Wednesday, 21 May 2025
พรรคก้าวไกล

ชมรมผู้ปกครองสุดทน!! เปิดแถลงโต้ ส.ส.ภูเก็ต พรรคก้าวไกล ปมห้องน้ำโรงเรียนไม่มีชักโครก แจง เป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน

ชมรมผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครภูเก็ต สุดทน!! รวมตัวชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีว่าที่ ส.ส.ภูเก็ต เขต 1 พรรคก้าวไกล บุกมาตรวจเยี่ยมโรงเรียนพร้อมนำข้อมูลคลาดเคลื่อนไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก ทำให้โรงเรียนเสียหาย

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 66 ชมรมผู้ปกครองนักเรียน และประธานเครือข่ายผู้ปกครองสัมพันธ์นครภูเก็ต ประธานชมรมผู้ปกครองนักเรียนในสังกัดเทศบาลนครภูเก็ต นำโดยนายมานะ ห้าวหาญ ประธานชมรมผู้ปกครองสัมพันธ์นครภูเก็ต และประธานชมรมผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนปลูกปัญญา ในพระอุปถัมภ์ฯ ได้ออกมาแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีที่ ว่าที่ ร.ต.สมชาติ เตชถาวรเจริญ ว่าที่ ส.ส.ภูเก็ต เขต 1 ได้มาตรวจเยี่ยมโรงเรียนเทศบาลปลูกปัญญา ในพระอุปถัมภ์ฯ โดยมิได้แจ้งล่วงหน้า ในวันที่ 31 พ.ค.2566 พร้อมทั้งได้บันทึกภาพห้องน้ำ และสถานที่โรงเรียน ไปลงในเพจเฟซบุ๊ก ‘สมชาติ เดชถาวรเจริญ-พรรคก้าวไกล’ และมีการแชร์ไปยังเพจอื่นๆ รวมทั้งสัมภาษณ์ผู้บริหารแล้วนำไปเขียนแบบไม่ชัดเจน ซึ่งสร้างความเข้าใจผิดในประเด็นต่างๆ และนำสื่อมวลชนไปเยี่ยมตามจุดต่างๆ ของโรงเรียน

โดยทางชมรมผู้ปกครองได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ ตามที่นายสมาชาติ ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก เริ่มจากเรื่องห้องน้ำโรงเรียน ที่ว่าโรงเรียนไม่เปลี่ยนห้องน้ำเป็นโถแบบชักโครก เพราะนักเรียนใช้แบบโถชักโครกไม่เป็น ประโยคนี้ถือว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอย่างมาก เพราะทางโรงเรียนและผู้บริหารพูดเสมอว่า โรงเรียนจะต้องเปลี่ยนส้วมจากโถแบบนั่งยองไปเป็นโถแบบชักโครกให้นักเรียนทุกอาคารเรียน

เพราะปัจจุบัน นักเรียนใช้แบบนั่งยองไม่เป็น เนื่องจากที่บ้านนักเรียนส่วนใหญ่ใช้ส้วมแบบชักโครกกันหมดแล้ว ซึ่งมีผู้ปกครองนักเรียนได้สนับสนุนโถสุขภัณฑ์มาให้โรงเรียน จึงมีการทยอยเปลี่ยนให้อยู่ แต่ทางชมรมผู้ปกครองเสนอไม่ให้โรงเรียนเปลี่ยนเป็นโถชักโครกทั้งหมด ควรมีเหลือโถแบบนั่งยองไว้ด้วย เพราะนักเรียนบางคนก็สะดวกที่จะใช้แบบนั่งยอง เพราะกลัวเรื่องการติดเชื้อได้ง่าย

ทั้งนี้ ในโรงเรียนมีห้องน้ำทั้งหมด 166 ห้อง อาคาร 1 เป็นอาคารใหม่ส้วมใช้ได้ 100% อาคาร 2 อยู่ระหว่างปรับปรุง ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งหมดกว่า 3,400 คน สำหรับภาพที่บอกว่าห้องน้ำโรงเรียนไม่สะอาด โรงเรียนจะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาและดูแลความสะอาดให้เข้มงวดมากขึ้น

ประเด็นที่ 2 เรื่องก๊อกน้ำที่ใช้งานอยู่ โรงเรียนดูแลอยู่ตลอดเวลา อาจมีบ้างที่มีรอยรั่ว เพราะจำนวนเด็กมาก โรงเรียนมีการซ่อมแซมอยู่ตลอดเวลา

ประเด็นที่ 3 เรื่องข้อร้องเรียนเรื่องทรงผมนักเรียน การแต่งกายที่มีหลายแบบ ซึ่งทางโรงเรียนได้มีการแจ้งให้ผู้ปกครองรับทราบตั้งแต่แรกแล้วตามคู่มือ เพราะโรงเรียนเทศบาลปลูกปัญญา เป็นโรงเรียนในพระอุปถัมภ์ฯ การตัดผมต้องเหมาะสมในการใส่ชุดพิธีการด้วย และชมรมผู้ปกครองนักเรียนได้สนับสนุนงบประมาณและอุปกรณ์ให้โรงเรียน เช่น ทำโครงการเสื้อผ้ามือสองส่งต่อเพื่อนพ้องน้องพี่ ช่วยเหลือผู้ปกครองที่ลำบาก มีการแจกจ่ายปีละพันกว่าชุด และมีโครงการตัดผมฟรีอีกด้วย

ประเด็นสุดท้าย การใช้โทรศัพท์มือถือ โรงเรียนให้นักเรียนสามารถนำโทรศัพท์มือถือมาใช้ในโรงเรียน และใช้ในชั่วโมงเรียนในกรณีที่มีการค้นคว้าข้อมูลต่างๆ กรณีเด็กเล็กมีการจัดเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ให้และแจกคืนในช่วงเย็นก่อนกลับบ้าน เพราะอาจสูญหายได้

อย่างไรก็ตาม ทางผู้ปกครองมองว่า การเข้ามาตรวจสภาพโดยรวมของโรงเรียนปลูกปัญญาฯ ของว่าที่ ส.ส.ภูเก็ต เขต 1 นั้น เป็นเจตนาที่ดีและจะเกิดประโยชน์โดยตรงกับนักเรียน แต่ควรที่จะบอกกล่าวหรือนัดหมายกันล่วงหน้า ไม่ใช่นึกอยากจะเข้ามาก็เข้ามา โดยไม่แจ้งและไม่ขออนุญาตในการขึ้นไปบนอาคารเรียน ซึ่งทางโรงเรียนมีกฎระเบียบในการขึ้นไปอาคารเรียนเพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียน และเชื่อว่าหากมีการนัดล่วงหน้า ทางโรงเรียนคงไม่สามารถเปลี่ยนโถส้วมหรือเปลี่ยนอะไรได้ อยากจะให้เข้ามาพูดคุยหารือในการแก้ปัญหาร่วมกันมากกว่าที่บุกเข้ามาแบบนี้

ผู้ปกครองบอกอีกว่า หลังเกิดเหตุการณ์ทางชมรมผู้ปกครองได้มีการประสานไปยังว่าที่ ส.ส.ภูเก็ต เขต 1 เพื่อทำความเข้าใจถึงประเด็นต่างๆ ที่ยังมีความคลาดเคลื่อน แต่ยังไม่สามารถนัดมาพูดคุยหารือในปัญหาต่างๆ ร่วมกันได้

เท่าพิภพ’ ว่าที่ ส.ส. พรรคก้าวไกล โพสต์ภาพคู่ ‘ต๊อด ปิติ’ ร่วมถกกฎ-ข้อบังคับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้อนรับสุราก้าวหน้า

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 66 นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ว่าที่ ส.ส. กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต หรือ ‘สุราก้าวหน้า’ โพสต์ภาพกับนายปิติ ภิรมย์ภักดี หรือ ‘ต๊อด’ ทายาทของตระกูลภักดี ผู้ผลิตเบียร์รายแรกของประเทศไทย ในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุข้อความว่า…

" เท่าต๊อด ดีลรักที่ไม่ลับ "

หากท่านได้ติดตามผมมาก่อน จะเห็นว่าในการดำเนินนโยบาย #สุราก้าวหน้า ผมมีความพยายามที่จะวางตัวเป็นคนกลางระหว่าง กลุ่มรณรงค์ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอลฮอล์ และกลุ่มผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยผมเริ่มตะเวนพบปะตัวแทนของทั้งสองฝั่งอยู่บ่อยครั้ง หรือก่อนหน้านี้ก็ได้มีการพูดคุยของเหล่า brewer เพื่อหาข้อสรุป ‘ตรงกลาง’ ของสายพานธุรกิจ #สุรา #คราฟท์เบียร์ #ไวน์ #สุราแช่ และครั้งนี้ ก็เป็นคิวของ #บุญรอด เป็นเพราะผมจะได้ทราบว่าเขาคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับ กฎของบ้านเก่าหลังนี้

ซึ่งเนื้อหาการพูดคุยสรุปได้ดังนี้ 
บทสนทนาเริ่มขึ้นถึงเรื่องของหน่วยงานบางหน่วยงานทันที หน่วยงานที่ออกกฎมาด้วยตัวเองและตั้งให้ตัวเองเป็นผู้บังคับบังคับใช้กฎนั้น หลังจากสิ้นสุดการกล่าวถึงนั้น เราต่างสบถออกมาพร้อมเพรียงกันว่า “นี่มันประเทศอะไรวะเนี่ย” เพราะมันเป็นเรื่องแปลกมาก ๆ ไม่มีที่ไหนเขาทำกัน 

การพูดคุยจุดประสงค์คือการแลกเปลี่ยนจากมุมมองที่ต่างกัน โดยที่ทั้งคู่มาเพื่อจะรับฟังและโต้แย้งกันด้วยเหตุผล เพราะเราทั้งคู่เริ่มเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในอนาคต อาจเป็นเพราะพวกเราไม่ใช้กำแพง แต่คือกังหันลม ที่พร้อมโอบรับความเปลี่ยนแปลง

การบริหารหลังบ้าน จากมุมมองนักธุรกิจอย่างพี่ต๊อด เขามองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญและเป็นสิ่งที่ควรปรับเปลี่ยนเป็นอันดับแรก ๆ ถ้าหากมีไอเดียดีแค่ไหน ถ้าคนทำไม่ทำ ค่าก็เท่าเดิม

ต่อมาเรื่องผลิตภัณฑ์ของ SME เรามองตรงกันว่าควรมีการควบคุมคุณภาพ ด้วยกฎเกณฑ์ที่จำเป็นและไม่ยากจนเกินไป แต่ต้องสามารถบังคับใช้ได้จริง เพื่อควบคุม ‘ความปลอดภัย’ ของผลิตภัณฑ์ เพราะนั่นคือสิทธิขั้นพื้นฐานที่ผู้บริโภคควรได้รับ

ต่อมาในระดับผู้บริโภค ปัญหาที่คนธรรมดาไม่ได้มีผลประโยชน์โดนฟ้อง เพราะเผยแพร่สิ่งที่ตนเองชอบและให้ความสนใจ ซึ่งมันควรเป็นสิทธิของบุคคลนั้นๆ มากกว่า

สุดท้ายนี้ผมขอเปรียบพี่ต๊อด เป็นหนึ่งในผู้อาศัยที่อยู่บ้านหลังนี้มานานตั้งแต่รุ่นพ่อ และรับรู้ถึงปัญหามาอย่างยาวนาน 

พี่ต๊อดจึงเป็น ‘หนึ่งคน’ ที่สามารถชี้จุดปัญหาใหญ่ ๆ ในวงการนี้ได้เป็นอย่างดีและสมควรที่เราจะต้องรับฟัง

ผมก็คือผู้รับเหมา ที่หวังจะมาปรับปรุงบ้านเก่าหลังนี้ให้ทันสมัยขึ้น เหมาะสมกับการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและมีวุฒิภาวะ การที่ผมได้มาถามข้อมูลจากผู้ที่เคยอาศัยอยู่มาก่อน ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ที่จะเข้าใจถึงปัญหาต่าง ๆ ภายในบ้านที่สมควรได้รับการปรับปรุงหลังนี้

ที่ผมเลือกที่จะเดินเข้าไปหาที่ต๊อดและบุญรอดในวันนี้ เพราะผมอยากแสดงให้เห็นว่า ผมไม่ได้ตั้งใจมาเพื่อทุบบ้านหลังนี้ทิ้ง แต่ไม้เก่าผุพัง ถึงเวลารื้อ เราก็ต้องทำ รีบปรับเปลี่ยนเป็นวัสดุอย่างอื่น ก่อนที่มดปลวดจะกัดกินจนบ้านนี้ไม่เหลืออะไร

เพื่อความโปร่งใส และตรวจสอบได้ ผมอยากจะขอยืนยันว่าบทสนทนาระหว่างเราในวันนี้ ไม่มีคำว่า “ขอ” ออกจากปากใครสักครั้ง เพราะจุดประสงค์ในการพูดคุยครั้งนี้ ไม่มีสิ่งที่เราต้องร้องขอกันเลย และคำพูดที่ถูกใช้มากที่สุดคือ “ผมเจอแบบนี้ คุณเจอมาแบบไหน? เพื่อนผมเจอมาแบบนี้ เพื่อนคุณเจอมาแบบไหน?” ซะมากกว่า โดยผมยืนยันได้ว่าพวกเราไม่ได้มีผลประโยชน์ #ใต้โต๊ะ มอบให้แก่กันแต่อย่างใด แต่สิ่งที่มอบให้กันคือมุมมองของแต่ละคนเสียมากกว่า”

อดีตทูต ‘นริศโรจน์’ ย้อนถาม รักษาเอกราช ปกป้องสถาบันกษัตริย์ แบบนี้เรียก ‘แช่แข็งประเทศ’ หรือ

วันที่ 11 มิ.ย.2566 - นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์เฟซบุ๊กโต้ข่าวที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ ระบุฝ่ายอนุรักษ์นิยมอยากแช่แข็งประเทศ

โดยนายนริศโรจน์ ระบุว่า การต้องการรักษาความเป็นเอกราชหนึ่งเดียวของประเทศมิให้ถูกแบ่งแยก  การรักษาสถาบันกษัตริย์ สถาบันครอบครัวให้คงอยู่ การพัฒนาประเทศจนมีเงินทุนสำรอง และทองคำสำรองสูงจนติด Top อันดับโลก การพัฒนา infrastructure ถนนหนทาง รถไฟฟ้า ฯลฯ การพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจ EEC  การพัฒนานวัตกรรมใหม่ เช่น ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์ การปล่อยจรวด NAPA ขึ้นสู่อวกาศ ฯลฯ แบบนี้เรียกว่าการ “แช่แข็งประเทศ” หรือ ?

แล้วการปล่อยให้มีสุราเสรี มี sex worker เสรี  ครอบงำข้อมูลมิติด้านเดียวให้เด็กกระด้างกระเดื่องเป็นคนก้าวร้าว รังเกียจชาติ รังเกียจพ่อแม่ตัวเอง รังเกียจความเป็นไทย การสมรู้ร่วมคิดกับต่างชาติในการแบ่งแยกจังหวัดชายแดนภาคใต้ แบบนี้เรียกว่าอะไร ?

‘เปลว สีเงิน’ ชี้!! ไม่มีใครขวางจัดตั้ง รบ. ทุกอย่างทำตามขั้นตอน แนะ ‘ติ่งส้ม’ ดูกลเกม ‘พท.’ เป็นตัวอย่าง อย่ามัวแต่พล่ามไปเรื่อย

วันที่ (14 มิ.ย. 66) ‘เปลว สีเงิน’ นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้นำเสนอบทความ ในหัวข้อ “พล่านกันเอง "จนพัง" โดยระบุว่า…

ท่านว่าที่นายกฯ พิธาครับ

หมู่นี้ ท่านไม่ซ่าเหมือนโซดาเปิดขวดใหม่ๆ เลยนะครับ

ไม่เอาน่า… โซดาตายไม่ดีหรอก แฟน ๆ ‘สุราเสรี’ เขาจะเซ็ง เพราะเติมลงไป ปร่าเหมือนน้ำล้างตีน!!

‘ก้าวไกล’ เป็นพรรคตรวจสอบมิใช่หรือ เห็นตรวจสอบดะ (ไม่เลือก) ไม่เว้นแม้กระทั่งงบประมาณ ‘สถาบันพระมหากษัตริย์’ ที่เว้นตรวจสอบ เห็นมีแต่คดี ‘แม่สมพร-ธนาธร-พี่สาว’ รุกป่าสงวน กับคดีน้องชายว่าด้วย ‘สินบน 20 ล้าน’ เจ้าพนักงานทุจริตที่ดินทรัพย์สินฯ เท่านั้น

น่าจะส่ง ‘แอลคาโปน-วิโรจน์’ ไปตรวจสอบตำรวจหรืออัยการดูหน่อยนะว่า “มันติดอยู่ขั้นตอนไหน จะสิบปีแล้ว คดีจึงยังไม่ไปถึงศาล?”

ทีคดี ‘เอ๋-ปารีณา’ รุกป่าละก็ แหม… แจ้งปุ๊บ จับปั๊บ ฟันฉับทันที พ้นสภาพ ส.ส. ถูกตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต คดีอาญาว่าด้วยโทษคุกตามมาเป็นพรวน

หรือกับ นายกฯ พลเอกประยุทธ์ ตอนเป็นรัฐบาลอำนาจเต็ม ถ้าจับแก้ผ้าตรวจได้ ก้าวไกลคงทำไปแล้ว เพราะช่วงนั้น เห็นทั้งตรวจ ทั้งสอบทุกอิริยาบถ กระทั่งจะตด ก็แทบเอาเครื่องมาตรวจจับว่า ‘สร้างมลพิษภาวะ’ เข้าข่ายผิดมาตราไหน?
.
ตรวจแค่นายกฯ ไม่พอ ยังลามปามไปถึงบิดาท่านด้วยซ้ำ!!
.
แล้วนี่ พิธา แค่เห็น ‘เงาเนื้อในน้ำ’ เที่ยวเดินสายโอ่อวดตัวเองไปทั่วบ้าน-ทั่วเมือง “ผมนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย”

แต่พอถูกตรวจสอบเรื่อง ‘ถือหุ้นสื่อไอทีวี’ เข้าหน่อยเท่านั้น เป็นไงล่ะ… แรก ๆ ยังปากแจ๋ว สื่อ, นักวิชาการ, อาจารย์มหาวิทยาลัยช่วยกันอุ้มไข่พ่อส้ม อุ้มไป-อุ้มมา ชักหนัก เพราะเป็นไข่ไส้เลื่อน

เมื่ออุ้มไม่ไหว… ขบวนการ ‘ออกลาย-ออกสันดานโจร’ ทันที

ไอ้ตาปลาดุก เจ้าของแผนชั่วร้าย ‘ปฏิวัติชนิดขุดราก-ถอนโคน’ ขู่ฟอด

ถ้าพิธา-ก้าวไกล ไม่ได้เป็นนายกฯ ไฟจาก ‘เหนือจรดใต้’ จะลุกพรึ่บ!! เหนือ-อีสานบอก ดี กูจะได้เผาข้าวหลาม ใต้บอก ไม่ต้องก็ได้ ไฟบ้านกู ลุกทุกวันอยู่แล้ว

เมื่อขู่ไม่มีใครสน ก็ไปเค้น กกต.ให้รีบประกาศรับรอง ส.ส. อยากเข้าไปเป็นรัฐบาลไว ๆ ความเจริญจะได้กระจายกลิ่นฟุ้ง กกต. (ไม่ได้บอก) ก้าวไกล มี ส.ส. 151 มิใช่หรือ?

งั้นเอาอาญา ‘มาตรา 151’ โทษคุก 1-10 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี เป็นออเดิร์ฟไปก่อน

โทษฐาน “ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อ เพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ”

เท่านั้นแหละ พระเอกยี่เก ‘มุดเข้าฉาก’ เงียบฉี่!! มีแต่ ติ่งส้ม สื่อ นักวิชาการ อาจารย์ สาวกส้ม ประเภท 3 โลร้อย ออกมาสร้างกระแสเบี่ยง มีขบวนการ ‘ล้มพิธา’ ไม่ให้เป็นนายกฯ บ้าง มีการ ‘ปลุกผี ITV’ ขึ้นมาใหม่บ้าง

ตอนนี้ ‘ก้าวหน้า-ก้าวไกล’ ไปถึงขั้นปลุกกระแสว่า ‘ขั้วอำนาจเก่า’ ชักใย-วางยา หวังชิงความเป็นรัฐบาล!!

โถ โถ เจ้าหนูน้อยเอ๊ย…

เม็ดพริกเจ้ายังจ้อย คิดได้-ทำได้ ตามประสา ‘เด็กมีปัญหา’ เท่านี้แหละ ตรวจสอบคนอื่นได้ พอถูกตรวจสอบบ้าง ร้องเอ๋ง โทษคนโน้นแกล้ง คนนี้วางยา แล้วคลิปกระจอก ๆ นั่นน่ะ มันช่วยฟอกผู้ร้ายให้กลายเป็นพระเอกไม่ได้หรอก บอกให้ด้วยเวทนา!!

ITV น่ะนะ อย่าปลุกผีขึ้นมาเชียว ขอร้อง ไม่ใช่อะไรหรอก ฟื้นวันไหน ก็ต้องยุบ ‘ไทย-พีบีเอส’ ไปวันนั้นน่ะซิ

แล้วแก๊งส้ม แก๊งเอ็นจีโอ แก๊งนอนกิน แก๊งปฏิวัติแบบขุดราก-ถอนโคน จะไปอาศัยสิงอยู่ที่ไหนกันล่ะ?

เพราะ ITV เป็น ‘เชื้อเกิด’ ของ ไทย-พีบีเอส สมัยรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ยึดสัมปทานไอทีวี แล้วให้กำเนิด ไทย-พีบีเอส ขึ้นมาแทน เป็นหน่วยงานของรัฐ มีสถานะเป็นนิติบุคคลมหาชน จัดตั้งตาม พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 ใช้ ‘งบประมาณประจำปี’ จากการจัดเก็บภาษีเหล้าและบุหรี่ โดยไม่เกินปีละ 2,000 ล้านบาท

เนี่ย…

ถ้า ITV ฟื้น กลับเป็นของ ‘บริษัทไอทีวี’ ตามเดิมได้ รัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินปีละ 2,000 ล้าน ให้มีสถานีโทรทัศน์ของรัฐฯ คอยจิก-คอยกัดรัฐฯ สร้างทัศนคติโน้มน้าวให้คนเกลียดชังรัฐฯ อีกต่อไป เพราะ ITV เมื่อฟื้นมา เขาก็อาจทำหน้าที่นั้นแทนได้ โดยรัฐบาลไม่ต้องจ่ายค่าชังชาติให้ 2,000 ล้าน/ปี ตรงกันข้าม จะได้ค่าสัมปทานเข้ารัฐแทนด้วยซ้ำ!!

นี่พูดเล่นใน ‘เรื่องจริง’ หรอกนะ แต่สำนึกกันบ้างก็ดี พวกจิตคดไม่ต้องกลัว ยังไงๆ รัฐบาลเขาก็ไม่ ‘ทุบหม้อข้าว’ ใบนี้แน่

ในความดูเหมือนบ้านเมืองตอนนี้สับสนอลหม่าน คล้ายว่า รัฐบาล 8 พรรคที่มี ‘ก้าวไกล-พิธา’ เป็นแกนนำ มีปัญหาจนเกิดมลพิษภาวะทางการเมือง เผิน ๆ ก็ประมาณนั้น แต่ถ้าเรามีสติ ถอยห่างจากข่าวสารบิดเบี้ยวและเลอะเทอะจากพวกปัญญาเชิงปฏิบัติสักนิด จากนั้น ใช้สายตาด้วย ‘กฎเกณฑ์-กติกา’ มองกลับเข้าไป ก็จะเห็นว่า มันไม่มีอะไรที่เป็นอุปสรรค-ปัญหาเลย!!

เอ้าดู… เลือกตั้ง 14 พฤษภาคม รุ่งขึ้นก็รู้คร่าวๆ แล้ว ก้าวไกล ได้รับเลือกตั้งมากสุด 151 เสียง ทุกพรรค ‘ทั้งหมด’ ไม่มีใครเกี่ยงงอน ไม่มีใครขี้แพ้ชวนตี ไม่มีใครออกมาพูดจากวนตีนพรรคชนะอันดับ 1 ก้าวไกล ประกาศเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลได้ราบรื่น เพื่อไทย พรรคอันดับ 2 ด้วยเสียง 141 เมื่อก้าวไกลชวนร่วม 8 พรรคตั้งรัฐบาล ก็พับเพียบรับสนอง มีข้อแม้เพียงว่า “ร่วมด้วย แต่ไม่ขอร่วมในการพูดจาดำเนินการอะไรกับการทำหน้าที่จัดตั้ง”

ฝ่ายรัฐบาลเดิม คือ รัฐบาลประยุทธ์ ทั้งพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา รวมไทยสร้างชาติ เข้าแถว-เปิดทาง ผายมือให้ก้าวไกล

“เชิญจัดตั้งได้ตามสบาย ไม่เกี่ยงงอน ไม่เล่นแง่ ไม่ยื่นแข้งขัดขา ด้วยประการทั้งปวง”

สรุป ทุกอย่างราบเรียบ ทางเปิดโล่งให้ก้าวไกลตั้งรัฐบาล มีเพียงเสียง ‘จิ้งจกทัก’ เท่านั้น นายเรืองไกร เขาทำหน้าที่ตรวจสอบตามวิถีของเขา พบหลักฐาน ‘พิธาถือหุ้นสื่อไอทีวี’ จึงไปร้องให้ กกต. ตรวจสอบ!!

เท่านั้นแหละ… ทั้งพรรคส้ม ทั้งติ่งส้ม พล่านกันเอง ประหนึ่งสิ่งมีชีวิตแต่ไร้สมอง เช่น ราเมือก พ่นพิษตลบกลบเมือง แล้วก็พาโลไปถึง กกต.ว่าประกาศช้าบ้าง จะฟ้อง-จะปลด กกต. บ้าง ต่าง ๆ นานา ทั้งที่มีกติกาเป็นกรอบให้ กกต. ทำงานอยู่แล้ว 2 เดือน คือ หลังเลือกตั้ง ภายใน 2 เดือน เมื่อตรวจสอบผลได้ ส.ส. ถึง 95% แล้ว ให้ประกาศรับรองไปก่อน เพื่อเปิดประชุมสภา

แล้วนี่กี่วันล่ะ? วันนี้ 14 มิ.ย. ก็ 1 เดือนพอดี!! ไม่ถือว่าช้า ยังเหลือเวลาอีกตั้งเป็นเดือนด้วยซ้ำ แต่ กกต. ก็บอกแล้ว ว่าจะประกาศรับรองภายใน มิ.ย. นี้

เอ้า… แล้วบอกสิ ตรงไหน-ใคร ‘จัดฉาก’ หวังไม่ให้พิธาเป็นนายกฯ และตรงไหน ที่ว่า ‘ขั้วอำนาจเก่า’ เดินเกม หวังชิงส้มหล่น?

ไม่เห็นมี มีแต่ก้าวไกลและพวกเดียวกันเองนั่นแหละ ที่ ‘ร้อนตัว-ร้อนท้อง’ เรื่องหุ้นสื่อ แล้วเที่ยวพล่าน พาลโทษคนโน้น-คนนี้ ถึงขั้นปลุกระดม ‘ลงถนน’

พูดถึง ‘ส้มหล่น’ จะสอนให้… ไอ้หนู

ดูและศึกษากลเกม ‘เพื่อไทย’ เขาโน่น เห็นมั้ย พิธาจะแถลงอะไร เพื่อไทยเออออตามไปทุกเรื่อง เพื่อไทย 141 เสียงน่ะหรือ เขาจะมากินน้ำใต้ศอกเด็กวานซืน?

โธ่เอ๊ย เจ้าเด็กน้อย…

รู้ไหม? ทำไมเพื่อไทยจึงเล่นบท ‘พี่ชายที่แสนดี’ เพราะเขารู้น่ะสิ ว่ารายการนี้ ‘นอนรอ’ ได้เลย เดี๋ยว ‘ส้มก็หล่น’ เข้าปากเอง!!

‘หยก’ เคยเป็น เด็กเรียบร้อย เรียนดี แต่ชีวิตไม่เหมือนเดิม ตั้งแต่เริ่มรู้จัก กับกลุ่มทะลุวัง

15 มิ.ย. 2566 - เพจเฟซบุ๊ก สติค่ะลูกกกก โพสต์ภาพและข้อความว่า หลายคนอาจไม่รู้ หยกสมัยก่อนเคยเป็นเด็กเรียบร้อย ไม่เคยโดนคดี รักครอบครัว แต่งตัวเรียบร้อย เรียนดี

จุดเปลี่ยนชีวิตตั้งแต่หยกรู้จักกลุ่มทะลุวัง และพรรคก้าวไกล ชีวิตของหยกก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ต่อต้านระบบกฎระเบียบสังคมทุกอย่าง โดนคดีมากมาย สุดท้ายครอบครัวแตกแยก....

คนกลุ่มไหนกันที่สนับสนุนและให้ท้ายเด็กจนมีพฤติกรรมแบบนี้

‘วัน อยู่บำรุง’ โพสต์แจง หลัง ‘รักชนก’ โดนกกต.แขวน ลั่นอย่ามากล่าวหากัน เผยมีหลักฐานในมือ ยังไม่ร้องเลย

หลัง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ประกาศผลการเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง (ครั้งที่ 1) ปรากฎว่า มีว่าที่ส.ส.ที่ประกาศผลรับรอง 329 คน ขณะที่มี 71 เขตที่มีเรื่องร้องคัดค้านโดยในส่วนของ กทม. มีเพียงเขตเดียวที่ยังไม่รับรอง ได้แก่ เขต 28 น.ส.รักชนก ศรีนอก จากพรรคก้าวไกล

ด้าน น.ส.รักชนก ให้สัมภาษณ์ว่า ยังงงๆ เพราะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องร้องเรียนเรื่องอะไร ต้องปรึกษาพรรคก้าวไกลด้วยว่าต้องทำอย่างไร แต่ไม่มีปัญหา พร้อมชี้แจงทุกประเด็นอยู่แล้ว

ต่อมามีการตั้งคำถามว่าผู้ร้องเรียน น.ส.รักชนก อาจเป็น นายวัน อยู่บำรุง อดีต ส.ส.เจ้าของพื้นที่จากพรรคเพื่อไทย ที่แพ้ให้กับ รักชนก ในการเลือกตั้งครั้งนี้

ทำให้ในเวลาต่อมาเจ้าตัวออกมาโพสต์ข้อความชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก Wan Ubumrung ความว่า ผมไม่ได้ร้องเรียนใครนะ อย่ามากล่าวหากัน

ก่อนชี้แจงในคอมเมนต์อีกว่า มีผู้สมัครอีก 2 คน ติดป้ายหาเสียงเกินจำนวนที่กกต.กำหนด ผมมีหลักฐานครบถ้วนอยู่ในมือ ซึ่งมีโทษอาญาทั้งจำทั้งปรับ ผมยังไม่ร้องเรียนกกต.เลย

‘ไอซ์’ ย้ำ!! ไม่ควรมีเด็กต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา เพียงเพราะพยายามกะเทาะเปลือกขนบเแบบดิมๆ

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2566 นางสาวรักชนก ศรีนอก หรือ ‘ไอซ์’ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘รักชนก ศรีนอก - Rukchanok Srinork’  เกี่ยวกับกรณี หยก-ธนลภย์ จากประเด็น ที่ถูกไล่ออกจากโรงเรียน หลังจากสวมชุดไพรเวตและย้อมสีผมไปเรียน ก่อนทางโรงเรียนชี้แจงว่าเป็นเพราะไม่ได้เซ็นยินยอมมอบตัวในระยะเวลาที่กำหนด 

โดยไอซ์ได้โพสต์ไว้ว่า… 

“กฏระเบียบข้อไหนกันที่บังคับให้ต้องเอาพ่อแม่มาเท่านั้นถึงจะมอบตัวได้ แล้วแบบนี้เด็กกำพร้าที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ไม่ต้องมอบตัวไม่ต้องเรียนหนังสือหรือไง ถ้ากลไกลสภาฯ ยังทำงานอยู่ไอซ์จะร้องเรื่องนี้ให้กรรมาธิการการศึกษาตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องตอบคำถามสังคม

ไอซ์ขอยืนยันจุดยืน ไม่ควรมีเด็กคนไหนต้องหลุดออกจากระบบการศึกษาด้วยความไม่สมัครใจ ไม่ว่าด้วยกฏระเบียบข้อบังคับใดก็ตาม

ลองถามใจลึกๆ ดู ว่าควรมีเด็กคนไหนในประเทศนี้ต้องออกจากระบบการศึกษาไป เพราะสังคมบางส่วนรู้สึกว่าน้อง ‘ทำตัวไม่น่ารัก’ หรือเพราะไม่เคารพกฏระเบียบแบบเดิมๆ หรือป่าว เรากำลังต่อสู้กับขนบเดิมๆ กันอยู่ไม่ใช่หรือ”

‘กกต.’ จ่อประกาศรับรองผล ส.ส.ยกเซ็ตสัปดาห์หน้า รัฐฯ เตรียมกุมขมับ หลัง ‘ก้าวไกล’ เดินสายซ้อมมวลชน

(16 มิ.ย. 66) เลียบการเมือง สุดสัปดาห์ ‘เล็ก  เลียบด่วน’ ขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับบรรดาว่าที่ ส.ส. อย่างน้อย 475 คนที่จะได้รับการรับรองผลจาก กกต. เอาหนังสือรับรองผลไปรายงานตัวที่สภาฯ เปิดหน้าเปิดตาเตรียมคำพูดหล่อๆ สวยๆ แสดงกึ๋นกับนักข่าวกันให้เต็มที่… ตามรายงานข่าวคาดว่าอย่างเร็วหมุดหมายอยู่ที่วันพุธที่ 21 มิ.ย.หรืออย่างช้าวันที่ 28 มิ.ย.ที่วางไว้แต่เดิม

มีแนวโน้มสูงว่า การรับรองผลจะปล่อยผ่าน หรือรับรองทั้ง 500 คน หรืออย่างน้อยก็ 475 คน หรือ 95% ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมด ทั้งนี้ก็เพื่อให้สามารถเดินหน้าเปิดรัฐพิธีประชุมรัฐสภาได้

ดังนั้น ว่าที่ ส.ส.เขต 71 คนที่อยู่ในลิสต์ของ กกต.ว่าถูกร้องเรียนคัดค้านนั้น ในชั้นนี้ขอให้สบายใจได้ว่า ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากจะมีการ ‘สอย’ เกิดขึ้น โดนใบส้ม ใบแดง ก็อีกนาน… ตอนนี้รับรองไปก่อน แล้วจะสอยไม่สอย ค่อยว่ากันทีหลัง

ทั้งนี้ โดยหลังรับรองผลเรียบร้อยต้องเปิดสมัยประชุมสภาใน 15 วัน เพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเป็นประธานรัฐสภาโดยตำแหน่ง ชะตากรรมโฉมหน้าบ้านเมือง ก็มองเห็นกันตั้งแต่ตำแหน่งประธานสภาฯแล้ว… ดังนั้น รวมความแล้วไม่เกินกลางเดือน ก.ค.ก็จะเข้าเขตคิลลิ่งโซน เดิมพันอนาคตบ้านเมือง เช่นนี้แล้ว ใครที่แหกปากร้องเช้าเย็น ว่าพวกอนุรักษ์นิยมยื้อเกมลากเกมเพื่ออยู่ในอำนาจให้นานยาวนั้น ได้โปรดเข้าใจเสียใหม่ว่า ไทม์ไลน์การประกาศการรับรองผลเลือกตั้งปีนี้เร็วกว่าปี 2562 ประมาณ 15 - 20 วัน

จะว่าไป กกต.ชุดนี้ก็ดำเนินการต่างๆ เรียบร้อยพอสมควรทีเดียว จุดอ่อนก็คือ การไม่สื่อสารกับประชาชนให้เป็นระบบ ชอบอ้ำอึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดา ‘7 เสือ กกต.’ ที่ชาวบ้านชาวช่องแทบไม่รู้จักหน้าตาและผลงาน

พูดถึง กกต.ก็ต้องต่อยอดขยายความอีกเล็กน้อย เมื่อต้นสัปดาห์ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ได้รายงานไปเบื้องต้นแล้วว่า มีสมาชิกวุฒิสภาสายทหาร รุ่นบิ๊กตู่คือ เตรียมทหาร 12 กำลังจับจ้องมอง กกต.ว่าที่สุดแล้ว กกต.จะใช้ช่องรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคท้ายร้องศาลรัฐธรรมนูญ กรณีคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือไม่ ถ้าไม่พวกเขาอาจดำเนินการฟ้องร้องกกต.ผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส.ว.ตัวตึงอย่างนายสมชาย แสวงการ ก็ออกมาสำทับมาอีกคนว่าจะร่วมขบวนด้วยคน

บรรทัดนี้ เล็ก เลียบด่วน ขอทำตัวเป็นสายลับกระซิบเบาๆ ให้บรรดาท่าน ส.ว.ทราบว่า กกต.คงไม่ละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรอก ยื่นร้องให้ศาลพิจารณาแน่ แต่มันต้องผ่านขั้นตอนรับรองผล ส.ส.ก่อน… ปัญหามีอยู่ว่ากว่า กกต.จะยื่นร้องและกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับไม่รับ การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีโดยที่ประชุมรัฐสภาจะมาถึงก่อนหรือไม่… ถ้าโหวตก่อนศาลมีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่กรณีมีมูลก็จะกลายเป็นว่า กกต.ยืมดาบ ส.ว.เชือดพิธาแทนที่ ส.ว.จะได้ยืมดาบ กกต.!!?

เอาเหอะ… ใครจะยืมดาบใครเชือดก็ว่ากันไป แต่การข่าวของ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ยังเชื่อว่าถ้านายพิธาได้รับการโหวต นายพิธาจะได้คะแนนไม่เกินครึ่งของรัฐสภา คือ 376 เสียง ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งที่ใครต่อใครหวั่นใจกันลึกๆ โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคงก็คือ สถานการณ์หลังจากนั้นจะเป็น อย่างไร อะไรจะเกิดขึ้น?

ฟังมาว่า หน่วยงานด้านการข่าวที่ตามไปเก็บทุกคำพูดทุกบรรยากาศที่นายพิธากับคณะพรรคก้าวไกลผสมคณะก้าวหน้า เดินสายไปขอบคุณประชาชนในจังหวัดที่ก้าวไกลแลนด์สไลด์แล้ว… ได้ข้อสรุปว่า มันเป็นอะไรที่มากกว่า ‘การบ่มเพาะมวลชน’ หรือ ‘ซ้อมมวลชน’ … แต่ยากที่จะบอกว่าเป็นปรากฏการณ์อะไร เพียงแต่น่าจะคาดหมายได้ว่า ถ้านายพิธาวืดเก้าอี้นายกฯ ความวุ่นวายและยุ่งเหยิงรออยู่เบื้องหน้าแบบเห็นๆ… ม็อบด้อมส้มและคนที่เลือก 8 พรรค คงลงถนน  และถ้าสถานการณ์เลยธงม็อบอีกฝ่ายก็อาจจะออกมาเหมือนกัน

สถานการณ์บ้านเมืองรอบนี้ นอกจากช่วยกันยืนกรานหลักนิติรัฐนิติธรรมแล้ว เห็นที่จะต้องช่วยกันขอพรจากพระสยามเทวาธิราชเป็นกรณีพิเศษ!!

‘จตุพร’ ฟันธง!! ‘พิธา-อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา’ ไม่ใช่นายกฯ คนที่ 30 เชื่อ งูเห่าผุด เตือน!! ฝ่ายหนุน ‘ลุงป้อม’ มวลชนต้านเต็มถนน

‘จตุพร’ เย้ย ‘ทักษิณ’ อย่าเอาแต่พูดขายหัวเราะ บี้กลับบ้าน 26 ก.ค. ฟันธง ‘พิธา-อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา’ ไม่ได้เป็นนายกฯ เห็นตำตางูเห่าฝูงใหญ่เลื้อยหนี 8 พรรค เตือนฝ่ายหนุน ‘ลุงป้อม’ มวลชนต้านเต็มถนน

(16 มิ.ย. 66)  นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “ชัดมาก?” โดยแนะให้ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านตามสัญญาประกาศมาก่อนวันเกิดใน ก.ค. นี้ และเมื่อถึงไทยก็อย่าคิดมาก ต้องปลงใจ ปล่อยวางเดินเข้าคุกให้สง่างาม จะได้มีเวลาอยู่เลี้ยงหลาน 7 คนตามประสาคนแก่ออกแบบชีวิตในยามสูงวัย

นายจตุพร กล่าวถึงอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ยืนกรานทักษิณ ยังจะกลับบ้านใน ก.ค.นี้ ว่า อุ๊งอิ๊งพูดเป็นการโยนภาระให้ทักษิณตัดสินใจเอง ถึงที่สุดแล้ว เมื่อเข้ามาไทยต้องถูกนำตัวไปเข้าคุกตามกฎหมาย ซึ่งจะมีความสง่างามอย่างยิ่ง

อีกทั้ง ระบุว่า แต่ทักษิณต้องการกลับไทยแบบไม่ต้องเข้าคุก เพราะทำให้ตัวเองเท่ เหนือคนอื่น ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้คงเป็นไปไม่ได้ จึงขอให้ทักษิณ ทำใจให้นิ่งสงบ ปล่อยวางเมื่อกลับมาก็เดินเข้าคุก และอย่าได้ระแวงกังวลใดๆ เพราะในคุกมีระบบรักษาความปลอดภัยชั้นเยี่ยม จะได้รับการดูแลอย่างดียิ่ง ขอเพียงพยายามปรับตัว นอนให้หลับจะได้มีเวลาออกมาเลี้ยงหลาน 7 คนตามประสาคนแก่อายุมากแล้ว

“พูดกลับบ้านมา 17 ปีแล้ว ก็ยังไม่กลับ ไม่เบื่อพูดบ้างหรืออย่างไร ก็รีบตัดสินใจกลับมา คนอื่นยังกล้าติดคุกเต็มไปหมด แล้ววันนี้ยังพูดกลับบ้านอีก ถึงที่สุดที่บอกว่า จะกลับมาก่อนวันที่ 26 ก.ค.นี้ (วันเกิดทักษิณ) ก็ยังอยู่ในการตัดสินใจของทักษิณเหมือนเดิม” นายจตุพร ระบุ

นายจตุพร กล่าวว่า หวังว่าถ้าคำพูดของตนเผื่อได้ยินถึงทักษิณแล้ว ขอให้ปลงใจและรู้จักพอเสียบ้าง ละวางใจให้ได้ แล้วตัดสินใจกลับมาเดินเข้าคุก ซึ่งไม่มีอะไรน่ากลัว ตนติดมา 5 ครั้งแล้ว คุกไม่น่ากลัวเลย ที่น่ากลัวก็คือ ใจของตัวเองที่ขลาดกลัว หวาดระแวงจะถูกกระทำเหมือนที่เคยกระทำกับคนอื่นไว้

“ดังนั้น จึงหวังว่าทักษิณจะตัดสินใจกลับมาในวันที่ 26 ก.ค.นี้ ตามที่ประกาศไว้ ถ้าไม่มาแล้วคนจะหัวเราะเอาได้ ซึ่งอย่าได้พูดกลับบ้านอีก เพราะคนไม่เชื่อ และจะกลายเป็นตำนานคนเลี้ยงแกะมาขายหัวเราะอีก” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวถึงการตั้งรัฐบาลว่า ถ้า 3 ฝ่าย คือ ฝ่าย 8 พรรค 312 เสียง กับพวกอำนาจเดิม 188 เสียง และ ส.ว. 250 ไม่โหวตให้ฝ่ายใดเลย หากทุกฝ่ายแสดงความเป็นคนจริงก็ย่อมตั้งรัฐบาลไม่ได้ แต่ขณะนี้กลับมีคนไม่จริง คือ พูดอย่างทำอย่าง แม้พรรคไม่เปลี่ยนข้าง แต่คนของพรรคก็จะเปลี่ยนใจไปโหวตให้อีกฝ่าย ซึ่งคาดได้เห็นร่องรอยปรากฎตั้งแต่วันเลือกประธานสภาแล้ว

ทั้งนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ นั้น คงหนีการหยุดปฎิบัติหน้าที่ไปไม่พ้น เมื่อถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นมีคุณสมบัติต้องห้ามสมัคร ส.ส. แต่จะลามถึงหยุดปฏิบัติหน้าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ อยู่ที่ กกต. จะเสนอต่อศาลหรือไม่ ส่วนตนคิดว่า อยากให้นายพิธาได้มีโอกาสหลุดไปถึงวันโหวตเลือกนายกฯ เพื่อจะได้เห็นภาพตำตาตัวเองว่า ใครหักหลังและทรยศทางการเมืองกันบ้าง

อย่างไรก็ตาม ถ้านายพิธาไม่มีโอกาสได้เข้าไปโหวตเลือกนายกฯ แล้ว เมื่ออารมณ์ระอุไม่พอใจกับการถูกกลั่นแกล้ง มวลชนจะออกมาชุมนุมบนถนนหรือไม่ แต่ไม่ว่าอารมณ์แบบไหนก็หนีการชุมนุมไม่พ้น ดังนั้น ถ้าให้พิธา พิสูจน์ตัวเองก่อน ก็จะได้สะสางความคลางแคลงใจของสังคมให้เบาบางลง สิ่งสำคัญนายพิธา จะได้รู้ว่าตัวเองก็ผิดด้วยที่ไม่ล้างหุ้นไอทีวีจำนวน 4.2 หมื่นหุ้น ออกจากตัวเองก่อนไปสมัคร ส.ส. ยกเว้นคนออกแบบเกมต้องการไม่ให้นายพิธาพิสูจน์ตัวเอง ให้ไปต่อสู้ทางกฎหมาย จึงเป็นการคิดทางการเมืองให้เกิดชนวนการชุมนุมขึ้น

“ถึงที่สุดแล้วนายพิธา อุ๊งอิ๊ง และนายเศรษฐา ทวีสิน คงใม่ได้เป็นนายกฯ เพราะจะมีงูเห่าจำนวนมากเลื้อยแตกรังออกไปหนุนฝ่าย 188 เสียงตั้งรัฐบาล ดังนั้น คนเป็นนายกฯ คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคพลังประชารัฐ แต่จะปกครองยาก เพราะคนจะออกมาชุมนุมเต็มบ้านเมือง คนคิดเกมออกแบบดัน พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ ช่วยรอเวลาอีกสักนิด และให้โอกาสนายพิธาได้เข้าประชุมโหวตนายกฯ ด้วย เพราะนายพิธาไม่มีทางได้เป็นนายกฯ อยู่แล้ว เพราะไม่ได้เสียง ส.ว. อย่างไรก็ตาม การให้โอกาสนายพิธา เท่ากับลดแรงชิงชังของมวลชนลงได้อย่างมาก”

ส่วน กกต. แขวน ส.ส. 71 คนเพื่อรอการตรวจสอบนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ทางการเมืองเพ่งเล็งไปที่การทำงานอย่างโปร่งใส ยุติธรรมของ กกต. แต่ในจำนวน 71 คน จะต้องมีคนรอดและได้รับรอง ส.ส. จนครบ 475 คนหรือ 95% จากจำนวน 500 คน ก็สามารถเปิดสภาได้แน่ อีกทั้งขณะนี้ กกต. เอาแต่รำมวยไปเรื่อยๆ ให้ครบเวลา 60 วันตามที่กฎหมายให้สิทธิไว้ (จะครบ 13 ก.ค.นี้) จึงถูกหลายฝ่ายเร่งรัดให้รีบรับรองผลการเลือกตั้ง

นักรัฐศาสตร์ญี่ปุ่น บินมาไทย เพื่อศึกษาการเมืองหลังเลือกตั้ง  โดยมองเป็นกรณีที่น่าวิเคราะห์ เพราะมีความเกี่ยวพันกัน

ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์จากญี่ปุ่น บินตรงมาไทยขอศึกษาเรื่องการเมืองไทยในขณะนี้เพราะสร้างความสับสนให้นักวิเคราะห์มาก

นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ (ต๊ะ) สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับการที่ ท่านศาตราจารย์ Asami ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์จากญี่ปุ่น ที่ได้บินตรงมายังประเทศไทยเพื่อขอศึกษาเรื่องการเมืองไทย โดยระบุว่า ...

ท่านศาสตราจารย์Asami ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์จากญี่ปุ่น บินตรงมาไทยขอศึกษาเรื่องการเมืองไทยในขณะนี้เพราะสร้างความสับสนให้นักวิเคราะห์มาก
การเมืองไทย

1. ใครมีโอกาสเป็นนายกและแกนนำการจัดรัฐบาล?
ตอบ ตอนนี้เราต้องรอการรับรองจาก กกต ว่าพรรคใดจะมี สส มากที่สุด และสูตรการจับขั้วรัฐบาลจะเปลี่ยนไหม แต่ พรรคก้าวไกลได้รับฉันทามติจากประชาชน เราจึงต้องเคารพสิ่งนี้ก่อน อย่างไรก็ดี หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีข้อผิดพลาดในเรื่องคุณสมบัติ ทำให้โอกาสพรรคก้าวไกลลดลง และต้องดูผลคำตัดสินว่า จะกระทบถึง ว่าที่ สส ในพรรคก้าวไกลหรือ ไม่ หากมีผล พรรคเพื่อไทยที่ได้อันดับสองก็ยังมีโอกาสมากกว่า

2.กลุ่มอนุรักษ์นิยมมีท่าทีอย่างไร
ตอบ เราสงบ เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคที่ได้เสียงมากกว่าจัดตั้งรัฐบาลก่อน 
แม้ว่าจะมี สว ในมือ?
ตอบ ผมเชื่อว่า พวกเราและ สว เคารพเสียงประชาชน แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงอื่นจนไม่สามารถจัดรัฐบาลได้ เราจึงจะพิจารณาทางเลือก

3.นักธุรกิจญี่ปุ่นกังวล เรื่องการประท้วงรุนแรง รวมถึงโอกาสเกิดรัฐประหาร
ตอบ ตลอด 8 ปีกว่าในการบริหารงานท่านนายกประยุทธ์ มีการประท้วงตลอดแต่ไม่รุนแรง และการทำรัฐประหารต้องมีเงื่อนไขที่ชอบธรรม ไม่สามารถอยู่ๆตัดสินใจทำรัฐประหารได้ มิเช่นนั้นประชาชนไม่ยอมรับ 

4.นักธุรกิจญี่ปุ่นชอบประเทศไทยมาก แต่ช่วงหลังมักไปลงทุนที่เวียดนาม และอินโดเนเซียมากกว่า
ตอบ เราเสียเปรียบเรื่องขนาดตลาด โดยในประเทศเรามีประชากรไม่มากเมื่อเทียบกับ เวียดนาม ฟิลลิปินส์ และอินโดเนเซีย รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่สูงส่งผลกระทบการเติบโตชนชั้นกลาง และเรายังมี FTA น้อยฉบับกว่าคู่แข่ง ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์เร่งทำงานอยู่ คาดว่าจะมีคู่ค้า และกลุ่มประเทศที่ลงนามร่วมกับเราเร็วๆนี้ ส่วนการสร้างกำลังการบริโภค เป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องร่วมกันทำงาน
การเมืองญี่ปุ่น

ถาม ท่าน อาจารย์ ท่านนายกรัฐมนตรี คิชิดะบริหารเป็นอย่างไร
ตอบ ท่านนายก คิชิดะ บริหารงานแบบอนุรักษ์นิยม ประชาชนไม่เกลียด และไม่ได้ชอบท่าน น่าจะมีโอกาสบริหารได้ยาวนาน
ถาม เมื่อเทียบกับท่านนายกคนก่อน ที่ได้รับความนิยมสูงและมีหัวก้าวหน้าเป็นอย่างไร 
ตอบ ท่านนายกคนก่อนได้รับความนิยมสูง แต่ก็มีคนต่อต้านมากจึงไม่สามารถบริหารได้ยาวนาน
ถาม ประเทศญี่ปุ่นเคยเป็นผู้นำโลกด้านนวัตกรรม ด้านการค้า ตอนนี้พลังเศรษฐกิจของญี่ปุ่นถดถอยไปมาก ผมเกิดมาในยุค 90 ตอนนั้นญี่ปุ่นเป็นเจ้าโลก แต่วันนี้ถดถอยมาก เราจะมีโอกาสเห็นญี่ปุ่นกลับมาหรือไม่
ตอบ ตอนนี้ประเทศญี่ปุ่นติดกับความเป็นอนุรักษ์นิยมจนแก้ไขยากมาก ผู้นำ ผู้บริหารรุ่นใหม่ ในบริษัทขนาดยักษ์ยากที่จะขึ้นมาเป็น CEO ยกเว้น StartUp ใหม่ๆ แม้กระทั่งวงการเมืองก็ยากที่ รัฐมนตรีหรือ นายกจะมีอายุน้อย ที่หัวก้าวหน้า
ถาม ท่านนายก Koizumi เป็นคนหัวก้าวหน้าและปฎิรูปญี่ปุ่นจนพ้นจากกับดักการเติบโต ท่านยัง Privatize Japan Post bank สำเร็จ ญี่ปุ่นมีโอกาสจะได้ผู้นำเช่นนี้ไหม รวมถึงลูกชายท่านที่มีบทบาทได้เป็นรัฐมนตรีตั้งแต่อายุยังน้อย
ตอบ ท่าน Koizumi คงเป็นคนสุดท้ายที่จะเป็นผู้นำที่มีหัวก้าวหน้าและเปลี่ยนญี่ปุ่นที่ได้รับการยอมรับจนอนุรักษ์นิยม ส่วน J post bank แม้จะปฏิรูปแล้วแต่การบริหารยังยึดกับรูปแบบเดิมๆ ยังไม่ทันสมัยเท่าที่ควร ส่วนลูกชายท่าน Koizumi เพิ่งจะ 40 กว่าคงต้องรออย่างน้อย 10กว่าปีถึงจะได้ขึ้นมา
ถาม โลกยุคใหม่การเปลี่ยนแปลงเยอะมาก ภาคสภาบันการเงิน การค้าปลีก บริษัทการค้า(โชโกะ โชชา) ได้รับผลกระทบมาก ตอนนี้ Apple มี บริการธนาคารแล้วจะกระทบกับญี่ปุ่นมากขนาดไหน
ตอบ ญี่ปุ่นเป็นประเทศสูงอายุประชาชนอนุรักษ์นิยมมาก ขนาดบริการธนาคารยังต้องมีสมุดบัญชี ประชาชนยากที่จะเปลี่ยนแปลง ขนาดตลาดภายในยังมีที่ในบริษัทการค้าในประเทศ แต่ถ้าแข่งขันต่างประเทศต้องคิดหนักทีเดียว
ต๊ะ พลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์
สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ
อดีตเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top