Saturday, 10 May 2025
Crimes

เปิดปฎิบัติการสยบไพรีตำรวจ ปปส. ปปง. ทหารปกครอง ยึดทรัพย์แก๊งค้ายาเสพติดฟอกเงินชายแดนแม่สาย "กาก้ามังกรหลับ"

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง.ผบ.ตร.(ปป) พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย ตำรวจภูธรภาค5 ตชด.ภาค3 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมืองและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่สำนักงานป.ป.ส.เจ้าหน้าที่ป.ป.ง.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข่าวการปฎิบัติการปิดล้อมตรวจค้นตามแผนปฎิบัติการสยบไพรี 64/14 เพื่อทลายเครือข่ายค้ายาเสพติด "กาก้า มังกรหลับ" ในพื้นที่เป้าหมายจำนวน 45 จุดตรวจค้นในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน ลพบุรี สุพรรณบุรี กรุงเทพมหานคร และสุราษฎ์ธานี

โดยผลการปฎิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 24 ราย ยึดทรัพย์บ้านพร้อมที่ดิน 3 หลัง ที่ดิน 4 แปลง คอนโดสิ่งปลูกสร้าง 2 หลัง รถยนต์ 14 คัน รถจักรยานยนต์ 23 คัน อาวุธปืน 8 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน 117 นัดโทรศัพท์มือถือ 31 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 52 เล่ม บัตรเอที่เอ็ม 13 ใบพร้อมหลักฐานอื่น ๆ อีก5รายการมูลค่าประมาณ50 ล้านบาท ขณะที่การตรวจสอบบัญชีเงินฝากของกลุ่มบุคคลในเครือข่ายพบว่าในรอบปีมีเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเครือข่าย "กาก้า มังกรหลับ" มีคดีเกี่ยวข้องในห้วงปี 2563 ถึง 2564 ได้แก่ เมื่อวันที่1สิงหาคม 2563 จับกุมนายวรเดช พรถาวรกุล กับพวกรวมกัน 4 คน พร้อมยาไอซ์จำนวน 50 กิโลกรัม ต่อมาเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2563 จับกุมนายมนตรี แซ่ลี กับพวกรวมกัน 4 คน พร้อมยาบ้าจำนวน 1.3 ล้านเม็ด ยาไอซ์จำนวน 6 กิโลกรัม ต่อมาเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 จับกุมนายบดินทร์ ตานะสาย กับพวกรวมกัน 2 คน พร้อมยาไอซ์ 100 กิโลกรัม ต่อมาเมื่อวันที่ 3กุมภาพันธ์ 2564 จับกุมนายสุพล ลีไพรอุทิศ กับพวกรวมกัน 3 คนพร้อมยาบ้าจำนวน 9.2 แสนเม็ดยา ไอซ์จำนวน 52 กิโลกรัม ต่อมาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 จับกุมนายกฤษกร ประชุมพรรณ์กับพวกรวมกัน 7 คน พร้อมยาบ้าจำนวน 8 ล้านเม็ด

จากการสืบสวนขยายผลจากคดีข้างต้น ปรากฎพฤติการณ์สอดคล้องว่ากลุ่มชาติพันธ์ในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือทำหน้าที่รับจ้างลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านมาพักรอตามแนวชายแดนไว้ เพื่อส่งมอบให้ลูกค้าในพื้นที่และพื้นที่ตอนในตามคำสั่งการของผู้ค้ารายสำคัญที่อยู่ระหว่างหลบหนี โดยมีการโอนเงินค่ายาเสพติดผ่านบัญชีธนาคารซึ่งกลุ่มเครือข่ายได้ว่าจ้างให้กลุ่มชาติพันธ์ในพื้นที่เปิดไว้รอการโอนเงินจากลูกค้าอีกทอดหนึ่ง หลังจากนั้นจะมีกลุ่มบุคคลที่ทำหน้าที่ใช้บัญชีทำธุรกรรมแทนทำการถอนเงินสดจากตู้เอที่เอ็มหรือโอนเงินผ่านระบบอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง เพื่อนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น ๆ ซึ่งเป็นการถือครองแทนเจ้าของยาเสพติดที่แท้จริงนำไปประกอบธุรกิจ เพื่อให้ดูเสมือนเงินที่ได้มาอย่างถูกต้อง และนำบางส่วนลักลอบนำออกไปนอกราชอาณาจักร เพื่อส่งต่อไปให้กับกลุ่มเจ้าของยาเสพติดและกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดซึ่งหลบหนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านในครั้งนี้ต่อไป


ภาพ/ข่าว  สันติ วงศ์สุนันท์ ผู้สื่อข่าวเชียงราย

สืบสวน ตม.1 รวบหนุ่มใหญ่มะกัน อดีตนักธุรกิจดาวรุ่ง เจ้าของฉายา “บิล เกตส์ แห่งวงการหนังโป๊ออนไลน์” ฐานฉ้อโกงเจ้าหนี้กว่า 70 ล้าน

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัย หรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดย พล.ต.ท.สมพงษ์  ชิงดวง ผบช.สตม.  พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ศุภณัฏฐ์ เจริญเรืองสกุล รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย 

คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้สืบทราบว่ามีบุคคลต่างด้าวสัญชาติอเมริกันคือนาย John อายุ 48 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ในคดีที่ บริษัท เซนทิริ จำกัด ได้ร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีกับ บริษัท อิเล็กทรอนิกส์ ทรานแซด เซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งมีนาย John เป็นกรรมการ เนื่องจากบริษัทของนาย John ได้ว่าจ้างให้บริษัท เซนทิริ จำกัด ดำเนินการสร้างซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการดักจับมัลแวร์ หรือสแปมต่าง ๆ ที่ส่งทางข้อความเครือข่ายโทรศัพท์ ในราคาว่าจ้างประมาณ 70 ล้านบาท แต่เมื่อทางบริษัท เซนทิริ จำกัด ผู้รับจ้างได้ดำเนินการแล้วเสร็จและส่งมอบซอฟต์แวร์ ปรากฎว่าทางนาย John กลับอิดออดไม่ชำระค้าจ้าง จึงทำให้เกิดการฟ้องร้องเพื่อให้บังคับชำระหนี้ และบริษัท อิเล็กทรอนิกส์ ทรานแซด เซอร์วิสเซส จำกัด ถูกศาลแพ่งพิพากษาให้ชำระหนี้ตามฟ้อง แต่นาย John ได้โยกย้ายถ่ายเททรัพย์สินของบริษัทมาไว้กับตน บริษัท เซนทิริ จำกัด ผู้เสียหายจึงมาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญากับนาย John อีกส่วนหนึ่ง จนกระทั่งสามารถยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลแขวงดุสิต ศาลออกหมายจับที่ 104/2564 เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564

ต่อมาจากการแกะรอยเชิงลึก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้สืบทราบว่าบุคคลต่างด้าวตามหมายจับพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งในย่านสาทร จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบที่คอนโดมิเนียมดังกล่าวจนกระทั่งพบ นาย John เดินทางเข้ามาที่คอนโดมิเนียม มีตำหนิรูปพรรณตรงตามหมายจับ จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขออนุญาตตรวจสอบเพื่อดำเนินการตามหมาย พบว่านาย John มีสถานะเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร โดยเดินทางเข้ามาพำนักในประเทศไทยเป็นเวลากว่า 20 ปี และในชั้นจับกุมนาย John ยอมรับว่าตนเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมในความผิดเดียวกันนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับให้ทราบในความผิดฐาน "ฉ้อโกงเจ้าหนี้" และได้แจ้งสิทธิ์ของผู้ถูกจับให้ทราบเบื้องตัน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อนึ่ง นาย John นั้นเป็นถึงอดีตนักธุรกิจดาวรุ่งชื่อดัง ผู้บุกเบิกวงการสื่อลามกในโลกออนไลน์ ในช่วงยุค 90 ซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจดอทคอมเฟื่องฟู จนติด 1 ใน 50 ผู้บุกเบิกธุรกิจบนโลกอินเตอร์เน็ต จากนิตยสารชื่อดัง โดยได้รับสมญานามจากสื่อแขนงต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจว่า “บิล เกตส์ แห่งวงการหนังโป๊” แต่ด้วยโมเดลทางธุรกิจสื่อลามกที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำให้บุคคลอื่นเสียหาย ทำให้บริษัทของนาย John รวมทั้งตัวเขาเอง ตกเป็นจำเลยในการฟ้องคดีแพ่งเรียกร้องค่าเสียหายหลายคดี มูลค่านับร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุ นาย John ทิ้งอดีตเบื้องหลังของตนและมาเริ่มต้นใหม่ที่ประเทศไทย

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507  ซ.สวนพลู  แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1178  หรือที่ www.immigration.go.th

สืบสวน ตม.1 สนธิกำลังทลาย ‘แก๊งเจ๊หวาน’ ลักลอบขนคนลาวส่งชายแดน ปิดล้อมสกัดจับขบวนรถ รวบได้ทั้งคนขับ ผู้ร่วมขบวนการ พร้อมคนต่างด้าวรวม 34 ราย

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัย หรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดย พล.ต.ท.สมพงษ์  ชิงดวง ผบช.สตม.  พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ศุภณัฏฐ์ เจริญเรืองสกุล รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้ 

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชากรณีให้ติดตามขบวนการนำพาช่วยเหลือซ่อนเร้นบุคคลต่างด้าวให้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายหรือให้ที่พักพิง ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังลงพื้นที่หาข่าวทั้งจากสายลับ และโซเชียลมีเดีย พบกลุ่มแก๊งหนึ่งคือแก๊งเจ๊หวาน มีพฤติกรรมในการใช้รถบัสขนส่งขนาดใหญ่แบบไม่ประจำทาง ให้บริการกับกลุ่มบุคคลต่างด้าวต่างสัญชาติลาว โดยในการสำรองที่นั่ง จะมีการติดต่อชักชวนผ่าน Facebook โดยมีผู้ใช้ Facebook ที่ใช้ชื่อว่า“พักก่อน” ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับจองตั๋วและนัดหมายเวลาที่จะขึ้นรถกับคนต่างด้าว โดยระบุค่าใช้จ่ายกับบุคคลต่างด้าวรายละ 1700 บาทถึง 2200 บาท ในการไปรับคนต่างด้าวแต่ละคนตามจุดที่นัดหมาย โดยใช้ทั้งรถแท็กซี่ และรถตู้ ตระเวนรับบุคคลต่างด้าวทั่วกรุงเทพมหานคร และนำไปรวมกันไว้ในที่ลับตาคน เพื่อเตรียมจัดขึ้นรถทัวร์และลักลอบนำส่งบุคคลต่างด้าว กลับออกไปตามด่านพรมแดนต่าง ๆ จำนวน 4 จุดหมายปลายทาง คือ ด่านพรมแดนจังหวัดมุกดาหาร นครพนม อุบลราชธานี และ หนองคาย  ผู้บังคับบัญชาจึงสั่งการให้ทีมสืบสวนใช้สายลับในการติดต่อสอบถาม และนัดหมายการเดินทาง จนทราบว่าขบวนรถจะออกเดินทางในวันใด พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 จึงได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ทั้งหมดเพื่อวางแผนประกอบกำลังในปฏิบัติการครั้งนี้ทันที

ในช่วงเช้ามืด ซึ่งเป็นวันปฏิบัติการ ได้มีรถตู้โดยสารไม่ประจำทาง หมายเลขทะเบียน นข 4xxx ปราจีนบุรี และ แท็กซี่สีเหลือง ทะเบียน ทส 3xxx กรุงเทพมหานคร เดินทางมารับสายลับตามที่ได้มีการนัดหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการติดตามดูพฤติกรรมของรถทั้งสองคันดังกล่าวไปห่าง ๆ พบว่าได้มีการทยอยแวะรับบุคคลต่างด้าวตามที่ต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพมหานครอีกหลายจุด จนกระทั่งในช่วงสาย จึงได้ทราบว่า รถทั้งสองคันพาสายลับไปพักคอยที่บริเวณใกล้เคียงกับองค์การบริหารส่วนตำบลคลองข่อย มีลักษณะเป็นที่โล่ง มีพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ มีขอบเขตแนวที่ดินชัดเจน แต่ไม่มีรั้วหรือประตูกั้นสามารถสังเกตการณ์เข้าไปด้านในได้ง่าย ภายในเปิดเป็นอู่ซ่อมสีรถยนต์ มีการตั้งเต็นท์บังแดด และสุขาชั่วคราว เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บุคคลต่างด้าวทั้งหมดนั่งพักคอย ผู้บังคับบัญชาจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดเดินทางไปซุ่มรอตามจุดต่าง ๆ

โดยรอบบริเวณดังกล่าว เวลาประมาณ 12:00 น. มีรถโดยสารปรับอากาศหมายเลขทะเบียน 10-2xxx กรุงเทพมหานครขับเข้ามาจอดในพื้นที่ และมีการเรียกคนต่างด้าวและขนสัมภาระขึ้นรถ ก่อนจะตั้งขบวนเดินทางออกจากจุดดังกล่าวในเวลา 12:40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่แฝงตัวสังเกตการณ์ในบริเวณใกล้เคียงจึงให้สัญญาณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่ชุดจับกุม ในการติดตามเรียกรถหยุดเพื่อตรวจสอบ ในขณะเดียวกันกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เหลือเข้าตรวจสอบในพื้นที่พักคอยก่อนขึ้นรถ ผลการตรวจสอบทั้งบนรถทัวร์ รถตู้ รถแท็กซี่ และบริเวณจุดพักคอย พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติลาว 51 คน และคนไทย 5 คน ผลการสอบปากคำและตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น จำแนกได้ว่าในที่เกิดเหตุมีบุคคลต่างด้าวสัญชาติลาวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย 16 คน อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด 13 คน และในจำนวนนี้ยังมีบุคคลต่างด้าวที่ทำงานให้กับอู่ซ่อมสีรถยนต์ดังกล่าว โดยไม่มีใบอนุญาตทำงานอีก 2 คน

จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้บุคคลต่างด้าวทั้งหมดทราบ และแจ้งข้อกล่าวหาให้กับคนไทยในที่เกิดเหตุอีก 5 คน คือนายตรี อายุ 35 ปี, นายทูน อายุ 37 ปี, นายชัย อายุ 50 ปี ทำหน้าที่พนักงานขับรถ, นายบอย อายุ 35 ปี ทำหน้าที่เก็บเงินและติดต่อประสานงาน และนายเก๋ อายุ 50 ปี เจ้าของอู่รถดังกล่าว จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาคนไทยทั้งหมดทราบในความผิดฐาน “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย พ้นจากการถูกจับกุม” พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหา ให้แก่นายเก๋ฯ ทราบอีกส่วนหนึ่งว่า “เป็นนายจ้างรับบุคคลต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชัยพฤกษ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อนึ่ง ในส่วนของผู้ร่วมขบวนการอื่นๆ ทั้งชาวไทยและชาวลาว กก.สส.บก.ตม.1 จะได้ดำเนินการติดตามจับกุมต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507  ซ.สวนพลู  แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1178  หรือที่ www.immigration.go.th

สืบ ตม.2 รวบหนุ่มจีน! รับจ้างอุ้มบุญ พร้อมปลอมเอกสารพาเด็กออกนอกประเทศ

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ,พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาเพื่อท่องเที่ยวในประเทศไทย โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ หรือทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ        

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2 , พ.ต.ท.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบก.ตม.2, พ.ต.อ.รุ่งศักดิ์ แสงเสียงฟ้า รอง ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.ชัยธนันท์ จิรปิยเศรษฐ์ ผกก.สส.ปป.บก.ตม.2 ร่วมแถลงข่าว สืบ ตม.2 ร่วมกับ ฝ่าย ตม.ขาออก ด่าน ตม.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวคือ ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา ในระดับสำนักตำรวจแห่งชาติ และ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้หน่วยงานในสังกัดบูรณาการปฏิบัติระหว่างกัน เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันปราบปรามขบวนการอุ้มบุญข้ามชาติไม่ให้ลักลอบกระทำความผิดในราชอาณาจักร

นายเอ สัญชาติจีน แสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ ฝ่าย ตม.ขาออก ด่าน ตม.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมด้วย ด.ช.บี (เกิดในประเทศไทย) อายุประมาณ 1 ปี 2 เดือน เพื่อขอรับการตรวจออกนอกราชอาณาจักร ไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน โดยสายการบินไชน่าอิสเทิร์นแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MU542 เมื่อเจ้าหน้าที่ ฝ่าย ตม.ขาออกฯ ตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ จึงประสานเจ้าหน้าที่ กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ตรวจสอบและจับกุม ตามหมายจับข้อหา “ร่วมกันดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า” และนำส่ง พนังานสอบสวนเจ้าของคดีเพื่อดำเนินคดีต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

กก.สส.บก.ตม.3 จับแขก! ปล่อยเงินกู้ดอกโหด ชาวบ้านร้องทนไม่ไหว หลังตรวจสอบไม่พบใบอนุญาต และปล่อยดอกเบี้ยอัตราสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 และ ว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ดังนี้

เนื่องด้วย กก.สส.บก.ตม.3 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน กรณีมีกลุ่มคนต่างด้าวโดยเฉพาะพวกแขกได้มาปล่อยเงินกู้นอกระบบ ลักษณะผ่อนดอกเบี้ยรายวัน ทั้งยังเรียกเก็บดอกเบี้ยกับแม่ค้าพ่อค้าในอัตราสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด ประกอบกับในสถานการณ์โควิดนี้ ทำให้การทำมาค้าขายเป็นไปอย่างยากลำบาก เมื่อนายทุนแขกมาเรียกเก็บเงินก็ติดตามรังควานสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก กก.สส.บก.ตม.3 และ ตม.จว.ราชบุรี ได้ร่วมกันระดมกวาดล้างจับกุม โดยสามารถจับกุมได้ 3 ราย มีรายละเอียดดังนี้

หลังจากได้รับการร้องเรียน ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.3 ได้ลงพื้นที่ ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ทำการสืบสวนได้ข้อมูลว่า จะมีคนลักษณะคล้ายแขกอินเดียใช้พาหนะเป็นจักรยานปั่นอยู่ในซอยศิริชัยเก็บเงินกู้อยู่หลายจุด ทราบชื่อภายหลังว่ารายนี้คือ

นาย กังโอตรี หรือบังปาน อายุ 52 ปี สัญชาติ อินเดีย ถือวีซ่าอยู่แบบใช้ชีวิตปั้นปลาย ชุดสืบสวนเฝ้าดูพฤติกรรมอยู่ระยะหนึ่งจนเห็นว่า เป้าหมายตระเวนปั่นจักรยานเก็บเงินกู้ซ้ำ ๆ ทุกวันเวลาเดิม ต่อมา ขณะที่ชุดสืบสวนซุ่มดูอยู่ พบว่าบังปานได้จอดรถรอเก็บเงินสังเกตเห็นหญิงสวมเสื้อสีแดงคนหนึ่ง คาดว่าเป็นลูกค้า นำเงินเป็นธนบัตรชนิด 100 บาท มายื่นให้ ชุดสืบสวนจึงได้เข้าไปขอตรวจค้นในทันที ผลการตรวจค้นก็พบว่ามีธนบัตรชนิด 100 อยู่หลายใบและพบโทรศัพท์มือถือบันทึกรายชื่อลูกค้าอยู่หลายราย สอบถามหญิงคนดังกล่าวให้ข้อมูลว่ากู้ยืมเงินกับบังปานจำนวน 3,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 10 โดยจะหักดอกเบี้ยออกก่อนแล้วจะผ่อนชำระเป็นรายวัน วันละ 100 บาท จนครบ 30 วัน ซึ่งเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี จึงได้ควบคุมตัวบังปานพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี แจ้งข้อกล่าวหาว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงิน โดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ และทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตรวจยึดของกลาง เป็นธนบัตร ชนิด 100 บาท จำนวน 23 ฉบับ และโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ OPPO สีดำ จำนวน 1 เครื่อง

นายกังโอตรีหรือบังปาน ให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา โดยให้ข้อมูลว่าประกอบธุรกิจด้านนี้ทั้งปล่อยเงินกู้และขายสินค้าเงินผ่อน โดยหากเป็นเงินกู้จะคิดร้อยละ 10 ต่อเดือน และหากเป็นสินค้าเงินผ่อนจะคิดดอกเบี้ยมากกว่านั้นแล้วแต่กรณีซึ่งลูกค้ารายย่อยจะมีการกู้เงินตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสนบาทก็มี โดยมีเพื่อนชาวอินเดียเป็นนายทุนให้ ซึ่งต่อมา กก.สส.บก.ตม.3 จึงได้ร่วมกับ ตม.จว.ราชบุรี ขยายผลจับกุมชาวอินเดียซึ่งอยู่ในกลุ่มเครือข่ายลักษณะเดียวกันได้อีกจำนวน 3 ราย ในส่วนผู้ร่วมกระบวนการที่เหลืออยู่จะดำเนินการขยายผลต่อไป

สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย ต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือ www.immigration.go.th

ตม.จว.กาญจนบุรี รวบ!! สาวเมียนมาลักลอบเป็นม้าวิ่งรถขนบุหรี่ นำเข้าผิดกฎหมาย

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.๓, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.๓ และ ว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ดังนี้

ในห้วงเวลาที่ผ่านมา การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในแนวชายแดนจังหวัดกาญจนบุรีมีความเข้มงวด และกวดขันจับกุมผู้กระผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ในกรณีนี้ชุดสืบสวน ตม.จว.กาญจนบุรี ได้ทำการสืบสวนทราบว่า มีขบวนการที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายอยู่บริเวณชายแดนซึ่งมีการหลบหลีกไม่เข้า-ออกตามช่องทางที่ถูกต้อง ซึ่งทราบกันดีว่าเป็นต้นเหตุของโรคแพร่ระบาดในปัจจุบัน โดยในกรณีนี้สืบทราบว่าจะมีการลักลอบขนบุหรี่ต่างประเทศ เข้ามาโดยไม่มีการผ่านช่องทางด่านตรวจที่ถูกต้องซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ก่อนจับกุมชุดสืบสวน ตม.จว.กาญจนบุรีได้สืบทราบว่า มีการลักลอบขนบุหรี่ต่างประเทศจากชายแดนพุน้ำร้อนเข้าไปส่งยังตัวเมืองกาญจนบุรี โดยมีลักษณะแอบแฝงขนส่งหลายแบบทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือรถบรรทุก ซึ่งเฝ้าติดตามข้อมูลจึงทราบว่าคนร้ายจะมีการลักลอบขนโดยใช้รถจักรยานยนต์ ใช้ผู้หญิงเป็นคนขับขี่แต่งกายอำพรางดูคล้ายเป็นชาวสวนในพื้นที่ เมื่อทราบขอมูลและช่วงเวลาจึงได้วางแผนจับกุมโดยบูรณาการกับกำลังหน่วยต่างๆ ตั้งจุดสกัดหลายจุดเนื่องทั้งเส้นหลักและเส้นรองเนื่องจากคนร้ายมีความชำนาญเส้นทาง ต่อมา ขณะที่ชุดจับกุมตั้งจุดสกัดที่บริเวณ ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ได้พบบุคคลลักษณะคล้ายกับข้อมูล

ทางสืบสวนได้ขับรถจักรยานยนต์ผ่านมา จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจคน ผลการตรวจคนพบว่า ผู้ขับขี่คือนางตีตีเอ สัญชาติ เมียนมา อายุ 37 ปี ถือวีซ่าแรงงาน สิ้นสุดการอนุญาตไปตั้งแต่ 31 มี.ค. 63 ท้ายเบาะขนกล่องการะดาษขนาดใหญ่ ตรวจค้นด้านในบรรจุบุหรี่ต่างประเทศ ยี่ห้อ “MARBLE” สีแดง 300 ซอง และยี่ห้อ “TEXAS” คละสีอีกจำนวน 100 ซอง สอบถามรับว่าเป็นบุหรี่ที่ไม่ได้เสียภาษี จึงได้จับกุมพร้อมยึดของกลางส่งดำเนินคดี แจ้งข้อกล่าวหา “นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสิ่งของที่ไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร และเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการสิ้นสุด” ตรวจยึดของกลาง บุหรี่ต่างประเทศ ยี่ห้อ MARBLE และ TEXAS รวมกัน 400 ซอง  และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ จำนวน 1 คัน

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้ข้อมูลว่ารับจ้างจากคนไทยในตัวเมืองกาญจนบุรีให้ขับรถจักรยานยนต์จากตัวเมืองกาญจนบุรีมารับบุหรี่ของกลาง ในลักษณะที่เรียกกันทั่วไปว่าเป็นม้าวิ่งรถไปรับของแทนโดยได้ค่าจ้างในการทำงานเที่ยวละ 400 บาท โดยแต่ละวันจะทำได้ 1-2 เที่ยว แล้วแต่จะได้รับสั่งงาน ซึ่งก็รับว่าทำมาแล้วหลายครั้ง ในส่วนบุคคลอื่นที่มีข้อมูลว่าเกี่ยวข้องนั้นทางตม.จว.กาญจนบุรีจะทำการสืบสวนขยายผลต่อไป 

สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย ต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือ www.immigration.go.th

กก.สส.บก.ตม.4 “รวบหนุ่มแดนภารตะ หนีหมายจับ ทั้ง Overstay กว่า 700 วัน”

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.เอกกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.วีรยศ การุณยธรรอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว รอง ผบก.ตม.4 และ พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิฑูรย์ ผกก.สส.บก.ตม.4 ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ดังนี้

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4 พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว รอง ผบก.ตม.4 และ พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิฑูรย์ ผกก.สส.บก.ตม.4 สั่งการให้ ร.ต.ท.ภัทรศักดิ์ ผู้มีทรัพย์ รอง สว.กก.สส.บก.ตม.4 พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการ ที่ 1 กก.สส.บก.ตม.4 ร่วมกับ ตม.จว.ร้อยเอ็ด ออกปฏิบัติการกวาดล้างคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายและบุคคลต่างด้าว

ตามหมายจับ จนสามารถจับตัว MR.AKHILESH สัญชาติ อินเดีย อายุ 28 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ในข้อหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกาย” และ “เป็นบุคคลต่างด้าว เดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” เจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายว่ามีบุคคลตามหมายจับในข้อหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกาย” ได้หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ ต.นาเมือง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิฑูรย์ ผกก.สส.บก.ตม.4 จึงสั่งการให้ชุดปฏิบัติการที่ 1 กก.สส.บก.ตม.4 ลงพื้นที่ตรวจสอบ จนพบว่ามีบุคคลต่างด้าวสัญชาติสัญชาติอินเดียมักจะขับขี่รถจักรยานยนต์ ไปตลาดในพื้นที่ บ้านนาเมือง เจ้าหน้าที่นำกำลังไปดักซุ่มรออยู่หลายครั้ง แต่บุคคลต่างด้าวรายดังกล่าว มักจะไหวตัวทัน ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปก่อน

จนกระทั่งเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า บุคคลต่างด้าวรายดังกล่าวจะใช้เส้นทางรองบริเวณถนนสาธารณะ บ้านนาเมือง ต.นาเมือง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อเดินทาง จึงนำกำลังไปดักรออีกครั้ง พบบุคคลต่างด้าวเชื่อว่าเป็นชาวอินเดียแสดงอาการมีพิรุธ เมื่อพบเจ้าหน้าที่ ทั้งทำท่าจะขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี จึงได้เข้าสกัดจับตัวได้ เมื่อสอบถามจึงทราบชื่อ MR.AKHILESH สัญชาติ อินเดีย อายุ 28 ปี มีลักษณะตรงตามหมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ในข้อหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกาย” จึงควบคุมตัวไปตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมยัง ตม.จว.ร้อยเอ็ด โดยเมื่อตรวจสอบผ่านระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง (BIOMETRICS) จึงทราบว่า MR.AKHILESH สัญชาติอินเดีย เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 62 ได้รับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว ครบกำหนดอนุญาตเมื่อวันที่ 19 ส.ค. 62 หรือเป็นระยะเวลากว่า 700 วัน จากพฤติกรรมดังกล่าวจึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 จึงนำส่ง พงส.สภ.เสลภูมิ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย ต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือ www.immigration.go.th

ปคบ.ผนึกกำลัง อย. จับกุม FLASH SLIM ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผสมวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (ไซบูทรามีน)

วันที่ 1 กันยายน 2564 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) โดย พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง พ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา พ.ต.อ.ศรีศักดิ์ คัมภีรญาณ พ.ต.อ ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ รอง ผบก.ปคบ. และ พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. พร้อมสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดย นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ ภญ.สุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข (รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา) ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติการ กรณีจับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบผลิต ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยี่ห้อ FLASH SLIM ผสมไซบูทรามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ตรวจยึดได้ของกลางเป็นจำนวนมาก

ปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นการขยายผลจับกุมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลักลอบใส่วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสามและยาแผนปัจจุบัน โดยเข้าตรวจยึดจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 15/102-3 หมู่บ้านศิริทรัพย์ ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี

พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก. ปคบ.) ได้ตรวจสอบพบการโฆษณาจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยี่ห้อ FLASH SLIM บรรยายสรรพคุณใช้ลดน้ำหนัก อ้างสูตรหมอเกาหลี เมื่อตรวจสอบฉลากของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวพบว่า ฉลากแสดงเป็นภาษาต่างประเทศทั้งหมด ไม่ระบุเลขสารบบอาหาร สถานที่ผลิตหรือนำเข้า ส่วนประกอบ วัน เดือน ปี ที่ผลิตหรือควรบริโภคก่อน เป็นต้น ซึ่งไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และอาจเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่นำเข้าโดยผิดกฎหมาย โดยในวันที่ 9 สิงหาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี เข้าตรวจค้นสถานที่จัดเก็บและจำหน่ายสินค้า ตั้งอยู่ที่ ม.13 ต.ทุ่งคอก อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี และได้ตรวจยึดแคปซูลเปล่าน้ำหนักรวม 110 กก. ผงสำหรับใส่ในแคปซูลน้ำหนักรวม 45 กก. นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ.เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

ภายหลังการตรวจยึดดังกล่าว เจ้าหน้าที่ฯ ยังตรวจพบการโฆษณาขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยี่ห้อ FLASH SLIM ทางสื่อสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าเจ้าของผลิตภัณฑ์ไม่ได้หยุดการกระทำผิดกฎหมาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับผลการตรวจพิสูจน์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยี่ห้อ FLASH SLIM ที่ยึดไปในครั้งก่อน ระบุพบไซบูทรามีน (Sibutramine) ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท1ลอร์คาเซริน (Lorcaserin) ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ฟลูออกซิทิน (Fluoxetine) ซึ่งเป็นยาจำพวกสงบประสาท จัดเป็นยาแผนปัจจุบันประเภทยาอันตราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ อย. ได้ทำการตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี และ จ.นนทบุรี รวม 2 จุด ได้ตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ น.ส. สุภามณี (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี นางโสภา (สงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี และนายอัศรินทร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี โดยพบเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 และ พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ในข้อหา“ร่วมกันผลิตเพื่อขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท1(ไซบูทรามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท1(ไซบูทามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2(ลอร์คาเซรีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา”

โดยจากการสอบสวนขยายผล พบว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยี่ห้อ FLASH SLIM ที่ผู้ต้องหาร่วมกันนำมาจำหน่ายมีการว่าจ้างบริษัทแห่งหนึ่งใน อ.ลาดหลุมแก้ว จ. ปทุมธานี ให้เป็นผู้บรรจุลงแคปซูล ต่อมาในวันที่ 31 สิงหาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ อย. ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดปทุมธานี เข้าตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 3 จุด พบว่า ที่บริษัทดังกล่าว และบ้านอีกหลังซึ่งดัดแปลงเป็นโรงงาน มีการลักลอบผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโดยผิดกฎหมาย และบางผลิตภัณฑ์เมื่อมีการทดสอบด้วยชุดตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า มีส่วนผสมของไซบูทรามีน เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎมายต่อไป

พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. ยังกล่าวอีกว่า ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชน อย่าซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่โฆษณาสรรพคุณว่าลดความอ้วนมารับประทานเอง เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงได้ หากมีความจำเป็นต้องรับประทาน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร และแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบกระทำความผิดผสมวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไม่ว่าจะเป็นโรงงานรับจ้างผลิตหรือเจ้าของผลิตภัณฑ์ ให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าวทันที หากตรวจพบจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด และหากพี่น้องประชาชนพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน บก.ปคบ. 1135 หรือเพจ ปคบ. เตือนภัยผู้บริโภค

ด้าน ภญ.สุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข (รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา) กล่าวเพิ่มเติมในตอนท้ายว่า อย. ได้เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลุ่มที่อวดอ้างสรรพคุณลดน้ำหนักเป็นกรณีพิเศษ โดยร่วมกับตำรวจ บก. ปคบ. สืบสวนสอบสวน หาตัวผู้กระทำผิด จนมีการจับกุมดำเนินคดีผู้ผลิต ผู้จำหน่ายที่กระทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และแจ้งข่าวเตือนประชาชนให้ทราบข้อมูลอยู่เสมอเพื่อมิให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เช่น ทานแล้วลดน้ำหนักเห็นผลไว เห็นผลจริง ปลอดภัย การันตี ไม่มีผลข้างเคียง เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ที่อวดอ้างใช้ลดน้ำหนักเหล่านี้มักพบว่า มีส่วนผสมของไซบูทรามีนหรือยาแผนปัจจุบัน ผลที่ได้อาจไม่คุ้มเสีย เพราะนอกจากจะเสียเงินแล้ว ยังเสียสุขภาพจากผลข้างเคียงของยา และอาจทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ใด ขอให้ตรวจสอบข้อมูลการได้รับอนุญาตผลิตภัณฑ์โดยละเอียดที่หน้าเว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th หัวข้อ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ หรือ Oryor Smart Application และหากพบผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าจะผิดกฎหมาย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรืออีเมล [email protected]


ภาพ/ข่าว  สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม / รายงาน

ศรีสะเกษ!แถลงข่าวผลการจับกุม ‘เครือข่ายยาเสพติด’ พบยาบ้า 243,045 เม็ด ยึดทรัพย์มูลค่าประมาณ 19,928,070 บาท

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ  นายสำรวย เกษกุล  รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พล.ต.ต. สันติ เหล่าประทาย   ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ  พันเอก ณัฐพงศ์ จินดาเวช  รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดศรีสะเกษ  และคณะ   ได้ร่วมก้นแถลงข่าวผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ ภายใต้ยุทธการ พิฆาตทรชน คนค้ายา อีสานใต้ และ ยุทธการ 238 พิทักษ์นครลำดวน  ในห้วงระหว่างวันที่  19 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 4 กันยายน 3564    

โดยมีนายนพ พงศ์ผลาดิสัย  ปลัดจังหวัดศรีสะเกษ  / นายทนงค์ วีระแสงพงศ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีษะเกษ / นายวิชัย เลิศภัทรนันท์ แรงงานจังหวัดศรีสะเกษ / ว่าที่ รต.สิทบบัดถ์ สิทธิบัวครี ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครองจังหวัดศรีสะเกษ และสื่อมวลชนจังหวัดศรีสะเกษ เข้าร่วมรับฟังการแถลงผลการจับกุม

โดยมีผลการจับกุมรวมทั้งสิ้น 885 คดี ได้ผู้ต้องหา 913 คน ของกลาง ยาบ้า 243,045 เม็ด /กัญชาสด 57 ต้น 2,069 กรัม  ไอซ์ 481.56 กรัม กระท่อม 3,754 กรัม และอาวุธปืน 51 กระบอก  ตรวจยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.มาตรการฯจำนวน 23 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 19,928,070 บาท  ทั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินการปราบปราม จับกุม ทำลายเครือข่ายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และเพื่อลดปัญหายาเสพติดให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติดและปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดศรีละเกษ ต่อไป

นายวัฒนา พุฒิชาติ  ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ  กล่าวว่า   ตามนโยบายรัฐบาลโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 ได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจังทั้งระบบ โดยเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ปราบปรามแหล่งผลิตและเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ทั้งพื้นที่แนวชายแดนและพื้นที่ตอนใน โดยให้เป็นการแก้ไขปัญหาภายในของประเทศด้วยกฎหมายไทยและหลักสากล ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษได้กำหนดให้วาระที่ 2 ของ 10 วาระเร่งด่วนในการพัฒนาจังหวัด เป็นเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด  

พล.ต.ต. สันติ เหล่าประทาย   ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า  ตร.ภาค 3 จึงขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน ให้ความร่วมมือแจ้งเบาะแสข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งผู้เสพ ผู้ค้า โดยแจ้งข้อมูลผ่าน สายด่วนยาเสพติด 1594 , สายด่วน 191, Application Police I lert U และ เบอร์สายด่วน 1386 ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม (https://www.oncb.go.th/) ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ สายด่วน 1567 ทั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินการปราบปราม จับกุม ทำลายเครือข่ายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อลดปัญหายาเสพติดให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด และปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป


ภาพ/ข่าว  บุญทัน ธุศรีวรรณ ศรีสะเกษ

ตม.สุราษฎร์ธานี ลุยจับ!! เมียนมาหัวโจกขบวนการ พร้อมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ฝ่าฝืนมาตรการป้องกันโควิด-19

พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พันธ์โกศล ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี  ได้แถลงผลจับกุมขบวนการนำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง นำโดย ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี  พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการกลางที่ 9 ตร. โดย พ.ต.ท.ชาตรี ชูแก้ว รอง ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี, พ.ต.ท.ธีระวัฒน์ อํานาจเจริญยิ่ง สว.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี, ร.ต.อ.สิริวัฒน์ สมหวัง รอง สว.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี, ร.ต.อ.กันต์ อักษรทอง รอง สว.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำชุดปฏิบัติการฯ ได้ทำการสืบสวนหาข่าว และออกสืบสวนจับกุมขยายผล ขบวนการนำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

สืบเนื่องจากได้รับแจ้งข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย.64 เวลาประมาณ 17.00 น. มีการจับกุมขบวนการนำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ จว.ชุมพร โดยจะมีการนำมาส่งให้นายฮูเซ็น สัญชาติเมียนมา ที่ อ.เวียงสระ จว.สุราษฎร์ธานี จึงสนธิกำลังร่วมกับจนท.ตร.กก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี,สภ.เวียงสระ และ จนท.ศรภ.บก.ทท.วางแผนตรวจสอบ จนกระทั่งสามารถร่วมกันจับกุมตัว นางสาวชู อา ลิน สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 1 และ Mr.Man Jo Min หรือนายฮูเซ็น สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 2 (หัวโจกขบวนการ) โดยกล่าวหา  ผู้ถูกจับที่ 1 ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ผู้ถูกจับที่ 2 ว่า “รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม”  พร้อมด้วยของกลาง ได้แก่รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า,  โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง,ซิมการ์ด จำนวน 1 ซิม โดยจับกุมได้ที่บริเวณห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาเวียงสระ ม.1 ต.เวียงสระ อ.เวียงสระ จว.สุราษฎร์ธานี  โดยในชั้นจับกุม ผู้ถูกจับที่ 1 ให้การรับสารภาพว่าหลบหนีเข้าเมืองมาตามช่องทางธรรมชาติอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และมาพักอาศัยอยู่กับผู้ถูกจับที่ 2 ตั้งแต่เดือน ก.ค.2564  จึงได้นำตัวผู้ถูกจับพร้อมของกลาง ส่งพงส.สภ.เวียงสระ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนขยายผล ทราบว่า นานฮูเซ็นฯได้นำคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาอีก 3 คน ซ่อนตัวไว้ที่บ้านพักเลขที่ 59/7 ม.5 ต.คลองฉนวน อ.เวียงสระ จว.สุราษฎร์ธานี จึงได้ไปตรวจสอบ จนกระทั่งสามารถร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ลาลาเมิด สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 3, น.ส.เคียน ชา อายุ 30 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่4, น.ส.จู จู เมียนนาน อายุ 20 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 5 โดยกล่าวหา ผู้ถูกจับที่ 3-5 ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”พร้อมด้วยของกลาง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง จับกุมได้บริเวณบ้านเลขที่ 59/7 ม.5 ต.คลองฉนวน อ.เวียงสระ จว.สุราษฎร์ธานี

ในชั้นจับกุม ผู้ถูกจับที่ 3-5 ให้การรับสารภาพว่าได้เดินทางเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ อ.แม่สอด จว.ตาก เมื่อวันที่ 30 ส.ค.64 และเดินทางด้วยรถตู้ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาพบนายฮูเซ็นฯที่ จว.สุราษฎร์ธานี โดยนายฮูเซ็นฯ ได้พามาพักที่บ้านหลังดังกล่าวเพื่อรอเดินทางออกไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย จนท.จึงได้นำตัวผู้ถูกจับทั้งสาม พร้อมด้วยของกลาง นำส่ง พงส.สภ.เขานิพันธ์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.เขานิพันธ์ ให้ดำเนินคดีกับ นายฮูเซ็นฯ สัญชาติเมียนมา ในข้อหา “รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” ตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจับกุมดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายและมาตรการในการป้องกันปราบปรามของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส รอง ผบก.ตม.6 ที่ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด ดำเนินการสืบสวน ปราบปราม และเข้มงวดกวดขัน จับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามากระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งขบวนการนำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองนั้น ถือว่าเป็นพฤติการณ์ที่เชื่อว่าเป็นภัยต่อสังคมหรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชน และความมั่นคงของประเทศได้ พร้อมทั้งได้กำชับให้ดำเนินการสืบสวน จับกุมอย่างต่อเนื่องเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป  หากประชาชนพบเห็น หรือต้องการแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดในพื้นที่ จว.สุราษฎร์ธานีให้แจ้งได้ที่ สายด่วน สตม. 1178 หรือที่ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ทุกจุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top