Tuesday, 20 May 2025
เลือกตั้ง66

‘ดร.เอ้’ นำทัพ ‘ปชป.’ หาเสียงข้าม 2 จังหวัด แปดริ้วยาวถึงพัทยา ขอคะแนน ปชช.ให้โอกาสคนรุ่นใหม่พลิกฟื้นเศรษฐกิจตะวันออก

(3 พ.ค. 66) ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัคร บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลุยขอคะแนนหาเสียงวานนี้ (2 พ.ค.) ให้กับผู้สมัคร ส.ส.ภาคตะวันออก 2 จังหวัด ตั้งแต่แปดริ้ว บางแสน ศรีราชา พัทยา โดยร่วมกับนายประโยชน์ โสรัจจกิจ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 1 เบอร์ 4  นายศรุต วัฒนสมบูรณ์ ชลบุรี เขต 1 เบอร์ 8 นายสุขสันต์ มิสสาจันทร์ ชลบุรี เขต 7 เบอร์ 5 ว่าที่ ร.ต.ประกฤต กลิ่นวิชิต ชลบุรี เขต 9 เบอร์ 1 และมีผู้สมัครจากเขตอื่นมาร่วมกันเดินขอคะแนนในครั้งนี้ด้วย

ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ได้กล่าวถึงปัญหาน้ำทะเลหนุนของแม่น้ำบางปะกง เพื่อจะได้ช่วยหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกับนายประโยชน์ โสรัจจกิจ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 1 เบอร์ 4 จากปัญหานี้ ทำให้พี่น้องฉะเชิงเทราได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก น้ำทะเลหนุนจนน้ำประปาเค็มจัด ผู้ที่ไม่มีน้ำประปาใช้สุดลำบาก จึงมีแนวคิด ‘สูบน้ำกลับอ่างสียัด’ เพื่อให้ชาวแปดริ้วในพื้นที่ฝั่งซ้ายใช้น้ำจากอ่างสียัด ส่วนพื้นที่ฝั่งขวา ใช้น้ำจากลุ่มน้ำเจ้าพระยา และปล่อยน้ำจากแม่น้ำบางปะกงให้ไหลลงทะเล

อ่างสียัดมีศักยภาพบรรจุน้ำได้ 455 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันเก็บน้ำเพียง 250 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อปี แสดงว่ายังสามารถบรรจุได้อีก 250 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อปี จึงหาทางแก้ปัญหานี้ คือการสูบน้ำกลับอ่างสียัด เพื่อให้ได้ประโยชน์อื่น เพื่อชะลอการรุกตัวของน้ำเค็ม เพื่อมีน้ำให้ชาวนา ชาวสวน ชาวประมง และสำคัญมีน้ำดิบผลิตน้ำประปาเพียงพอตลอดทั้งปี แนวคิดนี้เป็นความคิดจากผู้สมัครเขต 1 ฉะเชิงเทรา ที่มุ่งมั่นจะทำให้สำเร็จ

ดร.เอ้ สุชัชวีร์ มุ่งหน้าต่อเข้าบางแสน ศรีราชา พัทยา จ.ชลบุรี ได้พบกลุ่มคนทุกอาชีพ ทั้งโซนโรงงาน โซนธุรกิจกลางคืน ผู้ประกอบอาชีพค้าขายทั่วไป โดยเสนอย้ำนโยบาย ‘ตรวจสุขภาพ ฟรี รักษา ฟรี บัตรประชาชนใบเดียว’ ให้กับกลุ่มโซนโรงงาน เป็นมาตรการเพื่อสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงการ รักษาพยาบาล และสร้างแรงจูงใจในการได้รับสวัสดิการที่พึงได้รับโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

‘พปชร.’ ชูนโยบาย ‘ลุงป้อมพาหมอไปหา’ ยกระดับ สธ.ทั้งระบบ ช่วยคนไทยใกล้ชิดหมอแค่ปลายนิ้ว ด้วยมือถือเพียงเครื่องเดียว

(3 พ.ค. 66) เพจของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้มีการเผยแพร่คลิปที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ การพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศไทยด้วย นโยบาย ‘ลุงป้อมพาหมอไปหา เอายาไปส่ง’ มีเนื้อหาระบุว่า…

“จะหาหมอทั้งทีต้องเดินทาง ต้องรอคิว เข้าถึงการรักษายากลำบาก แต่วันนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะพรรคพลังประชารัฐจะนำระบบ Telelmed หรือการแพทย์ทางไกลมาใช้ โดยจะทำให้เห็นว่า ไม่ว่าประชาชนอยู่ที่ไหน ก็สามารถพบแพทย์ได้ ซึ่งนโยบายนี้ คือสิ่งที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะทำให้เกิดขึ้นทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศภายหลังการเลือกตั้ง โดยคนไทยทุกคนจะต้องมีสุขภาพที่ดี ด้วยเทคโนโลยีสาธารณสุขใหม่ ไม่ว่าอยู่ไกลแค่ไหน คนไทยก็ใกล้หมอกว่าที่เคย”

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวว่า จากนี้ไปไม่ว่าจะพบแพทย์จ่ายยาหรือดูแลรักษา จะสามารถเข้าถึงที่บ้านของคนไทยทั่วประเทศ แม้ในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี ได้ใกล้ชิดหมอมากกว่าเดิม พรรคพลังประชารัฐจะใช้เทคโนโลยีทางไกล เชื่อมต่อทุกบริการทางการแพทย์ คนไทยจะใกล้หมอแค่ปลายนิ้ว เจ็บป่วยจะจัดการได้ด้วยโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว

‘สมาคมทนาย’ ติง กกต. ปรับปรุงการทำงานให้โปร่งใส-เป็นกลาง ชี้!! ใช้งบกลางอุ้มค่าไฟไม่ใช่กรณีฉุกเฉิน เเต่เป็นการใช้หาเสียง

(3 พ.ค. 66) นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ระบุว่า…

ตามที่ได้เกิดปัญหาความผิดพลาดเกี่ยวกับการทำงานและการจัดการเลือกตั้ง ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดังปรากฏข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนออย่างแพร่หลายนั้น สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เห็นว่า กกต.มีเวลาในการเตรียมการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างเพียงพอ เพราะเป็นการยุบสภาฯ และจัดการเลือกตั้งช้ากว่ากำหนดเดิมที่ กกต.เคยประกาศในกรณีรัฐบาลอยู่จนครบวาระ คือ ในวันที่ 7 พ.ค.2566 ถึง 7 วัน กกต.จึงมีเวลาอย่างเพียงพอที่จะจัดการเลือกตั้งอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

แต่ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกลับปรากฏว่า การจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ เต็มไปด้วยความผิดพลาด โดยความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เช่น การพิมพ์ชื่อผู้สมัคร สัญลักษณ์ หรือชื่อพรรคการเมืองผิด ซึ่งเกิดกับผู้สมัครและพรรคการเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลทั้งสิ้น ประกอบกับเคยมีความผิดพลาดจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ได้แก่ การนับคะแนนที่ส่งมาจากต่างประเทศไม่ทัน หรือการนับคะแนนแบบบัตรเขย่ง จนทำให้ฝ่ายที่เคยแพ้กลับมาชนะเลือกตั้ง จนได้จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ยิ่งทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในความเป็นกลางของ กกต.

‘2 พ.ค. 66’ เมืองชลขนลุก มืดฟ้ามัวดิน อิทธิฤทธิ์ ‘ลุงตู่’ ยังขลัง ดึงพลังเงียบฟื้น

ถ้าลืมกันไปแล้ว ก็คงต้องนำกลับมาทบทวนกันอีกครั้ง สำหรับทวิตเตอร์ของคนแดนไกล ที่ประกาศจะกลับบ้านประมาณครั้งที่ 20...เข้าไปแล้ว!!

“เช้าวันนี้ (1 พ.ค.) ผมดีใจมากที่ได้หลานคนที่ 7 เป็นชาย ชื่อ ธาษิณ จากน้องอิ๊งค์ แพทองธาร หลานทั้ง 7 คนคลอดในขณะที่ผมต้องอยู่ต่างประเทศ ผมคงต้องขออนุญาตกลับไปเลี้ยงหลาน เพราะผมอายุจะ 74 ปีในเดือนกรกฎานี้แล้ว พบกันเร็ว ๆ นี้ครับ ขออนุญาตนะครับ…”

จะเป็นเพราะทวิตเตอร์ร้อน ๆ ของคุณพ่อ หรือเป็นเพราะกระแสร้อนแรงของพรรคก้าวไกล หรืออาจจะทั้งสองอย่างก็มิทราบได้ ทำให้ก่อนหน้า ‘เล็ก เลียบด่วน’ จะเขียนเรื่องนี้สัก 1-2 ชั่วโมง คุณอุ๊งอิ๊งพร้อมสามีต้องนัดสื่อมวลชนแถลงใหญ่…

ทวิตเตอร์ของ ‘โทนี่ วู้ดซัม’ หรือ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ รอบนี้ ถูก ‘จตุพร พรหมพันธุ์’ อดีตแกนนำ นปช. คนที่รู้ทางมวยทักษิณถอดรหัสว่า...คำว่า “ผมขออนุญาต” ของทักษิณนั้นหมิ่นเหม่และบังอาจเป็นอย่างมาก...ว่าแล้วจตุพรก็ชี้เปรี้ยงว่า แผนการของทักษิณที่จะกลับบ้านโดยการกลับมารับโทษ แต่ถูกคุมขังที่บ้านได้ตามกฎกระทรวงที่อดีต รมว.ยุติธรรม สมศักดิ์ เทพสุทินแก้ไขไว้นั้น อย่าคิดว่าทำกันได้ง่าย ๆ…

ย้อนไปเมื่อ 25 มี.ค. 2566 ทักษิณ ชินวัตร เคยให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่นด้วยความอหังการว่า...”.ตอนนี้ผมเหมือนติดอยู่ในคุกขนาดใหญ่มา 16 ปีแล้ว เพราะพวกเขากีดกันไม่ให้ผมอยู่กับครอบครัว ผมทรมานมามากพอแล้ว ถ้าผมต้องทนทุกข์ทรมานอีกครั้งในคุกที่เล็กกว่านั้นก็ไม่เป็นไร...เพราะผมอยากอยู่กับหลาน ๆ”

ต้องขยายความ เบื้องต้นว่า...ขณะนี้นายทักษิณมีคดีถึงที่สุดแล้วง 3 คดีรวมโทษจำคุก 10 ปี...ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่มีใครห้ามไม่ให้เขากลับบ้าน กลับมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรม...ถ้าใจถึงจริง ๆ ก็คงกลับมาแล้ว   

ดังนั้นใช่หรือไม่ ว่าระดับนี้หากจะกลับมาก็คงเตรียมการกันหลายชั้น เช่น การขอรื้อฟื้นคดี และอย่างน้อยก็เชื่อมั่นกฎกระทรวง 2 ฉบับของกระทรวงยุติธรรมที่ออกมาเมื่อปลายปี 2563 โดยอาศัยมาตรา 33 มาตรา 40 และมาตรา 41 ของ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 จะเป็นที่รองรับได้

ไฮไลต์ของกฎกระทรวง 2 ฉบับ อยู่ที่ตรงที่วิธีการและสถานที่คุมขัง...ซึ่งสามารถตีความสุดโต่งได้ว่าสามารถใช้บ้านหรือเซฟเฮ้าส์เป็นที่คุมขังก็ได้...!!

ฝันของคนแดนไกลดังว่ามาจะเป็นจริงหรือเข้าใกล้ความเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อ...พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น...

‘นฤมล’ ควง ‘เอ๋ บุณณดา’ ลุยหาเสียงย่านกุฎีจีน ชูนโยบายระบบสาธารณสุขเพื่อประชาชนทุกคน

(3 พ.ค. 66) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าทีมผู้ดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่เขตบางซื่อ เพื่อช่วย น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ หรือเอ๋ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 32 เบอร์ 6 เขตบางกอกน้อย (เฉพาะแขวงศิริราช) เขตบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ (ยกเว้นแขวงบางหว้า แขวงบางด้วน และแขวงคลองขวาง) เขตตลิ่งชัน (เฉพาะแขวงบางเชือกหนัง) เขตธนบุรี (เฉพาะแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจี และแขวงบางยี่เรือ) เดินรณรงค์หาเสียง โดยได้พบปะพูดคุยกับประชาชนย่านกุฎีจีน
.
โดย นางนฤมล กล่าวว่า พื้นที่เขตนี้ถือว่ามีความกว้างขวางพอสมควร ซึ่งเป็นการแบ่งเขตใหม่ของ กกต.โดยผู้สมัครของเราก็ได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อสอบถามปัญหาต่าง ๆ ของพี่น้องประชาชน ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ เราพร้อมผลักดันให้เกิดการพัฒนาสร้างอาชีพให้กับประชาชน เพราะถือว่าเป็นเขตที่สามารถพัฒนาเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้
.
นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐยังให้ความสำคัญไปยังการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ โดยวันนี้การลงพื้นที่ของเราก็ตรงกับวันที่ทางชุมชนมีกิจกรรมตรวจสุขภาพของผู้กลุ่มอายุ ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีมาก ๆ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เน้นย้ำเรื่องนโยบายสาธารณสุข เพื่อให้ทั้งคนกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเข้าถึงบริการทางการแพทย์ด้วยการใช้เทคโนโลยี ซึ่งเป็นนโยบายที่เราดำเนินการมาตั้งแต่ปี 62 โดยชื่อว่า หมอถึงบ้านพยาบาลถึงเรือน ผ่านมา 4 ปี วันนี้เทคโนโลยีก็มีการพัฒนาขึ้นมาก เราก็จะใช้เทคโนโลยีตรงนี้เข้ามาช่วยเหลือประชาชน 
.
นโยบาย ‘ลุงป้อมพาหมอไปหา เอายาไปส่ง’ มีเนื้อหาระบุว่า จะหาหมอทั้งทีต้องเดินทาง ต้องรอคิว เข้าถึงการรักษายากลำบาก แต่วันนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะพรรคพลังประชารัฐจะนำระบบ Telelmed หรือการแพทย์ทางไกลมาใช้ โดยจะทำให้ไม่ว่าประชาชนอยู่ที่ไหน ก็สามารถพบแพทย์ได้"

‘เศรษฐา’ อัด รบ.บริหารพลังงานผิดพลาด ทำค่าไฟพุ่ง พร้อมชูมาตรการระยะสั้น-ยาว แก้ค่าไฟแพง คลายทุกข์ ปชช.

(3 พ.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชื่อ ‘เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin’ ในหัวข้อ ‘พิษการบริหารจัดการค่าไฟฟ้า : ฤดูร้อนที่ประชาชนชาวไทยหนาว’ โดยระบุว่า…

ฤดูร้อนในประเทศไทยเรานี้อากาศร้อนขึ้นทุกปี ๆ พี่น้องประชาชนไทยก็ต้องพึ่งอุปกรณ์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศเพื่อคลายร้อนกันถ้วนหน้า ซึ่งเมษายนที่ผ่านมาเป็นเดือนที่ร้อนที่สุด พี่น้องหลาย ๆ ท่านคงอดกังวลถึงบิลค่าไฟที่แพงขึ้นไม่ได้ เพราะแค่ค่าไฟเดือนมีนาคมก็เปลี่ยนอากาศร้อนกลายเป็นหนาวได้เลยทีเดียว

ที่จริงแล้ว ไม่ใช่แค่ปีนี้ แต่เป็นเวลานานติดต่อกันหลายปี สำหรับประเด็นเรื่องค่าพลังงาน ที่ส่งผลเดือดร้อนทั้งกับพี่น้องประชาชนในเรื่องค่าครองชีพ และทั้งกับภาคธุรกิจที่ต้นทุนสูงขึ้น

ต้องบอกว่าปัญหาทั้งหมดนี้ เกิดจากการบริหารพลังงานที่ผิดพลาดของรัฐบาลปัจจุบัน ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าพุ่งขึ้นสูง และต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่มีราคาสูงเข้ามาใช้ในการผลิตไฟฟ้าเป็นปริมาณมาก ซึ่งถ้าให้ร่ายรายละเอียดความผิดพลาดก็มีหลายเรื่องครับ
อย่างแรก ปัญหาการรับช่วงต่อสัมปทานการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในพื้นที่อ่าวไทยจาก บริษัท เชฟรอน ทำให้ผลิตก๊าซธรรมชาติ (LNG) ได้น้อยลงกว่าที่เคยทำได้ รวมถึงเรื่องการที่เรานำ ก๊าซธรรมชาติ (LNG) ราคาถูกจากอ่าวไทยไปผลิต ปิโตรเคมี แทนที่จะนำเข้าสู่กระบวนการผลิตไฟฟ้า

นอกจากนี้แล้ว ต้องบอกว่ารัฐบาลชุดนี้รู้อยู่แล้วว่า ก๊าซธรรมชาติ (LNG) ในอ่าวไทยจะไม่เพียงพอสำหรับการผลิตไฟฟ้า แต่กลับไม่ได้เร่งต่อรองกับกัมพูชาเพื่อขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างไทย-กัมพูชา และท้ายสุดแล้วคือ เรื่องของสัญญาค่าความพร้อมที่เซ็นล่วงหน้า โดยไม่มีการประมาณการความต้องการไฟฟ้าอย่างละเอียด จากปกติที่ควรจะมีไฟฟ้าสำรองแค่ 15% แต่ตอนนี้เรากลับมีไฟฟ้าสำรอง มากกว่า 50% หนำซ้ำรัฐบาลที่ผ่านมายังไปเซ็นใบอนุญาตผลิตไฟเพิ่มอีกกว่า 16% ของความต้องการไฟฟ้าก่อนจะยุบสภาฯ เป็นเหมือนการซ้ำเติมความบอบช้ำของประชาชนให้หนักขึ้นไปอีก

ปัญหาเรื่องนี้ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล เรามีมาตรการทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อจัดการปัญหาอย่างทันที

ในระยะสั้น เราจะลดราคาค่าไฟฟ้าทันที และตรึงราคาค่าไฟฟ้าไปก่อน เพราะราคาพลังงานมีแนวโน้มที่อาจจะปรับลง จากภาวะเศรษฐกิจของโลกที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย และค่อยประเมินอีกทีในช่วงปีถัดไป เราจะเจรจาหาข้อยุติในกรณีพิพาทเรื่องการส่งมอบสัมปทานในพื้นที่อ่าวไทย และดำเนินการหยุดให้ใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าทุกชนิด จนกว่าสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าเกินความต้องการจะลดลง

‘วิษณุ’ ชี้!! หลากโพลมีส่วนทำกระแสเปลี่ยน ยัน!! อยากเห็นรัฐบาลเสียงข้างมากตั้งแต่ต้น

(3 พ.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายที่เริ่มดุเดือดมากขึ้น ว่า เป็นธรรมดาของการหาเสียงเลือกตั้งที่เหมือนทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา เมื่องวดเข้ามาต่างต้องพยายามที่จะทำอย่างไรให้ผู้คนจำเบอร์ให้ได้ จำชื่อให้ได้ ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็รู้อย่างนี้จึงได้มีกฎหมายห้ามทำโพลก่อนวันเลือกตั้งช่วงโค้งสุดท้าย เนื่องจากจะมีผล เป็นธรรมดาที่อาจจะดุเดือดรุนแรงหน่อย อย่างไรก็ตาม โพลต่าง ๆ จะมีส่วนทำให้กระแสเปลี่ยนหรือไม่นั้น เชื่อว่าคงมีส่วน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หวั่นใจอะไรหรือไม่ หลังโพลให้พรรคการเมืองที่ไม่ได้เป็นพรรครัฐบาลขณะนี้นำลิ่ว นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่หวั่น ไม่เกรง เพราะไม่ใช่เรื่องของตน เป็นเรื่องของโพล เรื่องของประชาชน และโพลมีหลายโพล ทั้งเอกชน องค์กรของรัฐ ซึ่งตนไม่ทราบว่าอันไหนถูก อันไหนผิด อันไหนตรงหรือไม่ หรือเป็นเช่นนั้นหรือไม่ 

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการพูดถึงขั้วทางการเมืองบ้างแล้ว นายวิษณุ กล่าวว่า ปกติเขาจะไม่พูดกันก่อนวันเลือกตั้ง แต่ในคืนวันเลือกตั้งที่ผลออกแล้วเขาถึงจะพูดกัน และเมื่อพูดแล้วมันยังไม่แน่นอน เราเห็นการจัดตั้งรัฐบาลหลายครั้งมาแล้ว ที่ทำท่าว่าขั้วจะออกมาอย่างนี้ แต่ยังไม่ได้มีการประกาศผลเลือกตั้งออกมาอย่างเป็นทางการ เพียงแต่พอรู้บ้างแล้ว เช่น เมื่อเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 มี.ค.62 พอเช้าวันที่ 24 มี.ค.62 เมื่อรู้คะแนนเราจึงได้เห็นการจับขั้วกันเกิดขึ้นอย่างหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลาเอาเข้าจริง ทิ้งเวลาไปอีก 1-2 เดือน กว่าจะประกาศผลการเลือกตั้งออกมาเป็นทางการ ขั้วรัฐบาลก็เปลี่ยนแปลงไป ฉะนั้น เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่แค่รู้คร่าว ๆ พอรู้ได้หลังปิดหีบ 24 ชั่วโมง แต่ยังปักใจไม่ได้ การเมืองก็เป็นอย่างนี้ เป็นเรื่องธรรมดา 

เมื่อถามว่า หากผลเลือกตั้งออกมาคะแนนสูสี แต่เลือกนายกรัฐมนตรี และตั้งรัฐบาลยังไม่ได้ จะเกิดสุญญากาศหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ในที่สุดต้องหาทางตั้งให้ได้ เพราะในรัฐธรรมนูญกำหนด ตามมาตรา 270 ว่าให้ทำอย่างไร ไม่เกิดสุญญากาศแน่ เพียงแต่อาจจะช้าหน่อยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม อย่างแรกที่จะต้องทำคือ เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งไม่ค่อยพลิกโผ เมื่อได้ประธานสภาฯ แล้ว จะมีการจับขั้วกัน นั่นค่อยว่ากันอีกที

นอกจากนี้ หลังปิดหีบเลือกตั้ง กกต.ยังมีเวลาที่จะประกาศผลภายใน 60 วัน ไทม์ไลน์เป็นแบบนี้ แต่ตนตอบไม่ถูกว่าจะได้เห็นรูปร่างหน้าตารัฐบาลใหม่เมื่อไหร่ เพราะผลยังไม่ออก คะแนนยังไม่ได้ อะไรก็ยังไม่รู้เลย และในรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดว่าต้องหานายกฯ ได้ภายในกี่วัน แต่ในที่สุดต้องเลือกกันจนได้ ทั้งนี้ แม้จะยังไม่ได้รัฐบาลใหม่ แต่จะไม่เกิดสุญญากาศและไม่เกิดเดดล็อกแน่นอน เพราะในรัฐธรรมนูญมาตรา 169 ให้รัฐบาลรักษาการทำอะไรได้หลายเรื่อง เช่น ขอใช้งบกลางก็ได้

เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วง กกต.หรือไม่ เนื่องจากถูกโจมตีหนักในช่วงนี้ จนต้องออกมาแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อปกป้องตัวเอง นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไร ไม่ได้ติดตามข่าว เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวว่า มี 2 ราย ขุดเรื่องสูตรคำนวณเลือกตั้งเมื่อปี 62 ขึ้นมา ซึ่ง กกต.กำลังจับตาอยู่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนเห็นจากข่าวว่าจะมีจำเลย 2 คน ขอให้ไปถาม กกต.เอาเอง เขาอุตส่าห์บอกมานิดหน่อยแล้ว แต่เรื่องอะไรตนไม่รู้

‘ชพก.’ ออกนโยบายใหม่ ‘เศรษฐีเงินล้าน 231 คน ทุกงวด’ ลั่น!! พร้อมรื้อระบบกองสลาก เพิ่มโอกาสถูกรางวัล คืนกำไรให้ ปชช.

เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 66 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้อัดคลิปลงติ๊กต็อก ให้คอหวยได้เฮ ถึงแนวคิดการเพิ่มเศรษฐีเงินล้าน 231 คนต่องวด โดยระบุว่า…

หน่วยงานของรัฐฯ ที่สร้างความผิดหวังให้กับประชาชนมากที่สุดคือ ‘กองสลาก’ ขณะเดียวกันก็เป็นหน่วยงานที่ประชาชน 22 ล้านคน พร้อมที่จะฝากความหวังไว้เช่นเดียวกัน ในช่วง 7-8 ปี ที่ผ่านมา รายได้ของกองสลากเพิ่มขึ้นมหาศาล จากที่ 8 ปีก่อนหน้านี้ กองสลากขายลอตเตอรี่เพียงปีละ 37 ล้านใบ แต่วันนี้ขาย 100 ล้านใบ ทำให้รายได้ของกองสลากเพิ่มขึ้นจากกว่า 1 หมื่นล้านบาท เป็นเกือบ 5 หมื่นล้านบาทต่อปี ในขณะที่การแบ่งสัดส่วนรางวัล ยังอยู่เท่าเดิม ถึงเวลาที่กองสลากจะแบ่งปันรายได้กลับคืนให้กับประชาชนในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า รางวัลที่เพิ่มขึ้นมาจากการขายลอตเตอรี่ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังมากขึ้น ทำให้รัฐฯ ประหยัดการจ่ายค่าการตลาดให้กับพ่อค้าคนกลาง วิธีการของพรรคชาติพัฒนากล้า คือ ในทุกงวดเราจะจัดรางวัลให้ทุกจังหวัด ๆ ละ 3 รางวัล ๆ ละ 1 ล้านบาทให้กับผู้ซื้อลอตเตอรี่ ซึ่งผู้ซื้อลอตเตอรี่ที่จะได้รางวัลคือ ผู้ที่เบอร์ 6 ตัว ใกล้กับรางวัลที่ 1 มากที่สุดในจังหวัดนั้น ๆ และการที่เราจะรู้ว่าลอตเตอรี่ของเราเข้าข่ายอยู่ในจังหวัดไหน ก็ต้องซื้อผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง เพราะในแอปฯ จะมีข้อมูลอัตโนมัติจากข้อมูลบัตรประชาชนที่เราลงทะเบียนไว้

“การซื้อลอตเตอรี่ผ่านแอปฯ เป๋าตังข้อดีคือ ซื้อในราคา 80 บาท ดังนั้น เมื่อรู้แล้วว่าคุณเป็นจังหวัดไหน เมื่อจับรางวัลแต่ละงวด เราสามารถตรวจเช็กอัตโนมัติเลย ว่าเบอร์ของคุณเป็นเบอร์ในจังหวัดของคุณที่ใกล้รางวัลที่ 1 มากที่สุดหรือไม่ เพียงเท่านั้นก็จะทำให้คุณเป็นเศรษฐีเงินล้านได้ทันที เราจะทำอย่างนี้ทุกงวด ๆ ละ 231 คน เดือนนึง 462 คน ทั้งปี 5,544 คน เพียงเพราะเรามีการจัดแบ่งรายได้ของกองสลาก คืนเป็นรางวัลเพิ่มเติมให้กับพี่น้องประชาชน ในสัดส่วนที่เป็นธรรมมากยิ่งขึ้น” นายกรณ์ กล่าว

‘อดีตบิ๊ก ศรภ.’ ชี้ ‘คอนเสิร์ตอัสนี-วสันต์’ จุดรำลึกความสงบของบ้านเมือง มีทั้งวัยรุ่น-วัยเก๋า สะท้อนคนอยากได้ ‘ความสุข’ มากกว่า ‘ความวุ่นวาย’

(3 พ.ค. 66) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ศรภ.โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์ ระบุว่า...

คอนเสิร์ต อัสนี-วสันต์ กับ การเลือกตั้ง

น่าสนใจมากครับ จากผลสะท้อนของคอนเสิร์ต ‘37 ปี อัสนีและวสันต์’ เมื่อ 29-30 เมษายนที่เพิ่งผ่านไปนี้ ณ อิมแพ็ค อารีน่า ซึ่งขายบัตรคอนเสิร์ตอย่างเป็นทางการ (8 มี.ค.) เพียง 30 นาทีแรกก็ Sold Out รอบแรกหมด

จนต้องประกาศขายบัตรรอบ 2 ขึ้นในวันเดียวกัน แต่ผ่านไปเพียงแค่ 3 ชั่วโมง บัตรที่นั่งรอบ 2 ก็ Sold Out อีกเช่นกัน ราคาบัตรก็จัดว่าไม่ถูกนัก ตั้งแต่ 6 พันบาทลงไปจนถึง ที่นั่งนอกสุด ที่ดูแทบไม่เห็น ราคาก็ยัง 1,500 บาท 

อารีน่าบรรจุคนได้ทั้งหมด ประมาณ 12,000 คน แต่คราวนี้ขายตั๋วยืน ในราคา 3 พันบาท เพิ่มเข้าไปด้วย น่าจะอัดเข้าไปประมาณ 14,000 คน

ที่สำคัญ คือ กลุ่มแฟนของ อัสนี-วสันต์ นั้นส่วนใหญ่จะมีอายุเกิน 40 ปีขึ้นไป ไม่น่าจะออกมายื้อแย่งซื้อบัตรได้ กลุ่มคนดูก็อยู่ตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไปเป็นหลัก มีเด็กๆ ตามมาด้วยมากพอสมควร จัดว่าเป็นกลุ่มพลังเงียบตัวจริง 

‘อุ๊งอิ๊ง’ เตรียมลุยงานต่อหลังคลอดลูกชาย เผย พร้อมขึ้นเวทีดีเบตชูนโยบาย-โชว์วิสัยทัศน์

(3 พ.ค. 66) ที่โรงพยาบาลพระราม 9 แพทองธาร ชินวัตร ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ปิฎก สุขสวัสดิ์ แถลงความพร้อมในการทำงานต่อหลังเลือกตั้ง โดยมีครอบครัวชินวัตร นำโดย คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ พินทองทา ชินวัตร ได้พาน้อง ‘พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์’ มาพบพี่น้องสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก

แพทองธาร เริ่มต้นกล่าวขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้ การคลอดน้องธาษิณ เป็นการผ่าคลอด ไม่ได้ดูฤกษ์ยาม และเป็นไปด้วยความปลอดภัยแข็งแรงดีทุกประการ ความหมายชื่อ ‘ธาษิณ-พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์’ เป็นชื่อที่ตนเองตั้ง โดย ‘จ์’ มาจาก ‘พจมาน’ หรือ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ผู้เป็นยาย และ ‘ธาษิณ’ มาจาก ‘ทักษิณ’ หรือ ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นตา และภายหลังการคลอดเสร็จสิ้น ก็จะพักอีกสักสัปดาห์แรก เพื่อดูแลลูกชายและเริ่มต้นทำงานต่อไป

ส่วนกรณี การทวิตข้อความของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร เรื่องการกลับบ้านนั้น แพทองธาร กล่าวว่า เป็นการทวิตด้วยความตื่นเต้นและตื้นตันที่ได้หลานคนที่ 7 คุณตาทักษิณ คงอยากเจอหลานช่วงลืมตาดูโลก อีกทั้ง การพูดคำว่า “กลับบ้าน” เป็นการพูดอยู่หลายครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าอาจส่งผลต่อการเมือง แต่ไม่ผิดที่จะหวัง โดยเฉพาะถ้าวันที่บ้านมีแต่เรื่องดีๆ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top