Saturday, 18 May 2024
พรรคก้าวไกล

‘ก้าวไกล’ ย้ำ!! ไม่รับมาตราเกี่ยวข้องสูตรหาร 500 อัด 2 ลุงตัวปัญหา กลับไปมาเพื่อประโยชน์ตัวเอง

พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การประชุมรัฐสภาวันนี้จะเป็นการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม ที่เหลืออีกไม่กี่มาตรา จากนั้นจะเป็นการพิจารณา ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งเป็นการพิจารณาต่อเนื่องจากที่ประชุมรัฐสภาครั้งก่อนที่ได้มีมติแก้ไข มาตรา 23 เรื่องสูตรการคำนวน ส.ส.เป็นหาร 500 จนเกิดเรื่อง ส.ส.พึงมีขึ้นมา และวันนี้ก็จะมีการพิจารณาต่อเนื่องจากที่ กมธ.ได้เอาไปแก้ไขมาตราที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตราที่ 24/1 หรือ มาตรา 26 เป็นต้น ซึ่งพรรคก้าวไกลเราจะทำหน้าที่ของเรา โดยการเข้าประชุมและจะแสดงจุดยืนว่า เราไม่สามารถที่จะเห็นด้วยกับมาตราที่เกี่ยวข้องกับที่มีการแก้ไข มาตรา 23 เป็นแบบหาร 500 โดยจะร่วมลงมติไม่เห็นด้วยกับใน 2 มาตราที่เกี่ยวเนื่องดังกล่าว และจะอยู่ร่วมพิจารณาต่อเนื่องในมาตราอื่น ๆ ต่อไป ทั้งนี้เราเห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมานั้น ไม่ได้เปิดโอกาสให้คำนวนแบบหาร 500 ได้ ดังนั้น มาตราที่เกี่ยวข้องเราก็คงไม่เห็นด้วย ส่วนบางมาตราก็จะเป็นการงดออกเสียงไป

"กรณีเรื่องสูตรการคำนวนนั้น สังคมให้ความสนใจกันมากและตั้งคำถามเยอะมาก ซึ่งผมอยากชวนคิดว่า ทั้งหมดของปัญหานี้ก็เกิดมาจาก 2 ลุง คือ ลุงตู่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และลุงป้อม ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ตอนแรกจะเอาหาร 100 แล้วก็มาเปลี่ยนใจกลับในสิ่งซึ่งเป็นร่างที่คณะรัฐมนตรีเสนอเสียเอง มาเป็นหาร 500 แล้วพอถึงวันนี้ ก็จะกลับไปเอาหาร100 อีกแล้ว ทั้งหมดเป็นสมการทางการเมืองที่ต้องคำถามว่าประชาชนอยู่ตรงไหน แทนที่เราจะแก้ไขระบบเลือกตั้งเพื่อให้เป็นการแก้โจทย์การเมืองของประเทศ หรือเพื่อแก้ไขระบบเลือกตั้งเพื่อให้ได้จำนวน ส.ส.ในสภาที่สะท้อนเสียงของผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งมากที่สุด กลับไม่เป็นแบบนั้น กลับเป็นการแก้เพื่อให้ตนเองได้อยู่ในอำนาจ เพื่อให้มั่นใจว่าตนเองจะได้เปรียบทางการเมือง

'ศิริกัญญา' ชำแหละ!! รัฐบาลเอื้อทุนผูกขาด ยกดีลควบรวม 'ทรู-ดีแทค' รัฐไม่ทำอะไรเลย

'ศิริกัญญา' ร่ายยาวชำแหละรัฐบาลเอื้อทุนผูกขาด ถามรัฐบาลทำเต็มที่แล้วหรือยัง ป้องกันดีลควบรวมผูกขาดทรู-ดีแทค ทำค่าบริการพุ่ง ประชาชนสงสัยไม่ทำอะไรเลย เพราะท่านได้ประโยชน์จากดีลนี้ใช่หรือไม่

ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีเศรษฐกิจผูกขาด โดยมีชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) เป็นผู้ตอบแทน พล.อ.ประยุทธ์

โดย ศิริกัญญา เกริ่นนำว่า ระบบผูกขาดเกิดขึ้นในเศรษฐกิจไทย ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะหลังวิกฤตโควิด สิ่งนี้จะเป็นตัวฉุดรั้งการพัฒนาประเทศ โดย 8 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ส่งเสริมให้กลุ่มเจ้าสัวที่รวยสุดของประเทศ 50 รายแรก รวยขึ้น 2 ล้านล้านบาท แต่ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์เช่นเดียวกัน ก็ทำให้หนี้ครัวเรือนของประชาชนเพิ่มสูงขึ้นถึง 4.6 ล้านล้านบาท เท่ากับประชาชนรายได้ลด แต่หนี้เพิ่มไม่หยุด

"ถ้าความร่ำรวยของเจ้าสัวเหล่านี้ เกิดขึ้นจากความสามารถเก่งกาจจะไม่ว่าอะไรสักคำเลย แต่ความร่ำรวยที่เกิดขึ้นจากการผูกขาดโดยการเอื้อประโยชน์ของรัฐนั้น เท่ากับว่าเงินที่หายไปจากกระเป๋าประชาชนได้ถูกถ่ายเทไปเป็นความร่ำรวยของนายทุน แถมตลอดการดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ก็มีแนวโน้มเอื้อทุนใหญ่มาโดยตลอด" ศิริกัญญากล่าว

โดยศิริกัญญายกตัวอย่างการเอื้อกลุ่มทุนใหญ่-ทุนผูกขาด ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้แก่...

- ยืดหนี้ให้กลุ่มทุนโทรคมนาคมจ่ายค่าประมูลคลื่น 4G ดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 10 ปี จนรัฐเสียหาย เอกชนฟันผลประโยชน์ไป 2 หมื่นล้านบาท
- อุ้มเอกชนที่ผูกขาด Duty Free โดยแก้สัญญาสัมปทานแบบด่วนทันใจก่อนช่วยประชาชนเสียอีก ทั้งลดค่าสัมปทานและยืดอายุ จนรัฐเสียผลประโยชน์หลายพันล้านบาท
- อ้างโควิดเช่นกัน ในการยอมให้แก้ไขสัญญาสัมปทาน PPP รถไฟฟ้าความเร็วสูง 3 สนามบิน ยอมให้ผ่อนจ่ายค่าสิทธิ์บริหารจัดการ Airport Rail Link แบบดอกเบี้ยแสนถูก ให้รัฐบาลสมทบทุนเร็วขึ้นเพื่อช่วยออกค่าก่อสร้างแทนที่จะไปออกเงินตอนก่อสร้างเสร็จแล้ว
- รัฐบาลยังปล่อยให้มีการควบรวมห้างค้าปลีก-ร้านสะดวกซื้อ ทำให้เพิ่มการผูกขาดในตลาดมากขึ้น ทำให้ประชาชนหมดทางเลือก
- กรณีล่าสุด ควบรวมทรู-ดีแทค จะผูกขาดขั้นสุด ประชาชนต้องแบกรับค่าบริการ กระทบค่าครองชีพให้มากขึ้นไปอีก แต่ก็ยังมีรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ออกมาพูดจาสนับสนุนการควบรวมครั้งนี้ว่าเป็นสิทธิ์ของเอกชน
- ล่าสุดของล่าสุด การขออนุญาตควบรวมกิจการอินเตอร์เน็ต AIS-3BB

ศิริกัญญาจึงตั้งคำถามว่า ตกลงแล้วรัฐบาลชุดนี้คิดว่ามีปัญหาการผูกขาดในเศรษฐกิจหรือไม่?

แล้วรัฐบาลนี้นโยบายป้องกันการผูกขาดและส่งเสริมการค้าที่เป็นธรรมบ้างหรือไม่? ถ้ามี คืออะไร เป็นอย่างไรบ้าง ท่านคิดว่าทำดีพอแล้วหรือยัง? เป็นธรรมต่อ SMEs และประชาชนผู้บริโภคที่ควรจะเป็นรากฐานสำคัญในระบบเศรษฐกิจของประเทศนี้แล้วหรือยัง?

ศิริกัญญา เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม ว่าแต่เดิมค่าบริการโทรศัพท์มือถือของคนไทยก็สูงอยู่แล้วแม้ว่าจะมีหน่วยงานกำกับดูแลอยู่ก็ตาม ตัวเลขจาก Internation Telecommunication Union (ITU) เปิดเผยว่าสำหรับแพคเกจใช้น้อย อยู่อันดับที่ 111  ส่วนแพคเกจใช้มาก อยู่อันดับที่ 87 จาก 182 ประเทศ ถ้าหากการควบรวมครั้งนี้สำเร็จก็จะยิ่งซ้ำเติมปัญหาเข้าไปอีก

เมื่อดูเฉพาะอินเตอร์เน็ต ถ้าเราอยากส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลให้เกิดขึ้นจริง ค่าบริหารก็จะต้องไม่แพง เพื่อส่งเสริมทั้งฝั่งผู้ประกอบการและผู้บริโภค แต่ปรากฏว่าเมื่อเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำ คนไทยต้องทำงาน 2 วันเพื่อจ่ายค่าอินเตอร์เน็ตรายเดือน ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ทำงาน 1 วัน หรือน้อยกว่านั้น

สำหรับผลการศึกษาการควบรวมครั้งนี้ออกมาแล้วจาก 5 หน่วยงาน ทั้งจากหน่วยงานที่ทรู-ดีแทค จ้างศึกษา มีทั้งสถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา รวมถึงคณะอนุกรรมการของ กสทช. เอง ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าขั้นต่ำคือ 10% แต่ถ้าการควบรวมนี้มีการฮั้วกันก็จะทำให้ค่าบริการยิ่งแพงขึ้นไปอีก โดยคณะอนุกรรมการของ กสทช. เองศึกษาแล้วพบว่าค่าบริการจะพุ่งสูงขึ้นถึง 49-200% หมายความว่าถ้าทุกวันนี้เราจ่ายค่ามือถือและอินเตอร์เน็ตอยู่ 100 บาท อาจจะต้องจ่าย 150-300 บาท แบบนี้กระทบค่าครองชีพประชาชนอย่างเต็มที่ ซ้ำเติมเงินเฟ้อที่ยังขึ้นไม่หยุดด้วย แล้วประชาชนและธุรกิจดิจิทัลเหล่านี้จะพัฒนากันต่อได้อย่างไร

ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ตนเองทราบดีว่าเป็นหน้าที่กำกับดูแลโดย กสทช. แต่ในฐานะรัฐบาล ท่านได้ศึกษาประเมินบ้างหรือไม่ว่ามูลค่าความเสียหายของเศรษฐกิจดิจิทัลจะอยู่ที่กี่พันล้านบาท งานของประชาชนคนไทยจะหายไปกี่ตำแหน่ง และถ้าผลกระทบมากขนาดนี้ ท่านคิดว่ากฎหมาย กฎระเบียบ ประกาศ ที่มีอยู่นั้นพอหรือไม่ที่จำเยียวยาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหรือไม่

"ดังนั้น เรายังไม่มีความเชื่อใจ มั่นใจ ว่า กสทช. จะกำกับราคาได้เลย วันนี้เราหวังว่าให้ควบรวมไปก่อนแล้วค่อยไปกำกับดูแลราคาทีหลัง มันไม่ได้!"

'ก้าวไกล' ลงพื้นที่ฟังปัญหาที่ดินปชช. จ.ขอนแก่น 'โรม' ลั่น!! ถ้าเป็นรบ. จะแก้ปัญหาที่ดินทั่วประเทศ

พรรคก้าวไกล นำโดยรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรค, อภิชาติ ศิริสุนทร ประธาน กมธ. ที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมด้วย ส.ส.และทีมโฆษกพรรคก้าวไกล เข้าไปรับฟังปัญหาชาวบ้านชุมชนมิตรภาพ ริมทางรถไฟ อ.เมือง จ.ขอนแก่น พบคุณภาพชีวิตประชาชนถูกทอดทิ้ง อนาคตในที่อยู่อาศัยยังไม่แน่นอนจากการไล่รื้อก่อสร้างรถไฟทางคู่ เตรียมนำเรื่องแก้ปัญหาผ่านกรรมาธิการที่ดิน

ตัวแทนประชาชนชุมชนมิตรภาพได้กล่าวถึงสภาพความเป็นอยู่ในชุมชนว่า ชุมชนมิตรภาพริมทางรถไฟ จ.ขอนแก่น เป็นชุมชนยาว มีประมาณ 160 ครัวเรือน ประชากรประมาณ 500 คน ชาวบ้านอยู่บนที่ดินการรถไฟมาแล้ว 30-40 ปี แต่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไปเป็นแรงงานนอกระบบในเมือง

“ปัญหาสภาพความเป็นอยู่ที่ชาวบ้านต้องเจอมีมากมายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมซ้ำซากจากการอยู่ในที่ดินริมคลองประตูระบายน้ำ การตกงานและขาดรายได้ในช่วงโควิด ต้องจ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟแพงกว่าที่ควรจะเป็นเพราะต้องต่อหม้อแปลงข้างนอกเข้ามา และในตอนนี้ยังมีความไม่แน่นอนในสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจากความเสี่ยงถูกไล่รื้อเพื่อนำที่ดินไปก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง”

“ปัญหาสิทธิเหนือที่ดินคือหัวใจสำคัญที่จุดเริ่มต้นของคุณภาพชีวิตประชาชนในด้านอื่นๆ เราต้องเลิกมองว่าประชาชนที่อยู่อาศัยตามแนวที่ดินรถไฟเป็นผู้บุกรุก แต่ควรพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกันให้ชาวบ้านโดยเฉพาะกลุ่มที่ยากจนที่สุดที่ถ้าโดนไล่รื้อจะเสี่ยงเป็นคนไร้บ้านให้มีทางออกที่เหมาะสม” อภิชาติ กล่าว

'ก้าวไกล' ร่วมมือภาคประชาสังคม ทำหมัน 'หมา-แมว' จรจัดทั่วกรุง

มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับมูลนิธิพิทักษ์อนาคต และสำนักงานปศุสัตว์พื้นที่กรุงเทพมหานคร จัดกิจกรรมทำหมัน ฉีดวัคซีนให้สุนัขและแมวฟรี 100 ตัว ในวันนี้เป็นพื้นที่เขตบางขุนเทียน โดยมี ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.เขตบางขุนเทียน นิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อสัดส่วนสิ่งแวดล้อม และวิโรจน์ ลักขณาอดิศร พรรคก้าวไกล ร่วมสังเกตการณ์ โดยณัฐชากล่าวว่าในพื้นที่บางขุนเทียนมีทั้งสุนัขและแมวจรจัด บ่อยครั้งที่ปัญหาการควบคุมการเกิดของสัตว์เหล่านี้ไม่ได้ส่งผลต่อคนที่อาศัยในชุมชน การทำหมันหมาแมวจรจัดสามารถลดปัญหาโรคระบาดจากสัตว์สู่คนและสามารถเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดการชุมชนให้น่าอยู่

นิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขณะนี้ตนและคณะทำงานสิ่งแวดล้อมของพรรคก้าวไกลได้ศึกษาและเตรียมพร้อมที่จะนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้อาหารสัตว์จรจัดในชุมชนเพื่อลดภาระให้แก่ประชาชนและยุติปัญหาการให้อาหารสัตว์จรจัดไม่เป็นที่เป็นทางเพื่อให้ชุมชนมีสุขอนามัยที่ดีเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมให้แก่ทั้งคนและสัตว์ในพื้นที่ต่างๆ ด้วย

ด้าน วิโรจน์ ลักขณาอดิศร กล่าวเพิ่มเติมว่าที่ผ่านมากรุงเทพมหานคร มีงบประมาณในการทำหมันสุนัขและแมวแต่งบประมาณไปเจาะจงที่สุนัขเลี้ยง ทำให้ปัญหาการควบคุมจำนวน สุนัขและแมวจรจัดยังไม่ถูกแก้ ไข วันนี้ทางส.ส.เขตบางขุนเทียนและมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม มูลนิธิพิทักษ์อนาคตมูลนิธิได้เข้ามาทำหมันหมาแมวจร โดยเริ่มต้นที่เขตบางขุนเทียน  และโครงการดังกล่าวจะไปยังเขตต่างๆทั่วกรุงเทพฯ เพราะปัจจุบัน สุนัขและแมวจรในกรุงเทพมามากกว่า 250,000 ตัว ดังนั้นโครงการนี้จะสามารถยุติวงจรการเกิดของสุนัขและแมวจรจัดได้

'พิธา' ถาม 'บิ๊กตู่' เรียกตัวเองเป็นนายกฯ มากี่ปี ซัด!! หากมีจิตสำนึก เรื่องคงไม่ถึงศาลรธน.

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีเสียงวิจารณ์การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หากนับตั้งแต่ปี 2560 ก็จะสามารถดำรงตำแหน่งได้อีก 2 ปี ว่า

ตอนนี้แบ่งเป็น 3 แพร่ง คือ ปี 57 ปี 60 และปี 62 แต่ที่ดูกฎหมาย คิดว่าเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากปี 57 มันไม่ได้เป็นเรื่องของกฎหมายย้อนหลังหรือไม่ แต่เป็นเรื่องของความต่อเนื่องของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่บันทึกไว้ในบทเฉพาะการชัดเจน ว่า หากเป็นครม.ที่มาก่อนรัฐธรรมนูญนี้ขอให้เป็นครม.ต่อไปซึ่งใช้คำว่า 'เป็น' ไม่ได้ใช้คำว่า 'ทำหน้าที่' หรือคิดว่าเป็น แต่ใช้คำว่า 'เป็นเลย'

โดยกฎหมายจะย้อนหลังหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นกฎหมายอาญาหรือกฎหมายมหาชน และนี้เรื่องของกฎหมายมหาชน ก็จะต้องตีความว่าการกระทำแบบนี้เป็นการคุ้มครองหรือการควบคู่ หากเป็นการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชนก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่หากเป็นการควบคุมจำกัดจากการใช้อำนาจของรัฐก็เป็นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

‘ไอติม’ ชำแหละงบปี 66 ยังไม่ตอบโจทย์ ชี้ชัด กระจุกตัวแค่บางจังหวัดที่เป็นรัฐมนตรี

กมธ. งบฯ สัดส่วนก้าวไกล อภิปรายขอตัดลดงบปี 66 ชี้ไม่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งระยะสั้นและระยะยาวของประเทศ ด้าน “ไอติม” ตั้งข้อสังเกต งบถนนและปรับปรุงแหล่งน้ำ กระจายให้จังหวัดของรัฐมนตรีคมนาคม และรัฐมนตรีเกษตรฯ มากกว่าจังหวัดอื่น สะท้อนการจัดสรรงบเพื่อประโยชน์การเมือง

พริษฐ์ วัชรสินธุ ในฐานะสมาชิกกรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ในสัดส่วนของพรรคก้าวไกล ได้อภิปรายสงวนคำแปรญัตติ ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ในมาตรา 4 ภาพรวม โดยเสนอให้พิจารณาปรับลดงบประมาณของประเทศลง 5%

โดยพริษฐ์ ได้ตั้งข้อสังเกต ว่างบประมาณปี 2566 จำนวน 3.1 ล้านล้านบาท มีลักษณะของการใช้เงินผิดจุด ยังไม่ตอบโจทย์ ไม่จำเป็น และ ไม่เป็นธรรม โดยยกตัวอย่าง โครงการซ่อมแซมถนน และ โครงการปรับปรุงแหล่งน้ำ ซึ่งรวมกันทั้งประเทศแล้วมีสัดส่วนมากกว่า 50% ของงบประมาณลงทุนทั้งหมด ว่ามีความกระจุกตัวในบางจังหวัดอย่างชัดเจน โดยในส่วนของโครงการซ่อมแซมถนนของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท พบว่า 7 จังหวัดที่ได้งบประมาณสูงสุด ได้รับงบประมาณรวมกันเป็นสัดส่วนถึง 25% ของงบประมาณซ่อมแซมถนนทั้งประเทศ ขณะที่โครงการปรับปรุงแหล่งน้ำของกรมชลประทาน 7 จังหวัดที่ได้งบประมาณสูงสุด ได้รับงบประมาณรวมกันถึง 36% ของงบประมาณปรับปรุงแหล่งน้ำของทั้งประเทศ

'วรภพ' ซัด!! ธุรกิจพาณิชย์กองทัพไม่โปร่งใส แนะ!! ตัดงบ 1 หมื่นลบ. สร้างสวัสดิการให้ปชช.

วรภพ วิริยะโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มาตรา 8 งบประมาณกระทรวงกลาโหม มูลค่ากว่า 1.97 แสนล้านบาท โดยเสนอตัดงบ 10 % ในส่วนของเงินนอกงบประมาณที่ไม่อาจตรวจสอบได้ โดยระบุว่า เงินนอกงบประมาณของกองทัพนี้ ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องคือ เงินนอกของนอกงบประมาณ เพราะไม่อยู่ในงบการเงินของกระทรวง เป็นธุรกิจกองทัพพาณิชย์ที่ไม่มีการรายงานและการตรวจสอบใด ๆ เช่น บ่อน้ำมัน สนามกอล์ฟ สนาม้า สนามมวย โรงแรม ปั๊มต่าง ๆ ซึ่งรายได้เหล่านี้ มีแต่คำอ้างว่าเอามาเป็นสวัสดิการกองทัพ แต่คำถามคือเป็นสวัสดิการของใคร นายพล ขุนศึก ศักดินาหรือไม่ และไม่ใช่แค่สภาผู้แทนราษฎรเท่านั้นที่ตรวจสอบไม่ได้ แม้แต่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.ก็ตรวจสอบไม่ได้เช่นกัน และที่ตลกร้ายก็คือ ในการให้คะแนนความโปร่งใสของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ปรากฏว่ากระทรวงกลาโหมทุกหน่วยงานได้คะแนนความโปร่งใสผ่านแบบ 100 %

วรภพ กล่าวว่า สำหรับเงินนอกของนอกงบประมาณ ที่ตรวจสอบพบและมีรายงาน อาทิ บ่อน้ำมัน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งกองทัพขุดกลั่นได้ 86,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งต่อให้เป็นน้ำมันเกรดไม่ดีก็จะมีรายได้ 600 ล้านบาทต่อปี, ในส่วนสนามกอล์ฟ ของกองทัพบกมีจำนวน 36 แห่ง จากการเปิดเผยช่วงที่มีเหตุการณ์กราดยิงที่ จ.นครราชสีมา แล้ว ผบ.ทบ.บอกจะมีการปฏิรูปกองทัพ แต่วันนี้ 3 ปียังไม่มีความคืบหน้า ขณะที่สนามกอล์ฟของกองทัพเรือและกองทัพอากาศ ยังไม่มีรายงาน อย่างไรก็ตาม จากจำนวนที่มีนี้ก็ทำให้น่าตั้งคำถามอย่างยิ่งว่านี่คือกระทรวงกลาโหมหรือกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ เพราะที่ที่มีอยู่ใจกลางเมืองทั้งนั้น แต่พอมาดูรายได้ที่แจ้ง สนามกอล์ฟตรงถนนรามอินทรา ที่ 500 ไร่ แจ้งรายได้เพียง 150 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเมื่อคำนวนออกมาพบว่าสร้างรายได้เพียง 3 แสนบาท ต่อไร่ต่อปีเท่านั้น น้อยมากเมื่อเทียบกับศักยภาพของที่ดิน นอกจากนี้ กองทัพยังมีโรงแรม 5 แห่ง สนามม้า 1 แห่ง สนามมวย 1 แห่ง ซึ่งรายได้รวม ๆ 300 ล้านบาทต่อปี ปั๊มน้ำมันอีกจำนวนมาก รวมถึงที่ดินราชพัสดุซึ่งทั้งประเทศมี 12 ล้านไร่ แต่อยู่ในครอบครองของกองทัพแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง ลองคิดง่ายๆ ถ้าให้เกษตรกรที่ขาดแคลนที่ทำกินเช่า ไร่ละ 1,000 บาท ก็น่าจะมีรายได้กว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งนี่คือมูลค่าที่จะเกิดขึ้นจากที่ดินกองทัพที่ไม่ถูกใช้ประโยชน์

‘อนุทิน’ ปลื้ม!! ‘ภูมิใจไทย’ เนื้อหอม แนวโน้มดี มีแต่คนแห่เข้าร่วมพรรค

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2565 เวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล  รองนายกฯ และ รมว.สาธาณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณี ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยการใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง พ.ศ.2563 ทำให้หลายฝ่ายมองว่าเป็นการเข้าโหมดเลือกตั้งพรรคภูมิใจไทยจะเตรียมพร้อมอย่างไร ว่า ประกาศที่ออกมาเป็นสิ่งย้ำเตือนให้พวกเราตระหนักว่าจะเข้าสู่ฤดูเลือกตั้งแล้ว จะมีข้อกำหนดออกมาว่าอะไรทำได้ไม่ได้ เป็นสิ่งที่ดีออกมาตอกย้ำให้ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรค ระมัดระวัง แม้กระทั่งในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องทราบว่าทำอะไรได้บ้างหรือทำอะไรไม่ได้ในช่วงใกล้ฤดูเลือกตั้ง เมื่อถามว่าระยะเวลา 6-7 เดือนที่เหลือในการเตรียมตัวเลือกตั้งถือว่ามากหรือน้อยไปหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “กำลังดี”

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยเพิ่งประกาศ 93 ว่าที่ผู้สมัครในภาคอีสาน พรรคภูมิใจไทยจะสู้ในพื้นที่ดังกล่าวได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าไปพูดถึงคำว่าต่อสู้เลย เราก็นำเสนอนโยบายของเราด้วยรูปแบบการเลือกตั้ง ยิ่งถ้าสมมุติใช้สูตรเลือกตั้งบัญชีรายชื่อหาร 100 พรรคการเมืองต่าง ๆ ก็ส่งผู้สมัครให้มากที่สุดเท่ากับความสามารถที่มีอยู่เพราะมันก็ชัดเจนว่าจะต้องได้ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย ถ้าเราส่งผู้สมัครส.ส.เขตที่คุ้นเคยกับพื้นที่โอกาสได้ส.ส.บัญชีรายชื่อก็เพิ่มขึ้น ก็ถือเป็นเรื่องปกติที่พรรคการเมืองทุกพรรคจะส่งผู้สมัครที่ดีที่สุดเพื่อให้ได้ส.ส.

'เท่าพิภพ' แนะ!! ทุ่มงบ 20 ล้านจ้างยูทูบเบอร์ดีกว่า เชื่อ!! ก.ท่องเที่ยวทำวิดีโอเอง คนดูไม่ถึงหมื่นแน่

เท่าพิภพ อภิปรายขอตัดงบ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ 20 ล้านทุ่มสร้างแพลตฟอร์มวิดีโอและไลฟ์สตรีมเอง ชี้แค่ทำเซิฟเวอร์ก็ไม่พอแล้ว มั่นใจคนดูไม่ถึงหมื่นแน่นอน แนะจ้างยูทูบเบอร์ยังจะได้ผลมากกว่า

เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล อภิปรายสงวนคำแปรญัตติ การพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วาระ 2 ในมาตรา 11 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยขอตัด 5% ในส่วนของสำนักปลัดการท่องเที่ยวและกีฬา

โดยเท่าพิภพ ระบุว่าโครงการที่มีปัญหา คือโครงการยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย ในส่วนงบรายจ่ายวีดีโอออนดีมานด์และไลฟ์สตรีมมิ่ง ที่มีการตั้งงบประมาณไว้ที่ 20.4 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าทางกรรมาธิการจะได้ตัดออกไป 5 ล้านบาทแล้ว ก็ยังไม่สมเหตุสมผล

เนื่องจากโครงการดังกล่าว ไม่ต่างอะไรกับการสร้างแพลตฟอร์มวีดีโอขึ้นมาเป็นของตัวเอง ใช้ในการโปรโมตการท่องเที่ยวด้วยวีดีโอของตัวเอง แล้วหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาดู ซึ่งเพียงการตั้งโครงการด้วยวิธีคิดเช่นนี้ก็ผิดตั้งแต่ต้นแล้ว เช่น ในการทำเซิฟเวอร์ขึ้นมาเองด้วยงบประมาณเพียง 20 ล้านบาท ย่อมไม่เพียงพอที่จะทำให้แพลตฟอร์มมีประสิทธิภาพได้แน่นอน

'หมอวาโย' ชี้!! งบ 'กรมการข้าว' โตผิดปกติ ซัด!! ใช้งบ 1.5 หมื่นล้านก่อนเลือกตั้ง มีนัยแปลก ๆ

นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) ผู้สงวนความเห็น ร่วมอภิปรายในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 มาตรา 14 งบประมาณกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อขอปรับลดงบประมาณลง 15,260 ล้านบาท ในส่วนโครงการของกรมการข้าว โดยระบุว่า เป็นกรมที่ได้รับงบประมาณโตขึ้นมากถึง 850 % ภายใน 1 ปี ซึ่งจากเดิมได้รับงบ 2,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 17,000 ล้านบาท และเมื่อไปดูว่าเพิ่มตรงไหนก็พบว่ามีโครงการหนึ่งที่ใช้งบประมาณสูงถึง 15,260 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์ว่าจะให้ชาวนาร่วมกันบริหารจัดการเงิน 15,000 ล้านบาท ส่วน 260 ล้านบาทนั้นเป็นเรื่องการจัดการขั้นตอนต่างๆ และนอกจากนี้่ก็มีการตั้ง KPI ไว้ว่าเพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าวให้กับชาวนาที่ร้อยละ 5

นพ.วาโย กล่าวด้วยว่า โครงการนี้ได้รับคำชี้แจงจากอธิบดีกรมการข้าวว่า จะให้เงิน 3 ล้านบาท ให้กับศูนย์ข้าวชุมชน 5,000 แห่ง ซึ่งเมื่อคูณตัวเลขก็จะได้ 15,000 ล้านบาทพอดี แต่ทว่าเมื่อตรวจสอบก็พบว่ามีศูนย์การข้าวชุมชนอยู่จริง ๆ 2,400 แห่ง ต่อมาก็ได้คำตอบจากเอกสารชี้แจงว่าจะตั้งเพิ่มอีก 2,600 แห่ง โดยให้ให้เสร็จในเดือนตุลาคม 2565 ซึ่งก็คืออีกไม่กี่เดือนเท่านั้น คำถามคือจะตั้งทันหรือไม่ นอกจากนี้ ความคลุมเครือนี้ก็ยังมีกรณีที่รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ซึ่งกำกับดูแลกรมการข้าวไม่เคยเห็นโครงการนี้ จึงทำให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบโดยเรียกอธิบดีมาชี้แจง แต่ทว่าอธิบดีก็ไม่เคยมาด้วยตัวเอง มีแต่การชี้แจงด้วยเอกสารเท่านั้น ซึ่งก็ได้รับการชี้แจงว่า โครงการนี้จะมาแทนโครงการเกษตรแปลงใหญ่ที่แจกเงินไร่ละ 1,000 บาท ให้กับเกษตรกรไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาท ทั้งนี้ก็มีคำถามว่า กรมการข้าวก็เคยมีโครงการลักษณะนี้ ตอนนั้นตั้งงบประมาณ 7,275 ล้านบาท ยังดำเนินการได้แค่ 5,762 ล้านบาท และปีนี้บุคลากรเท่าเดิม แต่จะแจกเงิน 5,000 ศูนย์ คือทำงานเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว จะสามารถทำทันได้อย่างไร


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top