Saturday, 10 May 2025
Isan

ชัยภูมิ – ผู้ว่าฯ และคุณหมอ ห่วงใยสุขภาพ ชวนงดเหล้าเข้าพรรษาหลีกเลี่ยงสังสรรค์เป็นกลุ่ม ช่วยห่างไกลการติดเชื้อ ลดค่าใช้จ่าย ได้สุขภาพที่ดี และยังช่วยตัดวงจรโควิด-19 เน้นมาตรการงดการรวมกลุ่มเฮฮา

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดและพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จังหวัดชัยภูมิ ทั้งหมด 16 อำเภอ ตัวเลข ยอด ที่ป่วยสะสมระลอกเดือนเมษายน วันที่ 22 กรกฎาคมนี้ 1,800 กว่าราย โดยแบ่งเป็น ป่วยที่ทางจังหวัดได้รับการติดต่อจากผู้ป่วยจังหวัดกลุ่มเสี่ยง กลับรักษาตัวพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ในโครงการส่งรถรับพี่น้องกลับบ้านรักษาตัวกว่า 900 ราย ทั้งยังมียอด ผู้เสียชีวิตแล้ว 21 ราย

ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชัยภูมิ ได้มีมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ชะลอและงดการจัดกิจกรรมทางสังคมที่มีการรวมกลุ่มกันจำนวนมาก เพื่องดการสังสรรค์ และขอความร่วมมืองดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่องนั้น 

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า ปี 2564 เป็นอีกปีที่คนชัยภูมิและสังคมกำลังเผชิญกับสภาวะวิกฤติและสูญเสียคนที่เรารักจากโรคโควิด-19 จึงอยากใช้โอกาสเทศกาสงดเหล้าเข้าพรรษาปี 2564 นี้ ขอร้องและเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดชัยภูมิ “งดเหล้า งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดอบายมุขในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา เพื่อดูแลตัวเองและตัดตอนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งมีลูกหลานตกงานถูกเลิกจ้างจำนวนมาก การงดเหล้าเข้าพรรษาจะทำให้ประหยัดเงิน ดูแลคนในครอบครัว จึงเน้นมาตรการงดการรวมกลุ่มเพื่อเฮอาสังสรรค์ กำจัดเชื้อโควิด-19”  

ด้าน นายวชิระ บถวิบูลย์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ รองประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดและพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ มีหลาย ๆ คลัสเตอร์ที่เกิดขึ้นโดยมีงานบุญประเพณี งานเลี้ยง สังสรรค์และมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นต้นเหตุสำคัญในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งตอนนี้บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขรับภาระหนักมากกับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น หากจะช่วยลดภาระนี้ อยากให้ชาวชัยภูมิและทุกคน  ใช้โอกาส “เข้าพรรษาปี 2564 นี้ ทำความดีเพื่อตนเอง ครอบครัวและสังคม ด้วยการงดเหล้าเข้าพรรษา ตับเราก็ได้พัก สื่อรักด้วยการพักเล้า คนที่รักของเราก็ปลอดภัยจากโรคโควิด-19” เชื่อว่าทุกคนทำได้และขอเป็นกำลังให้กับคนที่ตั้งใจบวชใจงดเหล้าเข้าพรรษา อีกด้วย

ส่วนภาคการศึกษา นายชัยวัฒน์ ตั้งพงษ์ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาชัยภูมิ (สพม.ชัยภูมิ) กล่าวว่า ด้านการศึกษาก็ได้มีนโยบาย งดเหล้าเข้าพรรษา งดอบายมุขในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา โดยมีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้บริหาร ครูและบุคลากร เข้าร่วมโครงการด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) ยิ่งไม่ควรออกนอกบ้านเพื่อไปร่วมกิจกรรมที่ไม่จำเป็น การปฏิบัติหน้าที่ราชการก็มีการลดเวลาและจำนวนผู้มาปฏิบัติงานในสำนักงาน เน้นการทำงานที่บ้าน การเรียนการสอนออนไลน์ตามมาตรการจังหวัดชัยภูมิ แต่กิจกรรมสำคัญเช่น การถวายต้นเทียนและปัจจัยไทยธรรมในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาทางหน่วยงานก็ได้ให้ความสำคัญด้านวัฒนธรรมประเพณีอันดีของไทย แต่ก็ใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ลดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมลงให้มากที่สุดและปฏิบัติตามมาตการ D-M-H-T-T-A อย่างเคร่งครัด

กาฬสินธุ์ - อบจ.กาฬสินธุ์ทุ่ม 20 ล้าน ซื้อวัคซีน ‘โมเดอร์นา’ ฉีด ช่วยประชาชน 5 กลุ่ม เปราะบาง

อบจ.กาฬสินธุ์จัดเต็มทุ่ม 20 ล้านบาท จัดซื้อวัคซีน “โมเดอร์นา” จากสภากาชาดไทย ฉีดสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน 5 กลุ่มเป้าหมายฟรี พร้อมเตรียมงบอีก 10 ล้านบาทสนับสนุนโรงพยาบาลสนามและสถานที่กักกันตัว

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 ที่ประชุมชั้น 5 องค์การบริหารส่วน จ.กาฬสินธุ์ นายชานุวัฒน์ วรามิตร นายกอบจ.กาฬสินธุ์ นายวรากรณ์ ภูอาภรณ์ ประธานสภาอบจ.กาฬสินธุ์ นายนพกุล ปัญญาแก้ว รองปลัด อบจ.กาฬสินธุ์ นายมานพ เวฬุวณารักษ์ รองปลัด อบจ.กาฬสินธุ์ พร้อมคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ ร่วมกันแถลงแผนการจัดซื้อวัคซีน “โมเดอร์นา” จากสภากาชาดไทย เพื่อกระจายไปยังโรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลของรัฐทั้ง 18 อำเภอ ดำเนินการฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มต่าง ๆ 5 กลุ่มเป้าหมายฟรี  เป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน และให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิต พร้อมแถลงการจัดเตรียมงบอีก 10 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนโรงพยาบาลสนาม สถานที่กักกันตัว และศูนย์พักคอยต่าง ๆในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19 แพร่ระบาด และพบผู้ป่วยจำนวนมาก หลังก่อนหน้านี้ได้สนับสนุนงบประมาณจำนวน 4 ล้านบาทในการสร้างโรงพยาบาลสนามไปแล้ว 2 แห่ง

นายชานุวัฒน์ วรามิตร นายกอบจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ล่าสุดได้แพร่ระบาดในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนทั้งจังหวัด ประกอบกับปัจจุบันจำนวนวัคซีนที่ได้รับจัดสรร ยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ซึ่งทาง อบจ.กาฬสินธุ์ มีความห่วงใยในชีวิตของพี่น้องประชาชน ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกัน ลดการแพร่ระบาด และลดความรุนแรงของโรค จึงได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 20 ล้านบาท จัดซื้อวัคซีน โมเดอร์น่า (Moderna) จากสภากาชาดไทย โดยผ่านความเห็นชอบของสภา เพื่อกระจายฉีดวัคซีนไปยังโรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลของรัฐทั้ง 18 อำเภอ ฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มต่าง ๆจำนวน 5 กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ฟรี   ซึ่งเป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน และสร้างความปลอดภัยในชีวิต ให้กับประชาชนชาวกาฬสินธุ์

โดย 5 กลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับการฉีดประกอบด้วยกลุ่มที่ 1 คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง สตรีมีครรภ์ ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มาก่อน, กลุ่มที่ 2 ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไปที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรค โควิด-19  มาก่อน, กลุ่มที่ 3 บุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล ในถิ่นทุรกันดาร, กลุ่มที่ 4 ผู้ที่ทำงานประจำอยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ครูผู้สอนในโรงเรียนอนุบาล หรือครูอาจารย์ผู้ทำหน้าที่สอนหนังสือในโรงเรียน ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มาก่อน และกลุ่มที่ 5 บุคลากรที่ออกปฏิบัติงานสัมผัสประชาชน ตามโครงการฉีดวัคซีนขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรค โควิด -19 มาก่อน ซึ่งบุคคลที่มีคุณสมบัติเข้าตามเกณฑ์ใน 5 กลุ่มดังกล่าว ที่มีความประสงค์จะรับการฉีดวัคซีนจากอบจ.กาฬสินธุ์ สามารถลงทะเบียนยืนยันตัวตนผ่านแอป “วัคซีน อบจ.กาฬสินธุ์” สำหรับรายละเอียดและขั้นตอนการลงทะเบียน จะได้ประชาสัมพันธ์ให้ได้รับทราบอีกครั้งหนึ่ง และสำหรับการสั่งจองผ่านสภากาชาดไทยจะได้รับวัคซีนมาในช่วงเดือนตุลาคม 2564 นี้

นายชานุวัฒน์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา อบจ.กาฬสินธุ์ได้สนับสนุนงบประมาณจำนวน 4 ล้านบาท ในการสร้างโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 1 โรงพยาบาลฆ้องชัย และโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ด้านหลังศูนย์ราชการจังหวัด และขณะนี้ได้จัดเตรียมงบประมาณไว้อีกจำนวน 10 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนโรงพยาบาลสนาม สถานที่กักกันตัว และศูนย์พักคอยจุดต่างๆในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19 แพร่ระบาดและพบผู้ป่วยจำนวนมากอีกด้วย


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์ ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

มุกดาหาร - เหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร ต้มน้ำสมุนไพรให้ผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มไม่มีอาการ

วันที่ 23 ก.ค.64 เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วยกรรมการและสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร ได้ช่วยกันต้มน้ำสมุนไพรให้ผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียว (ไม่มีอาการ) ที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนาม ”ศูนย์ฮักแพงชาวมุกดาหาร” ได้ดื่ม เนื่องจากผู้ป่วยที่รักษาที่โรงพยาบาลสนามเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่มีอาการเล็กน้อย เช่น มีไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ การใช้สมุนไพรจะสามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้

นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ป่วยโควิด-19 ที่โรงพยาบาลสนาม ”ศูนย์ฮักแพงชาวมุกดาหาร” ที่ดื่มน้ำต้มสมุนไพรนี้ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอและไอน้อยลง หายใจได้โล่งขึ้น หายป่วยกลับบ้านแล้ว 94 คน เกี่ยวกับการรักษา คงต้องช่วยกันทุกทาง นอกจากนี้จะขยายผลไปสอนการทำน้ำต้มสมุนไพรในให้กับทั้ง 7 อำเภอ เพื่อส่งให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่โรงพยาบาลสนามแต่ละอำเภอ

นางสาวหทัยรัตน์ ฟองชล รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า สูตรน้ำต้มสมุนไพรนี้ ประกอบด้วย น้ำ 40 ลิตร ขิงแก่ง 2 กิโล กระชาย 1 กิโลกรัม หอมแดง 1 กิโลกรัม กระเทียม 1 กิโลกรัม เกลือไอโอดีน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 200 ซีซี ซึ่งน้ำผึ้งจะตัดรสเผ็ด และน้ำตาลอ้อย  ขั้นตอนล้างวัตถุดิบให้สะอาดทุบพอหยาบ ๆ ใช้หม้อต้มเบอร์ 50 ต้มน้ำให้เดือด นำส่วนผสมทั้งหมดลงไปต้มอีก 30-40 นาที เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ส่งให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่โรงพยาบาลสนาม ”ศูนย์ฮักแพงชาวมุกดาหาร”

ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ในจังหวัดมุกดาหาร ประจำวันที่ 23 ก.ค. 2564 พบผู้ป่วยรายใหม่ 35 คน แยกเป็นติดเชื้อนอกจังหวัด 34 คน และติดเชื้อในจังหวัด 1 คน ยอดผู้ป่วยสะสมระลอกใหม่ 464 คน รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 208 คน รักษาอยู่ในโรงพยาบาลสนาม 100 คน ผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 154 คน และเสียชีวิตสะสม 2 คน คงเหลือกำลังรักษา 308 คน


ภาพ/ข่าว  พวงเพชร / เดวิท โชคชัย ชุด ฉก.พญาอินทรีย์มุกดาหาร

กาฬสินธุ์ – หวั่นโควิด ทำบุญวันพระใหญ่บางตา สวดรัตนสูตรคุ้มภัยป้องกันโควิด-19

พุทธศาสนิกชนในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ หวั่นโควิด-19 ระบาดหนักในช่วงวิกฤต เข้าวัดทำบุญบางตา แต่ยังร่วมกันสืบสานประเพณีทำบุญตักบาตร เนื่องในวันอาสาฬหบูชา สวดภาวนาพุทธมนต์รัตนสูตร เพื่อเสริมสร้างกำลังใจคุ้มภัย ป้องกันในสถานการณ์โรคติดเชื้อโรคโควิดระบาดหนัก

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2564 ที่ศาลาพระพุทธสุจิตตสุวรรณรังษี วัดประชานิยม เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ พระเทพสารเมธี เจ้าอาวาสวัดประชานิยม เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) พร้อมด้วยทายกทายิกาวัดประชานิยมนำพุทธศาสนิกชนทำบุญตักบาตร สวดมนต์ฟังธรรมเนื่องในวันอาสาฬหบูชา ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 8 ในปีนี้ ทั้งนี้สืบเนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้พุทธศาสนิกชนเข้าวัดทำบุญในวันอาสาฬหบูชาบางตากว่าภาวะปกติมาก 

อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวพุทธที่ไม่หวั่นไหวที่กับโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องการจรรโลงพระพุทธศาสนา และยึดมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อในเส้นทางการความดี  ร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามของบรรพบุรุษต่อยอดทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ก่อนที่จะเข้าบริเวณด้านในศาลาหน้าประตูทางเข้า ยังได้ติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิ เจลแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันไวรัสโรคติดเชื้อโควิด-19 เว้นระยะห่างทางสังคม ใส่หน้ากากอนามัย พร้อมกับทำตามมาตรการการประกาศของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

พระเทพสารเมธี เจ้าอาวาสวัดประชานิยม เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) กล่าวว่าวันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระปฐมธรรมเทศนา หรือการประกาศพระศาสนาในวันแรกหลังจากทรงตรัสรู้ พระธรรมเทศนานี้เรียกว่าธัมมจักกัปปวัตตนสูตร หมายถึงพระสูตรที่กล่าวถึงการหมุนกงล้อแห่งธรรม พูดถึงการเวียนว่ายตายเกิด การดับทุกข์ การทำให้พ้นจากทุกข์ การประกอบความดีตามหลัก มรรค 8 ทาง แสดงหลักของการไม่ยึดมั่น แต่ให้ดำเนินในมัชฌิมาปฏิปทาหรือเส้นทางสายกลาง ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป ทรงแสดงให้กับเหล่าปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายาวัน เมืองพาราณสี ในชมพูทวีปหรือประเทศอินเดียในปัจจุบัน  ทำให้พระโกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรม เข้าใจในหลักคำสอน ขอบวชในพระศาสนา ทำให้พระรัตนตรัยสมบูรณ์ มีพระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนา พระธรรมทำสอนนำไปปฏิบัติ และพระสงฆ์นำพระธรรมไปปฏิบัติ และประกาศคำสอนตามหลักพระพุทธศาสนา

ทั้งนี้ หลังจากทำบุญตักบาตร ฟังพระธรรมเทศนาแล้ว คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชน ยังได้ร่วมกันสวดภาวนาพุทธมนต์รตนสูตร เพื่อเสริมสร้างกำลังใจคุ้มภัย ป้องกันในสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิดที่กำลังระบาดอีกด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์ผู้ป่วยด้วยโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่ จ.กาฬสินธุ์ ล่าสุดวันนี้ พบผู้ติดเชื้อ 200 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยัน 1,779 ราย กำลังรักษา 1,240 ราย หายป่วยแล้ว 533 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 6 ราย


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์ ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

สุรินทร์ - กองกำลังสุรนารี ร่วมกับมณฑลทหารบกที่ 25 เข้มกำลังพล พร้อมรับ-ส่งผู้ป่วยโควิด ที่ต้องการเดินทางกลับมารักษาตัวที่บ้านเกิด เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวสุรินทร์ ตามนโยบายกองทัพบก

วันที่ 25 กรกฏาคม 2564 ที่ศูนย์ปฏิบัติติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และค่ายฝึกมวลชนสัมพันธ์ กองกำลังสุรนารี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ส่วนแยก 2 พลตรีอดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี จัดเจ้าหน้าแพทย์พยาบาล ร่วมให้ความรู้การป้องกันการติดเชื้อกำลังพลจากกองพันเสนารักษ์ ที่ 6 ,หน่วยเฉพาะกิจที่ 2,มณฑลทหารบกที่ 25 ร.23.พัน 3ในภารกิจช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อโควิด -19 ที่ต้องการเดินทางกลับบ้าน โดยจัดแบ่งเป็นชุด รับ-ส่ง จากกรุงเทพมหานคร สู่ภูมิลำเนาจังหวัดสุรินทร์ ตามนโยบายกองทัพบก

จากนั้นที่หน้ากองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 พลตรีอดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมด้วย พลตรีสาธิต เกิดโภค ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 นายพรชัย มุ่งเจริญพร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ ร่วมปล่อยขบวนรถบรรทุกทางทหารและรถพยาบาลทหารพร้อมอุปกรณ์กู้ชีพ ที่เตรียมพร้อมในการรับส่งผู้ป่วยตามโครงการ สุรินทร์แบ็คโฮม "SURIN BACK HOME" เพื่ออำนวยความสะดวกในการประสานงานหน่วยงานต่าง ๆ นำตัวพี่น้องคนสุรินทร์ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมารักษาตัวที่บ้าน เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนคนสุรินทร์ อีกหนึ่งช่องทาง  ทั้งนี้ โครงการ สุรินทร์แบ็คโฮม "SURIN BACK HOME" เกิดจากการร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ฝ่ายทหาร ฝ่ายตำรวจ ฝ่ายปกครองจังหวัดสุรินทร์, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์, โรงพยาบาลสุรินทร์ และ โรงพยาบาลประจำอำเภอ อีก 16 แห่ง ของจังหวัดสุรินทร์ จัดโครงการ "SURIN BACK HOME" เปิดสายด่วนและศูนย์ประสานงานรับ-ส่งต่อผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVI-19) ขึ้นมา จากพื้นที่สีแดงเข้มและเขตปริมณฑลให้กลับมารักษาตัวที่สุรินทร์ได้ทันท่วงที


ภาพ/ข่าว  ปุรุศักดิ์ แสนกล้า 

ยโสธร – หมอทวีศิลป์ เยี่ยมศูนย์พักคอยพร้อมให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน

วันที่ 25 กรกฎาคม 2564 เวลา 11.20 น. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 10 และโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเขตสุขภาพที่ 10 เดินทางมาเพื่อตรวจเยี่ยม ศูนย์พักคอย อ.เมืองยโสธร ซึ่งตั้งอยู่ที่ ค่ายลูกเสือจังหวัดยโสธร (เมืองยศ) บ้านเดิด หมู่ 1 ถนนแจ้งสนิท ตำบลเดิด อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร โดยมีนายอภิรัตน์ ป้องกัน นายอำเภอเมืองยโสธร พร้อมด้วยนายวิทยา เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอเมืองยโสธร นายเสน่ห์ แสนจันทร์ นายกเทศมนตรีตำบลเดิด อสม. ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลเดิดกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้การต้อนรับ

สำหรับศูนย์พักคอย CI ( Community Isolation ) อ.เมืองยโสธร ซึ่งจะใช้รับผู้ป่วยโควิดตามมาตรการดูแลผู้ป่วยโควิดด้วยระบบชุมชน เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีผลตรวจรับรองว่าติดเชื้อโควิด-19 กลับมารักษาตัวยังภูมิลำเนาของอำเภอเมืองยโสธร โดยจะรับผู้ป่วยที่กลับจากพื้นที่สีแดงเข้มที่อยากกลับบ้านและมีภูมิลำเนาในเขตอำเภอเมืองยโสธร มาพักคอยเพื่อรอส่งต่อโรงพยาบาลหลักหรือโรงพยาบาลสนามต่อไป

ภายหลังการตรวจเยี่ยม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ได้กล่าวชื่นชมความพร้อมของสถานที่ ขอบคุณความร่วมมือของพลังท้องถิ่นทุกภาคส่วนที่ทุ่มเทจัดเตรียมรับพี่น้องกลับบ้าน ถือเป็นกำลังใจที่สำคัญที่จะช่วยให้เราผ่านวิกฤตินี้ไปได้ จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลยโสธรเพื่อบรรยายสรุปการเดินทางมาตรวจเยี่ยมจังหวัดยโสธรในวันนี้

อุดรธานี – ทหารเตรียมพร้อม ช่วยผู้ป่วยติดโควิด-19 พร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ สำหรับการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชน

พันโท เศรษฐสิทธิ์ พวงบานเย็น ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 13 ได้ตรวจสภาพความพร้อมของกองร้อยช่วยเหลือประชาชน หมวดสารวัตรทหาร และชุดเผชิญเหตุหมวดเสนารักษ์ของกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 13 บริเวณหน้ากองบังคับการกองพันทหารราบที่  1 ค่ายพระยาสุนทรธรรมธาดา ตำบลโนนสูง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

โดยทำการฝึกเตรียมความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับชุดปฏิบัติการให้มีความพร้อมสำหรับการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนในการบรรเทาสาธารณภัย และเป็นชุดเผชิญเหตุในการช่วยเหลือประชาชน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (Covid-19) ให้เกิดความชำนาญของกำลังพล ในการใช้ยุทโธปกรณ์ และเข้าช่วยเหลือประชาชนได้อย่างปลอดภัยทั้งผู้ให้การช่วยเหลือ และผู้ได้รับการช่วยเหลือ

จากการตรวจความพร้อมในครั้งนี้ ทำให้หน่วยมีความพร้อมด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ความชำนาญของกำลังพลเพิ่มมากขึ้น และสามารถปฏิบัติภารกิจได้เมื่อได้รับการประสานหรือเมื่อได้รับคำสั่งให้ออกไปปฏิบัติหน้าที่


ภาพ/ข่าว  จ.ส.อ.กฤษฎา มณีใส กรมทหารราบที่ 13

อุบลราชธานี - แท็กซี่อุบลฯ นำรถแท็กซี่ เป็นแกลลอรี่เทียนพรรษาเคลื่อนที่ "คนอุบล ทำเทียนบูชาธรรม" หวังสร้างการรับรู้เพิ่ม ช่วงเทศกาลเข้าพรรษานับเป็นครั้งแรก

นายนิมิต สิทธิไตรย์ ประธานที่ปรึกษาสภาหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยผู้บริหารบริษัทแท็กซี่สหการอุบลฯ นำรถแท็กซี่จำนวนมาก มาทำเป็น Gallery เทียนพรรษาสวยงามเคลื่อนที่ พร้อมข้อความป้ายซีทรูกระจกด้านหลังระบุ คนอุบล ทำเทียนบูชาธรรม การมีส่วนร่วมของรถแท็กซี่ และเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป 

โดยได้ดำเนินการเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ แท็กซี่อุบล ได้พร้อมใจกันทำสติกเกอร์ Gallery เทียนพรรษา ติดไว้ที่ประตูรถด้านหลังซ้าย-ขวา รวมทั้งกระจกด้านหลังแท็กซี่โดยเขียนข้อความในป้ายซีทรูว่า “คนอุบล ทำเทียนบูชาธรรม" ทั้งนี้เพื่อ สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ ต้นเทียนพรรษาอุบล ผ่านรถแท็กซี่ ซึ่งป้ายสติกเกอร์ดังกล่าว จะทำให้ผู้โดยสารรถแท็กซี่หรือนักท่องเที่ยว มาใช้บริการรถแท็กซี่ได้รับรู้ถึงต้นเทียนพรรษาที่สวยงามและการมีส่วนร่วมภาคภูมิใจ ในงานเทศกาลเทียนพรรษาอุบลราชธานีช่วงเทศกาลเข้าพรรษา

คาดว่าสติกเกอร์ดังกล่าว จะอยู่นานมากกว่า 3 เดือนแน่นอน เป็นความภาคภูมิใจและการมีส่วนร่วมของแท็กซี่อุบลราชธานี ที่พร้อมใจกันทำสติกเกอร์ติดบนรถแท็กซี่ โดยสมัครใจและไม่ใช้งบประมาณของทางราชการแต่อย่างใด


ภาพ/ข่าว  เอกชัย โปธา รายงาน

ชัยภูมิ – อินทผาลัมดั้มราคาสุด ๆ จากโลละ 400 เหลือ 200 บาท สู้ภัยโควิดเราต้องรอด

เกษตรกรชาวสวนอินทผาลัม ต.ห้วยแย้ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ประสบปัญหาผลผลิตอินทผาลัมในไร่ที่กำลังแก่จัดออกสู่ผู้บริโภค ผู้บริโภคน้อยลง ยอมดั้มราคาลงสุด ๆ จากทุกปีขายกิโลกรัมละ 400 บาท เหลือขายในราคากิโลกรัมละเพียง 200 บาท รับประกันสดจากสวนระดับพรีเมี่ยม สู้ภัยโควิด-19 เราต้องรอดไปกัน

วันนี้(29ก.ค.64) นายสุริยา มาทน  (โจ)อายุ 43 ปี เกษตรกรชาวสวนอินทผาลัม ไร่แม่ถวิล บ้านเลขที่ 19 หมู่6 บ้านแจ้งใหญ่ ต.ห้วยแย้ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ได้นำชมสวนอินทผาลัมในไร่ของตนเองจำนวน 65 ต้น หลังจากกลับจากทำงานที่ต่างประเทศ ได้กลับมาประเทศไทย ได้ทำการเกษตรปลูกอินทผาลัม สายพันธุ์ต่าง ๆ เมื่อ 4 ปีก่อน และเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา ผลผลิตอินทผาลัมที่ปลูกเริ่มให้ผลผลิตได้ประมาณ 3 ตัน นำออกขายกิโลกรัมละ 400 บาท มีรายได้หักค่าใช้จ่ายจากการขายอินทผาลัมหลักแสนบาท 

ในปีนี้อินทผาลัม คาดว่าจะให้ผลผลิตประมาณ 3 ตันเช่นเดิม แต่หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ยังดียังพอมีรายได้จากการขายอินทผาลัม มีรายได้พอเลี้ยงชีพครอบครัวได้บ้าง แต่ต้องยอมรับจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผลอินทผาลัมในไร่มียอดขายลดลงมากกว่าจะมีการระบาดของโควิด-19 เมื่อผลผลิตทางการเกษตรออกมาจำนวนมาก ในไร่สวนอินทผาลัมของตนเอง จะขายทั้งผลอินทผาลัมกินสด และน้ำสกัดอินทผาลัมแช่เย็น ส่วนไร่อินทผาลัมที่นี่จะใช้ปุ๋ยขี่ไก่บำรุงดิน ทำให้ผลอินทผาลัมที่นี่ได้ผลลูกมีขนาดใหญ่ เปลือกบาง ฉ่ำน้ำ และเปลือกไม่แข็ง ส่วนน้ำสกัดอินทผาลัมแช่เย็น ไม่มีการใส่น้ำตาล แต่จะมีความหอมหวานตามธรรมชาติผลอินทผาลัม คลายผลละมุดแต่มีเอกลักษณ์ของผลอินทผาลัม หลังโควิด-19ระบาดลูกค้าน้อยลงหายไปมากกว่าครึ่ง เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประทานอินผาลัมได้รับประทานผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาก ทั้งยังมีคุณค่าทางอาหารมากมาย ไม่ว่าจะช่วยบำรุงร่างกาย เพิ่มกำลัง ขจัดความเมื่อยล้า ช่วยดับความหนาวเย็นแล้ว เมื่อร่างกายมีอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรง หากรับประทานอินทผาลัมภายในครึ่งชั่วโมงก็จะทำให้ร่างกายกลับมามีกำลังเหมือนเดิม และอื่น ๆ มากมาย

นายสุริยา มาทน (โจ) อายุ 43 ปี เกษตรกรชาวสวนอินทผาลัม แม่ถวิล บอกว่าขณะนี้ผลอินทผาลัมในไร่กำลังออกผลแก่ พร้อมออกสู่ตลาด หลังโควิด-19ระบาด ขณะนี้ยอมลดราคาลงแบบสุด ๆ จากกิโลกรัมละ 400 บาท เหลือเพียงกิโลกรัมละ 200 บาท และที่สำคัญต้องยอมลดราคาจากกำไร มาเป็นราคาต้นทุน เพื่อให้คนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19ได้รับประทานผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารด้วย

นอกจากนั้น อินทผาลัมในไร่ช่วงนี้ได้เปิดร้านขายผลอินทผาลัมที่ถนนหมายเลข 201 ถนนชัยภูมิ- สีคิ้ว ทางออกไปยัง กทม. เลยปั้ม ปตท.ประมาณ 500 เมตร โดยจำหน่ายอินทผาลัมสดจากสวนของตนในราคากิโลละ 200 บาทเท่านั้น รวมทั้งสินค้าทางการเกษตรอื่น ๆ ตามฤดูกาลด้วย มีผลผลิตทางการเกษตร ไร่แม่ถวิล อินทผาลัม สดจากสวนระดับพรีเมี่ยม ราคาถูกสุด ๆ ราคาต้นทุนได้ทุกวัน และสามารถติดต่อสอบถามหรือสั่งจองได้ที่ คุณโจ เบอร์โทรศัพท์ 06 3929 9223 หรือ เฟซบุ๊ก “คุณโจ มาทน” https://www.facebook.com/jo.mathon ระยะทางห่างจากตัวอำเภอหนองบัวระเหว ประมาณ 14 กม. รับรองไม่ผิดหวัง

นครพนม - ทบ.นำเครื่องบินลำเลียง 295 ส่งผู้ป่วยโควิด ถึงภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย

วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ที่จังหวัดนครพนม พลตรี สามารถ จินตสมิทธิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 พร้อมด้วย นายสุวิทย์ จันทร์หวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายสมชัย นำโชคประเสริฐ นักวิชาการขนส่งชำนาญการ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครพนม นายแพทย์ขวัญชัย ประเสริฐยิ่ง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดเตรียมสถานที่บริเวณท่าอากาศยานนครพนมและศูนย์พักคอยเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการรับช่วงต่อจากกองทัพบกที่ได้ให้การสนับสนุนเครื่องบินลำเลียง 295 ส่งผู้ป่วยโควิด – 19 กลับบ้านที่นครพนม ซึ่งในวันนี้เป็นเที่ยวบินแรกที่นำส่งผู้ป่วยที่นครพนม

พลตรี สามารถ จินตสมิทธิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทีมแพทย์ต้องรับมือและแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งค่อนข้างที่จะมีข้อจำกัดในด้านจำนวนบุคลากร ดังนั้นจึงได้มีการส่งต่อผู้ป่วยไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ของในแต่ละจังหวัดเพื่อแบ่งเบาภาระ ซึ่งทางรัฐบาลและกองทัพบก ได้มีความตระหนักและเห็นถึงความสำคัญในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลับสู่ภูมิลำเนา และที่ผ่านมาก็มีทั้งการเตรียมการในการจัดขบวนยานพาหนะนับ 100 คัน ไว้ที่กองทัพภาคที่ 2 และมีการขนย้ายมาบ้างแล้วในทางรถยนต์ ส่วนทางรถไฟในปัจจุบันก็มีการเตรียมแผนเช่นเดียวกัน แม้จะมีการเลื่อนไปเมื่อในเมื่อวานแต่วันนี้ก็ดำเนินการแล้วเหมือนกัน

ในส่วนของจังหวัดนครพนมซึ่งมีระยะทางที่ไกลและผู้ป่วยมีความจำเป็นเร่งด่วนทางกองทัพบก ก็ได้มีการสนับสนุนเครื่องบินลำเลียงแบบ 295 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ใช้งานทั่วไป เพื่อขนย้ายพี่น้องประชาชนที่พบเชื้อโควิดกลับภูมิลำเนา ซึ่งเดิมทีจะมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่ปิดทำให้เป็นอุปสรรคต่อการบิน เกิดความไม่ปลอดภัย จึงยังไม่ได้นำส่งผู้ป่วย แต่ในวันนี้ที่สภาพอากาศพร้อมจึงได้นำผู้ป่วยบินกลับภูมิลำเนา จำนวน 2 เที่ยวบิน โดยเที่ยวแรกในเวลา 11:30 น จำนวน 18 คน เที่ยวบินที่ 2 เวลา 15.30 น. อีก 20 คน

ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมบูรณาการในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ท่าอากาศยานนครพนมที่ได้สนับสนุนพื้นที่ในการลงจอดของเครื่องบิน หน่วยงานสาธารณสุขที่สนับสนุนบุคลากรในการตรวจคัดกรองและรักษาผู้ป่วย โดยทางมณฑลทหารบกที่ 210 จะดำเนินการลำเลียงผู้ป่วยจากสนามบินไปยังจุดพักคอยเพื่อคัดกรองผู้ป่วยก่อนนำส่งต่อไปยังจุดรักษาต่าง ๆ ตามอาการ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลสนาม ในส่วนของค่ายพระยอดเมืองขวางก็ได้มีการเตรียมความพร้อมในการจัดสถานที่เพื่อรองรับเป็นลักษณะของโรงพยาบาลสนามเช่นเดียวกันหากโรงพยาบาลฝ่ายพลเรือนมีเตียงไม่เพียงพอ ซึ่งก็อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลค่ายพระยอดเมืองขวาง ที่เมื่อมีผู้ป่วยเข้าไปในค่ายแล้วทางค่ายจะมีมาตรการที่เข้มงวดและเข้มข้นในการที่จะไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดไปสู่ชุมชนและพื้นที่

ขอให้ทุกคนมีความมั่นใจในแนวทางการปฏิบัติว่าทางค่ายพระยอดเมืองขวางมีความพร้อมที่จะเป็นอีกหนึ่งหน่วยที่จะช่วยแบ่งเบาภาระและพร้อมในการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่และเต็มประสิทธิภาพ


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส ผู้สื่อข่าวนครพนม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top