Monday, 29 April 2024
เลือกตั้ง66

'สันติ' โว ทำโพลได้ 6 ล้านเสียง ยึดปาร์ตี้ลิสต์เกิน 20 ที่นั่ง เสริมเป้า พปชร. ครอง 150 ที่นั่ง ไม่เปลี่ยน!!

(22 มี.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค ว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคได้ครบทั้ง 400 เขต ส่วนบางเขตที่ผู้สมัคร ส.ส.เกิน วันนี้จะสรุปให้ชัดเจน เพื่อทำการรับรอง และจัดส่งไปทำไพรมารีโหวต ส่วนรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ครบแล้ว 100 คน โดยลำดับที่ 1 คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ส่วนลำดับที่ 2 ตามธรรมเนียมน่าจะเป็นชื่อตนในฐานะเลขาธิการพรรค ส่วนผู้สมัคร ส.ส.ที่ไม่ได้ลงสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตนั้น ในแต่ละพื้นที่แต่ละภาคจะต้องปรับมาให้ที่ส่วนกลาง จากนั้นพรรคจะดูความเหมาะสมว่าจะดันขึ้นเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อได้หรือไม่ ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ พปชร.ยังเป็น พล.อ.ประวิตร คนเดียว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินลำดับผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในโซนปลอดภัยจะต้องอยู่ถึงลำดับที่เท่าไหร่ นายสันติ กล่าวว่า ประมาณลำดับที่ 20 เพราะครั้งที่แล้ว พปชร.ได้คะแนนรวม 8 ล้านเสียง แต่ครั้งนี้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนเก่าไปอยู่พรรคอื่นแล้ว เราจึงประมาณว่าครั้งนี้จะได้สัก 6 ล้านเสียงโดยประมาณ เมื่อถามว่า ตัวเลข 6 ล้านเสียง พรรคประเมินว่าได้มาจากไหน นายสันติ กล่าวว่า มั่นใจจากเสียงสะท้อนที่ลงพื้นที่ รวมถึงการทำโพลที่เชื่อถือได้ ไม่ได้รับจ้าง ซึ่งระบุว่าจะได้ตัวเลข 6 ล้านเสียง แต่ยอมรับว่าบางครั้งโพลก็มีปัญหา อย่างไรก็ตาม หากเรียงคะแนนแต่ละพรรค การคำนวณว่า พปชร.จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 20 คนยังน้อยไป

ทั้งนี้ ยืนยันว่าเป้าหมาย ส.ส.ทั้งหมดของพรรคยังตั้งเอาไว้ที่ 150 ที่นั่งเหมือนเดิม และตัวเลขของผู้สมัคร ส.ส.ที่มั่นใจว่าจะชนะยังอยู่ในระดับนั้น ส่วนจะถึงตามเป้าหรือไม่อยู่ที่ประชาชนและคู่แข่งฯ แต่ขอย้ำว่าทุกนโยบายที่เราพูดออกไปว่าทำจริงทำทันทีจะได้รับการตอบรับ ขึ้นอยู่กับประชาชนทั้งหมด เนื่องจากอำนาจที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ เป็นของนายกฯ

รทสช. ปรับแผน ดัน ‘บิ๊กตู่’ ลงพื้นที่ถี่ขึ้น เพราะไปที่ไหน ได้คะแนนที่นั่นเสมอ

(22 มี.ค.66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรค รทสช. ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งของพรรคว่า พรรคได้มอบหมายให้ตนเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ดังนั้นในการประชุมของทุกภาคตนจะเข้าร่วมประชุมก็พบว่ามีผู้สมัครล้นทุกจังหวัด ก็คงจะเหมือนกับทุกพรรค จึงต้องพิจารณาว่าทำอย่างไรถึงจะรักษาน้ำใจคนที่ไม่ได้รับเลือกให้ลงสมัคร

"ผู้สมัครของพรรคมีความพร้อมมาก ซึ่งในวันที่ 25 มีนาคมนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั้ง 400 เขตทั่วประเทศ ทำให้ดูว่าเรามีความพร้อมแค่ไหน เช่นเดียวกับผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค ก็มีล้นแต่จะเลือกให้เหลือ 100 คน โดยขณะนี้ยังไม่ได้จัดลำดับ ส่วนนโยบายพรรคสรุปครั้งสุดท้ายในวันพฤหัสบดีนี้ และจะประกาศให้ประชาชนได้รู้ว่า นโยบายทั้งหมดเป็นแบบไหนทีมเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ใครบ้างจะมาเป็นทีมเศรษฐกิจ เพราะแต่ละคนล้วนเป็นคนเก่ง และมีความรู้ความสามารถทั้งสิ้น"

นายไตรรงค์ กล่าวว่า ตนได้เสนอคณะกรรมการบริหารพรรคว่า ในส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่รักษาการอยู่ในขณะนี้ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรคมีความจำเป็นจะต้องลงพื้นที่ ไปปราศรัยช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียง ตนได้เสนอที่ประชุมว่า ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ มาช่วยผู้สมัครหาเสียงในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น

เปิด 10 จังหวัด ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากที่สุดในประเทศไทย

เปิดจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 จาก 77 จังหวัดทั่วไทย รวม 52 ล้านคน

(1) กรุงเทพมหานคร 
-ชาย 2,041,204 คน
-หญิง 2,428,076 คน
-รวม 4,469,280 คน

(2) จังหวัดสมุทรปราการ
-ชาย 504,258 คน
-หญิง 579,799 คน
-รวม 1,084,057 คน

(3) จังหวัดนนทบุรี
-ชาย 474,078 คน
-หญิง 579,719 คน
-รวม 1,053,797 คน
.
(4) จังหวัดปทุมธานี
-ชาย 443,723 คน
-หญิง 515,923 คน
-รวม 959,646 คน
.
(5) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
-ชาย 313,936 คน
-หญิง 351,924 คน
-รวม 665,860 คน
.
(6) จังหวัดอ่างทอง
-ชาย 105,959 คน
-หญิง 119,396 คน
-รวม 225,355 คน
.
(7) จังหวัดลพบุรี
-ชาย 295,127 คน
-หญิง 304,626 คน
-รวม 599,753 คน
.
(8) จังหวัดสิงห์บุรี
-ชาย 78,644 คน
-หญิง 90,058 คน
-รวม 168,702 คน

(9) จังหวัดชัยนาท
-ชาย 78,644 คน
-หญิง 90,058 คน
-รวม 168,702 คน

(10) จังหวัดสระบุรี
-ชาย 246,534 คน
-หญิง 263,468 คน
-รวม 510,002 คน

(11) จังหวัดชลบุรี
-ชาย 586,771 คน
-หญิง 644,189 คน
-รวม 1,230,960 คน

(12) จังหวัดระยอง
-ชาย 283,477 คน
-หญิง 303,030 คน
-รวม 586,507 คน

(13) จังหวัดจันทบุรี
-ชาย 206,556 คน
-หญิง 221,724 คน
-รวม 428,280 คน

(14) จังหวัดตราด
-ชาย 85,643 คน
-หญิง 89,557 คน
-รวม 175,200 คน

(15) จังหวัดฉะเชิงเทรา
-ชาย 279,099 คน
-หญิง 298,493 คน
-รวม 577,592 คน

(16) จังหวัดปราจีนบุรี
-ชาย 193,231 คน
-หญิง 202,657 คน
-รวม 395,888 คน

(17) จังหวัดนครนายก
-ชาย 101,740 คน
-หญิง 108,025 คน
-รวม 209,765 คน

(18) จังหวัดสระแก้ว
-ชาย 217,293 คน
-หญิง 221,097 คน
-รวม 438,390 คน

(19) จังหวัดนครราชสีมา
-ชาย 1,028,882 คน
-หญิง 1,095,705 คน
-รวม 2,124,587 คน

(20) จังหวัดบุรีรัมย์
-ชาย 614,203 คน
-หญิง 639,123 คน
-รวม 1,253,326 คน

(21) จังหวัดสุรินทร์
-ชาย 538,514 คน
-หญิง 555,519 คน
-รวม 1,094,033 คน

(22) จังหวัดศรีสะเกษ
-ชาย 575,310 คน
-หญิง 591,577 คน
-รวม 1,166,887 คน

(23) จังหวัดอุบลราชธานี
-ชาย 730,963 คน
-หญิง 746,681 คน
-รวม 1,477,644 คน

(24) จังหวัดยโสธร
-ชาย 214,726 คน
-หญิง 219,878 คน
-รวม 434,604 คน

(25) จังหวัดชัยภูมิ
-ชาย 441,582 คน
-หญิง 463,781 คน
-รวม 905,363 คน

(26) จังหวัดอำนาจเจริญ
-ชาย 149,003 คน
-หญิง 153,358 คน
-รวม 302,361 คน

(27) จังหวัดบึงกาฬ
-ชาย 163,350 คน
-หญิง 165,717 คน
-รวม 329,067 คน

(28) จังหวัดหนองบัวลำภู
-ชาย 201,120 คน
-หญิง 206,281 คน
-รวม 407,401 คน

(29) จังหวัดขอนแก่น
-ชาย 703,629 คน
-หญิง 750,060 คน
-รวม 1,453,689 คน

(30) จังหวัดอุดรธานี
-ชาย 611,774 คน
-หญิง 641,046 คน
-รวม 1,252,820 คน

(31) จังหวัดเลย
-ชาย 251,642 คน
-หญิง 255,126 คน
-รวม 506,768 คน

(32) จังหวัดหนองคาย
-ชาย 202,060 คน
-หญิง 209,791 คน
-รวม 411,851 คน

(33) จังหวัดมหาสารคาม
-ชาย 375,807 คน
-หญิง 400,106 คน
-รวม 775,913 คน

(34) จังหวัดร้อยเอ็ด
-ชาย 519,009 คน
-หญิง 539,834 คน
-รวม 1,058,843 คน

(35) จังหวัดกาฬสินธุ์
-ชาย 385,979 คน
-หญิง 404,236 คน
-รวม 790,215 คน
.
(36) จังหวัดสกลนคร
-ชาย 449,159 คน
-หญิง 463,617 คน
-รวม 912,776 คน

(37) จังหวัดนครพนม
-ชาย 281,138 คน
-หญิง 288,751 คน
-รวม 569,889 คน

(38) จังหวัดมุกดาหาร
-ชาย 137,701 คน
-หญิง 139,989 คน
-รวม 277,690 คน

(39) จังหวัดเชียงใหม่
-ชาย 628,476 คน
-หญิง 704,612 คน
-รวม 1,333,088 คน

‘ก้าวไกล’ ลงพื้นที่หาเสียงทั่วชลบุรี ชู ‘แก้ปัญหาประมง’ คืนความเป็นธรรมให้ ปชช.

(24 มี.ค.66) แกนนำพรรคก้าวไกลและผู้ช่วยหาเสียงของพรรค เดินสายลงพื้นที่จังหวัดชลบุรีเพื่อแนะนำนโยบายพรรคและแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. นำโดย ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล วรรณวิภา ไม้สน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล

โดยช่วงเช้า ศิริกัญญาและคณะ ลงพื้นที่ชุมชนหมู่บ้านแหลมฉบัง หมู่ 3 ตำบลสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือประชาชน กรณีเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างท่าเรือและนิคมอุตสาหกรรม หลังจากติดตามมาอย่างต่อเนื่องตลอด 4 ปี ที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร โดยพบว่ายังมีประชาชนจำนวนมากไม่ได้รับการชดเชยเยียวยา และอาจมีการเวนคืนผิดพลาดหรือผิดวัตถุประสงค์

ทั้งนี้ ประชาชนได้ฝากพรรคก้าวไกลติดตามเรื่องการซื้อคืนเรือประมง ซึ่งศิริกัญญาในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ก็เกิดคำถามต่อสาเหตุที่ทำให้กรณีดังกล่าวค้างคามาตลอด โดยให้ความเชื่อมั่นว่าหากพรรคก้าวไกลได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ให้เป็นรัฐบาล จะมีการแก้ไขกฎหมายประมงให้เป็นธรรมมากขึ้น และให้เกิดการเยียวยาโดยเร็วที่สุด

‘นักเขียนซีไรต์’ เทียบจุดแข็ง-จุดอ่อน ‘ว่าที่นายกฯ’ ชี้ ‘ลุงตู่’ ทันโลก-รอบรู้ ส่วน ‘โทนี่’ สร้างภาพว่าตนเก่ง

(27 มี.ค. 66) วิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กหัวข้อ ‘ว่าที่นายกรัฐมนตรี’ มีเนื้อหาดังนี้...

“ว่าที่นายกรัฐมนตรี”

ถ้าดูคนที่เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีทีละคน​ ก็จะตัดสินใจเลือกได้ง่ายขึ้น

ดูว่าใครมีประสบการณ์และความสามารถที่จะบริหารราชการแผ่นดินเป็นอันดับแรก​ ก็เห็นว่ามี พล.อ.ประยุทธ์ กับ คุณทักษิณ เท่านั้นที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี​

+ คุณทักษิณเป็นมาก่อน...เป็นมานานจนทหารยึดอำนาจจากคุณยิ่งลักษณ์​ (2544-2557) สิ่งที่เขาทำมีประโยชน์ก็มี​ ส่วนมากจะเป็นเรื่องประชานิยม​ และหลายๆ เรื่องก็เป็นโทษแก่ประชาชน​ อย่างโครงการจำนำข้าว​นั้นเละเทะ​ สูญเสียภาษีและข้าวไปมากมาย​ แต่กลายเป็นประโยชน์มหาศาลแก่คนโกงชาติ​ และชาวนาฆ่าตัวตาย 22 คน

จนแทบจะพูดได้ว่าทุกนโยบาย​ ทุกโครงการ เป็นผลประโยชน์ส่วนตัวของนักโกงชาติทั้งนั้น​ เพราะคนโกงชาตินั้นมีนโยบายส่วนตัวคือ​ ‘แปลงเงินภาษีเป็นของตน’ หรืออย่างที่คนรู้ทันเรียกกันว่า​ ‘ทำธุรกิจในการเมือง’

คุณทักษิณ สร้างภาพตัวเองว่าเก่ง​ รอบรู้​ ทันโลก​ ความคิดก้าวล้ำ​กว่าใคร​ แต่สำหรับผมเห็นว่าเขาตกยุคไปแล้ว​ สิ่งที่เขาเก่งตอนมีอำนาจก็อย่างที่คนสนใจเรื่องบ้านเมืองรู้นั่นแหละ​ ว่าเก่งอะไรและอย่างไร

เขาเป็นพ่อค้า​นักธุรกิจคนหนึ่งเท่านั้น​ ซึ่งร่ำรวยมาด้วยวิธีเดียวกับที่เขาใช้ในการเมืองนั่นแหละ​

เลือกตั้งครั้งนี้...ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล​ คุณทักษิณก็จะบริหารราชการแผ่นดินหรือชักเชิดคนในพรรคอยู่นอกประเทศเหมือนที่เคยทำมา

‘สกลนคร’ ส่อเดือด หลังแบ่งเขตใหม่เป็น 7 ที่นั่ง ‘เพื่อไทย’ ไม่น่าพลาด!! จ่อกวาดยกจังหวัดตามเคย

สนามเลือกตั้ง จ.สกลนคร ที่มีเก้าอี้ ส.ส.เพิ่มจาก 6 เป็น 7 ที่นั่ง ทำให้บรรยากาศการเลือกตั้งส่อเค้าดุเดือด แต่ละพรรคการเมืองต้องปรับแผนการลงพื้นที่กันใหม่หลายจุด โดยเฉพาะแชมป์เก่าอย่างพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่กวาด ส.ส.ยกจังหวัด

เขตที่ 1 อ.เมือง (ยกเว้น ต.หนองลาด ต.โคกก่อง ต.ม่วงลาย ต.ดงชน และ ต.โนนหอม) อภิชาติ ตีรสวัสดิชัย แชมป์เก่าหลายสมัยจากพรรค พท. ที่คอยผลักดันงบประมาณลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ลงป้องกันพื้นที่ตนเอง เจอคู่ต่อสู้อย่าง ตวงสิทธิ์ พงษ์พิศ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นักธุรกิจหนุ่ม ชูนโยบายพรรค เน้นนิวโหวตเตอร์จากสถานศึกษา ขณะที่ บ่าวนิก สิรภพ สมผล พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) คนรุ่นใหม่ไฟแรง ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น สานต่อการเมืองจากพ่อแม่เป็น ส.อบจ. รอบนี้ขอสู้สนามใหญ่ และ ‘ณปภัช เสโนฤทธิ์’ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) คนรุ่นใหม่พกความรู้มาแน่นเอี้ยดลุยขอคะแนนเสียงแอบลุ้นไกล ๆ

เขตที่ 2 อ.กุสุมาลย์ อ.โพนนาแก้ว อ.โคกศรีสุพรรณ อ.เต่างอย และ อ.เมือง (เฉพาะ ต.โคกก่อง ต.ม่วงลาย ต.ดงชน และ ต.โนนหอม) ‘มหานิยม’ นิยม เวชกามา แชมป์เก่าหลายสมัยอีกคนพรรค พท. มีผลงานอภิปรายในสภาแก้ปัญหาช่วยชาวบ้าน ส่งเสริมทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาขวัญใจชาวบ้าน จะลงป้องกันตำแหน่ง เจอคู่แข่งอย่าง ‘ชาญชัย งอยผาลา’ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อดีตนักการเมืองท้องถิ่น รอบที่แล้วลงสังกัดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พ่ายแพ้ราว 1 หมื่นเสียง คราวนี้หวังล้างตาอีกครั้ง

ขณะที่ 'กัญญาภัค ศิลปะรายะ' พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นักการเมืองท้องถิ่น อดีตนายก อบต.โพธิไพศาล สาวมาดมั่นขอท้าชิงแชมป์เก่า ส่วน 'กฤษณะ พุฒซ้อน' พรรค พปชร. นักธุรกิจในพื้นที่ อ.เต่างอย ยังมี 'ชาตรี หล้าพรหม' พรรค ปชป. นักการเมืองท้องถิ่น และ 'ภูเบศวร์ เห็นหลอด' พรรค ก.ก.นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยที่หวังลุ้นแต้มด้วย

เขต 3 อ.อากาศอำนวย อ.พรรณานิคม อ.เมืองสกลนคร (เฉพาะ ต.หนองลาด) อ.วานรนิวาส (เฉพาะ ต.นาซอ) 'จิรัชยา สัพโส' พรรค พท. ลูกสาว 'พัฒนา สัพโส' ส.ส.เขต 3 ที่ส่งลูกสาวลงป้องกันตำแหน่งแทนพ่อ ต้องเจอคู่ต่อสู้คือ 'สาคร พรหมภักดี' จากพรรค ปชป. ที่คร่ำหวอดการเมืองมานาน อดีต ส.ส.หลายสมัย แม่ทัพนำทีมพรรค ปชป.สู้ศึกเลือกตั้ง จ.สกลนคร ที่หวังขอพลิกคว้าเก้าอี้ และ 'ภิญโญ ขันติยู' พรรค ก.ก.

เขตที่ 4 อ.กุดบาก อ.วาริชภูมิ อ.ภูพาน อ.นิคมน้ำอูน อ.ส่องดาว (ยกเว้น ต.ท่าศิลา) 'พัฒนา สัพโส' ที่ย้ายจากเขต 3 มาลงเขต 4 มั่นใจไม่น่าพลาด ต้องเจอคู่แข่งอย่าง 'พงษ์ศักดิ์ สุทธิคีรี' สวมเสื้อพรรค ปชป. นักการเมืองท้องถิ่นและนักกฎหมาย และ 'ขจรศักดิ์ เบ็ญชัย' พรรค ก.ก. นักกฎหมาย อดีตนักการเมืองท้องถิ่น

‘ภูมิธรรม’ สยบข่าวดีล พท. หนุน ‘บิ๊กป้อม’ นั่งนายกฯ ชี้!! แค่กระแสฉุดรั้งความนิยมคนไทยไปจาก พท.

(27 มี.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหาว่า มีการตกลงกันยอมให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ขอชี้แจงว่า พรรคเพื่อไทย โดยคณะกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะร่วมรัฐบาลกับใครหรือไม่ 

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยยังคงยืนยันเดินหน้ารณรงค์หาเสียงให้เลือกพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.ในสภาให้ถึง 310 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาล  เพราะขณะนี้ปัญหาของประเทศ คือ ส.ว. 250 คน ที่ถือว่าเป็นตัวปัญหา หากพรรคเพื่อไทยได้ 310 เสียง ขึ้นไป ไม่มีเหตุผลใดที่จะจับมือกับใคร  มีเงื่อนไขเดียว คือจับมือกับพรรคการเมืองที่มีกรอบความคิดตรงกัน หรือฝ่ายค้านที่เคยทำงานร่วมกันมา

“การมีคนพยายามที่จะโหนพรรคเพื่อไทย เพื่อทำลายอำนาจที่จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน คนที่จะตัดสินใจการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและตัดสินใจว่าใครเป็นรัฐบาล คือประชาชน ถ้าคะแนนเสียงออกมาอันดับ 1 พรรคนั้นก็ต้องได้จัดตั้งรัฐบาล อันดับถัดมา ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นลำดับถัดไป ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ เรื่อง  จึงขอย้ำอีกครั้ง การจับมือกับพลังประชารัฐ จะจับมือพรรคนั้นพรรคนี้ เป็นเรื่องเพ้อฝันทั้งสิ้น หรือมีเจตนาแอบแฝงที่จะฉุดรั้งความนิยมของประชาชนออกไปจากเรา ขอให้ประชาชนมั่นใจ วันนี้พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นเป็นรัฐบาลให้ได้ เพื่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยที่เกิดขึ้น และจะไม่ขอพูดเรื่องนี้อีกแล้ว ขอความเป็นธรรมให้พรรคเพื่อไทยและประชาชนด้วย” นายภูมิธรรม กล่าว

‘พท.’ เตรียมปราศรัยใหญ่ 3 เวที ส่งท้ายเดือน มี.ค. พร้อมจัดทีมกระจายหาเสียงทุกเขต หวังแลนด์สไลด์

(27 มี.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคพท.เตรียมจัดเวทีปราศรัยใน 3 จังหวัด ได้แก่ ในวันที่ 28 มี.ค. เปิดเวทีปราศรัยที่ศาลากลาง จ.สมุทรปราการ เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง อดีต ส.ส.มหาสารคาม นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์รวมทั้งตน 

วันที่ 29 มี.ค. เปิดเวทีปราศรัยที่ลานหน้าห้างโลตัส รังสิต (ตรงข้ามฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต) อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ในเวลา 18.00 น. เป็นต้นไป นำโดย นพ.ชลน่าน น.ส. แพทองธาร นายจาตุรนต์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีต ส.ส.กทม.และตน

‘ปชป.’ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือ ครบ 68 เขต มั่นใจ!! ได้เก้าอี้มากกว่าครั้งก่อน ย้ำ!! พร้อมรับใช้ ปชช.

(27 มี.ค.66) น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย พร้อมด้วยนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคเหนือ ได้เปิดตัวว่าผู้สมัคร ส.ส. ที่เหลือ 12 เขต และบัญชีรายชื่ออีก 3 คน

โดยนายนราพัฒน์ได้แนะนำว่าที่ผู้สมัครคือ 
จ.พิษณุโลก 
น.ส.ปุญชรัสมิ์ ศิริสวัสดิ์ เขต 2 
นายวิมล สารมะโน เขต 3 
นายพลิ้ง บุญแสงสวัสดิ์ เขต 5  

จ.เชียงราย 
นายไอใจ ปู่หมื่อ เขต 1 (เป็นกลุ่มชนชาติพันธุ์)
นายนิกร จันทร์หอม เขต 2 
นายหาญ ดอนลาว เขต 3 
นายปิยะวัฒน์ ปิยะวัฒน์หิรัณย์ เขต 7  

จ.แพร่ 
นายสุรกิจ ศิริวาท เขต 1         
นายวิโรจน์ ยิงช้าง เขต 2
นายมงคล ภัทรทิพย์มงคล เขต 3  

จ.ตาก 
น.ส.ถนอมจิต แสงงาม เขต 2 (ลงสมัครแทนนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ อดีต ส.ส.ตาก ปชป. ที่ประกาศไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้)

จ.น่าน 
นายเรืองเดช จอมเมือง เขต 3 (ซึ่งเป็น ส.อ.จ.น่านเขต 1 และยังเป็นผู้ร่วมจัดตั้งมูลนิธิกลุ่มฮักเมืองน่าน)

ส่วนผู้สมัคร ส.ส.บัญชีราย คือ
1.นายณัฐชา ลิขิตกิตวรกุล  
2. นายพิศณุพงศ์ สิทธิโชคแก้วมูล
3. นายฉัตรณพัฒน์ เทียนมงคล

เมื่อ ‘เพื่อไทย’ เลือก ‘หมอมิ้ง’ แคนดิเดต ชู ‘แลนด์สไลด์’ ทรมานใจติ่งพรรคส้ม

ในวันที่ 4 เม.ย.2566 ก็จะได้เวลากรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยเคาะชื่อ “บุคคลซึ่งพรรคการเมืองนั้นมีมติว่าจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไม่เกินสามรายชื่อต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง...” หรือที่เรียกกันสั้น ว่าแคนดิเดตนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88

แต่เนื่องด้วยยังมีบทเฉพาะกาลมาตรา 272  คนโหวตเลือกนายกฯ จะมีสมาชิกวุฒิสภามาร่วมแจมด้วย

พรรคเพื่อไทยประกาศชัดว่าจะจัดเต็มคาราเบล 3 รายชื่อ...เปิดหน้าเปิดตามาแล้วสองคน...’อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร และ ‘เสี่ยนิด’ เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งคนแดนไกลอย่างโทนี วู้ดซัม บอกว่าเก่ง (คนละด้าน) ทั้งคู่...คนที่สามที่กำลังจะเปิดตัวก็คงเก่งไปอีกทาง…

โทนี่ วู้ดซัม ยังได้พูดแบบไม่สนใจมาตรา 28, 29 ของพรป.พรรคการเมือง คือ พูดอย่างกะเป็นเจ้าของพรรคว่า...ไม่ว่าคนที่สามเป็นใครแต่ทั้งสามคนตกลงกันแล้วว่า คนหนึ่งเป็น (นายกฯ) อีกสองคนจะร่วมด้วยช่วยกัน...

จาก ม.ค.-มี.ค.ปีนี้  ชื่อแคนดิเดตนายกฯ คนที่สามทยอยโผล่มาด้วยที่มาต่างกัน...ประกอบด้วย สมชัย เลิศสุทธิวงศ์  ลูกหม้อเก่าเครือชินคอร์ป, ดร.สุรเกียรติ เสถียรไทย ที่ว่ากันว่าเป็น ส.เสือตัวใหญ่…‘หมอมิ้ง’ หรือ ‘สหายจำรัส’ หรือ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตรองนายกฯและรมต.ของพรรค และล่าสุด นสพ.มติชน รายวัน บอกว่าอาจปัดฝุ่นเอาชื่อ ‘ชัยเกษม นิติศิริ’ ที่เคยเป็นหนึ่งในแคนดิเดตเมื่อปี 2562มาใช้บริการอีกครั้ง…

ขณะที่รายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ยังไม่จบ...รายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน ของพรรคก็ออกมา เป็นรายชื่อเรียงตามตัวอักษรยังไม่มีการจัดอันดับจริง

น่าสนใจว่าไม่พบชื่อ แพทองธาร และ เศรษฐา แต่พบรายชื่อ ‘ชัยเกษม นิติศิริ’ ซึ่งอีกด้านหนึ่งพรรคเพิ่งแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรมและความเสมอภาคเท่าเทียม...

จะให้ถอดรหัสก็น่าจะอนุมานได้ว่าทางพรรคอยากดูแล ‘ชัยเกษม’ ให้เป็น ส.ส.หรือเป็นรัฐมนตรีในอนาคต  ยังไม่น่าจะเอามาปัดฝุ่นเป็นนายกฯ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top