Saturday, 10 May 2025
Isan

ขอนแก่น - เร่งสร้าง รพ.สนาม แห่งที่ 4 และ 5 รับมือภาวะผู้ป่วยล้นเตียง พร้อมสั่งปิดร้านเกม-อินเตอร์เนต -โรงหนัง -ร้านอาหาร ตามเวลาที่กำหนด หลัง ศบค.กำหนด ให้เป็นพื้นที่สีแดง ต้องคุมเขัมทุกมาตรการ

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 19 ก.ค.2564 ที่ห้องประชุมชั้น 5 อาคารสำนักงานเขตสุขภาพที่ 7 ภายในสำนักงานสาธารณสุข จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ขอนแก่น ครั้วที่ 28/2564 เพื่อประเมินและติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้ ศบค.ได้กำหนดให้ขอนแก่นเป็นพื้นที่ควบคุมสีแดง จากสถานการการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ซึ่งจังหวัดได้มีมติในการปิดโรงภาพยนต์เป็นเวลา 14 วัน ขณะที่ร้านเกม ร้านอินเตอร์เนต มีคำสั่งปิดออกไปอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ร้านอาหารงดการจำหน่ายตั้งแต่เวลา 23.00 น. เป็นต้นไป นอกจากนี้ที่ประชุมยังคงมีคำสั่งเลื่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ของพรรคประชาธิปไตยใหม่ และพรรคครูไทยเพื่อประชาชน ออกไปเป็น เดือน ธ.ค.

"การจำกัดการเดินทางเข้ามาในพื้นที่นั้นชัดเจนว่าตอนนี้เรามีจุดตรวจ เข้าเมือง ทั้งสิ้น 3 จุด คือที่ อ.บ้านไผ่ อ.ชุมแพ และที่ด่านตรวจเขตเมืองที่บริเวณสวนสาธารณะประตูเมือง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบรถทุกคันโดยเฉพาะรถโดยสารสาธารณะ รถที่มีป้ายทะเบียนต่างจังหวัด เช่นเดียวกันกับด่านตรวจหลักที่สนามบิน,สถานีขนส่งและสถานีรถไฟ จะตรวจเข้มทุกคนที่เดินเข้ามาในเขตจังหวัด โดยขอให้เตรียมเอกสารแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งประกอบด้วยเอกสารการยืนยันฉีดวัคซีนชิโนแวคครบ 2 เข็มมาแล้วไม่น้อยกว่า 28 วัน หรือการฉีดวัคชีนแอสตร้าเชเนก้า 1 เข็มมาแล้วไม่น้อยกว่า 28 วัน และมีผลตรวจโควิดมาแล้วไม่เกิน 72 ชม."

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นท่มีจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น ทั้งหมดเกิดจากการรับเชื้อมาจากต่างพื้นที่โดยที่ยังคงไม่มีการติดเชื้อภายในเขตจังหวัด ซึ่งในการประชุมได้มีมติ ตั้งโฮสพิเทล เพิ่มเติม คือที่โรงแรมโฆษะ และ โรงแรม กรีนโฮเต็ล ในการกำกับดูแลของ รพ.ราชพฤกษ์ รวมทั้งการตั้ง รพ.สนาม แห่งที่ 4 ที่ค่ายเปรมติณสูลานนท์ อ.น้ำพอง  และ รพ.สนาม แห่งที่ 5 ที่ บ.กระทิงแดงจำกัด ซึ่งเป็นภาคเอกชน ที่ ตั้งอยู่ที่ อ.อุบลรัตน์ ที่ได้มีการเสนอตัวขึ้นมา เนื่องจากขณะนีเตียงรักษาผู้ป่วยโควิด ของ รพ.ฯ ต่าง ๆ ใกล้เต็มจำนวน ซึ่งคณะทำงานจะลงพื้นที่ประเมินและจัดตั้ง ตามระเบียบที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเข้มงวดต่อไป

ขอนแก่น - สสจ. ย้ำชัด บุคลากรด่านหน้าต้องได้รับการฉีดวัคซีนทุกคน เร่งสำรวจผู้ที่ตกหล่น ฉีดให้ครบภายในเดือนนี้ วอนทุกคนเห็นใจตามการจัดสรรวัคซีนมาจากส่วนกลาง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 ก.ค. 2564 ที่สำนักงานสาธารณสุข จ.ขอนแก่น นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า รพ.น้ำพอง และสำนักงานสาธารณสุข อ.น้ำพอง ได้สรุปรายงานและชี้แจงเหตุการณ์ กลุ่ม อสม. ในเขต อ.น้ำพอง ได้รวมตัวกันประท้วงและต่อว่าการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในเขต อ.น้ำพอง จนทำให้ อสม. บ.น้ำพอง เกือบ 60 คนไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ทั้งที่เป็นบุคลากรด่านหน้า ตามที่หน่วยงานรัฐกำหนด ซึ่งขณะนี้เหตุการณ์ดังกล่าวได้คลี่คลายแล้ว โดย นายอำเภอน้ำพอง,รพ.น้ำพอง,สำนักงานสาธารณสุข อ.น้ำพอง,สภ.น้ำพอง และ ชมรม อสม.อ.น้ำพอง ได้มีการประชุมและหารือกันในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งพบว่าเกิดจากการสำรวจ ในระบบต่างๆในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งคณะทำงานได้หารือร่วมกันใหม่ทั้งหมดจนได้ข้อยุติ คือการสำรวจรายชื่อ อสม.ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนใหม่หมดทั้งอำเภอ เพื่อเข้าสู่แผนการฉีดวัคซีนให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค.

" ผมย้ำว่าบุคลากรด่านหน้าต้องได้รับการฉีดวัคซีนทุกคน ขอแค่ทุกท่านดำเนินการตามที่ สสจ.หรือ ทีมแพทย์กำหนด ขณะที่ตัวแปรที่สำคัญคือการได้รับการจัดสรรวัคซีน จากส่วนกลาง ตามที่ได้รับการจัดสรรมาในแต่ละรอบ แต่เมื่อทางจังหวัดได้รับมาเท่าใดนั้น ก็มีการจัดส่งกระจายไปในพื้นที่ทุกอำเภอท่านพี่ ดังนั้น กล่ม อสม. ในเขต อ.น้ำพอง รวมกว่า 60 คนนั้น จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 29 ก.ค.นี้"

นพ.สมชายโชติ กล่าวต่ออีกว่า อสม.จัดเป็นบุคลากรด่านหน้าที่สำคัญที่ทำงานร่วมกันกับ ฝ่ายสาธารณสุขในทุกเรื่องโดยเฉพาะกับสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น ที่ อสม.ทำงานอย่างหนักทุกวัน ดังนั้นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฎิบัติงาน จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันและร่วมมือกัน ให้การสนับสนุนการดำเนินงานอย่างเต็มที่เพื่อที่เราจะก้าวผ่านวิกฤติเหตุการณ์นี้ไปด้วยกัน

กาฬสินธุ์ – เปิด รพ.สนามสหัสขันธ์ อุปถัมภ์โดยคณะสงฆ์ กว่า 500,000 บาท พร้อมเปิดบริจาคสิ่งของจำเป็นเพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19

อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดโรงพยาบาลสนาม 50 เตียงรักษา 30 เตียงพักคอย พร้อมรับคนสหัสขันธ์กลับบ้านปลอดภัย อุปถัมภ์ก่อสร้างปรับปรุงโดยคณะสงฆ์อำเภอสหัสขันธ์ มูลค่ากว่า 500,000  บาท พร้อมเปิดรับบริจาคสิ่งของจำเป็นเพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เล็งปรับ LQ เป็นพื้นที่นอนรอเตียงรักษา 8 ตำบล

วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ที่บริเวณหอประชุมอำเภอสหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร รองผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยจิตอาสาพระราชทาน 904 ,พระอาจารย์ณรงค์ ชยุมงฺคโล เจ้าอาวาสวัดพุทธนิมิต (ภูค่าว) ,นางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์,นายแพทย์คมกฤษ วิเศษ ผอ.รพ.สหัสขันธ์ พร้อมด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตัวแทน อปท. 8 แห่ง พื้นที่ อ.สหัสขันธ์ คณะแพทย์ พยาบาล รพ.สหัสขันธ์  ร่วมเปิดโรงพยาบาลสนาม อ.สหัสขันธ์ เพื่อเตรียมรับผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งมีภูมิลำเนาเป็นคน อ.สหัสขันธ์ โดยปัจจุบันมีผู้ป่วยอยู่ระหว่างการรักษา 22 คน จากจำนวนผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 62 คน ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต

โดยผู้มีจิตศรัทธา ได้นำสิ่งของที่จำเป็นมอบให้กับ รพ.สนาม ทั้งน้ำดื่ม ยาเม็ดฟ้าทะลายโจร พัดลม เครื่องนอน ข้าวสาร อาหารแห้ง และเงินสด โดยโรงพยาบาลสนาม อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับการอุปถัมภ์โดยพระเทพมงคลวชิรมุณี (หา สุภโร) หรือหลวงปู่ไดโนเสาร์ มอบเงินให้กับคณะกรรมการเป็นเงิน 505,237 บาท นอกจากนี้ พระอาจารย์ณรงค์ ชยมงฺคโล เจ้าอาวาสวัดพุทธนิมิต ยังมอบเงินสนับสนุนเพิ่มเติมอีก 50,000 บาท รวมถึงผู้มีจิตศรัทธาจากทั่วสารทิศ ที่โอนเงินผ่านบัญชีสาธารณกุศลอ.สหัสขันธ์ ขณะที่การปรับปรุงพื้นที่ รพ.สนาม รวมถึงการควบคุมการก่อสร้างทั้งหมด มีพระครูสิริพัฒนนิเทศก์ เจ้าอาวาสวัดพุทธาวาสภูสิงห์ ควบคุมดูแลและนำเครื่องจักรเข้าปฏิบัติการทั้งหมด ส่วนเตียง รพ.สนาม นายอำเภอสหัสขันธ์ ได้ระดมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สร้างเตียงจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ทดแทนในช่วงที่เตียงขาดแคลนและราคาสูง

นางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์ กล่าวว่าโรงพยาบาลสนาม อ.สหัสขันธ์ เกิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของทุกฝ่าย โดยเฉพาะเมตตาจากคณะสงฆ์ เป็นที่ปรึกษาในการเริ่มต้นของโรงพยาบาลสนาม  โดยใช้หอประชุม อ.สหัสขันธ์ และพื้นที่บริเวณโดยรอบ ติดกับโรงพยาบาลสหัสขันธ์ ซึ่งจะสามารถรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ซึ่งเป็นคนสหัสขันธ์ ไม่น้อยกว่า 50 คน มีศูนย์พักคอยอีก 30 เตียง ที่มอบหมายให้ทางนายแพทย์คมกฤษ วิเศษ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสหัสขันธ์  พร้อมทีแพทย์พยาบาล และนายสมบูรณ์ ไชยศรี สาธารณสุขอำเภอสหัสขันธ์ จัดการภายในโรงพยาบาลสนามฯ เบื้องต้นมีคนสหัสขันธ์ยืนยันติดเชื้อแล้วจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด 13 จังหวัด แจ้งกลับมารักษากว่า 30 คน ทั้งนี้ได้สั่ง LQ ของ อปท. ทุกแห่ง เตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉินตลอด 24 ชม.

“ส่วนลำดับขั้นตอนของโรงพยาบาลสนาม อ.สหัสขันธ์ โดยนายแพทย์คมกฤษ วิเศษ ผอ.รพ.สหัสขันธ์ และเป็นผอ.รพ.สนามฯ เมื่อผู้ป่วยมีความประสงค์จะเข้ามารักษา เบื้องต้นต้องเข้ารับการตรวจและยืนยันผลก่อน จากนั้นจะนำผู้ป่วยที่มีผลยืนยันเข้ารับการรักษาตามลำดับ ทั้งการตรวจเลือด เอ็กซเรย์ปอด เมื่อเข้าโรงพยาบาลสนามจะต้องเปลี่ยนชุดในชุดคนไข้ของ รพ.สนามที่เตรียมไว้ ซึ่งภายในโรงพยาบาลสนามจะมีกล้องวงจรปิดกระจายอยู่ทุกมุมกว่า 18 ตัว รอบนอกมีกำลังเจ้าหน้าที่ อส. ชรบ. อปพร. จากทุกตำบล มาอยู่เฝ้าเวรยามแบ่งกำลังวันละ 3 ผลัด มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรสหัสขันธ์ เป็นผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยอีกชั้น ทั้งนี้ยังมี 8 อปท. ให้ความร่วมมือในการเตรียม LQ บุคลากร งบประมาณ เป็นความสามัคคีในพื้นที่เพื่อเอาชนะไวรัสโควิด-19 สร้างความปลอดภัยใน อ.สหัสขันธ์อย่างเข้มแข็ง” นายอำเภอสหัสขันธ์กล่าว


ภาพ/ข่าว ณัฐพงษ์  ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

ขอนแก่น - โควิดระบาด ชาวบ้านแห่ซื้อฟ้าทะลายโจรและกระชายขาว เกลี้ยงแผงทุกร้านขายยา พบของขาดมานานหลายเดือนแล้ว

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 ก.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจร้านขายยาแผนปัจจุบัน ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น หลังพบว่ามีประชาชนจำนวนมากพากันมาเลือกซื้อสมุนไพรฟ้าทะลายโจรและกระชายขาว แบบแคปซูล กันอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปรับประทานป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อในเขต จ.ขอนแก่น พบผู้ป่วยมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะที่ร้านยาธงดีเภสัช ซึ่งตั้งอยู่ที่ ถ.ศรีธาตุประชาสันติ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น พบว่ามีประชาชนมาสอบถามและซื้อยาฟ้าทะลายโจรและยากลุ่มต้านไวรัสกันตลอดทั้งวัน

เภสัชกรธง ดีมาก เจ้าของร้านขายยาธงดีเภสัช กล่าวว่า ยอมรับว่าฟ้าทะลายโจรชนิดแคปซูลขายหมดได้ประมาณ 3 สัปดาห์แล้ว ส่วนยาเขียวตราใบโพธิ์ และกระชายขาวนั้นขาดตลาดมานานกว่า 4 เดือนแล้วเช่นกัน ซึ่งเมื่อลูกค้าเข้ามาสอบถามก็จะแนะนำในส่วนของสมุนไพรทางเลือกอื่น ๆ ขณะที่จากการสอบถามลูกค้าที่มาซื้อนั้นพบว่าเป็นลูกค้าจากต่างอำเภอที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แวะเข้ามาถามซื้อฟ้าทะลายโจร และกลุ่มยาต้านไวรัส เพื่อซื้อส่งไปให้ลูก หลาน รวมทั้งญาติพี่น้องที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง เพราะได้รับการประสานจากญาติว่ากลุ่มยาเหล่านี้หาซื้อไม่ได้แล้ว

"ยังมีกลุ่มยาที่ประชาชนเข้ามาถามหาเพิ่มเติม คือยากลุ่มต้านเชื้อไวรัสโควิด-19  ที่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างมาก ที่เป็นสูตรในการรักษาโควิด แบบประคับประคอง เพราะลูกค้าบางรายอาจจะเตรียมไว้เผื่อในอนาคตหากต้องติดโควิด แล้วโรงพยาบาลสนามเต็ม ก็จะได้มีการรักษาตัวเองไปก่อน รวมไปถึงกลุ่มยาละลายเสมหะ ยาขยายหลอดลมในกรณีที่เชื้อลงปอด และยังมีกลุ่มยาลดไข้และสมุนไพรทางเลือกอื่น ๆ ที่ลูกค้าแวะมาเลือกซื้ออยู่เป็นประจำ อย่างไรก็ตามหากในกรณีที่ฟ้าทะลายโจรขาดตลาด และลูกค้ามาสอบถามก็จะแนะนำขมิ้นชันวิตามินซี รวมทั้งสเปรย์พ่นคอ ที่ช่วยต้านเชื้อไวรัสเชื่แแบคทีเรียและเชื้อราได้อีกด้วย"

เภสัชกรธง กล่าวต่ออีกว่า ร้านมีการปรับตัวในการขายเยอะขึ้นตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีการขายยาผ่านช่องหน้าต่าง ปิดประตูไม่ให้ลูกค้าเข้ามาภายในบริเวณร้าน มีพัดลมดูดดอากาศให้อากาศหมุนเวียนตลอดเวลา อีกทั้งมีการเขียนป้ายไฟบริเวณด้านหน้าร้าน ว่าจ่ายยาผ่านช่องรบกวนให้ลูกค้ากดกริ่งเรียกเภสัชกร นอกจากนี้ยังมีการจัดส่วนของยาให้เหมาะในการจ่ายได้ทันที และในของเภสัชกรเองก็จะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยสวมทับด้วยเฟสชิวอีกชั้น นอกจากนี้ยังมีการขายยาผ่านช่องทางไลน์เป็นเทเลฟาร์มาซี มีการปรึกษาเภสัชกรทางวิดีโอคอลก่อนซื้อยา หลังจากนั้นให้ลูกค้าโอนเงินให้ร้านยา และจัดส่งด้วย Grab เพื่อความปลอดภัย ลดการเดินทางออกจากบ้านที่จะเสี่ยงติดเชื้ออีกด้วย

สุรินทร์ - ร.23 พัน.3 จัดกิจกรรมจิตอาสาฯ ตามโครงการ "มีแล้วแบ่งปัน" ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564

วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เวลา 09.30 น. ที่ ชุมชนรอบค่ายวีรวัฒน์โยธิน ตำบลนอกเมือง อำเภอเมืองง จังหวัดสุรินทร์  พันโท พงษ์พัฒน์  เตือนขุนทด ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 ได้มอบหมายให้ ฝ่ายกิจการพลเรือน กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 จัดชุด Army Delivery จำนวน 3 คัน ดำเนินกิจกรรมจิตอาสาฯ ตามโครงการ "มีแล้วแบ่งปัน" โดยการนำข้าวกล่อง จำนวน 30 กล่อง, น้ำดื่ม และ หน้ากากอนามัย

ออกแจกจ่ายให้ประชาชนรอบค่ายวีรวัฒน์โยธิน บ้านเฉลิมพระเกียรติ หมู่ที่ 21 ตำบลนอกเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 ทั้งนี้ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนต่อสู้กับสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน ในการช่วยเหลือ ประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน


ปุรุศักดิ์  แสนกล้า  ข่าว/ภาพ

บึงกาฬ - ผู้ว่าเปิด รพ.สนามแห่งที่ 2 เหตุผู้ป่วยล้นเตียง การระบาดโควิด-19 ทำให้เลื่อนสอบครูผู้ช่วยแบบไม่มีกำหนด

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 20 ก.ค.ที่หอประชุมจังหวัดบึงกาฬ ภายในศูนย์ราชการจังหวัดบึงกาฬ นายสนิท ขาวสอาด ผวจ.บึงกาฬ นายนฤชา โฆษาศรีวิไลช์ รอง ผวจ. นางแว่นฟ้า ทองศรี นายก อบจ.บึงกาฬ นพ.ภมร ดรุณ นายแพทย์ สสจ.บึงกาฬ นพ.กมล แซ่ปึง ผอ.รพ.บึงกาฬ ร่วมกันเปิดโรงพยาบาลสนามจังหวัดบึงกาฬ แห่งที่ 2 ภายหลังในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ มีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น เพื่อให้มีพื้นที่รองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง หรือมีอาการเล็กน้อย หลังได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลให้อาการดีขึ้น เพื่อรอกลับบ้าน โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนร่วมกันบริจาคเงินจัดซื้ออุปกรณ์จัดตั้ง รพ.สนาม ในครั้งนี้ร่วมเป็นสักขีพยาน

นพ.ภมร ดรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามจังหวัดบึงกาฬ แห่งที่ 2 ในพื้นที่อำเภอเมืองบึงกาฬ ในครั้งนี้เพื่อรองรับสถานการณ์การติดเชื้อโรคโควิด-19 โดยภาพรวมทั้งประเทศและจังหวัดบึงกาฬมีแนวโน้มผู้ป่วยโควิด-19 สูงขึ้น ซึ่งจังหวัดบึงกาฬ มีผู้ป่วยสะสม 189 ราย รักษาหาย 65 ราย เสียชีวิต 1ราย กำลังรักษา 123 ราย ผู้ป่วยรายใหม่วันนี้ 11 ราย มีผู้ป่วยติดเชื้อขอกลับมารักษา 142 ราย ซึ่งโรงพยาบาลในจังหวัดบึงกาฬ มีเตียงรองรับผู้ป่วย 262 เตียง และมีแนวโน้มที่เตียงรับผู้ป่วยจะไม่เพียงพอ แม้ว่าโรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดบึงกาฬจะขยายเตียงเพื่อรองรับแล้วก็ตาม โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินการจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันดำเนินการ โดยโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 นี้ จะรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้เบื้องต้นจำนวน 100 เตียง และหากมีแนวโน้นผู้ป่วยสูงเพิ่มขึ้น ก็จะขยายโรงพยาบาลสนามแห่งนี้เพิ่มขึ้นได้อีก

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามให้เป็นไปตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ทั้งด้านสุขอนามัย ความสะดวกสบาย มีทั้งอินเตอร์เน็ต ทีวี พัดลม และความปลอดภัยจากกล้องวงจรปิด เพื่อให้มีพื้นที่รับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง หรือมีอาการเล็กน้อย หลังได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลให้อาการดีขึ้น เพื่อรอกลับบ้าน จากนั้น ผวจ.ได้ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบึงกาฬ เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ตามแนวทาง ศบค. โดยที่ประชุมออกคำสั่งยกระดับมาตรการคุมโควิด-19 มีผล 20 กรกฎาคม 64 นี้  ร้านอาหาร ฯลฯ ให้เปิดดำเนินการตามมาตรการ แต่ห้ามดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน ขอให้งด หรือชะลอการเดินทางในช่วงเวลานี้โดยไม่มีเหตุจำเป็น เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด ต้องกักตัว โดยต้องรายงานตัวต่อผู้ใหญ่บ้าน อสม. หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ ต้องคัดกรองที่สถานีขนส่ง ห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของคนจำนวนมากกว่า 150 คน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากนายอำเภอท้องที่ ฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย บังคับใช้ 20 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ 042 492 046 ต่อ 114 (ในเวลาราชการ) หรือ 061 205 3743 (นอกเวลาราชการ)

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นเหตุให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ หรือ สพป.บึงกาฬ แจ้งในที่ประชุมเลื่อนการเปิดการสอนแบบเต็มรูป (On Site) ออกไปจนถึงวันที่ 30 ก.ค. โดยให้จัดรูปแบบการเรียนการสอนแบบ On Ai/On tine/On hand และ On Demand เพื่อความปลอดภัยของครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียนที่มารับส่งบุตรหลาน ส่วนการสอบบรรจุครูผู้ช่วยที่จะมีขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้ ทางกระทรวงศึกษาก็ขอให้เลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะทุเลาเบาบางลง


ภาพ/ข่าว  เกรียงไกร  พรมจันทร์ / บึงกาฬ

กาฬสินธุ์ - ปิดโรงเรียนไม่มีกำหนด ยอดติดเชื้อโควิดยังนิวไฮวันเดียวพุ่ง 157 ราย

กาฬสินธุ์ยกระดับคุมเข้มมาตรการโควิด-19 หลังปรับเป็นพื้นที่สีแดงหรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด ปิดโรงเรียน-งดเรียนออนไซด์ไม่มีกำหนด ร้านอาหารนั่งได้ไม่เกิน 5 ทุ่ม งดเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดการรวมกลุ่มสังสรรค์ ขณะที่สถานการณ์ยังพบผู้ป่วยติดเชื้อนิวไฮวันเดียว 157 ราย ทุบสถิติสูงสุด ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสมพุ่ง 1,315 ราย ขณะที่หน่วยกู้ภัยเมตตาธรรม ทยอยส่งผู้ป่วยพาคนอีสานกลับภูมิลำเนา

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์อำนวยการต้านโรคติดชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จ.กาฬสินธุ์ รายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ซึ่งยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงต่อเนื่องรายวัน โดยล่าสุดวันนี้ (21 ก.ค.64) พบผู้ติดเชื้อนิวไฮ เป็นผู้ป่วยรายใหม่มากถึง 157 ราย ทุบสถิติสูงสุด โดยเป็นผู้ป่วยติดเชื้อขอกลับมารักษาในภูมิลำเนา 40 ราย เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงอยู่ระหว่างการกักกันตัว 83 ราย สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน 27 ราย และตรวจพบจากระบบเฝ้าระวังอื่น ๆ อีก 7 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุถึง 1,315  ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 6 ราย

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ล่าสุดคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.กาฬสินธุ์ ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีนายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ เป็นประธาน และทางจังหวัดได้ออกประกาศคำสั่งมาตรการยกระดับการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ หลังปรับเป็นพื้นที่สีแดง หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด โดยให้ปิดการเรียนการสอนแบบ on-site รวมไปถึงศูนย์เด็กเล็ก จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ร้านอาหารสามารถนั่งรับประทานในร้านได้ไม่เกินเวลา 23.00 น. งดเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สนามกีฬา ยิม สถานที่ออกกำลังกายเปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. งดการรวมกลุ่มสังสรรค์ จำกัดจำนวนผู้โดยสารในระบบขนส่งสาธารณะไม่เกินร้อยละ 50 และผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ 13 จังหวัดเสี่ยง ต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน

นอกจากนี้มติที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการขยายเตียงในโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้น จากปัจจุบัน จ.กาฬสินธุ์มีโรงพยาบาลสนามรวม 19 แห่ง รองรับผู้ป่วยจำนวน 1,159 เตียง และในโรงพยาบาล สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก และแสดงอาการ อีก 433 เตียง รวมทั้งหมด 1,592 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยจำนวนมากที่เดินทางกลับมารักษายังภูมิลำเนา พร้อมวางแผนจัดตั้งศูนย์โควิดชุมชนหรือ Community Isolation โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการ เน้นผู้ป่วยสีเขียวและให้มีบุคลากรจาก รพ. สต. อสม. เข้ามาดูแล

ขณะที่หน่วยกู้ภัยเมตตาธรรมกาฬสินธุ์ ได้ทยอยส่งตัวผู้ป่วยในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ และหลายจังหวัดในภาคอีสานตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา เพื่อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และบริเวณกักกันตัวตามภูมิลำเนา หลังจัดขบวนคาราวานตู้พยาบาล 8 คัน และเช่ารถบัสอีก 1 คัน รับผู้ป่วยจากโรงพยาบาลบุษราคัม จ.นนทบุรี และพื้นที่กรุงเทพฯ รวมทั้งจังหวัดปริมณฑล “พาคนอีสานกลับบ้านเฮา” ฟรีกว่า 100 คน


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์ ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

ขอนแก่น - งานเข้า นักโทษเรือนจำขอนแก่นติดโควิด 315 คน สนธิกำลังร่วมทุกฝ่ายคุมสถานการณ์อย่างเข้มงวด

ผู้ต้องขังชายคุกขอนแก่นติดโควิดสั่งปิดแดนต้องขัง 1-2  ขณะที่ สสจ.สนธิกำลังร่วมทุกฝ่ายคุมสถานการณ์อย่างเข้มงวด เร่งตรวจหาเชื้ออีกกว่า 3,000 เตรียมย้ายผู้ต้องขังหญิงไปอยู่เรือนจำพล เพื่อปรับแดนหญิงเป็น รพ.สนาม ควบคุมการระบาด

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 21 ก.ค. 2564 ที่สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดขอนแก่น นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายสมมาตย์ สุราช ผู้บัญชาการเรือนจำกลางขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวการพบผู้ต้องขังติดเชื้อในเรือนจำกลางขอนแก่น พร้อมทั้งมาตรการควบคุมและป้องกันโรคภายในเรือนจำ ตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขที่กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงยุติธรรมกำหนด โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าวและรับมอบนโยบายการดำเนินงานตามคำสั่งอย่างพร้อมเพรียงกัน

นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น กล่าวว่าเรือนจำขอนแก่นมีผู้ต้องขังทั้งหมด 4,458 คน โดยเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากทางเรือนจำฯว่าพบกลุ่มผู้ต้องขังมีอาการป่วย เป็นไข้ ไอ และมีน้ำมูก

จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ,สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 และเรือนจำจังหวัดขอนแก่น ให้ดำเนินการตรวจคัดกรองผู้ต้องขังที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงจำนวน 15 คน ซึ่งพบว่าผู้ต้องขังชาย 3 คนติดเชื้อโควิด-19  จากนั้นคณะทำงานจึงได้ขยายผลตรวจผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยง 1,620 คน โดยขณะนี้พบผู้ต้องขังยืนยันติดเชื้อโควิดแล้ว 315 คน

นพ.สมชายโชติ กล่าวด้วยว่าในส่วนของคลัสเตอร์เรือนจำกลางขอนแก่นนั้น มีการวางแผนควบคุมโรคในรูปแบบบับเบิลแอนด์ซีล ห้ามการเข้า-ออก เด็ดขาดและไม่รับผู้ต้องขังรายใหม่ และเร่งตรวจกลุ่มผู้ต้องขังหญิงทั้งหมด 329 คน เพื่อเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังแดนหญิงไปที่เรือนจำพล อ.พล จ.ขอนแก่น เพื่อปรับพื้นที่ให้แดนหญิงเป็นโรงพยาบาลสนามในเรือนจำ รักษากลุ่มผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ หากผู้ป่วยมีอาการหนักจะถูกส่งตัวต่อไปรักษาที่ รพ.ขอนแก่น ในส่วนของผู้ต้องขังอีกกว่า 3,000 คน ที่ไม่ได้ตรวจหาเชื้อ ได้วางแผนเชิงรุกโดยการเอกซเรย์ปอดผู้ต้องขังทุกคน หากพบติดเชื้อแม้จะไม่แสดงอาการก็จะถูกส่งต่อการรักษาที่ รพ.สนาม ภายในเรือนจำทันที

กาฬสินธุ์ – หมอใหญ่ระบุ ‘ฟ้าทะลายโจร’ ระงับความรุนแรงเชื้อโควิดได้ผล

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ ระบุใช้ฟ้าทะลายโจรกับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เผยยืนยันผลการวิจัยจากโรงพยาบาลสมุทรปราการและเรือนจำ ขณะที่โรงพยาบาลสนามฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์นำมาใช้กับคนไข้ได้ผล ทั้งนี้ การใช้ต้องอยู่ในการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของหมอ ด้านสถานการณ์ล่าสุดพบผู้ป่วยเพิ่ม และเตรียมขยายเตียงรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่โรงพยาบาลสนามยางตลาดและโรงพยาบาลสนามสมเด็จ 

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 ที่สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ นายแพทย์อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์  หลังทาง ศบค.ประกาศให้พื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เป็นกลุ่มจังหวัดสีแดง พื้นที่ควบคุมสูงสุด โดยวันนี้ยังพบว่ามีประชาชนจากพื้นที่กรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดพื้นที่เสี่ยง เดินทางกลับมาภูมิลำเนาจำนวนมาก ทำยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นรายวัน ล่าสุดพบผู้ป่วยรายใหม่ 131 ราย เป็นผู้ติดเชื้อจากต่างจังหวัดขอกลับมารักษาในภูมิลำเนา 19 ราย ผู้ติดเชื้อที่มีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง 92 ราย ผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยัน 9 ราย และตรวจพบจากระบบเฝ้าระวังอื่นๆ 11 ราย

นายแพทย์อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พบรายวัน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ติดเชื้อจากต่างจังหวัด ส่วนที่พบพื้นในพื้นที่ถือว่าเป็นคลัสเตอร์ขนาดเล็ก เช่น สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยในครัวเรือน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทำการเปิดโรงพยาบาลสนามทั้ง 18 อำเภอแล้ว ยังมีผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้นทุกวัน ถึงแม้ปัจจุบันโรงพยาบาลสนามจะสามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยเพียงพอ แต่เพื่อรองรับสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ยังมีแนวโน้มสูงอยู่ ทางโรงพยาบาลสนามยางตลาดและโรงพยาบาลสนามสมเด็จ ก็จะได้ขยายเตียงเพิ่มขึ้นเพื่อให้สามารถรองรับและเพียงพอ และได้รับการบริหารทางระบบสาธารณสุขอย่างดีที่สุด

นายแพทย์อภิชัยกล่าวอีกว่า สำหรับการให้บริการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และบุคคลทั่วไปนั้น จากสถิติผู้เสียชีวิตจากการได้รับเชื้อโควิด-19 ดังกล่าว เป็นในกลุ่มผู้สูงอายุ ดังนั้น ในการจัดสรรฉีดวัคซีนที่ จ.กาฬสินธุ์ ในช่วงที่สถานการณ์ของโรครุนแรงอยู่ จึงจะจัดสรรให้บุคลากรกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคประจำตัวและหญิงมีครรภ์ หรือกลุ่ม 608 เสียก่อน จึงจะกระจายไปยังกลุ่มอื่นๆตามลำดับต่อไป

นายแพทย์อภิชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการบำบัดรักษาอาการผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 นั้น ตามที่มีการกล่าวถึงการนำสมุนไพรทางเลือก เช่น กระชาย และฟ้าทะลายโจร มาใช้ในการบำบัดรักษาอาการนั้น ยืนยันผลวิจัยที่ใช้ในโรงพยาบาลสมุทรปราการและเรือนจำ พบว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ในขณะที่โรงพยาบาลฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ก็ได้นำมาใช้เช่นกัน โดยพบว่าสามารถลดความรุนแรงของโรคได้ อย่างไรก็ตามการใช้ต้องอยู่ในการกำดับดูแลอย่างใกล้ชิดของหมอรักษาไข้ ทั้งนี้ วิธีที่ป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้ผลที่สุดคือการรักษามาตรการ D-M-H-T-T-A เช่น รักษาระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ตรวจวัดอุณหภูมิ ไม่เข้าไปในสถานที่แออัดและพื้นที่เสี่ยง

ชัยภูมิ - นายกฯธี เชิงรุก ฟัง-แก้ไข-พัฒนา ส่งเครื่องจักรเคลียร์ทางน้ำพร้อมรับแผนปรับระบบผังเมืองน่าอยู่

22 ก.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่นายธีวรา วิตนากร นายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิ ได้ชนะการเลือกตั้งมานั่งเก้าอี้บริหารงานในตำแหน่ง นายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิ คนใหม่ได้เร่งประชุมวางแนวทางนโยบายการบริหารงาน เร่งด่วนเช่น การปรับปรุงซ่อมแซมและพัฒนาระบบผังเมือง การสาธารณสุขเรื่องความสะอาดในชุมชนเพื่อแก้ปัญหาขยะล้นเมือง ระบบถนน-คูคลองหรือทางน้ำ และการบริหารงานในด้านต่าง ๆ ตามลำดับ เพื่อรับฟังหาแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชนชาวเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ ตามที่ได้รับปากและสัญญาไว้ ทั้ง 25 ชุมชน

ขณะที่นายธีวรา วิตนากร นายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิ ได้มีการสั่งการให้ทาง จนท.กองช่างเทศบาลเมืองชัยภูมิ ออกดำเนินการตามนโยบายสร้างพื้นฐานมุ่งเน้นการพัฒนาเมืองน่าอยู่ ตามแหล่งน้ำห้วย-หนอง-คลอง-บึง หรือทางน้ำที่ไหลผ่าน ภายในชุมชนเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝนนี้โดยได้นำ จนท.รถและเครื่องจักร ลงเคลียร์และกำจัดพวกวัชพืช ขยะ ถุงพลาสติก กิ่งไม้ท่อนไม้ที่ เป็นสาเหตุทำให้มีการ กีดขวางทางระบายน้ำภายในเขตเทศบาลเมือง ทั้งยังเร่งนำรถดูดดินโคลนขนาดใหญ่ ออกปฏิบัติงาน ตามท่อระบายน้ำในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ

โดยในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่กองช่างเทศบาลเมืองชัยภูมิ ได้ดำเนินการในเบื้องต้นจนแล้วเสร็จในพื้นที่ห้วยลำปะทาว ชุมชนราษฎร์เจริญสุข ห้วยดินแดง ฝั่งตะวันออก สะพานแยกโรงต้ม คลองสิงห์ทอง ตะวันตกวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชัยภูมิ บริเวณคลองคูขาด หรือคลองห้วยเสวน้อย ชุมชนเมืองเก่า ลำห้วยชีลอง ฝั่งทิศตะวันออกถึงสามแยกหนองระเริง ลำห้วยเสว ช่วงที่ 5 ฝั่งทิศเหนือสะพานบายพาส-ผ่านชุมชุนหนองสังข์-สะพานเมืองเก่า สองฝั่งถนนสายชุมชนกุดแคน-โนนสมอ ห้วยชีลอง หลังบขส.2ถนนชัยภูมิ-ตาดโตน 

ซึ่งขณะนี้เพื่อเป็นการรับเรื่องร้องทุกข์ช่วยแก้ไขปัญหาของประชาชนโดยเร่งด่วนให้ทันโลกโซเชียล ทางเทศบาลเมืองชัยภูมิ ได้เปิดเพจ Facebook ชื่อ เทศบาลเมืองชัยภูมิ หรือ เพจ Facebook ธีวรา วิตนากร เพื่อไว้เป็นช่องทางการสื่อสารการ ประชาสัมพันธ์ ในเรื่องต่าง ๆ ให้เข้าถึงประชาชนในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิทั้ง 25 ชุมชนให้เร็วที่สุด ซึ่งหากประชาชนในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ ท่านใดได้รับเรื่องเดือดร้อน ไม่ได้รับความสะดวก ทั้งพบเห็นปัญหาที่ต้องการให้แก้ไข และอยากเสนอแนวทางแก้ไข ก็สามารถแจ้งข้อความหรือ Comment เรื่องร้องเรียนมาได้ตลอด และทางเทศบาลเมืองชัยภูมิ จะได้นำเรื่องราวดังกล่าวมาปรับปรุงแก้ไขตามลำดับให้ครบทุกเรื่องอีกด้วยต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top