‘อรรถวิชช์’ ชี้!! ‘ก้าวไกล’ แก้ ม.112 โดยย้ายออกจากหมวดความมั่นคงฯ เสมือนเป็นการนิรโทษกรรมคดีทั้งหมด-เปิดช่องให้คนหมิ่นสถาบันได้เสรี

(8 ส.ค. 67) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต สส.กรุงเทพฯ โพสต์วิดีโอที่ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ เจาะข่าวเด็ด MONO 29 เมื่อวันที่ 7 ส.ค.67 ลงในบัญชีติ๊กต็อก @atavit ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญพิพากษายุบพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบ ผิดมาตรา 112 ระบุว่า…

“กรณีผมก้าวไกล ผมคิดว่าในขณะนั้นมีคนเตือนหลายท่านแล้วว่าการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 หากจะลดโทษก็ไปแก้ไขเรื่องบทลงโทษ ให้อยู่มาตราไหนก็อยู่มาตรานั้น แต่ลักษณะการแก้ของก้าวไกลเป็นการแก้แบบยกเลิก ย้ายหมวดจากหมวดความมั่นคงแห่งรัฐ ออกมาเป็นหมวดเหมือนหมิ่นประมาททั่วไป…

“ทำให้มาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญาก็สิ้นสลายหายไป คนที่ชุมนุมอยู่ก็ชุมนุมต่อ ที่เคยพูดได้ หมิ่นได้ก็หมิ่นได้ต่อ ไม่ผิด มาตรา 112 อีกต่อไปแล้ว ส่วนที่ติดอยู่ในคุกก็ต้องออกมายุติการดําเนินคดี ก็จะเป็นการนิรโทษกรรมคดีทั้งหมดที่ดําเนินอยู่”

นายอรรถวิชช์ กล่าวต่อว่า หากแก้ปกติจะไม่เป็นอะไร เช่น บทลงโทษ 3-15 ปี ทางก้าวไกลบอกจะแก้ให้เหลือ 1 ปี ก็ถือเป็นสิทธิ์ของพรรคการเมือง หรือหากจะพูดคุยในสภาก็พูดได้ ฉะนั้นศาลรัฐธรรมนูญจึงออกมาเบรกว่า “แก้ได้ในสภานะ แต่เอามาหาเสียงทําแคมเปญไม่ได้” การกระทำของก้าวไกลไม่ใช่การแก้ไข แต่เป็นการยกเลิก แล้วไปกําหนดโทษให้เบาลงในมาตราอื่น

ตั้งแต่เลือกตั้งก้าวไกลได้ 151 สส. และเขาขับสส. 3 คนพ้นพรรคออกไป 2 คนแรกผิดมาตรฐานจริยธรรมของพรรค ส่วนอีกท่านหนึ่งที่ต้องขับออกก็คือ ‘หมออ๋อง’ รองประธานสภา เพราะถ้าไม่ขับออก หมออ๋องเป็นรองประธานสภาไม่ได้ เพราะประธานสภาต้องมาจากพรรครัฐบาลเท่านั้น ก็เหลืออยู่ 148 ถ้าวันนี้ศาลตัดสินว่ายุบก้าวไกล สส. ก็จะหายไปอีก 5 คน จะเหลือ 143 ถ้าเกิดกรรมการบริหารพรรคโดนยุบวันนี้ (7 ส.ค.) ต้องไปดูคําพิพากษาไส้ในอีกว่ามันจะมีผลกระทบระลอก 2 หรือเปล่า เพราะตอนที่ก้าวไกลเขาเสนอยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 ในขณะนั้น มี สส.ปัจจุบันในสภาที่สังกัดพรรคก้าวไกลอีก 30 คน ถ้าหากมีใครไปร้อง ปปช. ต่อเนื่อง และมีการนําสืบต่อ สส. 30 คนของก้าวไกลก็อาจจะต้องถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ไปอีก ก็จะเหลืออยู่ 113 แต่คงไม่เร็ว ๆ นี้ 

นายอรรถวิชช์ เสริมต่อว่า เป็นบทเรียนสําคัญของการเมืองและก็เป็นบทเรียนสําคัญสำหรับก้าวไกล และผมก็เชื่อว่า สส. ต้องใช้เวลาภายใน 60 วันไปหาพรรคใหม่ ถ้าเขาย้ายทั้งแพ็กไปอยู่พรรคใหม่ โอกาสของพรรคและอนาคตทางการเมืองก็ยังมี และไม่แน่ อาจจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำไป และจะเป็นการเรียนรู้หนึ่งเรื่องว่า ‘อะไรควร’ หรือ ‘อะไรไม่ควร’


ที่มา: atavit (TikTok @atavit)