Tuesday, 20 May 2025
พรรคก้าวไกล

‘เพจก้าวไกล’ เปิดภาพ 'ก้าวไกลในเลนส์กล้อง' ประมวลรูปที่คุณอาจไม่เคยเห็น ในระยะเวลาทำงาน 4 ปี

(7 ส.ค.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘พรรคก้าวไกล - Move Forward Party’ โพสต์ภาพ พร้อมเนื้อหาในหัวข้อ ‘ก้าวไกลในเลนส์กล้อง : ประมวลรูปที่คุณอาจไม่เคยเห็น จากช่างภาพผู้ติดตามการทำงานของพรรค’ โดยระบุว่า...

4 ปีของพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องราวของผู้คนและการเดินทางที่ไม่รู้จบ และผู้ที่จะเก็บบันทึกเส้นทางของพวกเขาได้เป็นชิ้นเป็นอันที่สุด ก็คือบรรดาช่างภาพที่ติดตามการทำงานของพรรคก้าวไกล เราติดต่อไปยังช่างภาพเหล่านั้นเพื่อขอภาพถ่ายที่พวกเขาประทับใจ ขบขัน หรือเป็นแง่มุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งแกนนำ ทีมงาน สมาชิกพรรค และผู้สนับสนุนจากทั่วสารทิศ

ขอเชิญชม ‘ก้าวไกล’ จากวิวไฟน์เดอร์ของคนทำงานตัวจริงและเรื่องราวที่คุณอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน

‘ศาล รธน.’ พิพากษา ‘ยุบพรรคก้าวไกล’ ‘พิธา-กก.บห.’ ถูกตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี

(7 ส.ค.67) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัย คดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล เนื่องจากมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคผู้ถูกร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า ให้ยุบพรรคก้าวไกล ฐานมีพฤติการณ์อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยอ้างอิงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 3/2567 ที่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า พรรคก้าวไกลกระทำการในลักษณะดังกล่าว จากการที่มี สส.เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมถึงมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการแก้ไขมาตรา 112 โดยเสนอให้ยกเลิกกฎหมายมาตรานี้

ทั้งนี้ในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า พรรคก้าวไกลและพิธา มีพฤติการณ์ดังกล่าวจริง จึงให้ตัดสิทธิ พิธา และกรรมการบริหารพรรค รวม 10 ปี 

สำหรับผู้ที่โดนตัดสิทธิทางการเมืองได้แก่...

1.พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
2.ชัยธวัช ตุลาธน 
3. ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ 
4. ณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล 
5. ปดิพัทธ์ สันติภาดา 
6. สมชาย ฝั่งชลจิตร 
7. อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล 
8. อภิชาต ศิริสุนทร 
9. เบญจา แสงจันทร์ 
10. สุเทพ อู่อ้น

'ก้าวไกลเชียงราย' ลั่น!! ก้าวไกลไม่มีวันดับ หลังศาล รธน.สั่งยุบพรรค พร้อมรับคำสั่งเคลื่อนไหวต่อทันที หากส่วนกลางส่งสัญญาณ

(7 ส.ค. 67) สมาชิกและมวลชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลได้ไปรวมตัวกันที่ลานหน้าอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนพรรค แม้ว่าวันที่ 7 ส.ค.นี้ เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีมีการเสนอให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในการเป็นนโยบายหาเสียง

โดยมวลชนผู้สนับสนุนได้เขียนข้อความแสดงจุดยืนต่าง ๆ เช่น ก้าวไกลไปต่อ, ก้าวไกลไม่มีวันดับ ฯลฯ จากนั้นนำมาคลี่ถืออ่านข้อความต่างๆ พร้อมตะโกนว่า "ก้าวไกลไปต่อๆๆ"

นายสราวุฒิ หอมสมบัติ ทีมงานพรรคก้าวไกล จ.เชียงราย และนายประหยัด เสียงดัง อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล เขต 5 จ.เชียงราย ยังได้ปราศรัยให้กำลังใจผู้ไปร่วมในกิจกรรมทุกคนและพากันไปรอฟังการอ่านคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวต่อไป

นายประหยัดกล่าวว่า กรณีคำวินิจฉัยเป็นโทษ เราก็จะรอรับคำสั่งจากส่วนกลางต่อไปแบบพร้อมเต็มที่ รอสัญญาณอยู่เท่านั้น โดยเครือข่ายที่มาร่วมเป็นตัวแทนทุกอำเภอใน จ.เชียงราย มารวมกัน ทั้งนี้ ไม่น่าเป็นห่วงเพราะเคยถูกยุบพรรคมาครั้งหนึ่งแล้ว มีประสบการณ์และความรู้มากกว่าเดิมจึงเตรียมพร้อมดำเนินการได้และทำงานได้ลื่นไหลมากกว่าเดิมด้วย

นายสราวุฒิกล่าวว่า เราขอส่งกำลังใจให้กับกรรมการบริหารพรรคทั้ง 10 คน และ ส.ส.อีก 151 คนด้วย

‘อรรถวิชช์’ ชี้!! ‘ก้าวไกล’ แก้ ม.112 โดยย้ายออกจากหมวดความมั่นคงฯ เสมือนเป็นการนิรโทษกรรมคดีทั้งหมด-เปิดช่องให้คนหมิ่นสถาบันได้เสรี

(8 ส.ค. 67) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต สส.กรุงเทพฯ โพสต์วิดีโอที่ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ เจาะข่าวเด็ด MONO 29 เมื่อวันที่ 7 ส.ค.67 ลงในบัญชีติ๊กต็อก @atavit ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญพิพากษายุบพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบ ผิดมาตรา 112 ระบุว่า…

“กรณีผมก้าวไกล ผมคิดว่าในขณะนั้นมีคนเตือนหลายท่านแล้วว่าการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 หากจะลดโทษก็ไปแก้ไขเรื่องบทลงโทษ ให้อยู่มาตราไหนก็อยู่มาตรานั้น แต่ลักษณะการแก้ของก้าวไกลเป็นการแก้แบบยกเลิก ย้ายหมวดจากหมวดความมั่นคงแห่งรัฐ ออกมาเป็นหมวดเหมือนหมิ่นประมาททั่วไป…

“ทำให้มาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญาก็สิ้นสลายหายไป คนที่ชุมนุมอยู่ก็ชุมนุมต่อ ที่เคยพูดได้ หมิ่นได้ก็หมิ่นได้ต่อ ไม่ผิด มาตรา 112 อีกต่อไปแล้ว ส่วนที่ติดอยู่ในคุกก็ต้องออกมายุติการดําเนินคดี ก็จะเป็นการนิรโทษกรรมคดีทั้งหมดที่ดําเนินอยู่”

นายอรรถวิชช์ กล่าวต่อว่า หากแก้ปกติจะไม่เป็นอะไร เช่น บทลงโทษ 3-15 ปี ทางก้าวไกลบอกจะแก้ให้เหลือ 1 ปี ก็ถือเป็นสิทธิ์ของพรรคการเมือง หรือหากจะพูดคุยในสภาก็พูดได้ ฉะนั้นศาลรัฐธรรมนูญจึงออกมาเบรกว่า “แก้ได้ในสภานะ แต่เอามาหาเสียงทําแคมเปญไม่ได้” การกระทำของก้าวไกลไม่ใช่การแก้ไข แต่เป็นการยกเลิก แล้วไปกําหนดโทษให้เบาลงในมาตราอื่น

ตั้งแต่เลือกตั้งก้าวไกลได้ 151 สส. และเขาขับสส. 3 คนพ้นพรรคออกไป 2 คนแรกผิดมาตรฐานจริยธรรมของพรรค ส่วนอีกท่านหนึ่งที่ต้องขับออกก็คือ ‘หมออ๋อง’ รองประธานสภา เพราะถ้าไม่ขับออก หมออ๋องเป็นรองประธานสภาไม่ได้ เพราะประธานสภาต้องมาจากพรรครัฐบาลเท่านั้น ก็เหลืออยู่ 148 ถ้าวันนี้ศาลตัดสินว่ายุบก้าวไกล สส. ก็จะหายไปอีก 5 คน จะเหลือ 143 ถ้าเกิดกรรมการบริหารพรรคโดนยุบวันนี้ (7 ส.ค.) ต้องไปดูคําพิพากษาไส้ในอีกว่ามันจะมีผลกระทบระลอก 2 หรือเปล่า เพราะตอนที่ก้าวไกลเขาเสนอยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 ในขณะนั้น มี สส.ปัจจุบันในสภาที่สังกัดพรรคก้าวไกลอีก 30 คน ถ้าหากมีใครไปร้อง ปปช. ต่อเนื่อง และมีการนําสืบต่อ สส. 30 คนของก้าวไกลก็อาจจะต้องถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ไปอีก ก็จะเหลืออยู่ 113 แต่คงไม่เร็ว ๆ นี้ 

นายอรรถวิชช์ เสริมต่อว่า เป็นบทเรียนสําคัญของการเมืองและก็เป็นบทเรียนสําคัญสำหรับก้าวไกล และผมก็เชื่อว่า สส. ต้องใช้เวลาภายใน 60 วันไปหาพรรคใหม่ ถ้าเขาย้ายทั้งแพ็กไปอยู่พรรคใหม่ โอกาสของพรรคและอนาคตทางการเมืองก็ยังมี และไม่แน่ อาจจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำไป และจะเป็นการเรียนรู้หนึ่งเรื่องว่า ‘อะไรควร’ หรือ ‘อะไรไม่ควร’

‘ศิริกัญญา’ เผย!! เตรียมเปิดตัว ‘ชื่อพรรคใหม่-สมาชิกร่วมทาง’ พรุ่งนี้ ไม่หวั่น!! กระแสนิยมพรรคใหม่บู่ ให้ดู 'อนาคตใหม่-ก้าวไกล' เป็นตัวอย่าง

(8 ส.ค. 67) นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และสส.อดีตพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเตรียมแถลงตั้งพรรคใหม่ในวันพรุ่งนี้ (9 ส.ค.67) ว่า วันพรุ่งนี้จะมีการประชุมกันเป็นกระบวนการภายใน จะมีการหยั่งเสียงและเลือกตั้งกรรมการบริหารชุดใหม่ โดยมั่นใจว่าจะราบรื่นและเป็นไปได้ด้วยดี โดยจะมีสมาชิกที่จะไปต่อด้วยกันมากันอย่างพร้อมหน้า ส่วนชื่อพรรคจะเป็นอะไร จะกี่พยางค์ ผู้นำจะเป็นใครขอให้รอฟังวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะแจ้งสถานที่และเวลาในการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนอีกครั้ง

“ส่วนกระแสข่าวที่ไม่มีใครกล้าขึ้นมาเป็นกรรมการบริหารพรรคเพราะหากถูกยุบพรรคแล้วจะถูกตัดสิทธิทางการเมืองนั้น เป็นเรื่องที่คิดกันได้ แต่ในวันพรุ่งนี้จะมีความชัดเจนว่ากรรมการบริหารพรรคจะมีกี่คน จะมีใครบ้าง ขอให้รอผลการประชุมวันพรุ่งนี้” นางสาวศิริกัญญา กล่าว

ส่วนจะต้องมีการสลับฟันปลาตัวบุคคล หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจนเกิดการยุบพรรคในอนาคตอาจจะส่งผลให้คนไม่พอในการทำกิจกรรมทางการเมืองนั้น นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า คงไม่ถึงขั้นนั้นแน่นอน แต่สิ่งที่จะต้องพิจารณาคือกรรมการบริหารพรรคที่ควรจะต้องมีวิจารณญาณและมีอุดมการณ์ มีหลักการที่มั่งคงที่จะตัดสินใจแทนสมาชิกพรรคในเรื่องสำคัญ ๆ ของพรรคได้ ดังนั้นเรื่องสลับฟันปลายังไม่ได้เอามาคำนึงถึง

ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และอดีตสส.พรรคก้าวไกล กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีกระแสที่ไม่มีใครกล้าขึ้นมาเป็นกรรมการบริหารพรรค ว่า คงต้องถามไปถึงระบบด้วยในการที่จะมีคนขึ้นมาบริหารพรรคการเมือง เป็นตัวแทนของประชาชน ถูกระบบแบบไหนที่ทำให้คนไม่มีความกล้าขึ้นมาเป็นกรรมการบริหารพรรค ดังนั้นคนที่จะขึ้นมาเป็นภาวะผู้นำได้จะต้องมีความกล้าหาญ แล้วระบบควรที่จะเป็นอย่างไร ส่วนที่พูดกันของคนในอดีตพรรคก้าวไกล คงเป็นเรื่องล้อเล่นมากกว่า ไม่ได้มีอะไรซีเรียส เพราะเมื่อถึงเวลาทุกคนจะต้องสเต็ปอัพขึ้นมา เพื่อให้พรรคใหม่ของเพื่อน ๆ ตนเองยังสามารถเดินทางไปข้างหน้าต่อ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในประชาชน แต่ก็เป็นเรื่องของพวกเขา อาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกับตนเองซึ่งตนเองก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวแล้ว คงเป็นเรื่องของการบริหารจัดการ

ทั้งนี้ หากเทียบกับสมัยตนเอง ตั้งแต่ตอนอนาคตใหม่ เป็นก้าวไกล เวลาที่ประชุม มีกระบวนการ จะให้ตอบชัดเจนว่ากรรมการบริหารเป็นใครก็ต้องมีกระบวนการที่จะหารือกันก่อนภายในก่อนที่จะมาตอบข้างนอก ส่วนจากก้าวไกลจะเป็นอะไรยังไงต่อก็ต้องรอดูวันที่ 9 ส.ค. ส่วนกรรมการบริหารพรรค ก็คงจะดูที่ความสามารถของการบริหารจัดการ ไม่ได้ดูว่าจะเป็นสส.หรือไม่เป็นสส.ว่าเป็นลักษณะอย่างไร ส่วนผลลัพธ์เป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเพื่อน ๆ

ส่วนความกังวลใจเรื่องกระแสนิยมของผู้นำในพรรคใหม่มีการประเมินไว้อย่างไรบ้างนั้น นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า เป็นเรื่องของความเสี่ยงในอนาคตที่เกิดขึ้นได้ แต่หากมองตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่ มาก้าวไกล ก็โดนคำสบประมาท โดนคำปรามาสเหมือนกัน แต่เราก็สามารถสั่งสมความนิยมมาได้ จนกลายมาเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งในปี 66 ซึ่งน่าจะเป็นบทพิสูจน์ได้แล้ว และคงจะต้องดูกันยาว ๆ ยังตัดสินวันนี้ไม่ได้

ขณะที่นายพิธา กล่าวเสริมว่า “ผมก็ยังไม่ได้หายไปไหน เพราะคนที่ยังอยู่เขาก็ยังเป็นคนที่สนับสนุนผมตอนผมเป็นผู้นำ ตอนนี้ผมก็ยังจะสนับสนุนพวกเขาตามที่กฎหมายอนุญาต”

'ลอรี่' ขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ ห่วงใย ปมยุบ 'ก้าวไกล' หวัง!! คงไม่นำมาใช้สร้างแรงกดดันต่อกันในเวทีสากล

ไม่นานมานี้ นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ หรือ ‘ลอรี่’ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีนายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ได้แสดงความเป็นกังวลต่อสถานการณ์การเมืองไทย หลังเหตุยุบพรรคก้าวไกลที่ระบุว่าคำตัดสินศาลอาจเป็นการบั่นทอนประชาธิปไตยในประเทศไทย โดยได้ชี้แจงเป็นภาษาอังกฤษ (แปลไทย) ความว่า...

“ผมลอรี่ พงศ์พล ยอดเมืองเจริญ ในฐานะตัวแทนประชาชนคนไทย เรายินดีน้อมรับความเป็นห่วงของท่าน แต่คงไม่มีประโยชน์อะไร หากนำมันมาสร้างแรงกดดันต่อกัน ระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ในเวทีสากล

เพราะประเด็นภายในชาติเรื่องนี้ มีความละเอียดอ่อน ความพยายามที่จะแก้ หรือยกเลิกกฎหมาย ‘Lèse-majesté’ หรือ ม.112 อันเป็นกฎหมายคุ้มครองประมุขแห่งรัฐ ซึ่งประเทศโดยมากมีบังคับใช้กันทั่ว ถือเป็นพฤติกรรมชัดเจนว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองไทย ที่เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข แยกขาดจากกันไม่ได้

ศาลรัฐธรรมนูญไทย ได้วินิจฉัย เมื่อพรรคมีความผิดสำเร็จในพฤติกรรมที่ทำให้สถาบันกษัตริย์อ่อนแอลง ย่อมเป็นการกระทำที่เป็นการบ่อนทำลายต่อระบอบการปกครองไทยอย่างเลี่ยงไม่ได้

ผมหวังว่าท่านจะเข้าใจสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย ไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วง กฎหมายต้องเป็นกฎหมายบังคับใช้ได้ ขณะที่พรรคการเมืองจัดตั้งใหม่ ที่ทางพรรคก้าวไกลเปิดตัว ก็สามารถต่อสู้ในแนวทางประชาธิปไตยของตัวเองต่อไปได้

ขอบคุณในความห่วงใย.. แต่ประเทศไทยเราโอเค“

'กิตติ สิงหาปัด' โพสต์!! รอแถลงการณ์จากพรรคการเมือง หลังก้าวไกลถูกยุบ แต่พรรคอื่นนิ่ง ฟาก 'ชาว X' เมนต์สวนจุกๆ

ไม่นานมานี้ นายกิตติ สิงหาปัด ผู้สื่อข่าว โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์) ระบุว่า...

"การยุบพรรคเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่ดูเหมือนผมยังไม่เห็นแถลงการณ์อย่างเป็นทางการใดๆออกจากพรรค พท./ภจท./พปชร./รทสช./ปชป. ต่อกรณียุบพรรคก้าวไกล หรือสังคมนักการเมืองของไทยเรา ไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติพวกนี้"

หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ ก็มีชาว X เข้ามาคอมเมนต์ในดังกล่าว เช่น...

"เสรีภาพไม่ใช่รึ เค้าจะพูดไม่พูด ก็เรื่องของเขา"

"พรรคหนึ่งทำผิดกม.แล้วถูกยุบก็เรื่องปกติมั้ยคะ? ทำไมพรรคอื่นต้องมีแถลงการณ์ถึงพรรคนั้นด้วยล่ะ อีกอย่างพรรคที่ถูกยุบๆเพราะกรณีล้มล้างการปกครอง พรรคอื่นจะแถลงการณ์ถึงเพื่อ?!"

"เวลาคุณขับรถบนถนน แล้วทำผิดกฎจราจร เพื่อจะได้แซงคนอื่นๆ เพื่อให้ไปเร็วขึ้น ผู้โดยสารนั่งในรถ ดีใจกันใหญ่ ฉันถึงที่หมายคนแรก ชนะแล้ว แต่มันมีด่านตำรวจดักจับอยู่ แล้วคนอื่นที่ขับตามมาเห็น คุณกำลังโดนใบสั่ง คุณคิดยังไง สมน้ำหน้าไงคะ แล้วเยาะเย้ยกลับด้วย พี่เคยโดนมาแล้ว พี่รู้ดี"

"แล้วตอนที่ พรรคไทยรักไทย / พรรคพลังประชาชน / พรรคไทยรักษาชาติ ถูกยุบ มีพรรคฝ่ายตรงข้ามออกมาแถลงการณ์อะไรมั้ยครับ? แม้แต่สื่อมวลชน อย่างพวกคุณยังแสดงออกชัดเจนว่าสมน้ำหน้าที่ถูกยุบด้วยซ้ำ"

"ถามว่าก่อนจะโดน...ทุกพรรคเตือนแล้วเคยฟังมั้ยล่ะ นอกจากมั่นหน้ากันแล้ว ยังดูถูกคนอื่นว่าเค้าไม่แน่จริงเท่าตัวเอง ถ้าคิดว่าอยากให้มีแถลงการณ์ก็ออกเองเลยค่ะ จะเห็นอกเห็นใจก็ตามสบาย ว่างๆ ก็ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคใหม่ที่เพิ่งตั้งเลย ทำตัวเองทั้งนั้นเวลาเดือดร้อนจะให้คนอื่นซวยไปด้วย ตลก"

"ไม่รู้กฎหมายเหรอคะ ศาลตัดสินแล้วก็จบ จะไปวิจารณ์อะไร แล้วนี่ก็ไปตั้งพรรคใหม่ชื่นมื่น ยักไหล่แล้วไปต่อ จะไปอะไรเขาคะ"

"คุณกิตติมีแถลงการณ์หรือความเห็นยังไงกรณีที่สื่อมวลชนผู้ประกาศข่าวร่วมอาชีพเดียวกันโดนคดีทุจริตจนต้องติดคุกแล้วก็ยังออกมาทำหน้าที่สื่อเหมือนเดิมในองค์กรสื่อเดียวกันกับคุณกิตติครับ ขอความเห็นในฐานะสื่อที่ทำข่าวเรื่องการทุจริตอย่างสม่ำเสมอครับ???"

"จะให้พรรคที่กล่าวอ้างแถลงการณ์อย่างไร เมื่อผู้นำพรรค / สส. ก็แสดงความเสียใจและไม่เห็นด้วย แต่กลับถูกบรรดาด้อมส้มไปไล่ด่าพวกเขาเสียๆ หายๆ คุณกิตติทราบไหม"

"มันจะคล้าย ๆ กับที่ก้าวไกลเองก็ไม่ได้แสดงความออกใดๆ ในวันสำคัญของชาติเหมือนพรรคอื่นๆ นั้นละครับ"

"อยากถามกลับว่า จะแถลงการณ์เพื่ออะไร ถ้าคุณคิดตามหลักกฎหมายจริงๆ และสิ่งที่เกิดขึ้น คิดแบบไม่เข้าข้างใครเลยนะ แบบเป็นกลางสุดๆ พรรคก้าวไกล สมควรถูกยุบ และยุบถูกต้องแล้ว ถามหาแถลงการณ์? จริยธรรมที่ควรมีในพรรคก้าวไกล หมิ่นเบื้องสูง ลากสถาบันลงมาเล่นสนุก ดูหมิ่น ควรแล้วหรือ #อย่าบิด!!"

'อ.หริรักษ์' ชี้!! หากกฎหมายยุบพรรคการเมืองเป็นการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย การแก้ไข 112 ตามมุม 44 สส. ก็เป็นการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์

เมื่อวานนี้ (9 ส.ค.67) รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr โดยระบุว่า ในคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ศาลรัฐธรรมนูญตอบข้อโต้แย้งทั้งหมดของพรรคก้าวไกล และดูเหมือนศาลรัฐธรรมนูญจะให้ความสำคัญต่อกรณีที่ สส.พรรคก้าวไกล 44 คนเข้าชื่อกันขอแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564 ว่าเป็นเจตนาที่จะเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสำคัญ

ใครที่คิดว่าเป็นการดำเนินการตามกระบวนการนิติบัญญัติธรรมดา ต้องไปอ่านรายละเอียดเสียก่อนว่า เนื้อหาเป็นอย่างไร

ถ้าบอกว่ากฎหมายที่ให้มีการยุบพรรคการเมืองได้เป็นการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย การแก้ไขมาตรา 112 ตามแนวทางของสส.44 คน ก็เป็นการยิ่งกว่าบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์เสียอีก เพราะไปยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งผู้ที่หมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ มีโทษจำคุก 3 ถึง 15 ปี ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล มาเป็นดังนี้

มาตรา 135/5 ผู้ใดดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 135/6 ผู้ใดดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระราชินี องค์รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 135/7 ผู้ใดติชม หรือแสดงความคิดเห็น หรือแสดงข้อความใดโดยสุจริต เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อธำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ผู้นั้นไม่มีความผิดตามมาตรา 135/5 และมาตรา 135/6

มาตรา 135/8 ความผิดฐานในลักษณะนี้ ถ้าผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด พิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าผิดนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ หากข้อที่กล่าวหาที่ว่าเป็นความผิดนั้น เป็นเรื่องความเป็นอยู่ส่วนพระองค์หรือความเป็นอยู่ส่วนตัว แล้วแต่กรณี และการพิสูจน์นั้นไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน

มาตรา 135/9 ความผิดในลักษณะนี้เป็นความผิดอันยอมความได้
ให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหายในความผิดเกี่ยวกับพระเกียรติของพระมหากษัตริย์...........

ข้อสรุปที่สำคัญคือ
1. โทษจำคุกสูงสุดของผู้ที่ดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์คือ 1 ปี หรือจะเสียค่าปรับ 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล เป็นการลดโทษลงมาให้เหลือเท่ากับการหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา และจำคุก 6 เดือน หรือปรับสองแสนบาทสำหรับ พระราชินี องค์รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งต่ำกว่าโทษจำคุกบุคคลธรรมดา
2. หากติชมหรือแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ไม่มีความผิด
3. หากพิสูจน์ได้ว่า สิ่งที่หมิ่นประมาท เป็นความจริง ไม่ต้องรับโทษ
4. ยอมความได้ เพราะเอาออกจากหมวดความมั่นคง
5. ให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์ และเป็นผู้เสียหายแทน

อย่างนี้จะไม่เรียกว่า ‘เซาะกร่อนบ่อนทำลาย’ สถาบันพระมหากษัตริย์แล้วจะเรียกว่าอะไร โทษจำคุกเพียง 1 ปี หรือน้อยกว่า เสียค่าปรับเอาก็ได้ ยอมความก็ได้ หรือไม่มีความผิด ไม่ต้องรับโทษ ก็เป็นไปได้

ถ้าให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์ สำนักพระราชวังต้องใช้เจ้าหน้าที่กี่คนจึงจะปฏิบัติงานนี้ให้ได้ผลได้ เพราะเหตุนี้ประธานรัฐสภาจึงไม่กล้าบรรจุเข้าวาระการประชุม และอย่าได้อ้างว่าเป็นการกระทำของปัจเจกบุคคล ไม่ใช่เป็นการกระทำของพรรค เพราะการอ้างแบบนี้เป็นการอ้างแบบศรีธนญชัย ซึ่งใครๆก็มองออก และแท้ที่จริงแล้วต้องการยกเลิกมาตรา 112 แต่เห็นว่าเป็นไปได้ยาก จึงจะแก้ไขให้มีผลใกล้เคียงกับการยกเลิกมากที่สุด

การดิ้นรนต่อสู้ด้วยการอ้าง 14 ล้านเสียงที่เลือกมา ต้องบอกด้วยว่าใน 14 ล้านเสียงที่เลือกมา มีกี่ล้านเสียงที่เลือกไม่ใช่เพราะต้องการให้ไปแก้หรือยกเลิกมาตรา 112 มีจำนวนมากที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพรรคก้าวไกลจะทำแบบนี้ แต่เลือกเพราะอยากให้โอกาสคนหนุ่มสาวบ้างโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าหนุ่มสาวพวกนี้จะไปทำอะไรต่อประเทศ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์บ้าง และมีกี่ล้านเสียงที่เลือกเพราะไม่ต้องการให้มีการเกณฑ์ทหาร เลือกเพราะต้องการค่าแรงขั้นต่ำวันละ 450 บาท เลือกเพราะต้องการเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 3,000 บาท สารพัดเหตุผล การที่ประชาชนเลือกพรรคก้าวไกล ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเลือกให้แล้ว จะไปทำอะไรก็ได้ ทำผิดกฎหมายก็ได้

การดิ้นรน การประกาศโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ การประกาศยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อในรูปแบบเดิม หมายถึงการที่จะต้องเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์ในแบบที่พรรคก้าวไกลต้องการให้ได้ และการที่สถานทูตฝั่งตะวันตก 18 ประเทศ การแถลงการณ์ของสหรัฐอเมริกา องค์การสหประชาชาติ องค์กรเอกชนที่เป็นแนวร่วม ตลอดจนสำนักข่าวฝั่งตะวันตก ต่างออกมาประสานเสียงว่า การยุบพรรคก้าวไกลเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย ยิ่งทำให้น่าเชื่อได้ว่า พรรคก้าวไกลกับประเทศเหล่านี้ มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน และน่าจะมีวาระหรือ agenda บางอย่างต่อประเทศไทย การยุบพรรคก้าวไกลอาจเป็นการขัดขวางวาระหรือ agenda นั้น ไม่ให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการก็ได้

ขอให้ข้อมูลว่า นาย Ben Cardin วุฒิสมาชิกของสหรัฐอเมริกา ที่ส่งหนังสือถึงรัฐบาลไทย แสดงความกังวลเรื่องการวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นวุฒิสมาชิกที่พยายามยื่นให้มีการแก้ไขกฎหมายที่ห้ามไม่ให้ใครก็ตามกล่าวหา หรือโจมตีประเทศอิสราเอล ซึ่งมีการบังคับใช้อยู่ใน 38 รัฐในสหรัฐอเมริกา ให้กำหนดโทษเป็นคดีอาญาโดยให้ผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก แต่ยังไม่สำเร็จ

ต้องขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยด้วยความไม่หวั่นไหวต่อการกดดันของพรรคก้าวไกลและแนวร่วมที่มีชื่อเสียงหลายคน จากเหตุผลและข้อมูลข้างต้น การตัดสินใจของศาลรัฐธรรมนูญนับเป็นผลดีต่อประเทศชาติ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ต้องห่วงว่าการยุบพรรคก้าวไกลจะทำให้คนที่สนับสนุนโกรธแค้นจนไประเบิดในคูหาเลือกตั้งครั้งต่อๆไปอย่างที่อดีตหัวหน้าพรรคประกาศ เพราะความจริงได้รับการเปิดเผยมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่ายังมีคนที่ยังมองไม่เห็นอีกไม่น้อย แต่รับรองว่าไม่ใช่ตายสิบเกิดแสนอย่างที่คุยโม้กัน

สำหรับสส. 44 คนของพรรคก้าวไกลที่เข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็ขอให้โชคดี เพราะพวกคุณต้องการคำนี้มากกว่าใครๆในขณะนี้

‘สมชัย’ แจงใช้ชื่อ ‘พรรคประชาชน’ ได้ เพราะชื่อนี้ไม่มีใครใช้มาเกิน 20 ปีแล้ว ส่วนเงินของ ‘พรรคก้าวไกล’ จะถูกโยกไปให้ ‘มูลนิธิพัฒนาเยาวชนและคนหนุ่มสาว’

(10 ส.ค.67) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ‘ปั่นไปไหน - สมชัย ศรีสุทธิยากร’ โดยมีข้อความระบุว่า ...

มีคำถามมากมายจากสื่อมาที่ผม ขอตอบทีเดียว (ทำไมไม่รู้จักไปถาม กกต.)

1. ใช้ชื่อพรรคประชาชนได้ไหม เคยเป็นชื่อพรรคการเมืองที่เลิกไปแล้วในอดีต : ทำได้ครับ หากชื่อพรรคนั้นเลิกใช้เกิน 20 ปีไปแล้ว (มาตรา 10 วรรคสอง พ.ร.ป.พรรคการเมือง)
2. โลโก้ สามเหลี่ยมหัวคว่ำ คล้ายพรรคเดิมทำได้ไหม : นายทะเบียนพรรคการเมือง (เลขา กกต.) จะเป็นผู้พิจารณา หากเห็นว่า คล้ายหรือพ้อง ก็จะสั่งให้มีการแก้ไข (มาตรา 18 วรรคสาม พ.ร.ป.พรรค ฯ)

3. ทำไม กรรมการบริหารพรรคมีแค่ 5 คน : จำนวนต่ำสุดที่ระบุในกฎหมายพรรคการเมืองคือ 5 คน แต่ต้องสอดคล้องกับข้อบังคับพรรคด้วย (มาตรา 21 วรรคสอง พ.ร.ป.พรรค ฯ)
4. ค่าสมาชิกตลอดชีพ เมื่อก่อน 2,000 ตอนนี้ ทำไมแค่ 500 บาท : มีการแก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมือง ลดค่าสมาชิก รายปีเป็นไม่น้อยกว่า 20 ปี ตลอดชีพ ไม่น้อยกว่า 200 บาท แต่ต้องให้สอดคล้องกับข้อบังคับพรรค (มาตรา 15(15) และวรรคสี่ ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง)

5. การเปลี่ยนแปลงชื่อพรรค โลโก้พรรค กรรมการบริหารพรรค ทำได้ทันทีหลังมีมติที่ประชุมใหญ่หรือ ไม่ต้องรอให้ กกต. ให้ความเห็นชอบหรือ : กม.ใหม่ มีผลนับแต่วันประชุม แจ้ง กกต.เพื่อทราบเท่านั้น แต่หาก กกต.ตรวจพบภายหลังว่า ไม่เป็นไปตาม กม. ผลการประชุมจะเป็นโมฆะ ต้องจัดประชุมใหม่
6. ทรัพย์สินและเงินในบัญชีของพรรคก้าวไกล หลังจากถูกยุบแล้วไปไหน : กก.บริหารพรรคชุดเดิมต้องส่งรายงานการเงินต่อ กกต.ภายใน 30 วัน หลังจากนั้น สตง. จะตรวจสอบความถูกต้องใน 180 วัน เหลือเท่าไร เป็นขององค์กรสาธารณกุศลที่ระบุในข้อบังคับพรรค สำหรับพรรคก้าวไกล ระบุให้เป็นของมูลนิธิพัฒนาเยาวชนและคนหนุ่มสาว ครับ

เหตุผลชัดๆ ที่ 'ก้าวไกล' ต้องถูกยุบพรรค แบบไม่ต้องไปเสียเวลาโทษศาลฯ แม้ถนัดรักษาฐานเสียง แต่ยังอ่อนหัดในเชิง 'นิติศาสตร์-รัฐศาสตร์'

(10 ส.ค.67) นายนิธิพัฒน์ พันธุ์ธุมจินดา นักธุรกิจ ฟาร์มปลาสวยงาม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Nitipat Bhandhumachinda’ ระบุว่า...

แม้จะมีกระแสโจมตีศาลรัฐธรรมนูญในบริบทของการตัดสินยุบพรรคการเมืองนั้น

แต่ประโยคที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายพรรคกรณีแก้ไขมาตรา ๑๑๒ ที่กล่าวถึงแนวทางของพรรคที่ยืนยันจะแก้ไขมาตราดังกล่าวโดยกล่าวหลักการในอนาคตของพรรคว่า "วิธีการปฏิบัติ เราไม่ประมาท เราต้องกลับมาทบทวนเรียนรู้ในส่วนคำตัดสินศาล และประเด็นกฎหมายต่างๆ"

ซึ่งก็ตีความหมายใต้ช่องไฟ ได้ชัดเจนว่า ที่พรรคตนโดนยุบนั้น ไม่ได้มาจากฝีมือใคร แต่มาจากเหตุผลเดียวคือ...

อ่อนอิ๊บอ๋ายในเชิงนิติศาสตร์

ก็ไม่ต่างจากตอนที่เสียเหลี่ยมโดนพรรคเพื่อไทย หลอกให้หลุดไปเป็นฝ่ายค้าน ก็ด้วยเหตุผลเดียวเลยเช่นกันคือ

กระจอกฉัดๆ ในเชิงรัฐศาสตร์

ส่วนที่ยังสามารถรักษาฐานเสียงของตนไว้ได้ ก็ด้วยเหตุผลง่ายๆ เลยว่า...

พรรคที่มุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยต่ำกว่าสี่สิบปี

นอกจากพรรคนี้

แล้วมีพรรคไหนอีกไหมหละครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top