Saturday, 19 April 2025
เกาหลีเหนือ

‘เกาหลีใต้’ ฮึ่ม!! ซ้อมรบด้วยกระสุนจริงตอบโต้ ‘เกาหลีเหนือ’ หลังรัวยิงปืนใหญ่ กว่า 60 นัด ใกล้ชายแดนพิพาททางทะเล

เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 67 สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลียังคงตึงเครียด ล่าสุด เสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ แถลงอ้างว่า กองทัพเกาหลีเหนือได้ยิงปืนใหญ่มากกว่า 60 นัด ใกล้กับเกาะยอนพยองขึ้นอีกเมื่อวันเสาร์ที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา 1 วันหลังจากทั้ง 2 ฝ่ายต่างซ้อมรบด้วยกระสุนจริงใกล้กับชายแดนทางทะเลที่มีข้อโต้แย้งกัน

“กองกำลังเกาหลีเหนือได้ทำการยิงปืนใหญ่มากกว่า 60 นัด จากพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะยอนพยองระหว่างเวลาประมาณ 16.00-17.00 น. ของวันนี้” เสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ระบุ พร้อมเตือนเกาหลีเหนือให้หยุดการกระทำดังกล่าวที่คุกคามสันติภาพ และเพิ่มความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี

การยิงปืนใหญ่ครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ ดำเนินมาต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ยิงปืนใหญ่ราว 200 นัด ในการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงใกล้กับชายแดนทางตะวันตก ของเกาะยอนพยองและเกาะแบงยอง ซึ่งจุดความตื่นตระหนกให้กับผู้ที่อาศัยอยู่บนเกาะดังกล่าว ที่ต้องหาที่หลบภัยเพื่อความปลอดภัย และทำให้กองทัพเกาหลีใต้ทำการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงเป็นการตอบโต้

‘ปธน.ปูติน’ เตรียมเดินทางเยือน ‘เกาหลีเหนือ’ ตามคำเชิญ ‘ผู้นำคิม’ นับเป็นการเดินทางครั้งแรกของผู้นำรัสเซีย ในรอบกว่า 2 ทศวรรษ!!

(21 ม.ค. 67) สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือ รายงานในวันนี้ อ้างสำนักงานผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ เกี่ยวกับการพบปะกันระหว่าง ‘ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน’ แห่งรัสเซีย และ ‘นายโช ซอนฮุย’ รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ปธน.ปูตินได้แสดงความตั้งใจจะเยือนกรุงเปียงยางในเร็วๆ นี้ และยังขอบคุณสำหรับคำเชิญของ ‘นายคิม จอง อึน’ ผู้นำเกาหลีเหนือด้วย

นี่จะเป็นการเยือนเกาหลีเหนือครั้งแรกของผู้นำรัสเซีย ในรอบกว่า 2 ทศวรรษ!!

‘นายดมิทรี เพสคอฟ’ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (15 ม.ค.) ว่า รัสเซียหวังว่า ปธน.ปูตินจะเยือนเกาหลีเหนือ ตามคำเชิญของคิม ซึ่งจะเกิดขึ้น ‘ในอนาคตอันใกล้’ โดยเพสคอฟกล่าวว่า ยังไม่มีการตกลงวันการเยือนไว้

ในรายงานของเคซีเอ็นเอ ภาคภาษาเกาหลีระบุว่า “ปูตินตั้งใจจะเยือนเร็วๆ นี้” ขณะที่ต่อมาได้มีรายงานภาคภาษาอังกฤษของเคซีเอ็นเอ ระบุว่า “เขาเต็มใจจะเยือนในไม่ช้านี้”

เคซีเอ็นเอรายงานด้วยว่า ในระหว่างการเยือนของรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ รัสเซียได้ขอบคุณเกาหลีเหนือที่ได้สนับสนุน และแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครน

มอสโก และเปียงยาง มีความกังวลอย่างยิ่งต่อการกระทำที่ยั่วยุของสหรัฐฯ และพันธมิตรที่ต่อต้านสิทธิทางอธิปไตยของเกาหลีเหนือ ขณะเดียวกัน ได้ตกลงจะร่วมมือจัดการสถานการณ์ในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม การเยือนครั้งนี้มีความสำคัญยิ่ง นับตั้งแต่ปูตินรับตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจาก ‘บอริส เยลต์ซิน’ ซึ่งเขาได้เยือนเปียงยางในเดือน ก.ค. 2543 เพื่อพบกับ ‘คิม จอง อิล’ บิดาของคิม จอง อึน ผู้นำคนปัจจุบัน

‘เกาหลีเหนือ’ สั่ง 2 วัยรุ่น ใช้แรงงานหนัก 12 ปี หลังถูกจับได้ว่าลักลอบดูซีรีส์ของเกาหลีใต้

(22 ม.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีการเผยแพร่คลิปเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีเหนือ ลงโทษวัยรุ่น 2 คน ให้ไปใช้แรงงานหนัก 12 ปี จากความผิดฐานแอบดูซีรีส์เกาหลีใต้

สำนักข่าวรอยเตอร์ เผยแพร่คลิปวิดีโอขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีเหนือ นำตัววัยรุ่นชายอายุ 16 ปี 2 คนที่ถูกใส่กุญแจมือ มาตัดสินลงโทษให้ไปใช้แรงงานหนักเป็นเวลา 12 ปี จากความผิดข้อหาลักลอบดูซีรีส์ หรือ ละครที่ผลิตโดยเกาหลีใต้ ท่ามกลางสายตาวัยรุ่นหลายร้อยคนเป็นประจักษ์พยานรับรู้เรื่องนี้ ถือว่าเป็นบทลงโทษที่ค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากในอดีต ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎข้อบังคับในลักษณะนี้ หากว่ายังเป็นวัยรุ่นก็จะถูกส่งตัวไปยังค่ายใช้แรงงานเยาวชน และระยะเวลาของการลงโทษส่วนใหญ่ยังน้อยกว่า 5 ปี อีกด้วย

สำหรับภาพที่ถูกเผยแพร่ออกมาครั้งนี้ ให้รายละเอียดว่าบันทึกไว้เมื่อปี 2022 ถือว่าเป็นคลิปวิดีโอที่หาชมได้ยาก เนื่องจากปกติแล้ว เกาหลีเหนือจะมีกฎห้ามบันทึกภาพถ่าย วิดีโอ และหลักฐานอื่น ๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้หลุดไปสู่สายตาของคนภายนอก แต่ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเชื่อว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือจงใจเผยแพร่คลิปนี้ เพื่อเป็นการเตือนให้ชาวเกาหลีเหนืออย่าทำเป็นเยี่ยงอย่าง

หากอ้างอิงตามข้อมูลจากคลิปที่หลุดออกมาแล้วสามารถสรุปได้ว่า เกาหลีเหนือห้ามผู้คนดูภาพยนตร์ และละคร รวมถึงฟังเพลงที่ผลิตจากเกาหลีใต้ ที่พวกเขามองว่าเป็นระบอบหุ่นเชิด นอกจากนี้ ยังห้ามผู้หญิงแต่งตัวในรูปแบบที่ได้รับอิทธิพลมาจากต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นการย้อมสีผม ใส่กางเกงขาสั้น และรองเท้าแตะอีกด้วย อย่างไรก็ดี แม้จะเสี่ยงที่จะถูกลงโทษสถานหนัก แต่เชื่อว่ามีวัยรุ่นเกาหลีเหนือจำนวนไม่น้อย ก็พร้อมยอมเสี่ยงที่จะถูกลงโทษเพื่อแลกกับการได้ชมละครหรือซีรีส์จากเกาหลีใต้ประเทศเพื่อนบ้าน ที่ได้รับความนิยมไปทั่วเอเชียและทั่วโลก

‘น้องสาวคิมจองอึน’ เปรย!! หลัง ‘นายกฯ คิชิดะ’ อยากพบพี่ชาย ลั่น!! ไม่ง่าย เพราะขึ้นอยู่กับจุดยืนทางการเมืองของญี่ปุ่น

(25 มี.ค.67) สื่อรัฐบาล KCNA รายงานว่า ‘คิม โยจอง’ น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของ ‘คิม จองอึน’ ผู้นำเกาหลีเหนือ เผยว่า ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้แสดงเจตนารมย์ว่าต้องการเข้าพบผู้นำเกาหลีเหนือเร็ว ๆ นี้ ผ่านช่องทางหนึ่ง

ซึ่ง คิม โยจอง บอกว่า การพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสองประเทศขึ้นอยู่กับว่าญี่ปุ่นสามารถตัดสินใจทางการเมืองที่เป็นไปได้จริงหรือไม่

“นายกรัฐมนตรีควรรู้ว่า แค่เพียงเพราะเขาต้องการและได้ตัดสินใจไปแล้ว ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถพบผู้นำของเราได้” คิม โยจอง กล่าว และเสริมว่า

“สิ่งที่ชัดเจนคือ ญี่ปุ่นเป็นปฏิปักษ์กับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี และละเมิดสิทธิอธิปไตยของประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นศัตรูของเรา และจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายเรา”

ทั้งนี้ คิชิดะ เคยกล่าวไว้ว่า เขาต้องการหารือกับ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ โดยปราศจากเงื่อนไขเบื้องต้นใด ๆ และมีความพยายามส่วนตัวที่ต้องการบรรลุการประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี

นอกจากนี้ น้องสาวคิม จองอึน ผู้นำพรรคแรงงาน เผยเมื่อเดือนก่อนว่า อาจมีวันหนึ่งที่คิชิดะได้เยือนเปียงยาง

“ในมุมมองของฉัน ถ้าญี่ปุ่นตัดสินใจทางการเมืองเพื่อเปิดทางเส้นทางใหม่สำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน สองประเทศอาจเปิดโอกาสสู่อนาคตใหม่ได้” คิม โยจอง กล่าว

‘เกาหลีเหนือ’ ปล่อย ‘ลูกโป่งติดขยะ’ ลอยเข้า ‘เกาหลีใต้’ 150 ลูก ตอบโต้เอาคืน!! หลังโดนโสมขาวส่งใบปลิวต่อต้านรัฐบาลมาให้

(29 พ.ค.67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทัพเกาหลีใต้แถลงวันนี้ว่า เกาหลีเหนือได้ส่งลูกโป่งหิ้วขยะมากกว่า 150 ลูกลอยข้ามพรมแดนเข้ามาในเกาหลีใต้ หลังจากเกาหลีเหนือเตือนว่า จะตอบโต้ที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ส่งลูกโป่งติดใบปลิวต่อต้านรัฐบาลเกาหลีเหนือลอยข้ามพรมแดนเข้าไปในเกาหลีเหนือ

ด้านคณะเสนาธิการร่วมหรือเจซีเอส (JCS) ของเกาหลีใต้แถลงว่า นับตั้งแต่คืนวันอังคารที่ผ่านมา ลูกโป่งเหล่านี้ได้ลอยข้ามพรมแดน 2 เกาหลีกระจายไปยังหลายพื้นที่ทั่วเกาหลีใต้ โดยลอยไปไกลที่สุดถึงจังหวัดคยองซังใต้ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ และเมื่อตกถึงพื้นก็ทำให้ขยะที่ติดมากับลูกโป่งกระจายเกลื่อนพื้น การกระทำของเกาหลีเหนือละเมิดกฎหมายสากลอย่างชัดเจน และคุกคามความปลอดภัยของประชาชนเกาหลีใต้ ขอเตือนเกาหลีเหนืออย่างจริงจังให้ยุติการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและหยาบช้า

เจซีเอสแนะนำประชาชนอย่าแตะต้องลูกโป่งและขยะที่ผูกติดมา โดยขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจใกล้เคียง และเตือนว่าลูกโป่งเหล่านี้อาจสร้างความเสียหายได้หากตกลงมาใส่ ดังที่เคยทำให้ยวดยานและหลังคาบ้านเสียหายในปี 2559 เจซีเอสจะร่วมกับตำรวจและรัฐบาลหามาตรการรักษาความปลอดภัย และกำลังประสานงานกับกองบัญชาการสหประชาชาตินำโดยสหรัฐที่ดูแลความเคลื่อนไหวในเขตปลอดทหารที่แบ่ง 2 เกาหลี

ทั้งนี้ เกาหลีเหนือประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะส่งกองขยะและเศษกระดาษข้ามพรมแดนเพื่อตอบโต้ที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ส่งลูกโป่งติดใบปลิวชักชวนให้ชาวเกาหลีเหนือลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาล เกาหลีเหนือเรียกร้องมาโดยตลอดให้เกาหลีใต้ยุติการกระทำนี้

'คิม จองอึน' มอบสุนัขประจำชาติ 'พุงซาน' เป็นของขวัญให้ 'ปูติน' หลังการลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างกว้างขวาง

(21 มิ.ย. 67) สำนักข่าวกลางเกาหลี ของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือได้มอบสุนัขพันธุ์ 'พุงซาน' (Pungsan) ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสมบัติชาติของเกาหลีเหนือ และเป็นสุนัขล่าสัตว์ที่มีความจงรักภักดีและเฉลียวฉลาด ให้เป็นของขวัญแก่ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายประชุมสุดยอดร่วมกันที่กรุงเปียงยาง

โดยทางสำนักข่าวยอนฮับ รายงานเพิ่มเติมว่า คิม จอง อึน มอบสุนัขให้กับนายปูติน ในระหว่างที่ทั้งสองเดินเล่นในสวนของบ้านพักรับรองคึมซูซัน หลังจากลงนามในข้อตกลงส่งเสริมความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างกว้างขวาง ขณะที่ด้านสำนักข่าวกลางเกาหลี รายงานว่า คิมมอบสุนัขประจำชาติ 1 คู่ให้กับปูติน ซึ่งผู้นำรัสเซียได้กล่าวแสดงความขอบคุณ

ทั้งนี้ หากย้อนไปเมื่อปี 2018 ‘คิม จอง อึน’ เคยส่ง สุนัขพุงซานให้ ‘มุน แจ อิน’ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนก่อน และในปี 2000 ก็เคยมอบลูกสุนัขพันธุ์พุงซานแด่ ‘คิม แด จอง’ อดีตประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ เช่นกัน

อย่างไรก็ตามในปี 2022 อดีตประธานาธิบดีมุน ก็จำต้องทิ้งสุนัขทั้ง 2 ตัว ที่ชื่อ ซองคังและโกมิ โดยอ้างว่า ขาดการสนับสนุนทางการเงินสำหรับการเลี้ยงดูสุนัขจากรัฐบาลชุดปัจจุบันของประธานาธิบดี ยุน ซอก ยอล ทำให้สุนัขทั้ง 2 ตัว ต้องย้ายไปอยู่ที่สวนสัตว์ในเมืองกวางจู หลังจากไปพักชั่วคราวที่โรงพยาบาลสัตว์ในเมืองแทจู และถูกดูแลต่อในฐานะสัญลักษณ์ของสันติภาพ การปรองดอง และความร่วมมือระหว่างเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ

‘เกาหลีเหนือ’ ประหารชีวิตหนุ่มวัย 22 ปี ในที่สาธารณะ  เหตุ!! ฟัง K-POP 70 เพลง - ชมภาพยนตร์ 3 เรื่อง

(30 มิ.ย.67) สื่อต่างประเทศรายงานว่า จากรายงานเรื่องสิทธิมนุษยชนเกาหลีเหนือประจำปี 2024 ที่เผยแพร่โดยกระทรวงการรวมชาติของเกาหลีใต้ ได้รวบรวมคำให้การจากผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือ 649 คน

ผู้แปรพักตร์ไม่ระบุชื่อ ให้การว่า ชายหนุ่ม 22 ปี จากจังหวัดฮวางแฮใต้ถูกประหารชีวิตต่อสาธารณะในปี 2565 ฐานฟังเพลงเกาหลีใต้ 70 เพลง ชมภาพยนตร์ 3 เรื่อง และจัดจำหน่าย ถือเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายเกาหลีเหนือ ที่ห้ามเสพหรือครอบครองวัตถุที่สื่อถึงอุดมการณ์และวัฒนธรรม

นอกจากนี้ จากรายงานเผยว่า ทางการมักสอดส่องโทรศัพท์มือถือของประชาชน เพื่อตรวจสอบการสะกดคำ ไม่ว่าจะเป็นชื่อผู้ติดต่อ สำนวนภาษาที่ใช้ และคำสแลงต่างๆ ว่าใช้คำที่มีอิทธิพลจากเกาหลีใต้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีมาตรการที่รุนแรงเช่นนี้ แต่อิทธิพลของวัฒนธรรมเกาหลีใต้ รวมถึงรายการโทรทัศน์ที่เพิ่งออกอากาศไม่นาน ดูเหมือนจะเล็ดลอดผ่านพรมแดนเข้าไปฝั่งเหนือได้อยู่ดี

“หลังจากดูละครเกาหลี คนหนุ่มสาวจำนวนมากสงสัยว่า ทำไมเราต้องใช้ชีวิตแบบนี้ ฉันคิดว่าฉันขอตายดีกว่าที่จะใช้ชีวิตอยู่ในเกาหลีเหนือ” ผู้แปรพักตร์ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว

เปิด!! สนธิสัญญาหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม ข้อตกลงความร่วมมือของ ‘รัสเซีย - เกาหลีเหนือ’

(20 ต.ค. 67) ข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย

เป็นข่าวสะเทือนวงการการเมืองระหว่างประเทศอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินได้ยื่นข้อตกลงทางทหารฉบับใหม่กับเกาหลีเหนือเพื่อขอการรับรองต่อรัฐสภารัสเซียโดยผลักดันให้มีการยอมรับอย่างเป็นทางการต่อข้อตกลงป้องกันร่วมกันที่เขาได้จัดทำกับผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน เมื่อเดือนมิถุนายน 2024 เมื่อครั้งไปเยือนเกาหลีเหนือปูติน ซึ่งถือเป็นการเยือนเกาหลีเหนืออย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 24 ปี ซึ่งข้อตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อทั้งสองประเทศแลกเปลี่ยนเอกสารการให้สัตยาบัน

แม้ว่าข้อตกลงนี้จะเรียกว่า ‘สนธิสัญญาหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม’ ( ‘Treaty on Comprehensive Strategic Partnership’) แต่เงื่อนไขของสนธิสัญญานี้ที่ให้ความช่วยเหลือทางทหารซึ่งกันและกันระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือนั้นโดยพื้นฐานแล้วถือเป็นสนธิสัญญาพันธมิตรทางการทหารและการเมือง โดยข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภูมิรัฐศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและสถานการณ์โลกในปัจจุบันโดยเฉพาะสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ข้อตกลงยืนยันว่าทั้งสองประเทศมี ‘ความปรารถนาที่จะปกป้องความยุติธรรมระหว่างประเทศจากความทะเยอทะยานที่จะมีอำนาจเหนือผู้อื่นและความพยายามที่จะกำหนดระเบียบโลกขั้วเดียว’ และ ‘เพื่อสร้างระบบระหว่างประเทศหลายขั้วบนพื้นฐานของความร่วมมือโดยสุจริตของรัฐ การเคารพซึ่งกันและกันในผลประโยชน์ การแก้ไขปัญหาในระดับนานาชาติร่วมกัน ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและอารยธรรม อำนาจสูงสุดของกฎหมายระหว่างประเทศในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และความพยายามร่วมกันเพื่อต่อต้านความท้าทายใดๆ ที่คุกคามการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ’

แม้ว่าสนธิสัญญามีเนื้อหาไม่มากเพียงแค่ 23 มาตราเท่านั้นแต่มีข้อกำหนดที่น่าสนใจประการหนึ่ง โดยระบุว่า ในกรณีที่มีภัยคุกคามจากการโจมตีโดยอำนาจที่สาม ผู้ลงนาม ‘จะตกลงกันเกี่ยวกับมาตรการความร่วมมือตามคำขอของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และรับรองความร่วมมือในการกำจัดภัยคุกคามนั้น’ ส่วนอื่นระบุว่า ‘หากฝ่ายหนึ่งพบว่าตนเองอยู่ในภาวะสงครามอันเนื่องมาจากการโจมตีด้วยอาวุธโดยประเทศหนึ่งหรือหลายประเทศ อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ฝ่ายนั้นทันทีด้วยวิธีการทั้งหมดที่มี’

ซึ่งระบุเอาไว้ในมาตรา 4 ของข้อตกลงระบุว่า หากรัสเซียหรือเกาหลีเหนือถูกโจมตีและเข้าสู่ภาวะสงคราม อีกฝ่ายจะให้ความช่วยเหลือทางทหารและความช่วยเหลืออื่น ๆ โดยใช้ทุกวิถีทางที่มีอยู่ ตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายของทั้งสองประเทศ

นอกจากนี้ สนธิสัญญายังกำหนดให้ทั้งสองประเทศ “สร้างกลไกสำหรับกิจกรรมร่วมกันเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการป้องกันประเทศเพื่อประโยชน์ในการป้องกันสงครามและรับรองสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคและระหว่างประเทศ” และโต้ตอบกันเพื่อ “ร่วมกันเผชิญหน้ากับความท้าทายและภัยคุกคามที่เพิ่มมากขึ้นในพื้นที่ที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ รวมถึงความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การดูแลสุขภาพและห่วงโซ่อุปทาน” รวมถึงการก่อการร้าย อาชญากรรมที่เป็นองค์กร การค้ามนุษย์ และการอพยพที่ผิดกฎหมาย

ในด้านเศรษฐกิจ ข้อตกลงหุ้นส่วนเรียกร้องให้มีการ ‘ขยายและพัฒนาความร่วมมือในด้านการค้า เศรษฐกิจ การลงทุน วิทยาศาสตร์และเทคนิค” ตั้งแต่ความพยายามในการเร่งความร่วมมือด้านการค้าและเทคโนโลยี และการส่งเสริม “การวิจัยร่วมกันในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงสาขาต่างๆ เช่น อวกาศ ชีววิทยา พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติภาพ ปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และอื่นๆ’

ข้อตกลงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือจัดทำขึ้นเป็นพิเศษและสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากขึ้นระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือ เพราะสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวที่อยู่นอกอดีตสหภาพโซเวียตที่รัสเซียได้ร่างข้อตกลงดังกล่าวด้วย (จนถึงขณะนี้มีเพียงเบลารุส ซึ่งเป็นพันธมิตรของรัฐสหภาพของรัสเซียและสมาชิกองค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน (CSTO) เท่านั้นที่ได้รับการรับประกันความมั่นคงในลักษณะเดียวกัน) 

ในสถานการณ์ความขัดแย้งในปัจจุบัน ข้อตกลงดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญมากระหว่างทั้ง 2 ประเทศ เพราะทั้ง 2 ประเทศมีภาระผูกพันซึ่งกันและกัน โดยรัสเซียจะมีภาระผูกพันในการปกป้องพันธมิตรใหม่ของตนอย่างเกาหลีเหนือ หากมีการรุกรานเกิดขึ้น และในทางกลับกันเกาหลีเหนือจะมีภาระผูกพันที่จะให้การสนับสนุนเราทุกรูปแบบ รวมถึงการสนับสนุนทางทหาร หากมีการรุกรานรัสเซีย

ข้อตกลงดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศและช่วยลดความเสี่ยงของสงครามบนคาบสมุทรเกาหลี 

ซึ่งปัจจุบันเราเห็นได้จากการใช้ถ้อยคำและการกระทำที่ยั่วยุมากขึ้นของโซล ประกอบกับความพยายามที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านการป้องกันของเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซ้อมรบร่วมกันระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ซี่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหม่ได้

รัสเซียซึ่งเคยเป็นและยังคงเป็นหนึ่งในมหาอำนาจทางการทหารชั้นนำของโลกและเป็นมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ นั่นหมายความว่า หากเกาหลีเหนือถูกโจมตีจากเกาหลีใต้ รัสเซียจะถูกร้องขอให้ปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้สนธิสัญญานี้และเข้ามาช่วยเหลือเกาหลีเหนือต่อต้านเกาหลีใต้ (เพราะสถานการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือความขัดแย้งด้วยอาวุธระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้) โซลและพันธมิตรอย่างสหรัฐฯ จะต้องไม่เพียงแค่จัดการกับเกาหลีเหนือเท่านั้นแต่ยังรวมถึงเกาหลีเหนือและรัสเซียด้วย 

ในสถานการณ์ปัจจุบันที่สงครามระหว่างเปียงยางและโซลมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นเนื่องมาจากการยั่วยุของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้มาอย่างยาวนาน ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือจึงถือเป็น "ก้าวหนึ่งสู่การรักษาเสถียรภาพและการรักษาสันติภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ" เนื่องจากสร้างสมดุลทางทหารซึ่งจะช่วยแก้ไข "ความไม่สมดุลของกองกำลังทหาร" ที่เพิ่มมากขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลีระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้และพันธมิตร 

ในสายตาของเกาหลีเหนือสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) กำลังกลายเป็นมหาอำนาจทางทหารที่แข็งแกร่ง สามารถผลิตอาวุธสมัยใหม่ทุกประเภท ตั้งแต่อาวุธขนาดเล็กไปจนถึงเรือดำน้ำและเครื่องบินขับไล่ ปล่อยดาวเทียมตรวจการณ์ของตนเอง แต่สิ่งเดียวที่เกาหลีใต้ไม่มีคืออาวุธนิวเคลียร์ แต่การได้มาซึ่งอาวุธดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องของการตัดสินใจทางการเมืองและอาจใช้เวลาไม่มากนัก ศักยภาพทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของเกาหลีเหนือเพียงลำพังไม่อาจแข่งขันกับเพื่อนบ้านที่ติดอาวุธครบครันและเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ทรงพลังที่สุดในโลก ร่วมกับญี่ปุ่นได้ ซึ่งหากเกาหลีเหนือยืนหยัดต่อสู้กับภัยคุกคามเหล่านี้เพียงลำพัง ก็มีความเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อของการรุกรานของเกาหลีใต้และพันธมิตร

ในขณะเดียวกันในฝั่งของรัสเซียข้อตกลงดังกล่าวสามารถสร้างความชอบธรรมให้แก่เกาหลีเหนือในการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์และทหารเพื่อทำสงครามกับยูเครนอย่างเปิดเผยและต้องคิดถึงการสนับสนุนจากพันธมิตรของรัสเซีย ซึ่งจะเป็นการสร้างความกังวลใจให้กับยูเครนและพันธมิตรนาโต้ในความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนในปัจจุบัน 

ดังนั้นข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียจึงเป็นข้อตกลงที่เราควรให้ความสำคัญ และจับตามองว่าจะช่วยป้องปรามและลดความขัดแย้งในพื้นที่สำคัญของโลกได้หรือไม่

‘สหรัฐ’ ออกจดหมายเปิดผนึกขู่ ‘เกาหลีเหนือ’ หลังข่าวกรองแจ้งอาจแอบส่งทหารช่วย ‘รัสเซีย’

(22 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘หรรสาระ By Jeans Aroonrat’ ได้โพสต์ถึงสถานการณ์การรบระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่อาจจะมีการส่งทหารจากเกาหลีเหนือเข้าไปเพิ่มเติม ความว่า 

หลังจากที่ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ผู้นำยูเครนได้ออกมาโวยวายหนักว่าพบทหารเกาหลีเหนือ แฝงตัวอยู่ในกองทัพรัสเซียนับหมื่นนาย ที่สอดคล้องกับรายงานของหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ที่ยืนยันว่า รัฐบาลคิม จอง-อุน ได้ส่งหน่วยรบพิเศษเฟสแรกกว่า 1,200 นายไปฝึกรบที่รัสเซียเรียบร้อยแล้ว 

และมีการประเมินคร่าวๆว่า เกาหลีเหนือเตรียมที่จะส่งทหารไปเสริมให้กองทัพรัสเซียในเฟสต่อๆไป ไม่น้อยกว่า 10,000 นาย อีกทั้งยังมีคลิปวิดีโอ ที่มีการตั้งแถวแจกเครื่องแบบทหารรัสเซียให้กับกองทหารจากเกาหลีเหนือผ่านสื่อท้องถิ่นอีกด้วย

สายเกาหลีใต้ยังรายงานอีกด้วยว่า ตอนนี้มีทหารเกาหลีเหนือ ซ้อมรบปะปนอยู่ในค่ายทหารรัสเซียหลายแห่งในเมืองทางภาคตะวันออกไกล อาทิ วลาดีวอสตอค, อัสซูริสค์, คาบารอฟสค์ และ บลาโกเวชเชนสค์ พร้อมออกปฏิบัติการรบด่านหน้าเมื่อใดก็ได้

นอกจากนี้ยังมีการออกบัตรประจำตัวปลอมให้กับทหารเกาหลีเหนือ เพื่อจะใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงว่า พลทหารหน้าตาโอ้ปป้าแดนเหนือเหล่านี้ เป็นพลเมืองรัสเซียของแทร่ ไม่ใช่ทหารต่างด้าวของสหายคิม

เมื่อมีคนมาฟ้องเข้าหู พร้อมแจงหลักฐานประกอบ ก็ร้อนถึงทำเนียบขาว ในฐานะลูกพี่ใหญ่ของ NATO ที่จะอยู่เฉยไม่ได้ คณะกรรมาธิการสำนักหน่วยข่าวกรองจึงร่างจดหมายเปิดผนึกเผยแพร่ออกสื่อถึง โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เพื่อรายงานข้อมูลทหารเกาหลีเหนือในรัสเซีย ที่ได้รับเรื่องจาก เซเลนสกี้ และสายลับเกาหลีใต้ให้รับทราบทั่วกัน 

เนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกยังเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐ และพันธมิตร NATO เตรียมรับมือกับการสนับสนุนด้านกำลังทหารของเกาหลีเหนือโดยทันที หากข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองของทั้ง 2 ชาติที่รายงานมาเป็นความจริง

และเมื่อใดก็ตามที่พบว่า มีทหารเกาหลีเหนือใช้อาวุธโจมตียูเครนจากพรมแดนรัสเซีย หรือบุกรุกข้ามฝั่งมายังยูเครน จะถือว่าเป็นการล้ำเส้น ที่สหรัฐอเมริกา และ NATO จะต้องตอบโต้เพื่อยับยั้งการขยายวงของสงครามที่จะรุนแรง บานปลายมากขึ้น 

แต่ทั้งนี้ ก็ไม่แน่ใจว่าจดหมายเปิดผนึกถึงทำเนียบขาว แต่เนื้อหาเหมือนการส่งสารเตือนไปยังเกาหลีเหนือ จะได้รับการตอบสนองจากบ้านคิมหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่าทุกอย่างมีการวางแผนไว้พร้อมแล้ว ตั้งแต่ที่วลาดิมีร์ ปูติน มาเยือนเกาหลีเหนือเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน ผ่านมาแค่ไม่กี่เดือน ก็มีข่าวทั้งการส่งอาวุธ และ ทหารพร้อมรบจากเกาหลีเหนือไปรัสเซียอย่างต่อเนื่อง 

รวมถึงความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือ-ใต้ การขู่โจมตีกันด้วยขีปนาวุธนิวเคลียร์ หรือการส่งโดรนรุกล้ำชายแดน และวันนี้เกาหลีใต้ได้ออกมาแฉ แผนการส่งทหารเกาหลีเหนือไปยังรัสเซียอย่างละเอียด ที่แสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งของสงครามยูเครน ได้ขยายวงมายังเอเชียเรียบร้อยแล้ว

หลายฝ่ายจึงหวั่นเกรงว่า การส่งทหารเกาหลีเหนือไปรัสเซีย อาจเป็นชนวนเหตุที่นำไปสู่สงครามใหญ่ ที่ใกล้เคียงกับสงครามโลกได้เหมือนกัน ยกเว้นว่าหากมีทหารโอ้ปป้าโสมแดงถูกจับ จะพูดภาษารัสเซียได้ ร้องเพลงชาติรัสเซียเป็น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ยูเครนรบเกาหลีเหนือครั้งแรก เซเลนสกี โวยตะวันตกเมินเฉยไม่จัดการคิม

โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ยืนยันรายงานที่ว่ากองทัพยูเครนได้ปะทะกับทหารเกาหลีเหนือเป็นครั้งแรก พร้อมชี้ว่านี่ถือเป็นบทใหม่ของความไม่มั่นคงระดับโลก

สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า เซเลนสกีแถลงผ่านวิดีโอบนเว็บไซต์ประธานาธิบดียูเครนเมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) ว่า "การสู้รบครั้งแรกกับทหารเกาหลีเหนือได้เปิดบทใหม่ของความไม่มั่นคงในโลกใบนี้" 

เซเลนสกีกล่าวขอบคุณชุมชนระหว่างประเทศที่แสดงการตอบสนองต่อการส่งทหารเกาหลีเหนือไปประจำการในรัสเซีย โดยไม่เพียงแต่แสดงความห่วงใย แต่ยังเตรียมมาตรการสนับสนุนยูเครนในการป้องกันตนเอง "เราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้ความพยายามของรัสเซียในการขยายสงครามล้มเหลว ทั้งในกรณีของรัสเซียและเกาหลีเหนือ" เขากล่าวเสริม

รุสเตม อูเมรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ KBS ของเกาหลีใต้ ยืนยันว่าการปะทะระหว่างกองทัพยูเครนและทหารเกาหลีเหนือได้เกิดขึ้นแล้ว แม้จะเป็นการสู้รบระดับไม่รุนแรง แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของสถานที่และเวลา โดยระบุว่าอาจถือได้ว่าเกาหลีเหนือได้เข้ามามีส่วนร่วมในสงครามรัสเซีย-ยูเครนอย่างเป็นทางการแล้ว

ด้านแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (4 พ.ย.) ว่ามีทหารเกาหลีเหนือประมาณ 10,000 นายอยู่ในแคว้นคุสค์ ทางตะวันตกของรัสเซีย และอาจเข้าร่วมการสู้รบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top