Friday, 17 May 2024
พรรคเพื่อไทย

ไทม์ไลน์ระทึก!! วัดกึ๋น วัดเกม ‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’ หลัง ส.ว.ส่งสัญญาณ ให้มันจบที่ตำแหน่งประธานสภาฯ

(24 พ.ค. 66) สวัสดีครับ… เริ่มต้นวันนี้ก็ต้องยอมรับว่ากระบวนท่าของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์และคณะก้าวไกล หลังพิธีกรรมเอ็มโอยู โดยเดินสายไปพบกับสภาอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา แม้ใครหลายคนจะขัดหูขัดตากิริยาอาการนั่งไขว่ห้างระหว่างพูดคุยอยู่บ้าง แต่ก็ได้รับคำชมเปาะจากนายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมว่า “ว่าที่นายกฯ ทิม พิธา นุ่มลึกและลุ่มลึก เข้าใจปัญหาต่างๆ ดีมาก”

เท่าที่ทราบ นายพิธาและพรรคก้าวไกลออกแบบว่า ระหว่างนี้ คณะกรรมการ 2 ชุด คือ ชุดเจรจา และชุดเปลี่ยนผ่านจะทำงานทุกวัน ส่วนหนึ่งก็เพื่อสร้างความยอมรับ เสียงขานรับให้กับว่าที่นายกฯ คนที่ 30 แบบว่าไม่ปล่อยให้เวลาหรือไทม์ไลน์อันยืดย้วยของระบบการเมืองไทย มาทำให้รัฐบาลผสม 313 เสียง หลุดจากพื้นที่ข่าวไปแม้เพียงนาทีเดียว…

อย่างไรก็ตาม บรรทัดนี้ สาธุชนก็พึงรับทราบและฟังอีกครั้ง ถึงไทม์ไลน์การเมืองที่ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้แจกแจงไว้ว่า ไทม์ไลน์น่าจะเป็นไปตามนี้…

- 13 ก.ค. คือวันสุดท้ายที่ กกต.จะรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.
- 20 ก.ค. คือวันสุดท้ายที่ ส.ส.จะรายงานตัว
- 24 ก.ค. พิธีเปิดประชุมรัฐสภา
- 25 ก.ค. เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร
- 26 ก.ค. โปรดเกล้าแต่งตั้งประธานสภา
- 3 ส.ค. ประชุมรัฐสภาเลือกนายกรัฐมนตรี
- 10 ส.ค. ได้ ครม.ชุดใหม่
- 11 ส.ค. ครม.ชุดใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณ และเป็นวันสุดท้ายของ ครม.รักษาการ

ดูไทม์ไลน์ดังที่ว่ามาแล้ว อีกตั้ง 2 เดือนเศษกว่าจะถึงวันโหวตนายกรัฐมนตรี แต่เป็นที่รู้กันว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี จะรู้กันตั้งแต่วันเลือกตำแหน่งประธานสภาแล้ว ซึ่งสรุปความตามท้องเรื่องในขณะนี้ให้สั้นที่สุดก็คือ พรรคก้าวไกลฮึ่มฮั่มกันทั้งจากนอกพรรคและในพรรค ว่าต้องเป็นของพรรคก้าวไกลเท่านั้น… ขณะที่พรรคเพื่อไทยตั้งธงว่า ขอตำแหน่งนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า แม้จะเป็นพรรคอันดับ 2 แต่คะแนนเสียงห่างกันแค่ 11 เสียงเท่านั้น…

และวันนี้… เริ่มแล้ว เมื่อนายอดิษร เพียงเกษ หัวหมู่ทะลวงฟันของพรรคเพื่อไทย ออกมาเปรี้ยงปร้างสอนน้องๆ ก้าวไกลว่า อย่าริกินรวบ ตำแหน่งประธานสภาต้องเป็นของเพื่อไทย หลังจากที่เมื่อวันก่อนนายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ทรงบารมีนอกพรรคของก้าวไกล บอกว่าเก้าอี้ประธานสภาปล่อยให้ใครไม่ได้ เพราะก้าวไกลถอยมามากแล้ว…

จะว่าไปงานนี้ ทั้งก้าวไกลและเพื่อไทยอึดอัดจนจุกอกทั้งคู่… พรรคก้าวไกลนั้น หากเก้าอี้นี้หลุดมือ เก้าอี้นายกฯ ก็อาจหลุดตาม หรือต่อให้ได้เป็นนายกฯ แต่ประธานสภาเป็นของพรรคอื่น การจะขับเคลื่อนแก้ไขมาตรา 112 และอีก 44 กฎหมายของพรรค คงเดินหน้าลำบากขึ้น ส่วนพรรคเพื่อไทยนั้น หากยื่นคำขาดว่า ถ้าไม่ได้เก้าอี้ประธานสภาก็ไม่ร่วมรัฐบาล แล้วพลิกเกมไปจับมือกับพรรคภูมิใจไทย และพลังประชารัฐ… ก็คงจะโดนกระหน่ำจาก ‘ด้อมส้ม’ และคนทั่วไปกระอักเหมือนกัน

ตำแหน่งประธานสภาจึงเป็นตำแหน่งวัดใจ วัดเกม และวัดกึ๋นของพรรคก้าวไกลและเพื่อไทย หนนี้หวยคงไม่ไปออกที่พรรคเล็กเหมือนเมื่อปี 2526 ที่พรรค 3 เสียงของนายอุทัย พิมพ์ใจชน ส้มหล่นได้เป็นประธานสภา แต่จะเป็นใคร? รอกันอีกไม่กี่อึดใจ…

ไม่เพียงแต่เราๆ ท่านๆ เท่านั้นที่ลุ้นระทึก นาทีนี้บรรดาท่านสมาชิกวุฒิสภาได้ส่งสัญญาณไปยังบางพรรคแล้ว ว่าเกมทั้งหมดอย่าให้ถึงมือ ส.ว.เลย ขอให้จบกันที่การโหวตเลือกประธานสภาเถอะ ประธานจะชื่อนายสุชาติ หรือชื่อนายชลน่านก็ว่ากันไป จากนั้นค่อยเสนอชื่อนายกฯ จะชื่อ อุ๊งอิ๊ง ชื่อประวิตร หรือชื่ออนุทิน… ส.ว.ส่วนใหญ่จะจัดให้

เอวัง – สวัสดี

เรื่อง : เล็ก เลียบด่วน

สถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาล ‘ก้าวไกล’ อาจต้องยกเก้าอี้ ประธานสภาฯ ให้เพื่อไทย เพื่อให้ ‘พิธา’ เป็นนายกฯ

(26 พ.ค. 66) เลียบการเมือง..สุดสัปดาห์   ก็ต้องมาขมวดสถานการณ์ส่งท้ายกันให้สะเด็ดน้ำอีกนิดว่า..แม้จะบอกว่าพรรคฝ่ายตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย  ยึดผลประโยชน์ชาติและประชาชน  แต่สถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกลไม่ได้ราบรื่นแบบโรยด้วยกลีบกุหลาบแม้แต่นิดเดียว...ยิ่งนานวันก็ออกอาการแบบการเมืองเดิมๆ..
เอาล่ะ ไม่พูดพล่ามทำเพลง  เล็ก  เลียบด่วน  ขอหน้าแหกฟันธงไว้สัก 3ประการดังนี้..
ประการที่หนึ่ง –ศึกชิงตำแหน่งประธานสภา   หลังจากมีการประดาบ สำแดงพลังกันพักใหญ่ ในที่สุดพรรคเพื่อไทยก็คงเป็นฝ่ายชนะ..แต่อาจมีข้อแลกเปลี่ยนพิเศษให้กับพรรคก้าวไกล...

ประการที่สอง  - เมื่อตกลงชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยได้ตำแหน่งประธานสภาแล้ว   เพื่อไทยก็จะโอบอุ้มหนุนส่งพิธา   ลิ้มเจริญรัตน์  ไปจนถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีช่วงปลายเดือนก.ค.หรือต้นส.ค.....แน่นอนพรรคเพื่อไทยยกมือหนุนให้พิธา....แต่คะแนนของพิธาจะผ่าน 376 เสียงหรือเกินครึ่งของรัฐสภาเพื่อจะได้เป็นนายกฯหรือไม่อยู่ที่มือของสว.เป็นหลัก...

ประการที่สาม- พิธาคงไปไม่ถึงฝันเพราะสว.ส่วนใหญ่ไม่ยกมือให้  ถึงตอนนั้น พรรคก้าวไกลอาจหนุนนายกฯของพรรคเพื่อไทย  แต่เสียงอาจไม่ถึง 376 เสียงอีกเพราะสว.อาจตั้งแง่ว่า  ตราบใดที่มีพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะไม่โหวตให้...เกมการเมืองก็จะพลิ กโฉมหน้าไปอีก  โดยโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะจับมือกับขั้วรัฐบาลเดิม   พรรคก้าวไกลต้องไปเป็นฝ่ายค้านมีสูงมาก...

อาจมีบางฝ่ายในปีกอนุรักษ์นิยมเชื่อว่า   เมื่อพิธาสอบไม่ผ่าน...ก้าวไกลประกาศไปเป็นฝ่ายค้าน ลุงตู่หรือลุงป้อมอาจพลิกเกมลงสู้ชิงนายกฯแข่งกับพรรคเพื่อไทย  ซึ่งน่าจะชนะแน่เพราะมี250 เสียงจากสว.หนุน  จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย    ลากไปซักปีค่อนปีแล้วค่อยยุบสภานั้น...สูตรนี้”เล็ก  เลียบด่วน”  เห็นว่าคิดได้..ทำได้  แต่ถ้าทำจริงๆน่าจะเข้าทางด้อมส้ม..เลือกตั้งรอบหน้าฟ้าถล่มดินทลายแน่นอน...ขณะที่สูตรยอมหนุนพรรคเพื่อไทย เอาไว้ถ่วงดุลกับก้าวไกล  น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า...

นั่นเป็นการคาดหมายสถานการณ์...ซึ่งไม่ว่าหวยจะออกมาอย่างไรก็ต้องขอบอกว่า  วันก่อนเห็นภาพว่าที่นายกฯทิม  พิธา  ยกคณะไปตัดสูทตัดชุดกันที่ร้านทรงสมัยซั่งฮี้แล้วก็อยากบอกว่าแม้ที่สุดฝันเก้าอี้นายกฯอาจไม่เป็นจริง..แต่กับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านสภาผู้แทนราษฎรก็ถือว่าทรงคุณค่า  เท่ระเบิดเถิดเทิงเหมือนกัน.....

มีคนถามไถ่กันมากว่าทำไม..ผู้พันปุ่น  ศิธา  ทิวารี  หนึ่งในแคนดิเดทนายกฯพรรคไทยสร้างไทย   ต้องเล่นบทผู้สื่อข่าวตั้งคำถามและแนะนำให้พรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลทำแอ๊ดวานซ์  เอ็มโอยู  ผูกขากันเดิน..ห้ามพรากจากกัน จนเกิดเรื่องบานปลาย..ก็ตองบอกว่าหากมองชั้นเดียวผู้พันปุ่นน่าจะทำเพื่อพรรคตัวเอง..เพราะตราบใดมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำพรรคไทยสร้างไทยก็จะเป็นตัวช่วยสำคัญตัวหนึ่ง  แต่ถ้าเกมพลิกพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ..เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริงคงไม่แฮปปี้ที่จะเห็นคุณหญิงสุดารัตน์  เกยุราพันธ์   หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย มาร่วมวง..?..

ไปที่พรรคประชาธิปัตย์...ไม่เกินความคาดหมาย  เกมการประชุมใหญ่วิสามัญ  เลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในอีกไม่นานนี้  จากองค์ประชุม 19 ประเภทนั้น..จะให้น้ำหนักการโหวตอยู่ที่ ส.ส.ชุดใหม่  25 คน 70 เปอร์เซ็นต์  อีก 18 ประเภทองค์ประชุม เช่น ประสาขา,ตัวแทนจังหวัด,อดีตส.ส. ฯลฯ  30 เปอร์เซ็นต์...เช่นนี้แล้วใครอยากรู้ว่าหัวหน้าและเลขาคนใหม่เป็นใครก็ต้องไปถาม.”.เลขาต่อ”...กับนายกฯชาย..ที่คุมเสียงส.ส.ชุดใหม่เบ็ดเสร็จ...และขณะที่หลายคนบอกอย่าสิ้นหวัง ฟื้นคืนชีพพรรคได้แน่  แต่อีกไม่น้อยบอกว่า..ที่นี่มืดจริงหนอ..!!!

สวัสดีครับ

เรื่อง : เล็ก เลียบด่วน

‘เพื่อไทย’ ยัน ไม่สร้างเงื่อนไขให้การขับเคลื่อน รบ.ติดขัด ลั่น!! ไม่คิดใช้ตำแหน่งประธานสภาฯ ต่อรองเก้าอี้ รมว.มหาดไทย

 (27 พ.ค. 2566) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย (สร.) ออกมาระบุตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นเกมที่พรรคเพื่อไทยต้องการใช้ต่อรองเก้าอี้ รมว.มหาดไทย ว่า ไม่เป็นความจริง พรรคเพื่อไทยไม่คิดเอาตำแหน่งประธานสภาฯ มาเป็นเงื่อนไขต่อรองเก้าอี้ รมว.มหาดไทย เพราะเป็นคนละส่วนกัน

นายประเสริฐ กล่าวว่า เก้าอี้รัฐมนตรีเป็นฝ่ายบริหารที่พรรคร่วมทั้ง 8 พรรคต้องมาหารือตกลงร่วมกัน โดยมีธรรมเนียมเรื่องการนำเก้าอี้ ส.ส. ที่แต่ละพรรคได้มาเกลี่ยกัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมถึงต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของตัวบุคคลในภารกิจนั้นๆ ด้วย ไม่ใช่จะเอาแค่เก้าอี้มาเป็นตัวชี้วัดอย่างเดียว ซึ่งเรื่องนี้ทางพรรคร่วมคงต้องมีการหารือเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อให้การทำงานของรัฐบาลเดินหน้าอย่างราบรื่น

“พรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์ ไม่คิดจะเอาตำแหน่งฝ่ายนิติบัญญัติมาเป็นเงื่อนไขในการต่อรอง จนกระทบการทำงานของฝ่ายบริหารแน่ เพราะบ้านเมืองประสบปัญหามานาน เราต้องได้รัฐบาลที่กลมเกลียวไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ยืนยันเราไม่คิดที่จะเป็นคนสร้างเงื่อนไขให้การขับเคลื่อนรัฐบาลติดขัดแน่นอน” นายประเสริฐ กล่าว

จับตา!! บรรดา ‘งูเห่า-อนาคอนดา’ ส่อแว้งฉก ‘เพื่อไทย’ อาจพลิกเกมหนุน ‘ลุงตู่’ คนเดิม หากผลประโยชน์ไม่ลงตัว

ผ่านมาได้ 20 วัน กระบวนท่าและขบวนทัพการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ ของ 8 พรรค 312 เสียง ยังดำเนินไป ซึ่งในวันที่ 30 พ.ค.นี้ จะมีการนัดเจรจาหารือกันที่พรรค 9 เสียง คือ ‘พรรคประชาชาติ’ ด้วยความเชื่อกันว่าบรรยากาศต่างๆ จะดีขึ้น หลังจาก ‘ประดาบ’ กันมา 2 สัปดาห์…

ถึงวันนี้จับความได้ว่า… สองพรรคใหญ่คือ ก้าวไกลกับเพื่อไทยยังตกลงปลงใจกันไม่ได้ว่า ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นของใคร… ขณะที่ข่าวการจัดตั้งรัฐบาลสูตร 14+1 ที่หมายถึง ก้าวไกลเอาไป 14 รัฐมนตรีกับ 1 นายกรัฐมนตรี เพื่อไทยเอาไป 14 รัฐมนตรีกับ 1 ประธานสภานั้น เชื่อกันว่า น่าจะถูกโยนออกมาจากฝั่งพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่จากฝั่งพรรคก้าวไกลอย่างแน่นอน เพราะวันนี้ ‘ด้อมส้ม’ ยังยืนกรานให้ก้าวไกลยึดเก้าอี้ประธานสภาไว้ให้มั่น…

อย่างไรก็ตาม ‘เล็ก เลียบด่วน’ ยังขอแทงหวยเหมือนเดิมว่า ประธานสภาจะเป็นของพรรคเพื่อไทย โดยมี ชลน่าน ศรีแก้ว คือ เต็งหนึ่ง, สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ คือ เต็งสอง, สุชาติ ตันเจริญ คือเต็งสาม…

แต่ถ้าพรรคก้าวไกลไม่ยอม แล้วเกมไถลไปถึงขั้นฟรีโหวต รับรองพรรคก้าวไกลก็ไม่ได้กิน โอกาสยังเป็นของพรรคเพื่อไทยอยู่ดี และดีไม่ดี เกมอาจพลิกไถลไปเป็นของอีกฝั่ง ดังนั้น ในที่สุดพรรคก้าวไกลก็คงต้องยอมพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยเองก็จะโอบอุ้มนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไปถึงที่ประชุมรัฐสภา เพื่อโหวตชิงนายกฯ ซึ่ง ‘เล็ก เลียบด่วน’ ได้ฟันธงไปแล้วว่าเสียงโหวตพิธาจะไม่ถึง 376 เสียง… สอบไม่ผ่าน…

เมื่อพิธาสอบไม่ผ่าน ไปไม่ถึงดวงดาว โอกาสก็เป็นของพรรคเพื่อไทยที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งท้ายที่สุด สูตรหลักก็คือ จับมือข้ามขั้วกับภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา… ยอมถูกด่าว่าผสมพันธุ์กับพรรคลุง… มุ่งหน้าทำงานสร้างผลงานทดแทนเสียงด่า

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าจับตาเป็นพิเศษในพรรคเพื่อไทยยามนี้ ก็คือทิศทางความเป็นไปของพรรค หลังจากพรรคพ่ายแพ้หมดรูปเหลือ 141 เสียง แยกเป็น ส.ส.เขต 112 บัญชีรายชื่อ 29 สายข่าว รายงานว่า แนวคิดของปีกคนรุ่นใหม่ที่นำโดย ‘อุ๊งอิ๊ง’ นั้น ต้องการให้ยกเครื่องพรรคครั้งใหญ่ ซึ่งตามแนวทางจะกระเทือนกับบรรดาผู้เฒ่าชแรแก่ชราในพรรคกันโดยทั่วถ้วน

ดังนั้น วาระนี้บรรดาซุ้มบ้านใหญ่ ส.ส.ผู้เฒ่าทั้งหลายโดยเฉพาะ 70 กว่าคนจากภาคอีสาน คงจะสำแดงเดช ต่อรองผลประโยชน์กันเต็มแม็กซ์… และหากพรรคไม่ตอบสนอง โอกาสที่จะเกิดการรวมตัวรวมมุ้ง พลิกเกมไปหนุนขั้วรัฐบาลเดิม ก็อาจมีโอกาสเกิดขึ้นได้ไม่ยาก

ดูเหมือนว่า ‘เดอะเต้น’ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ผู้ช่วยหาเสียงกิตติมศักดิ์ของพรรคเพื่อไทยจะจับสัญญาณและส่งสัญญาณได้ชัดกว่าใครเพื่อน ว่าขณะที่ฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค ต้องการอีก 65 เสียงเพื่อให้ผ่าน 376 เสียง ฝ่ายอนุรักษ์หรือขั้วรัฐบาลเดิม 118 เสียง ต้องการอีกเพียง 62 เสียง เพื่อให้ครบ 250 เสียงเพื่อพลิกเกมจัดตั้งรัฐบาล ได้ 250 เสียง ส.ส.เมื่อไหร่ บรรดา ส.ว.250 คนก็พร้อมจะโหวตหนุนให้เป็นนายกฯ และตั้งรัฐบาล… ดีไม่ดี นายกฯ คนนั้นอาจจะชื่อ “ประยุทธ์” ณ รวมไทยสร้างชาติ คนเดิม....

ตามไทม์ไลน์ที่ ดร.วิษณุ เครืองาม กางเอาไว้นั้น คือ วันที่ 25 ก.ค. จึงจะถึงวันเลือกประธานสภา เดือนหน้า มิ.ย.และต้นเดือน ก.ค. ก็ทยอยรับรองผลเลือกตั้งไปเรื่อยๆ วันไหนที่มีการรับรองผลและไปรายงานตัวเรียบร้อย วันนั้นแหละ บรรดา ส.ส.ของแต่ละพรรคจะสำแดงฤทธิ์เดช… โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของพรรคเพื่อไทย หากจัดสรรผลประโยชน์ไม่ลงตัว ดังกล่าวมา อะไรก็เกิดขึ้นได้..ปรากฎการณ์งูเห่าอาจจะน้อยไป อาจจะถึงขั้นอนาคอนดากันเลยทีเดียว.. หมอมิ้งค์,หมอชลน่าน,บิ๊กอ้วน,คุณอุ๊งอิ๊ง… โปรดอย่ามองข้ามความปลอดภัยเป็นอันขาด สิบอกให้!!

เรื่อง : เล็ก เลียบด่วน

ลีน่า จัง’ ชี้ งาน Pride ปีนี้ กลายเป็นเวทีของนักการเมือง ทั้งเพื่อไทย และก้าวไกล หาใช่การแสดงออกเพื่อ LGBT อย่างแท้จริง

ลีน่า จังจรรจา โพสต์คลิปสั้นลงใน TikTok แสดงความผิดหวังกับงาน Pride ของปีนี้
โดยได้แสดงความคิดเห็นลงไปในคลิปว่า การจัดงาน Pride ของปีที่แล้วนั้นเป็นการจัดเดินขบวนเพื่อแสดงออกของกลุ่ม LGBTQ+ อย่างแท้จริง

แต่ในปีนี้นั้นกลับกลายเป็นเวทีที่นักการเมืองนำมาใช้ พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย นำมาใช้แสดงเจตนารมณ์เรื่องที่มีคนถูกยิงตาย หน้าวัดปทุมมีการวางดอกไม้ไว้อาลัยมันก็เลยกลายเป็นการเมืองไป กลายเป็นเวทีของนักการเมืองที่มายึดพื้นที่ไป ก็เลยกลายเป็นว่า งาน Pride เป็นงานของพรรคการเมือง พรรคก้าวไกลและติ่งส้ม

‘จตุพร’ ฟันธง!! ‘พิธา-อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา’ ไม่ใช่นายกฯ คนที่ 30 เชื่อ งูเห่าผุด เตือน!! ฝ่ายหนุน ‘ลุงป้อม’ มวลชนต้านเต็มถนน

‘จตุพร’ เย้ย ‘ทักษิณ’ อย่าเอาแต่พูดขายหัวเราะ บี้กลับบ้าน 26 ก.ค. ฟันธง ‘พิธา-อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา’ ไม่ได้เป็นนายกฯ เห็นตำตางูเห่าฝูงใหญ่เลื้อยหนี 8 พรรค เตือนฝ่ายหนุน ‘ลุงป้อม’ มวลชนต้านเต็มถนน

(16 มิ.ย. 66)  นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “ชัดมาก?” โดยแนะให้ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านตามสัญญาประกาศมาก่อนวันเกิดใน ก.ค. นี้ และเมื่อถึงไทยก็อย่าคิดมาก ต้องปลงใจ ปล่อยวางเดินเข้าคุกให้สง่างาม จะได้มีเวลาอยู่เลี้ยงหลาน 7 คนตามประสาคนแก่ออกแบบชีวิตในยามสูงวัย

นายจตุพร กล่าวถึงอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ยืนกรานทักษิณ ยังจะกลับบ้านใน ก.ค.นี้ ว่า อุ๊งอิ๊งพูดเป็นการโยนภาระให้ทักษิณตัดสินใจเอง ถึงที่สุดแล้ว เมื่อเข้ามาไทยต้องถูกนำตัวไปเข้าคุกตามกฎหมาย ซึ่งจะมีความสง่างามอย่างยิ่ง

อีกทั้ง ระบุว่า แต่ทักษิณต้องการกลับไทยแบบไม่ต้องเข้าคุก เพราะทำให้ตัวเองเท่ เหนือคนอื่น ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้คงเป็นไปไม่ได้ จึงขอให้ทักษิณ ทำใจให้นิ่งสงบ ปล่อยวางเมื่อกลับมาก็เดินเข้าคุก และอย่าได้ระแวงกังวลใดๆ เพราะในคุกมีระบบรักษาความปลอดภัยชั้นเยี่ยม จะได้รับการดูแลอย่างดียิ่ง ขอเพียงพยายามปรับตัว นอนให้หลับจะได้มีเวลาออกมาเลี้ยงหลาน 7 คนตามประสาคนแก่อายุมากแล้ว

“พูดกลับบ้านมา 17 ปีแล้ว ก็ยังไม่กลับ ไม่เบื่อพูดบ้างหรืออย่างไร ก็รีบตัดสินใจกลับมา คนอื่นยังกล้าติดคุกเต็มไปหมด แล้ววันนี้ยังพูดกลับบ้านอีก ถึงที่สุดที่บอกว่า จะกลับมาก่อนวันที่ 26 ก.ค.นี้ (วันเกิดทักษิณ) ก็ยังอยู่ในการตัดสินใจของทักษิณเหมือนเดิม” นายจตุพร ระบุ

นายจตุพร กล่าวว่า หวังว่าถ้าคำพูดของตนเผื่อได้ยินถึงทักษิณแล้ว ขอให้ปลงใจและรู้จักพอเสียบ้าง ละวางใจให้ได้ แล้วตัดสินใจกลับมาเดินเข้าคุก ซึ่งไม่มีอะไรน่ากลัว ตนติดมา 5 ครั้งแล้ว คุกไม่น่ากลัวเลย ที่น่ากลัวก็คือ ใจของตัวเองที่ขลาดกลัว หวาดระแวงจะถูกกระทำเหมือนที่เคยกระทำกับคนอื่นไว้

“ดังนั้น จึงหวังว่าทักษิณจะตัดสินใจกลับมาในวันที่ 26 ก.ค.นี้ ตามที่ประกาศไว้ ถ้าไม่มาแล้วคนจะหัวเราะเอาได้ ซึ่งอย่าได้พูดกลับบ้านอีก เพราะคนไม่เชื่อ และจะกลายเป็นตำนานคนเลี้ยงแกะมาขายหัวเราะอีก” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวถึงการตั้งรัฐบาลว่า ถ้า 3 ฝ่าย คือ ฝ่าย 8 พรรค 312 เสียง กับพวกอำนาจเดิม 188 เสียง และ ส.ว. 250 ไม่โหวตให้ฝ่ายใดเลย หากทุกฝ่ายแสดงความเป็นคนจริงก็ย่อมตั้งรัฐบาลไม่ได้ แต่ขณะนี้กลับมีคนไม่จริง คือ พูดอย่างทำอย่าง แม้พรรคไม่เปลี่ยนข้าง แต่คนของพรรคก็จะเปลี่ยนใจไปโหวตให้อีกฝ่าย ซึ่งคาดได้เห็นร่องรอยปรากฎตั้งแต่วันเลือกประธานสภาแล้ว

ทั้งนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ นั้น คงหนีการหยุดปฎิบัติหน้าที่ไปไม่พ้น เมื่อถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นมีคุณสมบัติต้องห้ามสมัคร ส.ส. แต่จะลามถึงหยุดปฏิบัติหน้าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ อยู่ที่ กกต. จะเสนอต่อศาลหรือไม่ ส่วนตนคิดว่า อยากให้นายพิธาได้มีโอกาสหลุดไปถึงวันโหวตเลือกนายกฯ เพื่อจะได้เห็นภาพตำตาตัวเองว่า ใครหักหลังและทรยศทางการเมืองกันบ้าง

อย่างไรก็ตาม ถ้านายพิธาไม่มีโอกาสได้เข้าไปโหวตเลือกนายกฯ แล้ว เมื่ออารมณ์ระอุไม่พอใจกับการถูกกลั่นแกล้ง มวลชนจะออกมาชุมนุมบนถนนหรือไม่ แต่ไม่ว่าอารมณ์แบบไหนก็หนีการชุมนุมไม่พ้น ดังนั้น ถ้าให้พิธา พิสูจน์ตัวเองก่อน ก็จะได้สะสางความคลางแคลงใจของสังคมให้เบาบางลง สิ่งสำคัญนายพิธา จะได้รู้ว่าตัวเองก็ผิดด้วยที่ไม่ล้างหุ้นไอทีวีจำนวน 4.2 หมื่นหุ้น ออกจากตัวเองก่อนไปสมัคร ส.ส. ยกเว้นคนออกแบบเกมต้องการไม่ให้นายพิธาพิสูจน์ตัวเอง ให้ไปต่อสู้ทางกฎหมาย จึงเป็นการคิดทางการเมืองให้เกิดชนวนการชุมนุมขึ้น

“ถึงที่สุดแล้วนายพิธา อุ๊งอิ๊ง และนายเศรษฐา ทวีสิน คงใม่ได้เป็นนายกฯ เพราะจะมีงูเห่าจำนวนมากเลื้อยแตกรังออกไปหนุนฝ่าย 188 เสียงตั้งรัฐบาล ดังนั้น คนเป็นนายกฯ คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคพลังประชารัฐ แต่จะปกครองยาก เพราะคนจะออกมาชุมนุมเต็มบ้านเมือง คนคิดเกมออกแบบดัน พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ ช่วยรอเวลาอีกสักนิด และให้โอกาสนายพิธาได้เข้าประชุมโหวตนายกฯ ด้วย เพราะนายพิธาไม่มีทางได้เป็นนายกฯ อยู่แล้ว เพราะไม่ได้เสียง ส.ว. อย่างไรก็ตาม การให้โอกาสนายพิธา เท่ากับลดแรงชิงชังของมวลชนลงได้อย่างมาก”

ส่วน กกต. แขวน ส.ส. 71 คนเพื่อรอการตรวจสอบนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ทางการเมืองเพ่งเล็งไปที่การทำงานอย่างโปร่งใส ยุติธรรมของ กกต. แต่ในจำนวน 71 คน จะต้องมีคนรอดและได้รับรอง ส.ส. จนครบ 475 คนหรือ 95% จากจำนวน 500 คน ก็สามารถเปิดสภาได้แน่ อีกทั้งขณะนี้ กกต. เอาแต่รำมวยไปเรื่อยๆ ให้ครบเวลา 60 วันตามที่กฎหมายให้สิทธิไว้ (จะครบ 13 ก.ค.นี้) จึงถูกหลายฝ่ายเร่งรัดให้รีบรับรองผลการเลือกตั้ง

‘วันนอร์’ เผย ไม่กังวลหากประธานสภาอายุน้อย-อ่อนพรรษา เชื่อ!! ‘ก้าวไกล-พท.’ คัดคนมีความสามารถนั่ง ปธ.สภา ได้

วันที่ (20 มิ.ย. 66) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชาติ เข้ารับหนังสือรับรอง ส.ส.จาก กกต. พร้อมกล่าวว่า ขอบคุณ กกต.ที่เร่งประกาศรับรอง ส.ส.ก่อน 60 วัน สำหรับการทำงานของ 8 พรรคร่วม ขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการต่างๆ นั้น ได้เตรียมการในการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลไปมากแล้ว เพื่อเตรียมกำหนดนโยบายร่วมกันในการแก้ไขปัญหาหลายด้าน ส่วนการเลือกประธานสภาและรองประธานสภานั้น เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยที่จะต้องไปตกลงกัน หลังจากนั้น จึงจะต้องพูดคุยกับ 8 พรรคร่วมรัฐบาลเพื่อรับทราบต่อไป

ส่วนพรรคไหนจะได้เป็นประธานสภาและรองประธานสภานั้น ทั้ง 2 พรรคคงมีตัวบุคคลแล้ว และเชื่อมั่นว่าจะคัดคนที่เข้ามาทำงานเป็นอย่างดี เพราะประธานสภาต้องเป็นประมุขในฝ่ายนิติบัญญัติ อีกทั้งประธานสภาเป็นคนที่มีประสิทธิภาพและมีความรู้ความสามารถ ก็จะทำให้งานของสภาคืบหน้าไปด้วยดี ซึ่งมีงานอีกมากมายในการแก้ไขกฎหมายต่างๆ รวมถึงการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหน้าที่ของประธานสภาที่เป็นผู้นำ จะดำเนินการให้รวดเร็วได้อย่างไรในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นประชาธิปไตยตามที่ประชาชนต้องการ เชื่อว่าทั้งสองพรรคคงจะคุยเพื่อหาคนที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพที่จะนำฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป

เมื่อถามว่า ถ้าคนที่จะเป็นประธานสภาอ่อนพรรษาจะเป็นปัญหาในการควบคุมที่ประชุมหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า อ่อนพรรษาหรือแก่พรรษา ประธานสภาคงจะมีส่วนเกี่ยวข้องน้อยมาก เพราะอยู่ที่บุคลิกของคนนั้นๆ ที่จะเป็นผู้นำ ซึ่งคนที่จะเป็นประธานสภาทุกคนจะต้องศึกษาข้อบังคับกฎหมายอย่างแม่นยำ และตัดสินบนพื้นฐานในการให้โอกาสสมาชิกแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมามากที่สุด แต่ในขณะเดียวกันจะต้องรักษาข้อบังคับของสภาฯ ด้วย โดยครั้งหนึ่งนายอุทัย พิมพ์ใจชน เคยเป็นประธานที่มีอายุแค่ 30 กว่าปี ก็สามารถทำหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดี

เมื่อถามถึงโผคณะรัฐมนตรี นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า คงจะต้องพูดกันเป็นขั้นตอนต่อไปหลังจากที่พูดเรื่องประธานสภาจบแล้ว ซึ่งจะต้องจัดตำแหน่งให้ลงตัวเหมาะสมกับกระทรวง และเหมาะสมกับนโยบายที่ 8 พรรคจะมีเพื่อให้ตำแหน่งนั้นทำงานได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อถามอีกว่า พรรคประชาชาติมองกระทรวงไหนไว้แล้วบ้าง นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า พรรคประชาชาติเป็นพรรคเล็ก จะต้องหารือกัน ทั้งนี้ เราจะอยู่ตรงไหนก็ได้ที่เราสามารถขับเคลื่อน ในสิ่งที่เราเห็นว่ามีความสามารถที่จะทำได้ ซึ่งเราเข้าไปทำงานไม่ได้ไปหาผลประโยชน์แต่อย่างใด
 

‘บิ๊กป้อม’ ใจบันดาลแรงแซงโค้ง นับถอยหลัง ‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’ แยกทาง!!?

ไทม์ไลน์การเมืองหลังการรายงานตัวของ ส.ส. 500 คนจะเรียบร้อยในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ จากนั้นนับไปอีก 15 วัน เป็นรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา คือวันที่ 3 หรือ 4 ก.ค.ที่จะถึงนี้ ถัดไปก็จะเป็นการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกประธานสภาฯ ซึ่งประธานสภาฯจะเป็นประธานรัฐสภา แบบเดียวกับท่านชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาคนล่าสุดนั่นแล…

วันสองวันก่อนดูเหมือนว่า พรรคเพื่อไทยยอมหมอบยกเก้าอี้ประธานสภาให้พรรคก้าวไกลไปแล้ว ส่วนพรรคเพื่อไทยนั้นขอเก้าอี้รองประธานสภา 2 ตัว…

แต่ล่าสุดของล่าสุด กระแสข่าวที่ว่า ‘พ่อมดดำ’ นายสุชาติ ตันเจริญ จากค่ายเพื่อไทยจะถูกเสนอชื่อโดยพรรคพลังประชารัฐก็มาแรงหาทางแซงทางโค้งอยู่เหมือนกัน ไม่สามารถมองข้ามได้…

เรียนท่านผู้อ่าน คุณผู้ฟังว่าพรรคเพื่อไทยในยามนี้นั้น ความคิดแตกเป็นสองสามแนวทางประสาพรรคการเมืองขาลง แต่กระนั้นที่ทุกคนในพรรคเห็นเหมือนกันก็คือ ต้องหนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดทนายกฯ พรรคก้าวไกลให้สุดทาง เพราะแทบทุกคนเชื่อว่าโอกาสที่นายพิธาจะผ่านโหวตได้เป็นนายกฯ นั้นมีน้อยนิด ประมาณ 0.035 เปอร์เซ็นต์ เท่าหุ้นไอทีวีที่นายพิธาเคยถือเท่านั้น…

แต่สำหรับเก้าอี้ประธานสภาฯ คนเพื่อไทยส่วนหนึ่งเห็นว่า ต้องเล่นบท ‘นักเลง’ เอาใจ ‘ด้อมส้ม’ รักษามวลชนหน่อย… ให้ก้าวไกลเอาไป แต่อีกพวกหนึ่งยืนยันว่า ปล่อยไม่ได้ เพราะเก้าอี้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติสำคัญ ต้องสอดคล้องสัมพันธ์กับฝ่ายบริหาร ซึ่งในที่สุดพรรคเพื่อไทยต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลแทนก้าวไกลอย่างแน่นอน

ไม่เพียงเท่านั้น บรรดาขาใหญ่เก๋าเกมในพรรคเพื่อไทยรู้ดีว่า เมื่อนายพิธาวืดเก้าอี้นายกฯ ไปแล้ว ก็ไม่มีหลักประกันว่า ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’ หรือ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ จะได้นั่งเก้าอี้นายกฯ เพราะตราบใดที่ยังกอดคอกับ 8 พรรค ก็มีอยู่แค่ 312 เสียง… โอกาสที่เกมการเมืองจะไถลไปเข้าทางพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ ‘ลุงป้อม’ มีสูงมาก ดังที่เล็ก เลียบด่วน ได้เคยรายงานไว้แล้วหลายครั้ง ซึ่งถึงวันนี้สถานการณ์ก็ยังเป็นเช่นนั้น…

สรุปว่า เก้าอี้ประธานสภาโอกาสที่จะพลิกเป็นของ ‘พ่อมดดำ’ แห่งพรรคเพื่อไทยมีสูงยิ่ง และถ้า ‘บิ๊กป้อม’ ผงาดขึ้นเป็นนายกฯ คนที่ 30 ขณะที่นายสุชาติ ตันเจริญ เป็นประธานสภา อย่างน้อยพรรคเพื่อไทยก็ไม่เสียฟอร์มพรรค 141 เสียง เพราะยังมีเก้าอี้ใหญ่ติดพรรค แต่หากยกเก้าอี้ประธานสภาให้ก้าวไกล โอกาสที่เพื่อไทยจะวืดเก้าอี้ใหญ่ทั้งสองตัวก็มีสูง…

ด้วยเหตุผลดังว่ามา… การเมืองจากนี้ไป พรรคเพื่อไทยก็ต้องฟังเสียงรอบทิศจากมวลสมาชิกมากขึ้น แม้กระทั่งกรณีเก้าอี้นายกฯ วันไหนที่นายพิธาสอบไม่ผ่าน พรรคเพื่อไทยจะเดินเกมอย่างไร? จะผูกขากับพรรคก้าวไกลต่อไป หรือเปิดทางให้พรรคพลังประชารัฐของ ‘ลุงป้อม’ เข้ามาทันทีทันใด หรือจะต่อรองเดินเกมอย่างไร เป็นเรื่องที่น่าจับตายิ่ง…

ประมาณกันว่าแถวๆ วันที่ 5 หรือ 6 ก.ค.นี้ บรรดา ส.ส. 500 คน จะโหวตเลือกประธานสภา ซึ่งจะเป็นการโหวตลับ จากนั้นประมาณวันที่ 13 ก.ค. สมาชิกรัฐสภา 750 คนจะโหวตเลือกนายกฯ ไม่ผิดที่กล่าวกันว่า พลันที่รู้ตัวประธานสภา ก็จะเห็นโฉมหน้านายกฯและรัฐบาลชุดต่อไป…

เพื่อให้เกิดอรรถรส… เล็ก เลียบด่วน เขียน 3 สูตร รัฐบาลแปะข้างฝาไว้ให้เม้าท์มอยกัน

สูตรแรก : พรรคร่วมรัฐบาลประกอบด้วย เพื่อไทย-พลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์-รวมไทยสร้างชาติ-ชาติไทยพัฒนา… ‘บิ๊กป้อม’ หรือ ‘เศรษฐา’ เป็นนายกฯ

สูตรที่สอง : 8 พรรคที่กำลังฟอร์มทีม บวกพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์… สูตรนี้ไม่มี ‘ภูมิใจไทย’ บิ๊กป้อมเป็นนายกฯ… สูตรนี้ก้าวไกลต้องยอมเสียสัตย์เพื่ออยู่กับลุง

สูตรที่สาม : พรรคเพื่อไทย พลังประชารัฐ เป็นแกนนำผสมกับอีกหลายพรรค โดยพรรคก้าวไกลแยกทางกับเพื่อไทยไปเป็นฝ่ายค้าน… สูตรนี้ ‘บิ๊กป้อม’ เป็นนายกฯ

ทั้งสามสูตรจะเห็นชื่อ ‘บิ๊กป้อม’ มีลุ้น… ถ้าสุขภาพไม่ไหวก็อาจจะใช้นโยบาย ‘นายกฯ คนละครึ่ง’ แต่ถ้าไหวก็ตีตั๋วยาว สังเกตดีๆ วันที่ไปรายงานตัวเป็น ส.ส.ป้ายแดง จะเห็นลุงป้อมเดินปร๋อแบบ ‘ใจบันดาลแรง’ อีกครั้ง… ก่อนที่จะบินไปอังกฤษ พักผ่อน ดูแลสุขภาพ

ส่วนจะไปพูดคุยกันเรื่อง ‘ดีลลับ’ กับใครหรือไม่… เสาร์นี้ ‘เล็ก เลียบด่วน’ จะมารายงานครับ

‘ป้อม-สุชาติ’ เต็งหามสองผู้นำ ‘อภิสิทธิ์’ รอสัญญาณฉันทามติ คัมแบ็ค ปชป..

เลียบการเมือง สุดสัปดาห์..”เล็ก  เลียบด่วน”  รายงานตัว ณ วันที่ 24 มิ.ย.2566  ตรงกับวันครบรอบ 91 ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข...จริงๆแล้วคณะราษฎรอยู่ในอำนาจในห้วงปี 2475 -2500 รวม 25 ปี..ข้อดีก็มีไม่น้อย แต่ข้อด้อยข้อผิดพลาดก็มีมาก..อย่างน้อยก็เป็นต้นตำรับของการรัฐประหารชิงอำนาจ...แต่ข้อไม่ดีของคณะราษฎรไม่ค่อยมีคนพูดถึงมากนักในยุคนี้เพราะกลัวรถทัวร์สามนิ้วมาจอดหน้าบ้าน...

เลี้ยวมาสู่การเมืองเรื่อง...ไทม์ไลน์การชิงอำนาจผ่านตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายกรัฐมนตรี..คาดว่าวันที่ 3 ก.ค.จะมีรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา  จากนั้นวันที่ 4หรือ5ไม่เกินวันที่ 6 ก.ค.ก็จะโหวตลับเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร  ก่อนที่ประมาณวันที่ 13 ก.ค.ก็จะประฃุมรัฐสภา  โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี...

ตำแหน่งประธานสภาหากว่ากันในนาทีนี้ก็พอจะเห็นเค้าชัดเจนว่า...ในที่สุดพรรคเพื่อไทยก็คว้าไปครอง โดยชื่อของสุชาติ  ตันเจริญ   ยังเป็นเต็งหนึ่ง...การหักเหลี่ยมโหดตำแหน่งประธานสภา จะ เป็นก้าวแรกที่จะนำไปสู่ทางแยกของพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกล...แม้หลังจากเลือกประธานสภาแล้วพรรคเพื่อไทยจะทนุถนอมประคับประคองโหวตหนุนพิธาเป็นนายกฯแบบเต็มแม็กซ์  แต่เชื่อว่า”พิธา”ก็ไม่ผ่านโหวตอยู่ดี...

ถึงนาทีนั้นพรรคก้าวไกลเจอกับโจทย์ใหญ่ว่าจะเดินหน้ายังไงต่อไป  เกาะขาพรรคเพื่อไทยขอเข้าร่วมรัฐบาล  หรือประกาศตัวเป็นฝ่ายค้าน...ถ้าให้”เล็ก เลียบด่วน” ฟันธงก็ต้องเปรี้ยงว่า คงเลือกหนทางเป็นฝ่ายค้าน...บางกระแสข่าวบอกว่าดีไม่ดีพรรคก้าวไกลอาจประกาศแยกทางชักธงรบเป็นฝ่ายค้านตั้งแต่ถูกหักเหลี่ยมเก้าอี้ประธานสภาสภาฯแล้วก็ได้...

สำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี...นาทีนี้เต็งจ๋ายังเป็น “บิ๊กป้อม”  พล.อ.ประวิตร  วงศ์สุวรรณ    ที่จะมากอบกู้เผชิญหน้าสถานการณ์การชุมนุมการต่อต้านรัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ยังตั้งรัฐบาลไม่แล้วเสร็จ

โดยรัฐบาลใหม่พรรคเพื่อไทยในฐานะมีเสียงสูงสุดก็คงจะได้กระทรวงสำคัญไปบริหารสร้างผลงานเพื่อขับเคี่ยวกับพรรคก้าวไกลในสมัยหน้า...ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า..พรรคเพื่อไทยพยายามที่จะเจรจาต่อรองขอ “นายกฯคนละครึ่ง” หรือคนละ2ปีกับพล.อ.ประวิตรด้วย...

ปืดท้ายกันที่พรรคเก่าแก่ที่สุด อายุ 77 ปี 2เดือนเศษ อย่างประชาธิปัตย์..นับถอยหลังวันที่ 9 ก.ค.ก็จะเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่แทนชุดรักษาการที่ จุรินทร์  ลักษณวิศิษฎ์   แสดงสปิริตลาออกหลังนำทัพพ่ายศึกเลือกตั้ง  จาก 52 เสียงเหลือ 25 เสียง...สาละวันเตี้ยลง สาละวันตกต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ....ซึ่งเมื่อไปดูกติกามารยาทการเลือกหัวหน้าพรรคของพรรคนี้แล้ว  จากบรรดาโหวตเตอร์10กว่ากลุ่มนั้น  พบว่ากลุ่มส.ส.ในปัจจุบัน 25 คนมีน้ำหนักโหวตสูงสุด  70 %  อีกสิบกว่ากลุ่มโหวตยังไงก็ได้ไม่เกิน 30 %...แน่ชัดตามกติกานี้อิทธิพลและอำนาจชี้เป็นชี้ตายอยู่ที่สองผู้ยิ่งใหญ่ เฉลิมชัย  ศรีอ่อน  รักษาการเลขาธิการพรรคที่จะไม่รับตำแหน่งอะไรอีกนอกจากผู้มีบารมีในพรรค  กับอีกคนคือ เดชอิศม์  ขาวทอง   หรือ”นายกฯชาย” รองหัวหน้าพรรคภาคใต้  ที่หุ้นกำลังพุ่งกระฉูดเป็นหนึ่งในตัวเต็งหัวหน้าพรรค และเป็นคนประกาศว่า..ถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องเปลี่ยนแปลง 360 องศา..

ต้องบอกว่านาทีนี้เป็นยุคที่ประชาธิปัตย์หาวีรบุรุษหรือวีรสตรียากมากถึงยากที่สุด...”ดร.เอ้” หรือ “มาดามเดียร์” ที่พูดๆถึงกันนั้นก็ยังขาดคุณสมบัติตามข้อบังคับพรรค  ถึงจะมีข้อยกเว้นแต่ส่วนใหญ่ก็ยังเห็นว่า สองคนนี้ต้องเป็นคิวต่อไป...ดังนั้น...กระแสในพรรคประชาธิปัตย์อีกด้านหนึ่งขณะนี้เรียกร้องให้ อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  อดีตหัวหน้าพรรค อดีตนายกรัฐมนตรี  ออกมากอบกู้พรรค  แต่อภิสิทธิ์ยังไม่แสดงท่าทีใดๆ  กระนั้นก็เดาได้ไม่ยากว่า..อภิสิทธิ์คงพร้อมมาช่วยพรรคแต่ต้องเป็นแบบกึ่งฉันทามติ...ไม่ต้องมาแข่งกันแบบเลือดเดือดเหมือนครั้งก่อนๆ..ซึ่งหลายฝ่ายก็น่าจะเห็นด้วยกับสูตรนี้...
0 ถ้าที่สุดหวยงวดวันที่ 9 ก.ค.ออกมาว่า..อภิสิทธิ์ –หัวหน้า , เดชอิศม์ –เลขาฯ  ก็น่าจะทำให้ลูกพระแม่ธรณีสดชื่นขึ้นมาไม่น้อย..!!

เรื่อง : เล็ก เลียบด่วน

‘ชลน่าน’ เชื่อรัฐบาลข้ามขั้วไม่เกิด  ย้ำดัน ‘พิธา’ นั่งนายกฯ ปัดดีลลับ ‘ลุงป้อม’

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 27 มิ.ย.66 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมกรรมการบริหารพรรค และประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทยวันเดียวกันนี้ จะมีความชัดเจนถึงขั้นมีรายชื่อออกมาเลยหรือไม่ว่า

เรามีคณะเจรจาที่จะไปคุยกับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ซึ่งจะหารือกันวันที่ 28 มิ.ย. วันนี้คงยังยกรายชื่ออะไรออกมาก่อนไม่ได้ ต้องรอให้คุยกับพรรคก้าวไกลก่อน ส่วนจะมีมติพรรคหรือไม่นั้น มติพรรคจะเป็นขั้นตอนสุดท้าย แต่เราทราบความต้องการของสมาชิกพรรคที่อยากให้พรรคเพื่อไทย ได้ตำแหน่งประธานสภา ซึ่งคณะเจรจาก็มีข้อเสนออีกมุมหนึ่ง จึงจะนำสองมุมมองนี้มาหารือร่วมกันก่อนไปคุยกับพรรคก้าวไกลว่าทั้งสองพรรคจะมีทางออกอย่างไร

เมื่อถามว่าหากคุยกับพรรคก้าวไกลแล้ว ก่อนโหวตเลือกประธานสภาฯ วันที่ 4 ก.ค. พรรคเพื่อไทยต้องมีการประชุมส.ส.กันอีกครั้งหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ทุกอย่างต้องจบก่อนวันที่ 4 ก.ค. มั่นใจจบได้ด้วยดี แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นก็อาจมีการประชุม ส.ส.ก่อนวันที่ 4 ก.ค. และเชื่อวันลงมติเสียงพท.จะไม่แตก
เมื่อถามว่าหากมีการลงมติกันแล้วมั่นใจว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย.จะโหวตทิศทางเดียวกันใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตอนนี้เรายังไม่ใช้ที่ประชุมเพื่อลงมติ เพราะการเจรจายังไม่สิ้นสุด หากเอามติพรรคไปเป็นข้อเจรจา การหารือจะลำบาก เราต้องไปฟังคู่เจรจาก่อนว่าจากมุมของพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลเห็นอย่างไร เราคุยกันแบบพรรคร่วมที่จะต้องจับมือร่วมกันไป เรารู้ว่าเราแยกกันไม่ได้ และเราเองก็ไม่มีทางที่จะแยกกันได้ด้วย ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ถูกมัดด้วยอาณัติของประชาชนเช่นนี้จึงแยกยาก ต้องจับมือร่วมกันไปเพื่อทำงานตามที่ประชาชนมุ่งหวัง คือรัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชน 

เมื่อถามย้ำว่าไม่ว่าพรรคเพื่อไทย หรือพรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งประธานสภาฯไป เสียง 8 พรรคร่วมจะไม่แตกใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือเราต้องจับมือกันไป ส่วนตำแหน่งประธานสภาฯ หรือคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่เราต้องคุยกันเพื่อจับมือกันไปอย่างมั่นคง เมื่อถามว่าการจัดตั้งรัฐบาลแบบข้ามขั้วจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในมุมพท.มั่นใจไม่เกิดขึ้น เกิดขึ้นแต่ในมุมมองของสื่อ

เมื่อถามถึงความกังวลในการเสนอชื่อนายกฯ แข่งของฝ่ายรัฐบาลเดิมในวันโหวตเลือกนายกฯ เมื่อรวมกับเสียงของส.ว.จะได้รัฐบาลเสียงข้างน้อย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้เพราะเขามีสิทธิที่จะทำ หากเขาทำเช่นนั้นโอกาสได้นายกฯ สูงมาก เพราะเขามีเสียง 188 บวกกับ ส.ว.250 ก็เกิน 276 เสียง ก็ถือเป็นข้อกังวล แต่หากการโหวตครั้งแรกๆ เขาน่าจะมีความละอาย ไม่เกรงกลัวต่อบาปก็ได้ ดังนั้นเขาน่าจะละอายที่ไม่เสนอชื่อนายกฯ เสียงข้างน้อยมาแข่ง อย่างไรก็ตาม หากเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง เรามีหน้าที่รับมือไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น

เมื่อถามว่า ส.ว.บางคนแสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่โหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า คนที่ตัดสินคำนั้นดีที่สุดคือประชาชน เพราะประชาชนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ เหตุผลที่เขาจะมีรัฐบาลเสียงข้างน้อย คือเขาเป็นนายกฯ เพื่อยุบสภาฯ และสกัดกั้นไม่ให้ฝ่ายประชาธิปไตยเป็นรัฐบาลเท่านั้น ต้องถามว่าประชาชนเอาหรือไม่ รับได้หรือไม่

เมื่อถามว่า 8 พรรคร่วมรัฐบาลจะประสานกับ ส.ว.ก่อนการโหวตเลือกนายกฯ หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นหน้าที่หลักโดยเฉพาะของพรรคก้าวไกลที่ต้องพูดคุย หาเสียงจาก ส.ว.และ ส.ส.จากพรรคอื่นที่ไม่ได้ประกาศเข้าร่วมรัฐบาล ให้ได้เสียง 376 เสียงเพื่อให้ตั้งรัฐบาลได้ แต่หากพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็ต้องมีคำตอบให้ประชาชนว่าเป็นเพราะอะไร เขาจะได้หาวิธีการและช่องทางในการตัดสินอนาคตของประเทศได้ว่าเขาจะทำอย่างไร แต่เชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะมีแผนสำรองอยู่ตลอด เราเองในฐานะ 8 พรรคร่วมไม่สามารถพูดได้ว่าเรามีแผนสำรอง เรามีแบบแผนหลักคือจะทำอย่างให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนหลักจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และนายพิธาเป็นนายกฯ คนที่ 30 เท่านั้น

เมื่อถามว่าหากวันนั้นโหวตนายพิธาเป็นนายกฯ ไม่สำเร็จ 8 พรรคร่วมรัฐบาลจะทำอย่างไรต่อ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า“ไม่ใช่ว่าพรรคอันดับ 2 เดินอย่างไร แต่ต้องทั้ง 8 พรรคมาคุยกัน”
เมื่อถามว่าหากเป็นพรรคเพื่อไทย จะสามารถรวมเสียงได้ 376 เสียงหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “ด้วยความเคารพ ผมพยายามที่จะไม่ตอบคำถามนี้ เพราะผมตอบไม่ได้จริงๆ หากตอบจะกลายเป็นเงื่อนไขที่เราพยายามแย่งจัดตั้งรัฐบาลซึ่งไม่ดี”

เมื่อถามถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เดินทางไปประเทศอังกฤษเพื่อดีลลับกับพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าไม่มีดีลลับ เพราะถ้ามีเขาต้องมาแจ้งผม ซึ่งคนดีลกลับมาแล้ว และในนามหัวหน้าพรรคยืนยันไม่ได้รับการแจ้งเบาะแสเรื่องที่เป็นข่าว โดยสรุปคือเราไม่มีดีลลับ”

เมื่อถามต่อว่าเป็นการดิสเครดิตทำลายพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า แล้วแต่จะมอง เราชินชาแล้วแต่ก็คงไปห้ามไม่ให้มีข้อวิจารณ์ไม่ได้ แต่เรายืนยันว่าจะยึดในวิถีประชาธิปไตยและประชาชนเป็นหลัก


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top