Tuesday, 30 April 2024
Isan

ขอนแก่น - เจ้าของผับชื่อดัง ฮึดสู้โควิด พาลูกน้องเปิดร้านหมูกระทะ ข้าวราดแกง ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19 ในราคาสุดคุ้ม เริ่มต้นเพียง 25 บาท พร้อมจัดเมนูพิเศษทุกวันจันทร์ อิ่มไม่อั้นทุกจาน

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 26 เม.ย.2564 ที่ย่านการค้าโอโซนวิลเลจขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่ ริม ถ.เทพารักษ์ ด้านข้างโรงเรียนขอนแก่นคริสเตียน เขตเทศบาลนครขอนแก่น มีประชาชนจำนวนมากทยอยกันมาเลือกซื้อข้าวแกงยูบาร์ ซึ่งเปิดให้บริการแบบเฉพาะกิจช่วยเหลือพนักงาน ผู้มีรายได้น้อยและได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ด้วยเมนูอาหาร 14 เมนูหลัก และ ข้าวขาหมูโก้โตน ที่ให้บริการในทุกวันจันทร์ ในราคาเริ่มต้นจานละ 25 บาท โดยมีประชาชนมายืนรอต่อคิวเลือกซื้ออาหารนานาชนิดเพื่อนำกลับไปรับประทานร่วมกันของครอบครัว รวมไปถึงการร่วมส่งกำลังใจสมทบทุนการจัดทำอาหารแจกจ่ายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อีกด้วย

นายภาณุ  ธีรภาณุ เจ้าของร้านข้าวแกงยูบาร์ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ธุรกิจหลักของครอบครัวคือการเปิดร้านอาหารและสถานบันเทิง ในชื่อร้านเดอ ลา แจ๊ส และ ร้านยูบาร์ ซึ่งจัดเป็นร้านอาหารและสถานบันเทิงชื่อดังขอจังหวัด แต่ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระลอกใหม่ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่ร้านต้องปิดตัวลงตามคำสั่งและตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเราก็ต้องปฎิบัติตามและให้ความร่วมมือเพื่อให้สถานการณ์นั้นได้คลี่คลายไปได้โดยเร็วที่สุด และเมื่อร้านต้องปิด ทำให้พนังกานที่มีอยู่รวมกว่า 70 คนนั้นต้องตกงาน ในระยะแรกได้ส่งพนักงานทั้งหมดไปทำงานที่โรงงานแต่โรงงานก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ดังนั้นในการเป็นผู้นำเมื่อเราอยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกันแบบครอบครัว  ผู้นำต้องกล้าที่จะตัดสินใจและไม่ท้อ จึงได้ตัดสินใจร่วมกันกับครอบครัว ใช้พื้นที่ว่างของย่านการค้าโอโซนวิเลจใจกลางเมืองแห่งนี้เปิดร้านหมูกระทะ ก่อนในระยะแรกและวันนี้เปิดข้าวราดแกง เพื่อให้พนักงานทุกคนนั้นได้มีงานทำและยังคงได้ช่วยเหลือคนอื่น ๆ อีกด้วย

“ โควิดระบาดระลอกใหม่ในช่วงเดือน ธ.ค.ปีที่ผ่านมา ผมตัดสินใจเปิดร้านหมูกระทะ เพราะเป็นอาหารทานง่าย และใช้พื้นที่โล่งไม่แออัดและเว้นระยะห่าง ตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด และมาวันนี้เกิดการระบาดระลอกใหม่อีกครั้ง ผมจึงตัดสินใจเปิดร้านข้าวแกงในชื่อร้างข้าวแกงยูบาร์ เพื่อให้พนักงานทุกคนนั้นมีงานทำ ด้วยการจัดระบบการทำงานออกเป็น 2 กะ คือกะแรกทำงานร้านข้าวแกง ตั้งแต่เวลา 07.00-14.30 น. จากนั้นกะที่ 2 ทำงานที่ร้านหมูกระทะ ตั้งแต่เวลา 15.30 -21.00 น. ซึ่งพนักงานทุกคนก็ดีใจที่เราไม่ทอดทิ้ง อีกทั้งอาหารที่ทำจำหน่ายนั้นพนักงานยังคงสามารถรับประทานได้อีกด้วย”

นายภาณุ กล่าวต่ออีกว่า ร้านข้าวแกงยูบาร์ ให้บริการทุกวัน โดยไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 07.00-14.30 น. ใน 14 เมนู โดยทุกวันจะต้องมีผัดกะเพรา,ต้มจืด,พะโล้,แกงเขียวหวาน,น้ำพริก,ไข่ดาว,พะแนงหมูและไก่ทอด ส่วนเมนูอื่น ๆ นั้นเป็นไปตามที่เซฟและทีมแม่ครัวจะพิจารณาจัดทำ โดยร้านเสริฟแบบไม่อั้น กินจนอิ่มในราคาที่กำหนดไว้ตายตัว คือราด 1 อย่าง 25 บาท ราด 2 อย่าง 30 บาท ราด 3 อย่าง 35 บาท หากเป็นแกงถุง คือ 30 บาท และข้าวเปล่า 10 บาท ซึ่งทุกจานเราจะเสริฟแบบอิ่มไม่อั้น เพราะข้าวแกงนั้นทานได้ทั้งวัน จึงตัดสินใจเปิดร้านข้าวแกงขึ้นเพื่อช่วยเหลือพนักงานที่ร้านได้มีงานทำ ช่วยเหลือผุ้ที่ได้รับผลกระทบและผู้ที่ชื่นชอบเมนูข้าวแกงได้รับประทานในราคาถูก รสชาติอาหารวัตถุดิบที่นำมาจำหน่ายอัดแน่นและเต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพเพราะครอบครัวทำร้านอหารมาทั้งชีวิต ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์เราต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และมีลูกค้าบางคนที่เข้ามารับประทานและรู้ว่าร้านของเรานั้นขายถูกและให้การช่วยเหลือสำหรับผู้ที่ไม่มีข้าวทานที่มาขอรับข้าวแกงไปทาน ที่เราก็จัดชุดพิเศษให้ ลูกค้ารายนั้นก็ได้สมทบทุนเพื่อส่งมอบกำลังใจอีกด้วย อย่างไรก็ตามในทุกวันจันทร์ ได้จัดให้มีเมนูพิเศษจานละ 30 บาทคือข้าวขาหมูโก้โตน ให้คนขอนแก่นได้อิ่มอร่อยอีกด้วย

ขอนแก่น – ผู้ว่าฯ ขอนแก่นเผยข่าวดี เตรียมรับจัดสรรวัคซีนลอตพิเศษปลายเดือนนี้ เน้นฉีดบุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยงด้านตรวจ 4 มุมเมือง และกลุ่มงานบริการเป็นอันดับแรก ขณะที่เดือน มิ.ย.ขอรับการจัดสรรอีก 400,000 โดส

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 26 เม.ย.2564 ที่โรงพยาบาลสนาม จ.ขอนแก่น แห่งที่ 1 (หอพัก 26 มหาวิทยาลัยขอนแก่น) นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น นำจิตอาสาพระราชทาน จ.ขอนแก่น ร่วมมอบเวชภัณฑ์ยา ,หน้ากากอนามัย,ชุดพีพีอี,น้ำยาฆ่าเชื้อและแอลกอฮอล์เจล ให้กับ รศ.นพ.ทรงศักดิ์  เกียรติชูสกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มข.สำหรับการใช้ในการปฎิบัติงานที่โรงพยาบาลสนาม ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น

นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภาพรวมของจังหวัดขณะนี้วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 12 ราย ทำให้จำนวนยอดผู้ป่วยสะสมในการระบาดระลอกใหม่ ขณะนี้ รวม 325 ราย ในจำนวนนี้รักษาหายขาดแล้ว 44 ราย ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้ง 26 อำเภอของจังหวัดวันนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 281 ราย ขณะที่โรงพยาบาลสนาม จ.ขอนแก่น แห่งที่ 1 ที่หอพัก 26 มข. ซึ่งมีทั้งหมด 258 เตียง ขณะนี้มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาทิ้งสิ้น 65 ราย ซึ่งในการบริหารจัดการ โรงพยาบาลสนามนั้น ขณะนี้มีการเตรียมแผนที่จะเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ที่อาคารเอนกประสงค์พุทธมณฑลอีสาน ซึ่งตั้งอยู่ริม ถ.เลี่ยงเมืองสายขอนแก่น-กาฬสินธื ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ที่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 240 เตียง และขณะนี้ความคืบหน้าในการดำเนินการไปแล้วกว่าร้อยละ 90 และหากสถานการณ์ในภาพรวมไม่ดีขึ้น หรือหากจำนวนผู้ป่วยที่โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 1 แห่งนี้แตะระดับไปเกินกว่า 200 คน โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ก็จะพร้อมต่อการเปิดใช้งานได้ทันที ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยงานได้ลงพื้นที่และดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเต็มที่ ต่อเนื่องทุกวัน

“ วันนี้สถานการณ์โดยรวมของจังหวัดเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ เริ่มลดลง อาจจะมีสู่งขึ้นบ้างในช่วงปลายสัปดาห์ ซึ่งการประเมินสถานการณ์นั้นจะทำแบบวันต่อวัน  โดยทีมสาธารณสุขจะดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ อย่างรัดกุม ตามนโยบายและมาตรการที่รัฐบาลกำหนด ขณะที่การฉีดวัคซีน รอบที่ 1 และรอบที่ 2 ที่จังหวัดได้รับการจัดสรรจากรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขนั้น ได้มีการฉีดครบถ้วนแล้วในเข็มแรก โดยเน้นในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงานในด้านหน้าที่ประจำจุดตรวจ 4 มุมเมืองของจังหวัดเป็นสำคัญ ซึ่งในเข็มที่ 2 คาดว่าจะสามารถเริ่มฉีดได้ในวงรอบที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดคือประมาณกลางเดือน พ.ค.”

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า ได้รับข่าวดีเมื่อรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข ได้พิจารณาให้ขอนแก่น ได้รับวัคซีนซิโนแวค รอบพิเศษ ที่จะส่งมายังจังหวัดในช่วงปลายเดือนนี้ โดยยังคงรอข้อสรุปว่าจะได้รับการจัดสรรมากน้อยเพียงใด ตามกลุ่มจังหวัดของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ดังนั้นเมื่อนับรวมวัคซีนที่ได้รับการจัดสรร ในรอบที่ 1 จำนวน 5,000 โดส รอบที่ 2 จำนวน 19,840 โดส และรอบพิเศษกำลังรอสรุปจากกระทรวงสาธารณสุข โดยในการฉีดนั้นจะเน้นในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ให้ครบทุกคน รวมไปถึง 4 กลุ่มตามที่ กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ขณะที่วัคซีนในรอบเดือน มิ.ย. ของแอสต้าเซเนก้า จังหวัดได้เสนอขอรับการจัดสรรจำนวน 400,000 โดสเพื่อฉีดให้กับกลุ่มบุคคลทั้ง 4 กลุ่มตามบัญชีรายชื่อ ซึ่งหากนับรวมวัคซีน ทั้ง 4 รอบ ที่ได้รับการจัดสรรนั้นเท่ากับว่าวขอนแก่นจะได้รับวัคซีนไปแล้วถึงร้อยละ 20 ของจำนวนประชากรทั้งจังหวัด

ศรีสะเกษ - มอบชุดกิ๊ฟเซ็ทป้องกันโควิด -19 จำนวน 20,000 ชุด สนับสนุนทีมผจญเหตุด่านหน้า เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล และทีม อสม.ในพื้นที่ทุกอำเภอ

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 64 ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ  นายวัฒนา  พุฒิชาติ  ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้มอบชุดกิ๊ฟเซ็ทป้องกันโควิด-19 ประกอบด้วยหน้ากากผ้าอนามัย และ สเปรย์แอลกอฮอล์ จำนวน 10,000.- ชุด ให้แก่นายแพทย์ทนง วีระแสงพงษ์  นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ และนายแพทย์ชลวิทย์ หลาวทอง  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีสะเกษ เพื่อนำไปสนับสนุนทีมผจญเหตุที่เป็นปราการด่านหน้าในพื้นที่ทุกอำเภอ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล และทีม อสม. ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้มอบหมายให้ นายบุญประสงศ์ นวลสายย์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย บุคลากร และเครือข่าย ทำการเร่งบรรจุสิ่งของ Sisaket gifts set Covid-19 ทั้งหมด 20,000 ชุด ในเบื้องต้นและเป็นความจำเป็นเร่งด่วนในการยับยั้งและควบคุมการแพร่กระจายโรค จึงส่งมอบก่อนจำนวน 10,000 ชุด นอกจากนี้ชมรมน้องพี่ศรีลำดวนยังได้สนับสนุนอาหารกลางวัน พร้อมเครื่องดื่มแก่บุคคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลศรีสะเกษอีกด้วย

นายวัฒนา  พุฒิชาติ  ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ  กล่าวว่า ชุดกิ๊ฟเซ็ทป้องกันโควิด 19 ทั้งหมด จำนวน 20,000 ชุด จะส่งมอบให้แก่อำเภอทั้ง 22 อำเภอ เพื่อทำการส่งมอบต่อไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลทุกแห่ง และมอบให้แก่ อสม. เพื่อนำไปใช้ในภารกิจเคาะประตูบ้านทุกหลังคา ติดตามสอบถามผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง 18 จังหวัด หรือ จากพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นการยับยั้งหรือควบคุมการแพร่กระจายของโรคโควิด -19  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้คำแนะนำการปฏิบัติในช่วงการกักตัวอย่างถูกวิธี จนครบ 14 วัน ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญและมีความเสี่ยงสูงของทีมผจญเหตุที่เป็นปราการด่านหน้าอย่างมาก  เพื่อให้ทีมงานจังหวัดศรีสะเกษมีความปลอดภัยเชื้อโรคไวรัสโควิด -19  ต่อไป


ข่าว/ภาพ บุญทัน  ธุศรีวรรณ  ศรีสะเกษ

สุรินทร์ - รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน มทบ.25 เตรียมพร้อมการปฏิบัติงานภายในห้องควบคุมความดันลบ และ โรงพยาบาลสนามกองทัพบก

วันที่ 26 เมษายน 2564 โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน มณฑลทหารบกที่ 25 อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดย  พันเอกสงคราม โชคชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน เตรียมความพร้อมการปฏิบัติงานภายในห้องควบคุมความดันลบ ซึ่งเป็นห้องที่สามารถคัดแยกผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 โดย มีเตียงรับรองผู้ป่วย จำนวน 12 เตียง ซึ่งแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาล ได้ใช้ระบบกล้องวงจรปิดทำให้สามารถติดตามอาการผ่านจอมอนิเตอร์และ Application ผ่านทางมือถือได้ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง ของแพทย์และพยาบาล ในการปฏิบัติงานและการเฝ้าติดตามอาการผู้ติดเชื้อ ซึ่งห้วงที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน ได้มีการทดลองใช้งานกับผู้ป่วยมาแล้ว 2 ราย ทำให้ แพทย์และพยาบาล มีความมั่นใจ และมีความรู้ปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น

ด้าน พันเอกสงคราม โชคชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน กล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดเตรียมโรงพยาบาลสนามกองทัพบก  เพื่อดูแลรองรับ กำลังพลและครอบครัว และประชาชน ที่ติดเชื้อและมีอาการเล็กน้อย หรือไม่มีอาการ รวมทั้งผู้ที่ได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลมาและอาการทุเลาลงแล้ว เพื่อเป็นการลดภาระด้านการรักษาพยาบาลให้กับโรงพยาบาลสาธารณสุขในจังหวัดสุรินทร์ได้ โดยจัดตั้งโรงพยาบาลสนามอยู่ 3 จุด คือ จุดที่1.เรือนรับรองค่ายวีรวัฒนโยธิน จำนวน 20 เตียง จุดที่ 2.สโมสรค่ายวีรวัฒน์โยธิน จำนวน 30 เตียง และจุดที่ 3 กองกำลังสุรนารี 30 เตียง รวมเป็น 80 เตียง โดยมีบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล จะทุ่มเท ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ และทั้งนี้เนื่องด้วยเหตุการณ์โควิด-19 ที่จังหวัดสุรินทร์ ที่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในหอผู้ป่วยสามัญ ในโรงพยาบาลสุรินทร์ ในวันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ.2564 และวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2564 จนทำให้บุคลากรทางการแพทย์ผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยขณะให้การดูแลรักษา มีความเสี่ยงสูงและปานกลาง จำนวนทั้งสิ้น 42 ราย จึงจำเป็นต้องได้รับการกักตัว 14 วัน ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ (เสี่ยงสูง 23 ราย เสี่ยงกลาง 19 ราย) ทำให้อัตรากำลังในการปฏิบัติงานลดลง จึงขอให้ผู้ป่วยที่เข้ารับการตรวจหรือรับการรักษาอย่าปกปิดข้อมูล เพราะจะทำให้กำลังแพทย์ที่ต้องดูแลลดลง ดังนั้นโรงพยาบาลสุรินทร์ จึงขอความร่วมมือประชาชนแจ้งข้อมูลและความเสี่ยงตามจริงกับเจ้าหน้าที่เสมอ เนื่องจากตรวจพบเร็ว การรักษาได้ผลดี ไม่กระจายวงกว้าง และที่สำคัญเจ้าหน้าที่สามารถเลือกเครื่องมือป้องกันให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นได้


ภาพ/ข่าว  ปุรุศักดิ์  แสนกล้า

19 จังหวัด - 1 สัปดาห์แห่งการให้ “ครัวมาดาม” ส่งข้าวกล่องแทนใจ 19 รพ.สนามทั่วประเทศ

ครัวมาดาม มูลนิธิมาดามแป้ง ขอบคุณทีมอาสาส่งข้าวกล่อง รพ.สนาม, รพ.รัฐ 19 แห่ง ครบ 1 สัปดาห์ เตรียมขยายเวลาความช่วยเหลือต่ออีกเดือน และขยายพื้นที่ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมชวนคนไทยร่วมบริจาคส่งน้ำใจให้ไกลขึ้น

การให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ถูกดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง “ครัวมาดาม” กับแนวคิด ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน ภายใต้มูลนิธิมาดามแป้ง ที่ตั้งครัวชุมชนส่งข้าวกล่องแล้วเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ ผ่านกลุ่มอาสากล้าใหม่ไปยัง 19 พื้นที่ทั่วประเทศ อาทิ อยุธยา, นครราชสีมา, ภูเก็ต,  เชียงใหม่, นราธิวาส ฯลฯ หลังเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดระลอก 3 ซึ่งเดิมวางเป้าหมายตั้งครัวถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ แต่ด้วยสถานการณ์ที่แย่ลงทำให้มีโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นมาก และบุคลากรทางแพทย์ต้องทำงานหนักขึ้น มูลนิธิฯ จึงมีแผนขยายเวลาและปรับขยายพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนช่วงวิกฤตให้มากที่สุด

ด้าน มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. ในฐานะประธานกรรมการ มูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า “ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณน้ำใจของกลุ่มคนอาสาทุกคนทั้งจากทุกชุมชนในแต่ละพื้นที่ ที่แม้รู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี แต่ก็เสียสละส่งต่อน้ำใจของมูลนิธิฯ นี้ไปยังคุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทุกคนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เราเชื่อว่าน้ำใจแห่งความตั้งใจนี้จะเป็นพลังให้คุณหมอที่ทำหน้าที่อย่างหนักในทุก ๆ วัน ซึ่งภารกิจของเรายังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะยังต้องทำต่อไปตามเป้าหมายคือ 28,500 กล่อง ในสิ้นเดือนเมษายนนี้”

“จากการประเมินสถานการณ์และแนวโน้มที่ทวีความรุนแรงขึ้น คณะกรรมการมูลนิธิฯ จึงกำลังวางแผนการขยายระยะเวลาทำครัวมาดามออกไปอีก เพื่อแบ่งเบาภาระของคุณหมอ อีกทั้ง ยังมีความเห็นว่าควรปรับและขยายพื้นที่ความช่วยเหลือออกไปอีก โดยขอเชิญชวนคนไทยทุกคนมาช่วยกัน นอกจากการดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยง อันจะเป็นการช่วยป้องกันบุคลากรทางแพทย์ และหากคนเราแข็งแรงและมีกำลัง ก็สามารถเอากำลังกายและใจนั้นออกมาแบ่งปันช่วยเหลือกันต่อไป” มาดามแป้ง กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ “มูลนิธิมาดามแป้ง” ขอเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางแพทย์ ผ่านกิจกรรมครัวมาดาม ด้วยการส่งข้าวกล่องเติมพลังให้ด่านหน้าผู้เสียสละในทุกวัน ด้วยการร่วมบริจาคสมทบทุน กล่องละ 50 บาท เลขบัญชี 092-2-61340-0 ธ.กสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้

 

 

ขอนแก่น - ตำรวจภูธรภาค 4 รับมอบกรมธรรม์ประกันโควิด ครั้งที่ 2 สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปฏิบัติงานในสังกัด

เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4  พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรัตม์ชัย ศรีรัตนวุฑฒิ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น และผู้บริหารกลุ่มบริษัท น้ำตาลเอราวัณ จำกัด ได้จัดกิจกรรมพิธีรับมอบกรมธรรม์ประกันโควิด จากกลุ่มบริษัท น้ำตาลเอราวัณ จำกัด ให้กับข้าราชการตำรวจ ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 4

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID – 19) ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นการระบาดในรอบที่ 3 ทำให้มีข้าราชการตำรวจและครอบครัว ติดเชื้อและอยู่ในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ และขวัญกำลังใจของข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่

โดยที่ผ่านมา กลุ่มบริษัท น้ำตาลเอราวัณ จำกัด ได้อนุเคราะห์มอบกรมธรรม์ประกันโควิด ให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 4 (ส่วนกลาง) อันได้แก่ กองบังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 4 ,กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ,กองบังคับการกฎหมายและคดีตำรวจภูธรภาค 4, ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 4 ,ตำรวจภูธรจังหวัดเลย และตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,960 คนจำนวน 2,960 กรมธรรม์ เป็นเงิน จำนวน 3,010,320 บาท ซึ่งได้ทำสัญญาเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2564 มีผลคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค. 2564 เป็นต้นมา

และในครั้งนี้ กลุ่มบริษัท น้ำตาลเอราวัณ จำกัด ได้ให้ความอนุเคราะห์มอบกรมธรรม์ประกันโควิด เพื่อเป็นสวัสดิการให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 4 อีกครั้งหนึ่ง โดยมอบให้กับตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น จำนวน 3,363 คน และตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี จำนวน 2,159 คน รวมทั้งสิ้น 5,522 คน เป็นเงินทั้งสิ้น 5,615,874 บาท ได้ทำสัญญาไว้

วันที่ 20 เมษายน 2564 มีผลคุ้มครองในวันที่ 5 พ.ค. 2564พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า การปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจซึ่งถือเป็นด่านหน้าที่สำคัญที่ทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานทั้งในด้านของการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อำนวยความสะดวกและให้บริการประชาชน ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมาย ที่เป็นงานประจำที่ต้องดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ขณะเดียวกันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ตำรวจก็เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวดังนั้นการดูแลและคุ้มครองเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในระดับพื้นที่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ผู้บังคับบัญชาจะต้องดูแลในเรื่องดังกล่าว ตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ตำรวจเราถือว่ามีความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อจากการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกลุ่มบริษัท น้ำตาลเอราวัณ จำกัด ซึ่งได้เล็งเห็นอันตรายจากความเสี่ยงดังกล่าว จึงได้ประสานการมีส่วนร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 4 ในการจัดทำกรมธรรม์ประกันภัย ในประเภทประกันโควิด เพื่อเป็นสวัสดิการให้กับข้าราชการตำรวจภูธร ภาค 4

ด้าน พล.ต.ต.พุฒิพงศ์  มุสิกูล ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่าการแพร่ระบาด โควิด-19 ในรอบนี้ ตอนนี้เราได้ดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข กำชับไปยังผู้กำกับทุกสถานีและหน่วยในสังกัดต้องยึดถือมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด สำหรับบางโรงพักหรือบางหน่วยที่มีข้าราชการตำรวจติดเชื้อในส่วนของตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นที่มีข่าวว่ามีการติดเชื้อซึ่งไม่ใช่หน่วยงานที่พบปะประชาชนโดยตรงเป็นหน่วยงานเฉพาะกิจซึ่งทำงานเฉพาะด้านดังนั้นจึงไม่มีผลต่อการให้บริการประชาชนในสถานีตำรวจ ดังนั้นต้องปฏิบัติตนไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือที่ทำงานหรือผู้ใกล้ชิดต่าง ๆ ให้ดำเนินการตามมาตรการด้านสาธารณสุขถึงแม้จะไม่ใช่ช่วงในเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ก็ตาม

ยโสธร – แมลงปีกแข็งจำนวนมาก บุกเข้าบ้านจนเจ้าของบ้านเดือดร้อน

วันที่ 26 เมษายน 2564 ที่จังหวัดยโสธรผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีฝูงแมลงปีกแข็งสีดำ หรือ มอดกระเบื้อง หลายหมื่นตัว พากันเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านพักของชาวบ้านรายหนึ่งที่บ้านเอราวัณ ตำบลกุดชุม อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร จนสร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าของบ้านไม่สามารถที่จะพักอาศัยอยู่ในบ้านพักได้เนื่องจากกลัวว่าจะได้รับอันตรายจากแมลงปีกแข็งดังกล่าว ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 194 หมู่ 12 บ้านเอราวัณ ตำบลกุดชุม อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร

ซึ่งเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ปลูกกลางทุ่งนา ค่อนข้างห่างชุมชน บริเวณบนบ้านชั้น 2 พบว่ามีแมลงปีกแข็งสีดำไต่เต็มพื้นบ้านและบริเวณโครงหลังคาบ้านยังพบว่ามีแมลงปีกแข็งสีดำจำนวนมากเกาะอยู่และยังมีอีกบางส่วนที่หล่นลงไปยังพื้นด้านล่างจนสร้างความรำคาญให้กับเจ้าของบ้าน โดยก่อนหน้านี้เจ้าของบ้านก็พยายามใช้น้ำมันดีเซลฉีดพ่นทำลายซึ่งก็ช่วยได้ในระดับหนึ่งแต่แมลงปีกแข็งสีดำดังกล่าวก็ยิ่งพากันเข้าไปอยู่ในบ้านเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการสังเกตุพบว่าแมลงปีแข็งสีดำดังกล่าวจะมีกลิ่นฉุนเมื่อสูดดมกลิ่นของแมลงเข้าไปมาก ๆ จะมีอาการเวียนหัวทันที จนสร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าของบ้านไม่สามารถที่จะพักอาศัยอยู่ในบ้านได้เพราะหวั่นเกรงว่าแมลงจะไต่เข้าหูโดยเฉพาะเด็กๆที่อาศัยอยู่ในบ้านเจ้าของบ้านจึงพาสมาชิกในครอบครัวอพยพไปอาศัยหลับนอนที่นอกตัวบ้านแทนเป็นการชั่วคราวก่อนในระยะนี้เพื่อความปลอดภัย

นางคำปุ่น  ชื่นบาน อายุ 59 ปี เจ้าของบ้าน บอกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อหลายปีก่อนฝูงแมลงปีกแข็งเหล่านี้ก็เคยเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของตนทุกปีในช่วงเดียวกันนี้ หรือประมาณหน้าร้อนของทุกปีและในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งแมลงปีกแข็งสีดำได้พากันเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของตนเมื่อประมาณ 3 วันที่แล้ว จนสร้างความเดือดร้อนให้กับตนเองและสมาชิกในบ้านไม่สามารถจะอยู่อาศัยภายในบ้านได้เพราะเกรงว่าแมลงจะไต่เข้าหูและแมลงเหล่านี้ยังมีกลิ่นฉุนเมื่อสูดดมมาก ๆ จะมีอาการเวียนหัวทันทีโดยเฉพาะในบ้านของตนมีหลานเล็ก ๆ พักอาศัยอยู่ด้วยจึงเกรงว่าอาจจะได้รับอันตรายไปด้วย ซึ่งปกติทุกปีที่ผ่านมาตนจะไปแจ้งให้กับ อบต.กุดชุม ทราบ ซึ่งก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยฉีดสารเคมีกำจัดให้พอทุเลาลงได้บ้าง แต่ในปีนี้ก็ได้แจ้งให้ทราบแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปฉีดพ่นสารเคมีกำจัดให้

โดยขณะนี้ ตนก็ให้ลูกชายนำน้ำมันดีเซลไปฉีดพ่นกำจัดเป็นการชั่วคราวไปก่อน จึงวอนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าให้การช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนด้วย ส่วนสาเหตุที่ฝูงแมลงปีกแข็งบุกเข้าบ้านของตนทุกปีนั้น ตนก็ไม่ทราบสาเหตุชัดเจนแต่พอถึงช่วงเวลาดังกล่าวก็จะพากันเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของตนทันทีและจะอาศัยอยู่ในบ้านยาวไปจนถึงช่วงเข้าพรรษาของทุกปีฝูงแมลงปีกแข็งก็จะพากันหนีไปเอง


ภาพ/ข่าว  สมัย  คำแก้ว  ผู้สื่อภูมิภาคจังหวัดยโสธร

กาฬสินธุ์ – รองผู้ว่าฯ มอบประกาศนียบัตรจิตอาสาผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและสังคม ให้กับนักเรียน โรงเรียนหนองสอพิทยาคม จำนวน 8 ราย เพื่อยกย่อง และเป็นตัวอย่างแก่เพื่อนนักเรียน

วันที่ 27 เมษายน 2564 ที่ห้องประชุมฟ้าแดดสงยาง ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น  พงษ์อักษร  รอง ผวจ.กาฬสินธุ์  มอบประกาศนียบัตรจิตอาสาผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและสังคม ให้กับนักเรียนชุมชนพุทธจิตอาสา โรงเรียนหนองสอพิทยาคม อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์  จำนวน 8 ราย คือ นายนครินทร์ สินทร , นายสุระเพชร  วรรณมล , นายธนากร  ไกยบุตร , นายณัฐพล  ชุมทวียศ , นางสาวกัญญาลักษณ์  อัครินทร์ , นางสาวกุลวรรณ  เกตุกุล , นางสาววนิดา  ผลาผล  และนางสาวชุติมา  อิ่มฤทธิ์  ซึ่งเป็นจิตอาสาช่วยเหลืองานของ  โรงเรียน วัด และชุมชน มาเป็นระยะเวลา 3 ปี  โดยมีนายบัญชายุทธ  นาคมุจลินท์  ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.กาฬสินธุ์ นางกมนรัตน์  สิมมาคำ วัฒนธรรม จ.กาฬสินธุ์  ร่วมแสดงความยินดี

ทั้งนี้ โรงเรียนหนองสอพิทยาคม ต.ลำปาว อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ได้จัดกิจกรรมชุมนุมเพื่อให้นักเรียนได้ทำกิจกรรมเพื่อพัฒนา ความถนัด ความสนใจ ตามความต้องการของนักเรียน มุ่งเน้นการเติมเต็มความรู้ ความชำนาญและประสบการณ์ให้กับนักเรียน ตลอดจนปลูกฝังจิตสำนึกของการทำประโยชน์เพื่อสังคม เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 ได้มีการจัดตั้งชุมนุมพุทธจิตอาสา โดยมีพระอาจารย์วัฒน์ชรินทร์  อรุโณ (ผาลาโห) เป็นพระอาจารย์ที่ปรึกษาชุมนุม ซึ่งจะออกบริการทางชุมชนและวัดตามวาระโอกาส วันสำคัญต่าง ๆ และประเพณีที่สำคัญ  ส่วนหนึ่งก็เพื่อปลูกผังจิตสำนึกด้านจิตสาธารณะให้กับนักเรียน รู้จักการเสียสละ ทำประโยชน์เพื่อสังคม


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์  ประชากูล

บึงกาฬ – อ่วมหนัก หาดคำสมบูรณ์เจอพิษโควิด-19 ยังไม่พอ พายุพัดกระหน่ำอีกรอบ

หาดคำสมบูรณ์เป็นหาดทรายเทียมตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านคำสมบูรณ์ ต.บึงโขงหลง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำลำดับที่ 2 ของประเทศไทย เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ หรือ Ramsar Site อันดับที่ 1098 เป็นแหล่งท่องเที่ยวท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดบึงกาฬ ที่ นทท.มักพาบุตรหลานลงเล่นน้ำคลายร้อน นอกจากทะเลน้ำจืดกว้างขวางมีคลื่นลมซัด มีอุปกรณ์เล่นน้ำให้เช่า เช่นหวงยาง เรือบานานาโบ๊ต อีกมากมายหลายอย่าง เมื่อเดือนที่แล้วเจอพิษโควิดเล่นงานจนเงียบเหงา แต่เมื่อบ่ายวันนี้เจอพิษพายุฤดูร้อนเล่นงานจนร้านรวงพังเสียหาย นอกจากนี้ตามหมู่บ้านต่าง ๆ ของจังหวัดบึงกาฬก็โดนพิษพายุไปด้วย

เมื่อเวลาประมาณ 14.00 นวันที่ 27 เม.ย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองในหลายอำเภอ ของพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ จึงทำให้มีต้นไม้ และบ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียหาย เช่น ที่บริเวณหาดคำสมบูรณ์ ต.บึงโขงหลง อ.บึงโขงหลง แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ถูกลมพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำทำให้เพิงพักร้านค้า ที่ทำเป็นลักษณะเพิงหมาแหงน ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว ได้รับความเสียหายหลายหลัง โดยมีร้านที่เสียหายมากที่สุด คือร้านครัวมิวสิค หลังคาที่มุงด้วยอะลูซิงค์ ถูกลมพัดหายไปทั้งหลัง ความเสียหายประมาณ 50,000 บาท ร้านเอ๋ปลาเผาความเสียหายอยู่ที่ 30,000 บาท และร้านน้องอิงปลาเผา ความเสียหายอยู่ประมาณ 10,000 บาท 

เช่นเดียวกับในเขตพื้นที่ บ้านศรีอำนวยพร ม.8 ต.ท่ากกแดง อ.เซกา มีบ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียหายจากพายุจำนวน 4 ครัวเรือน ต้นไม้ล้มทับบ้านเรือนประชาชนอีกจำนวนหนึ่ง ในเบื้องต้นนางดารณี ไกรทัศน์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.8 พร้อมด้วย ผู้ช่วย ส.อบต. ชาวบ้าน มูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์  และเจ้าหน้าที่ อบต. เข้าช่วยตัดต้นไม้ที่หักทับชายคาเป็นที่เรียบร้อย พร้อมแจ้งไปยัง อบต.เพื่อให้ช่างได้มาดำเนินการประมาณการความเสียหาย 

ส่วนที่ในพื้นที่ตำบลนาสวรรค์ อำเภอเมืองบึงกาฬ ก็ได้รับความเสียหายจากพายุเช่นกัน โดยที่บ้านของนายประยงค์ จิตนาม บ้านเลขที่ 355 ม.1 ต.นาสวรรค์ มีผู้อาศัยอยู่ด้วยกัน 3 คน ถูกแรงลมพัดเอาหลังคาบ้านที่มุงด้วยอะลูซิงค์ ปลิวลอยไปตกกลางท้องนา เสียหายทั้งหลัง มีเสา 3 ต้น ไม้แปลและไม้จันทันยาว 8 เมตร รวม 13 ตัว สังกะสียาว 12 ฟุต จำนวน 12 แผ่น อลูซิ่งยาว 8 เมตร จำนวน 11 แผ่น คิดรวมประเมินค่าความเสียหายประมาณ 20,000 บาท และบ้านนายจันทร์ศรี รักโคตร บ้านเดียวกัน เสียหายบางส่วน กระเบื้องจำนวน 14 แผ่น เบื้องต้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งสำรวจเพื่อเข้าช่วยเหลือต่อไป 


ภาพ/ข่าว  เกรียงไกร  พรมจันทร์ / บึงกาฬ

อุดรธานี – ‘เจ้าของร้านป้าย’ชาวอุดร ร่วมใจกับเพื่อนส่งตู้ตรวจโควิด-19 แบบสนามช่วยนักรบชุดขาว

สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทยยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นทุกวัน เฉพาะ จ.อุดรธานี ณ วันที่ 27 เมษายน 2564  โดยมีผู้ติดเชื้อสะสม 327 ราย และยังมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอีก ท่ามกลางการควบคุมโรค มาตรการเข้มงวดต่างๆ ต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจจากทุกภาคส่วนเพื่อลดตัวเลขการติดเชื้อ ดังเช่นภาคเอกชนของ จ.อุดรธานี ได้รวบรวมเงินทุนเพื่อสร้างตู้ตรวจโควิดแบบสนาม (Positive swap test box) ส่งมอบต่อ รพ.อุดรธานี สนับสนุนการทำงานของนักรบชุดขาวให้ทำงานได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น

วันที่ 27 เมษายน 2564 เวลา10.30 น. ที่ร้านบางกอกพลาสติค หรือ ร้านทำป้าย เลขที่ 559/28 – 29 ถ.โพศรี ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี นายณัฐพงษ์ แซ่ตั้ง หรือเฮียณัฐ อายุ 43 ปี เจ้าของร้าน  ได้ทำการสาธิตในการประกอบตู้ตรวจโควิดแบบสนาม (Positive swap test box) โดยมีลูกน้องที่ร้าน 3 คนเป็นลูกมือช่วยกันประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อส่งต่อไปยัง รพ.อุดรธานี ให้ทีมแพทย์พยาบาลได้ใช้ในการตรวจรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด – 19 ซึ่งเฮียณัฐ ให้ข้อมูลและแนะนำวิธีการประกอบอย่างอารมณ์ดี

นายณัฐพงษ์ แซ่ตั้ง  เปิดเผยว่า โควิค – 19 เป็นโรคระบาดที่น่ากลัวมาก ติดตามข่าวอยู่เป็นประจำและเห็นความเหน็ดเหนื่อยของทีมแพทย์พยาบาลที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน จากการพูดคุยในกลุ่มเพื่อนฝูงอยากจะสนับสนุนการทำงานของพี่น้องสาธารณสุข จึงมีแนวคิดสร้างตู้ตรวจโควิดแบบสนามเพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจรักษา ต้นแบบเดิมเราเห็นจากโรงพยาบาลต่าง ๆ จะให้ผู้ป่วยอยู่ด้านในและรับการตรวจ เราจึงปรับเปลี่ยนมาเป็นให้คุณหมอคุณพยาบาลอยู่ข้างในแทน ไม่ต้องสวมชุด PPE ร้อน ๆ สามารถทำงานได้สะดวกมากขึ้น

ตัวตู้สูง 195 ซม. กว้าง 115 ซม. ลึก 90 ซม. มีล้อเลื่อนด้านล่าง โครงสร้างทำจากสแตนเลส พื้นเป็นเหล็กซิงค์ ผนังทำจากพลาสวู้ด และติดตั้งระบบไฟส่องสว่าง พร้อมกับเครื่อง Smile O2 หรือเครื่องกรองอากาศ 3 ตัว ดูดอากาศเข้า 2 ตัว ระบายอากาศออก 1 ตัว งบประมาณทั้งสิ้น 73,000 บาท ต่อ 1 ตู้ โดยเป็นการบริจาคของพรรคพวกเพื่อนฝูง ทางร้านก็จะช่วยในงบประมาณบางส่วนและออกแรงในการประกอบตู้ขึ้นมา  โดยประกอบและส่งมอบมาแล้ว 1 ครั้ง จำนวน 4 ตู้ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2563 มอบให้กับ โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ,โรงพยาบาลสกลนคร ,โรงพยาบาลหนองคาย และ โรงพยาบาลบึงกาฬ”

นายณัฐพงษ์ แซ่ตั้ง เปิดเผยอีกว่า ล็อตนี้เรามีงบประมาณประกอบ 2 ตู้ น่าจะผ่านการทดสอบพร้อมส่งมอบในวันพฤหัสบดีนี้ โดยจะมอบให้กับ โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ต่อไป หากท่านใดสนใจที่ร่วมสนับสนุนตู้ตรวจโควิดแบบสนาม (Positive swap test box) เพื่อสู้กับโรคร้ายครั้งนี้ สามารถบริจาคได้ที่ บัญชี ธ.กรุงศรีอยุธยา ชื่อบัญชี : นรุตม์ชัย ศุภชัยสาคร เลขที่  215-1-56101-9 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พิชัย เอื้อมธุรพจน์ (เฮียเปา) ทางร้านบางกอกพลาสติค เปิดมากว่า 45 ปี  ซึ่งตนเองเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว ทางครอบครัวก็เห็นว่าจะเป็นการช่วยเหลือสังคมได้อีกทางหนึ่ง จึงร่วมสนับสนุนและส่งกำลังใจให้ทีมแพทย์พยาบาลทุก ๆ ท่าน


ภาพ/ข่าว  นายกฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top