Wednesday, 1 May 2024
Central

อบจ.สุโขทัย ชวนเที่ยว ชมไม้งาม รับลมคลายร้อนในทะเลหลวง

"ดอกเสลา" ม่วงขาวพราวสีสัน สวยทั้งวันบานพลิ้วลมไสว "กัลปพฤกษ์"ชมพูอ่อนเย้ายวนใจ "เหลืองปรีดียาธร" สดใสรับอรุณ มาเช็คอิน ถ่ายรูป ดอกไม้บานรับลมร้อน ที่บริเวณแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์รูปหัวใจ ทุ่งทะเลหลวงสุโขทัย

เกาะกลางรูปหัวใจ เป็นที่รู้จักกันคือบริเวณทุ่งทะเลหลวง ตั้งอยู่ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.สุโขทัย เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ชมธรรมชาติ และเก็บน้ำขนากกลาง  “แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์รูปหัวใจ” หรือเรียกโดยทั่วไปว่า “เกาะรูปหัวใจ” พื้นที่แห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณใจกลางทุ่งทะเลหลวง มีเขตติดต่อกันถึง 3 ตำบล ต.ปากแคว ต.บ้านกล้วย ต.ธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์รูปหัวใจแห่งนี้ ได้เกิดจากแนวคิดโครงการแก้มลิง ซึ่งเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งซ้ำซากในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย โดยได้เริ่มทำโครงการสร้างแหล่งเก็บน้ำขึ้น ในปี พ.ศ. 2545 โดยใช้บริเวณทะเลหลวงซึ่งเป็นแหล่งเก็บน้ำในอดีต โดยได้มีการขุดลอกพื้นที่และขุดคลองเผื่อผันน้ำเข้ากักเก็บไว้ในพื้นที่เพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ เเละได้มีการออกแบบให้เป็นรูปหัวใจ

จนถึงปัจจุบันนี้ โครงการแก้มลิงทุ่งทะเลหลวง และแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์รูปหัวใจ ซึ่งมีนายมนู พุกประเสริฐ นายกอบจ. ได้ส่งเสริมให้ “เกาะกลางรูปหัวใจ” ทุ่งทะเลหลวงแห่งนี้ เป็นสถานที่พักผ่อน สถานที่ท่องเที่ยว แขกบ้านต่างเมือง และส่งเสริมให้เป็นที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดสุโขทัย ในเชิงสุขภาพ ความสดชื่นเบิกบานใจเชิงธรรมชาติร่มรื่น  สร้างความสุขให้กับผู้มาเยือนและคนในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย มีแหล่งท่องเที่ยว มีที่พักผ่อน มีสวนสุขภาพที่ทำให้หายเหนื่อยจากการทำงาน และสภาวะต่าง ๆ มาเติมพลังและเพิ่มความสุขยังทุ่งทะเลหลวงแห่งนี้

ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสุโขทัยไปแล้ว โดยบริเวณพื้นที่บนเกาะนั้น ได้มีการปลูกต้นไม้เพื่อความร่มรื่น เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว และผู้คนที่มาออกกำลังกาย เเละยังได้ถูกใช้เป็นพื้นที่ในการจัดงานในวันสำคัญต่าง ๆ อาทิ วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา นอกจากเป็นที่ตั้งขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัยแล้ว ยังมีส่วนราชการสำคัญ ๆ หลายหน่วยงานได้เข้ามาทำการปลูกสร้างและจัดเป็นส่วนราชการในอนาคตต่อไป เพื่อความคล่องตัวและขยายพื้นที่ของจังหวัดสุโขทัยให้กว้างและคล่องตัวมากขึ้น  และสร้างอาคารสำคัญเช่น สนามกีฬา สนามฟุตบอลสโมสรสุโขทัยเอฟซีที่โด่งดัง และสวนสาธารณะไว้ในพื้นที่โดยรอบ ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญแห่งใหม่ของจังหวัดสุโขทัยในอนาคตข้างหน้า

ลักษณะเด่นแก้มลิง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์รูปหัวใจ ทะเลหลวงเป็นแหล่งเก็บน้ำ โอบล้อมด้วยทิวเขาหลวงมีเกาะกลางเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์รูปหัวใจ เป็นความงดงามเพียงหนึ่งเดียวในโลก โดดเด่นจากการสร้างสรรค์จากน้ำ  อยากให้นักที่องเที่ยวทั้งต่างจังหวัด และในพื้นที่ เดินทางมาพักผ่อน  คลายร้อน รับโอโซนของของธรรมชาติ และดอกไม่เด่น ๆ สวยงาม ที่ผลิดอก ออกใบ สวยงามสะพรั่งขณะนี้  มีทั้ง "ดอกเสลา" ม่วงขาวพราวสีสัน สวยทั้งวันบานพลิ้วลมไสว "กัลปพฤกษ์" ชมพูอ่อนเย้ายวนใจ "เหลืองปรีดียาธร" สดใสรับอรุณ มาเช็คอิน ถ่ายรูป ดอกไม้บานรับลมร้อน ที่บริเวณแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์รูปหัวใจ ทุ่งทะเลหลวงสุโขทัย


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา สุโขทัย

ความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ห้องกัก และการจัดตั้ง รพ.สนามชั่วคราว

จากสถานการณ์ผู้ต้องกักติดเชื้อไวรัส Covid19 วันนี้ 23 มี.ค.64 สตม.ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข , กรมควบคุมโรค , รพ.ตร. และสำนักงานอนามัยกรุงเทพมหานคร ได้จัดประชุมเพื่อวางแผนรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยผู้เข้าร่วมประชุมมี ดังนี้ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และผู้เกี่ยวข้อง , นายแพทย์ เกียรติภูมิ วงค์รกิจ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์กิติศักดิ์ อักษรวงศ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข , นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค , นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค , นายแพทย์ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ  ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค , พ.ต.อ.เอกลักษณ์ ดีรุ่งโรจน์  โรงพยาบาลตำรวจ , สำนักงานอนามัยกรุงเทพมหานคร, สำนักงานเขตหลักสี่

สตม.มีการจัดกำลัง จนท.ตร. รักษาความปลอดภัยของ รพ.สนามชั่วคราว ตลอด 24 ชม. และมีการดำเนินการตามมาตรฐานการควบคุมโรค ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่มีการแพร่ระบาดของโรคออกไปด้านนอกพื้นที่ รพ.สนามชั่วคราว

โดยมาตรการแก้ไขและควบคุมการแพร่ของ Covid19 ในสถานกักตัวคนต่างด้าวเพื่อรอการส่งกลับ ของ สตม. ได้แก่

1) ให้ กก.3 บก.สส.สตม.งดรับผู้ต้องกัก จนกว่าจะสามารถแก้ไขปัญหา และกำหนดมาตรการป้องกันได้ มีหนังสือให้แต่ละ บก. บริหารการกักตัวผู้ต้องกัก/ ตม.จังหวัด ฝาก สภ.ควบคุมผู้ต้องกัก ในส่วน กทม. กก.3 บก.สส.สตม.รับตัวแล้วให้ ตม.จว.นนบุรีควบคุมแทน

2) ลดจำนวนผู้ต้องกักในความดูแลของ กก.3 บก.สส.สตม. (สำหรับผู้ปลอดเชื้อ ผลักดัน/ส่งกลับ, ขอให้ พม.มารับไปดูแล)

3) จัดตั้ง รพ.สนามชั่วคราว สตม. ขอสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ จาก รพ.ตร. จัดสถานที่ อุปกรณ์ โดยประสานกับกรมควบคุมโรค

4) ให้ ตม.จว. และ หน.ด่านคัดแยกผู้ต้องกักกลุ่มเสี่ยงแยกออกจากรายอื่น ๆ

5) ให้ ตม.จว. ประสานกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ในการจัดแผนรองรับ

6) ขอสนับสนุนชุดผู้ป่วย จาก รพ.ตร. จำนวน 400 ชุด และยา

7) ให้ บก.อก.สตม.สนับสนุนยาสำหรับฉีดพ่น

8) ให้แต่ละ ตม.จว.จัดหาพื้นที่สำหรับ รพ.สนาม หากเกิดกรณีผู้ต้องกักติดเชื้อ

9) การรับตัวผู้ต้องกัก ให้แยกผู้ต้องกักโดยมีห้องแรกรับ 3-5 วัน รอดูอาการก่อนส่งตัวเข้ารวมในห้องกัก

10) กำชับผู้บังคับบัญชาให้ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่าให้มีการติดเชื้อเพิ่ม

11) หน.หน่วย สำรวจอุปกรณ์ป้องกัน ไม่ให้บกพร่อง

12) การรับอุปกรณ์มาเพิ่มใหม่ให้จัดทำเป็นงวดๆ โดยให้ใช้ในส่วนที่รับมาก่อนเป็นอันดับแรก

13) ศฝร.สตม. ให้จัดที่พักสำหรับแพทย์ และพยาบาลที่จะไปดูแลผู้ป่วย รวมถึงจัดห้องพักให้กับ จนท.ปอพ.ที่ไปเข้าเวรในหลาย ๆ ผลัดเนื่องจากเป็นผู้เสียสละ

14) ให้ บก.อก.สตม. จัดทำตารางประชุม หน.หน่วย หรือผู้แทน ในเวลา 10.00 น. ของทุกวัน

ส่วนผู้ต้องกักที่อยู่ในความดูแล ปัจจุบันมี มีจำนวน  1,615 คน โดยถูกกักที่บางเขน จำนวน 490 คน ที่สวนพลูจำนวน 1,125 คน  ซึ่งผู้ที่ติด Covid19 ที่อยู่ในความดูแล มีทั้งสิ้น 393 คน (ชาย 370 คน,หญิง 23 คน) ถูกแยกกักตัว ณ รพ.สนามชั่วคราวในห้องกัก(บางเขน) โดย สตม. ได้จัดตั้ง รพ.สนามชั่วคราว สตม. ณ อาคารโรงยิมกองสวัสดิการ ตร. ในพื้นที่สโมสรตำรวจจัดตั้งขึ้นโดยการประสานความร่วมมือกับ รพ.ตร.(จัดส่งบุคลาการทางการแพทย์) กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ให้คำปรึกษา แนะนำและกำหนดมาตรฐานของการจัดตั้ง รพ.สนาม มาตรฐานของการตรวจควบคุมโรค สนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ และในส่วนของ กรุงเทพมหานครให้การสนับสนุนด้านการรักษาความสะอาด และสาธารณูปโภค

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างสูง

บิ๊กแจ๊ส หนุน มทร.ธัญบุรี จับมือ 23 โรงเรียนมัธยมจังหวัดปทุมธานี ยกระดับคุณภาพการศึกษา เพื่อมุ่งเน้นเรียนจบแล้วมีงานทำ

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2563 เวลา10:00 น. ที่ห้องประชุมสงค์ธนาพิทักษ์ สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี และองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การจัดการศึกษาระบบธนาคารหน่วยกิต (Memorandum of Understanding : MOU) ระดับปริญญาตรี

โดยมี นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ซึ่งมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วย นายเฉลิมพงษ์ รังสิวัฒนศักดิ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เขตอำเภอธัญบุรี ผศ.ดร. สมหมาย ผิวสะอาด อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และ ดร.นิยม  ไผ่โสภา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ปทุมธานี เข้าร่วมลงนามความร่วมมือในวันนี้

สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการจัดการศึกษาระบบธนาคารหน่วยกิต (Memorandum of Understanding : MOU) ระดับปริญญาตรี ในวันนี้ เป็นการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ด้านการจัดการศึกษาระบบธนาคารหน่วยกิต (Memorandum of Understanding : MOU) ระดับปริญญาตรี ระหว่าง 3 หน่วยงาน ได้แก่ ผศ.ดร. สมหมาย ผิวสะอาด อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ดร.นิยม  ไผ่โสภา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ปทุมธานี พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เพื่อร่วมมือกันจัดการศึกษา และพัฒนาผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี และองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีให้เกิดการเรียนรู้เต็มศักยภาพ มีความรู้ และทักษะด้านวิชาการ ด้านวิชาชีพ

มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน และร่วมมือกันพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาสู่มาตรฐานวิชาชีพ เพื่อสร้างภาคีเครือข่ายร่วมพัฒนาคุณภาพการศึกษา เครือข่ายการวิจัย และเครือข่ายพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษา ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาคม และชุมชน นอกจากนี้ยังร่วมกันสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนและเข้าร่วมโครงการการเรียนรู้ระบบธนาคารหน่วยกิต ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ซึ่งเป็นแนวความคิดด้านการศึกษารูปแบบใหม่ คือ “การจัดการศึกษาและการสะสมหน่วยกิตในระบบธนาคารหน่วยกิต” หรือ ระบบสะสมหน่วยการเรียนรู้ เป็นการเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยกำหนดรูปแบบการจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่นตามความต้องการของผู้เรียน สามารถสะสมผลการเรียนรู้ในแต่ละวิชา แต่ละทักษะ องค์ความรู้ที่ต้องการและนำมาสะสมไว้เพื่อการศึกษาต่อในระดับต่าง ๆ ได้

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้คัดเลือกสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี และสถานศึกษาในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นสถานศึกษานำร่องในการดำเนินงานโครงการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตในระบบเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ (ธนาคารหน่วยกิต)

โดย พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ทาง อบจ.ปทุมธานี พร้อมใช้งบประมาณของ อบจ.ปทุมธานี ในการดูแลโครงการนี้ โดยมี โรงเรียนในระดับมัธยมศึกษาที่สังกัดที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ปทุมธานี เข้าร่วมโครงการนี้ 22 โรงเรียน บวกกับโรงเรียนสามโคก ที่สังกัดอยู่ใน อบจ.ปทุมธานี ซึ่งก็เป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาเหมือนกัน อีก 1 โรงเรียน รวมเป็น 23 โรงเรียน ซึ่งทุกโรงเรียนที่เข้าร่วมจะต้องร่วมโครงการนี้จะต้องเป็นเนื้อเดียวกันไม่แบ่งแยก

ด้าน พล.ต.ท.อดุลย์ รัตนภิรมย์ เปิดเผยว่า ทาง อบจ.ปทุมธานี มีแนวคิดที่จะให้โรงเรียนของโรงเรียนต่าง ๆ ในจังหวัดปทุมธานี มีจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกันตั้งแต่ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา ซึ่งหลังจากจบการศึกษาไปแล้วจะสามารถมีความรู้นำไปประกอบวิชาชีพได้ ซึ่งทาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ปทุมธานี ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในการฝึกบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถ รองรับกัน อีกทั้งทาง อบจ.ปทุมธานี จะดำเนินการประสานไปยัง บริษัท ห้างร้าน หรือ แม้กระทั่งโรงงานในนิคมอุตสาหากรรม เพื่อรองรับนักเรียน นักศึกษา ที่เข้าร่วมโครงการนี้ ให้มีงานทำต่อไป

ส่วน ผศ.ดร. สมหมาย ผิวสะอาด อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี ได้รับเกียรติ เป็นอย่างมาก ในการดำเนินการโครงการดังกล่าว ซึ่งทางมหาวิทยาลัย จะมุ่งเน้นยักระดับการศึกษาในจังหวัดปทุมธานี ให้ได้ ด้วยการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความเชี่ยวชาญด้านของทักษะ โดยใช้โจทย์จากชุมชนเป็นตัวตั้ง เพื่อให้ สถาบันการศึกษาสามารถก้าวเดินไปได้อย่างมั่นคงควบคู่กับชุมชน

ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ รายงาน

ชาวบ้านงมหาหอยในคลอง ต้องตกใจพบ ‘ลูกระเบิด’ รีบแจ้งตำรวจ

ชาวบ้านออกงมหอยในคลอง งมขึ้นมาเป็นลูกระเบิดตกใจรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ ศูนย์วิทยุเมืองนายกได้รับแจ้งเหตุมีชาวบ้านไปหางมหอยที่ลำคลอง แต่งมได้ลูกระเบิด บริเวณคลองบ้านขาม-วังไทรระหว่างหมู่ที่ 5 บ้านใหญ่เขตติดต่อกับหมูที่ 7 ตำบลเขาพระ  ตรงข้ามวัดบ้านข้าม

จึงรายงาน พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ คำมาตย์ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครนายก พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้ระเบิด (อีโอดี )ไปยังที่เกิดเหตุพบลูกระเบิดถูกนำจากคลองมาวางไว้ที่ป่าหญ้าริมทาง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้ระเบิดได้เข้าตรวจสอบพบว่าเป็นลูกระเบิด กปรส. ขนาด 75 มม. ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ที่มีประสิทธิภาพแรงระเบิดระยะประมาณ 20 เมตร มีสภาพเก่าแต่ยังมีประสิทธิภาพอยู่ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิดอีโอดีจึงได้นำลูกระเบิดชนิดนี้เข้าไปเก็บไว้ยังที่ปลอดภัยเพื่อรอการทำลายร้างต่อไป

จากการบอกเล่าของนางสาวสำรอง อยู่สุข อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 หมู่ที่ 7 ตำบลเขาพระ อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ได้มางมหอยในลำคลองหมู่ที่ 5 ตำบลบ้านใหญ่เขตติดต่อหมู่ที่ 7 ตำบลเขาพระ ได้มางมหอยแต่มาพบลูกระเบิดตกใจรีบนำขึ้นมาไว้ริมบ่อ เพื่อรอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว

ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ (นครนายก)

รมต.กระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่เยี่ยมชุมชนในพื้นที่บ้านสุเหร่าสำลี ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรีเพื่อเฝ้าระวังป้องกันและแลกเปลี่ยนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่

วันที่ 24 มีนาคม 2564 เวลา 6.00 น.  นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นประธานปล่อยแถวชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่แพร่ระบาด ลดความเดือดร้อนของประชาชน “ชุมชนสีขาวสร้างสุข” ตามยโยบายรัฐบาล ณ ศาลาว่าการจังหวัดนนทบุรี  จากนั้นเวลา 7.30 น. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่าที่ ร.ต. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์  เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายสุจินต์  ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี และหน่วยงานภาคี ลงพื้นที่เยี่ยมชุมชนในพื้นที่บ้านสุเหร่าสำลี ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 

ซึ่งเป็นพื้นที่เครือข่ายตามกองทุนแม่ของแผ่นดิน เป็นตำบลสีขาวในในด้านการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในชุมชนร่วมกันภายในชุมชน เพื่อเฝ้าระวังป้องกันและแลกเปลี่ยนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ และเยี่ยมชมนิทรรศการผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการปฏิบัติงานกับตัวแทนผู้นำชุมชนเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านยาเสพติดอย่างใกล้ชิดเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการปรับปรุงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพัฒนาในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อยากตรงประเด็น ชัดเจน พร้อมทั้งแถลงนโยบายการปฏิบัติการชุมชนสีขาวสร้างสุขครั้งที่1 / 2564 ในระหว่างวันที่ 17- 24 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา มีเป้าหมายในการปฎิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่รวมจำนวน 22 จังหวัดและเป้าหมายผู้ค้าผู้เสพจำนวน 379 ราย

นายสมศักดิ์กล่าวว่าหลังจากนี้สำนักงาน ป.ป.ส.จะกำหนดให้มีการปฎิบัติการ ”ชุมชนสีขาวสร้างสุข” อย่างต่อเนื่องเพื่อให้พี่น้องคนไทยปลอดภัยจากยาเสพติด และประชาชนมีความพอใจมีความเชื่อมั่นของการแก้ไขปัญหายาเสพติดจากรัฐบาล ดังนั้น หากประชาชนพบเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติดสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน ป.ป.ส โทร 1386 โดยทุกข้อมูลของผู้แจ้งจะถูกเก็บเป็นความลับและได้รับการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วนตามนโยบายของภาครัฐ โดยสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามผู้ค้าในพื้นที่แพร่ระบาด นำผู้เสพยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา เพื่อคืนคนดีสู่สังคมและให้สังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปิด รพ.สนามแห่งที่ 7 ชูสมุทรสาคร “นำร่องฉีดวัคซีนเพื่อชาติ” หลังจากควบคุมสถานการณ์โรคระบาดได้ โดยพบผู้ติดเชื้อเฉลี่ย 9 – 15 รายต่อวัน พร้อมปรับรูปแบบให้เป็นสถานที่ฉีดวัคซีนฯ

เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันที่ 25 มีนาคม 2564 นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัด และคณะผู้บริหาร ได้ร่วมกันทำพิธีปิดโรงพยาบาลสนาม หรือ ศูนย์ห่วงใยคนสาครแห่งที่ 7 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย อ.เมือง จ. สมุทรสาคร ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนามที่มีขนาด 460 เตียง เปิดรับผู้ติดเชื้อตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 มกราคม - 19 มีนาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อเข้าใช้บริการทั้งสิ้น 761 คน ซึ่งในพื้นที่ตำบลท่าทรายนี้ นับเป็นพื้นที่พบผู้ติดเชื้อสงสุดของจังหวัดสมุทรสาคร จำนน 9,907 คน คิดเป็นเกือบร้อย ละ 50 ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด โดยหลังจากที่ปิดโรงพยาบาลสนามแห่งนี้แล้ว ก็จะปรับให้เป็นสถานที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้แก่ประชาชนในจังหวัดสมุทรสาคร โดยได้เริ่มดําเนินการมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา มีผู้เข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิดไปแล้ว กว่า 5,000 คน

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า การเปิดโรงพยาบาลสนาม หรือศูนย์ห่วงใยคนสาคร  รองรับสถานการณ์โรคโควิด 19 เป็นอีกเหตุการณ์ในหน้าประวัติศาสตร์ที่ชาวสมุทรสาครได้ร่วมแรงร่วมใจกัน ดึงทรัพยากรที่มีอยู่เข้ามาช่วยต่อสู้กับโรคระบาดและแบ่งเบาภาระโรงพยาบาลในการดูแลผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ เป็นนวัตกรรมระดับโลกที่สำคัญต่อระบบสาธารณสุขของประเทศในการจัดการกับวิกฤต เพิ่มความมั่นใจให้ประชาชนถึงศักยภาพความเข้มแข็งและความเพียงพอของระบบสาธารณสุขที่จะรองรับผู้ ติดเชื้อจำนวนมาก โดยได้ตั้งโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ติดเชื้อถึง 10 แห่ง รวมกว่า 4 พันเตียง

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ของโควิด 19 จ.สมุทรสาครมีแนวโน้มดีขึ้น จากมาตรการค้นหาและเฝ้าระวังเชิงรุก มาตรการ Bubble and Sealed ในโรงงานขนาดใหญ่ ที่นำผู้ติดเชื้อไปอยู่ในสถานที่กักกันจนปลอดเชื้อ และการตรวจหาภูมิคุ้มกัน รวมถึงมาตรการ DMHT เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ การคัดกรองอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าสถานที่ต่าง ๆ ทำให้จำกัดการระบาดได้ ประกอบกับการได้รับวัคซีน 2 แสนโดส สำหรับ 1 แสนคน โดยได้ฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในจังหวัดแล้ว 40,715 คน ส่งผลให้พบผู้ติดเชื้อเฉลี่ย 9 - 15 รายต่อวัน จึงได้ทยอยปิดโรงพยาบาลสนาม จนถึงวันนี้นับเป็นแห่งที่ 7 รวม ทั้งหมด 2,227 เตียง ส่วนอีก 3 แห่ง 1,985 เตียง ได้แก่ ศูนย์ห่วงโยคนสาครแห่งที่ 8 หรือโรงพยาบาลสนาม 1,000 เตียง (ส่วนนต่อเติมวัฒนาแฟคตอรี่),แห่งที่ 9 (บริษัทวิท วอเตอร์ซิสเต็มดีเวลลอปเม้นท์) และแห่งที่ 10 (ที่ดินของนางเง็กเน้ย ศิริชัยเอกวัฒน์) เพียงพอรองรับเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน

แต่ทั้งนี้ “การปิดโรงพยาบาลสนามไม่ได้เป็นการประกาศว่าสถานการณ์โควิด 19 จบสิ้นหรือไม่มีการระบาดแล้ว แต่เป็นการ ส่งสัญญาณว่าต่อไปนี้การระบาดอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เพราะระบบโรงพยาบาลมีศักยภาพและความพร้อมรองรับผู้ป่วยได้ ซึ่งบทบาทและภารกิจในการดูแลผู้ป่วยโควิดที่ยังมีอยู่จะถูกส่งต่อให้กับโรงพยาบาลรัฐและเอกชนที่มีศักยภาพในจังหวัดสมุทรสาคร 

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวทิ้งท้ายว่า หลังจากที่จังหวัดสมุทรสาคร สามารถแสดงออกถึงศักยภาพด้านการควบคุมโรคด้วยการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามหรือศูนย์ห่วงใยคนสาครที่มีมากที่สุดของประเทศและดีที่สุดของประเทศ ภายใต้การบริหารจัดการของระบบสาธารณสุขแล้วนั้น ขั้นต่อไปก็อยากจะขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดสมุทรสาคร และผู้ที่ทำงานหรือพักอาศัยอยู่ในจังหวัดนี้ ได้ร่วมกันต่อยอดแสดงถึงความสามัคคีอีกระดับหนึ่ง ด้วยการพร้อมใจกัน “ฉีดวัคซีนเพื่อชาติ ป้องกันโควิด 19” ที่รัฐบาลจะดำเนินการจัดสรรลงมาให้จังหวัดสมุทรสาครได้รับมากที่สุด และเป็นจังหวัดนำร่องที่มีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนมากที่สุดอีกด้วย หากทั้งนี้ประเทศไทยสามารถดำเนินการฉีดวัคซีนได้มากกว่าร้อยละ 60 เร็วเท่าไหร่ เราก็จะเปิดประเทศไทยเร็วมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่พี่น้องชาวจังหวัดสมุทรสาคร จะได้ร่วมกันแสดงออกการถึงการเป็นแบบอย่างที่ดีด้วยการ “ร่วมกันฉีดวัคซีนเพื่อชาติ” เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคนี้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และเพิ่มศักยภาพความปลอดภัยให้แก่บุคคลภายนอกอีกด้วย

สำหรับสถานการณ์โควิด19 จังหวัดสมุทรสาคร ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2563 - วันที่ 24 มีนาคม 2554 พบผู้ติดเชื้อ 17,195 คน จังหวัดได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนจัดหาสถานที่สร้างโรงพยาบาลสนามที่ไม่มีผลกระทบหรือสร้างความกังวลให้กับประชาชน โดยโรงพยาบาลสนามหรือศูนย์ห่วงใยคนสาครแห่งที่ 1 ใช้สนามกีฬาจังหวัด มี 700 เตียง เปิดใช้งานเมื่อ วันที่ 4 มกราคม 2564 รับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการมาดูอาการ 10 วัน ซึ่งในระหว่างนั้นหากมีอาการจะส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทันทีชูชาตแดพยนต์ทีมข่าวสมุทรสาคร

พ่อเมืองสุโขทัย ชวนเที่ยวงาน “เมษาหรรษา @สุโขทัย”ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวสนใจเดินทางเที่ยวชมงาน และสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับจังหวัดอย่างคึกคัก

จังหวัดสุโขทัย ร่วมกับ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัย แถลงข่าว “เมษาหรรษา @สุโขทัย” ตามโครงการส่งเสริมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในจังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นแนวคิดการเดินทางท่องเที่ยวตลอดเดือนเมษายน ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมและงานประเพณีสำคัญที่จะเกิดขึ้น ตลอดเดือนเมษายน นี้ โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ ที่จะมีขึ้นในหลายพื้นที่ของจังหวัดสุโขทัย

นายวิรุฬ  พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า จังหวัดสุโขทัย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเป็นเมืองท่องเที่ยว และต้องการให้จังหวัดสุโขทัย เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกจังหวัด อันจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในจังหวัด เกิดการสร้างองค์ความรู้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรม ของฝาก การขยายตลาดของสินค้า การท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างอาชีพ และก่อให้เกิดรายได้กับประชาชน จังหวัดสุโขทัย จึงได้กำหนดให้เดือนเมษายน เป็นเดือนแห่งการท่องเที่ยวภายใต้ชื่อกิจกรรม “เมษาหรรษา @สุโขทัย” เนื่องจากในเดือนนี้ มีงานประเพณีวัฒนธรรมไทยที่สำคัญ แสดงออกถึงอัตลักษณ์ของจังหวัดสุโขทัย ที่จะทำให้นักท่องเที่ยว สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดสุโขทัย  ได้ตลอดทั้งเดือนเมษายน        

ซึ่งจังหวัดสุโขทัย มีกิจกรรมเด่นและประเพณีสำคัญๆที่จะเกิดขึ้นตลอดเดือนเมษายน มีดังนี้  ตักบาตรสะพานบุญ ณ วัดตระพังทอง ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย ซึ่งจัดให้นักท่องเที่ยวได้ใส่บาตรกันทุกวัน  งาน Amazing Sukhothai Light Up Night ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 28 มีนาคม ณ.วัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย  งานสักการะพระแม่ย่าจังหวัดสุโขทัย ณ ศาลพระแม่ย่าสุโขทัย วันที่ 30 มีนาคม ถึง 8 เมษายน  งาน Mini Light & Sound เรื่องเมืองสุโขทัย ณ วัดสระศรี อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย  วันที่ 3 และ 17 เมษายนงานประเพณีแห่ช้างบวชนาค ชาวไทยพวนบ้านหาดเสี้ยว  ณ วัดหาดเสี้ยว  วันที่ 6 – 7 เมษายน  งานประเพณีสรงน้ำโอยทานสงกรานต์ศรีสัชนาลัย ณ อนุสาวรีย์พระยาลิไท วันที่ 8 -11 เมษายน  งานประเพณีสรงน้ำโอยทานสงกรานต์ศรีสัชนาลัย ณ ศาลหลักเมืองศรีสัชนาลัย วันที่ 11 เมษายน  งานกิจกรรมส่งเสริมเมืองสร้างสรรค์ Crafts and Folk Art “งานบ้านบ้านสุโขทัย” ณ สวนน้ำเปรมสุข วันที่ 10-14 เมษายน   งานย้อนมหาสงกรานต์กรุงสุโขทัย ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย วันที่ 13 เมษายน งานประเพณีสงกรานต์เมืองสุโขทัย วันที่ 13 ถึง 15 เมษายน  งานประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮง สรงน้ำเจ้าหมื่นด้ง ณ อนุสาวรีย์เจ้าพ่อหมื่นด้ง ตำบลบ้านตึก วันที่ 18-20 เมษายน

 

นายวิรุฬ  พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดสุโขทัย ซึ่งมีอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และศรีสัชนาลัย ที่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร ซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดที่เป็นเมืองแห่งมรดกโลก ที่มีเป็นต้นกำเนิดด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี อีกทั้งผู้คนในท้องถิ่นยังคงรักษาขนบธรรมเนียม และประเพณีดั้งเดิมอันงดงามไว้ได้อย่างเข้มแข็งตลอดทั้งปี มีการจัดงานเทศกาลเฉลิมฉลองและงานประเพณีที่สำคัญมากมาย จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาร่วมเยี่ยมชมงานประเพณีวัฒนธรรม และกิจกรรมต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายนนี้ อีกทั้งจังหวัดสุโขทัยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวโบราณสถานที่งดงาม มีเอกลักษณ์โดดเด่นหลากหลายไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน มีอาหารอร่อยมากมายให้ลิ้มลอง มีสินค้าและของที่ระลึกเป็นเอกลักษณ์พื้นถิ่น ของดีของเด่นทั้ง 9 อำเภอ ที่สำคัญ เราพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ที่พัก การเดินที่ทางสะดวก ปลอดภัย และสามารถเที่ยวได้ทุกวัน เที่ยวได้ตลอดเดือนเมษายนนี้ ภายใต้ชีวิตวิถีใหม่นิวนอร์มอน ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวสนใจเดินทางเที่ยวชมงาน และจะสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับจังหวัดอย่างคึกคัก เกิดการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจภายในจังหวัดสุโขทัย

ภาพ/ข่าว  พงศ์เทพ สาคร (สุโขทัย)

ถึงกับผงะ! นักท่องเที่ยวกราบไหว้พระพุทธรูปในพระอุโบสถ จ.ชัยนาท เห็นรอยแตกร้าว หวั่นเกิดอุบัติเหตุล้มทับคนที่มากราบไหว้ ณ วัดพระบรมธาตุวรวิหาร

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง วัดพระบรมธาตุวรวิหาร ตำบลชัยนาท จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองชาวจังหวัดชัยนาทและใกล้เคียง สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นประมาณพุทธศตวรรษ ที่ 19 ภายในวัดประดิษฐานเจดีย์พระบรมธาตุแบบศิลปะสมัยอู่ทอง เป็นเจดีย์ประธานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุอาณาเขตของวัดติดต่อกับพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติชัยนาทมุนี หลังจากนั้นก็ได้เดินทางไปเยี่ยมชมและเข้ากราบไหว้หลวงพ่อทอง พระประธานในพระอุโบสถ​หลังดังกล่าว ก็ได้พบกับกลุ่มชาวบ้านซึ่งกำลังกราบไหว้ขอพรอยู่ในพระอุโบสถ

หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงจากกลุ่มชาวบ้านกำลังวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับรูปพระประธานในพระอุโบสถซึ่งมีรอยแตกร้าวขึ้นอยู่หลายจุด หวั่นเกิดอุบัติเหตุล้มมาทับคน จึงได้พากันแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ นา ๆ เนื่องจากพระ พระอุโบสถซึ่งสร้างจากดินเหนียว หนึ่งเดียวในเมืองไทยรวมทั้งงดงาม และก็แปลกกว่าที่อื่นใด จึงอยากให้ทางวัดพระบรมธาตุวรวิหารเร่งแก้ไข หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยลงมาดูแลหน่อย โดยกลุ่มชาวบ้านได้กล่าวว่า ที่วัดพระบรมธาตุวรวิหารมีงานบ่อย อาทิเช่นงานบวช งานบุญ หรือตามเทศกาลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสงฆ์ หากรอยแตกร้าวที่องค์พระพุทธรูปนั้นยังไม่แก้ไข หวั่นรอยแตกร้าวนั้นอาจจะลามทั่วจนแตกหักเกิดอุบัติเหตุ ถล่มทับคนที่เข้ามากราบไหว้ หรือกำลังทำพิธีเกี่ยวกับสงฆ์ก็เป็นได้ ยังไม่พออาจจะสร้างความเสื่อมเสียมาถึงวัดได้ จึงอยากให้เบื้องบน หรือทางวัดนั้นได้แก้ไข

หลังจากนั้น จึงได้สอบถามไปยังเจ้าอาวาสวัดเพื่อขอทราบลายละเอียดเรื่องรอยแตกร้าวที่องค์พระพุทธรูปในพระอุโบสถ ท่านเจ้าคุณพระสุธีวราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดชัยนาท วัดพระบรมธาตุวรวิหาร ได้กล่าวว่า หลวงพ่อทองพระประธานในพระอุโบสถนั้นสร้างในสมัยพระเจ้าอู่ทองปี พ.ศ.1912 ซึ่งทางวัดได้ทำการบูรณะมาครั้งหนึ่งแล้วในปี พ.ศ 2554 ภายใต้การควบคุมของกรมศิลปากร หลังจากนั้นปี พ.ศ.2563 หลวงพ่อทอง เริ่มแตกร้าวแล้วเป็นหนักกว่าช่วงที่ผ่านมา ทางวัดจึงได้แจ้งไปยังกรมศิลปากร แล้วต่อมาก็มีทางคณะ ทางกรมศิลปากรมาตรวจ แต่เรื่องก็เงียบหายไป จนกระทั่งมาปี พ.ศ.2564 องค์หลวงพ่อทองที่อยู่ในพระอุโบสถ แตกร้าวทั่วเกือบทั้งองค์ ซึ่งทางวัดก็หวั่นเกิดอุบัติเหตุล้มลงมาทับคนที่มากราบไหว้ ทั้งนี้ทั้งนี้ทางวัดก็อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยลงมาดูแลหน่อย  ก่อนที่จะเสียหายไปมากกว่านี้ ทั้งหมดนี้ทางเจ้าอาวาสได้กล่าวไว้

ภาพ/ข่าว  ภาวิณี ศรีอนันต์  รายงาน

เสียงสัมภาษณ์ คุณทองณัฐฎ์ ศุภปัญญาพงษ์ นายกสภากาชาด อ.วัดสิงห์ และสัมภาษณ์ ท่านเจ้าคุณพระสุธีวราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุวรวิหาร เจ้าคณะจังหวัดชัยนาท

MEDIVAC in Royal Thai Navy Annaul Exercise 2021 ซักซ้อมการฝึกปฏิบัติการทางการแพทย์ในการส่งกลับกรณีกำลังพลได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในสนาม

วันที่ 28 มี.ค.64 กรมแพทย์ทหารเรือจัดกำลังเข้าร่วมการซักซ้อมการฝึกการส่งกลับสายแพทย์ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2564 โดย ร.ล.อ่างทอง เป็นโรงพยาบาลสนาม ทั้งนี้ชุดปฏิบัติการทางการแพทย์นี้มีขีดความสามารถรักษาผู้บาดเจ็บในระดับที่ต้องรักษาเร่งด่วนได้ ในกรณีที่มีการบาดเจ็บฉุกเฉิน โดยการผึกกองทัพเรือในครั้งนี้กรมแพทย์ทหารเรือทำการจัดกำลังดังนี้

             ชุดลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศยาน 1 ชุด

             ชุดการแพทย์ฉุกเฉิน 1 ชุด

             ชุดศัลยกรรมเคลื่อนที่ 1 ชุด 

การซ้อมนี้เป็นส่วนหนึ่งในการซ้อมการปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบก ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2564 ซึ่งกองเรือยุทธการได้จัดกำลังเป็น หมวดเรือเฉพาะกิจสะเทินน้ำสะเทินบก โดยมี พล.ร.ต.อาภา  ชพานนท์ ผู้บัญชาการกองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการเป็นผู้บังคับหมวดเรือฯ เป็นหน่วยขึ้นการบังคับบัญชากับกองเรือเฉพาะกิจปฏิบัติการระยะไกล ทั้งนี้หมวดเรือเฉพาะกิจสะเทินน้ำสะเทินบกได้ทำการซ้อมการปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบกเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมในการเดินทางเพื่อเคลื่อนกำลังจากเรือสู่ฝั่ง (From the sea) ในวัน D-Day

 

ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

 

เครื่องดนตรีจากผลไม้ ศิลปะสุดทึ่งของครูเกษียณ ชาวบ้านโป่ง

สุดว้าว !! "เครื่องดนตรีจากผลไม้" ศิลปะสุดทึ่ง ของอดีตข้าราชการครูเกษียณวิชาดนตรี "อาจารย์วิรัช ขำมาลัย" วัย 67 ปี นักประดิษฐ์เครื่องดนตรีพิสดาร ศิลปินดีเด่นจังหวัดราชบุรี สาขาศิลปะการแสดงประจำปี พ.ศ.2542 ที่หยิบจับผลไม้ หรือ ภาชนะเหลือใช้เป็นเครื่องดนตรี

(29 มี.ค.64) เครื่องดนตรีไทยเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดจากภูมิปัญญาไทย ที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีเสียงที่ไพเราะและแตกต่างกับเครื่องเล่นจากประเทศอื่น ๆ เครื่องดนตรีแต่ละอย่างจะมีความไพเราะและนุ่มนวลเฉพาะตัวของมัน และแบ่งประเภทออกมาได้ทั้งหมด 4 ประเภทนั่นคือ ดีด สี ตี และเป่า แต่ละประเภทจะมีเสียงที่แตกต่างกัน แต่เมื่อไหร่ที่นำมาเข้าจังหวะด้วยกันจะเกิดทำนองเพลงที่ไพเราะ ซึ่งชาติไหนก็ไม่สามารถเทียบความไพเราะของเครื่องดนตรีไทยได้ เครื่องดีดเป็นเครื่องดนตรีจำพวก จะเข้  เครื่องสีเป็นเครื่องดนตรีจำพวก ซอ เครื่องตีเป็นเครื่องดนตรีจำพวก ระนาด ฆ้อง กลอง เครื่องเป่าเป็นเครื่องดนตรีจำพวก ขลุ่ย ปี่ เป็นต้น

วัสดุที่สร้างเครื่องดนตรีไทย ส่วนใหญ่จะใช้วัสดุที่มีอยู่ในธรรมชาติแล้วค่อย ๆ มาปรับปรุงพัฒนาต่อไปเรื่อย ต้นไผ่ และกระดูกสัตว์ กะลามะพร้าว แผ่นอลุมิเนียม ไฟเบอร์กลาส หนังสัตว์ และวัสดุที่ให้ความคงทนแข็งแรง ที่เราเห็นกันในปัจจุบัน

แต่ที่บ้านคุ้งพยอม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี กลับมีอดีตครูวัยเกษียณ ที่พร่ำสอนดนตรีไทยมายาวนานกว่า 50 ปี แม้จะเกษียณอายุราชการมาแล้ว ก็ยังคงทำหน้าที่เป็นครูจิตอาสาสอนวิชาดนตรีให้กับนักเรียน ด้วยแถมยังเป็นที่รู้จักกันว่า ครูนักประดิษฐ์ นักสร้างสรรค์ เครื่องดนตรีพิสดาร ศิลปินดีเด่นจังหวัดราชบุรี สาขาศิลปะการแสดงประจำปี พ.ศ.2542 ที่หยิบจับผลไม้ หรือ ภาชนะเหลือใช้เป็นเครื่องดนตรี

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่บ้านของครูนักประดิษฐ์เครื่องดนตรีพิสดารคนดังกล่าว ตั้งอยู่ใน บ้านคุ้งพยอม หมู่ที่ 12 ต.คุ้งพยอม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นบ้านของ นายวิรัช ขำมาลัย อายุ 67 ปี หรือ ที่รู้จักกันครูวิรัช เป็นอดีตข้าราชการครูวัยเกษียณ แต่ปัจจุบันยังคงทำหน้าที่เป็นครูจิตอาสายังคงทำหน้าที่สอนวิชาดนตรีไทยให้กับเด็กนักเรียนในโรงเรียนต่าง ๆ

ครูวิรัช เล่าว่า ตนเองเป็นครูตั้งแต่อายุ 18 ปี และสอนจนเกษียณ รวมแล้วเกือบ 50 ปี เป็นครูสอนดนตรี และ สอนเด็กอนุบาล ส่วนเครื่องดนตรีที่ตนเองได้คิดขึ้นมาเอง และเป็นคนสร้างขึ้นมานั้นเอง ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องดนตรีชนิดเป่า อาทิ ทุเรียน แอปเปิล ชมพู่ หรือแม้แต่ แตงร้าน นอกจากผลไม้ก็ยังนำ สาก มาใช้ทำเครื่องดนตรีอีกด้วย งานนี้คำว่า "เงียบเป็นเป่าสาก" ทำให้รู้ว่าน่าจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป รวมไปถึงเครื่องดนตรีที่ทำจากเศษวัสดุเหลือใช้อีกมายมาย ไม่ว่าจะเป็น ทรอมโบน จากท่อ PVC และราวตากผ้า, แซกโซโฟน จากขี้เลื่อย, แซกบราโน่ จากไม้ไผ่ และกีตาร์ไฟฟ้า จากไม้ทีของนักศึกษาอาชีวะ

ซึ่งครูวิรัช ขำมาลัย ได้พาผู้สื่อข่าวไปที่ตลาดในเทศบาลเมืองบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง เพื่อเลือกซื้อผลไม้ ที่จะนำมาใช้ทำเป็นเครื่องดนตรี อาทิ ชมพู่ ละมุด กล้วย มะละกอ มะระ แตงกวา มะม่วง เพื่อพิสูจน์ให้ผู้สื่อข่าวดูว่าจะสามารถทำเป็นเครื่องดนตรีได้หรือไม่ โดยหลังจากเลือกเสร็จ ครูวิรัชได้ นำกลับเตรียมให้วัสดุในการประดิษฐ์ก็จะประกอบไปด้วย มีด ดอกสว่าน ไขควง ประแจหกเหลี่ยม ช้อน และที่ขาดไม่ได้คือ กำกวด หรือ ลิ้น เป็นส่วนประกอบของปี่ซึ่งทำให้เกิดเสียงเวลาเป่า สอดติดอยู่กับเลาปี่ ที่จะทำให้กำเนิดเสียงในผลไม้ ทำจากใบตาลมาประดิษฐ์คู่กับหลอดและใช้เชือกพัน

ส่วนวิธีการทำนั้นไม่อยาก แต่ครูวิรัช บอกว่าต้องใช้ประสบการณ์ การฟังเสียง เมื่อเรานำผลไม้ที่เลือกซื้อมา ใช้มีดตัดหรือหั่นส่วนที่มีขนาดความกว้างที่มากว่า ก็จะอยู่ช่วงป้องก่อนถึงส่วยยอดของผลไม้ อาทิ ลูกชมพู่ จะใช้มีดคว้านช่วงปลายของผล ให้มีลักษณะคล้ายดอกลำโพง จากนั้นใช้ไขควงเจาะให้เป็นรูตรงกลางจนทะลุอีกฝั่ง ส่วนที่ติดกับก้าน และตัดจุกก้านทิ้ง ต่อมาใช้ไขควงเล็ก เจาะรูที่ด้านข้าวของผล โดยการเว้นช่องห่างของนิ้ว จะได้ประมาณ 3 - 4 รู เท่านี้ก็จะได้เครื่องดนตรีจากผลชมพู่ ส่วน ผลไม้อื่น ๆ ก็ทำลักษณะเหมือนกัน แต่จะให้เสียงที่แตกต่างกันไปตามชนิดของผลไม้ เช่น ชมพู่ จะให้เสียงที่ค่อนข้างกังวานและเสียงแหลม, ละมุด ก้องและออกไปแหลมทุ้ม, จะให้เสียงที่ กล้วย จะให้เสียงที่กังวานและแหลม, มะละกอ จะให้เสียงก้องและออกไปแหลมทุ้ม,  มะระ จะให้เสียงก้องและออกไปทุ้ม,  แตงกวา จะให้เสียงที่ก้องและออกไปแหลมทุ้ม มะม่วง จะให้เสียงแหลมและออกไปแหลมกังวาน

นอกจากนี้ ครูวิรัช ยังได้สาธิตการเป่าสาก ที่ได้ประดิษฐ์เอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพราะต้องใช้เครื่องมือไฟฟ้า อย่างเช่นสว่านเพื่อเจาะไม้ของตัวสากให้เป็นรู ซึ่งงานนี้คำว่า "เงียบเป็นเป่าสาก" จะใช้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะครูวิรัชสามารถเป่าสากให้มีเสียงได้ พร้อมทั้งยังได้สาธิตการเป่าเครื่องดนตรีที่ทำจากเศษวัสดุเหลือใช้อีกหลายชิ้น อาทิ ทรอมโบน จากท่อ PVC และราวตากผ้า, แซกโซโฟน จากขี้เลื่อย, แซกบราโน่จากไม้ไผ่

จากการนำผลไม้ชนิดต่าง ๆ และ เศษวัสดุเหลือใช้ มาประดิษฐ์เป็นเครื่องดนตรี ครูวิรัช กล่าวว่า เกิดจากการที่เมื่อสมัยเด็กอยากเป็นนักดนตรี แต่ไม่มีทุนในการซื้อจึงได้รองคิดค้นนำเศษวัสดุเหลือใช้มาประดิษฐ์เป็นเครื่องดนตรี ส่วนผลไม้ ตนได้รองนำผลไม้มาประดิษฐ์ดูจึงพบว่าสามารถนำมาเป็นเครื่องดนตรีชนิดเป่าได้ ประกอบกับการใช้ทักษะในการฟังเสียงและการเข้าใจเสียงที่ได้จากผลไม้ บางชนิดได้เสียงแหลม บางชนิด เสียงทุ้ม ซึ่งตนจะนำมาสอนเด็ก ๆ เวลาสอนจะทำให้เด็กรักสนุกและเข้าใจง่าย แต่ที่สำคัญ ตนมองว่าทำไมเครื่องดนตรีถึงราคาแพง เด็กจะเข้าถึงเครื่องดนตรีได้อย่างไร ตนจึงนำสิ่งของเหล่านี้มาทำเป็นเครื่องดนตรีและสอนเด็ก ๆ ปัจจุบัน ครูวิรัชได้ประดิษฐ์เครื่องดนตรีมาแล้วกว่า 30 ชนิด

สำหรับใครที่อยากจะเรียนรู้เรื่องการประดิษฐ์เครื่องดนตรีจากผลไม้ และ วัสดุเหลือใช่สามารถโทรสอบถามได้ที่หมายเลข 086-766-6985

ภาพ/ข่าว  ตาเป้ (จ.ราชบุรี)


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top