Friday, 17 May 2024
Isan

กาฬสินธุ์ - ชลประทานกาฬสินธุ์ ยันปริมาณน้ำขนาดกลาง 17 แห่ง เพียงพอฤดูแล้ง

ผู้อำนวยการโครงการชลประทานกาฬสินธุ์เผยภาวะฝนทิ้งช่วงยังไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำชลประทาน อ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้ง 17 แห่ง โดยภาพรวมมีปริมาณน้ำ 60%  ยืนยันเพียงพอใช้พ้นฤดูแล้ง พร้อมขอความร่วมมือประชาชนไม่ปล่อยน้ำทิ้ง ร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัดและคุ้มค่ามากที่สุด

เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพของประชาชนในช่วงฤดูแล้ง ทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน พบว่า มีการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งเพื่อการยังชีพและจำหน่าย เช่น ข้าวนาปรัง ข้าวโพด ถั่วลิสง ถั่วฝักยาว พืชตระกูลแตงอื่นๆ ขณะที่ปริมาณน้ำตามอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ซึ่งอยู่ในการดูแลของโครงการชลประทานกาฬสินธุ์ทั้ง 17 แห่ง พบว่ายังมีเหลือเพียงพอต่อการอุปโภค บริโภคให้กับประชาชน โดยภาพรวมเฉลี่ยมีปริมาณถึง 60%

นายเกริงกรุง สุภัควนิช ผู้อำนวยการโครงการชลประทานกาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ปริมาณน้ำอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้ง 17 แห่ง ปัจจุบันยังอยู่ในเกณฑ์ที่เพียงพอต่อการอุปโภค บริโภคในฤดูแล้งนี้ ทั้งนี้ในส่วนของพื้นที่ใช้น้ำของโครงการชลประทานกาฬสินธุ์ มีพื้นที่ทำการเกษตร โดยเฉพาะปลูกข้าวนาปรังประมาณ 1 หมื่นกว่าไร่ ในภาพรวมมีการบริหารจัดการน้ำอย่างทั่วถึงและเพียงพอ เฉลี่ยมีปริมาณถึง 60%  โดยเพียงมีอ่างเก็บ 4 แห่งคือ อ่างเก็บน้ำหนองหมาจอก ต.ยางตลาด อ่างเก็บน้ำหนองหญ้าม้า ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด, อ่างเก็บน้ำวังลิ้นฟ้า อ.ห้วยเม็ก และอ่างลำพะยังตอนบน อ.เขาวงเท่านั้น ที่มีปริมาณต่ำว่า 30% แต่ยังก็เพียงพอต่อการอุปโภค บริโภค 

นายเกริงกรุง กล่าวอีกว่า ในส่วนของการบริหารจัดการน้ำของโครงการชลประทานกาฬสินธุ์นั้น มีการวางแผนรับมือภัยแล้งให้มีประสิทธิภาพ โดยมีการจัดสรรเป็นน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ให้เพียงพอถึงต้นฤดูฝน เช่น มีการกักเก็บน้ำในช่วงเกิดภาวะน้ำท่วมตามแนวแม่น้ำชี อ.ฆ้องชัย เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้, มีการจัดการน้ำทั้งในส่วนของการเกษตรกรรม และโรงงานอุตสาหกรรมให้เพียงพอ, เตรียมเครื่องสูบน้ำ โดยประสานการทำงานร่วมกับสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อสูบน้ำระยะไกล ในกรณีเกิดภัยแล้ง, สร้างการรับรู้การใช้น้ำให้กับประชาชน พร้อมกับขอความร่วมมือประชาชนและเกษตรกรไม่ปล่อยน้ำทิ้ง ใช้น้ำอย่างประหยัด และคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งจะไม่ทำให้ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ

 

ขอนแก่น - จัดโครงการ 3 ม. “มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม”

สำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่น ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น สถาบันอาชีวศึกษาเอกชนจังหวัดขอนแก่น หอการค้าจังหวัดขอนแก่น สภาอุสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น และบริษัท ซีพีแรม จำกัด(ขอนแก่น) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการ 3 ม. (มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม)ขับเคลื่อนการพัฒนา สู่การเป็น Smart and Mice City

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 21  มกราคม 2565 ที่ โรงแรมคอนวีเนี่ยน จังหวัดขอนแก่น นายจารึก  เหล่าประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น  เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อความข้อตกลงความร่วมมือ โครงการ ๓ ม.(มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม)ระหว่างสำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น สถาบันอาชีวศึกษาเอกชนจังหวัดขอนแก่น หอการค้าจังหวัดขอนแก่น สภาอุสาหกรรมจังหวัดขอนแก่นและบริษัท ซีพีแรม จำกัด(ขอนแก่น)โดยมี ผู้ร่วมลงนามดังนี้นายพงษ์ศักดิ์  ปรีชาวิทย์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ,ดร.สิทธิพล พหลทัพ ผู้แทนผอ.สพม.ขอนแก่น,นายประภาส พรหมคำบุตร จัดหางานจังหวัดขอนแก่น,ดร.ประเสริฐ กลิ่นชู นายกสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยในพระราซูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯสยามบรมราชกุมารี ,ผศ.ดร.เกรียงกร ปัญญาประเสริฐกุล ประธานอาชีวศึกษาเอกชนจังหวัดขอนแก่น อุปนายกฝ่ายวิจัยและพัฒนา สมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี,นายชาญณรงค์ บุริสตระกูล ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น,นายปาณชัย สุวรรณวานิช รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น นายเดโช ปลื้มใจ ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสบริษัท ซีพีแรม จำกัด(ขอนแก่น),ตัวแทนบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ,นายวิเชียร  เนียมนิยมบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)  นางสาวอรทัย พิพัตนผาติการย์รองผู้อำนวยการ Operation-HRบริษัท ชี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป จำกัด,นางอาภรณ์ แว่วสอน ผู้อำนวยการศูนย์ฟื้นฟูสรรถภาพคนงานภาค 4,นางณัฐนรี แก้ววังปา นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดขอนแก่น ,นายเดโช ปลื้มใจ ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสบริษัท ซีพีแรม จำกัด(ขอนแก่น),ตัวแทนบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ,นายวิเชียร เนียมนิยมบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)  นางสาวอรทัย พิพัตนผาติการย์รองผู้อำนวยการ Operation-HRบริษัท ชี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป จำกัด,นางอาภรณ์ แว่วสอน ผู้อำนวยการศูนย์ฟื้นฟูสรรถภาพคนงานภาค 4,นางณัฐนรี แก้ววังปา นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดขอนแก่น ,นายขวัญชัย นารถบุญ แรงงานจังหวัดขอนแก่น สำนักงานแรงงานจังหวัดขอนแก่น,นายธีร์ ศรีอาษา ประกันสังคมจังหวัดขอนแก่น สำนักงานประกันสังคม จังหวัดขอนแก่น,นายธวัช วงศ์ริน นักวิชาการพัฒนาฝีมือแรงงานชำนาญการพิเศษ,นางอรวรรณ หินตะหัวหน้าศูนย์บริหารข้อมูลตลาดแรงงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, นางสาวอรทัย พิพัตนผาติการย์ ศูนย์บริหารข้อมูลตลาดแรงงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือและผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวเอกชนในจังหวัดขอนแก่น 18 แห่ง ร่วมลงนาม

นายจารึก เหล่าประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การดำเนินการโครงการ 3 ม. (มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม) เพื่อส่งเสริมให้ประชาชน โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษาที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือประกาศณียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ที่ต้องการเข้าสู่ตลาดแรงงาน ได้มีงานทำและได้ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นระหว่างทำงาน ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันในรูปแบบพลังประชารัฐ โดยประสานความร่วมมือระหว่าง สำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่น สถานประกอบการ และสถาบันการศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน จังหวัดขอนแก่น ในการสร้างโอกาสให้แก่ประชาชนในด้านการมีงานทำ ได้รับค่าตอบแทน และสวัสดิการตามที่กฎหมายกำหนด เปิดโอกาสในการพัฒนาตนเอง เพื่อให้มีวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้น

นายจารึก กล่าวอีกว่าในระดับที่ตลาดแรงงานมีความต้องการ ถือเป็นการเพิ่มผลิตภาพแรงงานและช่วยยกระดับคุณภาพ ชีวิตของประชาชน รวมทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และได้กำลังแรงงานที่ตรงกับการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการ 3 ม. (มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม) ที่มีขึ้นในวันนี้ ถือเป็นนิมิตหมายอันดี ที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้ร่วมมือกันในการดำเนินการและขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ผมขอขอบคุณ สำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่น หอการค้า สภาอุตสาหกรรม บริษัท ซีพีแรม จำกัด(ขอนแก่น) วิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนจังหวัดขอนแก่น และสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งมีส่วนช่วยส่งเสริมการมีงานทำและเพิ่มทักษะความรู้ในด้านการพัฒนาแรงงาน เพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของกำลังแรงงานของจังหวัดขอนแก่น และระบบเศรษฐกิจไทยต่อไป

ด้าน  นายพงษ์ศักดิ์  ปรีชาวิทย์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงที่มาของโครงการ 3 ม. จากจังหวัดบึงกาฬ ถึง จังหวัดขอนแก่น เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ได้ดำเนินการ ในเรื่องนี้ โดยวันที่ 31 มีนาคม 2561 น.ส.กตพร สองเมืองสุข จัดหางานจังหวัดบึงกาฬ มอบหมายเจ้าหน้าที่ เดินทางไปส่งนักเรียน นักศึกษา ที่เข้าร่วมโครงการ ๓ ม.(มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม) จำนวน 22 คน โดยทำงานกับ บริษัท แซมโบ ชินโด (ประเทศไทย) จํากัด จำนวน 13 คน บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำนวน 6 คน บริษัท เคเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล( ประเทศไทย) จำกัด จำนวน  3 คน เพื่อขึ้นรถของวิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) ณ สถานีบริการน้ำมัน ตำบลชุมแพ อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น

สุรินทร์ - ผบ.มทบ.25 มอบจักรยาน ตามโครงการ "Army Bike สานฝัน ปันสุข" โรงเรียนบ้านกันตรง ต.บึง อ.เขวาสินรินทร์

พลตรีสาธิต เกิดโภค ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เป็นประธานในพิธีมอบจักรยาน ตามโครงการ "Army Bike สานฝัน ปันสุข" ณ โรงเรียนบ้านกันตรง ตำบลบึง อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ โดยมี นายพิณี หาสุข  ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกันตรงและคณะครูร่วมเป็นเกียรติ โครงการ "Army Bike สานฝัน ปันสุข" มี พันเอกรุหาญ  รุจธารจรูญ หัวหน้ากองกิจการพลเรือน มณฑลทหารบกที่ 25 กล่าวรายงาน ด้วยความห่วงใยของ พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ที่ได้เล็งเห็นถึงความลำบาก ของการเดินทางของนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล จึงได้ให้หน่วยทหาร ที่มีความเชี่ยวชาญด้านงานช่าง ทำการซ่อมจักรยาน ที่มีผู้บริจาคให้มีสภาพดีพร้อมใช้ และมอบให้เด็กนักเรียนที่มีความจำเป็น นำไปใช้ในการเดินทางไปโรงเรียน เพื่อความปลอดภัยในโครงการ "Army Bike สานฝัน ปันสุข" โดยเริ่มดำเนินการในพื้นที่แนวชายแดน พื้นที่ทุรกันดาร ของประเทศ

โดยหน่วยมณฑลทหารบกที่ 25 ได้ประชาสัมพันธ์ กำลังพลของหน่วยและประชาชนในพื้นที่ ในเรื่องรับบริจาคจักรยานที่เก่าหรือชำรุด เพื่อรวบรวมส่งต่อให้กับหน่วยซ่อมบำรุงจักรยานที่ได้รับบริจาคให้กลับมาอยู่ในสภาพดีใช้งานได้ตามปกติ  แล้วจึงนำมามอบให้กับนักเรียน ที่อยู่ในพื้นที่ชายแดน พื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร ในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย เพื่อใช้ในการเดินทางไปโรงเรียน ตลอดจนเป็นการแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองอีกทางหนึ่งด้วย

กาฬสินธุ์ - ผู้การกาฬสินธุ์ ตั้งโต๊ะขายไข่ขาดทุน! ราคาถูก - ช่วยลดค่าครองชีพช่วงของแพง!!

ผู้การฯกาฬสินธุ์ ควงประธานแม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งโต๊ะขาย “ไข่ไก่ผู้การโป้ง”เบอร์ 1 ราคาถูก แผงละ 80 บาท สด ๆ จากฟาร์มขายขาดทุนให้ครอบครัวตำรวจกาฬสินธุ์ครัวเรือนละ 2 แผง เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและลดค่าครองชีพในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด และช่วงไข่ไก่-เนื้อหมูราคาแพง

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 26 มกราคม 2565 พล.ต.ต.วรวัฒน์ มะลิ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ นางพรพรรณ มะลิ ประธานแม่บ้านตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายอำนวยการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ นำไข่ไก่เบอร์ 1 “ไข่ไก่ผู้การโป้ง” สด ๆ จากฟาร์มมาตั้งโต๊ะวางขายราคาถูกกว่าท้องตลาดและขายแบบขาดทุนแผงละ 80 บาท ให้กับตำรวจในสังกัดตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ โดยกำหนดให้ซื้อได้คนละ 2 แผง  เพื่อเป็นแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและลดค่าครองชีพให้กับครอบครัวตำรวจในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด และช่วงที่ราคาสินค้าต่างๆปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะไข่ไก่ และเนื้อหมูที่มีราคาแพง

พล.ต.ต.วรวัฒน์ มะลิ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวส่วนตัวได้ไปซื้อไข่ไก่สด ๆ เบอร์ 1 จากฟาร์มโดยตรง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งซื้อได้ราคาแผงละ 90 บาทถูกกว่าท้องตลาดที่ทราบว่าปัจจุบันจำหน่ายอยู่ที่แผงละ 110 -120 บาท จำนวน 1,000 แผง แล้วนำมาขายให้กับตำรวจในสังกัดตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ โดยขายแผงละ 80 บาท  ซึ่งถูกกว่าท้องตลาด และเป็นการขายแบบขาดทุน กำหนดให้ซื้อได้คนละ 2 แผง

พล.ต.ต.วรวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับกิจกรรมครั้งนี้หากคิดในด้านการค้า การขาย หรือธุรกิจเป็นเงินนั้นถือว่าขาดทุน แต่ส่วนตัวนั้นตนเห็นว่าได้กำไร คือการให้สวัสดิการกับตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชา และได้กำไรเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและลดค่าครองชีพให้กับครอบครัวตำรวจได้ส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาสินค้าหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้น เช่น ราคาไข่ไก่ และเนื้อหมู นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเหลือพี่น้องตำรวจ ในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกด้วย โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะมีโครงการดังกล่าวนำไข่ไก่มาขายเดือนละครั้ง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ตำรวจต่อไป

กาฬสินธุ์ - ผู้ว่าฯ ลุย!ตรวจตลาด ห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาช่วงตรุษจีน!!

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์ ลงสำรวจตลาดสดทุ่งนาทอง เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าในช่วงตรุษจีน ไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคา และกำชับให้ปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มกราคม 2565 นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายศิริพงษ์ วิวัฒน์เกษมชัย พาณิชย์ จ.กาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์ จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ตลาดสดทุ่งนาทอง ในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อตรวจติดตามการจำหน่ายราคาสินค้า โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ใกล้จะถึง โดยได้สำรวจการจำหน่ายไข่ไก่ เนื้อหมู เนื้อไก่ กุ้งก้ามกราม ปลา ผัก ผลไม้

นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่สำรวจตลาดในครั้งนี้ เนื่องด้วยสถานการณ์เนื้อหมูที่มีราคาแพงขึ้น ทางหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะสำนักงานพาณิชย์ จ.กาฬสินธุ์ ได้มีมาตรการช่วยเหลือด้วยการจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูกกิโลกรัมละ 150 บาท จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2565 และได้กำชับ พ่อค้า แม่ค้า ให้จำหน่ายในราคาที่เป็นไปตามกลไกการตลาด ไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีน ทั้งนี้ ได้ขอพ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบการแสดงป้ายราคาให้เห็นเป็นที่ชัดเจน และตรวจดูในเรื่องของเครื่องชั่งให้เป็นไปตามมาตรฐาน

 

กาฬสินธุ์ - ป.ป.ช.กาฬสินธุ์ ชี้!มูลความผิดวินัย และอาญา นายก อบต.

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ [ป.ป.ช.] ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ แถลงผลการดำเนินงานในรอบ 4 เดือน ชี้มูลความผิดวินัยและอาญา ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กับพวก รวม 8 ราย

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ว่าที่ร้อยตรีสมบูรณ์ หัสดม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ [ป.ป.ช.] ประจำ จ.กาฬสินธุ์  กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2565  สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ได้แถลงผลการดำเนินงานในรอบตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 - 31 มกราคม 2565 ทั้งด้านการป้องกันการทุจริต ด้านตรวจสอบทรัพย์สิน และด้านการปราบปรามการทุจริตหลายรายการ

ว่าที่ร้อยตรีสมบูรณ์ กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานของสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ จ.กาฬสินธุ์ นั้น แบ่งออกเป็นทางด้านการป้องกันการทุจริต ด้านตรวจสอบทรัพย์สิน และด้านการปราบปรามการทุจริต  ดังนี้ ด้านการป้องกันการทุจริตและการป้องกันการทุจริตเชิงรุก 1. ดำเนินการเปิดศูนย์เรียนรู้ชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริต จ.กาฬสินธุ์ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาข้อมูลองค์ความรู้ด้านการส่งเสริมคุณธรรมและการป้องกันการทุจริตของ จ.กาฬสินธุ์, 2. การตรวจติดตามการใช้จ่ายงบประมาณตามโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากผลกระทบโควิด-19 กรณี โคก หนอง นา โมเดล, 3. ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ปรากฏข่าวทางสื่อออนไลน์ กรณีมีการก่อสร้างถนน โดยไม่มีการรื้อถอนเสาไฟฟ้า ทำให้ปรากฏว่ามีเสาไฟฟ้าปรากฏอยู่กลางถนนที่ใช้ในการสัญจร, 4. ตรวจสอบกรณีการก่อสร้างตลาดสดของเทศบาลตำบลดงมูล อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ตามที่เป็นข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ Watchdogth Act ซึ่งได้ก่อสร้างเมื่อปี 2561 ใช้เงินกว่า 4.8 ล้านบาท สร้างไม่เสร็จปล่อยทิ้งร้าง ไม่สามารถใช้งานได้

ว่าที่ร้อยตรีสมบูรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนด้านการตรวจสอบทรัพย์สิน มีการตรวจสอบและเปิดบัญชีผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกรณีพ้นจากตำแหน่งจำนวน 49 ราย, ด้านการปราบปรามการทุจริต คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด กรณีกล่าวหาอดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสามัคคี อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ กับพวก รวม 8 ราย ว่าทุจริตโครงการจ้างเหมาซ่อมแซมถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก สายบ้านโคกสำราญ หมู่ 2 งบประมาณ 76,000 บาท และทุจริตโครงการจ้างเหมาซ่อมแซมถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก สายบ้านโนนเสียว หมู่ 6,14 งบประมาณ 100,000 บาท  เมื่อปีงบประมาณ 2559

สุรินทร์ - รอง.ผอ.ศปป.4 กอ.รมน.ลงพื้นจังหวัดสุรินทร์ เพื่อติดตามการปฏิบัติงานตามแผนแม่บทแก้ไข ปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้ การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

พล.ต.ภัทราวุฒิ ชุณหะวัณ รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ลงพื้นจังหวัดสุรินทร์ เพื่อติดตามการปฏิบัติงานตามแผนแม่บทแก้ไข ปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้, การบุกรุกที่ดินของรัฐ การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และการบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน รวมทั้งการดำเนินงานเกี่ยวข้องกับความมั่นคง ด้านทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม พลังงาน และอาหาร และการป้องกันภัยและบรรเทาสาธารณภัย และรับทราบปัญหาข้อขัดข้อง การดำเนินการของหน่วยในพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 2 ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ 

โดยมี พันเอกกิตติพงษ์ พุทธิมณี รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดสุรินทร์ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง  เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม กอ.รมน.จังหวัดสุรินทร์ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์  โดยที่ผ่านมากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ส่วนแยก 2 ได้รับผิดชอบในการช่วยเหลือประชาชนให้กับหน่วยในพื้นที่ จำนวน 2 พื้นที่ ได้แก่พื้นที่จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดศรีสะเกษ

โดยเฉพาะโครงการผนึกกำลังป้องกัน ปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ และทรัพยากรป่า และโครงการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งการดำเนินการตามแผนงานโครงการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ส่วยแยก 2 และในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการผนึกกำลังป้องกัน ปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ และทรัพยากรป่า การเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกที่ดินของรัฐ และ การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

  

หนองคาย - กองทัพบกมอบทุนการศึกษาตามโครงการ “พี่ทหารสานฝัน” ในรูปแบบคอร์สเรียน “ภาษาอังกฤษออนไลน์ คอร์ส Entrance” ผ่านระบบออนไลน์ แบบ New Normal

พันเอก มงคล หอทอง รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3/รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เป็นผู้แทน พลโท สวราชย์  แสงผล แม่ทัพภาคที่ 2 ในการเป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาตามโครงการ "พี่ทหารสานฝัน" ในรูปแบบคอร์สเรียน "ภาษาอังกฤษครูนะ ออนไลน์ คอร์ส Entrance" จำนวน 20 ทุน ทุนละ 8,000 บาท ให้กับ นักเรียนในสถานศึกษาที่เรียนดี และมีความประพฤติเรียบร้อย

เพื่อให้นักเรียนได้เพิ่มพูนทักษะ มีความเชี่ยวชาญ ด้านภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้น และเตรียมความพร้อมสูงสุดให้นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายให้มีความพร้อมในการสอบเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ คอร์ส Entrance เป็นบทเรียนของอาจารย์ ศักดิ์ครินช์ จงหาญ หรือครูนะ ครูสอนภาษาอังกฤษที่มีชื่อระดับประเทศ ซึ่งโครงการ "พี่ทหารสานฝัน" เป็นอีกช่องทางที่จะพาน้อง ๆ นักเรียน ก้าวไปสู่ความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ณ โรงเรียนท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย

 

อุดรธานี - อาชีวะอุดร อินเทรนด์!! วิชัย ทองแตง นำ Bitkub และ Finn ร่วม "ปั้น" อาชีวะสู่ Digital Transformation

วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี ปรับตัวเร็วและแรงมาก จัดโครงการ "ปั้น" อาชีวะสู่ Digital Transformation โดยความร่วมมือกับ Bitkub World Tech และสถาบัน Finn School of Business and Tourism ซึ่งนำโดย คุณวิชัย  ทองแตง นักธุรกิจ นักลงทุนชั้นนำเมืองไทยและประธานกรรมการบริษัท Bitkub World Tech จำกัด

ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวต้อนรับและกล่าวเพิ่มเติมว่า "วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานีถือเป็นสถานศึกษาชั้นนำที่มีการปรับตัวพัฒนาหลักสูตรที่ทันสมัย โดยได้ประสานเครือข่ายสถานประกอบการและหน่วยงานระดับชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ เพื่อที่จะมาร่วมพัฒนาการจัดการอาชีวศึกษาให้ตอบสนองความต้องการของพื้นที่จังหวัดอุดรธานีและพื้นที่อีสานตอนบน ซึ่งกำลังมีการเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ทางจังหวัดได้มียุทธศาสตร์ แผนงานและโครงการที่สำคัญที่จะเป็นฐานการผลิต การลงทุนและการพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบให้เชื่อมโยงไปยังกลุ่มประเทศอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง ประกอบด้วย ประเทศจีน เวียดนาม สปป.ลาว พม่าและกัมพูชา ขอชื่นชมผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานีและคุณวิชัย ทองแตง ที่ได้ร่วมกันนำสิ่งดี ๆ มาดำเนินการโครงการฯ ในวันนี้ถือว่าเป็นการเตรียมกำลังคนเพื่อที่จะมารองรับการพัฒนาดังกล่าว"

ดร.นิรุตต์ บุตรแสนลี ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี กล่าวความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของโครงการฯ "ตามที่วิทยาลัยฯ ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางสาวตรีนุช เทียนทอง โดยเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ดร.สุเทพ แก่งสันเที้ยะ ได้ส่งเสริม สนับสนุนให้ตระหนักถึงการปรับตัว จากสถานการณ์โลกปัจจุบันที่มีพลวัตน์การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลถือเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการประกอบอาชีพต่าง ๆ

ดังนั้น วิทยาลัยฯ จึงได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานและสถานประกอบการต่าง ๆ โดยโครงการนี้ ได้รับการประสานและสนับสนุน จากคุณวิชัย ทองแตง ซึ่งได้ประสานให้บริษัท Bitkub World Tech และสถาบัน Finn School for Business and Tourism มาร่วมพัฒนาหลักสูตรและจัดการสอนหลักสูตรระยะสั้น ด้าน Digital Transformation เป็นสำคัญ  เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไปที่สนใจ ได้เข้าใจและพัฒนาตนเองให้ตอบสนองความต้องการของโลกอาชีพแห่งอนาคต และได้ร่วมพัฒนาหลักสูตรอาชีวะอินเตอร์ สาขาวิชาการโรงแรม เพื่อป้อนตลาดอาชีพ Butler และสาขาอื่น ๆ อีกเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง"

นายวิชัย ทองแตง นักธุรกิจและนักลงทุนระดับประเทศ ประธานกรรมการ บริษัท Bitkub World Tech จำกัด บรรยายพิเศษ ประเด็นสำคัญ คือ " ตนเองเป็นคนบ้านนอก เป็นคนธรรมดา ได้พัฒนาตนเอง พัฒนางาน โดยใช้การประสานเครือข่าย มีความกตัญญู เคารพผู้ใหญ่ ความสำเร็จ ไม่ได้อยู่ที่การพูด แต่อยู่ที่การเริ่มต้น แล้วลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ ด้วยสติ ปัญญา ความเพียรพยายาม มุ่งมั่น ไม่ท้อแท้ และหมั่นศึกษา ตรวจสอบจุดบกพร่อง จุดอ่อน จุดแข็ง และหาโอกาสในการทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ ใช้การตัดสินใจจาก Logic โดยโลกปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงแรงและเร็วมาก ทุกคนต้องเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้ทัน และต้องสร้างโอกาสจากโลกยุคดิจิทัล

โดยต้องยึดหลักการที่สำคัญ 3 ข้อ 1. เราจะไม่ใช้เทคโนโลยี เพื่อโกง หรือหลอกลวงผู้อื่น 2. เราจะเรียนรู้ เพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ดี มีคุณธรรม 3. เราจะแบ่งปันความรู้ และโอกาส แก่ผู้ที่ด้อยกว่า "

หลังจากนั้น เป็นการบรรยายโดยวิทยากรที่สำคัญ ประกอบด้วย คุณสุกฤษฎิ์ พุทธวิริยะ กรรมการบริหาร บริษัท บิทคับ เวิลด์เทค จำกัด บรรยายพิเศษ หัวข้อ "โอกาสทางธุรกิจในโลก Metaverse"

ดร.ปริญญ์ ศุกรีเขตร ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการและผู้ก่อตั้งสถาบัน Finn School of Business and Tourism และผู้เชี่ยวชาญ Blockchain, Cryptocurrency, NFT และMetaverse จาก Blockchain Counciประเทศสหรัฐอเมริกาคุณปิติภูมิ รักษ์ชูชีพ Senior Academy Business Development บริษัท Bitkub Academy และผู้เชี่ยวชาญด้าน Bitcoin and Cryptocurrencies และ Blockchain Technology จาก Berkley X, มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมบรรยายพิเศษ หัวข้อ "วิถีชีวิตใหม่ในโลกเสมือน (Metaverse)" 

นครพนม - ปฏิบัติการฟ้าสางที่ฝั่งโขง!! ลุยจับผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ‘ยาเสพติด - อาวุธปืน’

ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม พลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ และผู้ทรงคุณวุฒิป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พร้อมด้วย นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พลเรือตรี สมบัติ จูถนอม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พันเอก ปราโมทย์ เนียมสำเภา รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พลตำรวจตรีธนชาติ รอดคลองตัน ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม และคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงานตามยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง ที่ร่วมกันระดมกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่แบบต่อเนื่อง

โดยภายหลังการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งมีการจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ตรวจยึดยาบ้าได้ 440,054 เม็ด กัญชา 200 กิโลกรัม ไอซ์ประมาณ 100 กรัม รถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน และเรือกีบ 1 ลำ ปรากฏว่าในช่วงเย็นเวลา 19.30 น. หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงได้รับการประสานงานข่าว ว่าจะมีกลุ่มขบวนการเคลื่อนไหว โดยให้เน้นตรวจสอบรถกระบะสีขาวติดลูกกรงและมีผ้าใบสีดำคุมอยู่ด้านหลัง เจ้าหน้าที่จึงได้มีการบูรณาการวางจุดสกัดและเฝ้าระวังกระทั่งเวลา 21.00 น. ได้ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยเป็นรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 3 ฒฐ 6484 กทม.บริเวณสามแยกบ้านต้อง จึงได้แสดงตัวเพื่อเข้าตรวจค้น แต่บุคคลที่อยู่ในรถได้พยายามขัดขืนขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งเครื่องติดตาม เมื่อเห็นว่าจวนตัวบุคคลต้องสงสัยได้จอดรถทิ้งไว้ริมทางแล้ววิ่งหลบหนีหายไปในความมืดบริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2104 บ้านดอนพัฒนา ตำบลพิมาน อำเภอนาแก เจ้าหน้าที่พยายามค้นหาแต่ไม่พบบุคคลต้องสงสัยจึงย้อนกลับมาตรวจสอบรถคันดังกล่าวปรากฏว่าบนรถมีของกลางเป็นกัญชา 25 กระสอบ รวมน้ำหนัก 1,056 กิโลกรัม

ขณะเดียวกันฝ่ายปกครองจังหวัดนครพนมร่วมกับกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดยกองบังคับการควบคุมที่ 1 ฝ่ายความมั่นคงอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิก อส. ก็ได้มีการลงพื้นที่ออกลาดตระเวน ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย และจัดระเบียบสังคมตามสถานที่ต่าง ๆ จนนำไปสู่การจับกุมและตรวจยึดใน 3 พื้นที่ ประกอบไปด้วย พื้นที่อำเภอท่าอุเทน ซึ่งเป็นการออกลาดตระเวนแล้วตรวจพบ รถจักรยานยนต์ที่คนขับมีท่าทางน่าสงสัยเมื่อเจอเจ้าหน้าที่ประกอบกับท้ายรถจักรยานยนต์มีกระสอบบรรทุกวัตถุบางอย่างไว้ ที่บริเวณสามแยกบ้านท่าดอกแก้ว ตำบลท่าจำปา จึงพยายามเรียกให้จอดเพื่อสอบถาม แต่คนขับได้พยายามเร่งเครื่องหลบหนี เมื่อจวนตัวก็ได้โยนวัตถุใส่หน้ารถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ที่กำลังขับติดตามทำให้รถเสียหลักและผู้ต้องสงสัยได้อาศัยจังหวะดังกล่าวหลบหนีไปได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบวัตถุปรากฏว่าเป็นยาบ้าจำนวน 72,000 เม็ด และฝิ่น 1,026 กรัม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top