีน ได้เตรียมส่งทนายความเดินทางเข้าพบตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 8 ถ.ลาดกระบัง ในช่วงสายวันนี้ โดยยืนยันไม่ใช่ใจดี แต่พูดไทยไม่ได้ นอกจากนี้ ยังเตรียมเรียกค่าเสียหายกับกระบะคู่กรณีที่ชนท้ายด้วย ส่วนความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

‘ทนายนกเขา’ ฟาดสื่อหลายสำนัก ปั่นข่าวเบี้ยผู้สูงอายุจนเละ  นำเสนอไม่ครบถ้วน ทั้งที่ประกาศใหม่ ทุกคนยังได้สิทธิคงเดิม

เมื่อไม่นานนี้ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ทนายนกเขา’ ทนายความที่รับว่าความคดีเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน และการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมของหน่วยงานภาครัฐ ปัจจุบันเป็นกรรมการฝ่ายสิทธิมนุษยชนประจำสภาทนายความ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์สื่อมวลชนหลายๆ สำนัก ที่ได้ทำข่าวประเด็นเบี้ยยังชีพผู้สูงวัย ปี 66 ในลักษณะที่บิดเบือน และข้อมูลไม่ครบถ้วน ทำให้สังคมเกิดความสับสน จนนำไปสู่การวิจารณ์รัฐบาลด้วยความเข้าใจผิด โดยระบุว่า…

“ในเรื่องเบี้ยยังชีพของคนชราที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ จริงๆ แล้ว น่าตบปากสื่อมวลชนหลายสำนัก นำเสนอข่าววันแรก ก็นำเสนอไม่ครบ นำเสนอวันที่ 2 ก็ปั่นกระแสจนวุ่นวายหมด ไม่ได้ดูเลยว่า การที่รัฐบาลออกประกาศใหม่มานั้น ทุกคนยังได้สิทธิ์คงเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และผู้รับสิทธิ์รายใหม่ ที่อายุกำลังจะถึง 60 ปี ก็ยังได้สิทธิ์ดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จะเปลี่ยนแปลงก็ต่อเมื่อ คณะกรรมการผู้สูงอายุไปกำหนดระเบียบ ประกาศ กำหนกหลักเกณฑ์ใหม่ ซึ่งก็อยู่ในประกาศข้อที่ 17-18 ที่มีอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีกระแสปั่นจนเกิดความเข้าใจผิด”

“พี่น้องประชาชนลองคิดดูว่า ถ้าการจ่ายเงินแบบสุรุ่ยสุร่าย ไร้สาระ เช่น คนที่ไม่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ควรจะได้ ให้ทำอย่างไร? เหมือนที่คุณอนุพงษ์ เผ่าจินดา เขาพูดว่า ถ้าหากเขา หรือ พล.อ.ประยุทธ์ได้เบี้ยคนชรา สังคมจะรู้สึกอย่างไร?

ส่วนคุณเศรษฐา คงจะไม่รู้สึกอะไร เพราะเขาคงแจกเงินคนรวยจากเงินดิจิทัลอยู่แล้ว พ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ของพวกคุณธนาธร คุณพิธา เขาเดือดร้อนขนาดนั้นเลยหรือ? เดือดร้อนถึงขั้นต้องมาเอาเงินจากภาษีของพี่น้องประชาชนที่ร่วมกันจ่ายเลยหรือ?”

“เพราะฉะนั้น ‘ความเท่าเทียม’ ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องได้เบี้ยคนชรา เมื่อมีอายุครบเกณฑ์แล้ว แต่หมายความว่า เมื่ออายุเข้าสู่ผู้สูงวัยแล้วนั้นจะต้องมีการดูแลให้ใกล้เคียง หรือมีโอกาสมีชีวิตอยู่ต่อ เหมือนกับผู้สูงอายที่มีรายได้ มีฐานทางเศรษฐกิจที่ดีอยู่แล้ว”

มันก็อาจจะก่อเกิดความคิดที่ว่า คนที่ยังต้องดูแล อาจจะได้เม็ดเงินเพิ่มขึ้นก็ได้ หากบริหารจัดการจากเม็ดเงินตรงนี้ดีๆ ก็จะได้ประโยชน์อย่างเป็นถาวร เป็นนิรันดร์ เศรษฐกิจต่างๆ มันก็อาจจะฟื้นตัวดีขึ้นได้ แต่เราเจอนักเมืองที่ไม่ประสีประสาเรื่องนโนยบายการเงิน การคลังของประเทศ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประสีประสามากน้อยแค่ไหน? คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประสีประสามากน้อยแค่ไหนกันเชียว? กับเรื่องงบประมาณการเงิน การคลังของประเทศในภาพรวมทั้งหมด พูดแต่วิธีจ่ายเงินออกไปทั้งนั้นเลย วิธีหายรายได้ให้ประเทศ พูดเป็นไหม? พูดได้ไหม?

บทสรุปคนจนหมั่นเพียร สร้างรายได้โกยกำไร กลายเป็นเศรษฐี สวนทางคนไหว้ผี บูชาปีศาจ จนอนาถ วิทยาศาสตร์ไม่ช่วยอะไร

(16 ส.ค.66) นายพงศ์พรหม ยามะรัต ได้โพสต์ข้อความเตือนสติถึงคนไทยที่ยังหลงติดกับวัฒนธรรมโง่ ๆ ผ่านเฟซบุ๊ก Pongprom Yamarat ระบุว่า...

ผมยกตัวอย่าง 3 ครอบครัว...

ครอบครัวแรก คือคุณทวดทางคุณพ่อ เสื่อผืนหมอนใบมาจากจีน ล่องแม่น้ำท่าจีนกับคนจีนยุคนั้นไปปักหลักที่ อ.บางปลาม้า ขยันทำมาหากิน (คุณปู่ผมลูกจีน 100% ตั้งใจเรียนจนสอบได้ทุนในหลวง ไปจบแพทย์ Harvard)

ครอบครัว 2 ไทยแท้ที่ปากพนัง เห็นการทำนามีแต่จะจนลง ๆ ก็มานั่งอ่านเกษตรทฤษฎีใหม่ในหลวง ค่อย ๆ เอาที่ดินเพียง 17 ไร่ มาทำเกษตรหลากชนิด ตอนนี้ไฮไลต์คือส้มโอทับทิมสยาม ฐานะดีจนส่งลูกเรียนเกษตรที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว

ครอบครัว 3 เป็นไทยเชื้อสายอินเดีย มาไทยมือเปล่า แต่มุ่งหน้าเรียนรู้ทำด้านยา เภสัช เพราะมองว่าการรักษาโรคนั้นยังไงก็จำเป็น จนรุ่นลูกจบแพทย์ เปิดคลินิกใหญ่โตร่ำรวย หากรวมคนไทยเชื้อสายอินเดียอีกบ้าน คนนั้นไปขนาดเปิดโรงงานยาเอง ตอนนี้รายได้ปีละ 5-8,000 ล้านบาท

3-4 ครอบครัวนี้เป็นตัวอย่าง ไทยแท้ที่เคยยากจน

- คนไทยเชื้อสายจีนเสื่อผืนหมอนใบ
- คนไทยเชื้อสายอินเดียเดินเท้ามือเปล่ามาดินแดนสยาม
- แถมตอนนี้เริ่มมีเศรษฐีพม่าที่รวยจากในไทยมากขึ้น ๆ

ตัดกลับมาพวกแห่มานับถือภูติผีปีศาจ คนกลุ่มนี้ไม่ต่างอะไรกับพวกไปไหว้ขอนไม้ / ไปไหว้หมา 2 หัว

คือ เป็นคนอ่อนแอ...

แทนที่จะกล้าเปลี่ยนตัวเองให้ขยัน หมายถึงขยันทั้งกาย ขยันทั้งการหมั่นหาความรู้ให้เก่ง กลับอ่อนแอนับถือทุกอย่างที่ไร้แก่นสาร แต่ไม่นับถือตัวเอง

นอกจากปัญหาใหญ่เกิดจากการศึกษาที่ไม่ทำให้คนเชื่อในความรู้ และคิดให้เป็นวิทยาศาสตร์แล้ว วัฒนธรรมความเชื่อโง่ ๆ ที่ยังกระจายอยู่ในหลายส่วนของสังคมไทยยังเป็นตัวบ่อนทำลายความเจริญของประเทศเป็นอย่างมาก

ไม่ต่างจาก เอาพระมาเจิมรถ แต่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย / ขับกระบะซิ่งบนถนน โดยยังมีดอกไม้ไหว้แม่ย่านางแปะหน้ารถ / ไปสักยันต์กลางศีรษะให้เป็นเจ้าคนนายคน แต่กลับเกียจคร้าน

ประเทศไม่เจริญเพราะคนเหล่านี้แหละครับ

‘เอ็กโก’ โชว์กำไร Q2/66 แตะ 2.6 พันล้านบาท ชูกลยุทธ์ ‘4S’ เสริมแกร่ง-ต่อยอดธุรกิจโตอย่างยั่งยืน

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 มีรายได้รวม 15,593 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงาน 2,652 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพาจู อีเอส ในเกาหลีใต้ ตอกย้ำความมั่นใจการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าหยุนหลินในไต้หวัน มีความคืบหน้าและเป็นไปตามแผน พร้อมงัดกลยุทธ์ ‘4S’ สร้างรายได้ เสริมแกร่งธุรกิจ ต่อยอดการเติบโตอย่างยั่งยืน

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2566 เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงสามารถบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าและต้นทุนเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าทุกแห่งอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้สามารถสร้างรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รวมทั้งความสามารถในการบริหารจัดการโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนงาน ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการเอเพ็กซ์ ในสหรัฐอเมริกา ที่สามารถก่อสร้างพร้อมกันได้ถึง 5 โครงการ ได้แก่ โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ลม และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Storage) ซึ่งมีจำนวนรวม 657 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น (ส่วนขยาย) ที่มีความก้าวหน้ากว่า 78% และโครงการโรงไฟฟ้าหยุนหลิน ในไต้หวัน ที่มีความคืบหน้าในการก่อสร้างได้ตามแผนงาน ในขณะที่ธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ดังเช่นโครงการทีพีเอ็น ก็มีความพร้อมที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้

สำหรับผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 เอ็กโก กรุ๊ป มีรายได้รวมทั้งสิ้น 15,593 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน 2,652 ล้านบาท ลดลง 18% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 3 แห่งใน สปป.ลาว ได้แก่ น้ำเทิน 1 น้ำเทิน 2 และไซยะบุรี มีปริมาณการขายไฟฟ้าลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำลดลงและมีการซ่อมบำรุง รวมทั้งโรงไฟฟ้าขนอมมีรายได้ค่าความพร้อมจ่าย (AP) ลดลง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกจากรายได้ค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพาจู อีเอส ในเกาหลีใต้ ในขณะที่มีกำไรสุทธิ 1,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 288% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ด้านความคืบหน้าทางธุรกิจจนถึงปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้น 115 เมกะวัตต์ จากโครงการพลังงานหมุนเวียนที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างของเอเพ็กซ์ ในสหรัฐอเมริกา จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ โครงการพลังงานลม 1 โครงการ และโครงการระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ 2 โครงการ เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เอง 2 ใน 3 ส่วน และจำหน่ายโครงการออกไป 1 ใน 3 ส่วน ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ของเอ็กโก กรุ๊ป ในรูปแบบไฮบริด 

สำหรับความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งหยุนหลิน ในไต้หวัน มีกังหันลมที่ติดตั้งแล้วเสร็จและจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน จำนวนทั้งสิ้น 20 ชุด โดยมีกำลังผลิตรวม 144 เมกะวัตต์ และสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบสะสมแล้วมากกว่า 620 กิกะวัตต์ชั่วโมง ปัจจุบันการก่อสร้างมีความคืบหน้ามากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ประกอบกับโครงการอยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานด้านพลังงานของภาครัฐไต้หวัน (Taiwanese Bureau of Energy) เพื่อขอเลื่อนกำหนดแล้วเสร็จของโครงการตามที่ระบุไว้ในสัญญาบริหารจัดการให้สามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ทั้งหมดให้ได้ภายในปี 2567 ซึ่งการหารือมีความคืบหน้าเป็นลำดับ ทั้งนี้ โครงการอยู่ระหว่างเจรจาปรับโครงสร้างการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จตามแผนภายในปีนี้

“ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความท้าทายมากขึ้นในปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าต่อยอดธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานอย่างยั่งยืน ด้วยการบริหารธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ ‘4S’ เพื่อสร้างรายได้ให้บริษัทอย่างรวดเร็วและเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ 

1) Strengthen financial performance เสริมความแข็งแกร่งในการแข่งขันด้านการเงิน 
2) Select high quality project ให้ความสำคัญกับการลงทุนในรูปแบบ M&A ทั้งโรงไฟฟ้า Conventional และ Renewable ที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อรับรู้รายได้ทันที 
3) Speed up projects under construction เร่งรัดบริหารโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผนงาน 
4) Streamline portfolio and improve operation บริหารพอร์ตโฟลิโอ โรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน 36 แห่ง และธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งกลยุทธ์ ‘4S’ สอดคล้องกับหนึ่งในพันธกิจหลักของบริษัทที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน” นายเทพรัตน์ กล่าวสรุป

‘เจ้าหลงสุนัขพันธุ์ไทย’ ถูกเพื่อนบ้านใช้ปืนแก๊ปยิง สาหัสปางตาย สุดท้ายรอดมาได้ ล่าสุดตำรวจออกหมายเรียกผู้กระทำผิดแล้ว

เจ้าหลงสุนัขพันธุ์ไทยถูกทำร้าย หลังถูกเพื่อนบ้านลากปืนแก๊ปยิงอาการสาหัสปางตาย แต่รอดตายแล้วดูท่าสุนัขก็มีหัวใจน้ำตาจะไหล หากพูดได้คงพูดไปแล้วว่ารอดตายแล้ว เมื่อมีคนใจบุญจ่ายค่ารักษาผ่าตัด ล่าสุดตำรวจออกหมายเรียกเชิญตัวผู้กระทำผิดแล้ว

(16 ส.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์เมื่อกลางดึกของคืนที่ผ่านมา มีเหตุคนใช้อาวุธปืนแก๊ปยิงสุนัข ของนางนวลศรี อายุ 59 ปี เหตุเกิดที่บ้านหลุบหวาย ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ตามที่เสนอข่าวไปนั้น 

ต่อมา เจ้าของได้นำสุนัขทำการรักษาผ่าตัดเอาลูกกระสุนออกแล้วที่โรงพยาบาลสัตว์ โดยอาการของเจ้าหลงนั้นปลอดภัยดีแต่ยังมีอาการอ่อนเพลีย หมอให้นำกลับไปดูแลต่อที่บ้าน โดยสีหน้าเจ้าหลงหลังจากหมอทำการผ่าตัดรักษาแล้วปรากฏว่า เหมือนมีรอยยิ้มดีใจหากพูดได้คงพูดไปแล้วว่า ขอบคุณ บางครั้งจะเห็นเหมือนเจ้าหลงน้ำตาจะไหลออกมา ส่วนคดีความเจ้าของสุนัขได้เข้าแจ้งความไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วที่ สภ.โนนสูง จ.อุดรธานี โดยตำรวจจะได้ออกหมายเรียกคนก่อเหตุมาสอบสวนต่อไป

น้องสาวเจ้าของสุนัข บอกว่า ตอนแรกก็ไม่มีเงินพาหมามารักษาแต่ก็ทนสงสารไม่ได้จึงให้เพื่อนบ้านพาหมามาหาหมอก่อน จากนั้นค่อยคิดว่าจะหาทางหาเงินมาจากไหนเป็นค่าใช้จ่าย ขณะเดียวกันพอเจ้าหลงมารักษาที่รพ.สัตว์ปรากฏว่า มีผู้ใจบุญที่นำสุนัขมาหาคุณหมอเจอพอดี จึงมอบเงินช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เป็นจำวนเงิน 1,840 บาท ขอบคุณผู้ใจบุญที่ช่วยน้องในครั้งนี้

นางณัฐิกา อายุ 43 ปี บอกว่า วันนี้ตนเองเอาสุนัขที่เลี้ยงไว้ที่บ้านมาอาบน้ำและตัดผม พอดีมาเจอเจ้าหลงเลยสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าของบอกว่า น้องโดนยิงมาและไม่มีเงินค่ารักษา ตนเองที่เป็นคนรักสุนัขอยู่แล้วเห็นแล้วก็สงสาร จึงช่วยเหลือจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ ถือว่าช่วยๆ กันไปเท่าแรงที่เรามี สุนัข เขาก็มีหัวใจ โดนยิงคงเจ็บน่าดู หนูดูสีหน้าเขาแล้วคงจะดีใจที่มีคนมาช่วย ดีใจที่ได้ช่วยเจ้าหลงค่ะ นางณัฐิการ กล่าวไปน้ำตาก็จะไหลออกมาเพราะสงสารสุนัขโดนยิงปางตาย

จากนั้น ตำรวจจะออกหมายเรียก เชิญตัวนายนภา ผู้กระทำผิดใช้ปืนแก๊ปยิงเจ้าหลงเข้าพบตำรวจในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 นี้ เวลา 09.00 น.

ทางด้านนางกันตนา อายุ 30 ปี ภรรยาผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ในฐานะภรรยาผู้ก่อเหตุขณะนี้ก็ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นและพูดคุยกันกับสามีแล้ว และสามีไม่ได้หนีไปไหนแต่ต้องไปทำงานต่างจังหวัด สำหรับค่าเสียหายนั้นตนก็ยินยอมจะชดใช้ให้ ส่วนปืนที่ก่อเหตุนั้นตนก็ไม่รู้ว่าสามีเอาไปด้วยหรือเปล่า ยืนยันว่าสามีไม่ได้หนีไปไหน แต่เมื่อตำรวจนำหมายเรียกมาแล้วสามีก็จะเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหมายตามเวลาแน่นอน ในฐานะภรรยาผู้ก่อเหตุตนก็ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวตนก็เลี้ยงหมาและรักหมาเหมือนกัน สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบของสามี ซึ่งยอมรับว่าสามีเป็นคนใจร้อน

ด้านเจ้าของหมา บอกว่า ฉันว่าผู้ก่อเหตุทำเกินกว่าเหตุ เดินถือปืนไปยิงถึงในบ้าน และยังขู่บอกว่า แม่ใหญ่หนูข้อยบ่เอาไว้นะ บักหลง จะฆ่ามันทิ้ง เราก็ตกใจอยากให้กฎหมายดำเนินการกับบุคคลที่ก่อเหตุครั้งให้ถึงที่สุด ส่วนค่าเสียหายก็ให้ชดใช้ตามจริง ตอนนี้ตนยังเกรงกลัวคำขู่ของหลานอยู่เพราะก่อนไปเคยขู่ทำร้ายญาติอีกคนไว้ จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แถมยังมาขู่เราว่า ให้ระวังไว้ เราก็กลัวเพราะเขามีปืน เราไม่อยากยอมเพราะกลัวเขามาก่อเหตุอีก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top