Tuesday, 7 May 2024
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ถ่ายคลิปมอเตอร์ไซค์ขี่ผิดกฎหมาย ลุ้นรับเงินรางวัลสูงสุด 2 หมื่นบาท

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดโอกาสให้ประชาชนส่งคลิปจักรยานยนต์ที่ทำผิดกฎหมายให้ตำรวจ เพื่อส่งไปให้ท้องที่รับผิดชอบ ผ่าน 5 ช่องทางออนไลน์ ลุ้นรับเงินรางวัลสูงสุดถึง 20,000 บาท

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตำรวจจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับจักรยานยนต์ที่ทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง โดยจะเปิดโอกาสให้ประชาชนส่งคลิปจักรยานยนต์ที่ทำผิดกฎหมายให้ตำรวจ เพื่อส่งไปให้ท้องที่รับผิดชอบ ผ่าน 5 ช่องทาง คือ

1.) เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. https://www.facebook.com/SocialMediaRoyalThaiPolice/
2.) เพจเฟซบุ๊ก JS100 Radio https://www.facebook.com/js100radio/
3.) เพจเฟซบุ๊ก FM91 Trafficpro (สวพ.91) https://www.facebook.com/fm91trafficpro/
4.) เพจเฟซบุ๊ก อาสาตาจราจร https://bit.ly/3Hj9X5p
5.) โพสต์คลิปลงทางโซเชียล หากทางเจ้าหน้าที่ไปพบจะนำมาดำเนินการประเมินเช่นกัน

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ ร่วมกับ ‘มูลนิธิบุณยะจินดา’ มอบทุนสนับสนุนข้าราชการตำรวจดีเด่น – ต้นแบบ และพลเมืองดี!!

มูลนิธิบุณยะจินดาเพื่อข้าราชการตำรวจและครอบครัว จัดพิธีมอบทุนสนับสนุนข้าราชการตำรวจดีเด่นต้นแบบและพลเมืองดี ทุนสงเคราะห์แก่ข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ และมอบทุนการศึกษาแก่บุตร-ธิดา ข้าราชการตำรวจ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจประจำปี 2564 จำนวน 668 ทุน รวมเป็นเงินทั้งสิน 3,735,000 บาท

วันพุธ ที่ 17 พ.ย. 64 เวลา  14.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมด้วย คุณหญิง กอแก้ว บุณยะจินดา ประธานมูลนิธิบุณยะจินดาเพื่อข้าราชการตำรวจและครอบครัว เป็นประธานในพิธีมอบถ้วยรางวัลและประกาศเกียรติยศแก่ข้าราชการตำรวจและพลเมืองดีผู้มีผลงานดีเด่นเป็นต้นแบบ และมอบทุนสงเคราะห์เพื่อช่วยเหลือครอบครัวข้าราชการตำรวจผู้ที่เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่พร้อมทั้งมอบทุนการศึกษาแก่บุตร-ธิดาข้าราชการตำรวจ ประจำปี 2564 ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

สำหรับในปี 2564 มีข้าราชการตำรวจและพลเมืองดีเข้ารับรางวัลประเภทต่าง ๆ จำนวน 6 กลุ่ม จำนวนทั้งสิ้น 29 นาย เป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 550,000 บาท  ดังนี้

- รางวัลประเภท กลุ่มสัญญาบัตร ถ้วยรางวัลเกียรติยศ พร้อมเงินทุนสนับสนุน

จำนวน  100,000 บาท  จำนวน 1 รางวัล  ได้แก่  พล.ต.ต.ทินกร  รังมาตย์ ผบก.ภ.จว.ยะลา ภ.9

- รางวัลประเภท กลุ่มชั้นประทวน ถ้วยรางวัลเกียรติยศพร้อมเงินทุนสนับสนุน

จำนวน 40,000 บาท จำนวน 3 รางวัล ได้แก่

 (1) ส.ต.ท.เดชภณ รุกขพันธุ์ ผบ.หมู่ (ป.) สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ภ.9

 (2) ส.ต.ท.สาคร วัฒนาชานนท์ ครู (ปท 1) รร.ตชด.บ้านเลตองคุ

       กก.ตชด.34 บช.ตชด.

 (3) ส.ต.ท.อนุวัฒน์ กุณามา   ผบ.หมู่ งานปฏิบัติการจราจร

       ตามโครงการพระราชดำริ 3 กก.6

       บก.จร. บช.น.

- รางวัลประเภท ประกาศเกียรติยศ พร้อมเงินทุนสนับสนุนจำนวน 10,000 บาท

ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจ จำนวน 20 รางวัล

> ด้านป้องกันและปราบปราบอาชญากรรมดีเด่น

(1) พ.ต.อ.มานพ ภุชชงค์  ผกก.สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ภ.3

(2) พ.ต.อ.วิวัฒนชัย์   ธรรมวิทยาภูมิ  ผกก.สภ.นาหม่อม จ.สงขลา ภ.9

(3) ร.ต.อ.ชาญ   เวชพันธ์  รอง สว.(ป.) สน.มีนบุรี บช.น.

(4) ร.ต.อ.ภุฒชงค์   ศรีแสงจันทร์  รอง สว.(ป.) สภ.เมืองตาก จว.ตาก ภ.6

(5) ส.ต.ท.ณัฐวุฒิ   ประสาวะถา  ผบ.หมู่ (ป.) สน.พหลโยธิน บช.น.

> ด้านป้องกันและปราบปราบ ยาเสพติดดีเด่น

(6) พ.ต.อ.จตุรวิทย์   คชน่วม  ผกก.9 บก.รน. บช.ก.

(7) พ.ต.อ.กฤษดา   ศรีอิสาณ  ผกก.2 บก.ปส.3 บช.ปส.

(8) พ.ต.ต.ศุภเดช   ศุภไชยดิษกุล  สวป. สน.คันนายาว บช.น.

(9) ร.ต.อ.สุเมธ   พลเยี่ยม  ผบ.มว.กก.ตชด.24 บช.ตชด.

(10) ด.ต.ธิปไตย   คงทัพ  ผบ.หมู่ กก.สส. บก.น.7 บช.น.

(11) ด.ต.สนทยา   บัวถนอม   ผบ.หมู่ กก.3 บก.ป. บช.ก.

(12) ส.ต.อ.ไกรสิทธิ์   แสนคำ  ผบ.หมู่ กก.ตชด.24 บช.ตชด.

> ด้านสอบสวนดีเด่น

(13) พ.ต.ท.สรชัช ปร่ำเป็ง รอง ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน 

ภ.จว.ยะลา ภ.9

(14) พ.ต.ท.สมบัติ พรมสะอาด  รอง ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนฯ

    บก.ปส.2 บช.ปส.

(15) ร.ต.อ.เกียรติยศ จันทร์นิยม รอง สว.(สอบสวน) สน.บางยี่เรือ บช.น.

(16) พ.ต.ท.พูนสุข เตชะประเสริฐพร รอง ผกก.สส.1 บก.สส. ภ.1

(17) พ.ต.ต.ประวีณ วงษ์ปัญญา สว.กก.สส.3 บก.สส. ภ.4

(18) ด.ต.รณยศ วัชรกิตตินันท์ ผบ.หมู่ (สส.) สน.บึงกุ่ม บช.น.

> ด้านฝ่ายอำนวยการดีเด่น

(19) พล.ต.ต.อุกฤษฏ์ ศรีเสือขาม ผบก.วน.

(20) พ.ต.อ.หญิง ยุภาพร  ชาตะมีนา  พยาบาล (สบ 4) กลุ่มงานพยาบาล รพ.ตร.

- รางวัลประเภท ประกาศเกียรติคุณพลเมืองดี พร้อมเงินทุนสนับสนุน จำนวน 10,000 บาท จำนวน 2 รางวัล

(1) นายชยพล วาทบัณฑิต

(2) นายพุฒิพงศ์ มณิชสาร (เสียชีวิต)

ทายาท : น.ส. สุดาพร พืชศรี

- รางวัลประเภท ประกาศเกียรติยศแก่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนดีเด่น 

พร้อมทุนสนับสนุน จำนวน 10,000 บาท จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ “คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน

คดีฆ่านักท่องเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์”

ตำรวจ PCT ร่วมกับ นครบาล ขยายผลการจับกุมขบวนการผลิตแบงค์ดอลล่าห์ปลอม ยึดแท่นปั๊มเงิน ธนบัตร USD กว่า 10,000 ฉบับ ผู้ช่วยทูตสหรัฐฯ ขอบคุณ

วันนี้ ( 18 พ.ย.64) เวลา 11.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT, พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ ,พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ, พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ฉัตรชัย นันทมงคล ผบก.พฐก.สพฐ.ตร., พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8/หน.ชป.3 PCT และ นายคริสโตเฟอร์ โรห์ดี้ (Christopher Rohde) ผู้ช่วยฑูต/หัวหน้าสำนักงาน U.S. Secret Service ประจำสำนักงานกรุงเทพ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนขยายผลการจับกุมขบวนการผลิตธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาปลอม โดยสามารถจับกุมนายทุนและผู้ร่วมขบวนการ ยึดแบงค์ดอลล่าร์ปลอมได้กว่า 10,000 ใบ คิดเป็นเงินไทย กว่า 30,000,000 บาท พร้อมบุกทลายโรงพิมพ์ได้อีก 1 แห่ง

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้  ตำรวจ PCT และนครบาล ได้ร่วมกันจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายธนบัตร USD ปลอม และขยายผลไปตรวจค้นโรงงานผลิตที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม จับกุมเจ้าของโรงงาน ยึดธนบัตรปลอมได้กว่า 36,000 ฉบับ คิดเป็นเงินไทยกว่า 100 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ​ ยังกล่าวอีกว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กำชับมาว่า ให้ขยายผล จับกุมผู้ร่วมขบวนการที่ยังเหลือทั้งหมด ซึ่งจากการสืบสวนทางโซเชียลมีเดียจนรู้ตัวนายทุนและช่างพิมพ์ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาล และในวันที่ 11 พ.ย.64 นำกำลังเข้าตรวจค้น 2 จุด

จุดที่ 1 ตรวจค้นและจับกุมนายทองมาก หรือช่างแม็ค (สงวนนามสกุล) ได้ที่บริเวณ ถ.พระราม 3 โดยช่างแม็คทำหน้าที่เป็น "ผู้ควบคุมการผลิตธนบัตรปลอม" จากนั้นได้พาตัวไปตรวจค้นบ้านพักที่ อ.เมือง จ.เพชรบุรี พบเครื่องพิมพ์และอุปกรณ์การพิมพ์ที่คาดว่าเตรียมไว้ใช้ผลิตธนบัตรปลอมได้อีกจึงได้ตรวจยึดไว้ตรวจสอบ

จุดที่ 2 ตรวจค้นและจับกุมตัว นายบุญช่วย หรือป๋าลี ขณะอยู่ที่บ้านพักในเขตห้วยขวาง กทม. โดยป๋าลีเป็น "นายทุนจัดหาเครื่องพิมพ์และอุปกรณ์การพิมพ์" ให้แก่โรงงานที่ อ.บางเลน

และต่อมา วันที่ 12 พ.ย.64 ได้ขยายผลจับกุมตัว นายกิจพัฒน์ หรือโปรจี (สงวนนามสกุล) พร้อมธนบัตร USD ปลอมกว่า 10,000 ฉบับ คิดเป็นเงินไทยกว่า 30,000,000 บาท จากการสอบสวนนายโปรจี รับว่า นายสิรภพ หรือเฮียเกรียง (สงวนนามสกุล) เป็นผู้นำธนบัตรปลอมมาให้จำหน่าย โดยมีป๋าลี (คนลาว) เป็นนายทุนให้เฮียเกรียง เช่าอาคารหลังหนึ่งใน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งน่าเชื่อว่าจะเป็นแหล่งผลิตธนบัตรปลอมอีกแห่งหนึ่งของขบวนการนี้

จากนั้น จึงได้ขออนุมัติหมายศาลไปตรวจค้นสถานที่ดังกล่าว พบเครื่องพิมพ์และอุปกรณ์การพิมพ์หลายรายการ ซึ่งมีร่องรอยหลักฐานการพิมพ์ธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐปลอมหลงเหลืออยู่ จึงได้ตรวจยึดไว้ และจะได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ร่วมกระทำความผิดในข้อหา “ร่วมกันผลิตทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตราไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกษาปณ์ ธนบัตร หรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลต่างประเทศออกใช้หรือให้อำนาจให้ออกใช้" ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต

รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ในการจับกุมขบวนการปลอมธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ หน่วย U.S.Secret Service ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลอาชญากรรมทางเศรษฐกิจประจำสถานฑูตสหรัฐอเมริกา ได้ส่ง จนท.ไปร่วมตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และตรวจสอบธนบัตรปลอม ซึ่งได้ให้ข้อมูลว่า ธนบัตรปลอมที่ผลิตจากโรงงานที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม มีความเชื่อมโยงกับธนบัตรปลอมที่ผลิตจากโรงงานที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี สอดคล้องกันกับข้อมูลทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเชื่อว่าเป็นกลุ่มขบวนการเดียวกัน ทั้งนี้จากการสืบสวนของศูนย์ PCT เชื่อว่า อาจจะยังมีกลุ่มผู้ลักลอบผลิตและจำหน่ายธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐปลอมหลงเหลืออยู่ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เฝ้าระวังและสืบสวนติดตามเพื่อจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายจนกว่าขบวนการนี้จะหมดไป

รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า สำหรับการจับกุมคดีธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐปลอมที่ผ่านมาในประเทศไทย นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 จนถึงปัจจุบัน มีจำนวนทั้งสิ้น 40 คดี ธนบัตรของกลางที่ตรวจพบโดยส่วนใหญ่จะเป็นธนบัตรรุ่นปี 2006 และจะมีรุ่นปี 2006A (รุ่นของธนบัตร) เป็นส่วนน้อย ลักษณะการตรวจพบความผิด คือ

 1.การล่อซื้อผู้ลักลอบจำหน่าย

 2.การนำเงินไปแลกที่ธนาคาร/ร้านค้า และ

 3.การผลิตธนบัตรปลอม

 ซึ่งจับกุมตรวจค้นโรงงานผลิตได้เพียงครั้งเดียวเมื่อปี พ.ศ.2559 ที่เขตสายไหม กทม.

นายคริสโตเฟอร์ ฯ กล่าวด้วยว่า กว่า 30 ปี ที่สำนักงาน United States Secret Service ได้ทำงานร่วมกันกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสืบสวนอาชญากรรมที่เกี่ยวกับการปลอมแปลงธนบัตร การโกงธนาคาร และล่าสุด การฉ้อโกงในรูปแบบอาชญากรรมทางไซเบอร์ เมื่อเร็วๆนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ประสบความสำเร็จจากการสืบสวนจนพบแหล่งผลิตธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐฯปลอม ที่มีการนำไปใช้แพร่หลายทั้งในไทยและในต่างประเทศ อันเป็นแหล่งผลิตใหญ่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย จากการสืบสวนได้นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 8 รายด้วยกัน และสามารถยึดแท่นพิมพ์ที่ใช้ในการผลิตได้อีกหลายแท่น ผมอยากจะขอขอบคุณเพื่อนผู้บังคับใช้กฎหมายของเรา ที่ทำงานในเชิงรุก อย่างเข้มแข็ง จนนำไปสู่การจับกุมตัวผู้กระทำความผิด เพื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป

 

รองโฆษก ตร. เตือน!! ‘ลอยกระทงออนไลน์’ ระวังถูกหลอกเอาข้อมูล หมายเลขบัตรปชช. ขอให้เลือกเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ

วันที่ 18 พ.ย. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

เนื่องด้วยในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ย. 2564) เป็นวันลอยกระทง ซึ่งปกติจะมีพี่น้องประชาชน เดินทางนำกระทงไปลอย ตามสถานที่ที่จัดงานให้มีการลอยกระทง หรือลอยตามแม่น้ำลำคลองต่าง ๆ แต่เนื่องจากในห้วงนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงอาจมีพี่น้องประชาชนบางส่วนเกิดความกังวล ไม่อยากเดินทางไปในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น และได้มีเว็บไซต์ต่างๆ ใช้โอกาสนี้ในการจัดกิจกรรมลอยกระทงออนไลน์ โดยให้ผู้ที่มีความประสงค์จะร่วมกิจกรรมกรอกชื่อ นามสกุล ข้อมูลส่วนบุคคล และคำอธิฐานต่าง ๆ เพื่อลอยไปกับกระทงออนไลน์

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังในการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่มีความอ่อนไหว เช่น วันเดือนปีเกิด ชื่อนามสกุลจริง หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน ที่อยู่ ฯลฯ และขอให้เลือกใช้บริการเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เนื่องจากอาจมีผู้ไม่หวังดี อาศัยโอกาสนี้ในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อนำไปใช้โดยมิชอบ หรือนำไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย และบางเว็บไซต์อาจให้พี่น้องประชาชนกรอก บัญชี และรหัสผ่าน ของสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งบางเว็บไซต์อาจสร้างหน้าเว็บขึ้นมาเพื่อหลอกเก็บข้อมูล บัญชี และรหัสผ่าน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในภายหลัง ซึ่งจะส่งผลให้พี่น้องประชาชนได้รับความเสียหาย

 

โฆษก ตร.เตือน!! “เล่นพนันออนไลน์” ชีวิตพัง - เป็นหนี้ ไม่มีวันรวย!!

วันที่ 23 พ.ย.64 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจํานงค์ โฆษก ตร. เผยว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับไวยาวัจกรวัดแห่งหนึ่ง บุกเดี่ยวจี้ชิงทอง 80 บาท มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ในห้างบิ๊กซีสาขาชุมพร ขยายผลหลังจากจับสึกเจ้าอาวาส พร้อมพระลูกวัดเสพยาบ้าจำนวน 4 รูป ซึ่งผู้ต้องหาอ้างสาเหตุบุกจี้ชิงทอง เนื่องจากติดพนันออนไลน์ นั้น

โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือน ประชาสัมพันธ์ ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุม ผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทั้งยังสั่งกำชับให้ทุกหน่วยงาน  ในสังกัดให้กวดขันจับกุม และทำการสืบสวนปราบปรามการพนันออนไลน์ ทุกรูปแบบอย่างจริงจังแต่ในยุคนี้ที่ประชาชนเข้าถึง สื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น ทำให้ผู้จัดให้มีการเล่นการพนันพยายามเข้าถึงประชาชนมากกว่าแต่ก่อน มีการชักชวนในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งส่งลิงก์เว็บไซต์การพนันทาง SMS โฆษณาในเว็บไซต์หรือ สื่อสังคมออนไลน์หลายแพลตฟอร์ม รวมถึงการนำผู้ที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ มาชักชวนให้เล่นการพนัน

โดยจะอ้างว่าสนุก เล่นง่าย ได้เงินแน่นอน ซึ่งในความจริงแล้ว ไม่เป็นไปอย่างที่โฆษณา อย่างแน่นอน แต่ก็ยังมีประชาชนจำนวนมาก หลงเชื่อ หลวมตัวเข้าไปเล่นการพนันออนไลน์ จนมีบางรายหมดเนื้อหมดตัว และเป็นสาเหตุให้ไปก่ออาชญากรรมอย่างอื่น ทั้งอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์ (ลัก วิ่ง ชิง ปล้น), ยาเสพติด หรือถึงขนาดฆ่าตัวตายเพราะติดหนี้การพนันออนไลน์ อย่างไรก็ตามผู้ที่หลงเชื่อคำโฆษณา และเข้าไปเล่นการพนันออนไลน์ ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย แต่ในทางกฎหมายนั้น แน่นอนว่ามีความผิด

ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 12 ผู้ใดจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานหรือรับอนุญาตแล้วแต่เล่นพลิกแพลงหรือผู้ใดเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นอันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือกฎกระทรวงหรือ ข้อความในใบอนุญาต ผู้นั้นมีความผิดต่อไปนี้

(1) ถ้าเป็นความผิดในการเล่นตามบัญชี ก. หมายเลข 1 ถึงหมายเลข 16 หรือการเล่นตามบัญชี ข. หมายเลข 16 เฉพาะสลากกินรวบหรือการเล่นซึ่งมีลักษณะคล้ายกันนี้ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปจนถึง 3 ปี และ ปรับตั้งแต่ 500 บาท ขึ้นไปจนถึง 5,000 บาท ด้วยอีกโสดหนึ่งเว้นแต่ผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่ เรียกว่าลูกค้า ให้จำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(2) ถ้าเป็นความผิดในการเล่นอื่นใดตามพระราชบัญญัตินี้ต้องระวางโทษจําคุกไม่ เกิน 2 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่ความผิดตามมาตรา 4 ทวิ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

โฆษก ตร. สุดทน!! คลิปพ่อทำร้ายร่างกายลูกสาว ล่าสุด!!! ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว หากเจ็บสาหัส คุก 10 ปี!!

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า จากกรณีปรากฏคลิปในสื่อสังคมออนไลน์ มีผู้ชายแต่งกายคล้ายพนักงานส่งอาหารได้เข้ามาต่อว่าด่าทอ ก่อนลงมือทำร้ายร่างกายเด็กหญิง มีการตบตี ปาแก้วน้ำใส่ และใช้เท้าถีบจนตกเก้าอี้ หลังจากนั้นจึงยกเก้าอี้ทุ่มใส่เด็กหญิงซ้ำอีกครั้ง นั้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษก ตร. กล่าวว่า ในปัจจุบันตามสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ จะเห็นได้ว่ามีการทำร้ายร่างกายเด็กและเยาวชนอย่างรุนแรง และบ่อยครั้งจะเป็นคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด โดยส่งผลให้เด็กที่ถูกทำร้ายบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งจะเป็นปัญหาในระยะยาว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการแก้ปัญหาเด็กและสตรีที่ถูกกระทำโดยใช้ความรุนแรง จึงได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจหากพบการกระทำผิดให้เร่งสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างรวดเร็วและได้เล็งเห็นถึงปัญหาการกระทำความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้จัดตั้งศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินการปฏิบัติภารกิจพิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว อย่างเร่งด่วนและทันต่อเหตุการณ์ โดยมี พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้อำนวยการศูนย์

โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ปกครองของน้องได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้กระทำความผิดแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป จึงอยากเตือนว่าการกระทำดังกล่าวนั้นอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 297 ผู้ใด กระทำความผิด ฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ ผู้ถูกกระทำร้าย “รับอันตรายสาหัส” ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี

มาตรา 298 ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 297 ถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใดดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 289 เช่น การกระทำโดย “ทรมาน” หรือกระทำโดย “ทารุณโหดร้าย” ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000 บาท ถึง 200,000 บาท

 

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ จัดพิธีบำเพ็ญกุศล ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้และเพื่อเป็นการร่วมแสดงความจงรักภักดี และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

พลตำรวจเอก สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำหนดให้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน และพิธีตักบาตรพระสงฆ์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ (5 ธ.ค. 64)

ตร. เตือน!! กลลวงคอลเซ็นเตอร์ ขอให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบ ย้ำ “หน่วยงานรัฐไม่เคยทำ” ห้ามโอนเด็ดขาด!!!

วันที่ 9 ธ.ค. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนว่ามีกลุ่มคนร้ายมีพฤติการณ์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ บริษัทขนส่งสินค้า โดยแจ้งว่าบัญชีของท่านหรือพัสดุสิ่งของของท่านที่ส่งไปต่างประเทศมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เช่น ยาเสพติด การค้ามนุษย์ ก่อการร้ายฯลฯ มีการข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีในอัตราโทษสูง จะมีการออกหมายจับ ถ้าไม่อยากถูกดำเนินคดี ต้องโอนเงินมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ มิเช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีพี่น้องประชาชนได้รับโทรศัพท์ในลักษณะดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ทั้งที่มิได้มีส่วนกับการกระทำความผิดตามที่มิจฉาชีพกล่าวอ้าง นั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า ธนาคาร และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ ไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องให้เจ้าของบัญชีธนาคารโอนเงินมาให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจสอบ เพราะหากพบว่าบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด พนักงานสอบสวนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่จะใช้อำนาจตามกฎหมายในการยึด อายัดบัญชีธนาคาร

โดยจะเป็นผู้ติดต่อกับทางธนาคารโดยตรง จึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อ และหากมีผู้ใดอ้างว่าต้องให้ท่านโอนเงินเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้เร่งรัดดำเนินการสืบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างเข้มข้นต่อไป

 

ตร. แนะนำ!! “กำหนดวงเงินบัตร” ให้พอดีกับค่าใช้จ่าย ลดความเสี่ยงถูกสูบเงิน

วันที่ 13 ธ.ค. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้า ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น โดยทุกคนสามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ด้วยระบบอินเทอร์เน็ต ของสถาบันการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อสินค้าและบริการ ที่มีการผูกบัตรเข้ากับเว็บไซต์ของร้านค้าหรือผู้ให้บริการต่าง ๆ เพื่อความสะดวกในการชำระเงิน เป็นจำนวนมาก

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อไปอีกว่า การทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับพี่น้องประชาชนก็จริง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงในการถูกคนร้ายดักรับข้อมูลหมายเลขหน้าบัตร และหมายเลขรหัส CVV ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในการทำธุรกรรมของคนร้าย ทำให้เจ้าของบัตรมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียทรัพย์สินผ่านช่องทางบัตรดังกล่าว

เพื่อให้รู้เท่าทันมิจฉาชีพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก จึงขอแนะนำพี่น้องประชาชนถึงเทคนิคในการลดความเสี่ยง และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากบัตรเครดิต และบัตรเดบิต ดังนี้

1. ควรกำหนดวงเงินบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ให้พอดีกับค่าสินค้าและบริการ เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

2. ควรกำหนดวงเงินบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ไว้ที่ 0 บาท หรือระงับบัตรชั่วคราวผ่านแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ แล้วเปิดใช้งานหรือเพิ่มวงเงินเฉพาะเมื่อจำเป็นต้องใช้บัตรในการชำระเงิน (ทั้งนี้ขึ้นกับเงื่อนไขการให้บริการของแต่ละธนาคาร ซึ่งอาจมีการจำกัดจำนวนครั้งในการปรับวงเงิน หรือระงับบัตรชั่วคราว)

3. ควรยกเลิกบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ที่ไม่ได้ใช้งาน โดยให้ถือบัตรเฉพาะเท่าที่จำเป็น เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบยอดธุรกรรมที่ผิดปกติ

4. หากต้องการผูกบัตรเครดิต/บัตรเดบิต กับร้านค้าหรือผู้ให้บริการเพื่อชำระยอดค่าบริการแบบตัดผ่านบัตรอัตโนมัติ ควรเลือกบัตรที่สามารถกำหนดวงเงิน หรือบัตรที่ต้องใช้การเติมเงินเข้าไปในบัตรก่อนจึงจะสามารถใช้ในการชำระเงินได้ เพราะจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายไม่ให้เกิดความจำเป็น

 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดูแลรักษา - เยียวยาสวัสดิการ ตำรวจบาดเจ็บ - สูญเสีย จากการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมแจ้งข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน “แทนใจ”

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ในห้วงเวลาที่ผ่านมา มีข้าราชการตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชน ด้วยความตั้งใจ เสียสละ จนถึงขั้นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต หลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา เช่น การก่อเหตุกราดยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์ การจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด เหตุการณ์ลอบวางระเบิดจากผู้ก่อความไม่สงบ  และล่าสุดการจับกุมคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนขู่ฆ่าผู้อื่น ซึ่งส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการดูแลรักษา เยียวยา พร้อมมีสวัสดิการให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เสียสละ ได้มีกำลังใจปฏิบัติหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป 

- กรณีเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ จะได้รับเงินสวัสดิการ 250,000 – 500,000 บาท
- กรณีบาดเจ็บสาหัสจากการปฏิบัติหน้าที่ จะได้รับเงินสวัสดิการ 100,000 – 200,000 บาท
- กรณีบาดเจ็บไม่สาหัสจากการปฏิบัติหน้าที่ จะได้รับเงินสวัสดิการ 5,000 – 40,000 บาท
- กรณีสูญเสียอวัยวะ สูญเสียสมรรถภาพ จากการปฏิบัติหน้าที่ จะได้รับเงินสวัสดิการ 10,000 – 100,000 บาท
นอกเหนือจากนี้ สูญเสีย / เสื่อม 100% ช่วยเหลือ 400,000 บาท
- ตรวจเยี่ยม รายละ 5,000 บาท ต่อเดือน จนกว่าจะออกจากโรงพยาบาล

 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top