Monday, 2 December 2024
Central

นครสวรรค์ - ความคืบหน้า สร้างโรงพยาบาลหนองบัว ชาวบ้านสงสัย เงินบริจาค 48 ล้านบาท ได้แค่เสาเข็มผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมเงินบริจาคการทำบุญในครั้งนี้ มีข้อสงสัยถึงความล่าช้าในการก่อสร้างโรงพยาบาล

วันที่ 11 เม.ย.64 เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่  โรงพยาบาลหนองบัว ตำบลหนองบัว อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ ติดตามความคืบหน้าการสร้างโรงพยาบาลหนองบัว หลังจากที่ หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม พร้อม ดร. เสมอ งิ้วงาม (ป๋อง สุพรรณ) และทีมงานป๋อง สุพรรณ การันตี นำเงินบริจาคกว่า 48 ล้านบาท มอบให้ทางโรงพยาบาลหนองบัวตั้งแต่ วันที่ 16 ต.ค.63 จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึงเดือน เม.ย.64 แต่ทำได้แค่เพียงลงเสาเข็มเท่านั้น ชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมเงินบริจาคการทำบุญในครั้งนี้ มีข้อสงสัยถึงความล่าช้าในการก่อสร้างโรงพยาบาลในครั้งนี้  หลังจากที่ได้มีการมอบเงินร่วมทำบุญจำนวน 48 ล้านบาทให้กับทางโรงพยาบาลหนองบัว จังหวัด นครสวรรค์ เพื่อจัดสร้างอาคารพยาบาลตามความตั้งใจของหลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม

โดยแบ่งเป็น2อาคาร ในการก่อสร้างแบ่งเป็นพื่นที่ด้านหน้าและด้านหลังของโรงพยาบาลหนองบัว ในส่วนของด้านหน้าก่อสร้าง อาคารอุบติเหตุ ฉุกเฉิน (อาคาร ค.ส.ล. อาคาร 1ชั้น) เพื่อรองรับ อุบัติเหตุฉุกเฉินและเหตุเร่งด่วนต่าง ๆ และในส่วนของด้านหลังสร้างอาคารผู้ป่วยในมีเตียง รองรับทั้งหมด 60 เตียง(อาคาร ค.ส.ล. 2 ชั้น)  โดยมีผู้รับเหมารับผิดชอบการก่อสร้าง 2 รายด้วยกัน คือ 1.บริษัท ณัฐกานต์ โปรเจค1996 จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้างอาคาร อุบติเหตุ ฉุกเฉิน วันที่เริ่มทำสัญญา คือวันที่ 8 ก.พ.64. และสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 5 ธ.ค.64 ราคาก่อสร้าง 9,000,000 บาท (เก้าล้านถ้วนบาท)  และในพื้นที่ด้านหลังก่อสร้างอาคารรองรับผู้ป่วยใน 60 เตียง เริ่มทำสัญญาวันที่ 8 ก.พ.64 และสิ้นสุดในวันที่ 3 ก.พ. 65  ราคาก่อสร้าง 19,720,000 บาท(สิบเก้าล้านเจ็ดแสนสองหมื่นบาทถ้วน) โดยมี หจก.นำแสงพาณิชณ์ก่อสร้าง เป็นผู้รับผิดชอบ

นาย พูลเกิด ชารี หรือ เกิด นครสวรรค์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่ทีมงานได้มอบเงินบริจาคให้กับทางโรงพยาบาลในวันที่ 16 ต.ค. 63 แล้ว ทางโรงพยาบาลได้ดำเนินการติดต่อกับผู้รับเหมาดังกล่าวเพื่อทำการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ ฉุกเฉิน และอาคารผู้ป่วยใน แต่การก่อสร้างค่อนข้างจะล่าช้ามาก ๆ และชาวบ้านที่ร่วมการบริจาคเงินทำบุญในครั้งนี้มีความสงสัยเกี่ยวกับความล่าช้าในการก่อสร้างดังกล่าว นาย พูลเกิด ชารี หรือ เกิด นครสวรรค์ กล่าวว่า จากการที่ได้มีการพูดคุยกับผู้รับเหมาก่อสร้างแล้วนั้น ได้ความว่าตอนนี้เป็นการลงเสาเข็มและตรวจเช็คการรับน้ำหนักของเสาเข็มก่อนว่าจะเกิดการทรุดตัวของดินไหม หากไม่มีปัญหาอะไรจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างต่อในวันที่ 28 เม.ย.64

ส่วนในเรื่องของตัวเงินนั้นตนไม่ขอพูดอะไร เพราะได้มอบให้ทางโรงพยาบาลเป็นผู้รับผิดชอบไปแล้ว รอให้ทางโรงพยาบาลชี้แจงเองดีกว่า เนื่องจากตอนที่มอบเงินบริจาคให้กับทางโรงพยาบาลได้มอบเป็นเงินสดให้ทั้งหมดและมีทีมงานที่มาร่วมเป็นสักขีพยานหลายคนและได้มีการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊คด้วย หลังจากมอบเงินให้ทางโรงพยาบาลแล้วตนไม่ทราบว่าทางโรงพยาบาลหนองบัวได้นำเงินเข้าบัญชีหรือมีการจัดการยังไง ตอนนี้แค่รอทางโรงพยาบาลหนองบัวและผู้บริหารออกมาชี้แจงให้ตนและชาวบ้านได้หายสงสัย

ด้าน ดร.เสมอ งิ้วงาม หรือ ป๋อง สุพรรณ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า ตนทราบเรื่องการก่อสร้างล่าช้าแล้วและกล่าวชี้แจงว่าเงินที่ได้มอบให้ทางโรงพยาบาลไป เป็นเงินบัญชีเพื่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ ฉุกเฉิน จำนวนเงิน 30,040,900 บาท(สามสิบล้านสี่หมื่นเก้าร้อยบาทถ้วน)  และบัญชีที่สอง เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ จำนวนเงิน 18,236,000 บาท(สิบแปดล้านสองแสนสามหมื่นหกพันบาทถ้วน) และบัญชีที่สาม กองทุนหลวงปู่พัฒน์จำนวนเงิน  389,000 บาท(สามแสนแปดหมื่นเก้าพันบาทถ้วน) รวมทั้งหมด 48,665,900 บาท(สีสิบแปดล้านหกแสนหกหมื่นห้าพันเก้าร้อยบาทถ้วน) ในนามของทีมงานสะพานบุญป๋องสุพรรณการันตี ได้ดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ในการสร้างโรงพยาบาลและโรงเรียนของหลวงปู่พัฒน์ วัดห้วยด้วยแล้ว และมีชาวหนองบัว และผู้บริจาคได้สอบถามถึงความคืบหน้าในการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ ฉุกเฉิน ซึ่งทางคุณป๋อง สุพรรณ เองก็ไม่สามารถตอบได้เช่นกันว่าจะเสร็จเมื่อไร จึงอยากให้ผู้รับผิดชอบหรือผู้รับเหมาออกมาชี้แจงถึงความล่าช้าในการก่อสร้าง

เนื่องจากมีพี่น้องชาวนครสวรรค์ได้ส่งภาพการก่อสร้างอาคารดังกล่าวมาให้ดูว่ามีความคืบหน้าไปถึงไหน อีกทั้งพี่น้องประชาชนยังสงสัยถึงจำนวนเงินที่บริจาคไปอยากให้มีการตรวจสอบได้ จึงอยากให้ทางผู้ที่เกี่ยวข้องหรือทางโรงพยาบาลหนองบัวออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว เพื่อความสบายใจของชาวหนองบัวและผู้ร่วมบริจาคในครั้งนี้

 

สุโขทัย - รมว.ยุติธรรม มอบนโยบายปราบปรามยาเสพติด และยึดทรัพย์ผู้ค้า แก่ตำรวจในสังกัดภูธรภาค6

วันนี่ 12 เมย.64 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.สุโขทัย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  เป็นประธานการประชุมและมอบนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้แก่ข้าราชการตำรวจในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภายใต้ยุทธการ"พาลีปราบยา"สืบสวน ขยายผล ยึดทรัพย์สิน เครือข่ายยาเสพติด โดยมีนายวิรุฬ พรรณเทวี ผวจ.สุโขทัย พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภาค6, พล.ต.ต.พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ รองผบช.ภาค6, นายวิชัย ไชยมงคล  เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด, นายสุชาติ ทีคะสุข รองผจว.สุโขทัย ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ สส.สุโขทัย เขต1, นายมนู พุกประเสริฐ นายกอบจ.สุโขทัย, พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ ผบก.ภ.จว.สุโขทัย,ผู้บังคับการในสังกัดตำรวจภูธรภาค 6 และภ.จว.สุโขทัย กำนันผู้ใหญ่บ้าน และข้าราชการตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ด้านป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน 220 นาย เข้าร่วมประชุม

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่ารัฐบาลและกระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะการยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด เพื่อตัดวงจรยาเสพติด ขณะนี้ได้ผลักดันร่างประมวลกฏหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ซึ่งหากแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการง่ายขึ้น นำไปสู่การแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรมและมั่นคง และเข้าถึงตัวผู้กระทำผิดทุกระดับถูกดำเนินคดี และยึดทรัพย์สินที่มิชอบทั้งขบวนการมาเป็นของแผ่นดิน ผู้ปฏิบัติงาน ผู้ให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่และภาครัฐ มีความปลอดภัย และมีกำลังใจในหน้าที่มากขึ้น

การประชุมในครั้งนี้ เพื่อพิจารณาการดำเนินงานของศูนย์ปฎิบัติการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด โดยกำหนดเป็นมูลค่าการยึดทรัพย์สินกระจายลงสู่ระดับจังหวัด  ซึ่งจะพิจารณาจากขนาดปัญหาและงบประมาณที่จัดสรรแต่ละพื้นที่ แบ่งเป็น 3 ขนาด คือ 1.ขนาดใหญ่ จำนวน 27 จังหวัด กำหนดเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินไว้จังหวัดละ 90 ล้านบาท  2.ขนาดกลาง จำนวน 31 จังหวัด กำหนดเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินไว้จังหวัดละ 70 ล้านบาท 3.ขนาดเล็ก จำนวน 18 จังหวัด กำหนดเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินไว้จังหวัดละ 50 ล้านบาท   ส่วน กรุงเทพมหานคร กำหนดเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสติดไว้ 500 ล้านบาท


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา

อยุธยา - ผู้ว่าฯ ตรวจเยี่ยมเตรียมความพร้อมเปิดหอพักราชภัฎฯ เป็นศูนย์พักฟื้น และหอประชุม มทร.สุวรรณภูมิ ใช้เป็น รพ.สนาม หลังพบยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 14 เมษายน เวลา 13.30 น. ที่หอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา นายภานุ  แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นางสาวนุชนาถ ประทีปธีรานันต์  นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายประทีป การมิตรี ปลัดจังหวัด พันเอก(พิเศษ) เพิ่มศักดิ์ ขุนโขลน รอง ผอ.กอ.รมน.จว นายแพทย์พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมศูนย์พักฟื้น Hospitel เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19

โดยเตรียมสถานที่พักฟื้นที่หอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา รองรับได้จำนวน 30 ห้อง/60 เตียง เป็นหออภิบาลพักฟื้น  โดยได้ดำเนินการปรับปรุงระบบรองรับและจะเปิดใช้ในวันที่ 16 เมษายน นี้ นอกจากนี้ยังได้เตรียมโรงพยาบาลสนาม ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลงสุวรรณภูมิ (หันตรา) จำนวน 100 เตียง ซึ่งอยู่ในระหว่างปรับปรุงสถานที่และจัดระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ทั้งนี้สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้จัดเตรียมอบรมบุคคลากรที่จะดูแลผู้ป่วยโควิด-19  ผู้ว่าราชการจังหวัดฯยังได้ฝากประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชน ชุมชนรอบบริเวณสถานที่เป็นโรงพยาบาลสนามและหออภิบาล ให้เห็นใจกัน อย่ารังเกียจกัน อยากให้เป็นกำลังใจให้กันและกันผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้

นายภานุ  แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด 19 ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็น กลุ่มสถานบันเทิง กลุ่มผู้บริหารโรงงานและกลุ่มพนักงาน ที่นำมาติดกับสมาชิกในครอบครัว และเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ทางสาธารณสุขจะประเมินผู้ป่วยว่า ผู้ป่วยรายใดต้องเข้ารักษาในห้องความดันลบ  ผู้ป่วยรายใดที่มีอาการไม่หนักสามารถเข้าหอพักฟื้นได้  จะทำให้โรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้ง 16 อำเภอสามารถรองรับผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงหากพบกว่าพื้นที่ใดมีผู้ป่วยติดเชื้อ ทางจังหวัดร่วมกับสาธารณสุขจะลงพื้นที่ตรวจคัดกรองเชิงรุกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้รุกรามเป็นวงกว้าง  รวมถึงสั่งการให้ทุกหน่วยงาน พร้อมขอความร่วมมือภาคประชาชนดำเนินกิจการ กิจกรรมต่าง ๆ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มข้น ด้วยการปฏิบัติตามมาตรการ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ ใช้แอพฯ ไทยชนะทุกครั้ง


ภาพ/ข่าว  สุจินดา  อุ่นขาว  รายงานจากอยุธยา

นนทบุรี - สวนกระบองเพชร ดร.ฉลวย ขันจำนงค์ ตำบลไทรใหญ่ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี มีแนวคิดที่น่าสนใจ กระบองเพชรมีมากกว่า 1,000 พันชนิด

ที่ "สวนกระบองเพชร ดร.ฉลวย ขันจำนงค์ ตำบลไทรใหญ่ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี มีแนวคิดที่น่าสนใจ กระบองเพชรมีมากกว่า1,000 พันชนิด ตั้งแต่ราคาถูก 20 บาท ไปยันต้นละหลายพัน

คนที่เลี้ยงกระบองเพชรสามารถสร้างรายได้ไม่ยาก โดยมีความเสี่ยงน้อย แนะนำว่า ให้เลี้ยงไว้หลากหลายสายพันธุ์ เพราะ ในช่วงที่บางสายพันธุ์ราคาตก ก็เก็บไว้รอ ในขณะที่ตัวไหนราคาดี ก็ปล่อยขายไปก่อน จนวัฏจักรวนครบรอบ ตัวที่ราคาตกกลายเป็นราคาดีขึ้นมา ส่วนลงทุนเบื้องต้น ก็ลองซื้อเมล็ดพันธุ์มาเพาะ ราคาไม่แพงพอโตก็คัดต้นแปลก ๆ มาขายให้นักสะสม ในแฟนเพจกลุ่มผู้รักกระบองเพชร

แนวคิดที่น่าสนใจ กระบองเพชรมีความสวยงาม โดยเฉพาะยามออกดอกจะสร้างสีสันให้กับบ้านได้อย่างดี การเลี้ยงปลูกกระบองเพชรมีการพัฒนาสร้างพันธุ์ใหม่ขึ้นได้เองอีกหลายชนิด มากกว่า 1,000 สายพันธุ์ ซึ่งบางพันธุ์จำหน่ายได้ราคาสูงกว่า 5,000 บาท ทำให้มีรายได้เข้ามาเสริมเดือนละกว่า 1 หมื่นบาทโดยการเพาะขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อเพาะเมล็ด พบว่า การขยายพันธุ์บางครั้งจะทำให้ได้กระบองเพชรชนิดใหม่ ๆ ที่มีลักษณะเฉพาะ ทำให้เกิดความท้าทายเพิ่มขึ้น จึงออกไปหาสายพันธุ์ใหม่มาเพิ่มเติม และเพาะเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น กระบองเพชรที่เลี้ยงไว้ไม่กี่ต้นขยายเติบโตขึ้นเป็นสวนใหญ่  สามารถสร้างรายได้เสริมได้จำนวนหนึ่ง มีลูกค้าเข้ามาสั่งซื้อกันเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด ปัจจุบันมีรายได้เสริมจากการจำหน่ายกระบองเพชร สำหรับการเลี้ยงดูกระบองเพชรนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะกระบองเพชรเป็นพืชที่ต้องการน้ำต่ำ แต่ขาดแสงแดดไม่ได้ ใช้เวลาในการเลี้ยงดูตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไปจึงสามารถจำหน่ายได้

 

ปทุมธานี – ไม่มีวันหยุด คำรณวิทย์ สนับสนุนมูลนิธิครอบครัวพอเพียงส่งเสริมเยาวชนปทุมธานี

เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2564 ที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ต.บ้านฉาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ให้การต้อนรับ นางสาวอริยสิริ พิพัฒน์นารา ประธานคณะกรรมการมูลนิธิครอบครัวพอเพียง พร้อมด้วยนายสมนึก  เกกีงาม  ประธานมูลนิธิครอบครัวพอเพียง สาขาปทุมธานี พร้อมคณะเพื่อขอช่วยเหลือและข้อเสนอแนะความคิดเห็นในการทำงานของมูลนิธิครอบครัวพอเพียง ที่เป็นองค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษย์ชนและสภาวิชาชีพ

นางสาวอริยสิริ พิพัฒน์นารา กล่าวถึงวัตถุประสงค์มูลนิธิครอบครัวพอเพียงว่า เพื่อปลุกจิตสำนึกให้เยาวชนและครอบครัวมีความรัก ความกตัญญู รู้คุณชาติ ศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้เยาวชนและครอบครัวมีคุณธรรมมีจริยธรรม รังเกียจการทุจริตและถือประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญให้ความช่วยเหลือในการให้คำปรึกษาแนะนำ จัดฝึกอบรมดูงาน ผลิตเอกสารและเผยแพร่เรื่องเกี่ยวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง แก่เยาวชนและครอบครัว เพื่อการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันตลอดจนในการบริหารองค์กร ห้างร้าน ชุมชนและประเทศชาติ

มูลนิธิครอบครัวพอเพียงได้เปิดสาขาที่จังหวัดปทุมธานี เป็นจังหวัดลำดับที่ 16 จากประชาชนที่มีจิตอาสาและเสียสละเพื่อเพื่อปลุกจิตสำนึกให้เยาวชนและครอบครัวมีความรักโดยมุ่งเน้นไปที่เยาวชนตามโรงเรียนต่างๆทั่วประเทศ มูลนิธิครอบครัวพอเพียงจึงอยากให้ อบจ.ปทุมธานีช่วยสนับสนุนงบประมาณในการจัดฝึกอบรมเยาวชนปทุมธานีเพื่อการพัฒนาประเทศในอนาคต

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง กล่าวว่า ยินดีให้การสนับสนุนกับทางมูลนิธิครอบครัวพอเพียงที่มองเห็นประโยชน์ของเยาวชนที่จะเป็นกำลังสำคัญในอนาคตของประเทศชาติ ซึ่งทางอบจ.ปทุมธานีได้ทำ MOU กลับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ผอ. เขตการศึกษาระดับมัธยม และอธิการบดี มทร.เพื่อจะต่อยอดให้เด็กระดับมัธยมซึ่งมีทั้งหมด 22 โรงเรียน โดยได้ขอความร่วมมือไปยังภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดปทุมธานี เช่น อุตสาหกรรมนวนครอุตสาหกรรมบางกะดี อุตสาหกรรมลาดหลุมแก้ว เป็นต้นโดยมีแนวคิดเด็กที่จบการศึกษา ถ้าทางโรงงานเรานั้นจะรับคนงานในแต่ละปีก็ขอให้คนปทุมธานี 50% เพื่อให้คนปทุมธานีได้มีงานทำในส่วนของนโยบายที่ออกไปทั้งหมดนั้นเริ่มดำเนินการทำตามขั้นตอนทั้งหมด จะเห็นว่า อบจ.ปทุมธานีทำงานไม่มีวันหยุดเพื่อคนปทุมโดยแท้จริง รวมทั้งการตรวจโควิด-19 ซึ่งเราจะรอไม่ได้ เพราะเชื้อไวรัสโควิด ไม่มีวันหยุด  ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องร่วมกันในการนำพาประเทศให้ปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ / รายงาน

นครนายก – แปลก ! พบใบโพธิ์ใบใหญ่มีความกว้าง 22 ซ.ม. ยาว 35 ซ.ม.ที่หาดูได้ยาก

แปลกแต่จริงพบใบโพธิ์ใบใหญ่ที่มีความกว้าง 22 เซนติเมตรมีความยาว 35 เซนติเมตรที่หาดูได้ยากในประเทศไทย ที่วัดวังตูม ตำบลเขาพระ อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก พระครูอรรถวาที เจ้าอาวาสวัดวังตูม ได้โพสต์คลิปการตัดใบโพธิ์ของที่วัดวังตูม ที่มีความใหญ่กว่าใบโพธิ์ทั่วไปซึ่งมีความยาว 35 เซนติเมตรและมีความกว้าง 22 เซนติเมตร ถือว่าเป็นใบโพธิ์มีใบใหญ่ที่หาดูพบได้ยาก ซึ่งมีลำต้นขนาด 5 คนโอบอยู่ภายในวัดวังตูมจังหวัดนครนายก มีอายุ 118 ปี พ.ศ.2446-พ.ศ.2564 ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อพระครูอรรถวาที เจ้าอาวาสวัดวังตูม ได้พาไปดูที่ต้นโพธิ์ที่อยู่ในบริเวณวัดและได้นำใบโพธิ์ที่ได้ตัดแล้วใส่พานมาว่างที่ต้นโพธิ์ให้ผู้สื่อข่าวชมและใช้ไม้บรรทัดวัดขนาดของใบโพธิ์ ซึ่งมีความยาวความกว้างใกล้เคียงกับใบโพธิ์เมื่อปี2563 ที่หลวงพ่อได้นำมาใส่กรอบรูปไว้

จากการสัมภาษณ์พระครูอรรถวาที่ เจ้าอาวาสวัดวังตูม ได้เล่าว่าหลวงพ่อได้พบใบโพธิ์ต้นนี้ที่มีความใหญ่เมื่อปีพ.ศ. 2563 ได้คัดตัดใบที่ใหญ่ที่สุดในต้นนี้ได้ทั้งหมด 59 ใบและในปีพ.ศ. 2564 คือปีนี้เพิ่งคัดตัดใบโพธิ์ที่ใหญ่เมื่อวานนี้ ได้ใบโพธิ์ใบใหญ่จำนวน 19 ใบนำมาเก็บไว้เพื่อใส่กรอบรูปไว้บูชาดังกล่าว


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม่ / ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

19 จังหวัด - มูลนิธิมาดามแป้ง เริ่มเปิด “ครัวมาดาม” ส่งข้าวกล่องแทนกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ 19 แห่งทั่วประเทศ

มูลนิธิมาดามแป้ง ชวนแฟนบอลไทย ส่งกำลังใจ ร่วมเปิดครัวมาดาม ปรุงอาหารจากครัวชุมชน ส่งไปยังโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลสนาม เริ่มต้น 19 แห่ง เพื่อมอบกำลังใจและตอบแทนน้ำใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ หลังวิกฤตโควิด-19 ทวีความรุนแรงอีกครั้ง

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กลับมาแพร่ระบาดอย่างหนักทุกจังหวัด จนมีแนวโน้มเข้าขั้นวิกฤตระลอก 3 ของประเทศ “มูลนิธิมาดามแป้ง” โดยมาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิ และประธานสโมสรการท่าเรือ จึงออกมาชวนแฟนบอลไทย สานต่อโครงการครัวมาดาม ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในช่วงโควิด-19 ระบาดหนักทั้งสองครั้งที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ ร่วมกับอาสากล้าใหม่ในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศออกตั้งโรงครัว ตั้งเป้าส่งข้าวกล่องให้ได้ 28,500 กล่องตลอดเดือนเมษายนนี้ โดยเริ่มต้นแล้วในโรงพยาบาลรัฐ และโรงพยาบาลสนาม 19 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ, อยุธยา, ปทุมธานี, นครปฐม, นครราชสีมา ขอนแก่น, สระแก้ว, เชียงใหม่, ภูเก็ต, สงขลา, นราธิวาส, สุพรรณบุรี, นครสวรรค์ และชลบุรี

ด้าน มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง และประธานสโมสรการท่าเรือ ได้กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ผ่านครัวมาดามว่า “แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดในรอบนี้จะหนักหนา นับเป็นวิกฤตที่อยู่กับเราอย่างยาวนาน และสร้างความยากลำบากให้กับทุกคน โดยเฉพาะคนในวงการกีฬาหลายคนก็ได้รับผลกระทบ ครัวมาดามกลับมาเสมอในยามเกิดภัย เพื่อช่วยเหลือเยียวยาคนในสังคมตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ ซึ่งต้องขอขอบคุณอาสากล้าใหม่ในชุมชนต่าง ๆ ที่ร่วมกันตั้งครัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ครัวมาดามไปได้เร็วเท่าทันช่วงเวลาที่ยากลำบากในหน้างานทั้ง 19 แห่งทั่วประเทศ”

“สุดท้ายแล้ว ด้วยพลังความร่วมแรงร่วมใจของพวกเราคนไทย จะช่วยให้เราผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน แป้งขอเป็นหนึ่งกำลังใจเล็ก ๆ ให้กับทีมคุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่กำลังทำงานอย่างหนักช่วยเราคนไทยให้ผ่านความยากลำบากนี้ในเร็ววันนะคะ” นางนวลพรรณ กล่าวปิดท้าย

สำหรับครัวมาดามครั้งนี้ มูลนิธิมาดามแป้ง ยังเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งต่อกำลังใจนี้ ด้วยการร่วมบริจาคสมทบทุนข้าวกล่อง กล่องละ 50 บาท เลขบัญชี 092-2-61340-0 ธ.กสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้ เพื่อเติมพลังให้บุคลากรด่านหน้าทั่วประเทศ และกระจายกำลังใจนี้ออกไปให้ไกลที่สุด

กรุงเทพฯ - "รมว.สุชาติ" นำทีมเช็คความพร้อมสถานที่ตรวจโควิด-19 เชิงรุกผู้ประกันตน ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนฯ (ไทย – ญี่ปุ่น) ดินแดง กทม.

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะ ลงพื้นที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจสอบความพร้อม ของสถานที่สำหรับเปิดใช้เป็นช่องทางหน่วยบริการตรวจโควิด-19 เชิงรุกแก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ,39 และ 40 ที่อยู่ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวก ในวันเสาร์ที่ 17 เมษายนนี้

เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2564 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการตรวจความพร้อม ของสถานที่เพื่อสำหรับเปิดใช้เป็นช่องทางหน่วยบริการตรวจโควิด-19 ในวันเสาร์ที่ 17 เมษายนนี้ เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่อยู่ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19

โดยมี นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม และคณะผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ ทันตแพทย์อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. นายสมบูรณ์ หอมนาน ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย โดยนายสุชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยผู้ประกันตนจากกรณีการแพร่ระบาด ของโควิด -19 จึงกำชับกระทรวงแรงงาน บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และ สปสช.เป็นการเพิ่มช่องทางหรือทางเลือกหนึ่งเพื่อบริการผู้ประกันตนให้ได้รับการตรวจอย่างรวดเร็ว ลดความแออัดหรือรอคิวนาน ในวันนี้ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องจึงได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจความพร้อมของสถานที่ที่จะเปิดใช้เป็นช่องทางหน่วยบริการตรวจโควิด-19 เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยจะเริ่มต้นในวันพรุ่งนี้ (17 เม.ย.64)

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับในทุกด้านหากสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงมากขึ้น ซึ่งผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้หารือกำหนดแนวทางที่จะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยจะเปิดให้ผู้ประกันตนที่จะเข้ารับการตรวจสามารถลงทะเบียนจองคิวตรวจผ่านระบบแอพพลิเคชั่นออนไลน์ สำหรับผู้ประกันตนที่จะได้เข้าตรวจคือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คัดกรอง ทั้งนี้ หากผู้ประกันตนรายใดตรวจพบเชื้อโควิด-19 จะต้องส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเครือข่าย ในสังกัดสำนักงานประกันสังคม โดยจะได้รับการรักษาฟรี ซึ่งมีอยู่จำนวน 81 แห่ง ที่มีความพร้อม มีเตียงรองรับกว่า 1,000 เตียง มี HQ 200 กว่าเตียง

สำหรับขั้นตอนการลงทะเบียนออนไลน์เพื่อจองคิวตรวจของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39, และ 40 สามารถเข้าเว็บไซต์ https://www.google.com แล้วพิมพ์คำว่า แรงงานเราสู้ด้วยกัน แล้วคลิกที่เว็บไซต์ https://sso.icntracking.com/icntracking/self_register.php จากนั้นผู้ประกันตน กรอกเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก หรือเลขพาสปอร์ต กรอกข้อมูลประเมินความเสี่ยงตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ซึ่งเป็นบุคคลที่มีกลุ่มเสี่ยงหรือมีอาการป่วย ซึ่งเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์มาตั้งแต่เมื่อวานนี้ (15 เม.ย.64) เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป โดยแต่ละวันสามารถตรวจได้วันละ 3,000 คน แบ่งเป็นช่วงเช้า 1,500 คน ช่วงบ่าย 1,500 คน ทั้งนี้ ผู้ประกันตนจะต้องพกบัตรประชาชน พร้อมสำเนา 1 ชุด เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตรวจด้วย หากผู้ประกันตนรายใดลงทะเบียนแล้วไม่มาตรวจตามนัดจะต้องลงทะเบียนใหม่ และเมื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด -19 เรียบร้อยแล้วสามารถกลับบ้านได้ทันที เนื่องจาก ผลการตรวจจะส่งทาง SMS ให้ผู้ประกันตนทราบตามหมายเลขโทรศัพท์ที่แจ้งไว้

“ทั้งนี้ ผู้ประกันตนที่เข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยงตามที่กระทรวงสาธารณสุข และ สปสช.กำหนด สามารถลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ https://sso.icntracking.com/icntracking/self_register.php เพื่อจองคิวตรวจโควิด-19 ซึ่งช่องทางดังกล่าวกระทรวงแรงงาน ได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และ สปสช.เพื่ออำนวยความสะดวก ลดความแออัดและเพิ่มช่องทางให้กับผู้ประกันตน ได้เข้าถึงการตรวจโควิด -19 ซึ่งหากพบเชื้อสามารถเข้ารับการรักษาตามขั้นตอนที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดได้อย่างทันท่วงที” รมว.สุชาติ กล่าวในตอนท้าย

ปทุมธานี - มรภ.วไลยอลงกรณ์ เปิดครัว ส่งข้าวกล่องแทนความห่วงใย บุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย รพ.สนาม มธ. 400 กล่องต่อวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดทำอาหารส่งโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ ทรายแก้ว อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ (มรวอ.) กล่าวว่า เนื่องด้วยสถานการณ์ การแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19 เข้าสู่ระยะที่ 3 ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว การรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลจึงไม่เพียงพอ ทำให้ต้องมีโรงพยาบาลสนามเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งบริเวณที่ใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยก็คือ โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

ซึ่งตอนนี้มีจำนวนผู้ป่วย เต็มพื้นที่ ทำให้ขาดแคลน สิ่งของอุปโภค บริโภคหลายอย่าง ซึ่ง มรภ.วไลยอลงกรณ์ ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้รีบจัดตั้งโรงครัวขึ้น ภายในชื่อ “ด้วยความห่วงใยจากใจวไลยอลงกรณ์ เราจะสู่ covid19 ไปด้วยกัน”  โดยได้จัดทำข้าวกล่อง วันละ 400 กล่อง จัดส่งถึง 30 เมษายน (เบื้องต้น) ส่งมอบให้ที่ รพ. สนามธรรมศาสตร์ เพื่อให้เพียงพอกับจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ และ ผู้ป่วยที่มาพักรักษาอาการ ทั้งนี้หากท่านใดมีความประสงค์ จะร่วมบริจาค น้ำดื่ม นม น้ำผลไม้ ขนมขบเคี้ยว ทิชชู หรือของอุปโภคอื่น ๆ สามารถนำมามอบได้ที่อาคารศูนย์ฝึกประสบการณ์วิชาชีพ (โรงแรมของมหาวิทยาลัย) ได้ โดยทางมหาวิทยาลัยจะได้รวบรวมและส่งมอบไปยัง รพ.สนามธรรมศาสตร์ ต่อไป อธิการบดีกล่าว


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ  ขาวขำ รายงาน

ฉะเชิงเทรา - นายกไก่ นำทีมบริหาร อบจ.ช่วยชาวบ้าน ณ ธรณีประตูส่งน้ำ คลองสัมปทวน-โพรงอากาศ -ตกระทุ่ม

วันที่ 19 เม.ย. 2564 นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยนายไพศาล ช้างพลายแก้ว เลขานุการนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา นายสุนทร พานแก้ว นายสุเทพ ศิริจำรัส สมาชิกสภา อบจ.ฉะเชิงเทรา นายธนภัทร ศรีอุไร กำนันตำบลโพรงอากาศ และผู้นำท้องถิ่น ร่วมลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ณ ธรณีประตูส่งน้ำ คลองสัมปทวน-โพรงอากาศ -ตกระทุ่ม ต.โพรงอากาศ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา

ซึ่งการตรวจสอบพบว่า ไม่สามารถส่งน้ำให้ไหลผ่านได้ จึงส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ หมู่ 7 ,8 ,9 ,10 ,11 ,12 ,13 และหมู่ 14 ตำบลโพรงอากาศ อ.บางน้ำเปรี้ยว เชื่อมตำบลบางแก้ว และตำบลบางขวัญ อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา พื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเดือดร้อน รวม 11,415.5 ไร่

นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า กรณีปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว อยู่ในความรับผิดชอบของชลประทาน หลังจากลงพื้นที่รับทราบปัญหาความเดือดร้อนแล้ว ตนและคณะได้เดินทางเข้าพบนายสมศักดิ์ ธิมา ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิต ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิต ต.ท่าไข่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อปรึกษาหารือ และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในครั้งนี้

นายสมศักดิ์ ธิมา ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิต และนายสรยุทธ์ กสินธุ์มานะวาท หน.จัดสรรน้ำโครงการพระองค์ไชยานุชิต ได้ชี้แจงแนวทางแก้ไขปัญหา โดยในเบื้องต้นจะเข้าดำเนินการแก้ไขระดับธรณีประตูส่งน้ำ และจะนำเครื่องสูบน้ำไปดำเนินการสูบน้ำทันที เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ต้องการใช้น้ำทำการเกษตรต่อไป


ภาพ/ข่าว  สัมฤทธิ์ ล้ำเลิศ / ฉะเชิงเทรา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top