Saturday, 5 July 2025
รวมไทยสร้างชาติ

‘เสธ.หิ’ ชี้!! ‘พีระพันธุ์’ ทำงานมุ่งมั่น ผลงานเป็นที่ประจักษ์ ลดค่าไฟฟ้า ปรับราคาน้ำมัน ไม่แปลกใจที่ถูกโจมตี จากผู้ที่เสียผลประโยชน์ ยัน!! ขอทำตามหน้าที่ จนวินาทีสุดท้าย

(3 พ.ค. 68)  ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ 'ผลงานเป็นที่ประจักษ์' พร้อมระบุว่า “ตั้งแต่ท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สิ่งที่พยายามทำคือ การสร้างความมั่นคงทางพลังงานและพลังงานราคายุติธรรมเพื่อประชาชน การควบคุมราคาน้ำมัน พยายามปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน การปรับลดค่าไฟฟ้า ตรึงราคาแก๊ส ซึ่งมีปัญหาอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะการพยายามปรับลดค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่า 4 บาท เพื่อส่งเสริมการแข่งขันทางด้านอุตสาหกรรมกับต่างประเทศ ตลอดจนลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน การประกาศนโยบายด้านการปรับลดราคาพลังงาน

นายหิมาลัย กล่าวว่า ช่วงแรกๆ ก็มีเสียงต่อต้านว่ามันเป็นไปไม่ได้ โครงสร้างเดิมของราคาไฟฟ้า ถ้าจำไม่ผิดน่าจะขึ้นไปถึง 4.6-4.7 บาท เมื่อท่านตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่ 4.1 กว่าๆ ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่าท่านจะทำให้ระบบโครงสร้างค่าไฟฟ้าเสียหาย จะตรึงได้แค่ระยะเวลาสั้น รัฐต้องเสียเงินชดเชยมากมาย แต่ในปัจจุบัน ท่านก็สามารถทำได้จริงโดยการใช้ระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพทำให้สามารถลดราคาค่าไฟฟ้าได้ตามนโยบาย และนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ที่ท่านสามารถ ทำให้มีการประกาศราคาค่าไฟฟ้า ลงไปต่ำกว่า 4.00 บาท 

นายหิมาลัย กล่าวว่า แน่นอนว่าค่าไฟฟ้าที่ลดลงไปนั้นจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มีต้นทุนที่ลดลง ธุรกิจการค้าของประชาชนทั่วไป เช่น ร้านค้ารายย่อย แผงลอย วินมอเตอร์ไซค์ฯลฯ ค่าไฟฟ้าที่ลดลงไป นั่นหมายถึงกำไรที่เพิ่มขึ้นหรือรายรับที่เพิ่มขึ้นเป็นการกระจายรายได้ ที่รวดเร็วและเข้าถึงประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าทุกคน  ท่านพีระพันธ์ุ ทราบดีว่านี่เป็นเพียงมาตรการชั่วคราว ซึ่งเมื่อท่านพ้นตำแหน่งไปแล้ว หากยังใช้โครงสร้างราคาพลังงาน ในระบบนี้อยู่ ราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ส ก็มีโอกาสที่จะขึ้นราคา เหมือนก่อนหน้านี้ ท่านจึงมีแนวความคิดในการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ รวมทั้งระบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นธรรมมากขึ้น จึงได้มีความพยายามที่จะเสนอกฎหมาย เพื่อความมั่นคงของพลังงานและโครงสร้างราคาที่เป็นธรรมอย่างยั่งยืน

“จึงไม่น่าแปลกใจ ที่จะมีการโจมตี ทำลายภาพพจน์และชื่อเสียง ปล่อยข่าวลือต่างๆ เพื่อให้ท่านพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก่อนที่กฎหมายต่างๆ ที่ท่านพยายามเสนอจะได้รับการบรรจุเข้าวาระของ ครม. ซึ่งถ้าหากกฎหมายพวกนี้ สามารถผ่านสภาฯ ออกมาบังคับใช้ได้ ก็จะทำให้ราคาน้ำมัน ไฟฟ้า ราคาแก๊ส มีความเป็นธรรมและมั่นคงมากขึ้น ท่านพีระพันธุ์พูดกับผมเสมอว่า ถ้าเราทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติแล้ว หากมีปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากผู้เสียผลประโยชน์ เราก็ต้องยอมรับและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน ที่สำคัญที่สุดคือเรากล้าหาญที่จะทำตามหน้าที่หรือไม่ ครั้งหลังสุดนี้ มีการประกาศลดค่าไฟฟ้า ลงมาที่ราคา 3.98 บาท ซึ่งเกิดจากความพยายามของท่าน ที่ไม่ยอมแพ้ แม้มีอุปสรรคมากมาย สิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้ มีการออกข่าวโจมตีและด้อยค่าผลงานอย่างต่อเนื่อง”นายหิมาลัย กล่าว

นายหิมาลัย กล่าวด้วยว่า ขอขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่กรุณามอบให้ท่านพีระพันธุ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นอย่างสูง ขอให้ท่านทั้งหลายมั่นใจได้ว่า พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และพรรครวมไทยสร้างชาติ จะทำหน้าที่เป็นนักรบพลังงานเพื่อพ่อแม่พี่น้องประชาชนจนวินาทีสุดท้าย

‘อัครเดช’ ยัน!! ‘พีระพันธุ์’ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ปม!! ‘ถุงยังชีพ’ พร้อมชี้แจงเมื่อถึงเวลา ชี้!! ผู้เสียผลประโยชน์ เข้ามาดิสเครดิต มั่นใจ!! พรรคไม่แตก ทุกคนพร้อมเดินไปด้วยกัน

(3 พ.ค. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช. ถูกยื่นตรวจสอบการถือหุ้นในบริษัทเอกชน รวมถึงถูกโยงกับกระแสข่าวที่คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กําลังไต่สวนคดีถุงยังชีพ จะกระทบต่อพรรคหรือไม่ ว่า นายพีระพันธุ์ชี้แจงได้หมดอยู่แล้ว ทั้งเรื่องการถือหุ้น และเรื่องที่ถูกร้องเรียนใน ป.ป.ช. ซึ่งในข้อเท็จจริงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง นายพีระพันธุ์ พร้อมชี้แจงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อถึงเวลาแน่นอน ท่านมั่นใจว่าไม่ได้กระทำความผิด ขอให้ผู้สนับสนุนพรรคสบายใจได้

นายอัครเดช กล่าวว่า กรณีถุงยังชีพ ยืนยันว่านายพีระพันธุ์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งทางเจตนา และการเตรียมการ ซึ่งท่านพร้อมชี้แจงด้วยเหตุผล และเอกสารหลักฐานต่างๆ ยํ้าว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่าช่วงนี้ ทั้ง IO หรืออะไรหลายอย่าง เข้ามาดิสเครดิตนายพีระพันธุ์ เพราะท่านตั้งใจทำงานให้กับประชาชน จึงเป็นไปได้ที่ต้องมีแรงเสียดทานกับผู้ที่เห็นต่าง อย่างเช่นการลดค่าไฟ ก็ต้องไปต่อสู้กับหลายส่วน จนเกิดแรงเสียดทานหรือข้อกล่าวหาต่างๆ ด้วยหรือไม่ มองว่าอาจมีความเชื่อมโยงกัน

และเมื่อถามว่า เรื่องคดีจะเป็นจุดที่ทำให้พรรคแตกหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีกระแสข่าวว่า สส.เตรียมทิ้งนายพีระพันธุ์ นายอัครเดช กล่าวว่า ณ เวลานี้พรรคยังมั่นคง ขอให้สบายใจได้ นายพีระพันธุ์ และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรค รทสช. ยังสามารถบริหารพรรคได้ และ สส.ของพรรคส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด ก็ชัดเจนแน่นอนว่าจะเดินไปพร้อมกับหัวหน้า และเลขาธิการพรรค เพื่อทำงานให้กับประชาชน เราต้องยึดผลประโยชน์ของประชาชน แม้จะมีแรงเสียดทาน เราก็ต้องอดทน และยืนหยัดให้ได้ 

“มั่นใจว่า สส. ส่วนใหญ่ ยังยืนหยัดกับพรรค และพรรคก็ไม่ได้แตกอย่างที่เป็นข่าวแน่นอน” นายอัครเดช กล่าวอย่างมั่นใจ

‘เนเน่ รัดเกล้า’ ยกวลีประจำบ้าน ‘สุวรรณคีรี’ ให้กำลังใจ ‘พีระพันธุ์’ หลังเจอ!! เกมการเมืองโจมตีอย่างหนัก ลั่น!! เราต้องช่วยกันปกป้องคนดี

(5 พ.ค. 68) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี หรือ ‘เนเน่’ อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊ก “เนเน่ รัดเกล้า สุวรรณคีรี” ระบุว่า “ข้ากระทำแต่ความดี มีหรือจะกลัว” วลีนี้เคยเป็นตัวอักษรตัวใหญ่หน้าบ้านคุณพ่อ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ในวันที่ชีวิตการเมืองถูกกระหน่ำด้วย “เกมการเมือง” มากกว่า “การทำงานเพื่อประชาชน”

วันนั้นครอบครัวเราถูกโจมตีหนัก ลูกถูกบูลลี่ บัญชีถูกอายัด ต้องพึ่งญาติพี่น้องหาข้าวหาน้ำให้กิน ทั้งหมดเพราะ #ลมปากลวง ใส่ร้ายป้ายสีเพื่อดิสเครดิตนักการเมืองสีขาว เปิดทางให้นักการเมืองสีเข้ม คุณพ่อไม่หวั่นไหว ท่านประกาศชัด “ข้ากระทำแต่ความดี มีหรือจะกลัว” แล้วเดินหน้าสู้ด้วยความโปร่งใส สุดท้าย ความจริงก็พิสูจน์ท่าน—จากรัฐมนตรีหลายคนที่ถูกสอบ มีเพียงคุณพ่อคนเดียวที่ถูกตัดสินว่า “บริสุทธิ์” โดยมติเอกฉันท์

วันนี้เนเน่ขอหยิบเรื่องนี้มาเล่า เพราะเชื่อมั่นในท่าน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่กำลังเจอกับกระแสเกมการเมืองโจมตีจากรอบทิศ เนเน่เชื่อว่า ความจริงจะพิสูจน์ความดีในไม่ช้า และขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ท่าน ธรรมะย่อมชนะอธรรม ทองแท้ไม่แพ้ไฟ

และคนดี…ไม่ควรต้องกลัวเกมการเมือง

อย่าให้ความดีต้องพ่ายแพ้ต่อเกมการเมืองค่ะ เราต้องช่วยกันปกป้อง “คนดี” ให้อยู่ทำงานเพื่อประเทศต่อไป

‘เนเน่’ นำทีม วปอ.บอ. รุ่น 2 เยือน ‘Starbucks’ ใหญ่สุดในเอเชีย เรียนรู้การสร้างแบรนด์ระดับโลกกลางมหานครจีน

(15 พ.ค. 68) ‘เนเน่’ รัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘เนเน่ รัดเกล้า สุวรรณคีรี’ ระบุว่า…

#เกร็ดความรู้จากจีน ในบทบาทอาจารย์ เนเน่และคณะอาจารย์ของหลักสูตร นำนักศึกษา วปอ.บอ. รุ่นที่ 2 จากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร มาดูงานที่ประเทศจีน เมืองเซี่ยงไฮ้–หางโจว ค่ะ

เดินทางมาถึงเซี่ยงไฮ้ จุดแรกที่เราแวะคือ Starbucks Reserve® Shanghai Roastery ที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นสาขาที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก (เคยเป็นอันดับ 1 ของโลก จนเมื่อปี 2019 ที่ Starbucks Reserve Roastery ที่ชิคาโก้เปิดขึ้น ด้วยพื้นที่ประมาณ 3,250 ตารางเมตร ครอบคลุมอาคาร 5 ชั้น) ร้านนี้มีพื้นที่กว่า 30,000 ตารางฟุต ใหญ่กว่าสาขาปกติถึง 300 เท่า จุดเด่นที่เตะตาคือ ถังคั่วกาแฟทองเหลืองสูงเท่าตึก 2 ชั้น (น้ำหนัก 40 ตัน) และ บาร์กาแฟยาวถึง 88 ฟุต... เป็นร้านกาแฟที่เป็นมากกว่าร้านกาแฟ ภายในมีโรงคั่วกาแฟให้เราสามารถชมการคั่วกาแฟแบบสด ๆ พร้อมโซนเบเกอรี่แบบเปิด รวมทั้งบาร์ชา กาแฟ และมีค็อกเทลด้วย

#ทำไมต้องอลังการขนาดนี้...

อย่างที่เรา ๆ ทราบกันว่าคนจีนมีวัฒนธรรมในการดื่มชา การที่ Starbucks จะวางแผนมาตีตลาดจีนไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องปรับตัว วางแผนหลายขั้น ...เอาเป็นว่า ถึงกับยอมเปลี่ยนสูตรกาแฟให้มีความเข้มน้อยลงเลยทีเดียว เพื่อให้รสชาติถูกปากผู้บริโภคที่คุ้นชินกับการดื่มชา

ดังนั้น ที่มาของ Starbucks Reserve® Shanghai Roastery จึงมีวัตถุประสงค์หลายประการ ทั้งในเชิงกลยุทธ์และประสบการณ์ลูกค้า ดังนี้:

1 #Flagshipแห่งแรกในเอเชีย - เซี่ยงไฮ้เป็นตลาดหลักในเอเชียที่เติบโตเร็วมาก และ Starbucks ต้องการเปิดตัว Roastery ที่นี่ให้เป็นเรือธงของภูมิภาค เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นและศักยภาพในการลงทุนในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับสองของแบรนด์ รองจากสหรัฐฯ

2 #สร้างประสบการณ์เหนือระดับ หรือที่เรียกว่า #ImmersiveExperience - อย่างที่บอก Roastery นี้ ไม่ใช่แค่ร้านกาแฟธรรมดา แต่เป็นประสบการณ์แบบ immersive ที่ลูกค้าจะได้ชมการคั่วเมล็ดกาแฟแบบสด ๆ ลองกาแฟจากหลายภูมิภาค ดื่มด่ำกับศิลปะการชง รวมถึงมีบาร์ชาที่ยิ่งใหญ่ (Teavana Bar), ร้านเบเกอรี่ Princi ที่อบขนมสดในร้าน และใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) ให้ลูกค้าเรียนรู้ผ่านมือถือได้ด้วย

3 #Showroom #แหล่งทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ - Roastery ทำหน้าที่เป็น 'ห้องทดลอง' สำหรับกาแฟและผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น เครื่องดื่มสูตรพิเศษ ขนมอบใหม่ ๆ หรือเมนูที่ยังไม่เปิดตัวในตลาดทั่วไป

4 #สร้างการรับรู้แบรนด์ระดับพรีเมียม - การมีร้านใหญ่ สวยงาม และแปลกใหม่ในโลเคชันเด่น (ย่าน West Nanjing Road ที่หรูหรา) ทำให้ Starbucks สร้างภาพลักษณ์ของความหรูหราและน่าค้นหา ตอกย้ำว่า Reserve Roastery เป็นมากกว่าร้านกาแฟ — แต่คือ “ประสบการณ์ศิลปะและวัฒนธรรมกาแฟ”

5 #รองรับจำนวนลูกค้าที่สูงมาก - ตลาดจีนมีความหนาแน่นของผู้บริโภคสูง ร้านขนาดใหญ่จึงช่วยรองรับลูกค้าจำนวนมากในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ที่มีทั้งนักท่องเที่ยวและลูกค้าท้องถิ่นจำนวนมาก

ไม่ใช่ธรรมดาเลยใช่ไหมคะ กว่าจะออกมาเป็น Starbucks Reserve® Shanghai Roastery ได้... สินค้าไทยและผู้ประกอบการไทยรายใดที่อยากจะตีตลาดจีนบ้าง คงต้องคิดให้ 'ใหญ่' และวางกลยุทธ์ให้ชัดเจน เหมือนอย่างที่ Starbucks ทำไว้เป็นตัวอย่างเลยทีเดียวค่ะ

‘อ.เจษฎา’ ย้อน!! คำทำนายของตัวเอง เมื่อ 2 ปีก่อน ‘รวมไทยสร้างชาติ’ จะแตก!! สุดท้าย ‘สุชาติ’ ก็ไป

(1 มิ.ย. 68) รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า …

โพสต์ทำนายเรื่อง "พรรครวมไทยสร้างชาติ" จะแตก ไว้ตั้งแต่ 2 ปีก่อนครับ 

ในที่สุด ก็เรียบร้อย ไปอีกพรรค 

(ป.ล. ที่ในโพสต์ มีพูดถึงภูมิใจไทย เพราะตอนนั้น มีคอมเมนต์กันว่า ถ้ากลายเป็นฝ่ายค้าน พรรคคงแตกแน่)

โฆษก รทสช. ขอบคุณคนไทยโหวต ‘พีระพันธุ์’ นักการเมืองบทบาทโดดเด่น ย้ำ!! มุ่งเดินหน้าทำงาน สร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติและคนไทย

(3 มิ.ย. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงกรณีผลสำรวจ “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนพฤษภาคม 2568” ของสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ที่ระบุว่า ประชาชนกว่า 24.06% มองว่านายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นนักการเมืองที่มีบทบาทโดดเด่นมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในเดือนพฤษภาคม 2568

โดยนายอัครเดช กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนนายพีระพันธุ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ มาโดยตลอดต่อเนื่อง จนคะแนนความนิยมของนายพีระพันธุ์ พุ่งขึ้นสู่ท็อป 3 ในรัฐบาลและมีแนวโน้มดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ในสถานการณ์ปัจจุบันจะมีแรงกดดันจากภายนอกและภายในให้กับนายพีระพันธุ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ 

ทั้งนี้ คะแนนนิยมดังกล่าวจากพ่อแม่พี่น้องถือเป็นขวัญกำลังใจและสิ่งที่มีคุณค่าในการทำงานของนายพีระพันธุ์ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติทุกคน ที่จะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานต่อเนื่องให้สมกับความไว้วางใจของพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่ให้การสนับสนุนพรรค โดยเฉพาะในประเด็นการขับเคลื่อนการปฏิรูปโครงสร้างทางพลังงาน ทั้งค่าไฟและราคาน้ำมัน ที่เป็นนโยบายและเป้าหมายหลักของนายพีระพันธุ์

“สิ่งสำคัญในตอนนี้ คือ การเดินหน้าทำงานเพื่อบ้านเมืองและประเทศชาติ โดยพรรคจะยังคงยึดมั่นหลักในการทำงานที่ยึดถือประโยชน์ของคนไทยเป็นที่ตั้ง ส่วนกระแสข่าวเกี่ยวกับพรรค ขอให้เป็นเรื่องภายในพรรคที่มั่นใจว่าจะสามารถเดินหน้าประสานความเข้าใจ สร้างความร่วมมือและบรรยากาศที่ดีร่วมกันได้ต่อไป เพื่อเดินหน้าทำงานให้ผลประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับพ่อแม่พี่น้องคนไทยทุกคน” นายอัครเดช กล่าวทิ้งท้าย

ถ้าวันไหน หัวหน้าพรรค รทสช.ทำประโยชน์ให้ตนเอง ให้พรรคพวกมากกว่า ประโยชน์ส่วนรวม ผมจะเป็นคนแรกที่จะบอกเขาว่า กลับบ้านเถอะ

เมื่อวานนี้ (2 มิ.ย. 68)  นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) กล่าวถึงปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาล ว่า ขอเตือนสติ เพื่อนๆอาชีพเดียวกัน ศึกนอก หนักหนากว่าศึกใน วันนี้ประเทศไทยต้องการความรัก ความสามัคคี สู้ศึกนอก ห้ามกะพริบตา อย่าเสียสมาธิ เรามีปัญหา ชายแดนกระทบอธิปไตยของประเทศ เรามีปัญหาต่อสู้กับสงครามล่าอาณานิคมเศรษฐกิจ สงครามเศรษฐกิจ ค่าเงิน การค้าระหว่างประเทศ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ บังคับให้ไทยเลือกขั้ว ปัญหาความสามัคคีของคนในชาติ ทั้งหมดนี้บั่นทอนพลัง อำนาจต่อรองของประเทศไทยที่มีศึกล้อมรอบ ขอให้ตั้งสติให้ดี ยึดประโยชน์ประเทศ ประชาชน ก่อนประโยชน์ส่วนตน ทุกคนจะรอด

นายจุติ กล่าวต่อว่า ส่วนการแก้ปัญหาในพรรค รทสช.นั้น ต้องแยกแยะว่าเป็นปัญหาส่วนรวม หรือ ไม่พอใจส่วนตัว หัวหน้าพรรคฯทำงานให้ประเทศมากกว่าพรรคตนเอง ต้องมีข้อบกพร่อง ไม่ถูกใจ แต่ราคาไฟฟ้าไม่ขึ้นและยังลดลง ราคาน้ำมันไม่ขึ้นไม่มีเรื่องทุจริตส่วนตัว หัวหน้าพรรคฯทำงานให้ประเทศมากกว่าพรรค น่าจะดีใจแทนคนไทย และพิสูจน์กันด้วยผลงาน นักการเมืองมาแล้วก็ต้องไป จะอยู่ในตำแหน่งทำไมถ้าทำประโยชน์ให้ประเทศไม่ได้

“ขอให้โฟกัสที่ศึกนอก ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การเมือง และสนับสนุน คนสุจริตให้ทำงานเพื่อส่วนรวม ถ้าวันไหน หัวหน้าพรรค รทสช.ทำประโยชน์ให้ตนเอง ให้พรรคพวกมากกว่า ประโยชน์ส่วนรวม ผมจะเป็นคนแรกที่บอกเขาว่า กลับบ้านเถอะ”นายจุติ กล่าว

นายจุติ กล่าวต่อว่า ทุกคนมีข้อบกพร่อง ไม่มีใครทำถูกใจทุกเรื่อง ถ้าไม่หนักแน่นพอ เราจะพลาด ดังนั้นขอให้โฟกัส หาคนดี คนสุจริต มาทำงานให้บ้านเมือง ทำทีละเรื่อง เรื่องที่สำคัญคือ ค่าครองชีพประชาชน ,อธิปไตยทางเศรษฐกิจ การเมือง ,ปราบคอร์รัปชั่น ,รักษาระบบธรรมาภิบาลให้ต่างชาติมั่นใจ เรื่องใหญ่ลงตัว เรื่องเล็กจะแก้ปัญหาได้เอง ดังนั้นขอให้มีสติ ประเทศไทยต้องมาก่อน ถ้าหลักการเหนือหลักกู ประเทศไทย คนไทยจะยิ้มได้

'เอกนัฏ' ยัน รวมไทยสร้างชาติ ยังไม่แตก คุย!! สส. แล้ว แค่ไปกินข้าวกับ 'สุชาติ'

(3 มิ.ย. 68) ที่ท้องสนามหลวง นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาความแตกแยกภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า เดี๋ยวต้องไปคุยกัน ไม่เป็นไร เพราะตอนนี้ตนกับ สส.ส่วนใหญ่ก็คุยกันตลอดเวลา คิดว่าปัญหาทุกอย่างคุยกันได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรครวมไทยสร้างชาติยังอยู่กันแน่นหรือแตกแล้ว นายเอกนัฏ ตอบว่า ยังอยู่กัน ส่วนกรณีที่ปรากฏภาพ สส.ร่วมทานข้าวกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ทาง สส.ได้มาบอกกับตนว่าแค่ไปทานข้าวกันเฉยๆ หรืออย่างก่อนหน้านี้ได้มีการปล่อยข่าวว่าจะมีคนย้ายออกจากพรรค หลายคนก็ออกมาปฏิเสธแล้ว คิดว่าเป็นการเข้าใจผิด เรื่องนี้ทุกพรรคการเมืองถือว่าเป็นเรื่องปกติ อาจมีสิ่งที่คาใจ หรือมีปัญหากันบ้าง แต่เราก็เปิดรับฟังอยู่แล้ว ซึ่งก่อนช่วงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ตนก็พูดคุยกับ สส. ตามปกติ

เมื่อถามถึง กระแสที่กดดันนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้ออกจากตำแหน่ง นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนคิดว่าตำแหน่งของนายพีระพันธ์ุอยู่สูง จึงต้องมีแรงกดดันเป็นธรรมดา เพราะการทำงานต้องประสบกับความท้าทาย ซึ่งเชื่อว่า นายพีระพันธ์ุเจอกับปัญหา แต่ท่านไม่ค่อยพูด เป็นคนที่สู้งานอย่างเดียว

เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ในส่วนคดีถุงยังชีพของนายพีระพันธุ์ที่อยู่ในชั้นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เชื่อว่า ท่านชี้แจงได้หมด และพร้อมไปชี้แจงกับ ป.ป.ช. และหน่วยงานอื่นๆ

ถามถึง กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตอนนี้ตนยังเป็นรัฐมนตรีอยู่ ตราบใดที่อยู่ตรงนี้ก็ทำงานเต็มที่ ส่วนการปรับครม. ก็เข้าใจกันดีว่าเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ส่วนอนาคตเป็นอีกเรื่อง

ซักว่า มีการส่งสัญญาณมาจากนายกรัฐมนตรีบ้างหรือยัง เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ยิ้ม พร้อมกล่าวว่า ไม่มี ทั้งตนและนายพีระพันธุ์ ก็ยังไม่ได้รับสัญญาณ และที่ผ่านมาตนก็ทำงานกับนายกรัฐมนตรีได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอดไม่มีปัญหาอะไร

ถามว่า กรณีพรรครวมไทยสร้างชาติ มีการแก้ข้อบังคับเรื่องการพ้นสมาชิกภาพ จากการสร้างความขัดแย้งหมายถึงนายสุชาติ ใช่หรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า การแก้ข้อบังคับทำมาตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.แล้ว ตั้งแต่การประชุมใหญ่พรรค เป็นการปรับแก้ให้ตรงกับรัฐธรรมนูญ คงไม่ได้ไปแก้เพราะรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เมื่อถามว่า เป็นการแก้เพื่อขู่อีกฝ่ายหรือไม่ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ปฏิเสธว่า ไม่ ยืนยันว่า ไม่ได้มีนัย อะไรทั้งสิ้น เพราะการประชุมใหญ่ทุกปีก็มีการแก้ข้อบังคับพรรค เพราะข้อบังคับบางตัวยังไม่มีความชัดเจน

ซักว่า ได้มีการเคลียร์ใจกับนายสุชาติแล้วหรือยัง นายเอกนัฏ กล่าวว่า ยังเลยครับ แต่วันนี้ไม่แน่ เพราะอาจจะได้เจอ

‘นิติศักดิ์’ สส.รวมไทยสร้างชาติ อาสาเป็นสื่อกลาง รวมน้ำใจชาวพัทลุง รวบรวม!! ยางรถยนต์ ส่งให้ทหารหาญบริเวณชายแดน ‘ไทย-กัมพูชา’

(8 มิ.ย. 68) นายนิติศักดิ์ ธรรมเพชร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพัทลุง เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ปัจจุบันทหารหาญของไทยมีความต้องการสิ่งของต่าง ๆ โดยเฉพาะยางรถยนต์ ประกอบกับพ่อแม่พี่น้องชาวพัทลุงก็มีความเป็นห่วงและต้องการช่วยเหลือเหล่าทหารหาญ โดยเฉพาะในส่วนของความปลอดภัย ตนจึงขออาสาเป็นสื่อกลางนำส่งน้ำใจของพ่อแม่พี่น้องชาวพัทลุงด้วยการรวมรวบยางรถยนต์ ทั้งยางรถยนต์ 4 ล้อ, ยางรถบรรทุก 10 ล้อ และยางรถจักรยานยนต์ โดยพ่อแม่พี่น้องชาวพัทลุงสามารถนำยางรถยนต์มาบริจาคส่งให้คณะทำงาน ได้ที่บริเวณลานกว้าง ใกล้สำนักงานเทศบาลตำบลเขาเจียก อ.เมือง จ.พัทลุง ตั้งแต่วันที่ 14-16 มิถุนายน เพื่อประสานนำส่งไปยังพื้นที่ชายแดนดังกล่าวต่อไป

ทั้งนี้ สำหรับส่งของที่จะนำมาให้นั้น ขอเน้นให้เป็นยางรถยนต์หรือยางรถจักรยานยนต์ ส่วนสิ่งของอื่น ๆ ขอให้เน้นเป็นข้าวสารที่สามารถรวบรวมส่งไปได้เช่นกัน

นายนิติศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนได้ติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างใกล้ชิด อีกทั้ง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถในการปกป้องอธิปไตยและดินแดนของประเทศไทย จึงรับรู้สถานการณ์และความจำเป็นต่าง ๆ ในพื้นที่เป็นอย่างดี จึงขอให้พ่อแม่พี่น้องวางใจได้ และยืนยันว่าทหารหาญไทยทุกนายจะได้รับความปลอดภัยและการดูแลเป็นอย่างดี

‘เอกนัฏ’ ให้คำมั่นรวมไทยสร้างชาติ “ต้องไปต่อ” ยันไม่มีสัญญาณปรับ ครม. - สส. ทุกคนยังอยู่กับพรรค

‘เอกนัฏ’ ให้คำมั่น พรรครวมไทยสร้างชาติ “ต้องไปต่อ” ย้ำไม่มีสัญญาณปรับ ครม.-สส. ทุกคนยังอยู่กับพรรค ชี้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติทางการเมือง หากใครมีสิ่งใดไม่พอใจมาคุยกันได้

(10 มิ.ย.68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงกระแสข่าวที่เกิดขึ้นกับพรรคในขณะนี้ว่า ตนขอแยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ ส่วนของรัฐบาลที่มีกระแสการปรับรัฐมนตรีของพรรคออกจากรัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรี(ครม.) ซึ่งส่วนนี้ตนยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณใด ๆ จากนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการปรับ ครม. และนายกรัฐมนตรี ก็ยังให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ทั้งนี้ตนทราบดีว่าในทางการเมืองไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีใครรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไร หรือมีการปรับสิ่งใดบ้าง จึงไม่เคยอยากจะประเมินว่าจะได้ดำรงตำแหน่งถึงเมื่อใด แต่สิ่งที่ต้องประเมินและเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การทำหน้าที่ของตนในวันนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนยึดถือปฏิบัติมาเสมอและจะยังคงทำต่อไปในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่จะมุ่งมั่นทำงานเพื่อประเทศและคนไทย ตามแนวคิด “ทำทันที ทำทุกวินาที ไม่ยอมจนกว่าจะสำเร็จ”

ทั้งนี้ขอย้ำว่า ตนจะไม่ทำงานหรือบริหารสิ่งใดจากข่าวลือต่าง ๆ แต่จะยึดจากข้อเท็จจริงที่ออกมา พร้อมเชื่อว่าสิ่งที่ตนและนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ทำมาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและได้รับการสนับสนุนจากทั้งคนไทยและรัฐบาล

ในส่วนกระแสข่าวของพรรค นายเอกนัฏ กล่าวว่า พรรคมีกลไกของพรรคอยู่แล้วในการจัดการปัญหาภายในต่าง ๆ อย่างไรก็ดีสิ่งสำคัญ คือ การยึดมั่นในอุดมการณ์ที่มีมาตลอดของพรรคให้คงอยู่ต่อไป ส่วนประเด็นข่าวที่ว่า มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) ของพรรคบางคนไม่พอใจผู้ใหญ่ภายในพรรค ทั้งยังมีปัญหาระหว่างกัน ตนมองว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมาจากการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน ที่นำเอาภาพเพียงภาพเดียวอันเป็นภาพงานเลี้ยงของ สส. พรรคที่มีแกนนำพรรคที่ไม่พอใจพรรคในปัจจุบันพยายามรวมตัวกลุ่ม สส. ผ่านงานเลี้ยงเพื่อสร้างกระแสข่าว ซึ่งตนย้ำว่า ภาพดังกล่าวมีคนแค่ 15 คน แต่มีการตัดต่อแต่งภาพเพิ่มเติมอีก 8 คน และมีการใส่ข้อมูลที่ไม่ใช่เรื่องจริง โดยเฉพาะการย้ายออกจากพรรครวมไทยสร้างชาติ มาเล่นเป็นประเด็นทางการเมือง ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่ได้มีประโยชน์ต่อประเทศหรือคนไทย แถมยังทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายการเมืองมาขึ้นด้วยซ้ำ แต่ตนก็เข้าใจดีว่าเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องปกติทางการเมืองที่ต้องยอมรับ

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า ในทางกลับกัน ตนได้นัด สส. ของพรรคทานข้าวร่วมกันเกือบทุกสัปดาห์ เพียงแต่ไม่ได้มีการส่งภาพให้สื่อมวลชนหรือนำลงสื่อสังคมออนไลน์ เพราะตนมองว่า ไม่ได้มีนัยสำคัญใด ๆ สิ่งสำคัญ คือ การให้ข่าวตามความเป็นจริงมากกว่า

ส่วนกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค ที่มีกระแสข่าวย้ายออกไปรวมกับพรรคการเมืองใหม่นั้น ตั้งแต่เกิดเหตุตนก็ไม่ได้คุยกับนายสุชาติ อีกเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็คุยกันตามปกติมาตลอด ตนก็ยังแปลกใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับคุณสุชาติ แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าอาจมาจากความคิดและแนวทางที่แตกต่างกัน ซึ่งตนก็คงว่าสิ่งใดไม่ได้ เพียงแต่ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกติกาก็พอ

นายเอกนัฏ ย้ำด้วยว่า ที่ผ่านมาตนรับฟังความเห็นของ สส. ทุกคนมาตลอด ทั้งยังเปิดโอกาสให้สอบถาม ร่วมเสนอแนะและบอกเล่าปัญหาต่าง ๆ ทั้งผ่านจากการนัดกินข้าวประจำสัปดาห์ของตน และจากการนัดประชุมพรรคต่าง ๆ พร้อมกล่าวว่า หากตนบกพร่องสิ่งใดก็ให้มาพูดคุยกันได้ เพื่อปรับเปลี่ยนทุกอย่างให้ดีขึ้น แต่ถ้านำมาเล่นเป็นเกมการเมืองหรือต่อรองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ตนมองว่าไม่ใช่เรื่องดีและไม่ควรทำ

ส่วนสถานการณ์จำนวน สส. ของพรรคในปัจจุบัน นายเอกนัฏ ย้ำว่า พรรคยังมี สส. อยู่ครบ 36 คน และ สส.ทุกคนยังยืนยันว่าจะอยู่กับพรรค ไม่ย้ายไปที่ใด ทั้งนี้ตนไม่อยากนำประเด็นนี้มาเป็นประเด็นหลัก เพราะปัจจุบันปัญหาของประเทศก็มีให้แก้ไขมากมายอยู่แล้ว ทั้งเรื่องสงครามการค้า, เรื่องปัญหาด้านอุตสาหกรรม ตนจึงไม่ต้องการนำเรื่องเหล่านี้มาทำให้ปวดหัว แต่ย้ำว่า สส. ทุกคนสามารถมาพูดคุยกับตนได้เหมือนเดิม

“สุดท้ายนี้ตนขอให้คำมั่นกับคณะผู้บริหาร สส. และสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติทุกคนว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ จะเดินหน้าไปต่อด้วยอุดมการณ์เดิมอันมั่นคงที่แน่นอนของพรรค ไม่ว่าจะเกิดอุปสรรคหรือสิ่งใด ๆ พรรคก็จะเดินหน้าต่อไป เพื่อประเทศชาติและคนไทยทุกคนจนกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้จะสำเร็จลุล่วงในที่สุด” นายเอกนัฏ กล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top