Friday, 17 May 2024
พรรคเพื่อไทย

‘ช่อ พรรณิการ์’ เผย ทิศทางจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ชี้ โหวตนายกฯ รอบต่อไป ‘เพื่อไทย’ รับแรงกดดันเต็มๆ

(22 ก.ค. 66) ผู้ใช้ TikTok บัญชี ‘missyoumt1368’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอของ ‘ช่อ พรรณิการ์ วานิช’ ผู้ก่อตั้งคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ได้ออกมาพูดถึงแนวโน้มทิศทางของการโหวตนายกฯ ครั้งต่อไป โดยในคลิประบุว่า…

“ถ้าก้าวไกลถอย เรื่อง ม.112 โดนด่านะคะ แต่จะรักษาพันธมิตร 8 พรรค และอาจจะมีบวกเพิ่มอีกสักพรรคสองพรรคเพื่อให้ได้คะแนนเสียงมากพอ แต่มันก็อาจจะเป็นรัฐบาลที่ไม่ได้ตรงกับความต้องการของประชาชนขนาดนั้น หากก้าวไกลไม่ยอมถอยเรื่อง ม.112 ยืนยันเดินหน้าต่อ ก็จะเข้าเกม ‘เขี่ยก้าวไกลพ้นจากสมการตั้งรัฐบาล’ พรรคเพื่อไทยจำเป็นที่จะต้องไปหาพรรคอื่นมาเติมให้เสียงครบ จะเป็นพรรคพลังประชารัฐหรือเปล่า? หรือพรรคภูมิใจไทย? ซึ่งทางนั้นก็คงแต่งตัวรออยู่แล้วอย่างแน่นอน นั่นคือภารกิจในการจัดตั้งรัฐบาลที่พลิกขั้วเปลี่ยนข้าง ซึ่งก็จะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะการที่จะบอกว่า ตราบใดที่ไม่มีประยุทธ์ก็ถือว่าพลิกขั้วเปลี่ยนข้างสำเร็จแล้ว… เราอยู่กันมาขนาดนี้แล้ว เราจะไม่คิดแบบนั้นใช่ไหมคะทุกคน?

เพราะถึงอย่างไร ‘ประยุทธ์’ กับ ‘ประวิตร’ นั้น ไม่ได้มีความแตกต่างกันในระบอบปรสิตที่เกาะกินประเทศนี้อยู่ เพราะฉะนั้น ในช่วงสัปดาห์หน้าก่อนหน้าที่จะถึงวันโหวตนายกฯ ครั้งต่อไป คือในวันที่ 27 ก.ค. ทางพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวในการแถลงว่า เขาจะปิดจ็อบให้ได้ในวันที่ 27 ก.ค. ประเทศรอช้ากว่านี้อีกไม่ได้แล้ว ซึ่งตรงนี้ทางเราก็เห็นด้วย หากต้องลากต่อไปเรื่อย ๆ มันก็คงจะยากอยู่ ตอนนี้ประเทศต้องมีรัฐบาลเข้ามาบริหาร แต่ถ้าจะปิดจ็อบเร็วขนาดนี้ หมายความว่า พรรคเพื่อไทยเองก็มีแรงกดดันสูงมากที่จะต้องตัดสินใจ ในการเลือกว่าตกลงจะเอาพรรคไหน ไม่เอาพรรคไหน ในการร่วมรัฐบาลและจัดตั้งรัฐบาลให้ประสบความสําเร็จภายในวันที่ 27 ก.ค.นี้ 

การตัดสินใจครั้งนี้ ใครจะเป็นผู้ออกปากในเรื่อง ม.112 ก้าวไกลจะถอยหรือจะไม่ถอยอย่างไร การถอยหรือไม่ถอยของก้าวไกลจะมีผลอย่างมีนัยสําคัญ ต่อการได้กลับมาหรือไม่ได้กลับมาเป็นรัฐบาลของพลเอกประวิตร และพรรคพลังประชารัฐ ทั้งหมดนี้เป็นสถานการณ์ที่ประชาชนจําเป็นต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด และอย่าลืมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ‘เสียงของประชาชน’ ต้องมีความหมาย สิ่งที่ถูกประกาศออกไปแล้วผ่านบัตรเลือกตั้ง คือ ประชาชนในประเทศนี้ต้องการ ‘การเปลี่ยนแปลง’ ต้องการพลิกขั้วเปลี่ยนข้างรัฐบาล และมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศให้ได้ เราจะยังยืนยันคําเดิมว่า พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล คือสิ่งที่ดีที่สุด คือส่วนผสมที่ดีที่สุดที่จะพาประเทศนี้เดินไปข้างหน้าต่อ แต่ส่วนผสมนี้ ในวันนี้ จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่? และต้องเสียอะไรไปเพื่อให้ได้มันมา ต้องจ่ายอะไรไปเพื่อจะได้สิ่งนี้มา รอดู อีกไม่นานจะรู้ ว่าวันที่ 27 กรกฎาคม จะเกิดอะไรขึ้นที่รัฐสภา 

‘ส.ว.สมชาย’ โพสต์เย้ยพรรคส้ม หม้ายขันหมาก พร้อมโชว์สูตรจัดตั้งรัฐบาล ‘เหลือง+แดง=น้ำเงิน’

(23 ก.ค. 66) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)​ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

“เพื่อไทยจัดขันหมากรัฐบาลใหม่ชวนพรรค 2 ลุง 1 หนู ยิ้มกันหน้าระรื่น ไฉนหม้ายขันหมากก้าวไกล ยังขอทนร่วมรัฐบาลสูตรเหลือง+แดง=น้ำเงิน

มีก้าวไกลไม่มีลุง #มีลุงไม่มีก้าวไกล #ด้านไว้ก่อนพ่อสอนไว้?”

‘ฟลุค เดอะสตาร์’ ทวีตจวก ‘ก้าวไกล’ เป็นภาระ!! ชี้!! ถ้าตั้งรัฐบาลสำเร็จตั้งแต่แรก ‘เพื่อไทย’ ก็ไม่ซวย

(23 ก.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพชร ธรรมมล หรือ ‘ฟลุค เดอะสตาร์’ นักร้อง นักแสดง ที่ผันตัวมาเล่นการเมืองภายใต้สังกัดพรรคเพื่อไทย ได้ทวีตข้อความ โดยระบุว่า…

“ถ้าก้าวไกลมีปัญญาทำให้สำเร็จแต่แรก วันนี้เพื่อไทยไม่ซวยนะ ภาระชิบหาย”

ทั้งนี้ ชาวทวิตเตอร์ต่างเข้ามารีทวีตข้อความดังกล่าว พร้อมกับแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

ต่อมา ฟลุค ยังทวีตเพิ่มเติมอีกว่า…

“แล้วไง? ใครจะเถียงว่า พท.ไม่ได้กำลังเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวความล้มเหลวที่ กก.ทิ้งไว้พา 8 พรรคไปต่อให้ไกลที่สุด ซึ่งผลมันก็มาจากคำโกหกว่า ส.ว.เป็นเสือกระดาษโหวตให้ 100 เสียง ชัวร์ไหน? วันนี้ พท.พยายามหาเสียงโหวตเพิ่ม แล้วก้าวไกลทำอะไรครับนอกจากปล่อย ส.ส.มาทวิตแขวะ? ทำตัวแบบนี้ก็ภาระจริงนะ ยืนยัน”

“ถ้าไม่เดินต่อในทางที่เดินได้ตามกติกาเพื่อร่าง รธน.ใหม่ตัดอำนาจ ส.ว.ในรอบหน้า อินฟลูทั้งหลายที่เอาข้าพเจ้าไปแขวนกับทัวร์ส้มจะออกมานำมวลชนปฏิวัติก็ได้นะครับ เชื่อว่าทำได้ จิตใจมันสู้กว่าใครอยู่แล้ว จะรอนะ💋🧡”

‘อนุทิน’ ชี้!! ประเทศรอเลือกนายกฯ อีก 10 เดือนไม่ได้  พร้อมส่งกำลังใจหนุนให้ ‘เพื่อไทย’ จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ

(25 ก.ค. 66) ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมสส.ของพรรค กรณีที่มีข้อเสนอให้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล รอให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) หมดวาระช่วงเดือนพ.ค.67 ก่อนที่จะเลือกนายกรัฐมนตรี ว่า พรรคภูมิใจไทยรอไม่ได้ เพราะไม่เป็นผลดีต่อการบริหารงานของประเทศ

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยเชิญเข้าไปพูดคุย เพื่อหาทางออกให้วิกฤตประเทศ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเพียงการไปพูดคุย ซึ่งมีการแถลงข่าวไปแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามที่แถลงข่าว คือพรรคภูมิใจไทยจะไม่ร่วมงานกับพรรคที่เสนอแก้มาตรา 112 คือพรรคก้าวไกล ทั้งนี้ ขอส่งกำลังใจให้พรรคเพื่อไทยในการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ ส่วนพรรคภูมิใจไทยหากมีเรื่องใดสามารถพูดคุยหรือช่วยเหลือได้ก็ยินดีที่จะทำ

เมื่อถามว่า หากพรรคอันดับ 2 อย่างพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคอันดับ 3 อย่างพรรคภูมิใจไทยมีความพร้อมหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ให้ถึงเวลานั้นก่อนค่อยพูด เพราะตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่แน่นอน

‘เศรษฐา’ วืดนายกฯ ถ้าไม่ยอมเจ็บ พรรคส้มป่วน ‘ไพร่หมื่นล้าน’ ก้าวพลาด!!

ช่วงวันหยุดยาว ‘เล็ก เลียบด่วน’ ใคร่สรุปสถานการณ์ ด้วยการหมายเหตุสถานการณ์น่าสนใจเพียง 3 เรื่องก็พอจะเห็นภาพใหญ่ทางการเมืองเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลและเรื่องที่เกี่ยวเนื่อง ตามมาครับ...

เรื่องแรก – กรณีการเดินทางของไพร่หมื่นล้าน อดีตหัวหน้าพรรคไปพบ ‘คนแดนไกล’ ที่ฮ่องกง เมื่อ 24-25 ก.ค.ที่ผ่านมา สื่อมวลชนงัดหลักฐานเที่ยวบินชัดเจน พร้อมรายงานผลการเจรจาว่าไพร่หมื่นล้าน ผู้นำทางจิตวิญญาณเจรจาสูตรรัฐบาลว่า… พรรคสอง ก. หรือ ก้าวไกลยอมถอยเป็นฝ่ายค้านและจะโหวตให้พรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ แต่มีเงื่อนไขว่าเพื่อไทยต้องไม่เอาพรรคสองลุง เข้าร่วมรัฐบาล…

งานนี้ถูก ส.ว.ตัวตึง ‘สมชาย แสวงการ’ ออกมาดักคอว่าเป็นสูตร ‘ซ่อนปมซ่อนเงื่อน’ วางแผนให้พรรคก้าวไกลเข้าร่วมรัฐบาลในภายหลัง...

ประการสำคัญยิ่ง งานนี้ผู้นำทางจิตวิญญาณเสียหายชนิดประเมินค่ามิได้ เพราะบรรดานักวิชาการ ปัญญาชน ชนชั้นกลาง รวมทั้งมวลมหาประชาชาวด้อมส้มที่ศรัทธาอุดมการณ์พรรคก้าวไกลเห็นว่าวิธีการดังกล่าวเป็นการเมืองแบบเดิมๆ ดังนั้นขอให้ชายชื่อ ‘ธนาธร’ แถลงด่วนว่าอะไรเป็นอะไร...

เรื่องที่สอง – วันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา เกิดการรัฐประหารเงียบในการประชุมใหญ่สามัญพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ ‘บิ๊กป้อม’ ขอลาออกจากหัวหน้าพรรค ณ เวลา 08.30 น.ทำให้กรรมการบริหารพรรคชุดเก่าสิ้นสภาพ ต้องล้างไพ่เลือกกันใหม่ได้ ‘บิ๊กป้อม’ เป็นหัวหน้าพรรคเหมือนเดิม แต่เลขาธิการพรรคเปลี่ยนจาก ‘สันติ พร้อมพัฒน์’ เป็น ‘ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า’ ...ไม่แต่เท่านั้นหัวหน้าพรรคป้อมมีคำสั่งทันทีแต่งตั้งน้องชาย ‘พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ’ หรือ ‘บิ๊กป๊อด’ เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค

เป็นที่รู้กันว่าสำหรับ ‘บิ๊กป๊อด’ อดีต ผบ.ตร.คนดังนั้นเป็น มาสเตอร์ไมด์ ในพรรคพลังประชารัฐมาโดยตลอด งานนี้เปิดตัวมาอยู่เบื้องหน้า เท่ากับว่าพรรคนี้มี ‘พัชรวาท-ธรรมนัส’ เป็นเพลย์เมกเกอร์ เปิดซุปเปอร์ดีลกับพรรคเพื่อไทย… ถึงขนาดมีข่าวลือลอยลมล่วงหน้าว่ามานานแล้วว่า บิ๊กป๊อดขอนั่งมหาดไทย ผู้กองขอคุมเกษตรฯ…

เรื่องที่สาม – เรื่องการกลับบ้านของทักษิณ ชินวัตร ที่ฮือฮากันไม่เสร็จก็คือ ทันทีที่จอมแฉ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ โพสต์เฟซบุ๊กว่า “เกมพลิก ทักษิณถอย ยกเลิกกลับไทย สถานการณ์เปลี่ยน” ไม่กี่นาทีหลังเพจกรรมการข่าวเอาไปโพสต์ต่อ… ปรากฏว่า ‘อุ๊งอิ๊ง’ ลูกสาวนายห้างโพสต์สวนทันทีว่า “เพ้อเจ้อ” ซึ่งถ้าแปลความตามนี้ก็หมายถึงว่า คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ยืนยันว่าวันที่ 10 ส.ค.นี้ คุณพ่อทักษิณกลับบ้านแน่…

และนั่นก็ต้อง… ขยายความกันต่อว่าดีลการเมืองเกมใหญ่ก็ยังไม่พลิกไปจากเดิมคือ เพื่อไทยเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล โดยเอาพรรคก้าวไกลออกจากสมการ กำหนดวันโหวตนายกรัฐมนตรีวันที่ 4 ส.ค.นี้

การเมืองในช่วงวันหยุดยาวนี้คือ การเจรจาหาความลงตัว… โดยเฉพาะอย่างยิ่งโจทย์ที่ไพร่หมื่นล้านตั้งไว้ว่าต้อง ‘ไม่มีสองลุง’ ถึงแม้จะฟังดูเพ้อเจ้ออยู่บ้าง แต่ก็ทำเอาพรรคเพื่อไทยปวดหัวอยู่ไม่น้อย เพราะหากเศรษฐา ทวีสิน จะเป็นนายกฯ ต้องกลืนคำพูดที่ว่าไม่เอาพรรคสองลุงของตัวเอง… ต้องยอมเจ็บแต่จบ… แต่ถ้างอแงมากๆ หวยนายกฯ คนที่ 30 อาจจะพลิกไปออกที่ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’

สรุปสูตรข้ามขั้ว… ไม่มีก้าวไกล แต่มีพรรคภูมิใจไทยและขั้วเดิมไปเติมแทนยังเป็นทิศทางหลัก… และเป็นไปได้โดยที่พรรคเพื่อไทยต้องยอมเจ็บ ไม่ป๊อดมาก แต่ขณะเดียวกันพรรคสองลุงก็ต้องลดการต่อรองหรือต้องสร้างสภาพเงื่อนไขให้การเมืองเดินหน้าไปได้… ไม่อย่างนั้น อาจทำให้มวลมหาประชาชาวด้อมส้มอันบางเบามีลูกฮึดขึ้นมา… ขอบอก!!

‘เศรษฐา’ ลั่น!! ถึงเวลาที่เศรษฐกิจไทยจะกลับมาผงาดอีกครั้ง เชื่อ ศักยภาพคนไทยเทียบ ‘สิงคโปร์ - ฮ่องกง’ ได้แน่นอน

เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 66 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ หรือเอ็กซ์ เกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย

โดยระบุข้อความว่า…

“ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยจะเป็นตัวเลือกตัวที่สาม ผมมั่นใจในศักยภาพของคนไทย และองค์ประกอบทั้งหมดที่ประเทศไทยควรที่จะได้รับเลือกให้เป็นคู่แข่งของสิงคโปร์และฮ่องกง”

‘ภูมิธรรม’ เผย การเมืองไทยอยู่ในสถานการณ์ผิดปกติ ชี้ ควรอยู่กับความจริง-เร่งหาทางออก พาประเทศฝ่าวิกฤต

‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้ สถานการณ์การเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ และถือได้ว่าวิกฤตพอสมควร ระยะเวลาที่ล่าช้าออกไปอาจทำให้ประเทศวิกฤตมากขึ้นไปอีก ซึ่งพรรคเพื่อไทยยืนอยู่บนความเป็นจริง และใช้วิธีแก้ปัญหาแบบละมุนละม่อม แสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อฝ่าวิกฤตนี้ไปให้ได้และทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆ

1.) ขณะนี้อยู่ในช่วงเวลาวิกฤต ทั้งด้านกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ปัญหาโครงสร้างภายในประเทศ ซึ่งมีความขัดแย้งที่เป็นพื้นฐานยังดำรงอยู่ การที่จะได้นายกรัฐมนตรีที่ทุกฝ่ายสบายใจจนสามารถเลือกมาได้ก็จะเป็นกระบวนการสร้างความเชื่อมั่นได้ดีที่สุด  

2.) สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยไม่ใช่เรื่องง่าย ในฐานะพรรคแกนนำจะต้องหนักแน่น มีความเป็นผู้นำ มิเช่นนั้นจะไม่สามารถนำพาประเทศและความแตกต่างของพรรคการเมืองต่างๆ มาช่วยกันพาประเทศพ้นวิกฤตได้ เราจะต้องตัดสินใจบนความเป็นจริงของสถานการณ์และความต้องการของประชาชน ขณะที่พรรคการเมืองต่างๆ ก็มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเราก็ต้องให้ความเคารพ

3.) “เราอยู่ในช่วงเวลาวิกฤต ทั้งด้านกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ปัญหาโครงสร้างภายในประเทศ ซึ่งมีความขัดแย้งที่เป็นพื้นฐานยังดำรงอยู่ การที่จะได้นายกรัฐมนตรีที่ทุกฝ่ายสบายใจจนสามารถเลือกมาได้ ก็จะเป็นกระบวนการสร้างความเชื่อมั่นได้ดีที่สุด”

4.) สถานการณ์ขณะนี้ชี้ให้เห็นว่าประเทศเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ประชาชนและนักการเมืองก็เปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน ทุกคนรู้ว่า8-9 ปีที่ผ่านมาประเทศเกิดปัญหาอะไรขึ้นบ้าง  รวมถึงวิกฤตการณ์ภายนอกประเทศอีกมากมาย ดังนั้น จึงต้องกำหนดปัญหาของประเทศเป็นหลัก ถ้าประเทศรอด ประชาชนรอด ทุกคนก็จะรอดหมด ซึ่งนักการเมืองทุกคนรู้อยู่แก่ใจ ดังนั้นจึงต้องมาหาทางออกร่วมกัน ต้องเอาวาระประเทศและประชาชนเป็นตัวตั้ง

5.) ภูมิธรรม ย้ำว่า นโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้จะต้องทำให้สำเร็จในอายุรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเรามุ่งมั่นที่จะทำการเมืองรูปแบบใหม่ ด้วยการเอาปัญหาของประชาชน และผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาปัญหาและผลประโยชน์ของพรรคการเมืองเป็นตัวตั้ง  

6.) ภูมิธรรมเชื่อมั่นว่าบุคลากรของพรรคเพื่อไทย รวมถึงประสบการณ์การทำงาน เป็นองค์ประกอบที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศที่วิกฤต และมีปัญหาความขัดแย้งสะสมมากว่า 20 ปี “เราเชื่อว่าจุดยืนของพรรคเพื่อไทย ที่ยืนอยู่บนความเป็นจริง ใช้วิธีการปัญหาแบบละมุนละม่อม แสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย จะช่วยให้เราฝ่าวิกฤตินี้ไปได้ และทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆ”

‘รองโฆษก พท.’ แจงปมราคาที่ดิน เชื่อ แวดวงอสังหาฯ เข้าใจดี ชี้!! ‘ราคาประเมิน’ อาจไม่สัมพันธ์กับ ‘ราคาซื้อขายจริง’ เสมอไป

(5 ก.ค. 66) นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตนว่าน่าแปลกใจมากที่ทำไมคนที่เข้าใจการซื้อขายที่ดินดีถึงหยิบเอา ‘ราคาประเมิน’ มาวิพากษ์วิจารณ์ ‘ราคาซื้อขายจริง’ คนที่ทำงานในแวดวงอสังหาริมทรัพย์เข้าใจดี ว่าราคาซื้อขายจริง ไม่สัมพันธ์กับราคาประเมินเสมอไป และการที่เอกชนรายหนึ่งตัดสินใจซื้อที่ดินแปลงใดในราคาใดก็ตาม ไม่ใช่เพราะเค้าเองปั่นราคาขึ้น แต่เพราะ ‘ความต้องการของตลาด’ ที่ปั่นให้ราคาขึ้นไป

ทั้งนี้ ที่ดินในย่านวิทยุ-สวนลุมพินี-หลังสวน เป็นย่านซูเปอร์ลักชัวรี (Super Luxury) หรือบางที่เรียก หรืออัลตร้าลักซ์ชัวรี (Ultra Luxury) ด้วยซ้ำ ทำให้ที่ดินในโซนนี้มีราคาซื้อขายที่ดินที่ทะลุเพดานราคาเดิม (New High) เสมอ แปลงที่เป็นประเด็นอยู่ก็เช่นกัน ภายใต้ปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่

1.) เป็นที่ดินกรรมสิทธิ์ขาด หรือ ‘Free Hold’ แปลงท้ายๆในโซนที่ยังไม่ถูกพัฒนา ต่างจากอีกหลายแปลงที่เป็นสิทธิการเช่า หรือ ‘Lease Hold’

2.) เป็นแปลงขนาด 1 ไร่ ติดถนนกว้าง มีขนาดพอเหมาะ พัฒนาอาคารสูงได้ ศักยภาพที่ดินแบบนี้ราคาต่อตารางวา จะโดดสูงกว่าที่ดินแปลงใหญ่หลายๆไร่ ที่จะถัวเฉลี่ยราคาต่อตารางวาลง

3.) เป็นแปลงที่สามารถได้รับวิวสวนลุมพินี ที่คนทำงานอสังหาชอบขายว่าเป็น ‘เซ็นทรัลพาร์กเมืองไทย’ ได้ดีมาก

และด้วยเหตุผลเหล่านี้ต่างหากที่ปั่นให้ราคาที่ดินแปลงนี้สูง และต้องใช้บริษัทที่มีศักยภาพและมีความน่าเชื่อถือเป็นผู้พัฒนา เพราะเมื่อพัฒนาเป็นคอนโดแล้วจะต้องขายอย่างต่ำราว 600,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ก็ไม่แปลกที่แสนสิริกล้าซื้อ เพราะโครงการที่เคยพัฒนาไปก่อนนี้ อย่าง 98 wireless ก็มีราคาขายไปแตะ ตารางเมตรละ 1 ล้านบาทมาแล้ว

“ที่พูดมาทั้งหมดนี้ ผมเพียงอยากให้ทุกคนระมัดระวังในการรับข้อมูล และอย่าตกเป็นเครื่องมือในการปั่นให้เข้าใจผิด ผมเชื่อว่าคนทำงานอสังหาฯ เข้าใจตรงกัน ว่าธรรมชาติของราคาที่ดินในย่าน ultra luxury นี้เป็นอย่างไร” นายชนินทร์ กล่าว

‘จตุพร’ หยัน!! ‘เพื่อไทย’ หมดสภาพและไม่เชื่อ ‘ทักษิณ’ จะกลับไทย  ชี้!! พรรคอันดับ 3 ผงาด!! แต่นายกฯ อาจมาจากพรรคอันดับ 4

‘จตุพร’ สงสาร ‘ทักษิณ’ เลื่อนกลับไทย ถามเป็นอะไรหรือเปล่า ฉะตรรกะ “เราไม่ได้ข้ามไปหา แต่เขาข้ามมาเอง” สะท้อน ‘เพื่อไทย’ หมดสภาพ อยู่ในช่วงตกต่ำสุดขีด สูญสิ้นอำนาจต่อรอง ถูกไล่ต้อนให้เป็น ‘พรรคสมุน’ ของพรรคอันดับ 3 คาด นายกฯ อาจมาจากพรรคอันดับ 4

(6 ส.ค. 66) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “ดูท่า… ว่าจะ?” เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 66 ระบุว่า…

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีคดีอยู่ต่างประเทศ ไม่ควรประกาศซ้ำสองกรณีเลื่อนกลับไทยอีก 2 สัปดาห์ เพราะฟังดูยิ่งน่าเห็นใจ เป็นห่วง ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ดังนั้นให้คิดปล่อยจิตว่าง ทำตามที่สบายใจ จะกลับมาวันไหนก็ติดคุกอยู่ดี

นายจตุพร กล่าวว่า การไม่กลับไทยตามเวลานัด 10 ส.ค. ของนายทักษิณ เป็นไปตามที่ตนประเมินไว้ทุกประการ อีกทั้งได้แนะเหตุผลให้อ้างป่วยก็ตรง และยังทำตาม ส่วนการเลื่อนกลับไทยไปอีก 2 สัปดาห์ ยังต้องฟังหูไว้หู เพราะแม้มนุษย์เราไม่มีใครอยากผิดคำพูด แต่แสดงถึงใจยังไม่ปล่อยวางกับการตัดสินใจมาติดคุกโดยดุษฎี จึงได้แต่ฟังคำพูดคนอื่น ทั้งที่ทางปฏิบัติแล้วไม่เคยมีอยู่จริงที่ไม่ต้องติดคุก ความจริงคนระดับอดีตนายกฯแล้ว นายทักษิณไม่จำเป็นต้องประกาศกลับบ้านเป็นครั้งที่สอง เพราะขาดความน่าเชื่อถือ เมื่อประกาศครั้งเดียวก็ให้มาเลย อย่างไรก็ตามขอให้ตัดใจปล่อยวางการติดคุกให้ได้ ตนเสนอให้เอาตามสบายใจ จะมาวันไหนก็มา แต่ต้องติดคุกอยู่ดี

นายจตุพร กล่าวว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่นายทักษิณระบุจะกลับไทยในวันใดวันหนึ่งนั้น โดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 10-24 ส.ค. ซึ่งเป็นช่วงการเจรจาลับตั้งรัฐบาลอย่างเข้มข้น และต้องยกมือไหว้ สว.ในทางแจ้งเพื่อให้ช่วยตั้งรัฐบาลข้ามขั้วอีก จึงเป็นสถานการณ์ที่ชุลมุนในทางการเมืองอย่างหนัก รวมทั้งคาดว่าสถานการณ์จริงทางการเมืองไทยจะเริ่มในวันที่ 16 ส.ค. ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดสั่งคำร้องข้อบังคับการประชุมรัฐสภาขัดรัฐธรรมนูญ (รธน.) หรือไม่ ดังนั้นวันที่ 17 ส.ค.จะโหวตนายกฯ เมื่อได้นายกฯ จะมีเวลาตั้งรัฐบาลอีกเพียง 7 วัน และนายทักษิณจะกลับไทยตามคำประกาศครั้งสอง จึงเป็นไปไม่ได้เพราะกระชั้นชิดมาก และคงต้องเลื่อนอีกครั้งค่อนข้างแน่นอน

“ขอแนะนำอีกว่าหลังจากตรวจร่างกายตามแพทย์บอกแล้ว หมอต้องสั่งห้ามเดินทางเด็ดขาด อีกทั้งระยะเวลาทางการเมืองและการตั้งรัฐบาลยังไม่สอดคล้องกัน จึงเป็นไปไม่ได้จะกลับมาช่วงนั้น เพราะเป็นช่วงชุลมุนตามข้อตกลงตั้งรัฐบาล แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ การโหวตนายกฯ นายเศรษฐา ทวีสิน คงไม่ได้เป็นนายกฯ”

นายจตุพร กล่าวถึง ‘นายภูมิธรรม เวชยชัย’ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่า เคยยืนกรานว่านายทักษิณกลับไทยตามวันเวลาเดิม แล้วเมื่อเลื่อนกลับ จะมีการทวงหาคำพูดจากนายภูมิธรรมบ้างหรือไม่ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญในช่วงนี้คำพูดทางการเมืองแสดงถึงการพูดไม่จริงระหว่างกันทั้งสิ้น โดยหลายคนอธิบายเหตุผลนายทักษิณกลับไทยต้องเชื่อว่าเป็นจริง เพราะ ‘อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร’ ลูกสาว เป็นคนประกาศด้วยตัวเอง ดังนั้น นายทักษิณ คงไม่ยอมทำให้ลูกเสียหายได้ ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ผิดที่สุด

“ถ้าลูกรู้ว่า พ่อเข้ามาแล้วติดคุก จะมีลูกคนไหนบอกพ่อให้กลับมาเพื่อช่วยรักษาหน้าตาของลูก ซึ่งในโลกความจริงไม่มีลูกคนไหนยอมให้พ่อมาติดคุกหรอก เพราะพ่อติดคุกเท่ากับครอบครัวต้องติดคุกไปด้วย ดังนั้น สัญชาตญาณของลูกที่รักพ่อ ย่อมทนเห็นพ่อติดคุกไม่ได้”

นายจตุพร ระบุว่า ตนไม่เข้าใจนายทักษิณ พูดเลื่อนกลับไทยอีกทำไม ถ้าไม่ติดใจอะไรแล้ว จะกลับก็มาเลย แต่การประกาศแบบปลายเปิดลักษณะนี้มันน่าสงสารว่า เป็นอะไรมากหรือเปล่า เพราะช่วงเวลาทางการเมืองนั้นมันเป็นเรื่องยากที่สุด ควรต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งเสีย เนื่องจากการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายเป็นเรื่องยากมาก

นายจตุพร กล่าวถึงการตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ว่า จากนี้ไปอำนาจต่อรองของเพื่อไทยได้สูญหายไปตามลำดับ และประชาชนที่สนับสนุนจะหดหายไป คงเหลืออีกไม่สักเท่าไร นอกจากนี้แกนนำบางคนให้เหตุผลการตั้งรัฐบาลข้ามขั้วว่า เราไม่ได้ข้ามขั้ว แต่เขาข้ามมาหาเราเอง แสดงถึงการจนปัญญา หมดหนทางอธิบาย เพราะแถมาทุกทิศทางแล้ว จนสีข้างถลอกหมดจึงไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

นายจตุพร ประเมินว่า หากเพื่อไทยตั้งรัฐบาลไม่ได้ คงเกิดจากเงื่อนไขไม่มีพรรคสองลุงมาร่วมด้วย ดังนั้น การโหวตนายกฯ ก็จะถูกคว่ำทันที อีกรณีหนึ่งคือ เพื่อไทยอาจไม่ส่งแคนดิเดตนายกฯ ให้สภาฯ โหวต แล้วมอบให้พรรคอันดับ 3 เป็นผู้รวบรวมเสียงตั้งรัฐบาลและเสนอแคนดิเดตนายกฯ ให้สภาโหวตเห็นชอบ

“การให้พรรคอันดับ 3 มาจัดตั้งรัฐบาล เพื่อไทยจะกลายเป็นพรรคถูกชวนเข้าร่วมด้วย แต่พรรคที่ 3 อาจส่งมอบนายกฯ ให้พรรคอันดับ 4 ก็ได้ ซึ่งพร้อมรออยู่ ดังนั้นไม่ว่าอธิบายมุมใดที่เพื่อไทยถูกเชิญมาร่วมรัฐบาลนั้น ก็จะกลายเป็นเพียงพรรคสมุนของพรรคอันดับสามและสี่ไปทันที”

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ถูกตรวจสอบกรณีเลี่ยงภาษีที่ดิน ว่า เมื่อการกล่าวหามีน้ำหนักทางการเมือง โดยเน้นการตรวจสอบคุณสมบัติทางจริยธรรมของบุคคลจะเข้ามามีตำแหน่งทางการเมืองต้องมีความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้นในกรณีนายเศรษฐา จึงเสี่ยงกับตำแหน่งนายกฯ เพราะมีแต่เสียกับเสีย และพร้อมเกิดแรงเหวี่ยงกระทบกับชีวตในอนาคตด้วย

“เผลอๆ ไม่กี่วันนี้ คุณเศรษฐา อาจคิดโยนผ้าไม่เป็นนายกฯ หรือจะมีคนอื่นจัดการไม่ส่งก็ได้ เพราะกรณีตรวจสอบจริยธรรมการเลี่ยงภาษีที่ดินจะส่งผลกระทบในวงกว้างมาก ดังนั้นถัดจากนี้ไป คุณเศรษฐา คงต้องกำหนดท่าทีและจุดยืนทางการเมืองว่า จะเอาอย่างไร”

นายจตุพร เชื่อว่า การโหวตนายกฯอาจต้องขยายเวลาออกไปอีก แต่จะออกแบบกันอย่างไรก็จะนำพาสู่วิกฤตใหญ่ เพราะการอธิบายอะไรก็ตามทำให้ผิดเป็นถูก ย่อมเป็นตรรกะที่ยากมากที่สุด เช่น การอธิบายว่า ไม่ได้ข้ามไปหาเขา แต่เขาข้ามมาหาเอง ซึ่งเป็นตรรกะที่วิบัติอย่างยิ่ง การใช้ตรรกะ “เขามาเอง” มาอธิบายการข้ามขั้วนั้น ไม่แตกต่างจากคำพูดหาเสียงประกาศแก้ ม.112 แต่เมื่อจะตั้งรัฐบาลก็บอกไม่แก้แล้ว ม.112 แล้วเหลือแยกทางจากก้าวไกล คิดจะไปตั้งรัฐบาลแบบหมูๆ แต่กลับไม่ง่ายตามหวังหลังจากแยกทางก้าวไกล เพราะอำนาจต่อรองเปลี่ยนไป การเจรจาตกเป็นรองพรรคอื่น และที่สำคัญทำให้ประชาชนเสียไปด้วย

“ดังนั้น อะไรก็ตามที่ท้าทายความรู้สึกคน เอาการร่วมเป็นร่วมตายมาละเลงเล่นดูเสมือนประชาชนไม่มีความรู้สึก คิดว่าทำอะไรก็ได้ จึงเป็นการคิดผิดอย่างมาก อีกทั้งเกิดภาพยกมือไหว้ สว.กลางห้องประชุมสภา เพื่อขอปิดสวิตช์ตัวเอง เป็นการกระทำที่ผิดวิสัย ซึ่งไม่น่าได้เห็น แต่ก็เห็นจนได้ จึงเป็นพฤติกรรมแบบหมดสภาพของพรรคอันดับสอง” นายจตุพร กล่าว

‘สมศักดิ์-วิสุทธิ์’ นำทีม สส.เพื่อไทย ลุยสุราษฎร์ฯ ช่วยพี่น้องเกษตรกร หารือแนวทางแก้ปัญหาโรคใบร่วงระบาด ทำน้ำยางพาราลดลง 40%

เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 66 คณะพรรคเพื่อไทย นำโดย สมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย วิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยและคณะลงพื้นที่ชุมชนบ้านเรียบ ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เยี่ยมผู้นำชุมชน เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราในพื้นที่ปักษ์ใต้ เพื่อรวบรวมปัญหาที่พบส่งให้รัฐบาลใหม่ที่กำลังจัดตั้ง ได้นำไปแก้ไขปัญหาให้พี่น้องอย่างทันท่วงทีที่สุด

1.) สมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่าขณะนี้เกิดปัญหาโรคใบร่วงระบาดในสวนยาง ส่งผลให้ผลผลิตน้ำยางลดลงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงทำให้ต้นยางเกิดปัญหายืนต้นตาย โดยวิธีแก้ไขเบื้องต้นสามารถใช้สารแคลเซียมคาร์บอเนตเพื่อลดปัญหาได้ในระดับหนึ่ง แต่จะต้องได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐ ที่จะต้องเข้ามาดูแลช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก

2.) พรรคเพื่อไทย ห่วงใยปัญหาของพี่น้องเกษตรกรทุกกลุ่ม ไม่ใช่แค่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกยาง ตลอดเวลาได้ศึกษาวิจัยและรวบรวมข้อมูลและเมื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่เสร็จสิ้น จะสามารถนำมาใช้เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ทันที

3.) วิสุทธิ์ ไชยณรุณ กล่าวว่าในเรื่องของเกษตรกร ถือเป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย ซึ่งหลังจากนี้ จะต้องเดินหน้าในการจัดอบรมให้ความรู้เกษตรกรในการเพาะปลูก และการเลี้ยงปศุสัตว์แบบถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นการหว่าน หรือ การใช้สูตรปุ๋ยที่เหมาะกับพืชที่ปลูก เพื่อที่จะให้ได้ผลผลิตที่มากขึ้น รวมถึงเพิ่มมูลค่าผลผลิตมากขึ้นกว่าเดิม

4.) สกุณา สาระนันท์ สส.สกลนคร กล่าวว่าหน้าที่รัฐบาลใหม่ที่ต้องทำ คือการพัฒนาผลผลิต หาตลาดใหม่ให้แก่ผู้เพาะปลูก รวมทั้งการส่งเสริมใช้นวัตกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิตให้งอกเงยมากขึ้น และเพิ่มทุนให้แก่เกษตรกรเพื่อให้มีสภาพคล่องมากกว่าที่เป็นอยู่ 

5.) คณะพรรคเพื่อไทย ที่ลงพื้นที่ในโอกาสนี้ ประกอบด้วย สมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อ, วิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานนโยบายด้านการเกษตร พรรคเพื่อไทย, ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย, อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ, สกุณา สาระนันท์ สส.สกลนคร, ประภาพร ทองปากน้ำ สส.สุโขทัย, มนพร เจริญศรี สส.นครพนม, ธัญธารี สันตพันธ์ สส.อุบลราชธานี, สุรพจน์ เตาะเจริญสุข สส.ขอนแก่น, ทินพล ศรีธเรศ สส.กาฬสินธุ์, ศุภจักร บุตรก้ำพี้ และ ดรุฒ คำวิชิตธนาภา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top