Friday, 17 May 2024
เกาหลีเหนือ

'เกาหลีใต้-สหรัฐฯ' ส่งฝูงบิน 20 ลำ สำแดงเดช เตือนเปียงยางอย่าคิดทดสอบนิวเคลียร์

เกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา สำแดงแสนยานุภาพทางอากาศร่วมกัน เพื่อให้ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือได้เห็นในวันอังคาร (7 มิ.ย.) ระหว่างการเดินทางเยือนของ 'เวนดี เชอร์แมน' รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา ผู้ซึ่งเตือนว่าจะตอบโต้อย่างหนักหน่วงและชัดเจน หากว่าเปียงยางทำการทดสอบนิวเคลียร์

การสำแดงแสนยานุภาพทางอากาศร่วมกันในครั้งนี้ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องบินรบ 20 ลำ ในนั้นรวมถึงเครื่องบินขับไล่ล่องหน F-35A มีขึ้นหนึ่งวันหลังจากเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ยิงขีปนาวุธชนิดจากพื้นดินสู่พื้นดินจำนวน 8 ลูกไปตกที่นอกชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรเกาหลีเช้าวันจันทร์ (6 มิ.ย.) ซึ่งเป็นการตอบโต้ที่เกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยใกล้ติดต่อกันถึง 8 ลูกเมื่อวันอาทิตย์ (5 มิ.ย.)

กองทัพเกาหลีใต้ระบุในถ้อยแถลงว่า "เกาหลีใต้และสหรัฐฯ แสดงถึงความสามารถอันแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นในการโจมตีอย่างรวดเร็วและแม่นยำต่อการยั่วยุใดๆ ของเกาหลีเหนือ" พร้อมระบุว่าพันธมิตรทั้งสองกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดและกำลังเตรียมพร้อมรับมือกับความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะดำเนินการยั่วยุอีก

ถ้อยแถลงนี้ถูกเผยแพร่ออกมาหลังจาก เชอร์แมน พบปะกับ โช ฮยุน-ดง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของเกาหลีใต้ ในกรุงโซล หารือกันในประเด็นเกาหลีเหนือ หลังจากเปียงยางทำการยิงทดสอบขีปนาวุธเป็นชุดๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ และพวกนักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมการกลับมาทดสอบอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง หลังหยุดไปนาน 5 ปี

สื่อรัสเซียตีข่าว!! 'ผู้นำเกาหลีเหนือ' เสนอส่งทหาร 1 แสนนาย ช่วย 'ปูติน' ทำสงครามในยูเครน

สถานีโทรทัศน์แห่งชาติรัสเซีย เผยรัฐบาลเกาหลีเหนือเสนอที่จะส่งทหารอาสา 100,000 นาย เข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน

แม้ข้อเสนอที่ว่านี้จะยังไม่มีการพิสูจน์ยืนยันว่าจริงหรือไม่ แต่ อิกอร์ โกร็อตเชนโก (Igor Korotchenko) ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารในมอสโก ได้ออกมายุผ่านสื่อโทรทัศน์ว่า “เราไม่ควรเก้อเขินที่จะยอมรับน้ำใจของ คิม จองอึน”

“มีรายงานว่า อาสาสมัครชาวเกาหลีเหนือ 100,000 นาย พร้อมที่จะเข้าร่วมในการสู้รบครั้งนี้” เขาบอกผ่านสถานีโทรทัศน์ Channel One

โกร็อตเชนโก ยังเอ่ยชมกองทัพเกาหลีเหนือว่า “มีประสบการณ์เหลือล้นในด้านการยิงตอบโต้ (counter-battery warfare)” ซึ่งเป็นคำพูดที่มีนัยสำคัญพอควร ท่ามกลางกระแสข่าวว่ายูเครนเริ่มที่จะเป็นฝ่ายได้เปรียบในการรบ หลังได้ระบบจรวดหลายลำกล้อง HIMARS ของสหรัฐฯ มาใช้ตั้งแต่เดือน มิ.ย.

“หากเกาหลีเหนือแสดงความปรารถนาที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้วยการต่อสู้กับระบอบฟาสซิสต์ในยูเครน เราก็ควรอนุญาตให้พวกเขาทำ” โกร็อตเชนโก กล่าว

คำกล่าวอ้างเรื่องทหารอาสาเกาหลีเหนือมีขึ้น ในขณะที่บรรดาชาติพันธมิตรรัสเซียเริ่มมีการส่ง 'กองกำลังอาสาสมัคร' ไปช่วยเสริมทัพมอสโกมากขึ้นเรื่อยๆ

นักวิเคราะห์ข่าวกรองตะวันตกมองว่า นี่คือสัญญาณบ่งชี้ว่าประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน อาจไม่มีต้นทุนทางการเมืองมากพอที่จะเรียกระดมพลชาวรัสเซียครั้งใหญ่ให้มาเป็นทหารต่อสู้เพื่อชาติ

เกาหลีเหนือ ห้าวจัด!! ยิงขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่นอีกลูก ทางการญี่ปุ่นแจ้งเตือนปชช. หลบเข้าที่ปลอดภัย

สัญญาณอันตราย หลังเกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามดินแดนญี่ปุ่นบริเวณเกาะฮอกไกโดและจังหวัดอาโอโมริ เมื่อเวลา 05.46 น. ตามเวลาประเทศไทย ทางการญี่ปุ่นเตือนประชาชนในพื้นที่หลบภัยทันที

มีรายงานข่าวว่า เมื่อเวลา 07.46 น. ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น (05.46 น. ตามเวลาประเทศไทย) เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่นตอนเหนือ บริเวณเกาะฮอกไกโดและจังหวัดอาโอโมริ ส่งผลให้รัฐบาลต้องประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวให้หลบอยู่ในที่ปลอดภัย

แหล่งข่าวในกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นกล่าวว่า ขีปนาวุธที่ยิงมาในวันนี้ได้บินจากทะเลตะวันออกของเกาหลี ข้ามเหนือดินแดนญี่ปุ่น มุ่งไปทางตะวันออกเหนือทะเลญี่ปุ่น แล้วตกลงในทะเลนอกน่านน้ำญี่ปุ่นแล้ว และยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า ขีปนาวุธที่ถูกยิงมาเป็นประเภทใด บินได้สูงและไกลแค่ไหน เป็นครั้งแรกที่ในรอบ 5 ปีที่เกาหลีเหนือส่งขีปนาวุธข้ามแผ่นดินของญี่ปุ่นนับตั้งแต่ปี 2017

เสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ยืนยันว่าเกาหลีเหนืยิงขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่นจริง โดยกล่าวว่า ขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงมาจากเมืองมูเปียงรีในจังหวัดชากังของเกาหลีเหนือเมื่อเวลาประมาณ 07:23 น. ตามเวลาท้องถิ่น แล้วเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเหนือประเทศญี่ปุ่น

หัวหน้าเลขาธิการรัฐสภาญี่ปุ่น มัตสึโนะ ฮิโรคาซึ กล่าวว่า เกาหลีเหนือดูเหมือนจะยิงขีปนาวุธไปในทิศทางของฮอกไกโดซึ่งเป็นเกาะหลักที่อยู่เหนือสุดของประเทศ

ขีปนาวุธดังกล่าวได้บินผ่านจังหวัดอาโอโมริ ทางตะวันออกเฉียงเหนือ และร่อนลงนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของญี่ปุ่น

มัตสึโนะ กล่าวเสริมว่า เขาถือว่าการยิงขีปนาวุธครั้งนี้เป็น “ภัยคุกคามต่อสาธารณชน” และกล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะวิเคราะห์สถานการณ์ต่อไปและทำงานอย่างใกล้ชิดกับประชาคมระหว่างประเทศ

ในช่วงเวลา 10 วันที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ยิงทดสอบขีปนาวุธถึง 5 ครั้ง ขณะที่ในปี 2022 นี้ เกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธไปแล้วถึง 23 ครั้ง

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความคุกรุ่นในคาบสมุทรเกาหลีที่เพิ่มขึ้นจากการซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ซึ่งพันธมิตรยืนกรานว่าเป็นการซ้อมรบเพื่อการป้องกันดินแดน แต่เกาหลีเหนือออกมาประณามว่า เป็นการซ้อมรบสำหรับการรุกรานเกาหลีเหนือ

ด้านนักวิเคราะห์ประเมินว่า การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดนี้ อาจเป็นแค่จุดตั้งต้นในการทดสอบขีปนาวุธที่ใหญ่กว่านี้ และอาจเป็นการประกาศการยั่วยุที่รุนแรงขึ้นของเกาหลีเหนือ

ลีฟ-เอริก อีสลีย์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยอีฮวาในกรุงโซล กล่าวว่า “จนถึงตอนนี้ การทดสอบขีปนาวุธพิสัยใกล้ของเกาหลีเหนือได้รับผลตอบแทนที่ลดลงในแง่ของความก้าวหน้าทางเทคนิค คุณค่าทางการเมืองภายในประเทศ และการส่งสัญญาณระหว่างประเทศ การทูตยังไม่ตาย แต่การเจรจาก็ยังไม่เริ่มต้นขึ้นเช่นกัน”

เขาเสริมว่า “เกาหลีเหนือยังอยู่ท่ามกลางวงจรของการยั่วยุและการทดสอบขีปนาวุธ และน่าจะรอผลการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนช่วงกลางเดือน ต.ค. เพื่อเตรียมดำเนินการทดสอบที่มีนัยสำคัญทางการทหารมากขึ้น”

พรรคการเมืองไทย อ้าง ปชต. แต่ส่งไม้ต่อทายาท ไม่ต่างเผด็จการตระกูล ‘คิม’ แห่งเกาหลีเหนือ

ตกลงจะประชาธิปไตยหรือเผด็จการ..โทนี่
นอกจากขีปนาวุธที่คิม จอง อึน ขยันปล่อยรัว ๆ อวดชาวโลกแล้ว ตอนนี้ยังมีเรื่องใหม่ให้โลกจับจ้องแทนจรวดพี่คิม นั่นคือเด็กหญิงหน้าตาน่ารักที่คิมเปิดตัวหลายครั้งหลายหน ช่างสมเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ แบบสำเนาถูกต้อง เพราะเปิดตัวลูกสาวในงานการยิงทดสอบขีปนาวุธแบบทิ้งตัวข้ามทวีป (ICBM) รุ่นฮวาซอง-17 ณ สถานที่ยิงขีปนาวุธ ท่าอากาศยานนานาชาติเปียงยาง ในกรุงเปียงยาง

การเปิดตัวครั้งนี้ทำให้ชาวโลกลือกันแซดว่า น่าจะมีการส่งต่ออำนาจอีกรุ่นภายในตระกูลคิมอีก ซึ่งคราวนี้จะเป็นสืบตระกูลเป็นรุ่นที่ 4 แล้ว ลูกสาวของคิม จอง อึนชื่อ จูแอ (Ju Ae) วัย 13 ปี ผู้ซึ่งคิม จอง อึนพาไปตรวจขีปนาวุธข้ามทวีป ICBM  เป็นหนที่สอง และหนนี้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกับกองกำลังเกาหลีเหนือ 

ข่าวลือเลยยิ่งแพร่สะพัดไปทั่วโลกว่า นี่คือการเปิดตัวทายาททางการเมืองของคิม จอง อึน เพราะจากนี้อีกไม่กี่ปี คงส่งลูกสาวคนนี้ไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยหรือรับราชการทหาร

'เกาหลีเหนือ' ยิงขีปนาวุธครั้งที่ 2 ในรอบ 48 ชม. 'น้องสาวคิม' ขู่!! เปลี่ยนภูมิภาคแปซิฟิกเป็นสนามซ้อมยิง

(20 ก.พ. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้ 2 ลูกในเช้าของวันนี้ (20 ก.พ. 66) นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 48 ชั่วโมง ด้านน้องสาวของผู้นำเกาหลีเหนือ เตือน ว่า จะทำให้ภูมิภาคแปซิฟิกตกอยู่ในพิสัยยิงของเกาหลีเหนือ

กองทัพเกาหลีใต้แถลงว่า ตรวจพบว่ามีการยิงขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้ 2 ลูกขึ้นจากย่านซุกชอน จังหวัดพย็องอันใต้ของเกาหลีเหนือ ในช่วงเวลา 07:00-07:11 น. วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 05:00-05:11 น. วันนี้ตามเวลาไทย ขณะที่สำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแถลงว่า เกาหลีเหนือได้ยิงสิ่งที่น่าจะเป็น 'ขีปนาวุธทิ้งตัว' ด้านหน่วยยามฝั่งญี่ปุ่นประกาศเตือนว่า มีการยิงวัตถุหลายครั้ง หลังจากนั้นไม่นานเกาหลีเหนือแถลงว่า ได้ใช้เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องขนาด 600 มิลลิเมตรยิงจรวด 2 ลูกตกลงในทะเลตะวันออก หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่า 'ทะเลญี่ปุ่น'

ชาวเกาหลีใต้ 56% หนุนเกาหลีใต้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อใช้ต้านภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ 

(24 เม.ย.66) สำนักสำรวจเรียลมิเตอร์สอบถามความเห็นชาวเกาหลีใต้วัยผู้ใหญ่จำนวน 1,008 คนเมื่อสัปดาห์ก่อน ผู้ตอบ 56.5% สนับสนุนให้เกาหลีใต้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์ด้วยตัวเอง และเห็นว่าควรต้องหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นหารือในโอกาสที่

ประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล จะเดินทางไปประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ในวันนี้ ขณะที่ผู้ตอบ 40.8% คัดค้านการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่ข้อถามถึงเหตุผลที่สนับสนุนให้เกาหลีใต้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ผู้ตอบ 45.2% ชี้ว่า เกาหลีใต้ควรต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ และต่อข้อถามถึงเหตุผลที่คัดค้านการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ผู้ตอบ 44.2% ชี้ว่า จะทำให้เกาหลีใต้ถูกนานาชาติคว่ำบาตร 

ประธานาธิบดียุนจะเยือนสหรัฐฯ ในฐานะประมุขของรัฐเป็นเวลา 6 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน เนื่องในวาระครบ 70 ปีที่ 2 ประเทศเป็นพันธมิตรกัน คาดว่าประเด็นภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ จะเป็นหัวข้อหลักของการสนทนากับผู้นำสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาวในวันที่ 26 เมษายนหลังจากพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ

‘เกาหลีเหนือ’ โชว์แสนยานุภาพ!! ยิงขีปนาวุธพิสัยไกล ลงทะเลญี่ปุ่น หลังขู่จะยิงเครื่องบินสอดแนมสหรัฐฯ ที่บินรุกล้ำน่านฟ้าประเทศ

(12 ก.ค. 66) สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า เกาหลีเหนือได้ทำการยิงขีปนาวุธที่คาดว่าจะเป็นขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ตกลงในทะเลตะวันออก หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ทะเลญี่ปุ่น’ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 12 กรกฎาคมตามเวลาท้องถิ่น เพียงไม่กี่วันหลังเกาหลีเหนือขู่ว่าจะยิงเครื่องบินสอดแนมของสหรัฐฯ ที่บินรุกล้ำน่านฟ้าเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา และประณามแผนของสหรัฐฯ ที่จะส่งเรือดำน้ำติดขีปนาวุธนิวเคลียร์ เยือนท่าเรือของเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ

กองทัพเกาหลีใต้ระบุว่า สามารถตรวจจับการปล่อยขีปนาวุธพิสัยไกลที่ยิงจากกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือเมื่อเวลาราว 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น คณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า “ขีปนาวุธทิ้งตัวถูกยิงในวิถีโค้งและบินเป็นระยะทาง 1,000 กิโลเมตรก่อนที่จะตกลงในทะเลตะวันออก”

สถานีโทรทัศน์ทีวีอาซาฮีของญี่ปุ่น รายงานโดยอ้างอิงเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น ว่า ขีปนาวุธลูกดังกล่าวได้บินเป็นระยะเวลา 74 นาทีที่ระดับความสูง 6,000 กิโลเมตร โดยถือเป็นระยะเวลาการบินที่นานที่สุดของขีปนาวุธเกาหลีเหนือ

คณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ระบุอีกว่า การยิงขีปนาวุธดังกล่าวของเกาหลีเหนือเป็นการยั่วยุอย่างร้ายแรงที่ทำลายสันติภาพและความมั่นคงของคาบสมุทรเกาหลีและเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ต่อเกาหลีเหนือ พร้อมกับเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติการกระทำในลักษณะดังกล่าว

ด้านนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะของญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างร่วมประชุมสุดยอดผู้นำองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่ประเทศลิทัวเนีย ได้สั่งให้คณะทำงานของเขารวบรวมข้อมูลและเฝ้าระวังเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ตามรายงานของสำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น

การปล่อยขีปนาวุธไอซีบีเอ็มในครั้งนี้มีขึ้นหลังโฆษกของกระทรวงกลาโหมของเกาหลีเหนือ ระบุว่า สหรัฐฯ ได้เพิ่มกิจกรรมการจารกรรมเหนือกว่าระดับในช่วงสงคราม โดยอ้างถึงการบินของเครื่องบินสอดแนมสหรัฐฯ ตลอดระยะเวลา 8 วันติดต่อกันในช่วงเดือนนี้ ขณะที่คิม โย จอง น้องสาวของนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือเผยว่าเครื่องบินสอดแนมของสหรัฐฯ ได้บินรุกล้ำน่านฟ้าทางทิศตะวันออกของประเทศ 2 ครั้งในช่วงเช้าวันที่ 10 กรกฎาคม

‘บลิงเคน’ ชี้!! เกาหลีเหนือภัยคุกคามร่วมที่ใหญ่ที่สุด สะเทือนความมั่นคง ‘อินโดแปซิฟิก-สหรัฐฯ-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้’

(15 ก.ค. 66) รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า ที่การประชุมอาเซียน เกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามร่วมใหญ่สุดต่อความมั่นคงทั้งในระดับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และต่อสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ 

‘แอนโทนี บลิงเคน’ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวานนี้ (14 ก.ค. 66) ว่า ไม่มีปัญหาท้าทายใดอีกแล้ว ที่เป็นภัยด้านความมั่นคงร่วมกันทั้งในระดับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และต่อสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่จะใหญ่ไปกว่าภัยคุกคามที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเกาหลีเหนือ และเกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป ICBM ครั้งล่าสุดในสัปดาห์นี้ เป็นการละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติซ้ำแล้วซ้ำเล่า

บลิงเคนกล่าวหลังเข้าร่วมประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมือง และความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ ‘ARF’ และหลังจากการประชุม 3 ประเทศ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย 

ด้าน ฮายาชิ โยชิมาสะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น กล่าวในการแถลงข่าวเดียวกันร่วมกับบลิงเคนว่า ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก กำลังตกอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงที่รุนแรงและซับซ้อนที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา จากการที่เกาหลีเหนือเพิ่มความเข้มข้นในกิจกรรมด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธ รวมถึงการยิง ICBM ล่าสุดในสัปดาห์นี้ด้วย

ด้าน ปาร์ค จิน รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ กล่าวในการแถลงข่าวเดียวกันว่า เกาหลีเหนือยิง ICBM ทั้ง ๆ ที่อาเซียนกำลังประชุมกันอยู่ว่าด้วยสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคนี้ พฤติกรรมของเกาหลีเหนือจึงเป็นสิ่งที่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับความคาดหวังของประชาคมโลก เขาหวังว่า การประชุม 3 ฝ่ายระหว่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในครั้งนี้ จะเพิ่มความแน่วแน่ของเรา ในการตอบโต้การกระทำยั่วยุอย่างต่อเนื่องของเกาหลีเหนืออย่างหนักแน่นและเด็ดขาด  และส่งสารถึงเกาหลีเหนือให้ตระหนักว่า การยั่วยุนั้นจะต้องไม่ผ่านไปเฉย ๆ โดยไม่ถูกลงโทษ

บลิงเคนกล่าวถึงรัสเซียด้วยว่า “ไม่มีสัญญาณว่า รัสเซียจะเปลี่ยนแปลงทิศทางในปฏิบัติการในยูเครน หรือจะเข้าร่วมทางการทูตเกี่ยวกับยูเครน”

ทั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ได้เข้าร่วมในการประชุม ARF ด้วย

โชว์แสนยานุภาพ!! ‘ผู้นำคิม’ เปิดคลังแสง อวดโฉมอาวุธ ‘รมว.กห.รัสเซีย’ ยัน!! โสมแดงพร้อมหนุนมอสโก ร่วมต่อสู้เพื่อความยุติธรรม

(27 ก.ค. 66) สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (เคซีเอ็นเอ) รายงานว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ พานายเซอร์เกย์ ซอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ที่อยู่ระหว่างเดินทางเยือนเกาหลีเหนืออย่างเป็นทางการ ชมการแสดงแสนยานุภาพทางการทหารของเกาหลีเหนือ

ซอยกูเยือนเกาหลีเหนือเพื่อร่วมงานฉลองครบรอบ 70 ปีของการสิ้นสุดสงครามเกาหลี ที่เกาหลีเหนือเฉลิมฉลองในชื่อ “วันแห่งชัยชนะ” การเยือนของซอยกูถือเป็นการเยือนเกาหลีเหนือครั้งแรกโดยรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย นับตั้งแต่การล่มสลายของอดีตสหภาพโซเวียต

ผู้นำคิมนำซอยกูเยี่ยมชมนิทรรศการอาวุธและยุทโธปกรณ์ทางทหารชนิดใหม่ ที่มีการจัดแสดงขีปนาวุธหลายชนิด รวมถึงเครื่องยิงแบบหลายเพลา ทั้งยังมีภาพที่นักวิเคราะห์ระบุว่าดูเหมือนจะเป็นโดรนชนิดใหม่อีกด้วย ทั้งยังบอกด้วยว่า การชมขีปนาวุธของเกาหลีเหนือของซอยกูเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า รัสเซียยอมรับโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

เคซีเอ็นเอรายงานว่า ซอยกูได้มอบจดหมายจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ให้กับผู้นำคิม ขณะที่คิมได้ขอบคุณปูตินที่ส่งคณะผู้แทนทหารมาเยือนเกาหลีเหนือ ซึ่งถือเป็นการเปิดบ้านต้อนรับคณะผู้แทนต่างประเทศครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19

“ผู้นำคิมได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นที่เป็นข้อห่วงกังวลร่วมกัน ในการต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตย การพัฒนา และผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ จากการปฎิบัติโดยพลการตามอำเภอใจของพวกจักรวรรดินิยม เพื่อการบรรลุซึ่งความยุติธรรมและสันติภาพระหว่างประเทศ” เคซีเอ็นเอระบุ

เคซีเอ็นเอยังรายงานด้วยว่า ผู้นำคิมได้แสดงความเชื่อของเขาซ้ำว่า กองทัพและประชาชนรัสเซียจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ในการต่อสู้เพื่อสร้างประเทศที่ทรงพลัง

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า นายคัง ซุน นัม รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีเหนือ กล่าวว่า เกาหลีเหนือสนับสนุนการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของรัสเซียอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องอธิปไตยของตน

‘ญี่ปุ่น’ ลั่น!! เกาหลีเหนือเป็น ‘ภัยคุกคาม’ สุดร้ายแรง หลังกรุงเปียงยางโชว์ยุทโธปกรณ์ ฉลองวันแห่งชัยชนะ

(28 ก.ค. 66) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ญี่ปุ่นได้ระบุในสมุดปกขาว หรือเอกสารรายงานประจำปีที่รัฐบาลออก เพื่อชี้แจงรายละเอียดภัยคุกคามทางทหารและแผนการ เพื่อรับประกันความมั่นคงของประเทศว่า เกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติมากกว่าที่เคยเป็นมา จากการที่เปียงยางซึ่งมีอาวุธนิวเคลียร์ได้ยั่วยุประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยการทดสอบขีปนาวุธซ้ำแล้วซ้ำเล่าและถ้อยวาจาที่เป็นปฏิปักษ์

ในเอกสารดังกล่าว กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นกล่าวถึงการเพิ่มงบประมาณในการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ เนื่องจากโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่แห่งวิกฤตการณ์ ทั้งการที่จีนมีแสนยานุภาพทางทหารที่เพิ่มขึ้น สงครามการรุกรานของรัสเซียในยูเครน รวมถึงภัยคุกคามเกาหลีเหนือที่กลายเป็นปัญหาสำคัญสำหรับญี่ปุ่น

คณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ อนุมัติสมุดปกขาวนี้เมื่อเช้าวันนี้ (28 ก.ค.) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธในละแวกใกล้เคียงถี่มากขึ้น สอดคล้องกับที่รายงานดังกล่าวระบุว่า “เชื่อว่าเกาหลีเหนือมีความสามารถในการโจมตีญี่ปุ่นด้วยขีปนาวุธที่มีการติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์”

ในขณะเดียวกัน เคซีเอ็นเอ สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือรายงานในวันเดียวกันว่า คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ตรวจตราขบวนพาเหรดแสดงแสนยานุภาพทางทหารของประเทศ โดยมีการสาธิตโดรนรุ่นใหม่และจัดแสดงขีปนาวุธพิสัยข้ามทวีป (ICBM) ที่มีความสามารถด้านนิวเคลียร์ ทั้งยังกล่าวเปิดงานอย่างอบอุ่นเพื่อฉลองวันครบรอบสิ้นสุดสงครามเกาหลี

เคซีเอ็นเอรายงานว่า ในการเดินขบวนดังกล่าว ได้มีการบินสาธิตของเครื่องบินสอดแนมไร้คนขับเชิงกลยุทธ์และโดรนโจมตีอเนกประสงค์รุ่นใหม่ รวมถึงยังมีการนำฮวาซอง-18 (Hwasong-18) ซึ่งเป็นขีปนาวุธ ICBM ใหม่ล่าสุดที่ใช้เชื้อเพลิงแข็งและถูกทดสอบไปเมื่อเดือนเมษายนและกรกฎาคมปีนี้มาอวดโฉมในงานเช่นกัน สร้างความปิติยินดีและความตื่นเต้นให้กับผู้ชมที่ร่วมงาน โดยปกติแล้ว คณะผู้แทนระดับสูงของรัสเซียและจีนเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองดังกล่าว เนื่องในวันครบรอบ 70 ปีของการสงบศึกในสงครามเกาหลี ที่เกาหลีเหนือเฉลิมฉลองในชื่อ ‘วันแห่งชัยชนะ’


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top