Saturday, 5 July 2025
รวมไทยสร้างชาติ

'รัดเกล้า' เตือน!! ข่าวโปรโมชัน ปตท.เติมน้ำมัน 245 บาท เป็นเฟกนิวส์ แนะ!! ควรตรวจสอบแหล่งที่มาให้แน่ชัด ก่อนเชื่อหรือส่งต่อ

(9 ส.ค. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่พบว่ามีการนำเสนอโปรโมชันเติมน้ำมัน 245 ฟรี 245 บาท ผ่านข้อความ SMS และให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์เพื่อรับสิทธิ์ โดยมีการใช้ชื่อ ปตท. นั้น บริษัท ปตท. น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) กระทรวงพลังงาน ชี้แจงว่า ปตท. ไม่ได้จัดทำประชาสัมพันธ์หรือโปรโมชัน และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าวนี้แต่อย่างใด

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ โดยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และบริการจากบริษัท ปตท. น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) กระทรวงพลังงาน สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.pttor.com หรือ โทร. 02-196-5959

ทั้งนี้ รัฐบาล โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) มีความห่วงใยประชาชนถึงข่าวปลอม (fake news) ที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย ซึ่งหากขาดความรู้ และมีการส่งต่ออาจทำให้ได้รับข้อมูลที่ผิด และส่งผลกระทบกับประชาชนที่หลงเชื่อ โดยประชาชนสามารถติดตามข่าวสาร และชี้แจงเบาะแสข่าวปลอมได้ที่เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com/ หรือโทรสายด่วนศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม GCC 1111 ต่อ 87 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

'พีระพันธุ์' ยัน!! รทสช. ย้ำจุดยืนหนุนแคนดิเดต พท. เป็นนายกฯ ต่อ แต่ยังยึดหลักเดิม 'ห้ามแก้ 112' ชี้!! หยุดปั่นดึง 'ลุงตู่' เอี่ยวเก้าอี้นายกฯ

(15 ส.ค. 67) ที่รัฐสภา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รักษาการรองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมด้วยสมาชิกพรรค ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุมพรรค โดยนายพีระพันธุ์ กล่าวว่า จุดยืนของพรรคขอสนับสนุนให้แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ อย่างไรก็ตาม พรรครวมไทยสร้างชาติยังยืนยันว่าต้องไม่มีนโยบายที่จะแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี กลับมาเป็นนายกฯ? นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า "พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่กลับมา เพราะเป็นองคมนตรีแล้ว อย่าเอาข่าวแบบนี้มาทำให้มีปัญหาเพราะองคมนตรีไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง อีกทั้งตามมารยาทแล้ว พรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแต่แรก ก็ต้องให้สิทธิกับพรรคแกนนำรัฐบาลก่อน ทั้งนี้ การทำงานของรัฐบาลยังคงต่อเนื่อง เพียงแค่เปลี่ยนตัวนายกฯ เท่านั้น โดยโควตาของรัฐมนตรีเท่าที่ทราบมา ทุกพรรคก็ทำงานต่อเหมือนเดิม ส่วนความพึงพอใจนั้นพรรครวมไทยสร้างชาติก็พอใจการทำงานที่ผ่านมา ส่วนพรรคอื่นต้องไปถามเอาเอง"

เมื่อถามถึงความกังวลในด้านสุขภาพของนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย? นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า "ตนก็ไม่ทราบเพราะจากข่าวก็ยังไม่มีการสรุปว่าแคนดิเดตจะเป็นนายชัยเกษม ซึ่งจากข่าวที่ออกมาก็ทราบเพิ่มว่าพรรคเพื่อไทยจะประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคอีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้ เรื่องโดยมารยาทต้องเป็นเรื่องของพรรคแกนนำ ส่วนเรื่องปัญหาก็ต้องให้พรรคหลักเป็นผู้จัดการ"

เมื่อถามว่าทางพรรคพร้อมที่จะสนับสนุนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของพรรคเพื่อไทยต่อใช่หรือไม่? นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า "ในเรื่องของนโยบายยังยึดเช่นเดิม แม้ว่าก่อนหน้านี้พรรครวมไทยสร้างชาติจะกังวลว่านโยบายนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จนกระทั่งมีการชี้แจงจากคณะกรรมการกฤษฎีกา และกระทรวงการคลังว่าสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องให้พรรคเพื่อไทยเป็นผู้ชี้แจงว่าจะมีปัญหาหรือทำต่อไปได้หรือไม่"

‘สส.สัญญา’ ให้การต้อนรับ ‘คณะที่ปรึกษาประธาน กมธ. กิจการศาลฯ’ ขอบคุณที่เสียสละ เชื่อ!! ใช้ความรู้ความสามารถ เพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่

เมื่อวานนี้ (15 ส.ค. 67) นายสัญญา นิลสุพรรณ สส.นครสวรรค์ เขต 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน ได้ให้การต้อนรับแพทย์หญิงกนกวรรณ จันทอุปฬี พร้อมด้วย พันเอกนายแพทย์ลัทธพล ม้าลายทอง, นายแพทย์ภูศิษฐ์ จิตติละอองวงศ์, นายแพทย์พัชร์พล สุภาวงค์

ซึ่งคณะแพทย์ได้เดินทางเข้าขอบคุณนายสัญญา นิลสุพรรณ จากการเสนอแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลฯ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา

โดยนายสัญญา นิลสุพรรณได้กล่าวขอบคุณคณะแพทย์ที่ได้เสียสละ และให้เกียรติรับตำแหน่งที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลฯ และขอให้ใช้ความรู้ความสามารถเพื่อประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติต่อไป

'รองโฆษกฯ รัดเกล้า' เดินหน้าสร้างวัคซีนด้านการเงินแก่คนไทย 'ทุกเพศ-ทุกวัย' ยกระดับการบริหารเงิน 'ออม-ลงทุน-หนี้' พร้อมเท่าทันมิจฉาชีพออนไลน์

เมื่อวานนี้ (18 ส.ค. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี หรือ ‘เนเน่’ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีตผู้สมัคร สส. เขตบางพลัด-บางกอกน้อย อดีตโฆษกประจำสำนักนายกฯ ยังคงเดินหน้าสนับสนุนมาตรการแก้ปัญหาหนี้สินให้กับประชาชน โดยนำโครงการดี ๆ ที่ขับเคลื่อนโดย ธนาคารกรุงไทย ร่วมมือกับ กระทรวงการคลัง กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และองค์กร/หน่วยงานภาคีอีกหลากหลาย ที่เดินสายจัดกิจกรรมให้ความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ภายใต้หลักสูตร 'หลักสูตรอภินิหารทางการเงิน' ให้กับประชาชน 

ทั้งนี้ในปี 2567 มีเป้าหมายที่จะจัดกิจกรรมทั้งสิ้น 18 ครั้งให้กับชุมชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยนางรัดเกล้าได้ประสานโครงการดังกล่าวให้มามอบความรู้ให้ประชาชนในชุมชนวัดโพธิ์เรียง และชุมชนใกล้เคียง เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ระหว่างเวลา 09.00 - 12.00 น. ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวได้รับการสนับสนุนที่ดีจากสำนักงานเขตบางกอกน้อยอีกด้วย โดย ดร.วรชล ถาวรพงษ์ ผู้อำนวยการเขตบางกอกน้อย ได้ให้เกียรติมาร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมอีกด้วย

นางรัดเกล้า กล่าวต้อนรับผู้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า “นอกเหนือจากการให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการการเงิน การออม การลงทุน การบริหารจัดการหนี้ (ทั้งในระบบและนอกระบบ) อีกเนื้อหาสำคัญที่หลักสูตรนี้นำมาสอนให้กับประชาชนคือ การรู้เท่าทันอาชญากรรมออนไลน์ เช่น กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นการเสริมความรู้ เพิ่มความปลอดภัยในการท่องโลกออนไลน์ให้กับคนในชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของเหล่าอาชญากร วันนี้ตนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นว่านอกเหนือจากกลุ่มผู้สูงอายุ ยังมีน้อง ๆ เยาวชนเข้ามาร่วมเรียนหลักสูตรด้วย คนรุ่นใหม่สามารถเป็นกำลังสำคัญในการสอดส่อง ดูแล ให้คำแนะนำกับผู้สูงอายุในชุมชนได้”

นางรัดเกล้า กล่าวต่อไปว่า “กิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการเสริมองค์ความรู้ในเชิงรุก (pro-active) มุ่งหวังให้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จะได้เรียนรู้และเสริมสร้างภูมิปัญญาและภูมิคุ้มกันจากภายในรูปแบบต่าง ๆ วอนขอให้ประชาชนที่ได้ความรู้จากกิจกรรมนี้ นอกเหนือจากนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการบริหารจัดการ และแก้ไขปัญหาด้านการเงินของตนเองให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นแล้ว ขอให้นำความรู้ที่ได้ไปบอกต่อ สอนต่อ เพื่อเป็นการเสริม 'วัคซีนทางการเงิน' ให้กับญาติ มิตร สหาย ในชุมชนด้วย”

กิจกรรมครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ที่นางรัดเกล้า นำมาจัดให้กับพี่น้องในเขตบางพลัดบางกอกน้อย

'พีระพันธุ์' เคลียร์ชัด!! เหตุ 'รวมไทยสร้างชาติ' ร่วมรัฐบาล เพื่อเดินหน้างานสำคัญ พร้อมย้ำ!! ดีกว่าต้องยืนย่ำคู่อยู่กับคนที่เป็นศัตรูของ 'ชาติ-แผ่นดิน-สถาบันฯ'

(19 ส.ค. 67) จากเพจ 'เชียร์ลุง' ได้เผยถ้อยคำของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งตอบชัดถึงอีกปมประเด็นคำถามจากสังคมว่า "ทำไม รวมไทยสร้างชาติ จึงต้องเข้าร่วมรัฐบาล อย่างชัดเจน" ดังนี้...

"ในสภาไม่มีตรงกลาง ถ้าเราไม่ร่วมรัฐบาล เขาก็จะจัดสรรเราเป็นฝ่ายค้าน เราก็ต้องอยู่ภายใต้กำกับดูแลของหัวหน้าฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นใครก็รู้อยู่...

"มันไม่มีอะไรที่จะถูกใจได้ทั้งหมด แต่อันไหนที่พอจะดีกว่า แย่น้อยกว่า เสียน้อยกว่า และสามารถทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้ นี่คือสิ่งที่ใช้ตัดสินใจ...

"เราไม่อยากยืนคู่อยู่กับคนที่เป็นศัตรู ของชาติ ของแผ่นดิน และของสถาบัน...

"การเมืองเป็นเรื่องความรู้สึก และความรู้สึกที่สำคัญที่สุด คือ ความรู้สึกเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติและสถาบัน..."

สุดท้ายนายพีระพันธุ์ ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับการที่ รทสช.ได้ร่วมรัฐบาลอีกว่า จะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์อย่างที่สุด "ในปีหน้า ถ้าเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ เรายังได้กำกับดูแลที่เดิม ประชาชนจะได้รับของขวัญ เป็น ค่าไฟ ค่าน้ำมัน อย่างแน่นอน!!!"

‘พีระพันธุ์’ ตอบชัดปมเข้าร่วมรัฐบาล ลั่น!! ไม่อยากยืนอยู่ฝั่งเดียวกับศัตรูของชาติและสถาบัน

เมื่อไม่นานมานี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ตอบชัดถึงอีกปมประเด็นคำถามจากสังคมว่า ‘ทำไม รวมไทยสร้างชาติ จึงต้องเข้าร่วมรัฐบาล อย่างชัดเจน’ โดยนายพีระพันธุ์ระบุว่า…

"ในสภาไม่มีตรงกลาง ถ้าเราไม่ร่วมรัฐบาล เขาก็จะจัดสรรเราเป็นฝ่ายค้าน เราก็ต้องอยู่ภายใต้กำกับดูแลของหัวหน้าฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นใครก็รู้อยู่...

"มันไม่มีอะไรที่จะถูกใจได้ทั้งหมด แต่อันไหนที่พอจะดีกว่า แย่น้อยกว่า เสียน้อยกว่า และสามารถทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้ นี่คือสิ่งที่ใช้ตัดสินใจ...

"เราไม่อยากยืนคู่อยู่กับคนที่เป็นศัตรู ของชาติ ของแผ่นดิน และของสถาบัน...

"การเมืองเป็นเรื่องความรู้สึก และความรู้สึกที่สำคัญที่สุด คือ ความรู้สึกเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติและสถาบัน..."

สุดท้ายนายพีระพันธุ์ ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับการที่รวมไทยสร้างชาติได้ร่วมรัฐบาลอีกว่า จะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์อย่างที่สุด 

"ในปีหน้า ถ้าเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ เรายังได้กำกับดูแลที่เดิม ประชาชนจะได้รับของขวัญ เป็น ค่าไฟ ค่าน้ำมัน อย่างแน่นอน!!!" 

'รวมไทยสร้างชาติ' อ้าแขนรับ 'อรรถวิชช์' ร่วมพรรค คาด!! ดึงมาช่วยเสริมกำลังให้ทีมกฎหมายแน่นปึ้ก

เมื่อวานนี้ (20 ส.ค. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ประชุมพรรค รทสช. อบอุ่น ชื่นมื่น เหมือนเคยค่ะ วันนี้เราปรบมือรับสมาชิกใหม่ พี่เอ๋ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ที่จะมาช่วยเสริมกำลังให้ทีมกฎหมายของเรา

วันพุธ พฤหัสบดี นี้เตรียมดู เตรียมฟัง การผลักดัน เรื่องดี ๆ ทั้งเรื่อง พรบ.การออกเสียงประชามติ ปัญหาผู้ลี้ภัยการสู้รบในเมียนมา การปรับปรุงการบริหารงานราชทัณฑ์ ฯลฯ จาก พรรครวมไทยสร้างชาติ

เปิดประวัติ 'ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี' นักกฎหมายมือฉมัง เสริมกำลัง 'รวมไทยสร้างชาติ'

ถือเป็นการเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการกับพรรครวมไทยสร้างชาติของ 'คุณเอ๋' ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.67 ที่โรงภาพยนตร์ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ชวนมาชมภาพยนตร์ ร่วมกัน

โดยก่อนหน้านี้ คุณเอ๋ เคยกล่าวไว้ว่า ตนได้เข้ามาช่วยดูงานด้านกฎหมายและเครดิตบูโร ให้กับนายพีระพันธุ์ และ พรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะมีความสนิทสนมกับนายพีระพันธุ์ตั้งแต่สมัยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งล่าสุด ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ได้เข้าร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยคาดว่าจะมาช่วยเสริมกำลังให้ทีมกฎหมายของพรรคให้เข้มแข็งขึ้นต่อไป

ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ถือเป็นนักการเมืองชาวไทยคนสำคัญ ที่เป็นผู้ริเริ่มเสนอกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโร โดยบทบาททางด้านการเมืองนั้น เป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เป็นอดีตเลขาธิการพรรคกล้า เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ 

ในส่วนของประวัติ...

>> จบการศึกษา...
- ปริญญาเอก รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี (ศิษย์เก่าดีเด่น)
- ปริญญาโท LL.M. in Banking and Financial Law, Boston University School of Law, USA
- ปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศิษย์เก่าดีเด่น)
- ประถมศึกษา มัธยมศึกษา โรงเรียนเซนต์คาเบรียล รุ่น 75 (ศิษย์เก่าดีเด่น)

>> ประกาศนียบัตร...
- หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงสถาบันวิทยาการตลาดทุน วตท. รุ่น 13
- หลักสูตรการพัฒนากรรมการบริษัทมืออาชีพ IOD : DCP รุ่น 107
- หลักสูตรผู้นำธุรกิจระดับโลก (Global business Leaders Program : GBL รุ่น 1)
- หลักสูตรวิชาว่าความของสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ (ใบอนุญาตทนายความ 1338 /2543)
- หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง ปปร. รุ่น 12 สถาบันพระปกเกล้า
- หลักสูตรแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดการความขัดแย้งด้านนโยบายสาธารณะ โดยสันติวิธี สถาบันพระปกเกล้า
- หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนามหานคร: มหานครรุ่น 3
- หลักสูตรการพัฒนานวัตกรรมธุรกิจแบบก้าวกระโดด: DSTARTUP รุ่น 2 มหาวิทยาลัยศรีปทุม
- หลักสูตร Transformers รุ่น 1 มหาวิทยาลัยมหิดล
- หลักสูตรนักบริหารระดับสูง 'ธรรมศาสตร์เพื่อสังคม' : นมธ.รุ่น 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- หลักสูตรนักบริหารการพัฒนาในยุคดิจิทัล: DAD รุ่น 8 สถาบันบัณบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

>> ประสบการณ์ทำงาน
- ประธานคณะกรรมการ บริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเซียล จำกัด (มหาชน) (ปัจจุบัน)
- กรรมการ บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) (ปัจจุบัน)
- กรรมการ บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชม) (ปัจจุบัน)
- กรรมการ บริษัท เมทเธียร์ จำกัด (ปัจจุบัน)
- อาจารย์พิเศษ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพรมบุรี (ปัจจุบัน)

- สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร 2 สมัย
- กรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า
- ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
- ประธานกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย สภาผู้แทนราษฎร
- กรรมาธิการแก้ไขปัญหาหนี้สินแห่งชาติ
- กรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน
- กรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ
- กรรมการประสานงานฝ่ายรัฐบาล (วิปรัฐบาล)

- กรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2554
- กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณประจำปี
- ข้าราชการ กองกฎหมาย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
- เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.)

- ผู้บรรยายกฎหมายการคลัง การเงินและการธนาคาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต และกรุงเทพธนบุรี
- กรรมาธิการวิสามัญพิจารณากฎหมาย ดังนี้...
* พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
* พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
* พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการและบุคลากรกรุงเทพมหานคร พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร
* พ.ร.บ.คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พรบ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ

* พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ร.บ.ระเบียบริหารราชการแผ่นดิน พ.ร.ม.คุ้มครองการดำเนินงานของอาเซียนฯ
* พ.ร.บ.เวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้ามหานครฯ
* พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
* พ.ร.บ.การเดินอากาศ พ.ร.บ.ว่าด้วยการปฏิบัติต่ออากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย

>> บทความวิชาการ / งานวิจัย
- แนวทางและรูปแบบของกฎหมายเพื่อการกำกับดูแล การประกอบธุรกิจการเงินที่มิใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank)
- กระบวนการจัดเก็บภาษีตามพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 กรณีศึกษากรุงเทพมหานคร
- แนวทางการมีส่วนร่วมพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดมุกดาหาร โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

‘ดร.อรรถวิชช์’ เปิดใจหลังสมัครเข้า ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ลั่น!! รู้สึกอบอุ่นที่ได้กลับมาทำงานกับคนคุ้นเคย

‘อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี’ เปิดใจหลังสวมเสื้อพรรค ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ เผย รู้สึกอบอุ่นที่ได้กลับมาทำงานกับคนคุ้นเคยอย่างเป็นทางการ หลังได้เข้าไปช่วย ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ อยู่เบื้องหลังช่วยทำกฎหมายปรับโครงสร้างพลังงานก่อนหน้านี้ ย้ำชัด!! พร้อมทำงานร่วมกับสมาชิกพรรคทุกท่าน หวังช่วยผลักดันนโยบายและกฎหมายของพรรคเข้าสู่สภาแบบเชิงรุกและรวดเร็ว

(22 ส.ค. 67) ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เปิดใจกับ THE STATES TIMES หลังสมัครเข้าเป็นสมาชิก ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า…

ก่อนหน้านี้ ได้เข้ามาช่วยงานคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในปีกของกระทรวงพลังงานเกี่ยวกับการปฏิรูปพลังงาน โดยเฉพาะในเรื่องข้อกฎหมายทางเทคนิค หลังจากนั้นท่านก็ได้ชักชวนให้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ เพื่อช่วยงานด้านกฎหมายและด้านนโยบายของพรรค

ดร.อรรถวิชช์ กล่าวว่า คุณพีระพันธุ์ มีความตั้งใจที่จะปฏิรูปโครงสร้างพลังงานของประเทศอย่างจริงจัง จึงได้มีโอกาสไปช่วยงานที่กระทรวงพลังงาน โดยเฉพาะการปฏิรูปการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ อีกทั้งยังมีกฎหมายหลายฉบับที่ต้องแก้ไข หากจะทำให้เกิดการปฏิรูปพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม เพราะในโครงสร้างพลังงานมีความซับซ้อนต้องทำอย่างละเอียดและรอบคอบ ท่านจึงต้องการคนที่ช่วยกลั่นกรองเพิ่มเติม

“หลังจากช่วยงานที่กระทรวงได้สักระยะ คุณพีระพันธุ์ ท่านเห็นว่า ยังมีกฎหมายอื่นด้านนโยบายที่เกี่ยวข้องกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมีกฎหมายหลายฉบับที่ทางพรรคต้องการเสนอ จึงอยากให้มาเป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ เพื่อที่จะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่ จากเดิมที่ทำงานอยู่เบื้องหลังในส่วนของกระทรวงพลังงาน แต่หลังจากนี้ จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับปากท้องพี่น้องประชาชนที่จะเสนอต่อสภาฯ มากขึ้น…

“ผมอยากจะบอกว่า การเข้ามาเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ผมรู้สึกอบอุ่นนะ เพราะว่าจริง ๆ แล้ว คนในพรรคส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนคุ้นเคยเป็นพี่น้องกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นท่านหัวหน้าพรรค คุณพีระพันธุ์ หรือ คุณเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคฯ ในวันที่ผมเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และผมก็เชื่อมั่นว่าการทำงานทุกอย่างจะราบรื่น เพราะส่วนใหญ่แล้วเคยทำงานร่วมกันมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นที่พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคกล้า ผมยินดีที่จะทำงานร่วมกันกับสมาชิกทุกท่านในพรรค เพราะเชื่อมั่นว่า คนที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน จับมือร่วมกันจะเกิดพลังมากกว่า” ดร.อรรถวิชช์ กล่าว

ขณะเดียวกัน ดร.อรรถวิชช์ ย้ำว่า หาก สส.ท่านใดของพรรครวมไทยสร้างชาติ มีข้อกฎหมายที่สนใจ และต้องการนำเสนอกฎหมายต่อสภา ก็ยินดีที่จะเข้าไปช่วยร่างตัวกฎหมายให้ เพื่อให้กระบวนการทำงานมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนเร็วยิ่งขึ้น เพราะต้องยอมรับว่า การทำงานในภาคประชาชนก่อนหน้านี้ ตนได้ทำการรวบรวมข้อมูลเอาไว้จำนวนมาก ที่สามารถนำมาแปลงเป็นกฎหมายได้ ซึ่งหลังจากนี้จะเห็นงานเชิงรุกของพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างแน่นอน เพราะขนาดของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีจำนวน สส. 36 ที่นั่ง เป็นจํานวนที่เอื้อให้สามารถเสนอกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว เพราะใช้จำนวน สส. เพียง 20 คนขึ้นไปในการลงชื่อยื่นเสนอ ในขณะที่ภาคประชาชน จะต้องรวบรวมรายชื่อให้ได้ 10,000 คนขึ้นไป จึงจะสามารถเสนอกฎหมายได้ 

พร้อมกันนี้ ดร.อรรถวิชช์ ยังได้กล่าวถึงกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโรที่ได้ผลักดันมาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ว่า ในเรื่องกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโรจะยังคงเดินหน้าผลักดันต่อไป และการที่ตัดสินใจเข้ามาเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเต็มตัว หนึ่งในเหตุผลหลัก คือ การผลักดันให้กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ซึ่งคุณพีระพันธุ์ 

ท่านเป็นนักการเมืองท่านเดียวที่พอพูดเรื่องกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโรแล้วท่านเข้าใจทันที และท่านตระหนักดีว่าประชาชนได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง และท่านสนับสนุนให้เดินหน้าผลักดันอย่างเต็มที่ ซึ่งก่อนหน้านี้ สามารถรวบรวมรายชื่อประชาชนได้แล้วประมาณ 5,000 รายชื่อ ยังขาดอีกครึ่งหนึ่ง เพื่อที่จะยื่นร่างกฎหมายต่อสภาได้ ซึ่งท่านได้แนะนำว่า ให้ยื่นเป็นกฎหมาย สส.ของพรรค โดยให้ สส.ลงนามแล้วยื่นต่อสภาฯ ได้เลย เพื่อเข้าสู่กระบวนการที่รวดเร็วขึ้น

“ผมมีความรู้สึกว่า คุณพีระพันธุ์ ท่านเข้าใจปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง และที่สำคัญการทำงานกับท่าน ไม่ต้องอธิบายให้ซับซ้อน เพราะว่าพออธิบายไปท่านเข้าใจแล้วว่าเรื่องอะไร และก็สั่งการทันที ซึ่งท่านรับปากในเรื่องกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโร และยังให้ทำกฎหมายอื่น เช่น พ.ร.บ. บัตรเครดิต ที่เคยผลักดันร่วมกันเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่สามารถทำให้มีผลบังคับใช้คุ้มครองพี่น้องประชาชน เรื่องอัตราดอกเบี้ยที่เก็บจากบัตรเครดิต ให้เตรียมทำต่อด้วย เพราะเป็นกฎหมายที่มีประโยชน์และจะช่วยคุ้มครองประชาชน”

'นิด้าโพล' ยก!! ‘พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ’ คะแนนนิยมเพิ่มขึ้น คาด!! กระแสพุ่งอีก หลัง ‘อรรถวิชช์’ เสริมทัพ-กม.พลังงานใหม่คลอด

จากผลสำรวจโดยนิด้าโพล ครั้งที่ 2/2567 ระบุว่า ‘พีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค’ เป็นบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ร้อยละ 6.85 เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจของนิด้าโพลครั้งที่ 1/2567 ที่ร้อยละ 3.55 และผลสำรวจของนิด้าโพลเมื่อปี 2566 ที่ร้อยละ 2.40

คะแนนนิยมที่เพิ่มขึ้นของ ‘พีระพันธุ์’ มาจาก 'ภาพลักษณ์ที่ดี มีความน่าเชื่อถือ ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต' 

ทั้งนี้ ‘พีระพันธุ์’ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้สร้างผลงานอันโดดเด่น ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะ ‘รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง’ เพื่อให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงพลังงาน ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย มีความถูกต้อง เหมาะสม และเป็นธรรม ภายใต้นโยบายที่จะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน อันจะส่งผลให้ผู้บริโภค ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ ได้รับประโยชน์สูงสุดนั่นเอง

จากผลสำรวจเดียวกัน ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ได้รับคะแนนเป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ ร้อยละ 7.55 เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจของนิด้าโพลครั้งที่ 1/2567 ที่ร้อยละ 5.10 และผลสำรวจของนิด้าโพลเมื่อปี 2566 ที่ร้อยละ 3.20 

การที่พรรครวมไทยสร้างชาติได้รับคะแนนนิยมจาก ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ เพิ่มขึ้นนั้นก็เพราะการทำงานด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจของทีมงานของพรรคฯ ทุกคน ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีตำแหน่งก็ตาม และได้ให้ความช่วยเหลือ ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ ในทุก ๆ เรื่องที่ร้องเรียนหรือขอความช่วยเหลือมายังพรรค ทั้งยังได้ตั้ง ‘สถานียุติธรรม’ เพื่อรับเรื่องราวความทุกข์ร้อนและดำเนินการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความทุกข์ร้อนของ ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ เหล่านั้นในทุกวิถีทางโดยรวดเร็ว พร้อมทั้งมีการติดตามผลจนกว่าการแก้ปัญหาทั้งหลายเหล่านั้นจะลุล่วง หรืออย่างน้อยก็ต้องบรรเทาเบาคลายลง

นอกจากจะได้รับคะแนนนิยมจาก ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ ที่มีต่อ ‘พีระพันธุ์’ หัวหน้าพรรคฯ และพรรค ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ที่เพิ่มขึ้นแล้ว พรรคฯ ยังได้ ‘อรรถวิชช์ (เอ๋) สุวรรณภักดี’ มาร่วมงานอีกด้วย โดยเมื่อ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ‘อรรถวิชช์’ ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ‘รวมไทยสร้างชาติ’ แล้ว

‘อรรถวิชช์’ นักการเมืองคุณภาพที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ เกิดวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2521 สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล นิติศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขากฎหมายการเงินการธนาคารจากมหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐอเมริกา และ รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และหลักสูตรศึกษาอบรมต่าง ๆ อีกมากมาย ผู้เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ อดีตเลขาธิการพรรคกล้า อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ประธานกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย กรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า

ก่อนเข้าสู่งานด้านการเมือง ‘อรรถวิชช์’ เคยรับราชการสังกัดสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง โดยมีผลงานอันโดดเด่นหลายเรื่อง อาทิ การปรับโครงสร้างหนี้ภาคประชาชน การกำกับดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลให้อยู่ในระดับร้อยละ 28 ต่อปี การกำกับธุรกิจบัตรเครดิต และการควบรวมกิจการบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรม ธนาคารทหารไทย และธนาคารดีบีเอสไทยทนุ รวมถึงงานร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน การธนาคาร หลายฉบับ

เส้นทางการเมืองของ ‘อรรถวิชช์’ เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2550 ชนะการเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 4 คือ เขตจตุจักร, บางซื่อ, หลักสี่ สังกัด พรรคประชาธิปัตย์ โดยร่วมทีมกับบุญยอด สุขถิ่นไทย และสกลธี ภัททิยกุล ต่อมา พ.ศ. 2554 ชนะการเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 9 คือ เขตจตุจักร สังกัด พรรคประชาธิปัตย์ ในปี พ.ศ. 2558 เขาเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร 

ต่อมาเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2563 ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เพื่อไปร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่กับกรณ์ จาติกวณิช อดีตรองหัวหน้าพรรคที่ลาออกแล้วก่อนหน้านั้น โดยรับตำแหน่งเลขาธิการพรรค พรรคกล้า ก่อนที่กล้าจะควบรวมกับพรรคชาติพัฒนาเป็นพรรคชาติพัฒนากล้า .ในปี พ.ศ. 2566 ‘อรรถวิชช์’ ได้เสนอกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโรภาคประชาชน ร่วมกับ สภาองค์กรของผู้บริโภค และวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ‘อรรถวิชช์’ ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเข้ามาร่วมในทีมกฎหมายของพรรคฯ

ต้องยอมรับว่า ‘กฎหมาย’ เป็นเครื่องมือสำคัญของสังคมที่จะทำให้บ้านเมืองขับเคลื่อนไปสู่ความเจริญข้างหน้าได้ด้วยความสุจริต เป็นธรรม และสุขสงบ แม้ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ จะมี ‘พีระพันธุ์’ หัวหน้าพรรคฯ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเป็นอย่างยิ่ง มีผลงานปรากฏให้เห็นเป็นประจักษ์มากมายแล้ว แต่ด้วยภาระหน้าที่ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พรรคฯ จึงต้องมีนักกฎหมายที่มีความสามารถมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมงานของพรรคฯ ที่ได้สร้างผลงานอันเป็นประโยชน์แก่ ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ แล้วมากมาย เพื่อให้ได้ผลงานคุณภาพเกิดประโยชน์โภคผลเพื่อมากขึ้นให้เท่าทันต่อความจำเป็น ความต้องการ และความเดือดร้อนของ ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ อันเป็นภารกิจที่เป็นพันธกิจที่ไม่มีวันสิ้นสุดของพรรค ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top