Thursday, 2 May 2024
พรรคเพื่อไทย

วิพากษ์ภาพรวม ‘เศรษฐา’ เสนอแนะท่วงท่า ‘อุ๊งอิ๊ง’ ถ้าอยากชนะก้าวไกล ต้องเติม ‘กึ๋น-วุฒิภาวะ’ พอดู

ฤกษ์ที่จะมาส่องกล้องมอง (รัฐบาล) พรรคเพื่อไทยให้เป็นเรื่องเป็นราวสักเล็กน้อย… ด้วยข้อมูลและความรู้สึก ความคิดเห็นของ ‘เล็ก เลียบด่วน’ บนพื้นฐานความรักและปรารถนาดี… แต่รู้สึกขัดอกขัดใจ…

#สถานการณ์ตัวนายกฯ
ว่าด้วย ‘นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน’ ความขยันขันแข็ง มุ่งมั่นตั้งใจทำงาน บวกกับท่วงท่ากิริยาอาการไหว้สวย อ่อนน้อมถ่อมตนในบางเรื่องบางราว เอาคะแนนไปเต็มร้อย แต่สิ่งที่เรียกว่า ‘วุฒิภาวะ’ โดยรวมๆ แล้ว เท่าที่สดับตรับฟังมาจากหลายทิศทาง ก็ต้องบอกว่ายังสอบไม่ผ่าน… ล่าสุดทริปไปประชุมที่จีน และซาอุฯ ต้องบอกว่า “ดูไม่จืด” เอาแค่ประเด็นเดียว เรื่องการแต่งกายและถุงเท้าสีชมพู ตลอดจนท่วงท่าตอนพบปูติน แทบทุกคนดูคลิปแล้วต้องร้อง “พระเจ้าช่วย กล้วยทอด… ไม่สง่างาม… อยากปิดตา ไม่กล้าดู”

อันที่จริงเวทีต่างประเทศ ซึ่งต้องใช้ภาษาอังกฤษ… เศรษฐาน่าจะโชว์ให้เหนือกว่า ‘ลุงตู่’ ที่เก้ๆ กังๆ เพราะภาษาปะกิตไม่คล่อง… แต่เอาเข้าจริง เรื่องภาษาก็ถูกเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมมากลบฝังจุดแข็งไปเกือบหมด น่าเสียดาย…

#ผลงานรัฐบาล
อาจจะเร็วไปที่จะมองภาพรวมผลงานรัฐบาล เพราะแต่ละกระทรวงเพิ่งทำงานได้แค่ 2 เดือน… หลายรัฐมนตรี หลายกระทรวงก็พยายามทำงานด้วยความขยันขันแข็ง ก็เห็นๆ กันอยู่ แต่ที่จะกล่าวถึงวันนี้ คือ นโยบายหลัก นโนยบายที่เป็นเรือธงของรัฐบาลคือ ‘ดิจิทัล วอลเล็ต เติมเงิน 1 หมื่นบาท’

นาทีนี้กลับกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลเพื่อไทยที่จะต้องรีบถอดสลัก เพื่อไม่ให้กลายเป็นระเบิดพลีชีพ แบบว่า… พรรคต้องจบชีวิตไปด้วยการถอดสลัก ก็คือ ต้องยอมทบทวน ปรับแต่งกันใหม่… หาไม่แล้วต้องจบชีวิตกันจริงๆ เพราะเท่าที่ ‘เล็ก เลียบด่วน’ แอบได้ยินแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล 2-3 พรรคเขากระซิบกันก็คือ ถ้าสุ่มเสี่ยงเกินไปก็ไม่ขอเล่นด้วย… บ้านเมืองจะเสียหาย ดีไม่ดีถูกฟ้องร้องติดคุกติดตะรางเอาได้

ก็ดีแล้ว… เมื่อยังไม่พร้อม ข้อมูลไม่พอ… เลื่อนการประชุมกรรมการดิจิทัล วอลเล็ตชุดใหญ่จากวันที่ 24 ต.ค. ออกไปไม่มีกำหนด… แต่การแถลงของนายกฯ และแกนนำพรรคเพื่อไทยจากนี้ไป ต้องไม่พร่ำเพรื่อสะเปะสะปะ อย่าไปปลุกมวลชนในขณะที่แม่ทัพนายกองก็ยังตอบคำถามชัดๆ ไม่ได้ มันจะไปไม่เป็น…

#อุ๊งอิ๊งกับงานช้าง ‘ผู้นำพรรค’
วันที่ 27 ต.ค. ประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทย ก็จะได้ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งชาวเพื่อไทยคงไม่มีใครขัดข้องในฐานะลูกสาวนายห้าง และเธอก็ได้พิสูจน์ตัวเองมาระดับหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็รอดูนโยบายเรือธงอีกเรื่องของพรรคคือ ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ถ้าทำสำเร็จก็จะเป็นกระดานหกสำคัญ แต่ก็นั่นแหละจากบทเรียนกรณี ‘ดิจิทัล วอลเล็ต’ ถ้าคิดไม่จบจริงๆ ได้แค่เป็นการจุดพลุสุดท้ายจากบวกอาจกลายเป็นลบ…

แต่โจทย์สำคัญไม่แพ้เรื่อง ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ของ ‘อุ๊งอิ๊ง’ คือ การลอกคราบพรรคเพื่อไทยใหม่ ให้ไฉไลกว่าเก่าและยิ่งใหญ่พรรคคู่แข่งอย่างก้าวไกล ที่ทุกวันนี้ยังติดหล่มในเรื่องที่ตัวเองชอบสอนชาวบ้านด่าชาวบ้านแต่เป็นซะเองหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการคุกคามทางเพศ… ซึ่งตอนแรก ‘เล็ก เลียบด่วน’ มองว่าไม่น่าจะสร้างความสั่นสะเทือนให้พรรคส้มได้

แต่ดูไปดูมา… มันหนักสาหัสกว่าที่คิด!!

ดังนั้น หาก ‘อุ๊งอิ๊ง’ ยกระดับวุฒิภาวะด้านต่างๆ ของตัวเองขึ้นอีกหน่อย มองโลกให้กว้างกว่าครอบครัว กระตุ้นให้พรรคเป็นผู้นำในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ กล้านำทำจริงเรื่องการนิรโทษกรรมคดีชุมนุมการเมืองให้กับทุกสีเสื้อ ไม่หมกมุ่นอยู่กับอิสรภาพของคุณพ่ออยู่เรื่องเดียว… รวมทั้งโชว์ความคิดการปฏิรูปด้านอื่นๆ ให้เห็น โอกาสที่อุ๊งอิ๊งจะเป็นผู้นำประเทศอย่างสง่างาม ก็อาจจะฉายแววมากกว่าเดิม… เพราะถ้ายังเป็นอยู่แบบทุกวันนี้ยังไม่พอ…

ดู ‘อานิด เศรษฐา’ ก็ได้… สูงยาวเข่าดี ไหว้สวยขนาดไหน ยังเหนื่อยโคตร… ต้องมีกึ๋น มีวุฒิภาวะที่เพียงพออีกด้วย 

สวัสดี!!

วิพากษ์ภาพรวม ‘เศรษฐา’ เสนอแนะท่วงท่า ‘อุ๊งอิ๊ง’ ถ้าอยากชนะก้าวไกล ต้องเติม ‘กึ๋น-วุฒิภาวะ’ พอดู

ฤกษ์ที่จะมาส่องกล้องมอง (รัฐบาล) พรรคเพื่อไทยให้เป็นเรื่องเป็นราวสักเล็กน้อย… ด้วยข้อมูลและความรู้สึก ความคิดเห็นของ ‘เล็ก เลียบด่วน’ บนพื้นฐานความรักและปรารถนาดี… แต่รู้สึกขัดอกขัดใจ…

#สถานการณ์ตัวนายกฯ
ว่าด้วย ‘นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน’ ความขยันขันแข็ง มุ่งมั่นตั้งใจทำงาน บวกกับท่วงท่ากิริยาอาการไหว้สวย อ่อนน้อมถ่อมตนในบางเรื่องบางราว เอาคะแนนไปเต็มร้อย แต่สิ่งที่เรียกว่า ‘วุฒิภาวะ’ โดยรวมๆ แล้ว เท่าที่สดับตรับฟังมาจากหลายทิศทาง ก็ต้องบอกว่ายังสอบไม่ผ่าน… ล่าสุดทริปไปประชุมที่จีน และซาอุฯ ต้องบอกว่า “ดูไม่จืด” เอาแค่ประเด็นเดียว เรื่องการแต่งกายและถุงเท้าสีชมพู ตลอดจนท่วงท่าตอนพบปูติน แทบทุกคนดูคลิปแล้วต้องร้อง “พระเจ้าช่วย กล้วยทอด… ไม่สง่างาม… อยากปิดตา ไม่กล้าดู”

อันที่จริงเวทีต่างประเทศ ซึ่งต้องใช้ภาษาอังกฤษ… เศรษฐาน่าจะโชว์ให้เหนือกว่า ‘ลุงตู่’ ที่เก้ๆ กังๆ เพราะภาษาปะกิตไม่คล่อง… แต่เอาเข้าจริง เรื่องภาษาก็ถูกเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมมากลบฝังจุดแข็งไปเกือบหมด น่าเสียดาย…

#ผลงานรัฐบาล
อาจจะเร็วไปที่จะมองภาพรวมผลงานรัฐบาล เพราะแต่ละกระทรวงเพิ่งทำงานได้แค่ 2 เดือน… หลายรัฐมนตรี หลายกระทรวงก็พยายามทำงานด้วยความขยันขันแข็ง ก็เห็นๆ กันอยู่ แต่ที่จะกล่าวถึงวันนี้ คือ นโยบายหลัก นโนยบายที่เป็นเรือธงของรัฐบาลคือ ‘ดิจิทัล วอลเล็ต เติมเงิน 1 หมื่นบาท’

นาทีนี้กลับกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลเพื่อไทยที่จะต้องรีบถอดสลัก เพื่อไม่ให้กลายเป็นระเบิดพลีชีพ แบบว่า… พรรคต้องจบชีวิตไปด้วยการถอดสลัก ก็คือ ต้องยอมทบทวน ปรับแต่งกันใหม่… หาไม่แล้วต้องจบชีวิตกันจริงๆ เพราะเท่าที่ ‘เล็ก เลียบด่วน’ แอบได้ยินแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล 2-3 พรรคเขากระซิบกันก็คือ ถ้าสุ่มเสี่ยงเกินไปก็ไม่ขอเล่นด้วย… บ้านเมืองจะเสียหาย ดีไม่ดีถูกฟ้องร้องติดคุกติดตะรางเอาได้

ก็ดีแล้ว… เมื่อยังไม่พร้อม ข้อมูลไม่พอ… เลื่อนการประชุมกรรมการดิจิทัล วอลเล็ตชุดใหญ่จากวันที่ 24 ต.ค. ออกไปไม่มีกำหนด… แต่การแถลงของนายกฯ และแกนนำพรรคเพื่อไทยจากนี้ไป ต้องไม่พร่ำเพรื่อสะเปะสะปะ อย่าไปปลุกมวลชนในขณะที่แม่ทัพนายกองก็ยังตอบคำถามชัดๆ ไม่ได้ มันจะไปไม่เป็น…

#อุ๊งอิ๊งกับงานช้าง ‘ผู้นำพรรค’
วันที่ 27 ต.ค. ประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทย ก็จะได้ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งชาวเพื่อไทยคงไม่มีใครขัดข้องในฐานะลูกสาวนายห้าง และเธอก็ได้พิสูจน์ตัวเองมาระดับหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็รอดูนโยบายเรือธงอีกเรื่องของพรรคคือ ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ถ้าทำสำเร็จก็จะเป็นกระดานหกสำคัญ แต่ก็นั่นแหละจากบทเรียนกรณี ‘ดิจิทัล วอลเล็ต’ ถ้าคิดไม่จบจริงๆ ได้แค่เป็นการจุดพลุสุดท้ายจากบวกอาจกลายเป็นลบ…

แต่โจทย์สำคัญไม่แพ้เรื่อง ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ของ ‘อุ๊งอิ๊ง’ คือ การลอกคราบพรรคเพื่อไทยใหม่ ให้ไฉไลกว่าเก่าและยิ่งใหญ่พรรคคู่แข่งอย่างก้าวไกล ที่ทุกวันนี้ยังติดหล่มในเรื่องที่ตัวเองชอบสอนชาวบ้านด่าชาวบ้านแต่เป็นซะเองหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการคุกคามทางเพศ… ซึ่งตอนแรก ‘เล็ก เลียบด่วน’ มองว่าไม่น่าจะสร้างความสั่นสะเทือนให้พรรคส้มได้

แต่ดูไปดูมา… มันหนักสาหัสกว่าที่คิด!!

ดังนั้น หาก ‘อุ๊งอิ๊ง’ ยกระดับวุฒิภาวะด้านต่างๆ ของตัวเองขึ้นอีกหน่อย มองโลกให้กว้างกว่าครอบครัว กระตุ้นให้พรรคเป็นผู้นำในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ กล้านำทำจริงเรื่องการนิรโทษกรรมคดีชุมนุมการเมืองให้กับทุกสีเสื้อ ไม่หมกมุ่นอยู่กับอิสรภาพของคุณพ่ออยู่เรื่องเดียว… รวมทั้งโชว์ความคิดการปฏิรูปด้านอื่นๆ ให้เห็น โอกาสที่อุ๊งอิ๊งจะเป็นผู้นำประเทศอย่างสง่างาม ก็อาจจะฉายแววมากกว่าเดิม… เพราะถ้ายังเป็นอยู่แบบทุกวันนี้ยังไม่พอ…

ดู ‘อานิด เศรษฐา’ ก็ได้… สูงยาวเข่าดี ไหว้สวยขนาดไหน ยังเหนื่อยโคตร… ต้องมีกึ๋น มีวุฒิภาวะที่เพียงพออีกด้วย 

สวัสดี!!

‘ณัฐจิรา’ ชี้ ‘เศรษฐา’ บริหารไม่ถึง 2 เดือน ลดค่าครองชีพ ปชช.ต่อเนื่อง ลั่น!! รัฐฯ มุ่งแก้ปัญหาปากท้อง หนุนคนไทยมีงานทำ-มีกินมีใช้อย่างยั่งยืน

(23 ต.ค. 66) น.ส.ณัฐจิรา อิ่มวิเศษ สส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้ารับหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน จนถึงเวลานี้ไม่ถึง 2 เดือน รัฐบาลเดินหน้าลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลดค่าไฟฟ้า ที่เป็นปัญหาหนักอกของคนไทยมานานหลายปี จนถึงเวลานี้ ค่าไฟฟ้าตามบ้านลดลงจนหลายครอบครัวมีความสุขมากขึ้น รวมทั้งลดราคาน้ำมันส่งผลให้ประชาชนประหยัดเงินได้มาก

น.ส.ณัฐจิรา กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้รัฐบาลเดินหน้าเพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพให้คนไทย ภายใต้นโยบายเติมเงินในกระเป๋าประชาชนจะช่วยลดต้นทุนการเกษตร สามารถรวมกลุ่มกันสร้างอำนาจต่อรองในตลาด และซื้อสินค้าในราคาที่ลดลงด้วย ในขณะเดียวกันด้วยจำนวนเม็ดเงินตามนโยบายรัฐ ประชาชนสามารถสร้างอาชีพใหม่ได้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านขายอาหาร เปิดร้านขายของชำ สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจะเป็นการต่อยอดเงินจากโครงการรัฐบาล ไปสู่การสร้างอาชีพให้กับประชาชนทั่วไทย

“รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มุ่งในการแก้ปัญหาปากท้องเป็นลำดับแรก หลังจากหลายปีที่ผ่านมาประชาชนต้องทุกข์ตรมกับปัญหาสารพัดที่ต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาด ตกงานรายได้ไม่พอรายจ่าย ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ สวนทางกลับราคาปุ๋ย ราคายาปราบศัตรูพืชปรับราคาไม่หยุด ดังนั้นรัฐบาลตั้งใจลดค่าครองชีพ เพิ่มราคาผลผลิตทางการเกษตรเพื่อพลิกฟื้นชีวิตประชาชน ให้มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไป” น.ส.ณัฐจิรา กล่าว

‘เศรษฐา’ เรียก รมต.ติดตามงาน ก่อนประชุมช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล พร้อมจับตา!! ‘เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง’ คิกออฟ ‘30 บาทพลัส’ นัดแรก 24 ต.ค.นี้

(23 ต.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางเข้ากระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเป็นประธานการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินความไม่สงบในอิสราเอล-กาซา (RRC)

ก่อนการประชุมดังกล่าวนายกฯ ได้เรียกรัฐมนตรีมาหารือนอกรอบ ประกอบด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน, นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เพื่อติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล รวมถึงเรื่องการช่วยเหลือตัวประกัน นอกจากนี้จะมีหารือ เรื่องการแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน และการเตรียมข้อมูลด้านเอกสารในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่  24 ต.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในวันที่ 24 ต.ค.เวลา 13.00 น. ภายหลังการประชุมครม.นายกฯ จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 1 /2566 โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพ เข้าร่วมประชุมด้วย

นอกจากนี้ยังมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กรรมการและเลขานุการฯ เพื่อประชุมพิจารณาหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาทรักษาทุกโรคพลัส ซึ่งเป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยในการหาเสียงในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา

‘กิตติ์ธัญญา’ ชี้ ดิสเครดิต ‘เงินดิจิทัล’ เป็นเรื่องปกติ เหน็บคนไม่เห็นด้วย คงหวั่น ปชช.จะชื่นชอบ ‘พท.’ มากขึ้น

(23 ต.ค. 66) น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีเสียงท้วงติงและบางส่วนอาจมีการด้อยค่านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นเจ้าของนโยบายว่าเป็นการดิสเครดิตหรือไม่ ว่า เป็นธรรมดาของการเมืองที่จะมีการดิสเครดิตกัน แต่อยากให้คนที่คอยดิสเครดิตนโยบายต่างๆ ฟังเสียงประชาชนด้วย ทั้งนี้ จากที่ตนได้ลงพื้นที่ไม่มีใครไม่อยากได้ มีแต่คนบอกว่าอยากได้ให้เร็วที่สุด ซึ่งเงินจำนวน 10,000 บาท หากรวมคนในครอบครัว บางครอบครัวก็อาจจะสามารถตั้งตัวได้ และเราไม่ทราบเลยว่าส่งผลเสียตรงไหน

น.ส.กิตติ์ธัญญากล่าวต่อว่า คนที่มาด้อยค่าเงินดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ถามว่าเขามีเงินเดือนหลักแสน หลักห้าหมื่น หกหมื่นต่อเดือน เขาเคยลำบากหรือไม่ว่าวันนี้หางานหาเงิน กินพรุ่งนี้ คำที่บอกว่าหาเช้ากินค่ำ วันนี้ใช้ไม่ได้แล้วเพราะหาเช้าวันนี้กินเช้าวันพรุ่งนี้ ทุกวันนี้ชาวบ้านโดยเฉพาะคนที่มีหนี้นอกระบบ เขาหาเงินตัวเป็นเกลียว หากมีเงิน 10,000 บาทมาซัพพอร์ตเขาบ้าง แม้จะไม่ใช่เงินที่ยิ่งใหญ่ที่อาจจะไม่ได้ทำให้เขารวยเป็นมหาเศรษฐี แต่มันสามารถทำให้เขายืดระยะเวลาในการอดมื้อกินมื้อได้

“เหตุผลหลักที่เขาต่อต้านเป็นเพราะเขากังวลว่าจะเป็นนโยบายที่ประชาชนชอบ แล้วจะดึงความสนใจของประชาชนกลับมาที่นายกรัฐมนตรีและพรรคการเมือง แต่คนที่จำเป็นต้องใช้ไม่มีใครต่อต้านเลย มีแต่ถามว่าแค่นี้หรือ ขยายการซื้อได้หรือไม่ เรื่องนี้มีประเด็นเดียวคือประเด็นเรื่องการเมือง กลัวว่าเราเป็นพรรคที่ประชาชนชื่นชมอยู่แล้ว ประชาชนจะยิ่งเครซี (crazy) ในนโยบายพรรคเพื่อไทยที่จะทำได้มากยิ่งขึ้น” น.ส.กิตติ์ธัญญากล่าว

เมื่อถามว่า กังวลว่าจะกระทบกับความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อพรรค พท.หรือไม่ น.ส.กิตติ์ธัญญากล่าวว่า คนที่กังวลไม่ใช่เราแต่เป็นชาวบ้านที่เขารอความหวังจะใช้เงินนี้ ชาวบ้านเขาพูดว่าเห็นคนรวยมาบอกไม่ให้แจก แล้วถ้าคนรวยไม่ยอมให้แจก ส.ส.กับนายกรัฐมนตรีจะกลัวคนรวยไม่เลือกหรือไม่ แล้วจะยังมองเห็นคนจนอยู่หรือไม่ คนจนอยากได้ อย่าฟังแต่เสียงคนรวย ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็มองว่าไม่สามารถแบ่งคนรวยกับคนจนได้ เพราะเงินที่นำมาให้ก็เป็นเงินภาษีของทุกคน ย้ำว่าเราไม่กังวลเพราะเป็นนโยบายที่เราจะทำ

“ดิฉันมองว่าแม้แต่พระพุทธเจ้ายังถูกวิพากษ์วิจารณ์ แล้วนับประสาอะไรกับพรรคการเมือง นายกรัฐมนตรี หรือนักการเมืองที่จะไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เสียดสี แต่ทั้งนี้หากเรามองแค่คนกลุ่มหนึ่ง แล้วไปแคร์แค่กลุ่มเดียว คนอีกล้านๆ คนที่เขาต้องการ เราจะไม่แคร์เขาหรือ คนที่กังวลในการที่ด้อยค่าหรือบูลลี่ในเงินหมื่นบาท ไม่ใช่เรา ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แต่เป็นประชาชนตาดำๆ ที่เขารอคอยความหวังกับเงินนี้ เราแคร์และเราฟังทุกเสียง ทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่อะไรที่มีข้อเสียน้อยที่สุด และเราจะทำในสิ่งที่เกิดประโยชน์มากที่สุดให้กับประชาชน” น.ส.กิตติ์ธัญญา กล่าว

เมื่อถามว่า อยากสื่อสารอะไรถึงประชาชนที่ทั้งเห็นด้วยและอาจมีเสียงท้วงติงหรือไม่ น.ส.กิตติ์ธัญญากล่าวว่า ปัจจุบันถามว่าระหว่างสุขภาพดีกับมีเงินจะเลือกอะไร ฉะนั้น พรรค พท.เราทำควบคู่กันไป เรารื้อเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค เพื่อจะให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น นอกจากนี้เรายังพยายามลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาสให้ประชาชน

‘หยก’ แจง!! เหตุชูไอแพดสูง หวิดโดนหัวนายกฯ โอด!! ‘เศรษฐา’ เมินเดินหนี จึงต้องเข้าชูสูงประชิด

จากกรณีเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 66 น.ส.ธนลภย์ (สงวนนามสกุล) หรือ ‘หยก’ เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง และ น.ส.อันนา อันนานนท์ ได้บุกยื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่คุกคามตนเอง เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2565 ในเหตุการณ์การชุมนุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ธนลภย์ หรือ ‘หยก’ ได้ถือไอแพดที่เขียนข้อความ “112 จะไม่ถูกใช้รังแกประชาชนในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย” และ “คดีตากใบจะสิ้นสุดในปีหน้า” โดยพยายามถือให้นายกฯ เห็นข้อความในไอแพด  โดยจังหวะหนึ่งขณะที่ น.ส.ธนลภย์ ถือไอแพด เกือบจะชนศีรษะของนายกรัฐมนตรี

หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมรักษาความปลอดภัยของนายกฯ ได้พยายามเข้าไปพูดคุยกับ น.ส.ธนลภย์ เพื่อขอความร่วมมือให้หยุดเท่านี้ เนื่องจากนายกฯ ได้รับหนังสือร้องเรียนไปแล้ว

ล่าสุด วันนี้ (26 ต.ค. 66) น.ส.ธนลภย์ หรือ ‘หยก’ ได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น โดยได้โพสต์คลิปวิดีโอ พร้อมแคปชันระบุว่า…

“อธิบายสาเหตุที่ต้องชูป้ายเมื่อวาน (25 ตุลาคม 2566) เพราะสิ่งที่หยกต้องการถามนายก และพรรคเพื่อไทย คือ เรื่องความยุติธรรมตากใบก่อนคดีจะสิ้นสุดในปีหน้า และ 112 ที่เคยบอกจะไม่มีใครถูกรังแก”

โดยในคลิปวิดีโอ น.ส.ธนลภย์ หรือ ‘หยก’ ได้อธิบายไว้ว่า ตนไม่ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนเรื่องเดียวกันกับ น.ส.อันนา เนื่องจาก น.ส.อันนา นั้นได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึง นายเศรษฐา ทวีสิน เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่คุกคามตนเอง เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2565 ในเหตุการณ์การชุมนุม รวมถึงผู้เสียหายที่เกิดจากเหตุการณ์ดังกล่าวอีก 3 คนที่โดนจับ โดยมีบางคนได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว

และในส่วนของตนนั้น ต้องการที่จะถามหาความยุติธรรม กรณีเหตุการณ์ที่ตากใบ ก่อนที่คดีจะสิ้นสุดอายุความในปีหน้า (2567) และประเด็น ม.112 ที่ทางนายเศรษฐาเคยสัญญาว่าจะไม่มีใครถูกกฎหมายข้อนี้เพื่อใช้รังแกทางการเมือง แต่ตนนั้นยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกับนายเศรษฐา เนื่องจากนายเศรษฐา ได้เดินออกไปอีกทาง 

นอกจากนี้ หยกยังได้บอกว่า นายเศรษฐามีท่าทีที่เมินเฉยและไม่สนใจตนอีกด้วย จึงทำให้ตนตัดสินใจที่จะชูไอแพดให้สูงขึ้น เพื่อหวังจะให้นายเศรษฐา ได้เห็นข้อความที่ตนต้องการจะสื่อ และเรื่องที่ตนพยายามจะเรียกร้องกับทางนายเศรษฐา และพรรคเพื่อไทย มิได้มีเจตนาจะทำให้ไอแพดโดนศีรษะของนายเศรษฐาแต่อย่างใด

‘สว.วันชัย’ ป้อง!! ‘เศรษฐา-เพื่อไทย’ เข้ามา 2 เดือน โดนด่าเหมือนอยู่เป็นปี งง!! ทำอะไรก็ผิด ถามกลับ!! “ไม่เอาเพื่อไทย แล้วจะเอาใครเป็นรัฐบาล?"

(29 ต.ค. 66) นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘ไม่เอาเพื่อไทย แล้วจะเอาใครเป็นรัฐบาล’ ระบุว่า…

อยากจะถามดังๆ ถ้าไม่เอาเพื่อไทย และนายกฯ เศรษฐาแล้ว คุณจะเอาใครมาเป็นรัฐบาล มาเป็นนายกฯ เห็นกล่าวหาโจมตีกันจัง ไอ้โน่นก็ผิดไอ้นี่ก็ไม่ถูก จะยืนเดินนั่งนอน เสื้อผ้าหน้าผมรองเท้าถุงเท้าเป็นประเด็นกันไปหมด จะบ้าตาย ทั้งๆ ที่เป็นรัฐบาลมาแค่ 2-3 เดือน โจมตีอย่างกับว่าเขาอยู่มาเป็นปี

นายวันชัย ระบุต่อว่า จะเกลียดทักษิณและเพื่อไทยก็เกลียดกันเอาเป็นเอาตาย เกลียดไม่เลิก เกลียดแบบเข้ากระดูกดำ ทั้งๆ ที่ผู้มีอำนาจเขาเลิกเกลียด เขาก้าวข้ามความขัดแย้งกันแล้ว แต่พวกนี้ยังฝังจิตฝังใจกับทักษิณอย่างกับสายสิญจน์มัดตราสัง ไม่ยอมเลิกรา จะบ้าบอกันไปถึงไหน ไม่คิดจะให้บ้านเมืองมันเดินหน้ากันบ้างหรือไร จะเป็นสัปเหร่อเผาผีกันไปอย่างนี้หรือ

นายวันชัย ระบุว่า แค่นายกฯ ไปแสดงความยินดีกับคุณอุ๊งอิ๊งด้วยท่าทีแบบนั้นก็ดิ้นกันเป็นกิ้งกือโดนไฟ ทำไม่ถูกบ้างล่ะ ไม่เหมาะสมบ้างล่ะ คนเป็นนายกฯ ทำอย่างนั้นมันน่าอาย ก็คนอยู่พรรคเดียวกัน พวกเดียวกัน จะเล่นจะหยอกกันบ้างไม่ได้หรือ และคุณอุ๊งอิ๊งที่เป็นหัวหน้าพรรค และจะเป็นนายกฯ คนต่อไปหรือไม่นั้น มันก็อยู่ที่ประชาชน ทั้งวัย และการเมืองในสถานการณ์นี้ที่มีก้าวไกลเป็นคู่แข่ง คุณไม่เอาคนวัยขนาดนี้ จะไปเอาคนแก่ขนาดไหนมาเป็นผู้นำ

นายวันชัย ยังระบุอีกว่า แม้แต่เรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ก็ยังไม่ชัดเจนเลยว่ารัฐบาลจะเอาแบบไหนอย่างไร อยู่ในขั้นตอนที่เขาคงจะพิจารณากันให้รอบคอบ ทำได้ก็คงจะทำ และทำได้แค่ไหนเขาก็คงต้องดูกันให้ดี เป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรีกันก็มีสติปัญญากันทั้งนั้น ทำแล้วบ้านเมืองเสียหาย ทำแล้วติดคุกติดตะรางเขาก็คงจะไม่ทำกันหรอก ผมเชื่ออย่างนั้น เพราะพรรคเพื่อไทยคงจะมีบทเรียนเห็นพรรคพวกติดคุกติดตะราง หนีไปต่างประเทศกันแล้วหลายคน คงจะเป็นบทเรียนได้ดี

“การเป็นรัฐบาลครั้งนี้ ใครก็รู้ว่ากว่าจะมาถึงวันนี้มันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังเยอะ เขาคงจะไม่ทำอะไรซ้ำรอยเดิม ทั้งการชุมนุมประท้วง การปฏิวัติรัฐประหาร มันเป็นบทเรียนกันกับคนทุกคน ควรหันหน้าเข้าหากันได้แล้ว เลิกเสียทีเถอะที่เอาแต่ด่าๆๆ แต่ไม่เห็นจะทำอะไรเลย แทนที่จะปรองดองกันกลับเมายาดองกันทุกวัน ว่างๆ ไปไหว้พระที่วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชันกันเสียบ้าง” นายวันชัย ระบุทิ้งท้าย

‘เพื่อไทย’ ไม่ยุบ!! ‘กอ.รมน.’ ได้ใจ ‘สูงวัย-ชนชั้นกลาง’ เหตุ!! รำคาญพรรคส้มเต็มที ส่วนพี่ๆ กองทัพอ้าแขนโอบกอด

สถานการณ์เหตุบ้านการเมือง แม้จะดูเหมือนยังวนลูป แต่หากส่องกล้องดีๆ จะเห็นความเปลี่ยนแปลงผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว… กลางสัปดาห์ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ติดภารกิจไม่ได้มาขยับ ช่วงสุดสัปดาห์นี้เลยขอหยิบโน่นนิดนี่หน่อย มาเมาท์มอยเอาใจคอการเมือง

เรื่องแรก - แม้จะยังไม่ค่อยแจ่มชัดเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต แต่สังเกตให้ดีช่วงหลังๆ ภาษากาย ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงของ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ดูมีความมั่นอกมั่นใจมากขึ้น พูดจาช้าลง มีน้ำหนัก น่าเชื่อถือมากว่าเดิม หนำซ้ำยังได้ใจคนสูงวัยและชนชั้นกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพ กรณีประกาศเปรี้ยง… ไม่ยุบ กอ.รมน. สวนทางพรรคก้าวไกล… ไม่ใช่เพราะ กอ.รมน.ดีเลิศประเสริฐศรีอะไรมาก แต่ชาวบ้านเขาน่าจะรำคาญก้าวไกลที่เอะอะก็จะยุบไปหมด…

มองให้ลึกลงไป… ห้วงเวลานี้ พรรคเพื่อไทยกับกองทัพสมานสมัครรักใคร่กันเป็นพิเศษ… ต่างฝ่ายต่างอยู่เป็น เพื่อไทยเองก็สารภาพบาปผ่าน ‘ฯพณฯ คลังแสง’ แล้วว่า ถ้าเป็นรัฐบาลแล้วจะรู้ว่าอะไรทำได้ หรือทำไม่ได้ เพราะอะไร… ส่วนกองทัพก็มีความอ่อนตัวโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าไม่ล้มเจ้า ไม่โกงบ้านกินเมืองกันแบบมูมมาม ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใครจะใช้อภิสิทธิ์นอนชั้น 14 ก็นอนไป กองทัพไม่ยุ่งด้วย… แถมตอบสนองนโยบายในฐานะเครื่องมือของรัฐฯ

เรื่องที่สอง - เกี่ยวโยงกับความมั่นคง แม้จะยังไม่เสนอ ครม.ในวันอังคารที่ 7 พ.ย.นี้ แต่ค่อนข้างลงตัวแล้วว่า จะมีการโอนย้าย ‘พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์’ รอง ผบ.ตร. เตรียมทหารรุ่น 24 ข้ามห้วยไปรับตำแหน่งระดับ 11 ก่อนเกษียณ… คือ ตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำให้ท่านรองเลขา สมช. อย่าง ‘ฉัตรชัย บางชวด’ ต้องรอคั่วปลายปีหน้า… ไม่เป็นไร รอได้ เพราะเกษียณปี 2570

ที่น่าจับตามากกว่า เลขา สมช.คนใหม่ คือ หาก พล.ต.อ.รอย ลุกจาก รอง ผบ.ตร.จริง... รอง ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งต้องมาจากอาวุโสเป็นหลัก ก็หนีไม่พ้น ‘พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข’ ผช.ผบ.ตร. ซึ่งจะเกษียณปี 2568 

สำหรับ ‘บิ๊กจวบ’ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 23 นรต.รุ่น 39 เป็นนายตำรวจที่อ่อนตัว วันที่ นช.ทักษิณ กลับบ้านมานอน รพ.ชั้น 14... ‘บิ๊กจวบ’ คือ ผู้รับผิดชอบ ว่ากันว่าอันที่จริงนายใหญ่ชั้น 14 ก็เล็งๆ ที่จะอุปถัมภ์ค้ำชูอยู่แล้ว… ถ้า ‘บิ๊กจวบ’ ขึ้นรอง ผบ.ตร.ปีหน้า คนที่จะชิง ผบ.ตร.มีถึง 4 คน คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร์, พล.ต.อ. ธนา ชูวงษ์ และ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข

ไม่ต้องถามว่าใครอาวุโสกว่าใคร… เพราะจากรอง ผบ.ตร.เป็น ผบ.ตร.ใช้ทั้งอาวุธและความสามารถผสมกัน แต่ที่สำคัญที่สุด เจ้าของพรรคเพื่อไทยอยากได้ใคร!!

เรื่องที่สาม - แถมท้าย อินเทรนด์กับเขาหน่อย เรื่องการขับ สส.คุกคามทางเพศที่เขาบอกว่า ‘คาวไม่เท่ากัน’ งานนี้พรรคก้าวไกลเสียรังวัดเสียหายหลายแสน… มติที่ออกมาขับ ‘สส.แจ้ ปราจีนฯ’ แต่คาดโทษ ‘สส.ปูอัด จอมทอง’ ถูกวิจารณ์แซดว่า ‘คนไม่เท่ากัน-สองมาตรฐาน’ ตอนหลังดูท่า สส.ปูอัด จอมทอง ที่ว่ากันว่าเส้นใหญ่ไม่ยอมขอโทษผู้เสียหายแบบตรงๆ คงจะถูกขับด้วยในที่สุด… 

พูดถึง ‘ก้าวไกล’ ปลายปีนี้ก็ต้องลุ้นกันว่า ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ จะรอดไม่รอด กรณีถือหุ้นสื่อ… ในขณะที่มีกระแสข่าวเล่าลือหนาหูว่า หากพิธาไม่เป็นอะไรไปหรือต้องพ้นจาก สส.ก็เถอะ… โปรดจับตา ดีลการเมืองใหม่ล่าสุด ระหว่าง ‘คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์’ กับ ‘พิธา’ และน่าจะรวมถึง ‘น.ต.ศิธา ทิวารี’ ที่เพิ่งลาออกจากพรรคไทยสร้างไทย เมื่อ 27 ต.ค.นี้ด้วย… 

การพบกันของคุณหญิงและคณะกับพิธาที่สหรัฐฯ เมื่อหลายวันก่อน แม้จะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ก็เป็นความบังเอิญอย่างร้ายกาจ… ขอบอก!! 

‘เศรษฐา’ เคาะ!! 10 พ.ย.นี้ แถลงดิจิทัลวอลเล็ตชัดเจน แย้มใช้ ‘แอปฯ เป๋าตัง’ ร่วม เพิ่มความสะดวกให้ประชาชน

(4 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ระหว่างนั่งรถไฟขบวนพิเศษ 995 จากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) ไปยังสถานีรถไฟแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ถึงความคืบหน้าเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า วันที่ 10 พ.ย.นี้ รู้เรื่องทุกอย่าง อย่างที่ตนเรียนแล้วไม่ได้ไปว่าใครที่ไปพูดอะไรทั้งสิ้น วันนี้การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ วันที่ 10 พ.ย.นี้ จะรู้ที่มาที่ไปทุกอย่าง มีขั้นตอนไทม์ไลน์กฎกติกาที่ชัดเจนและต้องให้เกียรติคณะกรรมการด้วย

ซึ่งตนอยากให้เป็นไปตามขั้นตอน เพราะเดี๋ยวจะเกิดความสับสน อย่างที่บอกเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเรื่องสำคัญ อาจจะมีความเห็นต่างบ้าง แต่ทุกคนก็ยอมรับว่าจะต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ลักษณะหรือขอบเขต หรือปริมาณการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่าไหร่อย่างไรก็ต้องมาพูดคุยกัน อย่างที่ตนยืนยันตลอดเวลาว่าหากใครมีข้อเสนอแนะก็รับฟังตลอด และการรับฟังก็ไม่ใช่การรับฟังเฉยๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่านโยบายนี้ดูเหมือนจะเป็นการเดิมพันฝีมือก้าวต่อไปของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าให้ประชาชนเป็นคนตัดสินจะดีกว่า ทุกนโยบายสำคัญ และกรณีที่สื่อบางสำนักได้ทำโพลสำรวจมา เห็นว่าเรื่องเศรษฐกิจปากท้องเป็นสิ่งสำคัญ ดิจิทัลวอลเล็ตก็เป็นเรื่องสำคัญ

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องหนี้ครัวเรือน ซึ่งตนก็ได้ประชุมไปแล้วในเรื่องของหนี้ครัวเรือน เรียกนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาหารือ และตนก็เป็นรมว.คลังด้วย เพราะเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญ รวมไปถึง 30 บาทรักษาทุกโรค มีหลายเรื่องสำคัญ และเห็นว่าทุกเรื่องเป็นเดิมพันหมด แม้แต่เรื่องการบริหารจัดการน้ำก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเกษตรกร 30-40 ล้านคน รอเรื่องนี้อยู่ ภาคอุตสาหกรรมและเรื่องอีอีซีก็เป็นเดิมพันด้วย ไม่มีเรื่องอะไรที่ตนจะด้อยค่า ซึ่งต้องทำเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง

วันนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ก็ทำงานหนัก แต่เวลามีไมค์มาจ่อปากท่านก็ต้องตอบ แต่ก็เป็นเรื่องที่เราอยู่ระหว่างการทำงาน ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง พูดวันนี้อย่างแต่ก็อาจจะมีการเปลี่ยน แต่มาหาว่าท่านพูดกลับไปกลับมามันไม่ใช่ เพราะมันอยู่ระหว่างการคุย เวลาไปคุยกับแบงก์ชาติเขามีข้อเสนอกลับมา ก็กลับมาบอก เมื่อสื่อเอาไมค์จ่อปากเขาก็พูดว่ารับฟังแบงก์ชาติรับฟังสภาพัฒน์ฯ ก็มาบอกว่าพูดจาไม่รู้เรื่อง

นายเศรษฐากล่าวว่า เมื่อมีคำเตือนมาตนก็รับฟัง สื่ออาวุโสหลายท่านก็เตือนมา ผู้ว่าฯแบงก์ชาติก็บอกไม่ได้ติดอะไรแต่ให้ระวังในเรื่องนี้ ให้เขียนภาพระยะยาว เวลาที่ออกมาแล้วจะกระทบกับเศรษฐกิจในเชิงบวกอย่างไร รวมถึงการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ดังนั้นเวลาที่จะแถลงก็ต้องแถลงให้ครบทั้งหมด เมื่อเวลามีคำถามอะไรตนจะได้ตอบได้ แต่ก็เห็นใจนายจุลพันธ์ ทำงานหนักมาก ในฐานะที่ดูแลเรื่องนี้และไปคุยกับทุกภาคส่วน ขณะเดียวกันก็ยังมีกฤษฎีกาด้วย เยอะแยะเต็มไปหมด รวมถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วย ที่เราได้หาเสียงและพูดอะไรไป ก็ต้องไปปรึกษาเมื่อมีข้อคิดเห็นมาเราก็ต้องฟัง

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีมาจากนักธุรกิจประชาชนก็คาดหวังสูงในเรื่องเศรษฐกิจปากท้องจะดีขึ้น นายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจแบบนั้นหรือไม่ว่าภายในกี่เดือนประชาชนจะยิ้มอย่างมีความสุข นายเศรษฐากล่าวว่า ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ความตั้งใจของตนอยากให้ยิ้มทุกวัน อยากให้ยิ้มเร็วๆ ตนกระตือรือร้น มีความอยากจะทำ แต่ไม่ได้หมายว่าจะทำไม่ได้ นิสัยของตนไม่ใช่คนแบบนั้น ตนก็อยากทำให้ได้ ทุกคนก็รู้ดีมันไม่ได้อยู่ที่ตนคนเดียว ซึ่งก็มีปัญหาต่างๆเข้ามาและมีปัจจัยภายนอกรุมเร้าเยอะ

เมื่อถามว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเดินหน้าต้องระวัง ถอยหลังก็ไม่ได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าพูดอย่างนั้นก็หมายความว่าตนมีความคิดที่จะถอยหลัง ตนไม่ได้คิดจะถอยหลังเลย ฉะนั้นจะต้องทำ และต้องทำออกไปให้ดีที่สุด ให้ถูกต้องตามกฎหมายที่สุด ให้คนได้รับผลประโยชน์สูงสุด ซึ่งสาธารณชนต้องเข้าใจด้วยว่าระบบนี้วิธีการนี้ ไม่มีการคอร์รัปชัน ในเชิงปฏิบัติไม่มีที่ให้ประชาชนต้องสงสัยว่าใครได้อะไร เป็นเรื่องที่ธรรมดา เรื่องทุจริต ประพฤติมิชอบ ตนก็ไม่สบายใจ แต่ไม่ต้องห่วง 

ส่วนแอปพลิเคชันเป๋าตังมีส่วนร่วมแน่นอน เพราะเป็นเรื่องของการให้ความสะดวกและง่ายให้กับประชาชนใช้นโยบายนี้ได้อย่างสบายใจ

ส่วนการกำหนดพื้นที่การใช้ หรือการระบุให้ถอนใช้เป็นเงินสด แล้วไปใช้ที่จังหวัดอื่น ตนบอกว่าไม่ได้ อย่างที่ จ.เชียงใหม่หรือ กทม. เมืองเหล่านี้มันเขียวอยู่แล้ว ตนอยากให้ไปใช้ในเมืองที่มีจีดีพีรายได้ต่อหัวต่ำ อยากให้หญ้าพื้นที่ตรงนั้นเขียว ก็จะทำให้ชุมชนและเศรษฐกิจพื้นที่เหล่านั้นเฟื่องฟูลืมตาอ้าปากได้ ส่วนที่มีการบอกว่าให้ไปซื้อของออนไลน์ได้นั่น ตนตอบไม่ได้หมดตรงนี้

นายเศรษฐา กล่าวว่า “มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเรื่องใหญ่ๆ พวกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีผู้มีความรู้ต่างๆมากมายที่ให้คำแนะนำ ซึ่งรัฐบาลเองก็ต้องรับฟังทุกส่วนและเป็นคนตัดสินว่าตรงไหนมีความเหมาะสมมากที่สุด ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะไม่ทำ ไม่รับฟังหรือดื้อที่จะทำ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เศรษฐศาสตร์ ไม่ใช่คณิตศาสตร์เพราะคณิตศาสตร์ 1+1 เป็น 2 ส่วนเศรษฐศาสตร์เขามีมุมมองแต่ละคนอย่าง ที่ตนคุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เราคุยกันแบบผู้ใหญ่ เราคุยกันด้วยความเข้าใจที่ตรงกัน ถามว่าเห็นตรงกันทุกเรื่องไหมก็ไม่ใช่ ตนก็ยอมรับ แต่เราคุยกันด้วยดี และมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน สำคัญที่สุดอะไรต้องเดินไปข้างหน้าด้วยกัน วันนี้ประชาชนเดือดร้อนกันมากแล้วอย่างที่บอกไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าจีดีพีเฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.8% มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องแก้ไขตรงนี้และทำให้และทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น”

นายกฯ กล่าวว่า เรามาวันนี้ มาตรงนี้เพื่อที่จะทำ ซึ่งเรื่องความยุติธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตในการบริหารจัดการปัญหาเหล่านี้ต้องไม่ให้สังคมมีข้อกังขาก็พยายามทำให้ดีที่สุด หลายเรื่องก็ต้องพยายามทำไป วันเสาร์อาทิตย์รัฐมนตรีหลายท่านก็ทำงาน ไม่มีที่จะไม่เห็นความสำคัญเรื่องเหล่านี้

เมื่อถามว่านายกฯ ทำงานไม่เหน็ดไม่เหนื่อยตามที่เคยระบุไว้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “ไม่มีสิทธิ์เหนื่อย อาสาเข้ามาแล้วก็ต้องทำ ถ้าเหนื่อยก็พักไม่เป็นไร”

‘เพื่อไทย’ ชี้!! ผลงาน ‘ครม.นิด1’ 60 วัน แก้ปัญหาสำเร็จหลายมิติ ปลื้มผลโพล ปชช.พอใจ พร้อมเดินเครื่องฟูลแพ็กเกจดิจิทัลวอลเล็ต

(11 พ.ย. 66) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการแถลงผลงานในรอบ 60 วัน ตามด้วยการแถลงฟูลแพ็กเกจนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ว่า เป็นการแถลงสรุปผลงานสำคัญในสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการในช่วง 60 วันแรกที่ครบถ้วน ลุยแก้ปัญหาในหลายมิติ แก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน สอดคล้องกับผลการสำรวจความเห็นของประชาชนจากนิด้าโพล ที่ระบุชัดว่า ประชาชนส่วนใหญ่พึงพอใจในผลงานของรัฐบาลเศรษฐา

ส่วนฝ่ายค้านจะเห็นต่าง จะให้ผ่านหรือปรับตกอย่างไรก็ถือเป็นสิทธิ ในช่วง 60 วันแรกรัฐบาลได้ออกหลายมาตรการในลักษณะ ‘Quick wins’ ที่หวังผลระยะสั้น ทำทันที และจะเป็นฐานสนับสนุนในภารกิจที่เป็นเป้าหมายหลักในอนาคตของรัฐบาลด้วยการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ครม.เศรษฐา เข้ามา 2 เดือน หลายเรื่องที่เคยประกาศไว้ได้ทำจนประสบผลสำเร็จ ทั้งลดค่าไฟฟ้า ลดค่าน้ำมัน นโยบายฟรีวีซ่ากระตุ้นการท่องเที่ยว ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ดันมาตรการเร่งด่วนด้านต่างประเทศ แก้ปัญหายาเสพติด แก้หนี้นอกระบบ

รวมถึงนโยบายเรือธงอย่างดิจิทัลวอลเล็ต ของพรรค พท.ก็มีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
สิ่งที่รัฐบาลเศรษฐาได้ดำเนินการ ไม่เพียงพูดแล้วทำตามนโยบายที่ได้หาเสียง หรือแถลงนโยบายไว้ แต่หลายเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ รัฐบาลก็พร้อมดำเนินการเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top