Tuesday, 20 May 2025
เลือกตั้ง66

เปิดตัวขุนพล ‘พรรคใหญ่’ ชิงชัยเก้าอี้ ส.ส. สงขลา ใครได้หมายเลขไหน? อย่าจำผิด!!

สำหรับ 9 เขตของจังหวัดสงขลา ตามการแบ่งเขตของ กกต. มีดังนี้ 

>>เขต 1 อำเภอเมืองสงขลา
>>เขต 2 อำเภอหาดใหญ่ (เฉพาะตำบลหาดใหญ่ และตำบลคลองอู่ตะเภา)
>>เขต 3 อำเภอนาหม่อม อำเภอหาดใหญ่ (เฉพาะตำบลบ้านพรุ, ตำบลคอหงส์, ตำบลพะตง, ตำบลทุ่งใหญ่, ตำบลท่าข้าม และตำบลน้ำน้อย) อำเภอจะนะ (เฉพาะตำบลคลองเปียะ และตำบลจะโหนง)
>>เขต 4 อำเภอระโนด อำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอสทิงพระ อำเภอสิงหนคร (เฉพาะตำบลม่วงงาม, ตำบลบางเขียด ตำบลชะแล้, ตำบลรำแดง และตำบลวัดขนุน)

‘สุรพงษ์’ ชู ดันอุตฯ หนังไทย เป็น soft power สู่เวทีโลก ใช้ศักยภาพดึงดูดนักลงทุน-สร้างรายได้ นำพาประเทศพ้นความจน

(4 พ.ค. 66) นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ตัวแทนพรรคเพื่อไทย กล่าวบนเวทีรับฟังปัญหาและแสดงวิสัยทัศน์อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ที่ห้องออดิทอเรี่ยม ชั้น 5 Bacc หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ถึงแนวทางให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยว่า วงการภาพยนตร์ไทยมีศักยภาพอยู่แล้ว แต่รัฐฯ ต้องเข้าไปช่วยพัฒนาในส่วนของ 4M คือ man (ทรัพยากรมนุษย์), money (เงินทุน), management (การบริการจัดการ) และ material (วัตถุดิบ)

นายสุรพงษ์ขยายความว่า ปัญหาด้านการบริหารจัดการ พรรคเพื่อไทยมีแนวคิดที่จะตั้ง ‘Thailand Creative Public Agency’ ขึ้นมา เป็นองค์กรที่แยกออกจากส่วนราชการ เพื่อให้การทำงานมีความยืดหยุ่นและต่อเนื่อง มี พ.ร.บ. รองรับ เพื่อให้มีอำนาจและงบประมาณที่ชัดเจน ที่สำคัญองค์กรดังกล่าวจะต้องได้รับความสำคัญจากรัฐบาล และมีตัวแทนของภาคเอกชนเข้าไปร่วมขับเคลื่อน เช่น สนับสนุนให้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยน สร้างองค์ความรู้ เช่าโรงภาพยนตร์เพื่อฉายภาพยนตร์ไทยทุกจังหวัด

ส่วนปัญหาเรื่องเงินทุนและทรัพยากรมนุษย์นั้น สุรพงษ์กล่าวว่า แก้ไขได้ด้วยการผลักดันให้โกอินเตอร์เพื่อดึงดูดทุนจากต่างประเทศเข้ามา ทุนจะดึงดูดคนที่มีความสามารถเข้ามาด้วยค่าตอบแทนและสวัสดิการที่สมเหตุสมผล นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยยังมีแนวคิดว่า วัตถุดิบอย่างบทภาพยนตร์ควรถูกนำมาตีมูลค่าเป็นทรัพย์สิน เพื่อให้นำไปใช้ในการดำเนินการทางธุรกิจการเงินต่าง ๆ ได้ 

“ทั้งนี้ทั้งนั้น คนที่ขึ้นมาเป็นรัฐบาลต้องมีความเจตจำนงทางการเมือง นายกรัฐมนตรีต้องสนใจและทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง ลำพังรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมแก้ปัญหาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยไม่ได้” นายสุรพงษ์ เสริม


ที่มา : https://www.facebook.com/pheuthaiparty/posts/pfbid0s6F3Aw9HhniVppJqhwCmaW4Bh7VSRuUHnSc39jovkktKzRGh1L3WSHci7U9FqZY7l

‘ชพก.’ เปิดปราศรัยแฟลตคลองจั่น อ้อนชาวบ้าน หนุน ‘ธาม’ เข้าสภาฯ ลั่น!! พร้อมทุบทุนผูกขาด กระจายรายได้สู่ฐานราก สร้างโอกาสให้ ปชช.

(4 พ.ค. 66) พรรคชาติพัฒนากล้า นำโดย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค และทีมผู้สมัคร ส.ส.ประกอบด้วย นายพรชัย มาระเนตร์ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ นายบุญสืบ จันทร์แจ่มศรี ผู้สมัคร เขตลาดพร้าว บึงกุ่ม เบอร์ 3 นายนที ศิริธรรมวัฒน์ ผู้สมัครเขต พญาไท ดินแดง เบอร์ 11 ลงพื้นที่บางกะปิ เพื่อช่วยนายธาม สมุทรานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.บางกะปิ-วังทองหลาง เบอร์ 8 หาเสียง และจัดเวทีปราศรัยย่อยที่แฟลตคลองจั่น โดยมีผู้สนใจรับฟังเป็นจำนวนมาก

นายวรวุฒิ กล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคชาติพัฒนากล้า เป็นคนรุ่นใหม่เกือบทั้งสิ้น และมีความตั้งใจที่ตรงกันคือ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ที่เราจะไม่ทำแบบการเมืองเก่า ตนในฐานะที่เป็นนักธุรกิจ เติบโตจากธุรกิจเครื่องเขียนห้องแถว ที่เกือบล้มละลาย เติบโตจนเป็นธุรกิจเครื่องเขียนยักษ์ใหญ่มีรายได้หมื่นล้านในเวลา 30 ปี ผ่านมาหลายวิกฤตทั้งในประเทศและนอกประเทศ และยังเป็นผู้ก่อตั้งสมาคมอีคอมเมิร์ซขึ้นมา 20 ปี ก่อนได้เตือนรัฐบาลว่าให้สนับสนุนอีคอมเมิร์ซของคนไทยไว้ เพราะไม่เช่นนั้นสักวันเราจะไม่เหลืออยู่เลย

ซึ่งวันนี้ก็เป็นจริง เราสูญเสียเอกราชแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ให้กับต่างชาติไปเป็นที่เรียบร้อย อำนาจอยู่ในมือบริษัทข้ามชาติทั้งสิ้นเขาจะกำหนดเงื่อนไขอย่างไร เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย ยกตัวอย่างแพลตฟอร์มจองโรงแรม ผู้คิดค้นคนแรก ๆ ของโลกเป็นคนไทย แต่รัฐบาลไทยไม่เข้าใจไปเก็บภาษีเขาแพงทำให้อยู่ไม่ได้ จนต้องขายให้กับ agoda จนปัจจุบันเป็นแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ของโลกไปแล้ว เราต้องสูญเสียรายได้ที่ต้องจ่ายให้กับแพลตฟอร์มเหล่านี้ถึงปีละ แสนกว่าล้านบาท นี่เพียงแพลตฟอร์มเดียว และยังมีอีกหลายแพลตฟอร์มที่เราสูญเสียไป อย่างน่าเสียดาย เพียงเพราะเรามีรัฐบาลที่ไม่เข้าใจ

นายวรวุฒิ กล่าวว่า นักธุรกิจไทยเก่งจนต่างชาติยกย่อง เขาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ประเทศไทยดีทุกอย่างยกเว้นการเมือง เรากลายเป็นคนป่วยของเอเชีย การเติบโตทางเศรษฐกิจของคนไทยถดถอยมาตลอดหลายปี เพราะการเมืองรังแกประเทศ นั่นคือจุดที่เราอยากมาทำงานการเมือง เราเห็นพรรคการเมืองทำหลายเรื่อง แบ่งขั้ว ซ้าย ขวา ความจริงมันไม่มีอะไรซ้ายขวาจริง ๆ ในทางการเมือง สิ่งที่เราต้องกลัวคือ คนขี้โกง พวกนี้ต่างหากที่ทำให้ประเทศมีปัญหา พรรคชาติพัฒนากล้าจึงประกาศชนทุนผูกขาด ที่ไม่เอื้อให้คนตัวเล็กเติบโตลืมตาอ้าปากได้ ทั้งพลังงาน สินเชื่อ ภาษี ตลอดจนระบบราชการ เราจะทำระบบคู่ขนานโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อให้มีการตรวจสอบโปร่งใส

นอกจากนี้ ยังเราหารายได้จากธุรกิจเฉดสี 5.5 ล้านล้านบาท เราไม่เน้นประชานิยมแจกเงิน เพราะเวลานี้ประเทศเราไม่ได้มีเงินมากมาย และไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤตเหมือนช่วงโควิดที่ผ่านมา พรรคเรามีคุณกรณ์ เป็นหัวหน้าพรรคที่มีประสบการณ์ตรงจากการแก้วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่ส่งผลกระทบทั่วโลกเมื่อ 10 กว่าปีก่อน คุณกรณ์ ก็เคยใช้วิธีการแจกเงิน พร้อมไปกับการกู้วิกฤตเศรษฐกิจ โดยสามารถพลิกจีดีพีติดลบ 2.7% ขึ้นมา 7.8% ได้ภายใน 1 ปี จนได้รับการยกย่องให้เป็น รมว.คลังโลก และวันนี้เราก็พร้อมนำประสบการณ์มาแก้วิกฤตให้พี่น้องประชาชน

“วันที่ 14 พฤษภาคม ท่านใช้สิทธิของท่านด้วยความเป็นตัวของตัวเอง ท่านจะเลือกพรรคไหนเราเคารพการตัดสินใจ เพราะเราได้เสนอตัวให้เป็นทางเลือกกับท่านแล้ว แต่อย่าเลือกด้วยความกลัวว่าเลือกคนนี้เพราะกลัวคนนั้นจะมา โดยไม่สนใจนโยบายหรือคุณภาพของตัวบุคคล เราจะเสียโอกาสในการได้ผู้แทนที่ดีเข้าไปทำหน้าที่แทนประชาชน แต่ถ้าอยากได้คนอย่างคุณกรณ์ หรือผม เข้าไปทำงานในสภา 14 พฤษภาคม กาเบอร์ 14 พรรคชาติพัฒนากล้า” นายวรวุฒิ กล่าว

นายธาม กล่าวว่า ตนเป็นคนรุ่นใหม่อายุ 28 ปี แต่มีประสบการณ์มากพอในการทำธุรกิจ และได้ลงพื้นที่บางกะปิ มานานจนผูกพัน เห็นความยากลำบาก เห็นปัญหาของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ต้องบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในบ้าน มันยิ่งตอกย้ำปมในใจที่ตนได้เสียคุณทวดไป เพราะล้มในบ้านของตัวเอง นั่นจึงเป็นที่มาที่ตนตัดสินใจนำเสนอนโยบาย อารยสถาปัตย์ ซ่อมบ้านให้ผู้สูงอายุและคนพิการ กับนายกรณ์ และเสนอตัวขอลงสมัคร ส.ส.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง เพื่ออาสาเป็นตัวแทนที่จะไปต่อสู้เพื่อคุณภาพชีวิตของชีวิตของพี่น้องประชาชน เพราะลำพังเป็นนักธุรกิจบ้านจัดสรรอย่างเดียว แม้จะทำบ้านดี ๆ ให้กับประชาชนได้ แต่ไม่สามารถช่วยในภาพใหญ่ได้ ดังนั้นวันนี้ ไม่ว่าจะเหนื่อย ลำบากแค่ไหนก็จะไม่ท้อ และจะสู้เต็มที่ เพราะถ้าตนชนะ ทุกคนก็จะชนะ เพราะตนทำจริง และก็ดีใจที่นายกรณ์ รับข้อเสนออารยสถาปัตย์เป็นนโยบายหลักของพรรค ที่จะขยายผลซ่อมบ้านให้ผู้สูงอายุและผู้พิการทั่วประเทศ

นายธาม กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ขวางกั้นความเจริญก้าวหน้าและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนคนธรรมดา คือ ทุนผูกขาด ประเทศเราเคยเป็นประเทศแห่งโอกาส มีคนจีน มุสลิม ตลอดจนคนไทย ได้สร้างเนื้อสร้างตัวในประเทศนี้ได้เป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันระบบไม่เอื้อ เพราะเรามีกำแพงเศรษฐกิจจากทุนผูกขาด น้ำมันแพง ไฟแพง ต้นเหตุทุกอย่างแพงหมด กระทบต่อค่าครองชีพ รัฐบาลทำสัญญาซื้อไฟเกินความต้องการ เพราะเอื้อทุนใหญ่ พรรคชาติพัฒนากล้า จะยึดอำนาจจากทุนใหญ่ ทุบทุนผูกขาดทุกรูปแบบ เปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชน มีบันไดถีบตัวเองให้มีฐานะทางสังคมได้ คนตัวเล็กแข่งขันกับคนตัวใหญ่ได้ พรรคเราไม่มีนโยบายซื้อเสียง ไม่มีประชานิยม แต่แจกโอกาส  ให้ทางประชาชนหารายได้ตั้งตัวได้

‘บิ๊กป้อม’ ปลื้ม ‘พปชร.’ กระแสดี มั่นใจ!! นโยบายกินขาด ลั่น!! พร้อมจับมือทุกพรรค หากนโยบายต้องตรงกัน

(4 พ.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์หลังแถลงสรุปภาพรวมนโยบายของพรรค พปชร.ถึงถึงเรตติ้งความนิยมของพรรคที่เพิ่มขึ้น หลังนำทีมแกนนำนั่งรถไฟลงพื้นที่ ว่า ดีใจ ถ้าผู้สื่อข่าวสนับสนุน พรรค พปชร.ก็ดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า อีก 9 วัน จะถึงวันลงคะแนนเลือกตั้ง มีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี คนต่อไป มากน้อยแค่ไหน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะว่าพร้อมก็พร้อม แล้วแต่ประชาชนจะเลือก ถ้าเลือกตนก็พร้อม

เมื่อถามว่า ได้ดูกระแสตอบรับของพรรคในโซเชียล มีเดียบ้างหรือไม่ พล.อ.ไม่ได้ดูเลย

เมื่อถามว่า มองนโยบายภาพรวมแล้วมีความมั่นใจอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถ้าไม่มั่นใจก็คงไม่ประกาศออกไป มั่นใจว่าเราทำได้ ถ้าเราได้เป็นรัฐบาลก็ทำได้ทันที เมื่อถามว่า โค้งสุดท้ายจะมีอะไรมาตีตื้นคะแนนเป็นหมัดเด็ดหมัดน็อกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สื่อนั่นแหละ สื่อจะเลือกหรือเปล่า ถ้าคุณเลือกก็ได้

เมื่อถามว่า หลายพรรคเริ่มมีการตีกันจะไม่จับขั้วรัฐบาล โดยระบุว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นหนึ่งที่จะไม่จับมือด้วย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร “ใครไม่จับผมก็อยู่คนเดียว” ถ้าได้ 300 กว่าเสียงแล้วจะไปจับกับใครล่ะ ก็ขึ้นอยู่กับประชาชน ปล่อยให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจเอาแล้วกันว่าจะเลือกใคร ถ้าเขาอยากพูดก็พูดกันไป เพราะอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชนเป็นหลัก ก็ต้องเชื่อมั่นในประชาชน ต้องไว้ใจประชาชนว่าเขาจะเลือกใคร

เมื่อถามว่า ผลโพลที่ออกมาขณะนี้แสดงว่าเชื่อไม่ได้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า โพลใครก็ทำได้ ก็เป็นความคิดของคน ได้ไปถามทุกบ้านหรือเปล่า ถามทุกคนหรือเปล่า แล้วทุกคนตอบหรือเปล่า มันก็อย่างนี้แหละโพลก็คือโพล เมื่อถามว่า จากการลงพื้นที่และได้สัมผัสประชาชนโดยตรง รวมถึงกระแสพรรคพลังประชารัฐตอนนี้ จะทำให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่รู้ ก็แล้วแต่ประชาชน จะไปคิดข้างหน้าได้อย่างไร สื่อคิดก็ตอบเอาเองก็แล้วกัน เมื่อถามว่าจากการลงพื้นที่เชื่อมั่นในประชาชนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็เชื่อมั่น ตนลงพื้นที่มาตลอดทั้งปี พื้นที่เขาก็ต้อนรับตน ไม่เห็นมีใครมาด่าเลย

‘เสี่ยหนู’ ลุยหาเสียงโคราช มั่นใจ!! ‘พรชัย’ รักษาแชมป์ได้ เชื่อ ปชช.เห็นความทุ่มเท ไม่เคยทิ้งพื้นที่ ผลงานเป็นที่ประจักษ์

(5 พ.ค. 66) ที่โรงเรียนหนองบุญมากประสงค์วิทยา ตำบลหนองหัวแรด อำเภอหนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคฯ เดินทางลงพื้นที่ช่วย นายพรชัย อำนวยทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 11 เบอร์ 7 หาเสียงท่ามกลางประชาชน 4,000 คน

โดย นายอนุทิน ปราศรัยตอนหนึ่งว่า สำหรับนายพรชัย มีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่ง ว่าจะสามารถรักษาแชมป์ได้ เนื่องจากทางพรรคภูมิใจไทยเห็นการทำงานของท่านมาโดยตลอด หลังจากท่านได้เป็นตัวแทนปวงชน นายพรชัยไม่เคยทิ้งพื้นที่ เจอหน้าตนทุกครั้งพูดแต่ว่าพื้นที่ต้องการอะไรบ้าง เป็นคนที่หายใจเข้าออกนึกถึงประชาชน นายพรชัยทำงานชนิดที่หัวหน้าพรรคยังต้องเกรงใจ เรื่องความทุ่มเทนายพรชัยไม่เป็นสองรองใคร ขอให้คำมั่นสัญญาว่าเลือกนายพรชัยไปทำงาน รับรองไม่มีคำว่าผิดหวัง

“ที่ผ่านมา มีสำนักโพลต่าง ๆ รายงานผลออกมา ส่วนตัวผมดูไว้เป็นข้อมูล แต่ที่ผมเชื่อที่สุด คือ ผมเชื่อในการทำงานของผู้สมัครพรรค นายพรชัย ทำงานดี มีความมุ่งมั่น ตอนที่โควิด-19 ระบาด หรือตอนที่มีปัญหาต่าง ๆ ท่านโทรหาผมแทบทุกวัน เพื่อให้ลงไปช่วยแก้ปัญหา ไปทำในสิ่งที่ประชาชนต้องการให้ มาถึงวันนี้จากผู้คนที่มาฟังนายพรชัยปราศรัยจำนวนมากมายหลายพันคน สิ่งที่ผมเห็นมันมีความหมายมากกว่าผลโพล เพราะนี่คือคะแนนความนิยมจากชาวบ้านในพื้นที่จริง ๆ” นายอนุทิน กล่าว

จากนั้น นายอนุทิน ได้นำเสนอนโยบายของพรรคภูมิใจไทย อาทิ การพักหนี้ 3 ปี ไม่เกิน 1 ล้านบาท หยุดต้น หยุดดอกเบี้ย, เงินกู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท, กรมธรรม์ผู้สูงวัย 60 ปีขึ้นไป, การเพิ่มค่าตอบแทน อสม. 2,000 บาทต่อเดือน, การจัดหาเครื่องฉายรังรักษามะเร็งสีติดตั้งทุกจังหวัด, นโยบาย 1 ตำบล 1 ศูนย์ไตเทียม, ติดตั้งโซลาร์รูฟบนหลังคาฟรี ลดค่าใช้จ่าย 450 บาทต่อครัวเรือน และการให้สิทธิ์ซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าผ่อนเดือนละ 100 บาท 60 งวด, นโยบายเกษตรร่ำรวย รู้ราคาก่อนขาย เสียหายมีประกัน

‘รทสช.’ ปล่อยคลิปสั้น ‘คุยกับลุง’ เผยอีกแง่มุมชีวิตของ ‘ลุงตู่’ พร้อมเล่าที่มาของชื่อ ‘ประยุทธ์’ ที่แปลว่า ‘ต่อสู้’ เพราะตนสู้มาตลอดชีวิต

‘รทสช.’ ปล่อยคลิป ‘คุยกับลุง’ วิดีโอสั้นพูดคุยกับ ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ อย่างเป็นกันเองในเรื่องราวเบาๆ ทั้งเรื่องชีวิตวัยเด็ก งานอดิเรก ชีวิตครอบครัวและการทำงาน ที่แตกต่างกับบุคลิกที่สังคมเคยเห็นมาก่อน ทำให้หลังเผยแพร่คลิปไม่นานก็ถูกแชร์ไปจำนวนมาก พร้อมแฟนคลับขอให้ผลิตต่อเนื่อง เพราะได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์ ในตัวตนที่แท้จริง ที่ไม่ได้ดุเหมือนที่เห็นในข่าว และพร้อมที่จะสนับสนุนเสมอ

(5  พ.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก พรรครวมไทยสร้างชาติเผยแพร่คลิป ‘คุยกับลุง’ คลิปวิดีโอสั้นๆ ประมาณ 7 นาที เป็นการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานกำหนดยุทธศาสตร์และนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติ ในบรรยากาศสบายๆ โดย พล.อ.ประยุทธ์ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ลายใบไม้สีเหลือง กางเกงสแล็กสีดำ พูดคุยอย่างเป็นกันเองกับทีมงาน โดยเนื้อหาการสนทนาส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของตนเอง ตั้งแต่วัยเด็ก งานอดิเรก กีฬา และชีวิตครอบครัวน่ารักๆ

เนื้อหาเริ่มต้นคลิป พล.อ.ประยุทธ์ เล่าถึงที่มาของชื่อ ‘ประยุทธ์’ โดยระบุว่ามีที่มาจากระหว่างที่ตนเกิดในค่ายทหารที่ จ.นครราชสีมา มีการซ้อมรบบิดาจึงตั้งชื่อตนว่า ‘ประลองยุทธ์’ แต่เมื่อบิดาไปหาหมอพระ ได้ขอให้เปลี่ยนเป็น ‘ประยุทธ์’ เท่านั้น ตนจึงได้ชื่อนี้มาตั้งแต่เกิด และจากวันนั้นถึงวันนี้ก็ต้องต่อสู้มาตลอด ตามความหมายของชื่อที่แปลว่า ‘ต่อสู้’ นั่นเอง

พล.อ.ประยุทธ์ ยังเล่าด้วยว่าในสมัยเด็กตนก็เป็นเด็กซนๆ คนหนึ่ง จนถูกบิดาลงโทษ ถูกตี รู้สึกเจ็บมาก ตอนนั้นอายุสิบกว่าขวบ ตัดสินใจหนีออกจากบ้านด้วยการถีบรถจักรยานออกไปในเวลาเย็น แต่เมื่อออกไปสักพักก็คิดว่าจะไปไหนดี แต่หาคำตอบไม่ได้ว่าจะไปไหน จึงตัดสินใจกลับบ้านมาเอง โดยบิดายืนรออยู่พร้อมกับถามว่าออกไปไหนมา ตนก็แค่บอกว่าออกไปเล่นมา แต่ทราบดีว่าบิดารู้ว่าตนงอนที่ถูกทำโทษ ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ในสมัยเด็ก พร้อมกับเล่าว่าบิดาเป็นคนที่เป็นหลักของครอบครัว ดุ แต่ก็ใจดีและมีเหตุผล ส่วนมารดาเป็นคนใจดี

พล.อ.ประยุทธ์ ยังตอบคำถามเกี่ยวกับการออกไปเล่นสงกรานต์กับประชาชนที่ ถ.ข้าวสาร เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาว่า ที่จริงแล้วตั้งใจจะไปเยี่ยมตำรวจเพื่อให้กำลังใจและกำชับให้ดูแลประชาชนให้ดี แต่เมื่อเข้าไปแล้วก็เลยได้เล่นน้ำสงกรานต์กับประชาชนจริง เพราะส่วนตัวแล้วตนไม่ได้เล่นสงกรานต์มาตั้งแต่เด็ก ทำให้เผลอตัวไป ขาไปผมเรียบหล่อ แต่กลับออกมาผมฟู จนถึงวันนี้ยังเมื่อยอยู่

ทีมงานถามว่า มีคนนำไปพูดว่านายกฯ กราดยิงประชาชนในวันสงกรานต์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าก็เป็นการยิงน้ำที่ใส่ความเป็นมงคลไปให้ ตนไม่เคยไปให้ร้ายกับใคร เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเรามักจะมีทั้งคนเกลียดและคนรัก จึงไม่ได้คิดอะไร

เมื่อถามว่าเคยดูซีรีส์บ้างไหม พล.อ.ประยุทธ์  กล่าวว่า ตนก็ดูซีรีส์เหมือนกัน แต่ดูไม่เคยจบ เพราะไม่สนุก ทำให้มีซีรีส์ค้างจออยู่หลายสิบเรื่อง แต่เรื่องที่ดูจนจบคือ ซีรีส์เกาหลี ‘Desendents of the Sun’ ที่พระเอกเป็นทหาร และเรื่อง ‘Crash Landing on you’ และยังดูซีรีส์ย้อนยุคของเกาหลี หรือภาพยนตร์เก่าอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เพราะดูแล้วสนุก โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการทหาร ที่มีการรบกัน แต่ไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น เพราะเป็นเหตุการณ์ที่โหดร้าย ทารุณ แต่ก็ดูไปหมด

พ่อแม่ต้องเลือกข้าง หากไม่ทำตาม ลูกพร้อมตัดขาด เกมการเมืองสุดขี้ขลาดในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย

“ถ้าแม่ตัดสินใจเลือกลุงแล้ว...แม่ก็ออกไปหาเงินใช้เองเถอะนะ”

“เมื่อพ่อแม่เป็นสลิ่ม เราเลยโทรไปบอกว่าถ้าไม่เลือกก้าวไกล เราจะไม่กลับบ้าน จะไม่โอนตังให้ด้วย”

“เราบอกพ่อแม่ว่า ถ้าไม่เลือกก้าวไกล ไม่ว่าจะปิดเทอมเล็ก เทอมใหญ่ ปีใหม่ สงกรานต์ เข้าพรรษา ออกพรรษา จะไม่กลับบ้าน จะนอนเฝ้าโรงเรียนอยู่นี่แหละ...ครูสาวท่านหนึ่งมาอยู่เวรที่โรงเรียน”

ข้อความที่ได้เห็นเหล่านี้ เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เริ่มแพร่กระจายอยู่ในสังคมโซเชียลมีเดีย โดยเชื่อว่าน่าจะมาจากกระแสพรรคการเมืองหนึ่งที่ปั่นให้คนรุ่นใหม่ ออกมาทำคลิปสั้นลง tiktok/reels ซึ่งมีเนื้อหาแบบที่ว่ามาข้างต้นซ้ำไปซ้ำมา

แน่นอนว่า หากมองว่านี่คือแคมเปญ มันก็คงมีผลต่อจิตใจใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่หัวใจบอบบาง และไม่อาจต้านทานสิ่งที่ลูกหลานกำลังหยิบมาต่อรองเป็นแน่แท้

โดยแคมเปญนี้ กำลังค่อย ๆ คืบคลานเข้าไปก่อความสำเร็จทางการเมือง ด้วยกลยุทธ์ที่ต้องพูดตรงๆ ว่า ‘ต่ำทราม’ ที่สุดในประวัติศาสตร์หน้าการเมืองไทย

นั่นก็เพราะ...แม้สังคมไทยจะมีความขัดแย้งทางการเมืองมากขนาดไหน คนไทยจะชื่นชอบหรือฝักใฝ่การเมืองฝ่ายใด แต่ก็ยังรู้ผิดชอบชั่วดี ว่าการเมืองคือการเมือง ครอบครัวคือครอบครัว เพื่อนฝูงและมิตรสหายก็คือคนที่ยากจะตัดขาด และหากจะขัดแย้งกันก็ยังอยู่ในบริบทของการเลือกข้าง ภายใต้ความชื่นชอบ เหมือนเชียร์ทีมฟุตบอลทีมโปรด

กลับกัน แคมเปญในลักษณะนี้ คือ ‘ความต่ำช้า’ ที่กำลังนำพาคนไทย ก้าวข้ามคำว่า ‘ชื่นชอบ’ ไปสู่การบังคับให้ ‘ชอบ’ และหากผู้ใดไม่ชอบ สิ่งที่จะเกิดขึ้นถัดมา คือ ‘ศัตรู’ แม้ผู้นั้นจะเป็นคนที่คุณรักแค่ไหนก็ตาม

‘ลุงป้อม’ กินข้าวตลาดบองมาเช่ เป็นการส่วนตัว แม่ค้าขอถ่ายรูปหน้าร้าน บอกช่วงนี้ค้าขายดี

(5 พ.ค.66) พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ หรือ ‘ลุงป้อม’ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางลงพื้นที่เป็นการส่วนตัวที่ตลาดบองมาเช่ ทักทายพ่อค้าแม่ค้าประชาชน พร้อม นั่งรับประทานอาหารบริเวณฟู้ดคอร์ท โดยสั่งอาหารที่ร้านค้ามารับประทาน อาทิ ก๋วยจั๊บร้านคุณต๋อย หมูทอดชาววัง เจ้าเก่าวังหลังศิริราช ก๋วยเตี๋ยวแห้งหมู ข้าวมันไก่ ซั้งไห่ ระหว่างรับประทานอาหาร ได้มีประชาชนและแฟนคลับมาขอถ่ายรูปอย่างต่อเนื่อง พร้อมเชียร์ให้ลุงป้อมสู้ๆ แฟนคลับบอกลุงป้อมว่า เลือกพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว ขอให้ลุงป้อมได้เป็นนายกคนที่ 30


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top