Tuesday, 30 April 2024
Isan

ขอนแก่น - ม.ขอนแก่น ผลิตชุด "พีเอพีอา" อุปกรณ์ป้องกันทางเดินหายใจแบบจ่ายอากาศบริสุทธิ์ สนับสนุนการทำงานของชุดพีพีอีและหน้ากากพีเอ็ม 2.5 ใช้สำหรับการรักษาผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ และเริ่มทดลองใช้งานในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 29 เม.ย.2564 ที่ รพ.ศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. รศ.ดร.จีรนุช เสงี่ยมศักดิ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิทยาศาสตร์ มข.พร้อมด้วย นพ.อภิชาติ โซ่เงิน อายุรแพทย์ โรคระบบทางเดินหายใจ รพ.ศรีนครินทร์  คณะแพทยศาสตร์ มข. ร่วมทำการทดสอบอุปกรณ์ป้องกันทางเดินหายใจแบบจ่ายอากาศบริสุทธิ์ หรือ พีเอพีอาร์ (PAPR)  ซึ่งคณะวิทยาศาสตร์ ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ มข. ได้ทำการวิจัยและประดิษฐ์ขึ้น ชุดแรก จำนวน 10 ชุด สำหรับการให้บุคลากรทางการแพทย์นำไปใช้งานสำหรับการรักษาผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลสนาม จ.ขอนแก่น แห่งที่ 1 ( หอพัก 26 มข.) อยู่ในขณะนี้

รศ.จีรนุช เสงี่ยมศักดิ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิทยาศาสตร์ มข. กล่าวว่า การปฎิบัติงานในปัจจุบันของบุคลากรทางการแพทย์นั้น ชุดพีพีอี เป็นชุดที่สามารถกรองเชื้อได้แต่ว่าในลักษณะของการกรองอากาศที่เข้าไปให้กับผู้ที่สวมใส่นั้นจะต้องสวมใส่หน้ากาก N95 เพิ่มเข้าไป ทำให้มีลำบากที่จะหายใจต่อการใช้งาน ทีมงานวิจัยร่วมระหว่างคณะวิทยาศาสตร์ และ คณะแพทยศาสตร์ มข. จึงได้ร่วมกันวิจัยและผลิตชุดดังกล่าวขึ้นมาที่จัดเป็นชุดที่จ่ายอากาศบริสุทธิ์ที่มีความสามารถในการกรองเชื้อไวรัสได้มากกว่า96%  ในลักษณะของหมวกแรงดันบวก โดยผ้าที่ใช้ต้องเป็นผ้าร่มกันน้ำกันลม  เพื่อให้ภายใน สามารถจ่ายลมแรงดันบวก จากด้านหลัง และออกแบบท่อให้นำอากาศมาด้านหน้า เพื่อความสะดวกในการหายใจ และยังมีฟิวเตอร์ ที่สามารถกรองไวรัสได้ ดังนั้นผู้ที่อยู่ในห้องที่มีอากาศไม่บริสุทธิ์หรือในห้องติดเชื้อผู้ที่สวมใส่จะหายใจได้สะดวกกว่าโดยไม่ต้องใส่หน้ากากN95 โดยที่สามารถสวมหน้ากากที่ใช้ในทางการแพทย์แบบปกติได้

ขณะที่ นพ.อภิชาติ โซ่เงิน อายุรแพทย์ โรคระบบทางเดินหายใจ รพ.ศรีนครินทร์ กล่าวว่า  กรณีที่มีโรคระบาดที่เราไม่มั่นใจว่าจะแพร่กระจายทางระบบทางเดินหายใจ ทุกครั้งที่มีโรคอุบัติใหม่จะต้องคิดเสมอว่าน่าจะเป็นโรคที่แพร่กระจายทางเดินหายใจ ดังนั้นผลงานวิจัยที่ร่วมกันคิดค้นขึ้นชุดนี้จึงมีความสำคัญในทุกครั้งที่มีโรคระบาดที่เกิดขึ้น ในยุคที่เจอมาไม่ว่าจะเป็นH5n1 ,H1n1 ,ซ่าร์ส จนกระทั่งมาถึงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

 " โดยเฉลี่ย 10ปีจะเจอโรคแบบนี้สักครั้งซึ่งชุดนี้จะมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็นชุดที่มีความปลอดภัยสูงสุดและทำให้ดูแลคนไข้ได้มากกว่าชุดพีพีอีโดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล บุคลากรกลุ่มอื่นที่จำเป็นที่จะต้องอยู่ในห้องที่ผู่ป่วยมีการหายใจเช่น เจ้าหน้าที่รังษีเทคนิคที่เข้าไปเอ๊กซ์เรย์ปอดคนไข้หรือแม้กระทั่งแม่บ้านที่เข้าไปเก็บขยะหรือของเสียอะไรก็ตามที่ออกมาจากห้องถ้ามีชุดพอและเหมาะสมกับทุกฝ่ายที่จำเป็นต้องเข้าไปดูแลคนไข้ในห้องที่มีท่อช่วยหายใจกับผู้ป่วยแยกโรคดังกล่าว"

กาฬสินธุ์ – นก อพยพปักหลักขยายพันธุ์ กินหอยเชอรี่ศัตรูข้าว ชาวนาเผยเป็นผลดี พื้นที่ท้องนาสวยงาม และมีความชุ่มชื้น ช่วยลดอุณหภูมิที่ร้อนอบอ้าวเย็นลง

ฝูงนกธรรมชาตินานาชนิดหลายพันตัว บินอพยพจากต่างถิ่น เข้ามาปักหลักหากินในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ และเกิดการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ชาวนาเผยเป็นผลดีช่วยกินหอยเชอรี่ศัตรูข้าว และมองดูเหมือนสวนสัตว์นกดูเพลิดเพลินสวยงามเต็มท้องทุ่ง ขณะที่ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ ทสจ.กาฬสินธุ์ขอความร่วมมือประชาชนร่วมอนุรักษ์ ไม่ควรจับมาทำอาหารเพราะอาจจะติดเชื้อพยาธิได้

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามสภาพอากาศในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ 18 อำเภอ ซึ่งอยู่ในช่วงของฤดูแล้งและบางวันมีฝนหลงฤดูตกลงมา ทำให้เกิดความชุ่มชื้น บางแห่งมีน้ำขัง ช่วยลดอุณหภูมิที่ร้อนอบอ้าวเย็นลงบ้าง ขณะที่พื้นที่ใช้น้ำจากคลองชลประทานลำปาวหรือเขื่อนลำปาว กำลังอยู่ในระหว่างเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปรัง จึงพบว่าในช่วงนี้ จะมีฝูงนกธรรมชาตินานาชนิด โดยเฉพาะนกกระยางและนกปากห่าง โบยบินอยู่รอบ ๆ รถเกี่ยวข้าว และโผบินขึ้นบนท้องฟ้า แล้วโฉบลงมาจิกกินหอย กบ เขียด ปู ปลา ตามท้องนา ทำให้เกิดสีสัน สวยงาม

นายนาคินทร์ ภูจ่าพล ผู้ใหญ่บ้านดอนยานาง หมู่ 9 ต.ดอนสมบูรณ์ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ฝูงนกกระยางและนกปากห่างดังกล่าว เห็นเข้ามาในพื้นที่ครั้งแรกประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเห็นประปราย ไม่กี่ตัว ก่อนที่ระยะหลังต่อมาจะเห็นเพิ่มจำนวนมาก คาดว่าจะมีจำนวนหลายพันตัว กระจายอยู่หลายพื้นที่ ที่เป็นพื้นที่ทำนาปรัง ทั้งในเขต ต.ดอนสมบูรณ์ ต.บัวบาน ต.ยางตลาด อ.ยางตลาด, ต.เหนือ ต.หลุบ ต.ลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์ โดยจะเห็นอยู่กันเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละประมาณ 20-100 ตัว

นายนาคินทร์ กล่าวอีกว่า ช่วงที่ฝูงนกดังกล่าวเข้ามาในพื้นที่อาจจะสร้างความเสียหายให้กับข้าวในนาบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากนัก จะมีเพียงเหยียบต้นข้าวเท่านั้น เนื่องจากอาหารหลักของนกเหล่านี้คือหอยเชอรี่ รวมทั้งกบ เขียด ปู ปลาที่อยู่ในนาข้าว ซึ่งหอยเชอรี่ถือเป็นศัตรูข้าว โดยจะกัดกินต้นข้าวเป็นอาหารและมีการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความเสียหายต่อต้นข้าว ชาวนาต้องไปหาซื้อสารเคมีที่ราคาแพงมากำจัดหอยเชอรี่ ทำให้เกิดสารพิษตกค้าง ส่งผลเสียต่อคุณภาพข้าวและสุขภาพของชาวนา ทั้งนี้ พอมีนกกระยางและนกปากห่างเข้ามาในพื้นที่ จึงเป็นการช่วยกำจัดหอยเชอรี่ศัตรูข้าวได้เป็นอย่างดี และผลดีของนกเหล่านี้ ยังทำให้แลดูเพลินตาเพลินใจ มองดูเหมือนเป็นสวนสัตว์นกธรรมชาติ ที่สร้างความสวยงามอยู่ตามท้องทุ่งนา

ขณะที่นายนิยม กิตติวงศ์ตระกูล ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์กล่าวว่า ฝูงนกธรรมชาติดังกล่าว สันนิษฐานว่าบินอพยพมาจากต่างประเทศ และในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง อาหารขาดแคลน โดยจับกลุ่มบินเข้ามาในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ พบกับสภาพอากาศที่ชุ่มชื้น มีแหล่งน้ำ มีอาหาร ให้หากินตลอดปี โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตใช้น้ำชลประทานลำปาว ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ จึงปักหลักหากินและเกิดการขยายพันธุ์ดังกล่าว

นายนิยมกล่าวอีกว่า อาหารของนกเหล่านี้คือ กุ้ง หอย ปูปลา และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอื่น ๆ ช่วงแรกที่นกธรรมชาติเหล่านี้เข้ามาในพื้นที่ ได้รับการร้องเรียนจากชาวนาบ้าง ว่าลงเหยียบย่ำต้นข้าวเสียหาย และลงหากินตามบ่อกุ้งบ่อปลา  ซึ่งก็ได้ให้คำแนะนำให้หาวิธีการป้องกันความเสียหาย โดยทำนาดำเพื่อจะได้ต้นข้าวที่แข็งแรง ขณะที่ผู้เลี้ยงกุ้งเลี้ยงปลาเอง ก็ให้ทำอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ใช้ภูมิปัญญาไล่นกด้วยวิธีการต่าง ๆ ซึ่งบรรเทาความเสียหายลงได้ ทั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่ชาวนาและประชาชนทั่วไป ไม่ทำร้ายและไม่นิยมจับนกเหล่านี้มาทำอาหาร อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นนกธรรมชาติ ที่ช่วยกำจัดหอยเชอรี่ที่เป็นศัตรูข้าว และยังสร้างสีสัน มองดูสวยงาม จึงขอความร่วมมือจากประชาชน ช่วยกันอนุรักษ์เป็นสัตว์ประจำถิ่น เพราะฝูงนกเหล่านี้ให้คุณมากกว่าโทษ และไม่ควรจับมาทำอาหาร เพราะอาจจะติดเชื้อพยาธิได้

(เสียงสัมภาษณ์ นายนาคินทร์ ภูจ่าพล ผู้ใหญ่บ้านดอนยานาง หมู่ 9 ต.ดอนสมบูรณ์และนายนิยม กิตติวงศ์ตระกูล ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์)

นครพนม - ‘ผู้ว่าฯนครพนม - นพ.สสจ.’ พร้อมบุคลากรด่านหน้า รับวัคซีนโควิดฯ เข็ม 2

วันที่ 21 เมษายน 2564 ที่ห้องประชุมศรีโคตรบูรณ์ ชั้น 5 อาคารอำนวยการโรงพยาบาลนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมนายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายแพทย์สมโภชน์ กังวานธีรวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม และนางพัชรินทร์ ฉลาดธัญญกิจ ประธานชมรมแม่บ้านสาธารณสุขจังหวัดนครพนม รวมถึงคณะบุคลากรสาธารณสุขปฏิบัติงานด่านหน้า ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) Sinovac เข็มที่ 2 รวม 180 คน


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส ผสข.นครพนม

กาฬสินธุ์ - เข้ม 9 อำเภอ กันไข่แตก !! ปรบมือส่งกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าโควิด

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์นำหัวหน้าส่วนราชการและกรมการจังหวัดลุกขึ้นยืนปรบมือ เพื่อเป็นการขอบคุณ  และสร้างขวัญกำลังใจให้กับทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 พร้อมกำชับทุกพื้นที่เข้มงวดตามมาตรการ โดยเฉพาะพื้นที่อีก 9 อำเภอที่ยังไม่พบผู้ป่วย

เมื่อวันที่ 29 เมษายน  2564 นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์เป็นประธานการประชุมคณะกรมการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการ ครั้งที่ 4/2564 ซึ่งเป็นการประชุมแบบ New Normal โดยเชิญเฉพาะผู้แทนกระทรวงเข้าร่วมประชุม  โดยมีนายเลิศบุศย์ กองทอง นายสนั่น พงษ์อักษร รองผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.อ.เรืองพงษ์ วงศรีสุข รองผอ.รมน.กาฬสินธุ์ นายพิชัย ส่งสุขเลิศสันติ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วมประชุม

โดยนายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ได้กล่าวเชิญชวนให้คณะกรมการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการ ลุกขึ้นยืน พร้อมปรบมือ เพื่อเป็นการขอบคุณ สร้างขวัญและกำลังใจให้กับทีมแพทย์ พยาบาล ตลอดจนเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ อสม.รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาผู้ป่วย ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 พร้อมทั้งกำชับให้ทุกคนร่วมมือกันในการป้องกันตนเอง ด้วยการงดหรือชะลอการเดินทางเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะพื้นที่อีก 9 อำเภอที่ยังไม่พบผู้ป่วยโควิด-19 ให้เข้มงวดและเร่งสร้างความความรู้ความเข้าใจกับประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ส่วนพื้นที่ 9 อำเภอที่พบผู้ป่วยแล้วก็ได้เข้มงวดปฏิบัติตามมาตรการของสาธารสุขเช่นกัน เพื่อที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดในรอบนี้ให้ได้ 

สำหรับสถานการณ์ล่าสุดวันที่ 29 เมษายน 2564 ไม่พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มเติม โดยขณะนี้มีผู้ป่วยสะสมจำนวน 61 ราย และรักษาหายสามารถกลับบ้านได้แล้ว 12 ราย  อยู่ระหว่างการรักษา 49 ราย โดยรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ 25 ราย โรงพยาบาลฆ้องชัย 14 ราย และพักฟื้นเพื่อรอกลับบ้าน ที่โรงพยาบาลสนามกาฬสินธุ์แห่งที่ 1 จำนวน 10 ราย ทั้งนี้พื้นที่ที่พบผู้ป่วยโควิด-19 มีจำนวน 9 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ยางตลาด 24 ราย, อ.เมือง 10 ราย, อ.กมลาไสย 8 ราย, อ.สมเด็จ 5 ราย, อ.สหัสขันธ์ 5 ราย, อ.สามชัย 4 ราย,อ.กุฉินารายณ์ 3 ราย, อ.ดอนจาน 1 ราย และ อ.นาคู 1 ราย ส่วนพื้นที่อีก 9 อำเภอที่ยังไม่พบผู้ป่วยประกอบด้วย อ.ฆ้องชัย อ.ร่องคำ อ.ห้วยเม็ก อ.หนองกุงศรี อ.ท่าคันโท อ.เขาวง อ.ห้วยผึ้ง  อ.คำม่วง และ อ.นามน

นอกจากนี้ทางจังหวัดยังได้ออกประกาศขอความร่วมมือให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่ออกจากเคหสถาน 100 % หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมขอให้ประชาชนทุกคนเคร่งครัดในการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 2 เมตร ไม่เข้าไปในสถานที่แออัดอากาศไม่ถ่ายเท ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย สแกนไทยชนะหรือหมอชนะ หากท่านใดที่สัมผัสใกล้ชิดกับสมาชิกในครอบครัวที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงในช่วงที่ผ่านมา ควรสังเกตอาการตนเองที่บ้าน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หากมีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ถ่ายเหลว ตาแดง ผื่นขึ้น หายใจเร็ว หายใจเหนื่อย หรือหายใจลำบาก โปรดแจ้งประวัติการสัมผัสกับผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงให้บุคลากรการแพทย์ทราบเพื่อคัดกรองความเสี่ยงด้วย

อย่างไรก็ตามในการประชุมยังได้มีพิธีมอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติให้แก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่นประจําปี 2563  จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 4 ราย พิธีมอบเกียรติบัตรยกย่องชุมชนองค์กรอำเภอและจังหวัดคุณธรรมประจำปีงบประมาณ 2562 พิธีมอบเกียรติบัตรปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน ระดับจังหวัด ประจำปี 2564  พิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติและประกาศเกียรติคุณให้กับบุคคลผู้ได้รับการพิจารณาเป็น "คนดี ศรีกาฬสินธุ์" ตามค่านิยม "มีมารยาทแบบไทย"  พิธีมอบทุนการศึกษาของสมาคมแม่บ้านมหาดไทยประจำปี 2564 และการมอบระบบบริหาร ครัวเรือนยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ KHM - V.2 โดยมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นข้อมูลในการติดตามครัวเรือนตามโครงการ  Kalasin Happiness Model อีกด้วย

ขอนแก่น – ฝนตกหนักน้ำท่วมถนนมิตรภาพ ยาวหลายกิโลเมตร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 29 เม.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดฝนตกหนัก และมีลมกรรโชกแรงในหลายพื้นที่ของจังหวัดขอนแก่น ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉบับพลัน ทั้งถนนสายหลักสายรองรวมทั้งในซอยตามหมู่บ้าน โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันบนถนนมิตรภาพ ตั้งแต่ช่วง 4 แยกห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่าขอนแก่น ยาวไปถึงช่วง 4 แยกก่อนถึงโรงพยาบาลศรีนครินทร์ เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร โดยปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาได้ไหลท่วมผิวจราจรบนถนนมิตรภาพ 4 ช่องทางจราจร เหลือเพียง 2 ช่องทางจราจรทั้ง 2 ฝั่งที่สามารถวิ่งได้ตามปกติ โดยระดับน้ำสูงประมาณ 30-50 ซม. ซึ่งรถเล็กควรหลีกเลี่ยงอาจทำให้น้ำเข้าท่อและเครื่องยนต์ได้ โดยทางเจ้าหน้าที่เทศบาลนครขอนแก่นได้ออกมาตรวจสอบและเปิดปากท่อเคลียร์เศษขยะออกให้น้ำสามารถระบายได้รวดเร็วขึ้น

พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวยังได้สำรวจตามตรอกซอกซอยพบว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักยังส่งผลให้น้ำท่วมถนนสายหรองและถนนในชุมชนหลายแห่ง รถเล็กไม่สามารถขับผ่านได้เนื่องจากปริมาณน้ำสูงประมาณ 50 ซม. โดยเฉพาะที่ถนนบ้านกอกหน้ามหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และในซอยสวัสดี ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น โดย 2 จุดนี้เป็นจุดที่น้ำท่วมซ้ำซาก เนื่องจากปริมาณน้ำจะไหลมารวมกันในจุดนี้ทำให้เกิดน้ำท่วมขังฉับพลัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถระบายน้ำทั้งหมดได้ประมาณ 1-2 ชั่วโมงหากฝนหยุดตก ขณะที่หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างสำรวจความเสียหายในภาพรวมเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนต่อไป

นครพนม - ครอบครัวผู้ใจบุญ มอบเครื่องช่วยหายใจ สนับสนุนการรักษาผู้ป่วยโรงพยาบาลนครพนม

วันที่ 29 เมษายน 2564 ที่จังหวัดนครพนม นายแพทย์สมโภชน์ กังวานธีรวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม เปิดเผยว่า ในการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินที่อยู่ในภาวะวิกฤตนั้น เครื่องช่วยหายใจเป็นหนึ่งในเครื่องมือแพทย์ที่มีความจำเป็นและมีประโยชน์ต่อการรักษาเป็นอย่างมากเพราะจะช่วยให้ผู้ป่วยที่มีระบบทางเดินหายใจผิดปกติ สามารถหายใจได้ดีขึ้น ทำให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนที่เพียงพอ โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่นนี้ ที่ผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบรุนแรงจำเป็นจะต้องใช้

ซึ่งนับเป็นข่าวดีอย่างยิ่งของชาวนครพนม เพราะในวันนี้ทางโรงพยาบาลได้รับการบริจาคเครื่องช่วยหายใจ ยี่ห้อ CareFusion T Bird Series รุ่น VELA Plus จำนวน 2 เครื่อง ในราคารวม 900,000 บาท จากครอบครัวผู้ใจบุญ คือครอบครัวของคุณมัติกานต์ อินทร์ดี และ Mr. Alan Randall ที่ได้ติดต่อประสานผ่านทางนางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่เป็นลูกหลานชาวนครพนมจนนำมาสู่การนำเครื่องช่วยหายใจมามอบให้ในครั้งนี้

จึงขอเป็นตัวแทนชาวนครพนมและผู้ป่วยทุกคนที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนครพนมในการขอบคุณครอบครัวผู้ใจบุญที่มีจิตอันเป็นกุศลนำเครื่องช่วยหายใจมามอบให้ในวันนี้ โดยเครื่องรุ่นนี้มีคุณลักษณะที่โดดเด่น คือเป็นเครื่องช่วยหายใจชนิดควบคุมด้วยปริมาตรและความดัน สามารถใช้กับผู้ป่วยได้ทั้งที่เป็นเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งสามารถควบคุมการปรับตั้งค่าด้วยระบบ Touch Screen หรือจะใช้ปุ่มหมุนก็ได้เช่นเดียวกัน มีระบบล็อคจอภาพที่แสดงผลปริมาตรของการหายใจ แสดงระยะเวลาและจำนวนครั้งของการหายใจ และค่าอื่น ๆ อีกหลายอย่างด้วยจอภาพสีชนิด LCD ขนาด 10.4 นิ้ว

มีการควบคุมการจ่ายอากาศด้วยระบบ Turbine สามารถใช้งานได้ทั้งแบบ Invasive และแบบ Non-invasive มีระบบช่วยหายใจสำรอง Apnea backup ventilation ที่สามารถเลือกการทำงานเป็นแบบ Volume หรือ Pressure สามารถใช้งานกับแหล่งจ่ายออกซิเจนได้ทั้งแบบ High pressure และ Low pressure มีระบบพ่นยาจากตัวเครื่อง โดยพ่นยาเฉพาะช่วงหายใจเข้า ซึ่งสามารถพ่นยาได้นานสูงสุด 60 นาที มีระบบ Leak Compensation ที่สำคัญคือมีแบตเตอรี่สำรองภายในตัวเครื่องในกรณีไฟฟ้าขัดข้องสามารถใช้งานได้ประมาณ 2 ชั่วโมง


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส ผสข.นครพนม

กาฬสินธุ์ – ผลกระทบโควิดฮิต !! ใช้แพข้ามฟากเขื่อนลำปาว รัดเข็มขัด ประหยัดน้ำมัน

จากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ทำให้การดำเนินชีวิตของประชาชน เผชิญกับภาวะเสี่ยงได้รับเชื้อ สถานบริการหลายแห่งปิดกิจการ หลายคนขาดรายได้ จึงต้องประหยัดค่าใช้จ่ายทุกด้าน รวมทั้งการเดินทางที่ต้องประหยัดค่าน้ำมัน ทำให้บรรยากาศการบริการแพข้ามฟากข้ามอ่างเก็บน้ำลำปาว ที่คลองเชื่อมระหว่างอำเภอเมืองกาฬสินธุ์และอำเภอหนองกุงศรี กลับมาคึกคักอีกครั้ง

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงาน จากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยล่าสุดยอดผู้ป่วยสะสมสูงถึง 71 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ส่งผลให้ประชาชน ดำเนินชีวิตด้วยความระมัดระวัง และป้องกันตนเองไม่ให้รับเชื้อ โดยปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันโควิด-19 D-M-H-T-T-A อย่างเคร่งครัด ทั้งการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 2 เมตร ไม่เข้าไปในสถานที่แออัด อากาศไม่ถ่ายเท ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย สแกนไทยชนะหรือหมอชนะ เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ในส่วนของการเดินทาง และการประกอบอาชีพของประชาชน ยังต้องรัดเข็มขัด ประหยัดกิน ประหยัดใช้ เนื่องจากสถานบริการ หรือสถานประกอบการหลายแห่งต้องหยุดกิจการ ส่งให้หลายคนว่างงาน ขาดรายได้ ขณะที่ในส่วนผู้ที่ยังทำงาน และประกอบอาชีพ จึงต้องประหยัดทุกวิถีทาง เพื่อที่จะลดรายจ่าย และเลี้ยงดูสมาชิกในครัวเรือนที่ว่างงาน  เช่น ประหยัดน้ำมันในการเดินทางข้ามอำเภอ หรือข้ามจังหวัด รวมทั้งลดระยะทางในการเดินทางค้าขาย รับจ้างและหาจับสัตว์น้ำ

จากสาเหตุดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้พบว่า บรรยากาศการบริการที่แพข้ามฟาก บริเวณคลองเชื่อมเขื่อนลำปาว ตรงข้ามกับบ้านสะอาดนาทม ต.ลำคลอง อ.เมืองกาฬสินธุ์ กับ ต.เสาเล้า อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์  ได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งแต่ละวันจะมีผู้ใช้รถเดินทางมาใช้บริการขึ้นแพ โดยใช้แรงคนชักลากเพื่อข้ามคลองเชื่อม ซึ่งมีความกว้างประมาณ 30 เมตร

สอบถามนายชาติ กุลพลเมือง อายุ 50 ปี ชาวบ้านสะอาดนาทม ต.ลำคลอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ผู้ประกอบการแพลากข้ามฟาก กล่าวว่า ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ในการให้บริการแพลากกับผู้ใช้รถ ที่จะเดินทางข้ามไป-มา ระหว่าง 2 อำเภอนี้ ซึ่งจะให้บริการในช่วงฤดูแล้งที่น้ำลด ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่จะเดินทางระหว่าง 2 อำเภอได้รับความสะดวก คือใกล้กว่าที่จะขับไปขึ้นสะพานเทพสุดา ระหว่างแหลมโนนวิเศษ ต.โนนบุรี อ .สหัสขันธ์ กับเกาะมหาราช ต.หนองบัว อ.หนองกุงศรี โดยสามารถร่นระยะเดินทางได้กว่าเส้นทางถนนประมาณ 30-50 กม.ทีเดียว

นายชาติกล่าวอีกว่า ในช่วงฤดูแล้งนี้ และประกอบกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 พบว่ามีผู้ใช้รถมาใช้บริการเป็นจำนวนมากขึ้น เฉลี่ยวันละ 20-30 คัน สำหรับค่าบริการแพข้ามฟาก รถจักรยานยนต์คันละ 20 บาท รถกระบะและรถไถคันละ 40 บาท รถบรรทุก 6 ล้อคันละ 60 บาท เป็นต้น สำหรับชาวบ้าน ที่ข้ามฝั่งไปหาอาหาร หรือหาหอย ปู หาปลา ในเขื่อน ก็จะไม่เก็บค่าบริการ เนื่องจากเห็นอกเห็นใจกัน และบรรเทาความเดือดร้อน ที่ประสบปัญหาเรื่องปากท้อง ในช่วงสถานการณ์โควิด-19

กาฬสินธุ์ – สภาพอากาศวิปริต น้ำเสียจากสารเคมีที่ไหลลงเขื่อน ทำปลาตาย ประชาชนหากินลำบาก

ชาวประมงรอบเขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่หาจับปลาเพื่อบริโภคในครัวเรือนและจำหน่ายในชุมชน กำลังประสบปัญหาจับปลาได้ยากมากขึ้น ระบุเป็นผลพวงมาจากสภาพอากาศวิปริต และน้ำเสียจากสารเคมีที่ไหลลงเขื่อน เป็นสาเหตุของปลาตาย จึงหาจับปลาได้น้อยลง ไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ที่สั่งจองไปประกอบอาหารรับประทานในครัวเรือนช่วงสถานการณ์โควิด-19

เมื่อวันที่  3 พฤษภาคม 2564 จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพของประชาชนชาว จ.กาฬสินธุ์ ในช่วงรอยต่อฤดูแล้งกับฤดูฝน โดยเฉพาะชุมชนรอบเขื่อนลำปาว ซึ่งมีการใช้อุปกรณ์ลงเรือ เพื่อหาจับสัตว์น้ำ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ทั้งนี้ หากมองในภาพรวม เหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มากนัก เนื่องจากอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่โล่งแจ้ง ปลอดโปร่ง ไม่แออัด โดยเฉพาะถือว่าอยู่ในทำเลที่ได้เปรียบกว่าชุมชนเมือง หรือชุมชนที่อยู่นอกเขตชลทาน เพราะมีแหล่งน้ำให้หาจับสัตว์น้ำ เพื่อบริโภคในครัวเรือน และจำหน่ายเป็นรายได้เสริมในครัวเรือนอีกทางหนึ่ง

นายถวัลย์ ชารี อายุ 55 ปี บ้านเลขที่ 30 บ้านหนองม่วง หมู่ 7 ต.ลำคลอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตนกับเพื่อนบ้านที่มีความชำนาญในการหาปลา บริเวณรอบเขื่อนลำปาว บางคนใช้แห ลอบ เบ็ด และตาข่ายดักปลา เคยจับปลาได้วันละหลายสิบ ก.ก. มีรายได้จากการขายปลาวันละ 500-1,000บาท ซึ่งปลาที่จับได้ เช่น ปลาสร้อย ปลากราย ปลาสวาย ปลานิล โดยจะนำไปประกอบอาหารทานในครัวเรือนและเพื่อการจำหน่าย ทั้งในรูปแบบปลาสด หรือแปรรูปเป็นปลาส้ม ปลาแดดเดียว ปลาร้า ซึ่งหากรวมยอดในแต่ละสัปดาห์ จะได้คนละ 500-800 ก.ก.หรือถึง 1 ตันเลยทีเดียว อาชีพจับปลาจึงเป็นอาชีพหลักของชาวประมงหลายราย ขณะที่ตนมาหาปลาเป็นอาชีพเสริมจากการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามและทำนา

นายถวัลย์ กล่าวอีกว่า  ในระยะหลังมานี้การหาจับปลาบริเวณรอบเขื่อนลำปาวจะหายากมากขึ้น ทั้งนี้ปัญหามาจากน้ำเสียที่เกิดจากเกษตรกรพื้นที่เหนือเขื่อนลำปาวปลูกมัน ปลูกอ้อย เมื่อมีฝนตกลงมาได้ชะล้างสารเคมีที่ตกค้างในแปลงเกษตรลงสู่เขื่อนลำปาว ส่งผลกระทบต่อน้ำและทำให้ปลาตาย นอกจากนี้ในฤดูแล้ง และเริ่มต้นฤดูฝนที่สภาพอากาศวิปริต บางวันร้อน บางวันฝนตก ประกอบกับน้ำในเขื่อนเหลือน้อย จึงทำให้ปลาบางชนิดปรับตัวไม่ทัน จึงเกิดการน็อคตาย ส่วนที่เหลือก็อพยพลงไปอาศัยอยู่ในบริเวณร่องน้ำลึก ซึ่งเป็นเขตอันตราย รวมทั้งห้ามล่าและห้ามเข้าไปจับปลา จึงทำให้ช่วงนี้หาจับปลาได้น้อยลง

นายถวัลย์กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อช่วงนี้หาจับปลาได้น้อยลง หรือได้วันละ 10-20 ก.ก.เท่านั้น บางวันได้เพียงบริโภคในครัวเรือน ไม่เพียงพอที่จะนำไปขายให้ลูกค้า โดยเฉพาะพ่อค้าคนกลางที่สั่งซื้อจอง เพื่อนำไปขายต่อตามตลาดชุมชนและเพื่อแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม  จึงเป็นการเสียโอกาสอย่างน่าเสียดาย ในการสร้างรายได้จากการจำหน่ายปลา ให้กับลูกค้าและประชาชนในชุมชน ที่หลายคนกักกันตัวเองอยู่บ้าน ต้องการปลาไปประกอบอาหาร และกำลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

นครพนม - เปิดปฏิบัติการคัดกรองเชิงรุกฯ ตั้งจุดตรวจโควิดฯ แบบ Rapid test ที่สนามบินฯ

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2564 นายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์ สสจ.นครพนม มอบหมายนายแพทย์ขวัญชัย ประเสริญยิ่ง นายแพทย์ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) สสจ.นครพนม พร้อมนางกรองแก้ว จันทร์ตระกูล พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ หัวหน้างานเวชปฏิบัติครอบครัว โรงพยาบาลนครพนม นางทัศนาภรณ์ บำรุงโชค พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานการพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลนครพนม และทีมตรวจคัดกรอง เฝ้าระวัง และสอบสวนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ปฏิบัติภารกิจคัดกรองตรวจโควิดแบบ Rapid Antigen test ฟรี (การนำตัวอย่างเลือดไปตรวจหาเชื้อไวรัส (Antigen) หรือภูมิคุ้มกัน (Antibody) ตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนม แก่ผู้โดยสายขาเข้าสายการบินแอร์เอเซียไฟลท์ FD3396 เวลา 16.25 น. จำนวน 87 คน ณ ท่าอากาศยาน จ.นครพนม


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส

ขอนแก่น - เปิด รพ.สนาม แห่งที่ 2 รับมือผู้ป่วยโควิด-19 ผู้ว่าฯ ย้ำชัดสถานการณ์ยังเอาอยู่ แต่เพื่อความไม่ประมาทต้องเตรียมการไว้ในทุกรูปแบบ ขณะที่ล่าสุดผู้ป่วยโควิดรักษาหายแล้ว 182 ราย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21 ราย

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 3 พ.ค.2564 ที่โรงพยาบาลสนามขอนแก่นแห่งที่ 2 (พุทธมณฑลอีสาน) ริม ถ.เลี่ยงเมือง สายขอนแก่น-กาฬสินธุ์ บ.เต่านอ  ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายพงษ์ศักดิ์  ตั้งวานิชกพงษ์ นายก อบจ.ขอนแก่น , นพ.สมชายโชติ  ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น และ นพ.วีระศักดิ์  อนุตรอังกูร ผอ.รพ.สิรินธร ในฐานะ ผอ.รพ.สนามขอนแก่นแห่งที่ 2 ร่วมกันเปิด รพ.สนามขอนแก่น แห่งที่ 2 สำหรับการเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ตามแผนการดำเนินงานตามมติที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.ขอนแก่น ในการป้องกัน เฝ้าระวังและควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่จากสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า วันนี้ขอนแก่นมียอดจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ เพิ่มขึ้นอีก 21 รายทำให้จำนวนผู้ป่วยสะสมของการระบาดระลอกใหม่ มีจำนวนทั้งสิ้น 412 ราย ในจำนวนนี้รักษาหายขาดจากอาการแล้ว 182 ราย โดยยังคงมีจำนวนผู้ป่วยที่ยังคงเข้ารับการรักษาอยู่ที่ รพ.ต่าง ๆ จำนวน 230 ราย ขณะที่ รพ.สนามขอนแก่น แห่งที่ 1 (หอพัก 26 มหาวิทยาลัยขอนแก่น) ซึ่งมีทั้งสิ้น 258 เตียง ขณะนี้มีผู้ป่วยซึ่งเข้ารับการรักษาเพียง 38 ราย ซึ่งยังคงสามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยได้อีกตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

“การเปิด รพ.สนามขอนแก่น แห่งที่ 2 วันนี้เป็นการเริ่มต้นของแผนการดำเนินงานที่เราจะต้องมองภาพรวมในทุกมิติ ซึ่งหากจำนวนผู้ป่วยที่ รพ.สนามแห่งที่ 1 มีจำนวนมากถึงร้อยละ 70 ของปริมาณเตียง การบริหารจัดการผู้ป่วย ในกลุ่มไม่แสดงอาการ หรือมีอาการน้อยจะถูกส่งมาที่ รพ.สนามแห่งที่ 2 แห่งนี้ทันที ซึ่งขณะนี้ทีมแพทย์ พยาบาลและบุคลากรทาการแพทย์ที่รับผิดชอบ คือ รพ.สิรินธร ได้เข้ามาประจำการในพื้นที่แล้ว รวมไปถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ ที่ถูกลำเลียงมาจาก รพ.เครือข่ายและ รพ.ขอนแก่น เพื่อเตรียมความพร้อมต่อการปฎิบัติงานทันทีหากพบผู้ป่วยรายใหม่ในกลุ่มใหญ่ หรือตามแนวทางการบริหารจัดการผู้ป่วยที่ สสจ.ขอนแก่น กำหนด”

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า สำหรับ รพ.สนามแห่งที่ 2 (พุทธมณฑลอีสาน) มีจำนวนทั้งสิ้น 240 เตียง ซึ่งการจัดตั้ง รพ.นั้นคณะทำงานได้ลงพื้นที่ประชาคมและทำความเข้าใจกับคนในชุมชนถึงแนวทางการดำเนินงานดังกล่าวของหน่วยงานภาครัฐ รวมไปถึงการบริหารจัดการน้ำเสียและขยะติดเชื้อ รวมทั้งการปฎิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ และหน่วยงานสนับสนุน ซึ่งทุกขั้นตอนได้ดำเนินงานตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขในภาพรวมทั้งหมดอย่างเข้มงวด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top